ไอโฟนผลิตที่ไหน? ใครเป็นเจ้าของ Apple จริงๆ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ โลกตกใจกับข่าวที่น่าตื่นเต้น - มูลค่าของบริษัท "Bitten Apple" เกิน 7 แสนล้านดอลลาร์ แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด: "นักลงทุนของ Apple และผู้ถือหุ้นใหญ่ Carl Icahn ประเมินมูลค่าหุ้นของบริษัทหนึ่งที่ 216 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าปัจจุบัน 91 ดอลลาร์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ โลกตกใจกับข่าวที่น่าตื่นเต้น - มูลค่าของบริษัท "Bitten Apple" เกิน 7 แสนล้านดอลลาร์

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด:

"นักลงทุนของ Apple และผู้ถือหุ้นรายใหญ่ Carl Icahn ประเมินมูลค่าหุ้นของบริษัทหนึ่งที่ $216 ซึ่งสูงกว่ามูลค่าปัจจุบันของพวกเขา $ 91 จากข้อมูลของ Icahn การใช้อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ของ Apple ควรอยู่ที่ 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ" (RBC)

ละทิ้งความเป็นธรรมของราคาหุ้นที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ และยอมรับว่า Apple เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก มาถามคำถามง่ายๆ แต่ละเอียดอ่อนกัน ใครเป็นเจ้าของบริษัทนี้ในราคาเท่ากับงบประมาณของหลายประเทศในยุโรปรวมกัน?

ดูเหมือนว่าคำพูดจาก RBC จะระบุไว้อย่างชัดเจนและชัดเจนว่าผู้ถือหุ้นหลักคือ Karl Icahn มหาเศรษฐีผู้แปลกประหลาด ฉลามธุรกิจที่ถากถางถากถาง ผู้บุกรุกและนักกรรโชกที่รู้จักกันดี นักวิวาท และอีกมากมาย อันที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ถูกกล่าวถึงในสื่อบ่อยที่สุดในฐานะผู้ถือหุ้นหลักและผู้ทำข่าว นอกจากนี้ยังมี Tim Cook - CEO ของ Apple (คนที่เป็นเกย์อย่างเป็นทางการ) แต่เขาเป็นบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ถือหุ้นนั่นคือเขาไม่ใช่เจ้าของ แต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม หลังจากตรวจสอบสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนแล้ว เราค้นพบข้อเท็จจริงที่น่าทึ่ง - มหาเศรษฐี Carl Icahn ถือหุ้น Apple เพียง 1 (หนึ่ง) เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายเพียงร้อยละหนึ่งก็มหาศาล แต่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในร้อยเท่านั้น! ส่วนที่เหลืออยู่ที่ไหน คำถามไม่ได้ถูกซ่อนไว้ขนาดนั้น แต่ในตัวอย่างของ RBC เดียวกันนั้น ไม่เพียงแต่ปิดบัง แต่ยังปลอมแปลงอย่างเปิดเผยในสื่อด้วย

เป็นการยากที่จะดูข้อมูลที่เปิดเผยและเป็นทางการจากทะเบียนผู้ถือหุ้นหรือไม่? ไม่มีอะไรง่ายไปกว่านี้แล้ว และเราทำเองได้ง่ายๆ:

แนวหน้า กรุ๊ป อิงค์ (เดอะ) 5.68%

สเตท สตรีท คอร์ปอเรชั่น 4.11%

เอฟเอ็มอาร์ แอลแอลซี 3.07%

BlackRock Institutional Trust Company, N.A. 2.72%

ธนาคารแห่งนิวยอร์กเมลลอนคอร์ปอเรชั่น 1.42%

นอร์ทเทิร์น ทรัสต์ คอร์ปอเรชั่น 1.39%

ที่ปรึกษากองทุนแบล็คร็อค 1.21%

อัศจรรย์. เปิดตัว แต่ Carl Icahn ไม่ได้เป็นหนึ่งในสิบผู้ถือหุ้นที่เจ๋งที่สุดใน Apple! ใครคือเจ้าของที่แท้จริงลึกลับเหล่านี้?

ในตอนแรก Vanguard Group - สำหรับผู้อ่านที่ไม่ได้ฝึกหัด และสำหรับนักเศรษฐศาสตร์หลายคน ชื่อนี้ไม่คุ้นเคย แม้ว่าในหนังสืออ้างอิงใดๆ ก็ตาม คุณสามารถค้นหาข้อมูลที่บริษัทควบคุมสินทรัพย์ได้มากถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์ (2, 000 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งแพงกว่า Apple สามเท่า! เหล่านี้เป็นคนที่เจียมเนื้อเจียมตัว อันที่จริง จำนวนสินทรัพย์ภายใต้การควบคุมของพวกเขานั้นมากกว่าหลายเท่า แต่เราจะวิเคราะห์ในภายหลัง

ก่อนดำเนินการอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงสร้างผู้ถือหุ้นและกรรมสิทธิ์ ควรมีการพูดนอกเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ

อุดมคติของประชาธิปไตย (C) และภาพสื่อที่ทำหน้าที่เป็นหน้าจอสำหรับเจ้าของที่แท้จริงไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ว่า บริษัท ที่ใหญ่ที่สุดในโลกทั้งหมดมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ความขัดแย้งที่เห็นได้ชัดนี้จะซ่อนเร้นได้อย่างไร? ทุกอย่างง่ายมาก - คุณต้องสร้างรูปลักษณ์ที่คาดว่าจะมีเจ้าของหลายคน (ผู้ถือหุ้น) และพวกเขาทั้งหมด "แตกต่าง"

อันที่จริง "ปรมาจารย์ของโลก" สามารถมีส่วนได้ส่วนเสีย 5-6% หรือไม่? พวกเสรีนิยมจะหัวเราะเยาะคุณถ้าคุณบอกเขาอย่างนั้น ความจริงที่ว่า "เลวทรามหกเปอร์เซ็นต์" นี้มีมูลค่าสี่สิบถึงห้าหมื่นล้านดอลลาร์ไม่ได้รบกวนใคร - ด้วยแพ็คเกจเจียมเนื้อเจียมตัวที่รับประกันว่าจะทำให้ CEO ของคุณเกิดปัญหาขึ้น การควบคุมเต็มรูปแบบของบริษัทที่มีมูลค่าการซื้อขายหลายแสนล้านดอลลาร์นั้นต้องการ 20% - ไม่มากไปกว่านั้น เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่คู่แข่งจะรวบรวมกระเป๋าที่มีขนาดเกิน 20% (จะมีราคาต่ำกว่า 100 หลา)

และทันใดนั้น คนจีนบางคนจะซื้อหุ้นมากถึงเจ็ดเปอร์เซ็นต์ และพวกเขาจะสามารถดำเนินการทุกอย่างในบริษัทอเมริกันที่ใหญ่ที่สุด?

“สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น!” - ปรมาจารย์ที่แท้จริงของโลกตัดสินใจมานานแล้วและทำประกันตัวเอง

เพื่อให้เข้าใจถึงวิธีที่พวกเขาใช้การควบคุมทั้งหมดและสังเกตการปรากฏตัวของเจ้าของคนเดียว เรากลับไปที่รายชื่อผู้ถือหุ้นของเรา อันดับที่สองคือบริษัท:

State Street Corporation - เป็นเจ้าของ 4.11%

และพวกเขาเป็นใครผู้อ่านทั่วไปจะถาม? และอีกครั้ง google (yahoo) เพื่อช่วยเรา:

http://finance.yahoo.com/q/mh?s=STT+Major+Holders

และใครคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเขา?

1.Massachusetts Financial Services Co (บริษัทประกันของแคนาดา - ใครเป็นเจ้าของสับสน)

2.ราคา (T.Rowe) Associates Inc - 7%

3.Vanguard Group (เราจะไปที่ไหนโดยไม่มีมัน!) - 6%

4. BlackRock (ตาของเขาจะมาเร็ว ๆ นี้!) - 5%

เรามองลึกลงไปว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นของ Price (T.Rowe) Associates Inc

และเราเห็นคนรู้จักเหมือนกันหมด: Vanguard และ BlackRock (จำชื่อนี้ไว้ เจอกันบ่อย เดินจูงมือตัวละครหลักของเรา)

http://finance.yahoo.com/q/mh?s=TRow+Major+Holders

นั่นคือในลักษณะเดียวกันทุกประการ Vanguard สัตว์ประหลาดควบคุมผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองของ Apple! เคล็ดลับง่ายๆ และสต็อกแอปเปิ้ลสิบเปอร์เซ็นต์อยู่ในกระเป๋าของคุณแล้ว แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด!

ในสิบอันดับแรกมีสำนักงานสองแห่งที่มีชื่อคล้ายกัน BlackRock & BlaBla และเป็นครั้งที่สามที่มีการกล่าวถึงชื่อ BlackRock ในผู้ถือหุ้น State Street (อย่างไรก็ตาม Vanguard มีบริษัทในเครือหลายสิบแห่ง - ดังนั้นจึงไม่ใช่ความจริงที่ว่าเราสามารถนับการถือครองทั้งหมดของพวกเขาได้ประมาณ - แม้แต่ที่ใหญ่ที่สุด)

โดยธรรมชาติแล้ว ในบรรดาเจ้าของ BlackRock เราพบว่ามีใบหน้าที่เหมือนกันทั้งหมด:

เราเพิ่มอีกสี่เปอร์เซ็นต์และเราได้รับ 14% ของหุ้น Apple ทั้งหมดที่ถือโดยสำนักงานแห่งเดียว - Vanguard! อีกครั้งนี่ไม่ใช่ทั้งหมด

มีอะไรเหลืออยู่ในหมู่เจ้าของหุ่นจำลองของ Yabluk?

FMR LLC (Fidelity Management and Research), Fidelity Investments ในทำนองเดียวกัน เราจะพบชื่อที่เหมือนกันทุกประการในหมู่ผู้ถือหุ้น: Blackrock, Vanguard, State Street และอื่นๆ

นั่นคือ Fidelity ถูกควบคุมโดย Vanguard Group อีกครั้ง!

รวม: "เจียมเนื้อเจียมตัว" 17% ในกระปุกออมสิน

โครงการที่ยอดเยี่ยมของการเป็นเจ้าของร่วมกันและการข้ามองค์กร และหากผู้ถือหุ้นรายใดรายหนึ่งดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ Vanguard ผู้ถือหุ้นก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาอย่างแน่นอนและแม้แต่ในการทำซ้ำครั้งที่สาม (ระดับ) ก็ยังเหมือนเดิม

นั่นคือแนวหน้า:

1. อย่างเป็นทางการ - ผู้ถือหุ้นหลักของ Apple สำหรับการเปรียบเทียบ ตัวตลกที่แสดงภาพผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Apple ต่อสาธารณะ - Karl Icahn มีหุ้นเพียง 1% ซึ่งน้อยกว่าแพ็คเกจนี้ห้าเท่า

2. Vanguard ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในบริษัทอื่นๆ เกือบทั้งหมดที่ถือหุ้นใหญ่ใน Apple แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่พอ!

3. Vanguard ไม่เพียงแต่เป็นเจ้าของกลุ่มหุ้นที่ใหญ่ที่สุด แต่ยังควบคุมผู้ถือหุ้นของบริษัทตั้งแต่จุดที่ 2 !!!

และโดยสรุปคำพูดจากบล็อกของ Tatyana Volkova ในหัวข้อ:

เกี่ยวกับปลาหมึก ปิรามิด - และความต่อเนื่องโดยทั่วไปเกี่ยวกับแนวหน้า

นี่คือภาพที่ปรากฏในวันนี้ระหว่างการสอบสวน บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้แก่ Bank of America, JP Morgan, Citigroup, Wells Fargo, Goldman Sachs และ Morgan Stanley

มาดูกันว่าใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของพวกเขา ธนาคารแห่งอเมริกา: State Street Corporation, Vanguard Group, BlackRock, FMR (Fidelity), Paulson, JP Morgan, T. Rowe, Capital World Investors, AXA, Bank of NY, Mellon

JP Morgan: State Street Corp., Vanguard Group, FMR, BlackRock, T. Rowe, AXA, Capital World Investor, Capital Research Global Investor, Northern Trust Corp. และธนาคารเมลลอน

Citigroup: State Street Corporation, Vanguard Group, BlackRock, Paulson, FMR, Capital World Investor, JP Morgan, Northern Trust Corporation และ Fairhome Capital Mgmt และ Bank of NY Mellon

Wells Fargo: Berkshire Hathaway, FMR, State Street, Vanguard Group, Capital World Investors, BlackRock, Wellington Mgmt, AXA, T. Rowe และ Davis Selected Advisers

จากนั้นตรวจสอบด้วยตัวคุณเอง บริษัททางการเงินที่ใหญ่ที่สุดถูกควบคุมโดยผู้ถือหุ้นสถาบันและ/หรือผู้ถือหุ้นสิบรายอย่างเต็มที่ โดยที่บริษัทหลักสี่แห่งสามารถแยกแยะได้ในทุกกรณีและในการตัดสินใจทั้งหมด: Vanguard, Fidelity, BlackRock และ State Street พวกเขาทั้งหมด "เป็นของกันและกัน" แต่ถ้าคุณปรับความสมดุลของบล็อกการแชร์อย่างระมัดระวัง ปรากฎว่าในความเป็นจริง Vanguard ควบคุมพันธมิตรหรือ "คู่แข่ง" ทั้งหมดนั่นคือ Fidelity, BlackRock และ State Street

คราวนี้มาดูที่ส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็งกัน นั่นคือ หลายบริษัทได้รับเลือกให้เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ควบคุมโดย "บิ๊กโฟร์" นี้ และเมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิดแล้ว โดยบริษัทแนวหน้าอย่าง Alcoa Inc. Altria Group Inc., American International Group Inc., AT&T Inc., Boeing Co., Caterpillar Inc., Coca-Cola Co., DuPont & Co., Exxon Mobil Corp., General Electric Co., General Motors Corporation, Hewlett- Packard Co., Home Depot Inc., Honeywell International Inc., Intel Corp., International Business Machines Corp., Johnson & Johnson, JP Morgan Chase & Co., McDonald's Corp., Merck & Co. Inc., Microsoft Corp. , 3M Co., Pfizer Inc., Procter & Gamble Co., United Technologies Corp., Verizon Communications Inc., Wal-Mart Stores Inc. Time Warner, Walt Disney, Viacom, Rupert Murdoch's News Corporation, CBS Corporation, NBC Universal ..ที่ตีพิมพ์

วันนี้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้เป็นอุปกรณ์พกพาที่ขายดีที่สุดในโลก ทันทีที่รุ่นใหม่ออกวางจำหน่าย ผู้คนจำนวนมากเข้าแถวรอซื้ออุปกรณ์ของบริษัทดังที่หน้าประตูร้าน

วันนี้ iPhone เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความปลอดภัย หลายคนเชื่อว่าผู้ที่สามารถซื้อโทรศัพท์ราคาแพงเช่นนี้ได้ประสบความสำเร็จมากมายในชีวิต

ความนิยมของอุปกรณ์และราคาที่สูงมากทำให้บริษัท Apple มีรายได้สูงทุกปี คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และด้วยการปรับปรุงการทำงานและรูปลักษณ์ของ iPhone อย่างสม่ำเสมอ นักพัฒนาจึงได้รับรายได้เพิ่มเติม

วันนี้ ผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทกำลังเก็บเกี่ยวผลจากความสำเร็จที่ผู้สร้างในตำนานของ iPhone - Steve Jobs ได้สำเร็จ

บ่อยครั้ง ผู้ใช้งานแกดเจ็ตนี้ไม่คิดด้วยซ้ำว่าใครเป็นผู้คิดค้น iPhone แต่นี่ผิดเต็มๆ เพราะ ชีวประวัติของชายผู้นี้น่าสนใจและให้ความรู้ ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือความพากเพียรในการบรรลุเป้าหมายและความปรารถนาที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น

ผู้ก่อตั้งที่โดดเด่นของอาณาจักร Apple นามสกุลและการประดิษฐ์ของเขาเป็นที่รู้จักในทุกวันนี้สำหรับทุกคนที่มีความสนใจอย่างน้อยในโลกของอุปกรณ์พกพา เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงที่สุดในตลาดเทคโนโลยีมือถือและคอมพิวเตอร์ ร่วมกับบิล เกตส์ ดังนั้นในแต่ละวัน ผู้ใช้หลายหมื่นคนจึงกำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนของผู้สร้างชื่อและนามสกุลของ iPhone

อันที่จริง ความสำเร็จของ Jobs และ Gates มีความคล้ายคลึงกันมาก: ทั้งคู่สร้างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในตลาด - สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต และเกี่ยวกับเรื่องนั้น และเกี่ยวกับผู้พัฒนารายอื่น มีการถ่ายทำภาพยนตร์มากกว่าหนึ่งเรื่อง และหลังจากที่เขาเสียชีวิต ผู้สร้าง iPhone ก็มีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก ในช่วงเวลานี้ รูปภาพของหัวหน้าบริษัท Apple ถูกวางไว้บนหน้าหลักของทรัพยากรในเครือข่าย ซึ่งระบุอายุขัยของเขา

ความคิดของ iPhone และการพัฒนา

แน่นอนว่าทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน เป็นเวลานานได้ผ่านจากความคิดของความคิดไปสู่การปฏิบัติและการปฏิบัติ

Apple เริ่มประกอบคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในช่วงปี 1980 และเช่นเดียวกับในสถานการณ์ของ Microsoft ในตอนแรก กรณีนี้มีลักษณะเป็นช่างฝีมือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกรวบรวมไว้ในโรงรถทั่วไป แต่ในความเป็นจริง ไม่มีทั้งบริษัทหรือสำนักงาน

เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมดอาจจะไม่มีใครรู้ มีข่าวลือและการคาดเดามากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับเครือข่ายที่จ๊อบส์ยืมแนวคิดของเกตส์มาปรับใช้ในอุปกรณ์ของเขา แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่นั่น ไม่ช้าก็เร็ว นวัตกรรมสมาร์ทโฟนที่เป็นปัญหาต้องเข้ามาในโลก

ตอนแรกจ็อบส์มีความคิดว่าโทรศัพท์ที่สมบูรณ์แบบควรเป็นอย่างไร มันคือปี 1999 และในช่วงเวลานี้ นอกเหนือจากทฤษฎีแล้ว ผู้พัฒนาไม่มีอะไรเลย - ไม่มีเงื่อนไขสำหรับการนำความคิดของเขาไปปฏิบัติ ไม่มีนักลงทุน ฯลฯ

หลังจากผ่านไปหกปี จ็อบส์ซึ่งเป็นหัวหน้างานของผู้เชี่ยวชาญ 200 คน เริ่มทำงานในศูนย์รวมความคิดที่แท้จริงของเขา ร่วมกับบริษัทโมโตโรล่า ในเวลานั้น โทรศัพท์ที่สร้างโดยทีมนี้มีชื่อว่า Purple-1 แต่เป็นโทรศัพท์พื้นฐานและมีเพียง 2 ฟังก์ชันเท่านั้น ได้แก่ ผู้เล่นและอุปกรณ์สำหรับโทรออกและรับสาย ด้วยเหตุนี้ เมื่อตัดสินใจว่ายังไม่มีอะไรจะโฆษณา นักพัฒนาจึงไม่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ให้โลกเห็น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อจ๊อบกลับมาทำงานที่บริษัท พวกเขาคาดหวังสิ่งใหม่ๆ ที่คาดไม่ถึง

กิจกรรมรอบใหม่เริ่มขึ้นในปี 2550

บทบาทของ AT&T ในการขาย iPhone เครื่องแรก

เพื่อนำความคิดของเขาไปใช้ในเชิงพาณิชย์ จ็อบส์ได้ทำสัญญากับ AT&T ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารรายใหญ่ที่สุดในตลาดสหรัฐฯ สำหรับตัวบริษัทเอง นี่เป็นสิ่งใหม่เช่นกัน ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตอุปกรณ์เคลื่อนที่และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ขึ้นอยู่กับหลักการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง บริษัทด้านการสื่อสารมักกำหนดเงื่อนไขให้กับนักพัฒนา แต่ในกรณีของ iPhone ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม

ความจริงก็คือหัวหน้าของ AT&T เชื่อในความคิดของจ็อบส์ มีความมั่นใจว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จอย่างแน่นอน ต้องขอบคุณความพิเศษและความแปลกใหม่ ด้วยเหตุนี้ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมจึงเริ่มให้บริการ iPhone เพิ่มเติมจากบริการของตน ดังนั้นจึงแนะนำผู้บริโภคให้รู้จักผลิตภัณฑ์นี้

การนำเสนอครั้งแรกของ iPhone: ความก้าวหน้าในตลาดมือถือ

มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับงานนำเสนอเช่นเดียวกับผู้สร้าง iPhone ตามเวอร์ชั่นหนึ่ง จ็อบส์เริ่มกล่าวสุนทรพจน์ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าในที่สุดบริษัทที่เขาทำงานอยู่ได้พัฒนาสมาร์ทโฟนตัวจริง ซึ่งแสดงถึงความกล้าหาญและแม้กระทั่งความไม่สุภาพเรียบร้อย

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่ามีบางอย่างผิดปกติกับ iPhone รุ่นแรกอันเป็นผลมาจากการแสดงข้อมูลบนหน้าจออย่างไม่ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมจึงตกอยู่ในอันตราย อย่างไรก็ตาม นักพัฒนาที่แยบยลยังคงสร้างความประทับใจให้สาธารณชนได้ทราบ ซึ่งในไม่ช้าก็มีการขายไอโฟนกว่า 250 เครื่อง

ที่นี่เอกลักษณ์ของบุคลิกภาพของผู้ก่อตั้ง Apple ปรากฏ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างสิ่งใหม่ด้วยพรสวรรค์ของเขาเท่านั้น เช่น ความสามารถของนักพัฒนาคอมพิวเตอร์สามารถบรรลุความสำเร็จอย่างสูง แต่ยังด้วยความพากเพียรทำงานหลายปีความสามารถในการโน้มน้าวใจผู้อื่นและทำให้พวกเขาเชื่อมั่นในตนเองและความคิดของพวกเขา

ไอโฟนสมัยใหม่

ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนจาก Apple เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก บริษัทภายใต้การนำของผู้จัดการคนใหม่ ยังคงพัฒนาต่อไป ในขณะที่ iPhone และอุปกรณ์อื่นๆ ยังคงพัฒนาต่อไป แฟน ๆ จำนวนมากยังคงภักดีต่อบริษัท ในแต่ละปีคาดหวังแกดเจ็ตรุ่นใหม่

น่าแปลกที่โทรศัพท์คุณภาพสูงอื่นๆ ที่มีราคาจับต้องได้กว่านั้นไม่ได้เบี่ยงเบนความสนใจของผู้บริโภคจากอุปกรณ์ Apple ระดับการขายอุปกรณ์พิเศษเหล่านี้แม้จะอยู่ในภาวะวิกฤต แต่เติบโตขึ้นเท่านั้น

Tim Cook หัวหน้าคนใหม่ของ Apple ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเขาทำงานให้กับบริษัทนี้มาหลายปีก่อนที่จะมาเป็นผู้นำ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดขาย iPhone, iPod และคอมพิวเตอร์จาก Apple มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

งานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของบริษัทในปัจจุบันคือการไม่ทิ้งผู้ที่มีความหวังสูงในการพัฒนาแบรนด์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสร้างโดยสตีฟ จ็อบส์ แผนของบริษัทรวมถึงการเติบโตของยอดขายและการพัฒนาตลาดใหม่ๆ และเป็นเรื่องยากมากที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ ซึ่งต้องใช้เวลานานและทำงานหนัก เนื่องจากคู่แข่งไม่ได้หลับใหลและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เรากำลังพูดถึงซัมซุงโดยเฉพาะ ทั้งยักษ์ใหญ่ของตลาดมือถือ - บริษัท เกาหลีและอเมริกา - แข่งขันกันอย่างต่อเนื่องโดยยืมชิปและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น เช่นเดียวกับผู้ช่วยของ Siri

ใช่ คุณเดาถูก เรากำลังพูดถึงนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยลินคอล์นและแลงคาสเตอร์เพิ่งตีพิมพ์ผลงานวิจัยฉบับเต็มของพวกเขาในวารสาร Cyberpsychology, Behavior and Social Networking

ในช่วงสองปี (2015-2016) พวกเขาได้พูดคุยกับผู้คน 530 คนและถามคำถามมากมายกับผู้เข้าร่วมแต่ละคนในการศึกษานี้ คำถามเกี่ยวกับลักษณะส่วนบุคคล รูปแบบพฤติกรรม และความชอบในการเลือกโทรศัพท์มือถือ และเมื่อมันปรากฏออกมา การเลือก Android / iOS สามารถพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับบุคคลได้

“ฉันได้ข้อสรุปว่าเจ้าของ iPhone มักจะเป็นคนหนุ่มสาว และมีผู้หญิงมากขึ้นในหมู่พวกเขา นอกจากนี้ส่วนใหญ่แน่ใจว่าโทรศัพท์ไม่ได้เป็นเพียงวิธีการสื่อสาร แต่เป็นสัญญาณของสถานะ” นักวิทยาศาสตร์เขียน

ปรากฎว่าเจ้าของ "โทรศัพท์ Google" มีสิทธิ์ในการเรียกร้องของพวกเขาและ Apple สำหรับหลาย ๆ คนไม่ใช่ทางเลือกที่สมเหตุสมผลในฐานะ "การเล่นเพื่อสาธารณะ"?

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด! นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษระบุว่า เจ้าของ iPhone ไม่ค่อยซื่อสัตย์และมีสติสัมปชัญญะเมื่อเทียบกับผู้ที่เลือกใช้ Android พวกเขายังเห็นแก่ตัว อารมณ์ ผ่อนคลาย และมีแนวโน้มที่จะละเมิดบรรทัดฐานทางศีลธรรม

นักวิทยาศาสตร์เขียนเกี่ยวกับเจ้าของ "Googlephones" - พวกเขาแก่กว่า มีสติสัมปชัญญะมากกว่า ง่ายต่อการเจรจากับพวกเขาในสถานการณ์ขัดแย้ง พวกเขาสนใจค่าโทรศัพท์น้อยลง

"โทรศัพท์ของเราเป็นสำเนาอิเล็กทรอนิกส์ของเรา" นักวิจัย Heather Shaw กล่าว - ไม่น่าแปลกใจที่หลายคนไม่ชอบเวลาที่คนอื่นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา อุปกรณ์นี้มีหลายอย่างที่จะพูดเกี่ยวกับเรา”

จากข้อมูลของ Ellis ขั้นตอนต่อไปที่น่าสนใจคือการศึกษาผู้ที่เปลี่ยนจาก iPhone เป็น Android และในทางกลับกัน มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในตัวพวกเขา? นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์ยังขอร้องไม่ให้โอนผลการวิจัยไปยังเจ้าของ iPhone หรือโทรศัพท์ Google ทุกคน แน่นอนว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน แต่ด้วยเหตุผลบางประการ คนส่วนใหญ่สามารถแยกแยะคุณลักษณะทั่วไปได้

คุณคิดอย่างไรกับบทประพันธ์นี้โดยนักจิตวิทยาชาวอังกฤษ? ในความเห็นส่วนตัวของฉัน 530 คนไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ นอกจากนี้ เป็นที่ชัดเจนว่า iPhone เป็นอุปกรณ์ราคาแพงและมีสถานะสูง ไม่มีไอโฟนราคาถูก มี "หุ่นยนต์" ที่แตกต่างกันมากมาย เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะเปรียบเทียบข้อความของเจ้าของโทรศัพท์ Apple กับโทรศัพท์ Samsung ชั้นนำเป็นต้น บางทีนักวิทยาศาสตร์อาจจะทำสิ่งนี้ด้วย พวกเขาสามารถทำอะไรได้อีก

วันนี้โทรศัพท์มือถือ iPhone เป็นเครื่องที่ขายดีที่สุดในโลก พวกเขาน่าจะรู้เรื่องนี้ในหลายประเทศ และที่สำคัญที่สุด พวกเขาไม่เพียงแค่คุยเรื่องโทรศัพท์เท่านั้น แต่พวกเขาต้องการซื้อมันจริงๆ ผู้คนยังระบุถึงเจ้าของ iPhone และผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เชื่อกันว่าผู้ที่สามารถซื้ออุปกรณ์ราคาแพงดังกล่าวได้มีสถานะพิเศษบางอย่าง แน่นอนว่าความนิยมและราคาที่สูงเช่นนี้ทำให้ Apple ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนา iPhone สามารถทำกำไรได้หลายพันล้าน และเนื่องจากการอัพเดทเวอร์ชันของอุปกรณ์มือถือนี้อย่างต่อเนื่อง การเปิดตัวรุ่นต่อๆ ไป นักพัฒนาจึงจัดการเพื่อรับรายได้คงที่ ผลลัพธ์นี้ประสบความสำเร็จโดยผู้สร้าง iPhone, Steve Jobs

งานในตำนาน

ตัวเลขดังกล่าวค่อนข้างโด่งดังไปทั่วโลกและเทียบเท่ากับกูรูด้านตลาดไอทีอย่าง Bill Gates อันที่จริงจ็อบส์ทำในสิ่งที่เกตส์ทำ เขาก่อตั้งบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เน้นการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุปกรณ์พกพา: สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ไม่ใช่เรื่องไร้สาระที่สร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับพวกเขาซึ่งได้รับความนิยม ผู้สร้าง iPhone มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้นหลังจากที่เขาเสียชีวิตในปี 2011 จากนั้นรูปถ่ายของจ็อบส์ก็ถูกนำไปวางไว้บนโฮมเพจของเว็บไซต์ Apple ลงนามในปีแห่งชีวิตของเขา (สตีฟเกิดในปี 2498)

iPhone เริ่มต้นอย่างไร

แน่นอนว่าเส้นทางจากแนวคิดในการสร้างอุปกรณ์พกพาใหม่ไปสู่ยอดขายนับพันล้านนั้นค่อนข้างยาวและยาก Apple รวบรวมย้อนกลับไปในยุค 80 ของศตวรรษที่ผ่านมา ทุกอย่างเริ่มต้นเช่นเดียวกับในกรณีของ Microsoft ด้วยการประกอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในโรงรถ มีการเขียนมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง: มีรุ่นที่ Bill Gates ขโมยความคิดของ Jobs มาใช้ในการออกแบบของเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เราไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ แต่เกี่ยวกับอีกทิศทางหนึ่ง - สมาร์ทโฟน

ผู้สร้าง iPhone มีเพียงความคิดว่าในที่สุดโทรศัพท์ควรเป็นอย่างไร เป็นปี 2542 ที่ห่างไกลและจ็อบส์ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพื้นฐานทางทฤษฎี เพียง 6 ปีต่อมา ในปี 2548 เขาดูแลวิศวกร 200 คน ทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์นี้ร่วมกับแผนกโมโตโรล่า จากนั้นโทรศัพท์ก็ถูกเรียกว่า Purple-1 แต่ไม่สามารถทำให้สาธารณชนพอใจกับสิ่งใดเป็นพิเศษได้ (แกดเจ็ตมี 2 ฟังก์ชั่น - ผู้เล่นและอุปกรณ์สำหรับการสื่อสาร) และตัดสินใจเลื่อนการนำเสนอออกไปเช่นเดียวกับการเปิดตัว โครงการนี้ถูกละทิ้ง จริงอยู่อีกหนึ่งปีต่อมาผู้สร้าง iPhone ทำงานกับ Purple-2 แต่ไม่กล้านำเสนอ พวกเขาคาดหวังบางสิ่งที่คุ้มค่าจริงๆ จากจ็อบส์ เพราะย้อนกลับไปในปี 1997 เขากลับมาที่บริษัทหลังจากถูกไล่ออกและอดไม่ได้ที่จะเอาใจพนักงานของเขา แรงบันดาลใจที่แท้จริงมาถึงเขาในปี 2550 เท่านั้น

AT&T ช่วยขาย iPhone

เพื่อให้เป็นไปตามความคิดของเขา ผู้สร้าง iPhone ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น นั่นคือ AT&T นี่เป็นแนวปฏิบัติใหม่ในความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตโทรศัพท์กับผู้ให้บริการ เนื่องจากก่อนหน้านี้ อันที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้บริษัทได้กำหนดเงื่อนไขของพวกเขา คือ การสั่งซื้ออุปกรณ์มือถือ ในสถานการณ์เดียวกัน มันเป็นในทางกลับกัน: สแตน ซิกแมน ผู้จัดการของ AT&T เชื่อในความคิดของจ็อบส์และมันอาจจะดับไปเพราะความคิดริเริ่ม และผู้ดำเนินการตกลงที่จะเสนอโทรศัพท์ให้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่จะทำสัญญาโดย ผู้ซื้อ มีการเสนอ iPhone นอกเหนือจากบริการสื่อสาร

การนำเสนอของ iPhone เป็นความรู้สึกในตลาดมือถือ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับวิธีการนำเสนออุปกรณ์เครื่องแรก และวิธีที่ผู้สร้าง iPhone ซึ่งเป็นที่รู้จักหลายล้านคนได้จัดงานขึ้น มีรุ่นตามที่จ็อบส์ไปนำเสนอโดยบอกว่าในที่สุด บริษัท ของเขาก็มีสมาร์ทโฟนตัวจริงซึ่งไม่สุภาพมาก นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าอุปกรณ์แรกที่ผู้สร้าง iPhone ควรจะโทรออกและถ่ายรูปเริ่มแสดงข้อมูลบนหน้าจออย่างไม่ถูกต้องโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งทำให้การนำเสนอทั้งหมดอยู่ใน อันตราย. อย่างไรก็ตามจ็อบส์สามารถจัดงานในลักษณะที่มีการขาย iPhone มากกว่า 270,000 สำเนา ผู้สร้างโทรศัพท์เครื่องนี้ด้วยความช่วยเหลือจากแนวคิดดั้งเดิม ความอุตสาหะ การทำงาน 10 ปี และคุณสมบัตินักเจรจาของเขาเอง สามารถสร้างอาณาจักรทั้งหมดภายใต้กรอบของแผนกเดียวของ Apple

วันนี้

แน่นอนว่าวันนี้ไม่มีอะไรน่าแปลกใจในความสำเร็จของ Apple และไม่มีใครสงสัยในการพัฒนาต่อไป ด้วยการเปิดตัวอุปกรณ์ใหม่ บริษัทมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีแฟน ๆ นับล้านที่คอยสนับสนุน เป็นเรื่องน่าทึ่งที่แม้แต่อุปกรณ์พกพาราคาถูกบนระบบปฏิบัติการอื่นไม่สามารถเทียบยอดขายของ Apple ในแง่ของจำนวนการขายได้ นี่เป็นเรื่องลึกลับเพราะกฎหมายของตลาดกล่าวว่าสินค้าราคาถูกมีความต้องการมากกว่า ตามประสบการณ์ของผู้สร้าง iPhone นี่ไม่ใช่กรณี

หัวใหม่ของ Apple

Jobs เป็นหัวหน้า Apple มาเป็นเวลานาน หลังจากนั้น Tim Cook ผู้จัดการคนใหม่ก็เข้ามาแทนที่เขา เขาเป็นผู้จัดการที่มีประสบการณ์มาก และใช้เวลาหลายปีกับบริษัทด้วย หลังจากรับตำแหน่ง ผู้เชี่ยวชาญก็โต้เถียงกันเป็นเวลานานว่าผู้มาใหม่จะแสดงตัวอย่างไรในตำแหน่งของกูรูจ็อบส์ตัวจริง มีคนทำนายการล่มสลายของบริษัท โดยเชื่อมโยงความสำเร็จกับร่างของสตีฟเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม ตามเวลาและการนำเสนอของ iPhones, iPads, iPods และ iPads รุ่นใหม่หลายรุ่นได้แสดงให้เห็น Cook สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ Apple ในตลาดได้

การพัฒนาเพิ่มเติมของบริษัท

คุณรู้จักชื่อผู้สร้าง iPhone - ชายในตำนานที่ตระหนักถึงความคิดอันยอดเยี่ยมของเขาและเผยแพร่ไปทั่วโลก เป็นการยากที่จะบอกว่า Apple จะไปในทิศทางใด มีสำนวนที่ว่า "ยิ่งบินสูง ยิ่งเจ็บมาก" นำไปประยุกต์ใช้กับบริษัทที่ผลิตสินค้า "แอปเปิ้ล" ได้อย่างมั่นใจ

ด้านหนึ่ง ยอดขายแท็บเล็ตในปัจจุบัน ผู้เล่นกำลังทำลายสถิติอย่างมาก และสิ่งนี้ก็เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม อันที่จริง ตอนนี้การจัดการข้อกังวลกำลังเผชิญกับภารกิจที่จะไม่ปล่อยให้คนเหล่านั้นที่ยึดมั่นในความหวังของพวกเขาในแบรนด์ และที่สำคัญที่สุดคือต้องพิสูจน์ให้เห็นถึงชื่อเสียงที่พัฒนาขึ้นโดยใช้ชื่อสตีฟ จ็อบส์ ในตอนนี้ สิ่งที่บริษัทต้องดำเนินการก็คือการเพิ่มขึ้นอย่างมากในด้านอำนาจทางการตลาดและการขายอุปกรณ์

และนี่เป็นเรื่องยากมากที่จะทำการแข่งขัน หากก่อนหน้านี้ Samsung รุ่นเดียวกันสามารถนำเสนอโทรศัพท์คุณภาพต่ำกว่าได้มาก ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของ Samsung ไม่ได้อยู่หลัง Apple มากนัก นอกจากนี้ ยังมีภัยคุกคามอีกประการหนึ่งสำหรับความกังวลของอเมริกาจากทางตะวันออก นั่นคือผู้ผลิตจากจีน บริษัทอย่าง Huawei และ Xiaomi ก็พยายามติดตามปัญหาด้านคุณภาพด้วยการลดราคาของผลิตภัณฑ์ลงอย่างมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ส่วนแบ่งการตลาดของพวกเขาเติบโตขึ้น ผลักดันให้ Apple

เวลาจะบอกได้ว่านักพัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะคิดอย่างไรกับโลโก้ "apple" ตอนนี้มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้จะไม่น่าเป็นไปได้ที่ความคิดที่จะปล่อย iPhone ด้วย True หรือไม่ - เราจะเห็น

Apple เป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในการผลิตสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป และอุปกรณ์อื่นๆ เจ้าของ iPhone ส่วนใหญ่มั่นใจว่าอุปกรณ์ของตนผลิตในอเมริกา ไม่ใช่เพื่ออะไรที่มีรายการภาษาอังกฤษที่ด้านหลังของฝาที่ระบุการผลิตของพวกเขาในแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตาม เป็นเช่นนี้จริงหรือ? และที่จริงแล้วสมาร์ทโฟนที่ผลิตในรัสเซีย เบลารุส ยูเครน คาซัคสถาน และประเทศอื่น ๆ อยู่ที่ไหน

การผลิต iPhone ที่ได้รับมอบอำนาจ

วันนี้ในการผลิตมีการสังเกตหลักการของการมอบหมายและการแบ่งงาน มันหมายความว่าอะไร? ซึ่งหมายความว่าพืชครบวงจรกำลังถูกขับออกไปในวันนี้เนื่องจากไม่ได้ประโยชน์ ดังนั้น เมื่อถามตัวเองว่าผลิตภัณฑ์นี้หรือผลิตภัณฑ์นั้นผลิตขึ้นที่ใด เราต้องเข้าใจว่าไม่มีสถานที่ดังกล่าวที่จะดำเนินการพัฒนา ชิ้นส่วนและส่วนประกอบจะถูกผลิตขึ้นและประกอบอุปกรณ์สำเร็จรูป

หลักการที่สำคัญที่สุดของบริษัทคือการทำกำไร ดังนั้นผลประโยชน์เท่านั้นที่นับ ที่ที่ทำกำไรได้มากกว่า การผลิตอยู่ที่นั่น ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือสำนักงานใหญ่ของบริษัท - ชื่อเสียงมาจากที่ตั้งในเมืองใหญ่ของประเทศที่พัฒนาทางเศรษฐกิจ ดังนั้นความมั่นใจในบริษัทจะสูงขึ้น

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่การพัฒนา iPhone จะเกิดขึ้นในที่เดียว ชิ้นส่วนและส่วนประกอบผลิตในโรงงานในอีกที่หนึ่ง และการประกอบผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปอยู่ในส่วนที่สาม

ไอโฟนแท้มาจากไหน?

มีสองความคิดเห็นเกี่ยวกับที่มาของ iPhone ดั้งเดิม

สำนักงานใหญ่ของ Apple ในแคลิฟอร์เนีย

ความคิดเห็นแรกมองโลกในแง่ดี - อุปกรณ์มาจากอเมริกามาหาเรา เป็นการยากที่จะไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้ เนื่องจากสำนักงานใหญ่ของ Apple ตั้งอยู่ในเมืองคูเปอร์ติโน (แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา) มีการพัฒนาการออกแบบการตัดสินใจเกี่ยวกับการเปิดตัวและเตรียม iPhone ใหม่อุปกรณ์ซอฟต์แวร์กำลังได้รับการพัฒนา พูดได้เลยว่าหัวใจและความคิดของบริษัท Apple ตั้งอยู่ในอเมริกา

โรงงาน Foxconn ในประเทศจีน

ความคิดเห็นที่สองในแง่ร้าย หลายครั้งที่ฉันได้ยินมาว่าโทรศัพท์มาที่ตลาดรัสเซีย เบลารุส และคาซัคจากจีน และความคิดเห็นนี้ก็มีสิทธิที่จะมีชีวิต ความจริงก็คือการประกอบโทรศัพท์ขั้นสุดท้ายเกิดขึ้นในประเทศจีนจริง ๆ ที่โรงงาน Foxconn, Pegatron และ Wistron ดังนั้น ต้นฉบับของ iPhone ทั้งหมดสามารถเรียกได้ว่าเป็นภาษาจีน... มีเหตุผลหลายประการที่เราได้รับโทรศัพท์ที่ประกอบในประเทศจีน:

• การผลิตที่ไม่แพง
• แรงงานราคาถูก (น่าประหลาดใจที่คนที่ประกอบอุปกรณ์ที่แพงที่สุดมีรายได้ไม่เกิน 300 ดอลลาร์ต่อเดือน)
• ภาษีต่ำ
• ความใกล้ชิดของแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับการผลิตโทรศัพท์ - โลหะหายาก
• เฉพาะในประเทศจีนเท่านั้นที่สามารถผลิตสินค้าในปริมาณมากได้

เกี่ยวกับ Foxconn

อย่าคิดว่า Foxconn เป็นโรงงานที่ผลิตผลิตภัณฑ์ Apple โดยเฉพาะ อันที่จริง นี่คือการผลิตขนาดใหญ่ของบริษัท Hon Hai Precision Industry Co. ของไต้หวัน ยักษ์ใหญ่รายนี้เป็นหนึ่งในสิบนายจ้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก โรงงานและวิสาหกิจขนาดเล็กของบริษัทนี้กระจัดกระจายไปทั่วโลก โดยสามารถพบเห็นได้ในสาธารณรัฐเช็ก อเมริกา บริเตนใหญ่ บราซิล อินเดีย ในปี 2010 มีการเปิดโรงงานขนาดเล็กในรัสเซียเช่นกัน

โรงงานในจีนถูกวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้งว่าไม่เคารพสิทธิแรงงาน การตรวจสอบเผยให้เห็นสภาพการทำงานที่ไม่ดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังได้รับการยืนยันด้วยว่าเจ้าของชาวไต้หวันใช้แรงงานเด็ก มีปัญหาในการให้การรักษาพยาบาลแก่คนงาน แต่แม้จะมีปัญหาทั้งหมด แต่ที่นี่เท่านั้นที่สามารถผลิตอุปกรณ์ที่ซับซ้อนได้ในปริมาณมาก

Foxconn ไม่เพียงแต่รวบรวมไอโฟนเท่านั้น PlayStation, กล้อง Canon, Amazon Kindle และ PocketBook e-books ของ Sony, มาเธอร์บอร์ด Intel และอีกมากมาย Xiaomi, OnePlus, InFocus, Huawei, Nokia ผลิตโทรศัพท์ของพวกเขาที่นี่ ในปี 2559 Foxconn ซื้อหุ้น 66% ของ Sharp บริษัท ญี่ปุ่น

Pegatron: Another Collector

บริษัท Pegatron สัญชาติไต้หวันก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนการผลิตของ Apple ซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการผลิตสมาร์ทโฟน iPhone มาหลายครั้งแล้ว พวกเขาเป็นผู้รับเหมาประกอบ iPhone 5c ร่วมกับโรงงาน Wistron และยังได้รับคำสั่งซื้อสำหรับการผลิตจำนวนมากของเรือธงลำดับที่ 6

การผลิตวิสตรอนในจีน

ตั้งแต่ปี 2017 โรงงาน Wistron ซึ่งตั้งอยู่ในจีนด้วย ได้มีส่วนร่วมในการผลิตสมาร์ทโฟนของ Apple เพื่อให้แน่ใจว่ามีปริมาณการผลิตที่ต้องการ เงินทุนสำหรับโรงงานในเมือง Kunshan ของจีนจึงเพิ่มขึ้นจาก 135 ดอลลาร์เป็น 200 ล้านดอลลาร์ ในอดีต iPhone 5c ได้ถูกประกอบเข้ากับสายพานลำเลียงของ Wistron แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่นเสมอไปที่โรงงาน Wistron ในประเทศจีน แม้ว่าจะผลิต iPhone 8 Plus เพียง 20% แต่เรื่องอื้อฉาวล่าสุดทำให้ราคาหุ้นของบริษัทลดลง 5% จำได้ว่าหลังจากนั้นเธอก็สั่งระงับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ สมาชิกหลายคนในทีมผู้บริหารได้รับค่าปรับจำนวนมาก

Wistron การผลิตในอินเดีย

ในอินเดีย มีการประกอบ iPhone ที่องค์กรสองแห่ง แม้ว่าจะมีเพียงบริษัทเดียวที่ทำงานอยู่ในขณะนี้ และบริษัทที่สองยังคงเตรียมที่จะเปิดตัว โรงงานผลิตไอโฟนซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 เป็นของ บริษัท Wistron Corp. ของไต้หวัน ตั้งอยู่ในรัฐกรณาฏกะของอินเดียทางตอนใต้ของประเทศ iPhones ที่ประกอบในอินเดียชุดแรกเริ่มออกจากสายการผลิตในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2017 ภาพถ่ายของอุปกรณ์ประกอบของอินเดียเผยแพร่ใน The Indian Express เรากำลังพูดถึงรุ่น iPhone SE ที่มีหน้าจอขนาด 4 นิ้ว นี่คือโทรศัพท์ที่ถูกที่สุดจากบริษัท ราคาของอุปกรณ์ที่ประกอบในอินเดียแตกต่างจากราคาของอุปกรณ์ที่ผลิตในจีน การผลิตในท้องถิ่นทำให้ Apple สามารถขาย iPhone SE ได้ในราคาเพียง 220 ดอลลาร์

โรงงานแห่งที่สองตั้งอยู่ในรัฐกรณาฏกะเดียวกัน ในศูนย์เทคโนโลยีของอินเดียในบังกาลอร์ ที่โรงงานแห่งใหม่นี้ ไม่เพียงแต่จะผลิต iPhone SE ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดของประเทศกำลังพัฒนาเท่านั้น แต่ยังรวมถึง iPhone 6s และรุ่นอื่นๆ ด้วย

iPhone ดั้งเดิมจากอเมริกาคืออะไร

เราได้ทราบแล้วว่าประเทศใดผลิต iPhone และพวกเขาพบว่าไอโฟนไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นสินค้าอเมริกันล้วนๆ ได้ เนื่องจากบริษัทมีจุดยืนของตัวเอง มาดูกันว่าสิ่งต่าง ๆ ยืนหยัดกับความคิดริเริ่มได้อย่างไร

มีความเห็นว่าทุกบริษัทเก็บการพัฒนาทั้งหมดเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ คงจะมีเหตุผลที่จะสมมติว่าภาพของ iPhone นั้นชนะโดยข้อเท็จจริงที่ว่าทุกส่วนของอุปกรณ์เหล่านี้เป็นของดั้งเดิมและผลิตโดย Apple แต่สิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างไร?

TSMC ชาวไต้หวันได้รับคำสั่งซื้อสำหรับการผลิตโปรเซสเซอร์ A11 Bionic สำหรับ iPhone 8, 8 Plus และ iPhone X

ไม่ใช่แค่โทรศัพท์ที่ประกอบในจีนด้วยค่าแรงราคาถูก แต่กลับกลายเป็นว่าทุกส่วนของ iPhone นั้นถูกสร้างขึ้นในโรงงานของบริษัทอื่น หน้าจอเป็นอย่างไรสำหรับ iPhone ที่คุณรัก โปรเซสเซอร์ A11 Bionic สำหรับ iPhone 7, iPhone 8 และ iPhone X ผลิตในโรงงานในไต้หวัน TSMC ยังได้รับคำสั่งซื้อ Apple A12 SoC 100% ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับ iPhone ใหม่ในปีนี้ ซัมซุงคนเดียวกันมีส่วนร่วมในกล้อง ซึ่งหมายความว่าการเติมเต็มแบรนด์ระดับโลกนั้นไม่ใช่ของอเมริกันเลย