“คุณอยากเห็นนางฟ้าไหม? ปาฏิหาริย์อีสเตอร์ของเฮลลาส นักบุญเนคทาริโอสผู้ยิ่งใหญ่ทำพิธีในหมู่บ้านหนึ่งอย่างไร

วันที่ 9/22 พฤศจิกายน เราระลึกถึงนักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา นักพรตและนักปาฏิหาริย์ร่วมสมัย ชีวิตของเขาช่างอัศจรรย์: พระเจ้าทรงแสดงความห่วงใยต่อนักบุญของพระองค์ในลักษณะที่มองเห็นและจับต้องได้

Saint Nektarios (ในโลก Anastasios Kefalas) เกิดมาในครอบครัวใหญ่ที่ยากจนในหมู่บ้าน Silivria ใน Thrace ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล ในช่วงชีวิตของเขา เขาต้องทนกับความเศร้าโศกมากมาย เขาต้องเผชิญกับความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง การใส่ร้ายป้ายสี และรู้ว่าแท้จริงทุกหนทุกแห่งและทุกเวลา "บรรดาผู้ที่อยากดำเนินชีวิตตามแบบพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกข่มเหง"

เมื่อเขารับใช้พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าของเขาฉายแสงให้คนรอบข้างมองเห็นได้

นักบุญได้รับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์: การอธิษฐานอย่างไม่หยุดยั้งและการให้เหตุผลทางวิญญาณ การรักษา ความเข้าใจ และการพยากรณ์ เมื่อเขารับใช้ในพิธีสวดภาวนา ใบหน้าของเขาฉายแสงที่คนรอบข้างมองเห็นได้

เขาเป็นคนที่มีความเมตตาเป็นพิเศษและมอบทุกสิ่งที่เขามีให้ไป เมื่อไม่มีเงินแจกจ่ายบิณฑบาต พระองค์ก็มอบเสื้อผ้าและรองเท้าให้กับคนขัดสน ครั้งหนึ่ง ระหว่างพิธีสวดในวัดแห่งหนึ่งในเอเธนส์ นักบวชที่ยากจนบางคนเข้ามาในแท่นบูชา Cassock ของเขาโทรม ทั้งหมดเป็นหย่อมๆ นักบุญให้ Cassock เพียงอย่างเดียวแก่เขา

ทุกครั้งที่นักบุญมอบทุกสิ่งที่เขามีและกระเป๋าเงินว่างเปล่า เขาไปที่วัดและยื่นมือออกหน้าไอคอนของพระผู้ช่วยให้รอดหรือพระมารดาของพระเจ้าพูดว่า: "คุณเห็นไหม พระเจ้าคริสต์ ไม่มีเงิน ... แต่คุณรู้ ... "และพระเจ้าส่งพระพรมาให้เขา

เมื่อนักบุญเนคทาริโอสเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนศาสนศาสตร์ในใจกลางกรุงเอเธนส์ ภารโรงของโรงเรียนก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน เขากลัวตกงานมาก ภารโรงยังไปโรงเรียนและพบว่าเธออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เมื่อตัดสินใจว่าจะมีคนอื่นเข้ามาแทนที่เขาแล้ว ชายยากจนคนนั้นก็อารมณ์เสียอย่างมาก ภรรยาของเขาก็อารมณ์เสียมากเช่นกัน แนะนำให้เขาไปทำงานแต่เช้าและพยายามคุยกับผู้จัดการคนใหม่ ภารโรงมาที่โรงเรียนตอน 5 โมงเช้าและเห็น "รอง" ของเขา: กลายเป็นนักบุญเอง เขากวาดห้องน้ำพร้อมกับพูดว่า: "กวาดล้าง Nectarius นี่เป็นสิ่งเดียวที่คุณคู่ควรที่จะทำ" นักบุญพูดกับผู้ป่วยว่า: “อย่ากลัว ฉันไม่ได้รุกล้ำเข้ามาแทนที่คุณ ตรงกันข้าม ฉันทำทุกอย่างเพื่อเก็บไว้ให้คุณจนกว่าคุณจะหายดีในขั้นสุดท้าย ... แต่ระวัง: ในขณะที่ฉันอาศัยอยู่ที่นี่ โลกที่ไม่มีใครควรรู้ว่าคุณเคยเห็น”

ในอารามที่เขาก่อตั้งขึ้นที่ Aegina นักบุญ Nektario กำลังทำงานด้านกายภาพซึ่งบางครั้งก็ยากมาก ตัวเขาเองขุดเตียงและดูแลสวน ขนน้ำเพื่อการชลประทาน ลากหินก้อนใหญ่เพื่อสร้างเซลล์ หรือแม้แต่ซ่อมแซมและทำรองเท้า

“นอกกำแพงวัด ฉันเห็นชายชราเคราขาว เขากำลังโหลดดินและก้อนหินใส่รถสาลี่ด้วยพลั่ว”

เจ้าอาวาสจากเกาะ Paros จำได้ว่า:

“ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2453 ข้าพเจ้าแล่นเรือไปยังเอจีนาเพื่อรับพรจากนักบุญ พอถึงเที่ยงก็ถึงวัด อาทิตย์อัสดงอย่างไม่ปราณี นอกกำแพงอาราม ข้าพเจ้าเห็นชายชราเคราขาวคนหนึ่งซึ่งสวมหมวกฟางคลุมศีรษะอยู่ และกระโปรงของชายชราก็ถูกรวบและรัดเข้ากับเข็มขัดของเขา เขาบรรทุกดินและหินด้วยพลั่วเข้าไปในรถสาลี่และขับออกไปหกสิบเมตร ไม่รู้จักเขาในฐานะ Vladyka Nectarios ผู้ให้คำปรึกษาทางจิตวิญญาณของฉันโดยเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนงานที่สวม Cassock เพื่อไม่ให้เปื้อนเสื้อผ้าของเขาหรือสำหรับสามเณรฉันขึ้นไปหาเขาทักทายเขาแล้วถามว่า: "Vladyka Nectarios หรือไม่ ที่นี่?" “ใช่” คำตอบคือ “เขาอยู่ที่นี่” คุณต้องการอะไรจากเขา - "ไปบอกเขาว่ามัคนายกซึ่งเป็นบุตรธิดาคนหนึ่งของเขาต้องการพบเขา" - “วินาทีนี้ ขอให้พระเจ้าพอพระทัย” เขากล่าว ... ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็กลับมาใน klobuk และสวมปลอกแขนกว้าง จากนั้นฉันก็รู้ว่าคนที่ฉันจ้างมาเป็นคนงานเป็นนักบุญ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมืองหลวงจะทำงานดังกล่าวได้ในเวลาหนึ่งชั่วโมงเมื่อทุกคนนอนพักผ่อนในตอนกลางวัน

ตุลาการผู้โกรธเคืองพร้อมกับทหารสองนายไปที่Aegina

แม้แต่ใน Aegina ในสถานที่ที่ได้รับพรนี้ นักบุญก็เผชิญกับการทดลองและการล่อลวงมากมาย ซึ่งทำให้ชีวิตอันแสนเศร้าของเขาเต็มไปด้วย มีหญิงม่ายคนหนึ่งชื่อลาซูรยาขายเทียนไข เธอมีลูกสาวที่สวยงามและบริสุทธิ์ใจคือมาเรีย ซึ่งเธอยังคงดุและถูกกล่าวหาว่าเสพย์ติดอยู่เสมอ หญิงสาวพบที่พักพิงในอารามและในร่างของนักบุญ - ผู้วิงวอนและพ่อทางจิตวิญญาณ จากนั้น Azure ไปหาผู้พิพากษาในเมือง Piraeus และกล่าวหานักบุญว่าเธอทำผิดศีลธรรม ในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับทหารสองนายผู้พิพากษาที่โกรธแค้นได้ไปที่ Aegina ด้วยความโกรธเขากล่าวหานักบุญอย่างหยาบคายดูถูกเขาอย่างกล้าหาญและขู่ว่าเขาจะฉีกเคราของผู้เฒ่าผู้ศักดิ์สิทธิ์ นักบุญไม่ตอบสนองต่อการดูถูกและข้อกล่าวหาที่บ้าคลั่ง แต่เพียงสวดภาวนากับตัวเอง แม่ชีร้องไห้ด้วยความสยดสยองและตะโกนว่า “พระองค์เจ้าข้า ขอทรงเมตตา!” เด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายถูกเรียกตัวขึ้นศาลและถูกส่งตัวไปตรวจสูตินรีแพทย์ซึ่งระบุถึงความบริสุทธิ์ทางเพศของเธอ ผู้พิพากษาป่วยหนักและตระหนักในทันทีว่าเขากำลังถูกลงโทษเนื่องจากการกระทำของเขาต่อผู้ศักดิ์สิทธิ์ เขาสำนึกผิดอย่างกระตือรือร้นจากพฤติกรรมของเขาและขอให้พาไปที่ Aegina เพื่อขอการให้อภัยจากนักบุญ ยกโทษให้เขา อธิษฐานเผื่อเขา แล้วผู้พิพากษาก็ฟื้น

มีบ่อน้ำอยู่ใกล้วัด และแม่ชีตักน้ำจากบ่อน้ำเพื่อซ่อมแซมอาราม ต้องการน้ำปริมาณมาก และระดับน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วเจ้าของบ่อน้ำห้ามภิกษุณีใช้ นักบุญเนคทาริโอสสวดอ้อนวอน และในขณะสวดอ้อนวอน ก็มีเสียงน้ำไหลแรง - กระแสน้ำบริสุทธิ์และน้ำจืดเต็มบ่อน้ำขึ้นไปด้านบน จากนั้นเจ้าของเต็มไปด้วยความเกรงกลัวพระเจ้าและความกตัญญูได้มอบบ่อน้ำนี้ให้กับอาราม

Abbess Nectarios แห่งอาราม Chrysoleontis ซึ่งเป็นลูกทางจิตวิญญาณของนักบุญ เล่าว่าวันหนึ่งกลุ่มผู้แสวงบุญมาที่วัดของพวกเขาได้อย่างไร ในโรงอาหารได้จัดโต๊ะสำหรับพี่น้องสตรีแล้ว อาหารอยู่บนจาน และหม้อก็ว่างเปล่า พวกภิกษุณีหันไปหาบิดาฝ่ายวิญญาณด้วยความสับสน นักบุญสั่งให้ใส่อาหารกลับเข้าไปในกระทะ แล้วอวยพรพวกเขา เมื่อวางอาหารชนิดเดียวกันอีกครั้งบนจานในปริมาณที่เท่ากัน ปรากฏว่าเพียงพอสำหรับทั้งพี่สาวน้องสาวและแขกของคอนแวนต์ และยังมีเหลืออีกสามจาน

“ดูสิ” นักบุญกล่าว “นางฟ้าของคุณอยู่ตรงหน้าคุณ” และเธอก็เห็นนางฟ้าของเธอจริงๆ

แม่ของ Nektaria ยังจำได้ว่าโลกฝ่ายวิญญาณเปิดให้นักบุญ: “เมื่อฉันเดินไปกับพ่อทางจิตวิญญาณของฉัน เมื่อเขาถามโดยไม่คาดคิดว่า: “Nektaria คุณอยากเห็นนางฟ้าของคุณไหม” “ใช่” ฉันตอบ “ฉันอยากเจอเขา” “ดูสิ” นักบุญกล่าว “นางฟ้าของคุณอยู่ตรงหน้าคุณ” และเธอเห็นนางฟ้าของเธอจริงๆ แต่รูปร่างหน้าตาของเขาช่างเจิดจ้าจนเธอตกใจ

ชาวเมือง Aegina ได้เห็นปาฏิหาริย์มากมายที่แสดงผ่านคำอธิษฐานของนักบุญเนคทาริโอส เมื่อเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง สัตว์และผู้คนใน Aegina ก็ถูกคุกคามด้วยความอดอยาก ในตอนเย็นชาวนาคนหนึ่งเคาะประตูอารามและขอให้นักบุญอธิษฐานขอฝน นักบุญกล่าวว่า: "ให้เราอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ได้ยินคำอธิษฐานของชาวนาและทำตามความเชื่อของเขา" จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นสู่ท้องฟ้าและเริ่มอธิษฐาน หนึ่งชั่วโมงต่อมา เกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงทั่วเกาะ ซึ่งยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งคืน ภัยแล้งผ่านพ้นไป

ขอบคุณคำอธิษฐานของ St. Nektario การโจรกรรมและการโจรกรรมหยุดลงบนเกาะและแม้แต่สภาพอากาศก็เปลี่ยนไป - มันกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นสำหรับการเกษตร

ในช่วงสงคราม ทหารจาก Aegina ก่อนไปด้านหน้า ไปหานักบุญเพื่อขอพร น้องสาวของอารามเขียนชื่อของพวกเขา จากนั้นรายการก็ถูกวางไว้บนบัลลังก์ในแท่นบูชาและนักบุญก็สวดอ้อนวอนให้พวกเขา ผู้ที่ได้รับพรจากผู้อาวุโสศักดิ์สิทธิ์กลับมาจากสงครามอย่างปลอดภัยโดยไม่มีข้อยกเว้น

นักบินที่บินไปทิ้งระเบิดเกาะครีต บินผ่านเอจิน่า ไม่เห็นเกาะ

หลังสงคราม อดีตผู้บัญชาการของกรุงเอเธนส์ของเยอรมนียอมรับว่านักบินทหารที่บินไปทิ้งระเบิดเกาะครีต บินผ่านเกาะเอจีนา แม้จะมองเห็นได้ชัดเจนและไม่มีเมฆ แต่กลับมองไม่เห็นเกาะ

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อนักบุญเนคทาริโอสสวดอ้อนวอนด้วยความสำนึกผิด สันติสุขอย่างน่าอัศจรรย์ก็ลงมาที่หัวใจของเขา Theotokos ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดปรากฏแก่เขาพร้อมกับทูตสวรรค์จำนวนมากร้องเพลงในทำนองพิเศษ:

สตรีผู้บริสุทธิ์ที่สุด ราชินี พระมารดาของพระเจ้า
พระแม่มารีบริสุทธิ์ ขนแกะที่ได้รับน้ำค้าง
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
สวรรค์ที่สว่างที่สุดนั้นสูงสุด แสงที่สว่างที่สุดนั้นเอง
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
หญิงสาวเผชิญความปิติยินดี พลังอันไร้กายขององค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
สวรรค์สูงแสง หมู่บ้านผู้สูงสุด
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
พระแม่มารีย์ผู้ทรงสรรเสริญ
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!

ผู้ให้ความหวังและความคุ้มครองที่อ่อนโยน
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
การวาดภาพที่บริสุทธิ์ตลอดไป kivote ของพระเจ้าพระวจนะ
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
เด็กหญิงผู้เงียบขรึม ผู้กระทำความผิดของความรอด
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
ดอกไม้ที่หอมสะอาดบริสุทธิ์ที่สุด
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
โอ้ เสราฟิมผู้รุ่งโรจน์และเครูบผู้มีเกียรติที่สุด
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
ใบหน้าชั้นนำของความปิติยินดีและความประหลาดใจของเทวทูต
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!

คุณยืนอยู่ต่อหน้าพระบุตรที่บัลลังก์เอง
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
ฉันขอความเมตตาของคุณพระมารดาแห่งพระวจนะ
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
โอ้ ต้นไม้แห่งชีวิตนิรันดร์ โอ้ พรหมจารี พระมารดาแห่งความรุ่งโรจน์
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
ฉันสวดอ้อนวอนต่อพระองค์อย่างอบอุ่น บริสุทธิ์ สาธุคุณวัด
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
ชำระฉันให้พ้นจากความบาป
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!
ขอน้อมถวายพระมหากรุณาธิคุณ
ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!

ชื่นชมยินดีเจ้าสาวที่ไม่ได้แต่งงาน!

ต่อจากนั้น คำอธิษฐานนี้จึงกลายเป็นเพลงสวดที่รู้จักกันดี "Agni Parthena" นอกจากนี้ยังสามารถได้ยินที่บริการในรัสเซียและในกรีซโดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่จะไม่ร้องเพลงนี้

การสิ้นพระชนม์อย่างมีความสุขเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 8/21 พฤศจิกายน ในวันเฉลิมฉลอง หลังจากมีส่วนร่วมในความลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสต์แล้ว Saint Nektarios แห่ง Aegina ก็จากไปอย่างสงบสุขแด่พระเจ้า เขาอายุเพียง 74 ปีเท่านั้น

หลังจากนักบุญสิ้นพระชนม์แล้ว เสื้อผ้าของเขาถูกวางบนผู้ป่วยที่นอนอยู่ข้างๆ ชายอัมพาตก็ลุกขึ้นไปสรรเสริญพระเจ้าทันที

ร่างของนักบุญยังคงอยู่ในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลเป็นเวลาสิบเอ็ดชั่วโมงและมีกลิ่นหอมตั้งแต่นาทีแรก นอกจากนี้ยังมีเตียงที่คนในท้องถิ่นที่เป็นอัมพาตนอนอยู่ เมื่อนักบุญเริ่มแต่งตัวเป็นมนุษย์ เสื้อผ้าของเขาถูกวางไว้บนเตียงของคนเป็นอัมพาต และชายที่เป็นอัมพาตก็ลุกขึ้นไปในทันทีเพื่อสรรเสริญพระเจ้าและผู้อาวุโสผู้ศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงยกย่องนักบุญด้วยการอัศจรรย์ครั้งแรก

การรักษาที่อัศจรรย์หลายอย่างเกิดขึ้นจากการสวดมนต์ของนักบุญเนคตาริโอ แม้กระทั่งหลังจากที่ท่านสิ้นพระชนม์ด้วยพระพร เขาเสียชีวิตจากโรคเนื้องอกที่ร้ายแรงและเจ็บปวด และหลังจากพักผ่อนแล้ว เขาก็ขอร้องคนที่ไม่มีใครอีกแล้วและไม่มีอะไรจะหวังในโลกนี้ ผู้ป่วยที่สิ้นหวังต้องถึงแก่ความตายอย่างรวดเร็ว

ในปีพ.ศ. 2504 นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนาได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญโดยโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์

คำแนะนำของนักบุญเนคทาริโอแห่งเอจินา

เกี่ยวกับ ความทุกข์

“ความโศกเศร้าใด ๆ ที่อดทนต่อความคาดหวังของผู้ป่วย จะกลายเป็นขั้นตอนที่ใกล้ชิดกับความสมบูรณ์แบบมากขึ้น”

ความสุขอยู่ที่ตัวเรา

“คนเหล่านั้นที่แสวงหาความสุขนอกตนเองนั้นผิดจริง ๆ ในต่างประเทศและการเดินทาง ในความมั่งคั่งและสง่าราศี ในทรัพย์สินและความเพลิดเพลินมากมาย ในความสนุกสนานและความอุดมสมบูรณ์ และในสิ่งว่างเปล่าที่จบลงด้วยความขมขื่น!”

"การสร้างหอแห่งความสุขนอกใจก็เหมือนสร้างบ้านในที่ที่เกิดแผ่นดินไหวตลอดเวลา"

"ความสุขอยู่ในตัวเรา และความสุขมีแก่ผู้ที่เข้าใจสิ่งนี้"

ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์เป็นบุตรที่รักของพระเจ้า

“จิตสำนึกที่ดีเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เธอเป็นราคาของความสงบของจิตใจและความสงบของจิตใจ”

“ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ ผู้ไม่รับการกล่าวหาจากใจ ผู้ทำความดี สิ่งที่พอพระทัยและสมบูรณ์แบบในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า ผู้รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าอย่างระมัดระวัง เขามีความกล้าหาญที่จะยืนต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า ทุกสิ่งที่เขาขอ เขาได้รับจากพระเจ้า”

“ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์เป็นบุตรที่รักของพระผู้เป็นเจ้า พระวิญญาณของพระบุตรสถิตอยู่ในใจของเขา พระองค์ทรงรับทุกสิ่งที่พระองค์ขอ พบทุกสิ่งที่พระองค์แสวงหา และเปิดประตูรับพระองค์เมื่อพระองค์ทรงเคาะ”

ไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นหนทาง

“การถือศีลอด การระแวดระวัง และการอธิษฐานไม่ได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ต้องการ เพราะมันไม่ใช่เป้าหมายของชีวิตเรา แต่เป็นหนทางไปสู่จุดจบ”

ระวังการหกล้มเล็กน้อยของคุณ

“จงระวังการหกล้มเล็กน้อยของคุณ หากเพราะความประมาท ความบาปบางอย่างเกิดขึ้นกับคุณ อย่าสิ้นหวัง แต่ให้ดึงตัวเองเข้าหากันและล้มลงกับพระเจ้าผู้ทรงเดชานุภาพที่จะยกคุณขึ้นทันที

“ข้างในเรามีความทุพพลภาพ กิเลสตัณหา ข้อบกพร่องที่หยั่งรากลึก ซึ่งส่วนมากเป็นกรรมพันธุ์ ทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกขัดจังหวะด้วยการเคลื่อนไหวที่เฉียบแหลมเพียงครั้งเดียว หรือโดยความวิตกกังวลและความรู้สึกที่ยากลำบาก แต่ด้วยความอดทนและความพากเพียร

อย่าขี้ขลาดและไม่ต้องกลัว

“จำไว้ว่าการล่อลวงตามมาด้วยปีติทางวิญญาณและพระเจ้าทรงดูแลผู้ที่อดทนต่อการล่อลวงและความทุกข์เพราะเห็นแก่ความรักของพระองค์ ดังนั้นอย่าขี้ขลาดและอย่ากลัวเลย”

"วางใจพระเจ้าด้วยความห่วงใยของคุณ: พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้คุณ"

“คุณขอพระเจ้าและอย่าสูญเสียความกล้าหาญ อย่าคิดว่าเพราะความทะเยอทะยานของคุณศักดิ์สิทธิ์ คุณมีสิทธิ์บ่นเมื่อคำอธิษฐานของคุณไม่ได้รับคำตอบ พระเจ้าจะเติมเต็มความปรารถนาของคุณในแบบที่คุณไม่รู้ ดังนั้นจงสงบลงและร้องทูลต่อพระเจ้า”

ขอความรักจากพระเจ้าทุกวัน

“ขอความรักจากพระเจ้าทุกวัน ด้วยความรักมาพร้อมพรและคุณธรรมมากมาย

การชำระให้บริสุทธิ์ทำให้ใจสับสนและหงุดหงิด

“การชำระให้บริสุทธิ์ทำให้ใจที่สับสนและหงุดหงิด มืดมนด้วยความเป็นปฏิปักษ์ต่อเพื่อนบ้าน ดังนั้น เรามาสร้างสันติภาพกับพี่ชายของเราโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เสียพระคุณของพระเจ้าซึ่งทำให้ใจเราบริสุทธิ์”

“ผู้ที่อยู่อย่างสงบสุขกับตนเองและอยู่อย่างสงบสุขกับเพื่อนบ้านก็อยู่อย่างสันติกับพระเจ้า บุคคลเช่นนี้เปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์เพราะว่าพระเจ้าเองทรงสถิตอยู่ในเขา”

อย่าบังคับตัวเองเกินกว่าที่คุณจะทนได้

“อย่าบังคับตัวเองเกินกว่าที่คุณจะทนได้ จำไว้ว่าพระเจ้าไม่ได้มอบของกำนัลให้โดยถูกบังคับ แต่เมื่อพระองค์เองต้องการมัน สิ่งที่พระองค์ประทานแก่คุณ คุณได้รับอย่างไม่สมควร [แต่] ด้วยความเมตตาของพระองค์”

พระคุณส่งเป็นของขวัญให้ผู้พ้นกิเลสแล้ว

“ผู้ที่แสวงหาของประทานและความเข้าใจอันสูงส่งจากสวรรค์ ขณะที่หมกมุ่นอยู่กับกิเลส อยู่ในความหลงผิดที่โง่เขลาและภาคภูมิ ก่อนอื่น คุณต้องพยายามทำให้ตัวเองบริสุทธิ์”

“พระคุณถูกส่งมาเป็นของขวัญให้กับผู้ที่ชำระกิเลสให้ตนเองสะอาดหมดจด และพวกเขาได้รับมันอย่างเงียบ ๆ และในชั่วโมงที่พวกเขาไม่รู้

โดยคำอธิษฐานของบรรพบุรุษผู้ศักดิ์สิทธิ์ของเรา พระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระเจ้าของเรา ขอทรงเมตตาเรา!

2 คำอธิษฐานอย่างแรงกล้าถึง St. Nektario แห่ง Aegina ผู้ทำปาฏิหาริย์

สวดมนต์ต่อ Nectarius of Aegina คนงานปาฏิหาริย์เพื่อการรักษา

“โอ้ เจ้ามดยอบไอน้ำ แด่ Saint Nectarios บิชอปแห่งพระเจ้า! ในช่วงเวลาแห่งการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่ ที่ทำให้โลกหลงใหลด้วยความชั่วร้าย คุณเปล่งประกายด้วยความศรัทธาและบดขยี้ศีรษะของเดนนิตซาผู้เย่อหยิ่งซึ่งต่อยเรา เพื่อเห็นแก่คุณ พระคริสต์ทรงรักษาแผลที่รักษาไม่หาย สำหรับความชั่วช้าของเราที่ทำร้ายเรา เราเชื่อว่า: รักพระเจ้าที่ชอบธรรม เพื่อเห็นแก่เราคนบาป มีเมตตาต่อคุณ แก้ไขคำสาบาน ช่วยคุณให้พ้นจากความเจ็บป่วย และทั่วทั้งจักรวาล พระนามของพระองค์ พระบิดาและพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเกรงกลัว และรุ่งโรจน์ขณะนี้และตลอดไปและตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน”

สวดมนต์ถึง St. Nectarios of Aegina เพื่อเนื้องอก

“โอ้ นักบุญเนคทาริโอส พระบิดาผู้ทรงปรีชาญาณ!
ยอมรับผู้พิทักษ์ศรัทธาออร์โธดอกซ์คำสารภาพริมฝีปากของชาวคริสต์ที่รวมตัวกันในวันนี้ในพระวิหารโดยพระคุณของพระเจ้าที่สถิตอยู่ในคุณ ข้อความนี้เข้าถึงได้ไกลกว่าถึงขอบเขตของรัสเซีย ในขณะที่คุณเป็นนักบุญของนักบุญของพระคริสต์ ผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาลที่ร้องเรียกชื่อของคุณ และคุณให้การรักษาจากโรคมะเร็ง ฉันได้ยินเกี่ยวกับนักบวช คนชื่อเดียวกับคุณ และวัดในนามของคุณ ผู้สร้างด้วยความโศกเศร้าอย่างยิ่ง คุณถูกแผลที่หน้าอกเป็นมะเร็ง เลือดไหลทุกวัน เหน็บ และทรมานอย่างดุเดือด แต่คุณไม่ได้ละทิ้งงานศักดิ์สิทธิ์ของคุณ ทันใดนั้น คุณซึ่งลงมาจากสวรรค์ด้วยความเมตตาต่อองค์รัชทายาทได้ปรากฏแก่เขาในพระวิหารในรูปที่มองเห็นได้ พระองค์ผู้ไม่สวดอ้อนวอนถึงท่าน เป็นคนหนึ่งที่มาจากมนุษย์ ถามคำอธิษฐานของท่านแล้วกล่าวว่า: ภายหลังข้าพเจ้าพร้อมที่จะตายเพราะความตายไม่ได้ทำให้ข้าพเจ้ากลัว แต่คุณพ่อไม่มีร่างกาย ใบหน้าของคุณเต็มไปด้วยน้ำตา! และปริมาณของผู้ป่วยที่จูบและพูดว่า: "อย่าเสียใจลูกของฉันราวกับว่าคุณได้รับการทดสอบจากความเจ็บป่วยคุณจะแข็งแรง อุโบสถทั้งหมดรู้เกี่ยวกับปาฏิหาริย์นี้” พระองค์ทรงหายโรคแล้ว พระองค์ไม่มีความเข้าใจ ซึ่งพระองค์ตรัสด้วย พระองค์ไม่ทรงปรากฏแก่คนก่อน โอ้ นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของ Christ Nectarios! วัดนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และการอัศจรรย์ของคุณเป็นเหมือนทะเลที่เพิ่มทวีคูณ! แต่เราจะรู้ว่าคำอธิษฐานของคนชอบธรรมควรได้รับการเร่งโดยความกระตือรือร้นในการรับใช้พระเจ้าและความมุ่งมั่นที่จะตายเพื่อพระคริสต์ ขอให้เราได้รับพร พวกเขาสวดอ้อนวอนถึงพ่อที่ชอบธรรมลูกที่ป่วยของคุณ: ขอพระประสงค์ของพระเจ้าสถิตอยู่กับเรา ดี เป็นที่ชื่นชอบและสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องการให้คนบาปตาย แต่ให้หันมาและมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นเขา แต่ท่านผู้ประกาศพระประสงค์ของพระเจ้า โปรดรักษาเราด้วยรูปลักษณ์ที่เปี่ยมด้วยพระคุณ ขอพระเจ้ายิ่งใหญ่ในสวรรค์และบนแผ่นดินโลกตลอดไปเป็นนิตย์!
อาเมน”

Saint Nektarios of Aegina เป็นหนึ่งในนักบุญกรีกที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องปาฏิหาริย์มากมาย เขาเกิดในปี พ.ศ. 2389 เป็นพระภิกษุในวัยหนุ่มและต่อมาได้กลายเป็นบิชอปแห่งเพนตาโพลิสในโบสถ์ออร์โธดอกซ์แห่งอเล็กซานเดรีย เนื่องจากอุบายและข้อกล่าวหาเท็จจากศัตรู นักบุญจึงถูกส่งตัวไปพักผ่อนและถูกไล่ออกจากโรงเรียน เมื่อย้ายไปกรีซเขาเข้ามาแทนที่นักเทศน์ธรรมดาในจังหวัด Euboea ต่อมาได้ก่อตั้งคอนแวนต์บนเกาะ Aegina อธิการผู้อาวุโสรับตำแหน่งในปี 1920 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักบุญโดยโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์ในปี 2504

1. “คนเหล่านั้นที่แสวงหาความสุขนอกตนเอง ช่างผิดเหลือเกิน ในต่างประเทศและการเดินทาง ความมั่งคั่งและชื่อเสียง ในทรัพย์สินและความสนุกสนานมากมาย ในความสนุกสนานและในสิ่งว่างเปล่าที่จบลงด้วยความขมขื่น! การสร้างหอแห่งความสุขนอกใจก็เหมือนการสร้างบ้านในที่ที่เกิดแผ่นดินไหวตลอดเวลา ความสุขอยู่ในตัวเรา และความสุขมีแก่ผู้ที่เข้าใจสิ่งนี้... ความสุขคือใจที่บริสุทธิ์ เพราะหัวใจดังกล่าวกลายเป็นบัลลังก์ของพระเจ้า พระเจ้าตรัสดังนี้แก่ผู้ที่มีใจบริสุทธิ์ว่า "เราจะอาศัยอยู่ในพวกเขาและดำเนินในพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา" (2 โครินธ์ 6:16) พวกเขาจะพลาดอะไรอีก? ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรจริงๆ! เพราะพวกเขามีสิ่งดีที่สุดอยู่ในใจ – พระเจ้าเอง!” (นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา หนทางสู่ความสุข 1).

2. เข้าถึงความรัก ขอความรักจากพระเจ้าทุกวัน พรและคุณธรรมมากมายมาพร้อมกับความรัก รักที่จะรักคุณมากเกินไป มอบหัวใจทั้งหมดให้กับพระเจ้าเพื่อที่คุณจะอยู่ในความรัก “พระเจ้าทรงเป็นความรัก และบุคคลผู้อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าอยู่ในพระองค์” (1 ยอห์น 4:16)

3. พี่น้อง! พระเจ้าผู้ทรงเมตตาต้องการความสุขสำหรับเราทุกคนในชีวิตนี้และชีวิตหน้า ด้วยเหตุนี้ พระองค์ทรงก่อตั้งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เพื่อชำระเราจากความบาป ชำระเราให้บริสุทธิ์ เพื่อคืนดีกับพระองค์ และประทานพรจากสวรรค์แก่เรา คริสตจักรมีอาวุธให้เราเสมอ ให้เราทั้งหลายรีบเร่งในสิ่งเหล่านี้ เราทุกคนซึ่งมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ให้เรารีบเร่ง แล้วพระศาสนจักรจะยกน้ำหนักของเรา ให้ความกล้าหาญต่อพระเจ้า เติมใจเราด้วยความสุขและความสุข” (St. Nektarios of Aegina, Way to Happiness, 1)

4. คำอธิษฐานและคำวิงวอนของเราไม่ได้นำเราไปสู่ความสมบูรณ์แบบ พระเจ้านำไปสู่ความดีพร้อม ผู้เสด็จมาและสถิตอยู่ในเราเมื่อเราบรรลุพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติข้อแรกประการหนึ่งคือในชีวิตของเรา ไม่ใช่ความประสงค์ของเรา แต่พระประสงค์ของพระเจ้าจะสำเร็จ และเพื่อให้มันเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำด้วยซึ่งมันเกิดขึ้นในสวรรค์กับเทวดา เพื่อที่เราจะพูดได้เช่นกันว่า “พระองค์เจ้าข้า ไม่ใช่อย่างที่ฉันต้องการ แต่ขอให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์ทั้งในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก”

5. “คริสเตียนควรสุภาพกับทุกคน คำพูดและการกระทำของเขาต้องหายใจด้วยพระหรรษทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งสถิตอยู่ในจิตวิญญาณของเขา เพื่อว่าด้วยวิธีนี้พระนามของพระเจ้าจึงได้รับเกียรติ ผู้ตรวจสอบทุกคำ ย่อมตรวจสอบทุกการกระทำ ผู้พิจารณาคำที่เขาจะพูด ตรวจสอบการกระทำที่เขาตั้งใจจะทำ และจะไม่มีวันข้ามขอบเขตของความประพฤติดีและคุณธรรม สุนทรพจน์ที่สง่างามของคริสเตียนมีลักษณะเฉพาะด้วยความละเอียดอ่อนและความสุภาพ นี่คือสิ่งที่ให้กำเนิดความรักนำความสงบสุขและความสุขมาให้ ในทางตรงกันข้าม ความหยาบคายก่อให้เกิดความเกลียดชัง ความเกลียดชัง ความเศร้าโศก ความปรารถนาที่จะชนะ [ในข้อพิพาท] ความไม่สงบและสงคราม” (St. Nektarios of Aegina. The Way to Happiness, 7)

6. ข้างในเรามีความทุพพลภาพ กิเลสตัณหา ข้อบกพร่องที่หยั่งรากลึก ทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกขัดจังหวะด้วยการเคลื่อนไหวที่เฉียบแหลมเพียงครั้งเดียว แต่ด้วยความอดทนและความอุตสาหะ ความเอาใจใส่และความเอาใจใส่ หนทางสู่ความสมบูรณ์แบบนั้นยาวไกล อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเสริมกำลังคุณ ยอมรับการล้มของคุณอย่างอดทนและลุกขึ้นวิ่งไปหาพระเจ้าทันทีอย่าหยุดที่ที่คุณล้มลง อย่าสิ้นหวังถ้าคุณยังคงตกอยู่ในบาปเก่า หลายคนแข็งแกร่งจากทักษะที่ได้มา แต่เมื่อเวลาผ่านไปและด้วยความขยัน พวกเขาจะพ่ายแพ้ อย่าให้ความหวังใดมากีดกันคุณ” (St. Nektarios of Aegina, Way to Happiness, 3)

7. การล่อลวงถูกส่งมาเพื่อให้ความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ปรากฏขึ้นและเป็นไปได้ที่จะต่อสู้กับพวกเขาและเพื่อให้วิญญาณได้รับการเยียวยา และพวกเขายังเป็นสัญญาณแห่งความเมตตาของพระเจ้าด้วย ดังนั้นจงมอบตัวด้วยความมั่นใจในมือของพระเจ้าและขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อพระองค์จะทรงเสริมกำลังคุณในการต่อสู้ของคุณ พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบดีว่าเราแต่ละคนสามารถอดทนได้มากแค่ไหนและยอมให้การล่อลวงอย่างสุดความสามารถ พึงระลึกว่าการทดลองตามมาด้วยความปิติยินดีฝ่ายวิญญาณ และพระเจ้าทรงดูแลผู้ที่อดทนต่อการทดลองและความทุกข์เพราะเห็นแก่ความรักของพระองค์” (St. Nektarios of Aegina, Way to Happiness, 4)

8. คริสเตียน เราได้ตระหนักถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ที่เราได้กระทำต่อพระพักตร์พระเจ้าผ่านบัพติศมาหรือไม่? เราตระหนักหรือไม่ว่าเราต้องประพฤติตนเป็นลูกของพระเจ้า เราต้องระบุเจตจำนงของเราด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า ว่าเราต้องปราศจากบาป ว่าเราต้องรักพระเจ้าด้วยสุดใจของเรา และตั้งตารอที่จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับพระองค์ ตลอดไป? เราเคยคิดบ้างไหมว่าหัวใจของเราควรจะเต็มไปด้วยความรักเพื่อที่จะได้หลั่งไหลมาสู่เพื่อนบ้านของเรา? เรารู้สึกว่าจำเป็นต้องบริสุทธิ์และดีพร้อม ลูกของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นทายาทแห่งอาณาจักรสวรรค์หรือไม่? เพื่อเห็นแก่สิ่งนี้ เราต้องต่อสู้เพื่อไม่ให้ไร้ค่าและถูกปฏิเสธ อย่าให้พวกเราสูญเสียความกล้าหาญ ปล่อยให้เขาไม่ละเลยหน้าที่ ให้เขาไม่กลัวความยากลำบากของการต่อสู้ฝ่ายวิญญาณ เพราะเรามีพระเจ้าเป็นผู้ช่วยของเรา ผู้ทรงเสริมกำลังเราบนเส้นทางแห่งคุณธรรมที่ยากลำบาก” (St. Nektarios of Aegina, Path to Happiness, 2)

9. “บรรดาผู้ปฏิเสธความเป็นอมตะของจิตวิญญาณบ่อนทำลายทั้งกฎศีลธรรมและรากฐานพื้นฐานของสังคมซึ่งพวกเขาต้องการเห็นการพังทลายและกลายเป็นซากปรักหักพังเพื่อพิสูจน์ว่ามนุษย์เป็นลิงซึ่งพวกเขาอ้างอย่างภาคภูมิใจว่า พวกเขาสืบเชื้อสายมา”
(นักบุญ Nektarios แห่ง Aegina "ศึกษาความเป็นอมตะของจิตวิญญาณและบริการที่ระลึก" 1901)

10. “ทฤษฎีดาร์วินควรจะปรากฏออกมาเป็นคำตอบสำหรับคำถามทางมานุษยวิทยาผ่านการนำแบบจำลองวิวัฒนาการมาใช้ ทฤษฎีเหล่านี้ไม่มีรากฐานที่มั่นคง แทนที่จะแก้ปัญหา ทำให้มันซับซ้อนยิ่งขึ้น เพราะพวกเขาปฏิเสธความสำคัญของความจริงที่เปิดเผยแก่เรา โดยพิจารณาว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตในลำดับเดียวกันกับสัตว์ที่ไม่มีเหตุผล ปฏิเสธจิตวิญญาณของเขาโดยกำหนดให้เขามีต้นกำเนิดที่ต่ำมาก สาเหตุหลักของความผิดพลาดคือการปฏิเสธต้นกำเนิดที่สูงส่งของมนุษย์และธรรมชาติทางจิตวิญญาณของเขา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นเรื่องแปลกและโลกฝ่ายเนื้อหนัง โดยทั่วไป โดยไม่ยอมรับความจริงที่เปิดเผยแก่เรา คำถามของมนุษย์จะยังคงเป็นปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข การยอมรับสิ่งนี้เป็นรากฐานที่มั่นคงและเชื่อถือได้ซึ่งทุกคนที่ศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์จะต้องสร้างตัวเอง นี่คือจุดที่จำเป็นต้องเริ่มต้นเพื่อแก้ไขส่วนต่าง ๆ ของปัญหาที่ซับซ้อนนี้อย่างถูกต้องและค้นหาความจริงโดยใช้วิทยาศาสตร์ที่แท้จริง
(นักบุญ Nektario แห่ง Aegina "หมายเหตุเกี่ยวกับผู้ชาย", 2436)

นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา นักบุญที่ได้รับการยกย่องจากคริสตจักรกรีก อาศัยอยู่ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 19-20
นักบุญในอนาคตเกิดในครอบครัวของผู้ปกครองที่เคร่งศาสนาในปี พ.ศ. 2389 ในเมืองธราเซียนเซลิฟเรียซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลในการรับบัพติสมาเขาได้รับการตั้งชื่อว่าอนาสตาซิอุส ในฐานะที่เป็นผู้ที่ได้รับเลือกอย่างแท้จริงจากพระเจ้า เด็กชายตั้งแต่วัยเด็กตกหลุมรักพระวิหาร พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และเรียนรู้ที่จะอธิษฐาน ความยากจนของพ่อแม่ไม่อนุญาตให้เขาเรียนที่บ้าน และเมื่ออายุ 14 เขาเดินทางไปคอนสแตนติโนเปิลเพื่อไปทำงานและจ่ายค่าเล่าเรียน

ชีวิตในเมืองใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กชายได้งานที่โรงงานยาสูบ แต่มีเงินไม่เพียงพอและในวันหนึ่งด้วยความสิ้นหวังเมื่อรู้ว่าไม่มีใครรอความช่วยเหลือ Anastasy ตัดสินใจถามคนที่เขารักมากและความช่วยเหลือจากใคร พึ่งพาตลอดชีวิตของเขา เขาเขียนจดหมายถึงพระเจ้า: "พระคริสต์ของฉัน ฉันไม่มีผ้ากันเปื้อน ไม่มีรองเท้า ฉันขอให้คุณส่งพวกเขามาให้ฉัน คุณรู้ว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน" บนซองจดหมายเขาเขียนที่อยู่: "ถึงพระเจ้าพระเยซูคริสต์ในสวรรค์" และขอให้เขานำจดหมายไปที่ที่ทำการไปรษณีย์ของพ่อค้าเพื่อนบ้านของเขา เขาประหลาดใจกับลายเซ็นที่ผิดปกติบนซองจดหมาย เปิดจดหมายและเมื่อเห็นคำขอดังกล่าวและพลังแห่งศรัทธา เขาจึงส่งเงินให้เด็กชายในนามของพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงไม่ทรงละทิ้งผู้ที่พระองค์ทรงเลือกไว้
หลายปีผ่านไป แต่สิ่งล่อใจของเมืองใหญ่ไม่ได้สัมผัสเด็กหนุ่ม เมื่อก่อนเขาอุทิศเวลาว่างทั้งหมดในการอธิษฐานและศึกษาบรรพบุรุษผู้ศักดิ์สิทธิ์ ความฝันของเขาคือการเทศนาพระวจนะของพระเจ้า

เมื่ออายุได้ 22 ปี อนาสตาซีย้ายไปอยู่ที่ประมาณ Chios เริ่มทำงานเป็นครูในโรงเรียน ที่นี่เขาไม่เพียงแต่สอน แต่ยังสั่งสอนอีกด้วย อิทธิพลของเขาที่มีต่อนักเรียนของเขาทำให้พวกเขาและผู้ใหญ่ทุกคนได้รับความรักและความเคารพอย่างสุดซึ้งจากเขาโดยผ่านทางพวกเขา เขาสร้างคณะนักร้องประสานเสียงที่ยอดเยี่ยมจากนักเรียนของเขาและร้องเพลงร่วมกับพวกเขาในโบสถ์ประจำหมู่บ้าน แต่จิตวิญญาณของเขาถูกดึงดูดไปสู่การบวช Anastassy ไปเยี่ยม Athos และพูดคุยกับผู้เฒ่าและในที่สุดก็ไปที่วัดซึ่งเขาได้รับเสียงและยศนักบวชชื่อ Nectarios ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักในหลายประเทศ
ชายหนุ่มมักไปเยี่ยมชมอารามของ Neo Moni ด้วยใจที่เขามีต่อชีวิตนักบวช ในนั้นเขาให้คำสัตย์สาบานด้วยชื่อลาซารัสและหลังจากใช้เวลาสามปีที่นั่นเขาได้รับเกียรติจากการแต่งตัวในเสื้อคลุมและการบวชให้กับมัคนายกด้วยชื่อใหม่ Nectarios (ชื่อ Nectarios หมายถึงอมตะ)

หลังจากได้รับโอกาสในการศึกษาต่อ Nectarios จบการศึกษาจากคณะเทววิทยาในกรุงเอเธนส์และในขณะเดียวกันเขาก็ถูกนำตัวเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นโดยสังฆราช Saphrony แห่งอเล็กซานเดรีย เมื่ออายุได้สี่สิบปี พระสังฆราชได้แต่งตั้ง Nectarios ให้เป็นพระสงฆ์ ด้วยความกระตือรือร้นและไม่เห็นแก่ตัว เขายอมรับการเชื่อฟังใหม่และแต่งตั้งให้โบสถ์เซนต์นิโคลัสในกรุงไคโร ไม่กี่ปีต่อมา ในโบสถ์แห่งนี้ เขาได้รับการถวายเป็นบิชอปแห่งเพนตาโพลิส ศักดิ์ศรีของสังฆราชไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมของ Nectarios แต่อย่างใด เขายังคงแสวงหาเพียงความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้น

ในจดหมายฉบับหนึ่งของสมัยนั้น นักบุญเล่าถึงความฝันอันน่าทึ่งที่นักบุญนิโคลัสผู้พิชิตได้ปรากฏแก่เขา ควรเสริมว่าในขณะนั้น Nectarios กำลังฟื้นฟูวัดในกรุงไคโรเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ในความฝัน Nectarios ได้เห็นหลุมฝังศพของ Nicholas the Wonderworker และในนั้นเอง Pleasant of God เองก็มีชีวิตราวกับกำลังหลับใหล จากนั้น Nicholas the Wonderworker ก็ลุกขึ้นจากศาลและยิ้มอย่างเสน่หาขอให้ Nektario ประดับบัลลังก์ของเขาในวิหารด้วยทองคำแล้วกอดเขาและจูบเขา เห็นได้ชัดว่าการจูบของบิชอปนิโคลัสผู้ยิ่งใหญ่นี้มีความหมายถึงความโปรดปรานเป็นพิเศษสำหรับนักบุญเนคทาริโอส และบางทีอาจเป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดของกำนัลและเครือญาติของวิญญาณในพระคริสต์

การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรักของพระสังฆราชและประชาชน และชีวิตที่บริสุทธิ์และบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นของนักบุญได้ปลุกเร้าความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังในหลาย ๆ คน
ผู้มีอิทธิพลของศาลปรมาจารย์กลัวว่าความรักสากลสำหรับนักบุญจะนำเขาไปสู่จำนวนผู้แข่งขันในตำแหน่งสังฆราชสังฆราชแห่งอเล็กซานเดรียเนื่องจาก Saphrony อยู่ในวัยที่ก้าวหน้าแล้ว พวกเขาใส่ร้ายนักบุญโดยกล่าวหาเขาไม่เพียง แต่บุกรุกผู้เฒ่าผู้แก่ แต่ยังมีชีวิตที่ผิดศีลธรรมด้วย เมืองหลวงของ Pentapolis ถูกไล่ออกและต้องออกจากดินแดนอียิปต์ เขาไม่ได้พยายามที่จะพิสูจน์หรือปกป้องตัวเอง “จิตสำนึกที่ดีเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันเป็นราคาของความสงบของจิตใจและความสงบของจิตใจ” นักบุญกล่าวในคำเทศนาของเขาโดยออกจากธรรมาสน์ของเขาตลอดไป อารมณ์ที่เป็นศัตรูตามเขาไปราวกับเงาในเอเธนส์ซึ่งเขาย้ายไป เขาไปหาเจ้าหน้าที่อย่างไร้ประโยชน์พวกเขาไม่ต้องการยอมรับเขาทุกที่ โดยพระคุณของพระเจ้า บิชอปที่ลากชีวิตที่น่าสังเวชออกไป ไม่เพียงถูกลิดรอนจากการปลอบประโลมเท่านั้น แต่ยังขาดอาหารประจำวันของเขาอีกด้วย แต่พระเจ้าประทานบำเหน็จแก่เขาสำหรับความอดทนของเขา

ครั้งหนึ่ง เมื่อยอมรับการปฏิเสธจากกระทรวงศาสนาอีกครั้ง นักบุญก็ลงบันไดรัฐมนตรีด้วยน้ำตาคลอเบ้า เมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ นายกเทศมนตรีของเมืองก็พูดกับเขา เมื่อทราบเกี่ยวกับชะตากรรมที่ Nectarios อยู่ นายกเทศมนตรีจึงได้รับตำแหน่งเป็นนักเทศน์
ความรักของผู้คนมาพร้อมกับ Nectarios แต่จนถึงบั้นปลายชีวิต เขาต้องแบกไม้กางเขนพลัดถิ่นและชื่อมหานครที่อับอายขายหน้า ซึ่งไม่ได้อยู่ในโบสถ์ autocephalous ใด ๆ บางครั้ง เขามีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ เมื่อพระสังฆราชโฟติอุสคนใหม่เข้ายึดบัลลังก์ในอเล็กซานเดรีย นักบุญได้ส่งจดหมายถึงเขาเกี่ยวกับการพิจารณาคดีอีกครั้งและตระหนักถึงฝ่ายอธิการของเขา แต่ความหวังก็ไร้ผล ผู้เฒ่าคนใหม่ไม่ตอบคำขอของเขาด้วยซ้ำ เมืองหลวงเพนตาโพลิสถูกบังคับให้อยู่ในตำแหน่งตามบัญญัติที่เข้าใจยาก จนกระทั่งสิ้นสุดวันเวลาของเขา ลงนามในเอกสารทั้งหมดของเขาในฐานะ "บาทหลวงเดินทาง"

ความมืดแห่งการใส่ร้ายค่อยๆ หายไปจากชื่อของนักบุญผู้ต้องอับอาย ผู้คนเห็นชีวิตที่บริสุทธิ์และดีงามของเขา ฟังคำเทศนาที่ได้รับการดลใจ ปรารถนาให้เขา ความรุ่งโรจน์ของเมืองหลวงของ Pentapolis จากจังหวัดในไม่ช้าก็มาถึงเมืองหลวงและพระราชวังของกรีก ราชินีโอลก้าได้พบกับเขาในไม่ช้าก็กลายเป็นลูกสาวฝ่ายวิญญาณของเขา ต้องขอบคุณเธอ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนศาสนศาสตร์ริซารีในกรุงเอเธนส์
ในช่วงบั้นปลายชีวิต นักบุญก็โดนโจมตีอีกครั้ง มาเรีย คูดา วัย 18 ปี มาที่วัด หนีจากแม่เทียนเผด็จการ นักบุญเนคทาริโอสรับเธอเข้าอาราม จากนั้นแม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนักบุญ โดยกล่าวหาเขาว่าล่อใจเด็กผู้หญิงและฆ่าทารกที่พวกเขาคาดว่าจะให้กำเนิด ผู้ตรวจสอบที่มาถึงวัดเรียกนักบุญว่าเซนทอร์แล้วลากผู้เฒ่าไปที่เคราและเขาก็ตอบเขาอย่างถ่อมตนและเตรียมอาหารสำหรับผู้กระทำความผิดโดยห้ามไม่ให้แม่ชีร้องไห้และบ่น เด็กหญิงถูกตรวจโดยแพทย์และยืนยันความสะอาดของเธอ แน่นอนว่าไม่พบทารกที่ "ถูกฆ่า" เช่นกัน หลังจากนั้นแม่ของหญิงสาวก็กลายเป็นบ้า นักสืบล้มป่วยหนักและมาขอการอภัยจากนักบุญ

ปีแห่งชีวิตทางโลกของนักบุญในขณะเดียวกันก็สิ้นสุดลง เมื่อรู้สึกเช่นนี้ เขาจึงอธิษฐานขอให้พระเจ้าขยายระยะเวลาที่วัดได้เพื่อดำเนินกิจการทั้งหมดในอารามให้เสร็จสิ้น แต่เช่นเดียวกับตลอดชีวิตของเขา เขาพูดอย่างนอบน้อม: "พระประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จ!"

โรคที่ซ่อนเร้นมานานในที่สุดก็ได้รับผลกระทบ พร้อมกับแม่ชีสองคนเขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล เมื่อมองดูชายชราตัวเล็กที่สวมเสื้อคอกระเช้าซึ่งมีความเจ็บปวดสาหัส เจ้าหน้าที่ประจำหน้าที่ถามว่า “เขาเป็นพระหรือ?” “ไม่ใช่” แม่ชีตอบ “เขาเป็นอธิการ” “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นอธิการที่ไม่มี panagia กากบาทสีทอง และที่สำคัญที่สุด - ไม่มีเงิน” เจ้าหน้าที่กล่าว

นักบุญถูกวางไว้ในวอร์ดอัตราที่สามสำหรับผู้ป่วยที่รักษาไม่หาย เขาใช้เวลาอีกสองเดือนในความทุกข์ทรมาน ในวันเฉลิมฉลองเทวทูตของพระเจ้าไมเคิลและพลังแห่งสวรรค์ทั้งหมดพระเจ้าเรียกตัวเองว่าวิญญาณของ St. Nectarios

เขาอยู่ในโรงพยาบาลได้ไม่นาน เขากลายเป็นมะเร็ง ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเช่นกัน พยาบาลสังเกตว่าผ้าพันแผลที่พันแผลของนักบุญมีกลิ่นหอม ชายที่เป็นอัมพาตคนหนึ่งนอนอยู่ในวอร์ดร่วมกับนักบุญ และเมื่อวิญญาณของนักบุญจากโลกนี้ไป เขาได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์ผ่านเสื้อของ Saint Nectarios

ทันทีหลังจากที่ท่านสิ้นพระชนม์ ร่างของนักบุญก็เริ่มหลั่งมดยอบ เมื่อโลงศพถูกนำไปที่ Aegina ทั้งเกาะก็ออกมาดูนักบุญของพวกเขาด้วยน้ำตา ผู้คนถือโลงศพของนักบุญไว้ในอ้อมแขน และสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมระหว่างงานศพของนักบุญมีกลิ่นหอม พระหัตถ์และใบหน้าของนักบุญของพระเจ้าหลั่งมดยอบอย่างล้นเหลือ และแม่ชีก็เก็บขนแกะมดยอบ

Saint Nektario ถูกฝังอยู่ในห้องใต้ดินของอาราม หลายครั้งที่ห้องใต้ดินถูกเปิดด้วยเหตุผลหลายประการ และทุกครั้งที่พวกเขาเชื่อว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย แม้แต่ดอกไวโอเล็ตที่วางอยู่ในโลงศพของหญิงสาวก็ยังไม่ถูกสัมผัสด้วยการระอุ

ความตายอันชอบธรรมของนักบุญตามมาในวันที่ 9 พฤศจิกายน แบบเก่า 1920. ในปีพ. ศ. 2504 นักบุญได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญและพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้รับการยกขึ้น ปรากฎว่าเหลือแต่กระดูก ดังที่ผู้สารภาพกล่าว พระธาตุสลายไปเพื่อจะได้นำพาไปทั่วโลกเพื่อรับพรจาก St. Nectarios

มีชีวิตอยู่ในฐานะแม่ชีเหมือนลำดับชั้นที่ฉลาด / สรรเสริญพระเจ้าด้วยชีวิตที่มีคุณธรรม Nectarios นับถือ / เช่นเดียวกันผู้ปลอบโยนก็ได้รับเกียรติจากความแข็งแกร่ง / ด้วยพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของคุณ / ขับไล่ปีศาจและรักษาคนป่วย / โดยศรัทธาของผู้มา

Troparion, ch. 4

ฟ้าร้องศักดิ์สิทธิ์, แตรวิญญาณ, ศรัทธาต่อชาวไร่และคนนอกรีต, ที่ชื่นชอบของตรีเอกานุภาพ, นักบุญเนคทาริโอสผู้ยิ่งใหญ่, ยืนอยู่กับเทวดาตลอดไป, อธิษฐานอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อพวกเราทุกคน

คอนดัก, ช. 2

พี่น้องที่รัก!

เมื่อวันที่ 9 (22) โลกออร์โธดอกซ์ให้เกียรติในความทรงจำของ St. Nektarios แห่ง Aegina, Metropolitan of Pentapolis (ในโลก - Anastasius Kefalas) ซึ่งเกิดใกล้กรุงคอนสแตนติโนเปิลในปี 2389 ความเลื่อมใสของนักบุญในโบสถ์ตะวันออกคือ เปรียบได้กับความเคารพในรัสเซียของสาธุคุณและบิดาผู้ให้กำเนิดพระเจ้าเซราฟิมแห่งซารอฟ

หัวใจของอาร์คบิชอปจอห์นแห่งเซี่ยงไฮ้และซานฟรานซิสโก Wonderworker ถูกเผาไหม้ด้วยความรักเป็นพิเศษสำหรับนักบุญ ไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะสิ้นพระชนม์ Vladyka John ขอให้ตีพิมพ์ชีวิตของ St. Nektarios เป็นภาษาอังกฤษในฉบับ "Orthodox Word" ("Orthodox Word") ไอคอนของ St. Nektarios ถูกเก็บไว้โดย Bishop John ที่มุมสีแดง ตามคำบอกเล่าของนักบวชชาวกรีกท่านหนึ่ง ท่านวางไว้บนแท่นบูชาในระหว่างการเฉลิมฉลองพิธีสวดศักดิ์สิทธิ์

ตั้งแต่อายุยังน้อย Saint Nectarios ในอนาคตถูกบังคับให้หาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานหนัก อย่างไรก็ตาม ขาดเงินทุนสำหรับชีวิตและการศึกษาอย่างมาก แต่วันหนึ่ง ความช่วยเหลือด้านวัตถุมาจากเพื่อนบ้านพ่อค้าที่เคร่งศาสนาด้วยวิธีอัศจรรย์ เมื่อยังเป็นวัยรุ่น อนาสตาเซียสได้ย้ายไปอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งในกรีกและได้งานเป็นครูในโรงเรียน การสอนรวมกับการเทศนาของออร์โธดอกซ์เขาเปลี่ยนวิญญาณของนักเรียนมาหาพระคริสต์ อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของเขาถูกดึงดูดไปสู่ลัทธิสงฆ์ และหลังจากไตร่ตรองแล้วเขาก็ไปที่อารามรับเสียงและยศนักบวชชื่อเนคทารี

ในปี พ.ศ. 2429 พระสังฆราช Sofroniy ได้แต่งตั้ง Nectarios ให้ดำรงตำแหน่งปุโรหิตที่อาราม Alexandria Savva และจากนั้นได้เลื่อนยศเป็นหัวหน้า ในปี พ.ศ. 2432 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระสังฆราชแห่งเพนตาพลโดยมีตำแหน่งเป็นมหานคร ตำแหน่งสูงไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของนักบุญ อย่างไรก็ตาม ศัตรูของเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ก่อการกดขี่ข่มเหงและการใส่ร้ายที่น่ารังเกียจที่สุดต่อท่านลอร์ด อันเป็นผลมาจากการที่นักบุญถูกส่งไปพักผ่อนและเขาออกจากอียิปต์ ในเวลาเดียวกัน Bishop Nektary ไม่ได้พยายามปกป้องตัวเองหรือหาเหตุผลให้ตัวเอง หลังจากการทดลองหลายครั้ง ต้องขอบคุณความพยายามของนายกเทศมนตรีผู้เคร่งศาสนา เขาได้เข้ามาแทนที่นักเทศน์ธรรมดาๆ ในจังหวัด Euboea ในขณะที่ยังคงดำเนินชีวิตในสภาพวัตถุที่คับแคบมาก

เมื่อเวลาผ่านไป มหานครที่ถูกเนรเทศก็ได้รับความรักและความเคารพจากฝูงแกะใหม่ของเขา และด้วยการสนับสนุนของราชินีโอลก้า (หลานสาวของจักรพรรดินิโคลัสที่ 1) จึงได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนศาสนศาสตร์ในกรุงเอเธนส์ เขาเขียนผลงานหลายชิ้น: The Priest's Handbook (Athens, 1907), Historical Study of the Causes of the Schism of 1054, on the Causes of the Continued Separation of the Eastern and Western Churches and the Problems of a Possible Union (สองฉบับ, เอเธนส์ 2455/56) การศึกษาประวัติศาสตร์เกี่ยวกับไม้กางเขนล้ำค่า" (เอเธนส์ 2457) และ "การศึกษาความลึกลับของพระเจ้า" (เอเธนส์ 2458)

พระคุณของพระเจ้าก็เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนต่อนักบุญ: ผู้คนต่างเฉลิมฉลองการมีตาทิพย์ของพระองค์ ของประทานแห่งการรักษา ด้วยพรจากท่านลอร์ด อารามตรีเอกานุภาพสตรีบนเอจิน่าจึงถูกก่อตั้งขึ้น ซึ่งผู้อยู่อาศัยเหล่านี้ล้วนเป็นบุตรธิดาฝ่ายวิญญาณ ทั้งชีวิตของอารามใหม่ผ่านไปภายใต้การแนะนำของ St. Nektario ซึ่งพี่สาวน้องสาวยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ เขาใช้เวลาสิบสองปีสุดท้ายของชีวิตกับแม่ชี เลี้ยงดูพวกเขาเพื่ออาณาจักรสวรรค์ ในช่วงเวลานี้วัดถูกวางในระเบียบเศรษฐกิจถูกปรับ

ในระหว่างนี้ หลายปีแห่งชีวิตบนโลกของนักบุญใกล้จะสิ้นสุด เขาล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งและใช้เวลาสองเดือนในความทุกข์ทรมานแสนสาหัส อย่างไรก็ตาม ไม่หยุดที่จะขอบคุณพระเจ้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463 เวลา 22.30 น. วลาดีก้าไปหาพระเจ้า ผู้เรียบเรียงชีวิตของนักบุญ Archimandrite Ambrose (Fontrier) ในหนังสือ "St. Nektarios of Aegina ชีวประวัติ” (M.: Sretensky Monastery Publishing House, 2015) เขียนว่า:
“ร่างของนักบุญยังคงอยู่ในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลเป็นเวลาสิบเอ็ดชั่วโมง และตั้งแต่นาทีแรกก็ได้กลิ่นหอมของความศักดิ์สิทธิ์ออกมา นอกจากนี้ยังมีเตียงที่คนในท้องถิ่นที่เป็นอัมพาตนอนอยู่ แม่ชีเริ่มเตรียมร่างกายเพื่อส่งไปยังเอจิน่า พวกเขาถอดเสื้อยืดตัวเก่าออกจากนักบุญเพื่อสวมเสื้อผ้าที่สะอาด และวางลงบนเตียงของคนเป็นอัมพาต... และทันทีที่คนเป็นอัมพาตก็ลุกขึ้นไปสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงให้การรักษาแก่เขา ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงเปิดเผยความศักดิ์สิทธิ์ของผู้รับใช้ของพระองค์และถวายเกียรติแด่พระองค์ด้วยการอัศจรรย์ครั้งแรก”

พระหัตถ์และใบหน้าของนักบุญของพระเจ้าหลั่งมดยอบอย่างล้นเหลือ และแม่ชีก็เก็บขนแกะมดยอบ เมื่อวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2504 โดยพระราชกฤษฎีกาปรมาจารย์และสังฆราชแห่งสังฆราชแห่งคอนสแตนติโนเปิล Metropolitan Nectarios ได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญและพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้รับการยกขึ้น ปรากฎว่าเหลือแต่กระดูก ตามคำกล่าวของบรรดาผู้อาวุโส พระธาตุได้สลายไปเพื่อที่พวกเขาจะได้พาไปทั่วโลกเพื่อรับพรจาก St. Nectarios
ชีวิตของนักบุญเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและการทดลองอย่างหนัก ตั้งแต่ยังเด็ก เขาหาเลี้ยงชีพด้วยการทำงานหนัก เมื่อขึ้นบันไดโบสถ์สูงขึ้นเพราะคำใส่ร้ายเขาถูกไล่ออกจากธรรมาสน์และอาศัยอยู่ในความยากจนเป็นเวลานาน การสิ้นพระชนม์ของนักบุญตามหลังความเจ็บป่วยอันแสนเจ็บปวดในหอผู้ป่วยสามัญ ร่วมกับคนธรรมดา แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนของนักบุญเอาชนะความตายทั้งทางร่างกายและทางวิญญาณ - หลังจากการตายของเขา ปาฏิหาริย์และการรักษามากมายก็ปรากฏขึ้น ซึ่งดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นพระเจ้าจึงทรงยกย่องผู้รับใช้ของพระองค์เพราะความจงรักภักดีและความเมตตากรุณาของเขา

เป็นเรื่องปกติที่ Saint Nectarius จะสวดอ้อนวอนขอให้หายจากโรคมะเร็งและอาการปวดหัว ดังนั้นในรัสเซียในศูนย์เนื้องอกวิทยาของเด็กที่ Kashirskoye Shosse มีโบสถ์ซึ่งมีไอคอนอันน่าอัศจรรย์ของ St. Nektarios ซึ่งอุทิศให้กับพระธาตุของเขา ในมอสโกยังมีอนุภาคของพระธาตุของ St. Nektario ในโบสถ์ของไอคอนของพระมารดาแห่งพระเจ้า "Life-Giving Spring" ใน Tsaritsyno ทางด้านซ้าย ในโบสถ์ออลเซนต์ใน Krasnoye Selo ส่วนหนึ่งของหลุมฝังศพของ St. Nektarios of Aegina ถูกเก็บไว้ในสุสาน

คำแนะนำของนักบุญ:

(อิงจากหนังสือ: St. Nektarios of Aegina. The Way to Happiness. M.: Orthodox Missionary Society ตั้งชื่อตาม St. Serapion Kozheozersky, 2011. แปลจากภาษากรีก: nun Dionisia, deacon Georgy Maximov)

“คนเหล่านั้นที่แสวงหาความสุขนอกตนเอง ช่างผิดเหลือเกิน ในต่างประเทศและการเดินทาง ในความมั่งคั่งและสง่าราศี ในทรัพย์สินและความเพลิดเพลินมากมาย ในความเพลิดเพลินและส่วนเกิน และในสิ่งว่างเปล่าที่จบลงด้วยความขมขื่น! การสร้างหอแห่งความสุขนอกใจก็เหมือนการสร้างบ้านในที่ที่เกิดแผ่นดินไหวตลอดเวลา ในไม่ช้าอาคารดังกล่าวจะพังทลาย ... "

“พี่น้องกัน! ความสุขอยู่ในตัวเรา และความสุขมีแก่ผู้ที่เข้าใจสิ่งนี้ ทดสอบหัวใจของคุณและสังเกตสถานะทางวิญญาณ บางทีความกล้าหาญก่อนที่พระเจ้าจะสูญหายไป? บางทีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอาจมีความผิดฐานละเมิดพระบัญญัติของพระองค์? บางทีเธออาจตำหนิคุณสำหรับความอยุติธรรมสำหรับการโกหกที่ไม่ปฏิบัติตามภาระหน้าที่ของเราต่อพระเจ้าและเพื่อนบ้าน? รู้สึกว่าบางทีความชั่วร้ายและกิเลสได้เติมเต็มหัวใจของคุณบางทีมันอาจจะเบี่ยงเบนไปในเส้นทางที่คดเคี้ยวและไม่ผ่าน ... "

“พี่น้องกัน! พระเจ้าผู้ทรงเมตตาที่สุดต้องการความสุขสำหรับเราทุกคนในชีวิตนี้และชีวิตหน้า ในการทำเช่นนี้ พระองค์ทรงก่อตั้งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ เพื่อที่เธอจะได้ชำระเราจากบาป เพื่อที่เธอจะชำระเราให้บริสุทธิ์ คืนดีกับพระองค์ และประทานพรจากสวรรค์แก่เรา

“จุดประสงค์ของชีวิตเราคือการเป็นคนดีพร้อมและบริสุทธิ์ เป็นบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นทายาทแห่งอาณาจักรสวรรค์ ขอให้เราระแวดระวัง - เพื่อไม่ให้สูญเสียอนาคตเพื่อเห็นแก่ชีวิตปัจจุบัน เพื่อไม่ให้ละเลยจุดประสงค์ของชีวิตเราจากความกังวลและปัญหาทางโลก

“ประดับประทีปด้วยคุณธรรม พยายามขจัดกิเลสตัณหาฝ่ายวิญญาณ ชำระจิตใจของคุณจากความสกปรกทั้งหมดและรักษาให้สะอาด เพื่อที่พระเจ้าจะเสด็จลงมาและสถิตอยู่ในคุณ เพื่อที่พระองค์จะเติมคุณด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ด้วยของประทานจากสวรรค์

“ข้างในเรามีความทุพพลภาพ กิเลสตัณหา ข้อบกพร่องที่หยั่งรากลึก ซึ่งส่วนมากเป็นกรรมพันธุ์ ทั้งหมดนี้ไม่ได้ถูกขัดจังหวะด้วยการเคลื่อนไหวที่เฉียบแหลมเพียงครั้งเดียวหรือโดยความวิตกกังวลและความรู้สึกที่ยากลำบาก แต่ด้วยความอดทนและความเพียรเมื่อฉันรอด้วยความอดทนความเอาใจใส่และเอาใจใส่

“เส้นทางที่นำไปสู่ความสมบูรณ์แบบนั้นยาวไกล อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเสริมกำลังคุณ ยอมรับการล้มของคุณอย่างอดทนและทันที ลุกขึ้นวิ่ง [ไปหาพระเจ้า] อย่าหยุดเหมือนเด็ก ๆ ที่ที่คุณล้มลงร้องไห้และสะอื้นไห้อย่างไม่สะทกสะท้าน

“จงวางใจในพระเจ้าที่ดี แข็งแกร่ง ผู้ทรงพระชนม์อยู่ และพระองค์จะทรงนำคุณไปสู่ที่พักผ่อน พึงระลึกว่าการทดลองตามมาด้วยความปิติยินดีฝ่ายวิญญาณ และพระเจ้าทรงดูแลผู้ที่อดทนต่อการทดลองและความทุกข์ทรมานเพื่อเห็นแก่ความรักของพระองค์ ดังนั้นอย่าขี้ขลาดและอย่ากลัวเลย”

“จงระวังรักษาใจเพื่อปกป้องความปิติยินดีของพระวิญญาณบริสุทธิ์และอย่าให้มารร้ายเทพิษของเขาลงในเรา พึงระวังว่าสวรรค์ที่อยู่ในตัวคุณจะไม่กลายเป็นนรก

“งานที่สำคัญที่สุดของมนุษย์คือการอธิษฐาน มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อสรรเสริญพระเจ้า นี่คืองานที่สมควรได้รับ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่สามารถเปิดเผยแก่นแท้แห่งจิตวิญญาณของมัน นี้เพียงอย่างเดียวปรับตำแหน่งฉุกเฉินของเขาในจักรวาลทั้งหมด มนุษย์ถูกสร้างมาเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าและมีส่วนร่วมกับความดีและความสุขอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์”

“วางใจพระเจ้าด้วยความห่วงใยทั้งหมดของคุณ พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ให้คุณ อย่าท้อแท้และไม่ต้องกังวล ผู้ที่สำรวจส่วนลึกที่ซ่อนอยู่ในจิตวิญญาณมนุษย์รู้เกี่ยวกับความปรารถนาของคุณและมีพลังที่จะทำให้สำเร็จในแบบที่ [เท่านั้น] พระองค์สามารถทำได้ คุณขอพระเจ้าและอย่าสูญเสียความกล้าหาญ อย่าคิดว่าเพราะความทะเยอทะยานของคุณศักดิ์สิทธิ์ คุณมีสิทธิ์บ่นเมื่อไม่ได้ยินคำอธิษฐานของคุณ พระเจ้าจะเติมเต็มความปรารถนาของคุณในแบบที่คุณไม่รู้ สงบสติอารมณ์และร้องทูลต่อพระเจ้า”

“สันติสุข [ของจิตวิญญาณ] เป็นของประทานจากสวรรค์ที่ประทานแก่ผู้ที่คืนดีกับพระผู้เป็นเจ้าและบรรลุพระบัญญัติจากสวรรค์ โลกนี้เป็นความสว่าง และหลุดพ้นจากความบาป ซึ่งก็คือความมืด นั่นคือเหตุผลที่คนบาปไม่เคยสงบลง [ไม่พบความสงบในจิตวิญญาณ]”

“การชำระให้บริสุทธิ์ทำให้ใจที่สับสนและหงุดหงิด มืดมนด้วยความเป็นปฏิปักษ์ต่อเพื่อนบ้าน ดังนั้น เรามาสร้างสันติภาพกับพี่ชายของเราโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เสียพระคุณของพระเจ้าซึ่งทำให้ใจเราบริสุทธิ์”

“ผู้ที่อยู่อย่างสงบสุขกับตนเองและอยู่อย่างสงบสุขกับเพื่อนบ้านก็อยู่อย่างสันติกับพระเจ้า บุคคลเช่นนี้เปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์เพราะว่าพระเจ้าเองทรงสถิตอยู่ในเขา”

“บรรลุความรัก ขอความรักจากพระเจ้าทุกวัน พรและคุณธรรมมากมายมาพร้อมกับความรัก รักที่จะรักคุณมากเกินไป มอบหัวใจทั้งหมดให้กับพระเจ้าเพื่อที่คุณจะอยู่ในความรัก “พระเจ้าทรงเป็นความรัก และบุคคลผู้อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าอยู่ในพระองค์” (ยอห์น 4:16)”

“คริสเตียนต้องบริสุทธิ์และดีพร้อมตามพระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้า ความสมบูรณ์และความศักดิ์สิทธิ์ถูกสืบสานลึกลงไปในจิตวิญญาณของชาวคริสต์เป็นครั้งแรก และหลังจากนั้นก็ประทับอยู่ในความปรารถนาของเขา ในสุนทรพจน์ ในการกระทำของเขา ดังนั้นพระคุณของพระเจ้าซึ่งมีอยู่ในจิตวิญญาณจึงหลั่งไหลออกมาสู่คุณลักษณะภายนอกทั้งหมด

Holy Hierarch Father Nectarios อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเรา

Troshchinsky Pavel

สง่าราศีของออร์ทอดอกซ์คือวิสุทธิชนของพระเจ้า เหมือนดาวดวงใหม่ที่ส่องประกายบนท้องฟ้าของคริสตจักรของพระคริสต์ ในช่วงไม่กี่ครั้งที่ผ่านมา รัสเซียได้ฉายแสงด้วยผู้เสียสละและผู้สารภาพใหม่หลายพันคน และผู้เชื่อของเรารู้จักชื่อของผู้ชอบธรรมของพระเจ้าผู้ยืนหยัดเพื่อความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าเราเชื่อในคริสตจักรสากล ว่าไม่มีความแตกต่างระดับชาติในพระคริสต์ และวิสุทธิชนก็ปรากฏตัวในประเทศอื่นเช่นกัน

เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ในวิสุทธิชนของพระองค์ ข้าพเจ้าอยากจะเล่าเกี่ยวกับนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งฉายแสงในกรีซและเพิ่งมีชื่อเสียงในปิตุภูมิของเรา

นักบุญเนคตาริออส มหานครเพนทาโพลิสแห่งเอจิน่า ช่างมหัศจรรย์ .

นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา นักบุญที่ได้รับการยกย่องจากคริสตจักรกรีก อาศัยอยู่ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 19-20

ชีวประวัติของเขาหลายเล่มได้รับการตีพิมพ์ในรัสเซีย แต่คุณไม่สามารถเรียกเขาว่าเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ในกรีซ เป็นที่เคารพนับถือตลอดมา นักปาฏิหาริย์ที่มีชื่อเสียง. วัดและโบสถ์หลายแห่งอุทิศให้กับเขา โดยคำอธิษฐานของนักบุญ ผู้คนจะได้รับความช่วยเหลือและการรักษาโดยเฉพาะ ช่วยผู้ที่ทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็ง.

ดีใจด้วยนะ อินทรีหนุ่ม สวดมนต์เก่ง!

นักบุญในอนาคตเกิดในครอบครัวของผู้ปกครองที่เคร่งศาสนาในปี พ.ศ. 2389 ในเมืองธราเซียนเซลิฟเรียซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลในการรับบัพติสมาเขาได้รับการตั้งชื่อว่าอนาสตาซิอุส ในฐานะที่เป็นผู้ที่ได้รับเลือกอย่างแท้จริงจากพระเจ้า เด็กชายตั้งแต่วัยเด็กตกหลุมรักพระวิหาร พระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ และเรียนรู้ที่จะอธิษฐาน ความยากจนของพ่อแม่ไม่อนุญาตให้เขาเรียนที่บ้าน และเมื่ออายุ 14 เขาเดินทางไปคอนสแตนติโนเปิลเพื่อไปทำงานและจ่ายค่าเล่าเรียน

ชีวิตในเมืองใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย เด็กชายได้งานที่โรงงานยาสูบ แต่มีเงินไม่เพียงพอและในวันหนึ่งด้วยความสิ้นหวังเมื่อรู้ว่าไม่มีใครรอความช่วยเหลือ Anastasy ตัดสินใจถามคนที่เขารักมากและความช่วยเหลือจากใคร พึ่งพาตลอดชีวิตของเขา เขาเขียนจดหมายถึงพระเจ้า: “พระคริสต์ของฉัน ฉันไม่มีผ้ากันเปื้อน ไม่มีรองเท้า ฉันขอให้คุณส่งพวกเขามาให้ฉัน คุณรู้ว่าฉันรักคุณมากแค่ไหน”

บนซองจดหมายเขาเขียนที่อยู่: พระเจ้าพระเยซูคริสต์สู่สวรรค์” และขอให้นำจดหมายไปที่ที่ทำการไปรษณีย์ของพ่อค้าเพื่อนบ้าน เขาประหลาดใจกับลายเซ็นที่ผิดปกติบนซองจดหมาย เปิดจดหมายและเมื่อเห็นคำขอดังกล่าวและพลังแห่งศรัทธา เขาจึงส่งเงินให้เด็กชายในนามของพระเจ้า ดังนั้นพระเจ้าจึงไม่ทรงละทิ้งผู้ที่พระองค์ทรงเลือกไว้

หลายปีผ่านไป แต่สิ่งล่อใจของเมืองใหญ่ไม่ได้สัมผัสเด็กหนุ่ม เมื่อก่อนเขาอุทิศเวลาว่างทั้งหมดในการอธิษฐานและศึกษาบรรพบุรุษผู้ศักดิ์สิทธิ์ ความฝันของเขาคือการเทศนาพระวจนะของพระเจ้า คราวนี้มีกรณีหนึ่งที่น่าทึ่ง วันหนึ่งนักบุญในอนาคตกลับบ้านไปงานเลี้ยง

เรือที่เขาอยู่บนนั้นถูกพายุเข้า ผู้โดยสารทุกคนในความสยดสยองเริ่มบ่นต่อพระเจ้า Anastassy ​​จับใบเรือที่หย่อนคล้อยร้องออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ: "พระเจ้าของฉันช่วยฉันด้วย ฉันจะสอนเทววิทยาเพื่อปิดปากผู้ที่ดูหมิ่นพระนามของพระองค์” ทันใดนั้นพายุก็หยุดลงและเรือก็แล่นเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย

จงเปรมปรีดิ์ ทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์...

เมื่ออายุได้ 22 ปี อนาสตาซีย้ายไปอยู่ที่ประมาณ Chios เริ่มทำงานเป็นครูในโรงเรียน ที่นี่เขาไม่เพียงแต่สอน แต่ยังสั่งสอนอีกด้วย คุณธรรมในหมู่บ้านและโรงเรียนอยู่ในระดับต่ำสุดในช่วงเริ่มต้นการสอน และค่อยๆ เพิ่มขึ้นสู่ระดับที่เหมาะสมด้วยผลงานของครูอนาสตาเซีย

อิทธิพลของเขาที่มีต่อนักเรียนของเขาทำให้พวกเขาและผู้ใหญ่ทุกคนได้รับความรักและความเคารพอย่างสุดซึ้งจากเขาโดยผ่านทางพวกเขา เขาสร้างคณะนักร้องประสานเสียงที่ยอดเยี่ยมจากนักเรียนของเขาและร้องเพลงร่วมกับพวกเขาในโบสถ์ประจำหมู่บ้าน แต่จิตวิญญาณของเขาถูกดึงดูดไปสู่การบวช Anastassy ไปเยี่ยม Athos และพูดคุยกับผู้เฒ่าและในที่สุดก็ไปที่วัดซึ่งเขาได้รับเสียงและยศนักบวชชื่อ Nectarios ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักในหลายประเทศ

ชายหนุ่มมักไปเยี่ยมชมอารามของ Neo Moni ด้วยใจที่เขามีต่อชีวิตนักบวช ในนั้นเขาสาบานด้วยชื่อลาซารัสและหลังจากใช้เวลาสามปีที่นั่นเขาได้รับเกียรติจากการแต่งกายและการอุปสมบทแก่นักบวชด้วยชื่อใหม่ Nectarios

เนคทาเรียสวิธี อมตะ. ชื่อนี้เหมาะกับเขาอย่างยิ่ง เพราะน้ำทิพย์แห่งชีวิตไหลรินในจิตวิญญาณของเขาอย่างแท้จริง และจากเขา ราวกับสายน้ำ ลำธารอันหอมกรุ่นก็ไหลออกมา เติมเต็มทุกคนและทุกสิ่งด้วยความปิติยินดี หลังจากได้รับโอกาสในการศึกษาต่อ Nectarios จบการศึกษาจากคณะเทววิทยาในกรุงเอเธนส์และในขณะเดียวกันเขาก็ถูกนำตัวเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นโดยสังฆราช Saphrony แห่งอเล็กซานเดรีย

เมื่ออายุได้สี่สิบปี พระสังฆราชได้แต่งตั้ง Nectarios ให้เป็นพระสงฆ์ ด้วยความกระตือรือร้นและไม่เห็นแก่ตัว เขายอมรับการเชื่อฟังใหม่และแต่งตั้งให้โบสถ์เซนต์นิโคลัสในกรุงไคโร

ไม่กี่ปีต่อมา ในโบสถ์แห่งนี้ เขาได้รับการถวายเป็นบิชอปแห่งเพนตาโพลิส ศักดิ์ศรีของสังฆราชไม่ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมของ Nectarios แต่อย่างใด เขายังคงแสวงหาเพียงความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้น “เครื่องหมายไม่ได้ยกย่องเจ้าของ มีเพียงคุณธรรมเท่านั้นที่มีพลังแห่งความสูงส่ง” เขาเขียนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ในจดหมายฉบับหนึ่งของสมัยนั้น นักบุญเล่าถึงความฝันอันน่าทึ่งที่นักบุญนิโคลัสผู้พิชิตได้ปรากฏแก่เขา ควรเสริมว่าในขณะนั้น Nectarios กำลังฟื้นฟูวัดในกรุงไคโรเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ในความฝัน Nectarios ได้เห็นหลุมฝังศพของ Nicholas the Wonderworker และในนั้นเอง Pleasant of God เองก็มีชีวิตราวกับกำลังหลับใหล

จากนั้น Nicholas the Wonderworker ก็ลุกขึ้นจากศาลและยิ้มอย่างเสน่หาขอให้ Nektario ประดับบัลลังก์ของเขาในวิหารด้วยทองคำแล้วกอดเขาและจูบเขา เห็นได้ชัดว่าการจูบของบิชอปนิโคลัสผู้ยิ่งใหญ่นี้มีความหมายถึงความโปรดปรานเป็นพิเศษสำหรับนักบุญเนคทาริโอส และบางทีอาจเป็นสัญลักษณ์ของการสืบทอดของกำนัลและเครือญาติของวิญญาณในพระคริสต์

ชื่นชมยินดีถูกข่มเหงเพราะเห็นแก่ความจริง ...

นักบุญเนคทาริโอสและยอห์น อธิษฐานต่อพระเจ้าเพื่อเรา!

การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความรักของพระสังฆราชและประชาชน และชีวิตที่บริสุทธิ์และบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นของนักบุญได้ปลุกเร้าความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังในหลาย ๆ คน ดังที่นักบุญเองกล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “บุคคลที่มีคุณธรรมต้องเผชิญการล่อลวงและการทดลองในโลกนี้” แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขาชื่นชมยินดี เพราะมโนธรรมของเขาสงบ โลกเกลียดชังและดูหมิ่นผู้มีคุณธรรม แต่ในขณะเดียวกันก็อิจฉาพวกเขาเพราะบรรพบุรุษของเรากล่าวว่าศัตรูเองก็ชื่นชมคุณธรรมเช่นกัน

สามารถเพิ่มในสิ่งที่ได้รับการกล่าวว่าเขาไม่เพียง แต่ชื่นชม แต่ยังแก้แค้น ผู้มีอิทธิพลของศาลปรมาจารย์กลัวว่าความรักสากลสำหรับนักบุญจะนำเขาไปสู่จำนวนผู้แข่งขันในตำแหน่งสังฆราชสังฆราชแห่งอเล็กซานเดรียเนื่องจาก Saphrony อยู่ในวัยที่ก้าวหน้าแล้ว พวกเขาใส่ร้ายนักบุญโดยกล่าวหาเขาไม่เพียง แต่บุกรุกผู้เฒ่าผู้แก่ แต่ยังมีชีวิตที่ผิดศีลธรรมด้วย

เมืองหลวงของ Pentapolis ถูกไล่ออกและต้องออกจากดินแดนอียิปต์ เขาไม่ได้พยายามที่จะพิสูจน์หรือปกป้องตัวเอง “จิตสำนึกที่ดีเป็นพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มันเป็นราคาของความสงบของจิตใจและความสงบของจิตใจ” นักบุญกล่าวในคำเทศนาของเขาโดยออกจากธรรมาสน์ของเขาตลอดไป อารมณ์ที่เป็นศัตรูตามเขาไปราวกับเงาในเอเธนส์ซึ่งเขาย้ายไป

เขาไปหาเจ้าหน้าที่อย่างไร้ประโยชน์พวกเขาไม่ต้องการยอมรับเขาทุกที่ โดยพระคุณของพระเจ้า บิชอปที่ลากชีวิตที่น่าสังเวชออกไป ไม่เพียงถูกลิดรอนจากการปลอบประโลมเท่านั้น แต่ยังขาดอาหารประจำวันของเขาอีกด้วย แต่พระเจ้าประทานบำเหน็จแก่เขาสำหรับความอดทนของเขา

ครั้งหนึ่ง เมื่อยอมรับการปฏิเสธจากกระทรวงศาสนาอีกครั้ง นักบุญก็ลงบันไดรัฐมนตรีด้วยน้ำตาคลอเบ้า เมื่อเห็นเขาอยู่ในสภาพนี้ นายกเทศมนตรีของเมืองก็พูดกับเขา เมื่อทราบเกี่ยวกับชะตากรรมที่ Nectarios อยู่ นายกเทศมนตรีจึงได้รับตำแหน่งเป็นนักเทศน์ เมืองหลวงอันรุ่งโรจน์ของ Pentapolis เข้ามาแทนที่นักเทศน์ธรรมดาในจังหวัด Euboea แต่ถึงกระนั้นที่นี่เขาก็พบกับความเกลียดชังโดยเชื่อข่าวลือที่ใส่ร้าย

ทุกวันอาทิตย์ Vladyka Nektary ขึ้นไปที่แท่นพูดเพื่อเทศนาพระคำของพระเจ้า เพื่อปลอบโยนและตักเตือน พบกับความไม่ไว้วางใจและการกล่าวโทษผู้ฟังอย่างเงียบๆ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะไปถึงหัวใจของพวกเขา เขาตัดสินใจว่า “ครั้งสุดท้ายที่ฉันจะลุกขึ้นไปประกาศ และหากพวกเขาไม่ฟังฉัน ฉันจะไป” และอีกครั้งที่พระเจ้าได้ทรงทำการอัศจรรย์ด้วยความรักของพระองค์ ในหนึ่งสัปดาห์ ข่าวแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองว่าสิ่งที่ชาวเมืองเคยเชื่อเกี่ยวกับนักบุญนั้นเป็นเท็จ วันอาทิตย์ถัดมา ท่านได้รับคำเทศนาด้วยความกระตือรือร้น

ความรักของผู้คนมาพร้อมกับ Nectarios แต่จนถึงบั้นปลายชีวิต เขาต้องแบกไม้กางเขนพลัดถิ่นและชื่อมหานครที่อับอายขายหน้า ซึ่งไม่ได้อยู่ในโบสถ์ autocephalous ใด ๆ บางครั้ง เขามีความหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ เมื่อพระสังฆราชโฟติอุสคนใหม่เข้ายึดบัลลังก์ในอเล็กซานเดรีย

นักบุญได้ส่งจดหมายถึงเขาเกี่ยวกับการพิจารณาคดีอีกครั้งและตระหนักถึงฝ่ายอธิการของเขา แต่ความหวังก็ไร้ผล ผู้เฒ่าคนใหม่ไม่ตอบคำขอของเขาด้วยซ้ำ เมืองหลวงเพนตาโพลิสถูกบังคับให้อยู่ในตำแหน่งตามบัญญัติที่เข้าใจยาก จนกระทั่งสิ้นสุดวันเวลาของเขา ลงนามในเอกสารทั้งหมดของเขาในฐานะ “บิชอปเดินทาง”

จงเปรมปรีดิ์เพราะท่านตกเป็นเชลยแห่งความรักของพระเจ้า จงเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าทำให้ลูก ๆ ของเจ้าหลงใหลด้วยความรัก...

ความมืดแห่งการใส่ร้ายค่อยๆ หายไปจากชื่อของนักบุญผู้ต้องอับอาย ผู้คนเห็นชีวิตที่บริสุทธิ์และดีงามของเขา ฟังคำเทศนาที่ได้รับการดลใจ ปรารถนาให้เขา ความรุ่งโรจน์ของเมืองหลวงของ Pentapolis จากจังหวัดในไม่ช้าก็มาถึงเมืองหลวงและพระราชวังของกรีก ราชินีโอลก้าได้พบกับเขาในไม่ช้าก็กลายเป็นลูกสาวฝ่ายวิญญาณของเขา

ต้องขอบคุณเธอ เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนศาสนศาสตร์ริซารีในกรุงเอเธนส์ มันฝึกพระสงฆ์และบุคลากรคริสตจักรฆราวาส ในรัชสมัยของนักบุญ โรงเรียนได้เติบโตมาหลายปี ด้วยความรักและความอดทนที่ไม่สิ้นสุด Nectarius ปฏิบัติต่อผู้ป่วยของเขา มีหลายกรณีที่ สำหรับความผิดของนักเรียน เขาได้กำหนดถือศีลอดอย่างเข้มงวดกับตัวเอง

มาถึงตอนนี้ ลูกฝ่ายวิญญาณของเขาเริ่มรวมตัวกันรอบๆ Nectarios หลายคนไปหาเขาเพื่อขอคำแนะนำและขอพร

ในเวลาเดียวกัน ของประทานแห่งพระคุณของพระเจ้าก็เริ่มปรากฏในนักบวชอาวุโส นั่นคือ การมีญาณทิพย์ ของประทานแห่งการรักษา เมื่อเขารับใช้ในพิธีสวดภาวนา ใบหน้าของเขาฉายแสงที่คนรอบข้างมองเห็นได้ แต่ก่อนหน้านี้ เครื่องประดับหลักของเขาคือความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างแท้จริง

เมื่ออธิการอีกคนหนึ่งมาที่โบสถ์ของโรงเรียนเพื่อเฉลิมฉลองกับเขา เขาไม่เคยนั่งที่นั่งหลักเลย แม้ว่าจะเป็นไปตามสิทธิอาวุโสของเขาก็ตาม เขามักจะยืนอยู่ทางด้านขวาของบัลลังก์ แต่งกายด้วยชุดโอโมฟอริออนเล็กๆ เท่านั้น และแทนที่จะสวมหมวกกันน๊อค เขาสวมหมวกคลุมสีดำสำหรับวัด

อยู่มาวันหนึ่ง พนักงานทำความสะอาดที่โรงเรียนล้มป่วยและกังวลมากว่าจะถูกไล่ออกจากงาน ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เมื่อเขากลับมา เขาพบว่ามีคนทำงานของเขาอยู่ตลอดเวลา เขาประหลาดใจมากที่เขาตัดสินใจค้นหาว่าใครเป็นผู้มีพระเมตตากรุณา เมื่อไปถึงโรงเรียนแต่เช้าตรู่ เขาประหลาดใจที่เห็น “ตัวสำรอง” ของเขา มันคือเมืองหลวงของ Pentapolis ผู้อำนวยการโรงเรียนศาสนศาสตร์ Vladyka Nektary

เมื่อเขากวาดห้องน้ำเสร็จแล้ว เขาพูดว่า "ไม่ต้องแปลกใจ ฉันจะไม่รับตำแหน่งของคุณ ฉันแค่อยากช่วยให้คุณทำงานนี้ต่อไป ในขณะที่คุณป่วย ฉันจะทำงานให้คุณ อย่าพูดถึงมันที่โรงเรียน”

จงเปรมปรีดิ์ผู้เลี้ยงแกะไร้เดียงสาผู้บริสุทธิ์จงชื่นชมยินดีนักสะสมไข่มุกบริสุทธิ์ที่ฉลาด!

ในบรรดาเด็กทางจิตวิญญาณจำนวนมาก เด็กผู้หญิงหลายคนรวมตัวกันใกล้กับวลาดีก้าซึ่งต้องการอุทิศตนเพื่อชีวิตในอาราม แต่ไม่กล้าไปวัดใด ๆ เพื่อไม่ให้สูญเสียการชี้นำทางจิตวิญญาณของที่ปรึกษาของพวกเขา

ในฐานะที่เป็นคนเลี้ยงแกะที่ดี ดูแลพวกเขา Nectarios เริ่มมองหาสถานที่ที่เหมาะสมและหยุดการค้นหา Fr. เอจิน่า. เมื่อพบซากปรักหักพังของอารามโบราณที่นี่แล้ว เขาจึงซื้อที่ดินนี้ด้วยค่าใช้จ่ายของเขาเอง มาที่นี่เป็นคนแรกที่อาศัยอยู่

ในอารามของเขานักบุญโดยการเปิดเผยของพระเจ้าได้แนะนำสถาบันมัคนายกซึ่งหายไปจากการปฏิบัติของโบสถ์ออร์โธดอกซ์มานานแล้ว แต่เราขอย้ำอีกครั้ง พระองค์ทรงกระทำโดยการเปิดเผย

ในช่วงบั้นปลายชีวิต นักบุญก็โดนโจมตีอีกครั้ง มาเรียอายุ 18 ปีมาที่วัดโดยหนีจากแม่เทียนเผด็จการ นักบุญเนคทาริโอสรับเธอเข้าอาราม จากนั้นแม่ของเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนักบุญ โดยกล่าวหาเขาว่าล่อใจเด็กผู้หญิงและฆ่าทารกที่พวกเขาคาดว่าจะให้กำเนิด

ผู้ตรวจสอบที่มาถึงวัดเรียกนักบุญว่าเซนทอร์แล้วลากผู้เฒ่าไปที่เคราและเขาก็ตอบเขาอย่างถ่อมตนและเตรียมอาหารสำหรับผู้กระทำความผิดโดยห้ามไม่ให้แม่ชีร้องไห้และบ่น เด็กหญิงถูกตรวจโดยแพทย์และยืนยันความสะอาดของเธอ แน่นอนว่าไม่พบทารกที่ "ถูกฆ่า" เช่นกัน หลังจากนั้นแม่ของหญิงสาวก็กลายเป็นบ้า นักสืบล้มป่วยหนักและมาขอการอภัยจากนักบุญ

นักบุญทำนายกับสามเณรว่าอารามของพวกเขาจะร่ำรวยถ้าพวกเขาทำงานหนัก (นักบุญพูดถึงความมั่งคั่งแบบไหน? ประการแรกเกี่ยวกับจิตวิญญาณแม้ว่าตอนนี้อารามก็ไม่ได้ยากจนด้านการเงินเช่นกัน)

ครั้งหนึ่งในขณะที่เดินไปกับสามเณรในธรรมชาติ นักบุญถามเธอว่า: “คุณต้องการเห็น Guardian Angel ของคุณหรือไม่” แน่นอนว่าสามเณรแสดงความปรารถนาอย่างมาก “เขาอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว” นักบุญตอบ แล้วหญิงสาวก็หมดสติไป ทนไม่ได้กับสิ่งที่เห็น นักบุญรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในภายหลังโดยบอกว่าหญิงสาวยังไม่พร้อม

อีกโอกาสหนึ่ง พี่น้องสตรีของอารามขอให้นักบุญอธิบายให้พวกเขาเข้าใจถึงวิธีเข้าใจคำว่า “ทุกลมหายใจสรรเสริญพระเจ้า” และวิธีที่ธรรมชาติยกย่องพระผู้สร้าง นักบุญไม่ได้ตอบคำถามนี้ในทันที แต่ในเย็นวันรุ่งขึ้นเขาพูดกับพี่น้องสตรีว่า “คุณเคยถามฉันบ้างไหมว่าธรรมชาติสรรเสริญพระเจ้าอย่างไร? นี่ฟังเองนะ” และพี่น้องสตรีได้ยินผ่านคำอธิษฐานของลำดับชั้นสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้

ทั้งชีวิตของอารามใหม่ผ่านไปภายใต้การแนะนำของ St. Nektario ซึ่งพี่สาวน้องสาวยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ ความรักความห่วงใยและความอ่อนโยนของพ่อเต็มไปด้วยจดหมายของเขา บางครั้งนักบุญก็ดูแลโรงเรียนพร้อม ๆ กันโดยอยู่ในเอเธนส์และอารามที่สร้างขึ้นใหม่ของเขา แต่พระเจ้าสั่งให้วลาดีก้าออกจากโรงเรียนและย้ายไปที่เอจีนาอย่างถาวร เขาใช้เวลาสิบสองปีสุดท้ายของชีวิตกับแม่ชี เลี้ยงดูพวกเขาเพื่ออาณาจักรสวรรค์ พวกเขาต้องอดทนต่อความเศร้าโศกและการล่อลวงมากมาย แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นปีแห่งพระคุณเช่นกัน

ในช่วงเวลานี้วัดถูกวางในระเบียบเศรษฐกิจถูกปรับ ทุกวันที่นักบุญเนคทาริโอสจัดชั้นเรียนกับพี่น้องสตรีในเรื่องหลักคำสอน จริยธรรม และการบำเพ็ญตบะ และในตอนเย็นพวกเขารวมตัวกันและฟังเรื่องราวเกี่ยวกับความลึกลับที่ไม่อาจเข้าใจได้ของอาณาจักรแห่งพระเจ้า ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเวลาผ่านไปอย่างไร

“มันดึกแล้ว” บางครั้งนักบุญก็พูด “ไปไหว้พระที่วัดกัน” และหลังจากสิ้นสุดการรับใช้ เขาเสริมว่า: “ถ้าคุณอ่านคำอธิษฐานสักสองสามคำถึงพระมารดาของพระเจ้าล่ะ” เวลายังคงดำเนินไป และเสียงไก่ขันในยามเช้าก็พบทั้งชุมชนในวัดในระหว่างการสวดมนต์

เปรมปรีดิ์ตายและมีชีวิตอยู่ชื่นชมยินดีในโลกและสวรรค์!

ปีแห่งชีวิตทางโลกของนักบุญในขณะเดียวกันก็สิ้นสุดลง เมื่อรู้สึกเช่นนี้ เขาจึงอธิษฐานขอให้พระเจ้าขยายระยะเวลาที่วัดได้เพื่อดำเนินกิจการทั้งหมดในอารามให้เสร็จสิ้น แต่เช่นเดียวกับตลอดชีวิตของเขา เขาพูดอย่างนอบน้อมว่า

Saint Nektarios Metropolitan of Pentapolis of Aegina Wonderworker

โรคที่ซ่อนเร้นมานานในที่สุดก็ได้รับผลกระทบ พร้อมกับแม่ชีสองคนเขาถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล เมื่อมองดูชายชราน้อยที่สวมชุดกระโปรงยาวผู้เจ็บปวดรวดร้าว เจ้าหน้าที่ที่รับหน้าที่ถามว่า “เขาเป็นพระหรือ?” “ไม่ใช่” แม่ชีตอบ “เขาเป็นอธิการ” “เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นอธิการที่ไม่มี panagia กางเขนทองคำ และที่สำคัญที่สุดคือไม่มีเงิน” เจ้าหน้าที่กล่าว

นักบุญถูกวางไว้ในวอร์ดอัตราที่สามสำหรับผู้ป่วยที่รักษาไม่หาย เขาใช้เวลาอีกสองเดือนในความทุกข์ทรมาน ในวันเฉลิมฉลองเทวทูตของพระเจ้าไมเคิลและพลังแห่งสวรรค์ทั้งหมดพระเจ้าเรียกตัวเองว่าวิญญาณของ St. Nectarios

เขาอยู่ในโรงพยาบาลได้ไม่นาน เขากลายเป็นมะเร็ง ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเช่นกัน พยาบาลสังเกตว่าผ้าพันแผลที่พันแผลของนักบุญมีกลิ่นหอม ชายที่เป็นอัมพาตคนหนึ่งนอนอยู่ในวอร์ดร่วมกับนักบุญ และเมื่อวิญญาณของนักบุญจากโลกนี้ไป เขาได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์ผ่านเสื้อของ Saint Nectarios

ทันทีหลังจากที่ท่านสิ้นพระชนม์ ร่างของนักบุญก็เริ่มหลั่งมดยอบ เมื่อโลงศพถูกนำไปที่ Aegina ทั้งเกาะก็ออกมาดูนักบุญของพวกเขาด้วยน้ำตา ผู้คนถือโลงศพของนักบุญไว้ในอ้อมแขน และสังเกตเห็นว่าเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมระหว่างงานศพของนักบุญมีกลิ่นหอม พระหัตถ์และใบหน้าของนักบุญของพระเจ้าหลั่งมดยอบอย่างล้นเหลือ และแม่ชีก็เก็บขนแกะมดยอบ

Saint Nektario ถูกฝังอยู่ในห้องใต้ดินของอาราม หลายครั้งที่ห้องใต้ดินถูกเปิดด้วยเหตุผลหลายประการ และทุกครั้งที่พวกเขาเชื่อว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย แม้แต่ดอกไวโอเล็ตที่วางอยู่ในโลงศพของหญิงสาวก็ยังไม่ถูกสัมผัสด้วยการระอุ

ความตายอันชอบธรรมของนักบุญตามมา 9/22 พฤศจิกายน 1920. ในปีพ. ศ. 2504 นักบุญได้รับการประกาศให้เป็นนักบุญและพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้รับการยกขึ้น ปรากฎว่าเหลือแต่กระดูก ดังที่ผู้สารภาพกล่าว พระธาตุสลายไปเพื่อจะได้นำพาไปทั่วโลกเพื่อรับพรจาก St. Nectarios ความเลื่อมใสของนักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ในคริสตจักรตะวันออก (คอนสแตนติโนเปิล เฮลลาส เยรูซาเลม ฯลฯ) เปรียบได้กับการเคารพในรัสเซียของนักบุญเซราฟิมแห่งซารอฟ

นักบุญมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในเรื่องการช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง (มะเร็ง) ที่เป็นอัมพาตและโรคร้ายแรงอื่น ๆ ที่ปีศาจเข้าสิง เป็นที่ทราบกันดีว่า Saint Nektario ช่วยผู้ที่มีปัญหาทางการเงิน

ด้วยพรจากพระคุณ Filaret บิชอปแห่ง Penza และ Kuznetsk ในวันแห่งความทรงจำของ St. Nektarios เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน (9), 2002 มีการเฉลิมฉลองพิธีการในโบสถ์แห่งการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเจ้าในหมู่บ้าน Staraya Stepanovka, Luninsky District, Penza Region ผู้แสวงบุญมาจาก Penza และเขตต่างๆของภูมิภาค

หลังจากการรับใช้ มีจดหมายถึง His Eminence Juvenaly, Metropolitan of Krutitsy and Kolomna ประธานของ Synodal Commission for the Canonization of Saints พร้อมขอให้ใส่ชื่อ St. Nektarios ในปฏิทินของคริสตจักรรัสเซียของเรา

ในโบสถ์ Ascension มีไอคอนของนักบุญและนักเล่นแร่แปรธาตุดำเนินการด้วยการถวายน้ำมัน Akathist จะดำเนินการในเย็นวันอาทิตย์

ให้เราหันไปใช้ความช่วยเหลือของนักบุญที่น่าอัศจรรย์นี้ด้วยขอบคุณพระเจ้าด้วยคำพูดของ troparion ที่อุทิศให้กับ St. Nectarios: ถวายเกียรติแด่พระคริสต์ผู้ทรงสรรเสริญคุณ ถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงประทานการอัศจรรย์แห่งพระคุณแก่คุณ สง่าราศีแก่การรักษาของทุกคนที่กระทำโดยคุณ

ตามหนังสือชีวประวัติของ Archimandrite Ambrose (Fontrier)

ปาฏิหาริย์ของนักบุญเนคทาริโอส

บีปาฏิหาริย์มากมายของนักบุญ Nectarios และไม่หยุดจากช่วงเวลาที่เขาสันนิษฐาน เราจะไม่มีเวลาหรือกระดาษเพียงพอ และเราจะพูดถึงสองสามเรื่อง - จากคนเก่าและคนล่าสุด

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2468 หญิงสาวผู้เคร่งศาสนาถูกวิญญาณแห่งความอาฆาตพยาบาทที่ทรมานอย่างเหลือเชื่อโจมตี เมื่อกล่าวถึงชื่อของนักบุญ ศัตรูก็โกรธจัด ดูถูก และทรมานการสร้างพระเจ้าที่น่าสงสาร ไม่สามารถทนต่อความทุกข์ทรมานของลูกสาวได้ พ่อแม่จึงตัดสินใจพาผู้หญิงที่โชคร้ายในวันเพ็นเทคอสต์ไปที่หลุมฝังศพของนักบุญด้วยความหวังว่าเธอจะได้รับการปลดปล่อยที่นั่น

เมื่อไปถึง Aegina ปีศาจก็โกรธจัด ในอาราม แม่ชีถูกบังคับให้มัดหญิงสาวไว้กับต้นสนต้นหนึ่งที่เติบโตใกล้หลุมศพ ต้องขอบคุณการขอร้องของนักบุญ ปีศาจจึงโผล่ออกมาจากผู้ประสบภัย ซึ่งจากนั้นก็ยอมรับพระสงฆ์ภายใต้ชื่อมิโทรโดรา

ในปี 1931 คู่หนุ่มสาวมาที่วัดเพื่อให้บัพติศมาเด็กที่อุทิศให้กับนักบุญ น้ำทิพย์ พ่อแม่เหล่านี้มีลูกสองคนที่เกิดมาเป็นอัมพาตอยู่แล้ว คนแรกยังมีชีวิตอยู่ และคนที่สองเสียชีวิต คนที่สามซึ่งถูกนำตัวไปรับบัพติศมาก็เกิดเป็นอัมพาตเช่นกัน ด้วยความท้อแท้และอกหัก พ่อแม่จึงเดินไปหยิบน้ำมันจากตะเกียงของนักบุญ ซึ่งพวกเขาได้เจิมบุตรคนสุดท้อง โดยสัญญากับนักบุญว่า Nectarios ให้บัพติศมาเขาในอารามและตั้งชื่อเขาเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญ จะบอกได้อย่างไรเกี่ยวกับอำนาจอัศจรรย์ของพระคริสต์? ทันทีหลังจากการดำน้ำครั้งที่สาม เด็กฟื้นจากน้ำด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์ เขายังคงมีสุขภาพที่สมบูรณ์และสมบูรณ์

เด็กอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นคนบ้าแต่กำเนิด ซึ่งทนอาการชักได้ถึงสิบครั้งต่อวัน นักบุญได้รักษาให้หายในปี 1933 พ่อแม่ของเขาซึ่งถึงความสิ้นหวังได้มาหา Aegina เพื่อหาน้ำมันจากตะเกียงของนักบุญเจิมเขา และเมื่อพวกเขาแสดงไอคอนที่ซื้อในอารามแก่ Aegina เขาก็ร้องอุทานว่า: "พ่อ" และเคารพไอคอน นับแต่นั้นมา พระองค์ก็ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง จนถึงปีติอันยิ่งใหญ่ของบิดามารดา และเพื่อสง่าราศีของพระเจ้า “อัศจรรย์ในวิสุทธิชนของพระองค์”

ในปี 1934 เด็กหญิงที่มีการศึกษาจากเทสซาโลนิกา ซึ่งฝึกฝนการอ่านพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และอธิษฐาน อยู่มาวันหนึ่งก็ตกอยู่ในความเศร้าโศก สูญเสียความสามารถในการพูดอย่างอื่นนอกจากคำว่า “วิบัติ! วิบัติ! วิบัติ!”

ภายนอก Vladyka นั้นเรียบง่ายและสงบมาก

มารดารู้สึกผิดหวังกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในสภาพของลูกสาว เธอให้พรเธอด้วยรูปเคารพศักดิ์สิทธิ์ แต่หญิงสาวปฏิเสธที่จะจูบพวกเขาและตะโกนว่า: “นี่คือไฟ! ไฟไหม้!” และไม่ต้องการที่จะบดบังตัวเองด้วยเครื่องหมายแห่งไม้กางเขน เธอถูกบังคับมาที่คริสตจักร แต่ถึงแม้จะอยู่ที่นั่น เธอก็ไม่พบความสงบสุขในตัวเอง และยังคงกระซิบต่อไปว่า “วิบัติ! วิบัติ! ไฟไหม้! ไปกันเถอะ ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!"

พอหยิบชามออกมา เธอก็สั่นสะท้าน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะอ้าปาก นางหันหน้าหนี ด้วยความยากลำบากอย่างมาก พวกเขายังคงสามารถเข้าร่วมได้ แต่... เธอปฏิเสธของขวัญศักดิ์สิทธิ์

ด้วยความสิ้นหวังเมื่อตัดสินใจว่าลูกสาวของพวกเขาป่วยเป็นโรคประสาทบางอย่าง พ่อแม่ของเธอจึงพาเธอไปรักษาที่คลินิกจิตเวช อย่างไรก็ตาม สุขภาพของเธอไม่เพียงแต่ไม่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังแย่ลงอีกด้วย เด็กหญิงคนนั้นถูกนำตัวไปที่เอเธนส์ด้วยความหวังว่าจะได้พบแพทย์ที่มีคุณสมบัติมากกว่านี้ที่นั่น ระหว่างทางไปเมืองหลวง พ่อแม่ได้พบกับคนที่รู้สึกว่าลูกสาวของพวกเขาป่วยทางจิตและเธอไม่ต้องการการรักษาพยาบาล แต่ได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า พวกเขาบอกแม่ของพวกเขา:

ลูกสาวของคุณไม่ได้ป่วยด้วยอาการประหม่าอย่างที่คุณคิด แต่ถูกครอบงำโดยวิญญาณแห่งความอาฆาตพยาบาท เธอต้องการการพิสูจน์อักษรและน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ บน Aegina มีแม่ชีซึ่งอยู่ พระธาตุของนักบุญ Nectarios ของ Pentapolisผู้ก่อตั้งอาราม เขาทำการอัศจรรย์ตลอดเวลา พาเธอไปที่นั่น นักบุญจะสงสารเธอและคุณและรักษาเธออย่างแน่นอน

เชื่อพวกเขาพ่อแม่พาลูกสาวไปที่ Aegina เมื่อวันที่ 29 เมษายนของปีเดียวกัน เรื่องกลับกลายเป็นว่าไม่ง่ายดังนั้น เมื่อมาถึงวัดหญิงสาวปฏิเสธที่จะกราบพระธาตุ เธอได้รับการเจิมด้วยน้ำมันจากตะเกียง ด้วยความยากลำบากนักบวชจึงสามารถลบคำอธิษฐานได้ ผู้ป่วยโหมกระหน่ำทั้งคืน ในตอนเช้าภิกษุณีหกคนแทบจะไม่ได้ยับยั้งเธอพาผู้ประสบภัยไปที่โบสถ์ซึ่งเธอเริ่มตะโกนคำเดียวกัน: "วิบัติ! วิบัติ! วิบัติ! ไฟ!" ในช่วงเวลาแห่งการมีส่วนร่วม จำเป็นต้องมีความพยายามครั้งใหม่ ตลอดทั้งเดือน นักบวชจะอ่านคำอธิษฐานเกี่ยวกับคำอธิษฐานนี้ทุกวัน ทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าไม่อาจเข้าใจได้อย่างแท้จริง เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ในวันพระตรีเอกภาพและงานฉลองอุปถัมภ์ของวัด เด็กหญิงคนนั้นลุกขึ้นในตอนเช้าด้วยตัวของนางเองและสงบสติอารมณ์เต็มที่ ไปโบสถ์และเข้าร่วมในความลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสต์ เธอมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์!

ในความฝัน นักบุญปรากฏแก่เธอเพื่อรับใช้พิธีสวด เขาเรียกเธอมาหาเขา อวยพรเธอและพูดว่า: "คุณหายดีแล้ว" จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม เธออาศัยอยู่ในอารามและหายจากโรคภัยไข้เจ็บ ขอบคุณพระเจ้าและนักบุญผู้รุ่งโรจน์ของพระองค์

ผู้จับฟองน้ำบน Aegina หนึ่งครั้งก่อนออกทะเล ได้อธิษฐานถึงนักบุญผู้อุปถัมภ์ของพวกเขาและสัญญาว่าจะมอบฟองน้ำอันแรกที่พวกเขาจับได้ให้เขาเพื่อแลกกับพรของเขา ฟองน้ำทั้งหมดที่จับได้ในวันนั้นถูกทำเครื่องหมายด้วยเครื่องหมายกางเขน เราเห็นฟองน้ำเหล่านี้บริจาคให้กับอารามและแสดงไว้ที่หน้าต่างห้องขังของนักบุญ

Father Nectarios จาก Paros เล่าเรื่องคนขับรถบัสที่สูญเสียการมองเห็นระหว่างเกิดอุบัติเหตุ เมื่อผ่านอาราม Holy Trinity Monastery คนขับที่กล้าหาญก็ข้ามตัวเองและสวดอ้อนวอนว่า:

หัวหน้าของฉัน Nectarius คืนแสงสว่างให้ฉันแล้วฉันจะให้ทุกอย่างที่ฉันมีกับคุณ!

ชายผู้โชคร้ายกลับมองเห็นได้ทันที นักบุญพูดได้อย่างไรว่าแม่ชีไม่รักษาเขาเมื่อเขาช่วยวัดในการขนส่งพัสดุทุกวัน!

“ฉันบอกเกี่ยวกับปาฏิหาริย์นี้” Father Nektary กล่าวต่อ “ถึงเจ้าของร้านกาแฟ Afeya ใน Aegina” เขาตอบสนองเช่นนี้:

พี่ชายที่รัก เราเลิกแปลกใจแล้วเพราะปาฏิหาริย์เกิดขึ้นทุกวัน!”

ใช่เซนต์ Nectarios ทำปาฏิหาริย์ทุกวันและไม่เพียง แต่ใน Aegina แต่ทั่วโลกในฝรั่งเศสในอเมริกา ...

“ในปี 1949” เอ็ม.เค. เขียน “ในกรีซ ฉันได้รับการผ่าตัดมะเร็งที่โรงพยาบาลมะเร็ง Saint Sabbas ในกรุงเอเธนส์” ฉันเอามดลูกออก ในตอนท้ายของการรักษา หมอบอกกับฉันอย่างมีความสุขว่าฉันพ้นอันตรายแล้ว “อย่ากลัวอะไรเลย” เขากล่าว “แต่ถ้าคุณเคยเห็นเลือดออก จงรู้ว่าจุดจบของคุณใกล้เข้ามาแล้ว เพราะนี่จะหมายถึงการกำเริบของโรค”

แปดปีผ่านไป ในเดือนพฤษภาคม 2500 ฉันรู้สึกปวดท้องใหม่ เย็นวันหนึ่งเลือดเริ่มไหล จุดจบใกล้เข้ามา ฉันนั่งบนเตียงและนอนไม่หลับทั้งคืน ร้องไห้ด้วยความสิ้นหวัง

ในตอนเช้าพี่สาวและสามีของเธอมาเยี่ยมฉัน เธอเพิ่งกลับมาจาก Aegina ซึ่งเธอไปอีสเตอร์ เมื่อเห็นฉันไม่มีความสุข น้องสาวของฉันเริ่มที่จะหาสาเหตุของอาการของฉัน สามีของเธอก็ยืนกรานให้ฉันบอกทุกอย่าง ฉันอธิบายให้พวกเขาฟังถึงเหตุผลของความสิ้นหวังของฉัน แต่พี่สาวไม่ได้แสดงความประหลาดใจและอับอายใด ๆ ในทางกลับกันเธอบอกฉันด้วยศรัทธาและความกล้าหาญอย่างยิ่งว่าเธอมั่นใจในคำวิงวอนของ St. Nektario:

ไม่ต้องกลัวน้องสาว เพราะคุณเชื่อในพระเจ้าและรู้เกี่ยวกับปาฏิหาริย์มากมายที่เซนต์ น้ำทิพย์

ในเวลาเดียวกัน เธอหยิบขวดน้ำมันหนึ่งขวดจากตะเกียงของนักบุญซึ่งเธอนำมาจาก Aegina แล้วยื่นให้ฉัน เธอพูดว่า:

นำน้ำมันไปสวดอ้อนวอนต่อนักบุญแล้วเขาจะรักษาคุณ ในส่วนของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะอธิษฐานถึงพระองค์ด้วย ถูน้ำมันบนท้องของคุณและให้แน่ใจว่าคุณจะดีขึ้น

ฉันทำตามคำแนะนำของพี่สาวเพื่อขอความช่วยเหลือจากนักบุญและ - โอ้ปาฏิหาริย์! ตั้งแต่นั้นมา ความเจ็บปวดก็ลดลง และเลือดก็หยุดไหล ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ (พ.ศ. 2505) ข้าพเจ้ามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์

ขอพระนามนักบุญทรงพระเจริญ เนคทาเรีย! ขอให้ข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เหล่านี้ช่วยกลับไปหาพระเจ้าสำหรับคนจำนวนมาก เสริมกำลังในพวกเขาด้วยศรัทธาที่ไม่สั่นคลอนในอำนาจทุกอย่างของพระองค์ ในความรักและความรอบคอบของพระองค์ และในการวิงวอนของวิสุทธิชนของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงส่งการรักษาจิตวิญญาณและร่างกายมาให้เรา... ”

Saint Nektarios Metropolitan of Pentapolis of Aegina Wonderworker

เค. เอส. ซึ่งอาศัยอยู่ในเกาะเลสบอสเล่าว่า ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2506 โรคที่ตาขวาของเธอแย่ลงทุกวัน ในเวลาอันสั้น เธอก็หยุดเห็นพวกเขาโดยสิ้นเชิง “ลองนึกภาพความโชคร้ายของฉัน” เธอกล่าว “ฉันร้องไห้เหมือนเด็กทารกเพราะคิดว่าฉันไม่สามารถดูแลลูกสาวที่เป็นอัมพาตได้อีกต่อไป ฉันไปเอเธนส์ ซึ่งเพื่อนๆ พาฉันไปตรวจที่ Frederica Eye Clinic เอ็กซ์เรย์พบว่ามีเลือดออก ตารักษาไม่หาย

ฉันถูกพาไปที่คลินิกอื่นซึ่งฉันจำไม่ได้ แพทย์หกคนและศาสตราจารย์ตรวจดูฉันอีกครั้งและบอกว่าพวกเขาช่วยฉันไม่ได้

เศร้าและสิ้นหวัง ฉันกลับไปที่เลสบอส กลัวจะสูญเสียตาซ้ายไป ในเดือนตุลาคม ฉันตัดสินใจไปที่ Mytilini (เมืองหลวงของเกาะเลสบอส) ด้วยความหวังว่าจะได้พบแพทย์คนอื่น บางที ...

เมื่อวันอาทิตย์ ฉันไปโบสถ์ ซึ่งหลังจากพิธีสวดแล้ว ฉันบังเอิญไปเจอหนังสือพิมพ์ Sainte Marine (หนังสือพิมพ์เล่มเล็กๆ เล่มนี้มักเล่าถึงปาฏิหาริย์ของนักบุญเนคทาริโอส) ซึ่งฉันกับลูกสาวที่เป็นอัมพาตก็อ่านอยู่เรื่อยๆ วันนั้นเราอ่านมันอย่างจดจ่อ ไม่ว่าฉันจะไป Mytilene ในวันรุ่งขึ้นหรือเพราะศรัทธาอย่างสุดซึ้งในเซนต์ ไม่ว่าในกรณีใด Nectarios ฉันคุกเข่าลงต่อหน้าไอคอนศักดิ์สิทธิ์และเริ่มสวดอ้อนวอนกับเขาด้วยน้ำตาร้อน:

Saint Nektarios ฉันเคารพคุณและเชื่อว่าถ้าคุณต้องการคุณสามารถรักษาฉันได้แม้ว่าฉันจะเป็นคนบาปที่น่าสงสาร ฉันจะขอบคุณ...

ฉันผล็อยหลับไปอย่างสงบ โดยมั่นใจว่านักบุญได้ยินคำอธิษฐานของฉัน เมื่อตื่นแต่เช้า ข้าพเจ้าลืมตา และดูเถิด ข้าพเจ้าเห็นด้วยตาทั้งสองข้าง ข้าพเจ้าลุกขึ้นขอบคุณ เจิมตาของข้าพเจ้าตามขวางด้วยน้ำมันจากตะเกียงสามครั้ง ของเหลวที่เย็นมากเช่นน้ำไหลออกมา มันไหลเป็นเวลานานมาก แล้วฉันก็รู้สึกว่าตาของฉันดูเหมือนจะ "ละลายน้ำแข็ง" ตั้งแต่นั้นมา ผมก็สามารถเย็บและถักได้อีกครั้ง ผมขอขอบคุณเซนต์ เนคทาริโอและถวายเกียรติแด่พระเจ้า ผู้ทรงบัญชาให้นักบุญรักษาข้าพเจ้า…”

บิชอปแห่งกอร์ตีและอาร์เคเดียจากเกาะครีตพูดถึงปาฏิหาริย์ของนักบุญเซนต์ Nectarios ในสังฆมณฑลของเขาในเดือนพฤษภาคม 2508

“ความตื่นเต้นที่ลึกซึ้งที่สุด” เขาเขียน “กวาดล้าง Massara ไปทั้งหมดหลังจากปาฏิหาริย์ที่ปฏิเสธไม่ได้และเป็นของแท้ที่ดำเนินการโดย St. น้ำทิพย์ เมื่อได้ยินเกี่ยวกับพระองค์ หลายคนจะเริ่มขมวดคิ้ว แสดงความสงสัยและขาดศรัทธา คนอื่นๆ อาจจะยิ้มและพูดอย่างไม่มั่นใจเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ ธรรมิกชน เกี่ยวกับพระเจ้า บางคนจะโต้แย้งว่าทั้งหมดนี้เป็น

แพทย์พูดถึงกรณีที่ผลจากการแทรกแซงของกำลังบางอย่างสุขภาพได้รับการฟื้นฟู อย่างไรก็ตาม มีโรคอินทรีย์หลายอย่างที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ วิทยาศาสตร์ที่นี่ยอมรับความอ่อนแอและเงียบ จริงอยู่ หนอนแห่งความสงสัยกัดกินความคิดของมนุษย์ เพราะมันขาดความศรัทธาที่จริงใจและดำรงอยู่ เมื่อถึงเวลานั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นซึ่งเกินขอบเขตของความรู้สึกและข้อมูลเชิงประจักษ์ และทำให้เรารับรู้ถึงการมีอยู่ของโลกฝ่ายวิญญาณที่มองไม่เห็น ซึ่งจะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้และเป็นจริง

มาเรีย อาร์. มารดาผู้ใจดีของครอบครัว อาศัยอยู่กับสามี เค. คนฉลาดและกล้าหาญที่หารายได้ให้ลูกด้วยการทำงานหนัก

มาเรียป่วยด้วยโรคศีรษะร้ายแรงมาตลอดทั้งปีแล้ว ความเจ็บปวดทรมานเธอมากจนได้ยินเสียงร้องของเธอในบ้านใกล้เคียง โรคนี้เข้าครอบงำปอด วิทยาศาสตร์ได้ยืนยันข้อเท็จจริงเหล่านี้ แพทย์ส่งผู้ป่วยไปหาพี่น้องของเขาในเมืองเฮราคลิออน (เมืองหลวงของเกาะครีต) และพวกเขาก็ได้ส่งเธอไปที่คลินิกมะเร็งเอเธนส์ "เซนต์ ซับบ์"

จากการตรวจสอบและวิเคราะห์ ไม่มีความหวังสำหรับการรักษา: โรคนี้รุนแรงเกินไป ตามคำแนะนำของแพทย์ สามีจึงพาภรรยากลับบ้านและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด มาเรียลงมาด้วยความเจ็บปวดเหลือทน

ในตอนเย็นของวันที่ 18 พฤษภาคม มีคนมาเคาะประตูมหานคร ฉันเปิดดูว่าใครมา มาเรียและสามีของเธอยืนอยู่ตรงหน้าฉัน เธอบอกฉันว่าเธอหายดีแล้ว เธอวิ่งมาหาฉันราวกับว่าเธอไม่เคยป่วยเลย นั่งลงและไขว้ตัวเอง เธอเล่าเรื่องการรักษาของเธอให้ฉันฟัง:

Kostya ออกจากบ้านเพื่อซื้อของ ฉันบอกเขาว่าอย่ารอช้าเพราะสำหรับฉันดูเหมือนว่าความเจ็บปวดสาหัสที่จุดจบกำลังใกล้เข้ามา ฉันยังคงอธิษฐานต่อนักบุญ Nectarios รักษาฉันหรือปลิดชีวิตฉันเพราะฉันกำลังจะบ้าด้วยความเจ็บปวด

ทันใดนั้นฉันก็เห็นเงาที่ลอดผ่านประตูเข้ามา ฉันคิดว่ามันเป็นสามีของฉัน เงาเข้ามาหาฉัน แต่ฉันแยกแยะไม่ออกว่าเป็นใคร เพราะการมองเห็นของฉันพร่ามัว จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงบอกฉันว่า “ลุกขึ้นไปโบสถ์และกดกริ่ง ทุกคนที่ถามคุณว่าทำไมคุณถึงโทรมา ตอบ: St. เนคทาเรียสรักษาคุณ”

ความเจ็บปวดลดลงในทันใด ฉันรู้สึกมีพละกำลังมหาศาล โดยไม่มีปัญหาใด ๆ ลุกจากเตียงฉันเริ่มเดินและอย่างที่คุณเห็นฉันเดินได้อย่างสมบูรณ์ ... เราทุกคนไปที่วัดซึ่งมีไอคอนของนักบุญตั้งอยู่และเฉลิมฉลองคำอธิษฐานขอบคุณพระเจ้า เป็นการสรรเสริญพระเจ้าและนักบุญของพระองค์

ในช่วงเวลาของนักบุญ ทหารที่ไม่เชื่อในพระเจ้าอาศัยอยู่ที่ Aegina นักบุญเนคทาริโอสตักเตือนเขา ชักชวนให้เขาเชื่อในพระเจ้า กลับใจ สารภาพ มาที่โบสถ์และรับศีลมหาสนิท

แต่กองทหารรักษาการณ์ยังคงไม่สั่นคลอนในความไม่เชื่อของเขา

ครั้งหนึ่งเขาถูกส่งไปปฏิบัติศาสนกิจไปยังแคว้นมาซิโดเนียเป็นเวลาสิบสองปี เมื่อกลับมาที่ Aegina เขาได้พบกับนักบุญที่ท่าเรือซึ่งต่ออายุคำแนะนำของเขาอย่างไร้ประโยชน์เหมือนเมื่อก่อน

ครั้งหนึ่งในร้านกาแฟกับเพื่อน ๆ ทหารก็พูดกับพวกเขาว่า:

น่าแปลกที่เจ้าอาวาสวัดตรีเอกานุภาพยังมีชีวิตอยู่!

เจ้าอาวาสอะไร? พวกเขาถามเขา

Hegumen ของอาราม Holy Trinity ...

ดังนั้นเขาจึงเสียชีวิตเมื่อสามปีที่แล้ว

ทำไมคุณบอกฉัน - ทหารที่ตกใจตอบ - ฉันเพิ่งเห็นเขาที่ท่าเรือและคุยกับเขา ...

ทุกคนถูกจับด้วยความกลัวอันศักดิ์สิทธิ์ จำเป็นต้องพูด ทหารที่ไม่เชื่อก็รีบไปที่วัดทันที...

ในปารีส ภรรยาของนักบวชคนหนึ่งของเรา ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะที่รักษาไม่หายเป็นเวลาหลายปี ได้รับการบรรเทาจากการเจิมด้วยน้ำมันเพียงครั้งเดียวจากตะเกียงของนักบุญ และต่อมาโรคก็อ่อนแรงลงและหายไป

ภรรยาของมัคนายกคนหนึ่งของเราได้รับการรักษาจากไฟโบรมา ดังนั้นจึงไม่ต้องผ่าตัด ใช้การเจิมเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อรักษา

บุคคลบางคนได้รับการเยียวยาจากนักบุญถึงสองครั้ง เนคทาเรียสซึ่งปรากฏแก่เขาในความฝัน ซึ่งสร้างความประหลาดใจอย่างมากในหมู่แพทย์ที่กำลังจะผ่าตัดผู้ป่วย

แม่ชีคนหนึ่งของเราซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกับเจ้าบ่าวบนสวรรค์อย่างต่อเนื่องในการอธิษฐานอย่างไม่หยุดยั้ง เคยถามนักบุญ เนคทาเรียช่วยเธอหาทางออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก รุ่งเช้าเธอฝันถึงเขาโดยส่งขนมปังชิ้นหนึ่งให้เธอด้วยคำว่า:

รับมันมันเป็นความสุข!

วันรุ่งขึ้น ปัญหาทั้งหมดของเธอได้รับการแก้ไขได้ง่ายกว่าที่เธอคาดไว้มาก อีกครั้งที่เธอสวดอ้อนวอนตลอดทั้งคืนเพื่อคนทั้งโลกและเพื่อจิตวิญญาณที่ทุกข์ทรมานมากมาย อ้อนวอนเซนต์. Nectarios เพื่อปกปิดด้วยพรของเขาทั้งหมดโชคร้าย เธอฝันถึงเขาอีกครั้ง สวมชุดสังฆราช เขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลว่า:

ฉันอยู่ในโลกพร้อมกับพระธาตุของฉัน… ให้นักบวชที่รู้จักฉันอวยพรทุกคนที่มาเพื่อบรรเทาทุกข์ ชำระล้าง การให้อภัย… พระธาตุของฉันคือขโมยของฉัน

และยังมีอีกหลายกรณีที่เราไม่สามารถพูดถึงหนังสือเล่มนี้ได้เนื่องจากขาดพื้นที่

ทุกวันทุกปี เพื่อเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ผู้แสวงบุญมาที่ Aegina คนธรรมดา ปัญญาชน เจ้าหน้าที่... มีผู้ป่วยโรคประสาท โรคลมชัก โรคฮิสทีเรียจำนวนมาก... พวกเขายังมาที่นี่เพื่อค้นหาความสงบในมโนธรรม เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน ทางออกจากปัญหาทางวัตถุ และไม่มีใครจากไปโดยไม่มีผล ผู้แสวงบุญบางคนคุกเข่า เดินเท้าเปล่า ถือศีลอดทั้งวันทั้งคืนในการอธิษฐานและร้องไห้ บ่อยครั้งความเงียบที่นี่ถูกทำลายด้วยเสียงสะอื้นที่ไม่ดี ...

นักบุญพูดกับลูกสาวฝ่ายวิญญาณของเขา:

วันจะมาถึงเมื่อหลายคนจะมาที่นี่ บ้างถวายเกียรติแด่พระเจ้า บ้างเพื่อการปลอบประโลมและการรักษา บ้างก็เพราะความอยากรู้...

นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา

“เนคทาเรียสกลายเป็นนักบุญ” เจ้าอาวาสจากปารอสเขียน “จากคนหลายพันคน บิชอป นักบวช นักบวช นักบวช และฆราวาส ทำไมพระเจ้าผู้ทรงรักทุกคนและปรารถนาให้ทุกคนได้รับความรอด ให้ทุกคนเป็นนักบุญและเป็นพระเจ้าโดยพระคุณ ไม่ประทานพระหรรษทานของพระองค์แก่ผู้อื่นเพื่อพวกเขาจะได้เป็นวิสุทธิชนด้วย? ที่รักของฉัน พระเจ้ามอบพรให้กับทุกคน มอบให้ทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แต่เนื่องจากพระองค์ทรงยุติธรรม พระองค์จึงไม่ทรงประทานให้แก่ผู้ที่ไม่คู่ควรแก่พวกเขา แต่เฉพาะแก่ผู้ที่สมควรได้รับเท่านั้น พระองค์ประทานให้แก่ผู้ที่ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อให้ได้มา มิใช่ให้แก่คนที่เย่อหยิ่งจองหอง พระองค์ประทานสิ่งเหล่านี้แก่ผู้ที่เกรงกลัวพระองค์ รักพระองค์ และรักษาพระบัญญัติ ไม่ใช่แก่ผู้ไม่เชื่อพระเจ้า คนจองหอง คนนอกใจ และผู้ที่เบี่ยงเบนจากพระบัญญัติของพระองค์

พระองค์ประทานสิ่งเหล่านี้แก่ผู้ที่ถือศีลอด ผู้มีสติสัมปชัญญะ ผู้อธิษฐานว่า “ของประทานจากสวรรค์ได้มาจากการถืออดอาหาร การเฝ้าสังเกต และการอธิษฐาน” พระเจ้าประทานของประทานแก่ผู้ที่มีคุณธรรมสำคัญสามประการ ได้แก่ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ศรัทธา ความรัก”

คุณธรรมทั้งสามนี้ประดับ Nectarios และเปิดเผยเขาต่อวิสุทธิชน ฉันจะมองไปที่ใคร: ผู้ที่ถ่อมตัวและสำนึกผิดในพระวิญญาณและตัวสั่นเพราะคำพูดของฉันพระเจ้าตรัส (อิสยาห์ 66:2) และโซโลมอนกล่าวว่าพระเจ้าต่อต้านคนเย่อหยิ่งและเมตตาผู้ต่ำต้อย

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเพ่งมองไปยังพระมารดาของพระเจ้าและพระแม่มารีย์ผู้เป็นพรหมจารี พระองค์ทอดพระเนตรความถ่อมตนของผู้รับใช้ของพระองค์... (ลูกา 1:48) พระเจ้าทอดพระเนตรความถ่อมตนของผู้เผยพระวจนะผู้ศักดิ์สิทธิ์ อัครสาวก และวิสุทธิชนทั้งหมด และทำให้พวกเขาเลือกภาชนะและเครื่องมือของพระวิญญาณบริสุทธิ์

พระเจ้าเห็นความถ่อมตนของ Nectarios และทำให้เขาศักดิ์สิทธิ์ นอกจากนี้ เขายังเห็นศรัทธาที่แท้จริง แข็งแกร่ง และไม่สั่นคลอน ซึ่งเผยแพร่งานเขียนทั้งหมดของเขาเพื่อปกป้องศรัทธาออร์โธดอกซ์ ศรัทธานี้ทำให้เขาเป็นผู้ทำปาฏิหาริย์ บรรดาผู้ศรัทธาพระเจ้าตรัสว่า หมายสำคัญเหล่านี้จะตามมา: ในนามของเรา พวกเขาจะขับผีออก; พวกเขาจะพูดภาษาใหม่ๆ พวกเขาจะจับงู และหากพวกเขาดื่มสิ่งที่เป็นอันตรายถึงชีวิต มันจะไม่เป็นอันตรายแก่พวกเขา วางมือบนคนป่วยและพวกเขาจะหายดี(มาระโก 16:17-18)

เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2496 หลุมฝังศพถูกเปิดขึ้นตามทิศทางของนักบุญ เหลือเพียงโครงกระดูกเดียว พระเจ้าต้องการให้กระดูกซึ่งเป็นพระธาตุของนักบุญของพระองค์ถูกแจกจ่ายไปทั่วโลกเพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งพร ขอพระนามของพระเจ้าได้รับพร เพราะเราได้รับขอบคุณแม่ชาวมักดาลา ส่วนแบ่งของเราในพรนี้

ใส่ตุ้มเงินไว้บนกระโหลก และกระดูกก็พับเก็บเป็นภาชนะขนาดใหญ่ กลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั้งอารามและตำบลในวันนั้น

... เมื่อเรามาถึง Aegina ในวัน Transfiguration of the Lord เรารู้สึกถึงกลิ่นหอมที่มาจากหลุมศพที่ว่างเปล่าอยู่แล้ว แม่ชีที่มากับเราอธิบายให้เราฟังว่านี่เป็นสัญญาณของการต้อนรับที่ดีที่นักบุญมอบให้กับผู้ที่มาหาเขาด้วยศรัทธาและความนับถือ มันเป็นกลิ่นธูปที่น่าอัศจรรย์รวมกับกลิ่นวานิลลา ไอริสสีขาว - กลิ่นหอมทั้งรุ้ง

ตามคำกล่าวของนักบุญไซเมียนนักศาสนศาสตร์ใหม่ วิญญาณที่คู่ควรที่จะมีส่วนร่วมในพระคุณของพระเจ้า ชำระร่างกายทั้งหมดให้บริสุทธิ์ เพราะเธอคือผู้รักษามันไว้ และมีอยู่ในสมาชิกทั้งหมด เฉกเช่นพระหรรษทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้าครอบครองวิญญาณ วิญญาณก็เข้าครอบครองร่างกายฉันนั้น

แต่ตราบใดที่จิตวิญญาณรวมเป็นหนึ่งกับร่างกาย พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ยกร่างกายทั้งหมดขึ้นในนามของความรุ่งโรจน์ของมันเอง เพราะจำเป็นที่วิญญาณจะสำแดงเจตจำนงของตนไปจนสิ้นชีวิตทางโลก เมื่อความตายมาถึง และวิญญาณถูกแยกออกจากร่างกาย และเมื่อได้รับชัยชนะ ก็ได้รับมงกุฎแห่งความรุ่งโรจน์เป็นรางวัล จากนั้นพระหรรษทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะเข้าครอบครองทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ จากนั้นซากของธรรมิกชนก็ทำการอัศจรรย์และรักษาโรค

เมื่อวิญญาณแยกออกจากร่างกายในช่วงเวลาแห่งความตาย วิญญาณจะคงอยู่ในพระเจ้าโดยสมบูรณ์ นั่นคือ ในพระคุณของพระเจ้า สำหรับร่างกายมันยังคงอยู่โดยไม่มีวิญญาณ แต่อยู่กับพระเจ้าและแสดงปาฏิหาริย์ให้กับผู้คน - พลังงานศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณและร่างกายหลังจากที่เป็นอิสระจากความต้องการทั้งหมด จากความยุ่งยากทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการรวมตัวของพวกเขา กลายเป็นของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์ และพระคุณของพระเจ้าทำหน้าที่ทั้งในด้านหนึ่งและอีกด้านหนึ่ง โดยไม่พบอุปสรรคใดๆ พระเจ้าทำให้พวกเขาเป็นของพระองค์ในช่วงชีวิตของพวกเขา ซึ่งคู่ควรกับพระเจ้าผู้ทรงสถิตอยู่ในโลกนี้เมื่อพวกเขารวมกันเป็นหนึ่ง

นั่นคือเหตุผลที่ทุกสิ่งที่สัมผัสกับพระธาตุได้รับพลังบางอย่าง พระคุณของพระเจ้า ดังที่ชัดเจนจากกิจการของอัครสาวก: แต่พระเจ้าได้ทรงกระทำการอัศจรรย์มากมายด้วยมือของเปาโล เพื่อว่าผ้าเช็ดหน้าและผ้ากันเปื้อนจากพระวรกายของพระองค์ก็ถูกวางไว้บนตัวคนป่วย ความเจ็บป่วยของเขาก็สงบลง และวิญญาณชั่วก็ออกมาจากพวกเขา(กิจการ 19:11-12).

ชาวออร์โธดอกซ์รู้จักในช่วงชีวิตของ St. Nektario ความศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้รับการยอมรับจากลำดับชั้นในไม่ช้า สี่สิบปีหลังจากการสันนิษฐานของเขา ผู้เฒ่าทั่วโลก Athenagoras ยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ของ Metropolitan Pentapolis โดยพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2504 ซึ่งลงนามโดยสภาเถาของโบสถ์คอนสแตนติโนเปิลทั้งหมด

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนของปีเดียวกัน Aegina ได้เขียนหน้าอันรุ่งโรจน์ใหม่ในสมุดทองคำของเธอ คนที่เขารับไว้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2463 ถูกย้ายไปที่วิหาร Aegina ของอาราม Holy Trinity อย่างเป็นทางการเพื่อประกาศความศักดิ์สิทธิ์ของเขา

ผู้เชื่อหลายพันคนหลั่งไหลมาที่เกาะ ในวันนั้น มีพายุรุนแรง และเรือที่บอบบางซึ่งแล่นไปมาระหว่างพีเรียสและไอจีนาตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง แต่นักบุญปรากฏแก่หลายคนและกล่าวว่า:

ใจเย็นๆ วันนี้ไม่มีใครตาย

ขบวนเสด็จออกจากอาราม เด็กนักเรียนเดินไปข้างหน้าตามด้วยนักร้องประสานเสียงชายและหญิง จากนั้นแบนเนอร์ มาตรฐาน แบนเนอร์ กองเรือหลวง ตัวแทนโรงเรียน Rizari ย้ายไป แม่ชีที่มีรูปเคารพขนาดใหญ่ของนักบุญ ตุ้มปี่ ไม้เท้าของเขา และสิ่งอื่น ๆ เดินต่อหน้านักบวชสี่คนซึ่งถือตุ้มเงินพร้อมหัวกะโหลกของนักบุญไว้บนบ่า พระสงฆ์ท่านอื่นๆ ถือพระบรมสารีริกธาตุ

จากงานเขียนของ St. Nektarios of Aegina

1. เกี่ยวกับคริสตจักรหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกและเผยแพร่

ตามคำสอนของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ คริสตจักรมีความหมายสองนัย ความหมายหนึ่งแสดงออกถึงลักษณะที่เคร่งครัดและเคร่งศาสนา กล่าวคือ ศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณ อีกประการหนึ่งคือลักษณะภายนอกในความหมายที่แท้จริงของคำ ตามจิตวิญญาณออร์โธดอกซ์และการสารภาพบาป คริสตจักรกำหนดตัวเองว่าเป็นสถาบันทางศาสนาและเป็นสังคมทางศาสนา

นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา

คำจำกัดความของคริสตจักรในฐานะสถาบันทางศาสนาสามารถกำหนดได้ดังนี้: คริสตจักรเป็นสถาบันทางศาสนาของพันธสัญญาใหม่ พระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ทรงสร้างโดยเศรษฐกิจของการจุติของพระองค์ มันขึ้นอยู่กับศรัทธาในพระองค์ในการสารภาพที่แท้จริงต่อพระองค์

ก่อตั้งขึ้นในวันเพ็นเทคอสต์ในช่วงเวลาแห่งการสืบเชื้อสายของพระวิญญาณบริสุทธิ์บนสาวกผู้ศักดิ์สิทธิ์และอัครสาวกของพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ทรงทำให้พวกเขาเป็นเครื่องมือแห่งพระคุณอันสูงส่งเพื่อสืบสานงานการไถ่ของพระผู้ช่วยให้รอด ในสถาบันนี้ได้รับการลงทุนอย่างเต็มที่จากความจริงที่เปิดเผย พระคุณของพระเจ้าทำงานในพระองค์ผ่านทางศีลระลึก ในนั้น โดยความเชื่อในพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด บรรดาผู้ที่หลั่งไหลไปสู่มันจะเกิดใหม่ มันมีคำสอนและประเพณีของอัครสาวกทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและด้วยวาจา

คำจำกัดความของคริสตจักรในฐานะสังคมแห่งศาสนามีดังต่อไปนี้: คริสตจักรเป็นสังคมของผู้คนที่รวมกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในเอกภาพของพระวิญญาณและในการรวมกันเป็นหนึ่งของโลก (อฟ. 4:3)

พันธกิจอัครสาวกของเธอสามารถกำหนดได้ดังนี้: คริสตจักรเป็นเครื่องมือแห่งพระคุณของพระเจ้า ซึ่งนำมาซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวของพระเจ้ากับผู้คนผ่านศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์

เมื่อเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พระเจ้าของเราทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ในรูปแบบของภาษาที่ร้อนแรงไปยังสาวกและอัครสาวกผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ บนอัครสาวกเหล่านี้ พระองค์ทรงสร้างคริสตจักรหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกและเผยแพร่ - สังคมของพระเจ้าและผู้คน พระองค์ประทานพระหรรษทานแห่งการไถ่แก่เธอเพื่อช่วยมนุษยชาติ นำมันกลับมาจากความผิดพลาดและฟื้นฟูมันผ่านทางศีลระลึก และเพื่อให้มันมีค่าควรกับชีวิตในอนาคต ให้อาหารมันด้วยอาหารแห่งสวรรค์

ในพระไตรปิฎก คำว่า "คริสตจักร" มีสองความหมาย บ่อยที่สุด - ในแง่ของสังคมมนุษย์ที่รวมกันเป็นหนึ่งโดยสหภาพทางศาสนาหรือ - วิหารของพระเจ้าซึ่งผู้เชื่อรวมตัวกันเพื่อบูชาร่วมกัน ซีริลแห่งเยรูซาเล็มกล่าวว่าศาสนจักรถูกเรียกเช่นนั้นเพราะเธอเรียกทุกคนและเพราะเธอรวบรวมพวกเขา

คำ " คริสตจักร” - มาจากภาษากรีกโบราณ หมายถึงการรวมตัวของผู้คนที่เรียกร้องเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ เช่นเดียวกับสถานที่ที่พวกเขารวบรวม เป็นทั้งเนื้อหาและเนื้อหา

ในความหมายที่กว้างและเป็นคริสเตียน ศาสนจักรเป็นสังคมของสิ่งมีชีวิตที่เสรีและมีเหตุผล ทุกคนที่เชื่อในพระผู้ช่วยให้รอด รวมทั้งทูตสวรรค์ อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า: และใส่(พระเจ้าพระบิดา) พระองค์ (พระเยซูคริสต์) เหนือสิ่งอื่นใด หัวหน้าคริสตจักรซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ คือความบริบูรณ์ของพระองค์ผู้ทรงเติมเต็มในสิ่งทั้งปวง(อฟ. 1:22-23). ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการรวมตัวของทุกคนที่เชื่อในพระคริสต์ก่อนเสด็จมาในโลก ผู้ก่อตั้งคริสตจักรในพันธสัญญาเดิม ซึ่งในสมัยของปรมาจารย์ถูกควบคุมโดยคำสัญญาและศรัทธาที่ประทานให้ในการทรงเปิดเผย กล่าวคือ ทางวาจา จากนั้นในสมัยของโมเสสและพวกศาสดาพยากรณ์ ก็อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติและคำพยากรณ์ กล่าวคือโดยการเขียน

ในความหมายที่ธรรมดาและแคบของพระคำ คริสตจักรของพระคริสต์คือคริสตจักรแห่งพันธสัญญาใหม่ คริสตจักรแห่งพระคุณของพระคริสต์ รวมถึงทุกคนที่เชื่อในพระองค์ตามแบบออร์โธดอกซ์ เรียกอีกอย่างว่าบ้านของพระเจ้าเพราะพระเจ้าสถิตอยู่ในนั้นส่วนใหญ่และเพราะเขาได้รับการบูชาที่นั่น

รากฐานของศาสนจักรคือศาสดาพยากรณ์และอัครสาวก ศิลาหัวมุมคือพระผู้ช่วยให้รอด เสาหลักคือพระบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ทรงรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของศรัทธา หินของเธอเป็นผู้ศรัทธา คุณไม่ใช่คนแปลกหน้าและคนแปลกหน้าอีกต่อไป แต่เป็นพลเมืองเดียวกันกับธรรมิกชน... และสถาปนาบนพื้นฐานของอัครสาวกและศาสดาพยากรณ์ โดยมีพระเยซูคริสต์เองเป็นศิลามุมเอก...(อฟ. 2:19-20)

ในที่สุด คริสตจักรถูกอ้างถึงในพระคัมภีร์ที่ได้รับการดลใจและศักดิ์สิทธิ์ว่า "เจ้าสาวของพระคริสต์": ฉันหมั้นคุณกับสามีคนเดียวเพื่อมอบพรหมจารีบริสุทธิ์ให้พระคริสต์(2 โครินธ์ 11:2). และพระนิเวศของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เสาหลักและการยืนยันความจริง เช่นเดียวกับพระกายของพระคริสต์: และคุณเป็นพระกายของพระคริสต์ และเป็นอวัยวะแต่ละส่วน(1 โครินธ์ 12:27)

St. Methodius บิชอปแห่ง Patara ซึ่งอาศัยอยู่ตอนปลายศตวรรษที่ 3 เรียกคริสตจักรใน "งานเลี้ยงของหญิงพรหมจารีสิบคน" ว่าเป็นภาชนะแห่งอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสาวแห่งพระวจนะที่อ่อนเยาว์ชั่วนิรันดร์ เธอเป็นการสร้างของพระเจ้า เหนือมนุษย์ทุกคน ในท้ายที่สุด พระองค์เสนอให้เป็น “การรวมกลุ่ม มวลชนของบรรดาผู้ที่เชื่อ” ซึ่งคนเฒ่าสอนคนหนุ่ม และผู้ดีพร้อมสอนคนอ่อนแอ

นักบุญฮิปโปลิตุส บิดาผู้มีชื่อเสียงของคริสตจักรโรมัน ลูกศิษย์ของนักบุญ Irenaeus ในงานของเขาในช่วงต้นศตวรรษที่ 3 "พระคริสต์และมาร" พูดมากเกี่ยวกับคริสตจักรและเรียกเธอว่าเป็นเรือในทะเลที่มีพายุ บนนั้นคือกัปตัน กะลาสี เรือ สมอ และอุปกรณ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระคริสต์ ทูตสวรรค์ และผู้เชื่อ

โดยการเชื่อในพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้ทรงดลใจพระบิดาเหล่านี้ของคริสตจักร เราย่อมเชื่อในพระศาสนจักรอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายของชื่อเหล่านี้ทั้งหมดที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานให้

2. เกี่ยวกับอาณาจักรของพระเจ้า เกี่ยวกับคริสตจักรของพระคริสต์

ในฐานะกษัตริย์ องค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราได้สร้างอาณาจักรแห่งสวรรค์บนแผ่นดินโลกทันทีหลังจากการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ เมื่อพระองค์ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา และเมื่อพระองค์ได้รับพลังอันบริบูรณ์จากพระบิดานิรันดร์ของพระองค์ในสวรรค์และบนแผ่นดินโลก

นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา รูปภาพ

อาณาจักรของพระองค์บนโลกคือศาสนจักรของพระองค์ ในฐานะกษัตริย์ พระเยซูทรงดูแลเขา ให้กฎ ผนึกนิมิตและคำพยากรณ์ และหยุดการเสียสละและการถวาย (ดานิ. 9:24)

พระองค์ทรงปกครอง ชี้นำ และนำทางชั่วนิรันดร์ผ่านผู้รับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระองค์แจกจ่ายของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์อย่างมั่งคั่งและไม่หยุดหย่อนเพื่อเสริมสร้าง เติบโต และขยายออกไป พระผู้ช่วยให้รอดทรงชำระให้บริสุทธิ์ ปลอบโยน รักษา ยกย่องและยกย่องประชากรของพระองค์ (ยอห์น 15:26; กิจการ 2:33-36)

ในฐานะกษัตริย์ พระเจ้าทรงสถาปนาระเบียบในอาณาจักรของพระองค์โดยมอบผู้รับใช้ให้ศาสนจักร ในฐานะกษัตริย์ พระเยซูประทานกฎหมายแก่ประชาชนของพระองค์

ในฐานะกษัตริย์ พระองค์ทรงเรียกบรรดาประชาชาติให้เชื่อในพระองค์ ในฐานะกษัตริย์ พระองค์ทรงขอให้ผู้ติดตามของพระองค์เสียสละชีวิตเพื่อพระองค์และอาณาจักรของพระองค์ ในฐานะกษัตริย์ พระองค์ทรงประกาศสงครามกับความชั่วร้ายและโดยพระคุณประทานสันติสุข ในฐานะกษัตริย์ พระเยซูทรงครอบครองในใจของผู้เชื่อที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ผ่านคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

ใครก็ตามที่ไม่ใช่สมาชิกของศาสนจักรอยู่นอกอาณาจักรของพระคริสต์และขาดเกียรติในการเป็นบุตรของพระองค์

คริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสต์เป็นสถาบันทางศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตั้งโดยพระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเราเพื่อความรอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ พระผู้ช่วยให้รอดทรงมอบศาสนจักรให้เป็นเครื่องมือแห่งความรักและความเมตตาอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ เธอเป็นผู้ถือนิรันดร์ของพระคุณอันศักดิ์สิทธิ์และผู้ดูแลความรอดของมนุษย์ การเป็นพระเจ้า องค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา เหมือนกันกับพระองค์เองเสมอ ช่วยชีวิตทุกคนที่เชื่อในพระองค์ในทุกยุคทุกสมัย

เพื่อจุดประสงค์นี้ พระองค์ทรงสร้างคริสตจักรนิรันดร์ของพระองค์ รวมถึงผู้เชื่อทุกคนตั้งแต่คนแรกจนถึงคนสุดท้าย เขาเป็นหัวหน้าของมันและทำให้มันมีชีวิตและกระตือรือร้นและเสริมความแข็งแกร่งให้กับทุกวัย พระเยซูคริสต์ทรงเป็นประมุขของศาสนจักรในเมืองเอเดน ทรงเป็นประมุขของศาสนจักรของปรมาจารย์ จัดตั้งขึ้นบนกฎของโมเสส คาดการณ์ถึงศาสนจักรในพันธสัญญาใหม่ผ่านรูปเคารพและสัญลักษณ์

คริสตจักรของพระคริสต์- นี่คือคริสตจักรหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกและเผยแพร่ จากรากฐานของโลก มุ่งหมายเพื่อความรอดของผู้คนและสถาบันเพื่อการดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์

ในจดหมายถึง Panarios, St. เอพิฟาเนียสแห่งไซปรัสอภิปรายเกี่ยวกับศาสนจักรและในตอนท้ายกล่าวว่า “ศาสนจักรถูกสร้างขึ้นจากอาดัม มันถูกเทศนาแก่ปรมาจารย์ต่อหน้าอับราฮัม; เชื่อตามอับราฮัม; โมเสสเปิดไว้ อิสยาห์พยากรณ์เกี่ยวกับเธอ เธอถูกเปิดเผยโดยพระคริสต์และอยู่กับพระองค์ และตอนนี้เราก็ได้รับการเฉลิมฉลองแล้ว” และในข้อ 78 ของบทความเกี่ยวกับคริสตจักรคาทอลิก ท่านกล่าวว่า “อุปนิสัยของคริสตจักรถูกกำหนดโดยธรรมบัญญัติ ผู้เผยพระวจนะ อัครสาวก และผู้เผยแพร่ศาสนา”

Cyril of Jerusalem ตั้งข้อสังเกตว่าคริสตจักรรวมถึงทุกคนที่เชื่อในพระคริสต์ก่อนการเสด็จมาของพระองค์ พวกเขาก่อตั้งคริสตจักรแห่งพันธสัญญาเดิม เขายังกล่าวด้วยว่าในสมัยของผู้เฒ่า คริสตจักรอยู่ภายใต้คำสัญญาและศรัทธาที่ได้รับจากการเปิดเผย กล่าวคือไม่ใช่เป็นลายลักษณ์อักษร - ด้วยวาจา ตั้งแต่สมัยของโมเสสและผู้เผยพระวจนะ คริสตจักรได้อยู่ภายใต้ธรรมบัญญัติและการพยากรณ์ กล่าวคือ ประเพณีที่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร

ดังนั้น คริสตจักรคืออาณาจักรของพระคริสต์ที่ก่อตั้งขึ้นบนโลก และนักบุญ Chrysostom กล่าวว่าเธอเป็น “ที่พำนักของเหล่าทูตสวรรค์ ที่พำนักของเหล่าทูตสวรรค์ อาณาจักรของพระเจ้า สวรรค์นั่นเอง”

พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาสถิตอยู่กับเธอตลอดเวลา ดังที่พระผู้ช่วยให้รอดตรัสเรื่องนี้กับเหล่าสาวกของพระองค์: และฉันจะอธิษฐานต่อพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ปลอบโยนอีกคนหนึ่งให้กับคุณเพื่ออยู่กับคุณตลอดไป คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไม่ได้ เพราะไม่เห็นพระองค์และไม่รู้จักพระองค์ แต่ท่านรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่านและจะสถิตอยู่ในท่าน(ยอห์น 14:16-17)

พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานพรอันศักดิ์สิทธิ์แก่คริสตจักรอย่างล้นเหลือ เธอได้รับสิทธิที่จะผูกมัดและปลดปล่อยบาป เพื่อสั่งสอนพระกิตติคุณ เรียกประชาชาติให้ได้รับความรอด เธอได้รับพลังที่จะชุบชีวิตผู้ตกสู่บาป ทำให้พวกเขามีลักษณะเหมือนพระเจ้า ประดับประดาพวกเขาด้วยพระฉายาและความคล้ายคลึงกัน เธอได้รับสิทธิ์ที่จะคืนดีกับพระเจ้าและทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในพระคุณของพระเจ้า รวมพวกเขากับพระผู้ช่วยให้รอด สื่อสารพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กับทุกคนที่หันไปหาเธอ และทำให้พวกเขาเป็นบุตรของพระเจ้า เธอได้รับพลังที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ของเธอทั้งหมด ให้เข้มแข็งตลอดไป เพื่อโค่นล้มศัตรูของเธอ ให้คงกระพันอยู่ได้

ตามที่ John Chrysostom ตี - คริสตจักรยังคงได้รับชัยชนะ อับอายขายหน้า - เธอมีความสดใสยิ่งขึ้น เธอได้รับบาดเจ็บ แต่เธอไม่ได้ถูกฆ่า มันสั่น แต่มันไม่ลงไปถึงก้นบึ้ง มันถูกพายุพัดไป แต่ก็ไม่ประสบอุบัติเหตุ เธอไม่เฉยเมย เธอต่อสู้โดยไม่พ่ายแพ้

คริสตจักรของพระผู้ช่วยให้รอดเป็นอาณาจักรแห่งสวรรค์บนดินอย่างแท้จริง ความรักความสุขความสงบสุขอยู่ในนั้น มีศรัทธาในพระเจ้า ผ่านความรู้สึกทางศาสนาและความรู้ภายในของหัวใจ เรามาถึงความรู้ของพระเจ้า การรู้ความลึกลับที่ซ่อนเร้น สู่ความรู้ถึงความจริงที่เปิดเผย

ในนั้น ความทะเยอทะยานนั้นเชื่อถือได้และมั่นใจ ในนั้นความรอดเกิดขึ้น ในนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์จะขยายพระองค์เองและหลั่งผลแห่งพระคุณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ออกมาอย่างล้นเหลือ มันเบ่งบานความกระตือรือร้นอันสูงส่งของพระเจ้า ความรักที่สมบูรณ์และการอุทิศแด่พระองค์ ตลอดจนความปรารถนาอย่างไม่สิ้นสุดสำหรับการเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าไม่รู้จบ

ในคริสตจักรของพระเจ้า คุณธรรมมาถึงจุดสูงสุดของความสมบูรณ์แบบที่มนุษย์เข้าถึงได้ ด้วยวิญญาณที่บริสุทธิ์และด้วยหัวใจที่เปลี่ยนโดยศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งบัพติศมา บุคคลที่มีจิตวิญญาณที่มืดมิดและแข็งกระด้างจะพัฒนาคุณธรรมใหม่อย่างสมบูรณ์ในตัวเองและก้าวไปบนขั้นแห่งคุณธรรมด้วยความพากเพียรและความกระตือรือร้น

คริสตจักรได้สร้างมนุษย์ขึ้นใหม่อย่างแท้จริง ทำให้เขาเป็นพระฉายของพระเจ้า Holy See of the Church เป็นมื้อที่แท้จริงที่หล่อเลี้ยงผู้ซื่อสัตย์เพื่อชีวิตนิรันดร์ เขาแจกจ่ายอาหารแห่งสวรรค์แก่ผู้เชื่อในสวรรค์และร่างกายของสวรรค์และผู้ที่กินจะไม่ตาย

แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งตั้งขึ้นในใจกลางคริสตจักรของพระคริสต์คืองานเลี้ยงอาหารค่ำบนสวรรค์ เขาได้รับของขวัญทางโลกและยกพวกเขาขึ้นสู่สวรรค์เขาได้รับของขวัญจากสวรรค์และแจกจ่ายให้บนโลก บัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักรสัมผัสแผ่นดินและในเวลาเดียวกันกับบัลลังก์สวรรค์ บัลลังก์นั้นช่างน่ากลัวสำหรับเหล่าทูตสวรรค์ซึ่งโฉบอยู่ใต้หลุมฝังศพของสวรรค์

คริสตจักรคือความหวัง ที่หลบภัย เป็นที่ปลอบโยนของทุกคนที่เชื่อในพระคริสต์ Divine Chrysostom กล่าวว่าคริสตจักรที่พระเจ้าปลูกไว้ในโลกนี้เป็นเหมือนท่าเรือในมหาสมุทร หลีกหนีจากความพลุกพล่านของชีวิต เราพบที่หลบภัยในนั้นและเพลิดเพลินกับโลก” และเพิ่มเติม: “อย่าพรากจากศาสนจักร ไม่มีอะไรแข็งแกร่งไปกว่าคริสตจักร ไม่มีอะไรแข็งแกร่งกว่าศิลา สูงกว่าฟ้า กว้างกว่าโลก เธอไม่เคยแก่ ​​แต่เบ่งบานไม่รู้จบ

ทำไมพระคัมภีร์จึงเรียกมันว่าภูเขา? - เพราะความแน่วแน่ของเธอ ทำไมมันถึงเรียกมันว่าหิน? - เพราะความไม่ลงรอยกันของเธอ ผ่านเธอ สัตว์ป่าทั้งหมดถูกทำให้เชื่องด้วยมนต์เสน่ห์อันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นการได้ยินจากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ มันทะลุเข้าไปในหูของทุกคน บุกรุกจิตวิญญาณ และกล่อมอารมณ์ที่บ้าคลั่งอยู่ในนั้น”

ตามเซนต์. อิกเนเชียส ศาสนจักรที่แท้จริงคือหนึ่งเดียว: “มีพระเยซูคริสต์เพียงองค์เดียวเท่านั้นและไม่มีอะไรล้ำค่าไปกว่าพระองค์ มาที่คริสตจักร ซึ่งเป็นพระวิหารแห่งเดียวของพระเจ้า บัลลังก์เดียวขององค์พระเยซูคริสต์ กำเนิดจากพระบิดาองค์เดียว…”

นักบุญไอเรเนียส บิชอปแห่งลียง ลูกศิษย์ของนักบุญ Polycarp และผู้ฟังของ Evangelist John พูดถึงคริสตจักรในหนังสือของเขา " ต่อต้านพวกนอกรีตดังต่อไปนี้: “เป็นไปไม่ได้ที่จะระบุความสามารถพิเศษที่คริสตจักรได้รับจากพระเจ้าทั่วโลกในพระนามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ซึ่งถูกตรึงกางเขนภายใต้ปอนติอุสปีลาตเพื่อประโยชน์ของประชาชาติ เธอให้สิ่งที่เธอได้รับจากพระเจ้าอย่างไม่เห็นแก่ตัวโดยไม่หลอกลวงหรือทำให้พวกเขาเข้าใจผิด”

กล่าวถึงพันธกิจของคริสตจักรของพระคริสต์ นักบุญ ธีโอฟิลุส บิชอปแห่งอันทิโอก (ศตวรรษที่ 2) เปรียบเทียบศาสนจักรในย่อหน้าที่ 14 ของหนังสือเล่มที่สองกับ “หมู่เกาะแห่งท้องทะเล” บางส่วนเป็นที่อยู่อาศัย มีน้ำ ผลไม้ การจู่โจม และท่าเรือเพื่อให้ที่พักพิงแก่ผู้ที่ถูกพายุทะเลคุกคาม

ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าได้ประทานให้โลกโกรธเคืองและฉีกเป็นชิ้น ๆ ด้วยบาปวัดที่เรียกว่าคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งหลักคำสอนของคริสตจักรยังคงอยู่ในท่าเรือเกาะที่ปลอดภัย พวกเขาถูกใช้โดยผู้ที่ต้องการความรอด พวกเขากลายเป็นคนรักความจริงและด้วยเหตุนี้จึงหลีกหนีพระพิโรธและการพิพากษาของพระเจ้า

เกาะอื่นๆ มีลักษณะเป็นหิน ไม่มีน้ำและผลไม้ เป็นเกาะที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ พวกเขาก่อให้เกิดอันตรายต่อนักเดินทางและเรืออับปาง เรือชนกับพวกเขาและผู้โดยสารเสียชีวิต เหล่านี้เป็นลัทธิที่ชั่วร้ายที่เราเรียกว่า นอกรีต.

ไม่ถูกชี้นำโดยพระวจนะแห่งสัจธรรม พวกเขาเป็นเหมือนโจรสลัดที่บรรทุกเรือของพวกเขาและท่องไปตามคลื่นแล้วจะทำลายเรือบนเกาะเหล่านี้และสูญเสียมันไปตลอดกาล ก็เช่นเดียวกันกับบรรดาผู้หลงผิดจากความจริงและพินาศในความหลงผิด”

The Divine Gregory the Theologian ในการปราศรัยครั้งแรกของเขาต่อ Julian the Apostate กล่าวถึงคริสตจักร: “คุณ (Julian) คัดค้านมรดกอันยิ่งใหญ่ของพระคริสต์ ยิ่งใหญ่และไม่มีวันล่วงเลย ซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างเป็นพระเจ้าและที่พระองค์ทรงสืบทอดมาในฐานะมนุษย์ . มันถูกประกาศโดยธรรมบัญญัติ, เปี่ยมด้วยพระคุณ, พระคริสต์ทรงชุบชีวิต, ผู้เผยพระวจนะปลูกมัน, อัครสาวกมัดมันไว้, ผู้ประกาศข่าวประเสริฐยกมันขึ้นมา…”

ในการกล่าวสุนทรพจน์เกี่ยวกับความเชื่อที่ประนีประนอม นักบุญ เอพิฟาเนียสแห่งไซปรัสเป็นพยานว่า “ศาสนจักรคือมารดาของเรา เธอเป็นเจ้าสาวที่มาจากเลบานอน สวยและบริสุทธิ์ สวรรค์ของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ หมู่บ้านของกษัตริย์ศักดิ์สิทธิ์ เจ้าสาวของพระคริสต์ผู้บริสุทธิ์ หญิงสาวผู้บริสุทธิ์ หมั้นหมายกับหนึ่งเจ้าบ่าว ใสดั่งรุ่งอรุณ สวยดั่งดวงจันทร์ เลือกให้เป็นดวงอาทิตย์ ได้รับพรโดยธรรมบัญญัติ พระนางอยู่เบื้องขวาของพระราชา”

ศาสนจักรเป็นการเปิดเผยที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลก ในนั้น พระเจ้าเปิดเผยพระองค์ในหลากหลายวิธีและยืนยันการประทับของพระองค์โดยอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์

ในจดหมายถึงชาวโครินธ์ อัครสาวกเปาโลพูดถึงคริสตจักรที่ก่อตั้งโดยพระคริสต์: และพระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งผู้อื่นในศาสนจักร ประการแรก เป็นอัครสาวก ประการที่สอง เป็นผู้เผยพระวจนะ ประการที่สาม เป็นครู นอกจากนี้ พระองค์ยังประทานพลังอันน่าอัศจรรย์แก่ผู้อื่น รวมทั้งของประทานแห่งการรักษา ความช่วยเหลือ การจัดการ ภาษาต่างๆ(1 โครินธ์ 12:28)

3. งานของคริสตจักร

อัครสาวกเปาโลนิยามงานของศาสนจักรด้วยถ้อยคำต่อไปนี้ และพระองค์ทรงแต่งตั้งบางคนเป็นอัครสาวก คนอื่นๆ เป็นผู้เผยพระวจนะ คนอื่นๆ เป็นผู้เผยแพร่ศาสนา คนอื่นๆ เป็นผู้เลี้ยงแกะและครู เพื่อจัดเตรียมวิสุทธิชนสำหรับงานพันธกิจ เพื่อสร้างพระกายของพระคริสต์ จนกว่าเราทุกคนจะเข้าสู่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความรู้เรื่องพระบุตร...(อฟ. 4:11-13)

ด้วยเหตุนี้ ศาสนจักรที่พระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดทรงสร้างจึงมีองค์กรที่สมบูรณ์พร้อม เธอเป็นร่างกายออร์แกนิก ศีรษะของเธอคือพระคริสต์ ผู้นำทางของเธอคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผู้สอนเธอและสื่อสารกับเธออย่างมากมายถึงของประทานจากพระเจ้า

คริสตจักรเป็นองค์กรอินทรีย์ มันมองเห็นได้ มันรวบรวมสมาชิกทั้งหมดเป็นอันเดียว ทั้งศักดิ์สิทธิ์และอ่อนแอ สมาชิกที่ป่วยของศาสนจักรไม่เคยหยุดที่จะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเธอ เกิดใหม่ในความลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นบุตรแห่งพระคุณ พวกเขาไม่สามารถแยกออกจากมันได้อีกต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของการลงโทษของคริสตจักร สำหรับพวกเขา ผู้พ้นจากบาปดั้งเดิมแล้ว ไม่มีที่อยู่อาศัยอื่นใดนอกจากพระศาสนจักร ในโลกมีที่พำนักของมนุษย์เพียงแห่งเดียว: สรวงสรรค์, มีคริสตจักร, ที่ซึ่งความรอดของมนุษย์มีอยู่

หลังจากการล่มสลายของบรรพบุรุษและการเพิ่มขึ้นของบาป บรรดาผู้ที่พรากจากพระเจ้าได้สร้างที่อื่น - ที่แห่งบาป คริสตจักรของพระเจ้ารวมเฉพาะผู้ที่หันมองพระเจ้าและรอคอยการเสด็จมาของพระผู้ช่วยให้รอด ศาสนจักรนำศรัทธาและความหวังเพื่อความรอดที่สัญญาไว้ของมนุษยชาติไว้ในพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด ผู้ที่มีศรัทธาและความหวังนี้อยู่ในศาสนจักรของพระผู้เป็นเจ้า รอการไถ่ของมนุษยชาติโดยพระผู้ช่วยให้รอด และได้รับ ผู้ที่ไม่มีศรัทธาและความหวังนี้อยู่นอกศาสนจักร สาเหตุของการดำรงอยู่ของสถานที่นอกคริสตจักรคือความบาปของอาดัม ดังนั้น ในโลกนี้ นับตั้งแต่การล่มสลายของอาดัม มีสองที่ - ที่ของศาสนจักรและที่นอกศาสนจักร

ผู้ที่มาจากสถานที่แห่งบาปและโดยทางศรัทธาและศีลระลึกเข้ามาแทนที่คริสตจักรของพระคริสต์จะกลายเป็นสมาชิกตลอดกาล เป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาเองที่จะกลับไปสู่ที่แห่งบาปหลังจากเกิดใหม่ในการรับบัพติศมาและชำระจากบาปดั้งเดิม และเนื่องจากไม่มีที่อื่นแล้ว คนที่เข้ามาในศาสนจักรจึงยังคงอยู่ แม้กระทั่งคนบาป คริสตจักรแยกพวกเขาเหมือนคนเลี้ยงแกะแยกแกะที่ป่วยออกจากตัวที่แข็งแรง แต่แกะที่ป่วยนั้นไม่หยุดที่จะเป็นแกะของฝูงแกะทั้งหมด เมื่อแกะที่ป่วยดีขึ้น พวกมันก็จะติดต่อกับแกะที่แข็งแรงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากรักษาไม่หาย ก็พินาศในบาปและจะถูกพิพากษาตามบาปของตน แต่ตราบใดที่พวกเขายังอยู่ในโลกนี้ พวกเขาจะถือว่าเป็นแกะของฝูงทั่วไป กล่าวอีกนัยหนึ่ง ว่าเป็นลูกของคริสตจักรของพระคริสต์

ตามคำสอนของออร์โธดอกซ์ มีคริสตจักรเพียงแห่งเดียวคือคริสตจักรที่มองเห็นได้ของพระคริสต์ ในนั้น บุคคลจะบังเกิดใหม่ มาจากสถานที่แห่งบาป เขายังคงอยู่ในนั้น ไม่ว่าเขาจะเป็นนักบุญหรือคนบาป ในฐานะสมาชิกของพระศาสนจักร คนบาปจะไม่แพร่เชื้อไปยังส่วนอื่นๆ ของคริสตจักร เพราะสมาชิกของพระศาสนจักรเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีศีลธรรม เป็นอิสระ และไม่ขาดเสรีภาพ เช่นเดียวกับกรณีของสัตว์ที่มีโรคประจำตัว ส่งต่อไปยังคนอื่นๆ ทั้งหมด

โปรเตสแตนต์ที่เชื่อในคริสตจักรทางโลกที่ "มองไม่เห็น" ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่ได้รับเลือก ซึ่งนำโดยพระเจ้าเท่านั้น ถือเป็นความผิดพลาด คริสตจักรบนดินที่มองไม่เห็นไม่สามารถดำรงอยู่ได้ ในเมื่อคนไม่มีที่ติและไม่มีคนบาป คนที่ถูกเลือกมาจากไหน?

คริสตจักรที่มองไม่เห็นของผู้ถูกเลือกจะต้องทนทุกข์จากการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จากการแทนที่สมาชิกนิรันดร ถ้าเพียงเพราะแนวโน้มของมนุษย์ที่จะสะดุดล้มในมือข้างหนึ่ง และในอีกทางหนึ่ง เพราะความเมตตาของพระเจ้าและ ความรักที่เขามีต่อมนุษย์ เพราะพระเจ้ายอมรับทุกคนที่กลับมาหาพระองค์

แก่นแท้ของศาสนจักรคือเธอต่อสู้และเอาชนะไปพร้อม ๆ กัน เธอต่อสู้เมื่อเธอต่อสู้กับความชั่วเพื่ออาณาจักรแห่งความดี มีชัยในสวรรค์และในใจของคนชอบธรรม ผู้ซึ่งต่อสู้ดิ้นรนจนสมบูรณ์ในศรัทธาในพระเจ้าและคุณธรรม

ใครก็ตามที่เชื่อในคริสตจักรที่มองไม่เห็นของผู้ที่ได้รับเลือกจะขัดแย้งกับวิญญาณที่แท้จริงของพระศาสนจักร ซึ่งไม่ได้แยกผู้ที่อยู่บนเส้นทางแห่งความสมบูรณ์แบบออกจากผู้ที่สมบูรณ์แบบแล้ว ความแตกต่างดังกล่าวเป็นงานของพระเจ้า พระองค์ผู้เดียวจะทรงแยกคนชอบธรรมออกจากคนบาปหลังความตาย

นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา ไอคอนกรีก

พระคริสต์ไม่ทรงละทิ้งผู้ที่พระองค์ทรงปลดปล่อยด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง เฉกเช่นพระองค์ไม่ได้ทรงละทิ้งคนบาปในช่วงชีวิตบนแผ่นดินโลกของพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงถือว่าพวกเขาเป็นสมาชิกศาสนจักรของพระองค์และทรงรอคอยการเปลี่ยนใจเลื่อมใสของพวกเขาจนถึงวินาทีสุดท้าย

บรรดาผู้ที่แบ่งคริสตจักรที่เข้มแข็งออกเป็นที่มองเห็นและมองไม่เห็น: 1) แบ่งแยกไม่ออก; และ 2) ทำบาปต่อความหมายของชื่อศาสนจักร

ประการแรก พวกเขาแบ่งคริสตจักร คริสตจักรของพระคริสต์คือคริสตจักรของธรรมิกชน มิฉะนั้น คริสตจักรของพระคริสต์จะไม่ใช่คริสตจักรเลย. คริสตจักรของคนบาปไม่สามารถเป็นคริสตจักรของธรรมิกชนได้ ดังนั้นคริสตจักรของพระคริสต์จึงเป็นคริสตจักรของนักบุญ

ถ้าคริสตจักรหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิก และเผยแพร่ศาสนาเป็นคริสตจักรของธรรมิกชน เหตุใดคริสตจักรที่มองไม่เห็นของผู้ได้รับเลือกจึงมีความจำเป็น? ใครคือผู้ที่ถูกเลือกเหล่านี้? ใครเล่าสามารถเรียกวิสุทธิชนที่ยังไม่ออกจากสังเวียนได้รับชัยชนะและสวมมงกุฎด้วยสง่าราศีได้? ใครจะเรียกว่าได้รับพรจนถึงที่สุด?

ประการที่สอง พวกเขาทำบาปต่อความหมายของชื่อศาสนจักร โดยแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ สิ่งที่มองเห็นได้และมองไม่เห็น ในขณะที่แนวคิดของศาสนจักรหมายถึงสิ่งที่มองเห็นเท่านั้น

หากพวกเขาเชื่อว่าคริสตจักรยังคงแบ่งแยกไม่ได้เพราะสมาชิกของคริสตจักรที่มองไม่เห็นนั้นเป็นสมาชิกของคริสตจักรที่มองเห็นได้ในเวลาเดียวกันและเนื่องจากคริสตจักรที่มองเห็นได้รวมอยู่ในคริสตจักรที่มองไม่เห็น คำถามก็เกิดขึ้นว่าคริสตจักรแห่งความไม่สมบูรณ์นั้นเป็นอย่างไร คนบาปสามารถบรรจุคริสตจักรแห่งความสมบูรณ์แบบไว้ในอ้อมอกของเธอได้หรือไม่? ถ้านิกายที่มองเห็นได้ของความไม่สมบูรณ์ ของผู้ที่ไม่บริสุทธิ์ ให้กำเนิดบุตรที่ศักดิ์สิทธิ์ แล้วเธอจะปราศจากความศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร? ถ้าสมาชิกของโปรเตสแตนต์ "ชุมชนของธรรมิกชน" ไม่ได้สืบเชื้อสายมาจากลูกหลานของคริสตจักรที่มองเห็นได้ แล้วคริสตจักรที่มองเห็นได้มีไว้เพื่ออะไร?

เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและความสม่ำเสมอ บรรดาผู้ที่เชื่อใน "ชุมชนของธรรมิกชน" จะต้องหยุดเชื่อในคริสตจักรที่มองเห็นได้ หยุดใช้คำว่า "คริสตจักร" จากนั้นพวกเขาจะไม่ทำบาปต่อแนวคิดของศาสนจักรและจะไม่พูดสิ่งที่ขัดแย้ง ในกรณีหนึ่งเชื่อในศาสนจักร และอีกกรณีหนึ่งปฏิเสธ

เพราะถ้าสมาชิกของคริสตจักรที่มองไม่เห็นไม่ได้มาจากคริสตจักรที่มองเห็นได้ แต่รวมกันอย่างลึกลับในพระเจ้าโดยความเชื่อในพระคริสต์เพียงผู้เดียว แล้วพระผู้ช่วยให้รอดจะทรงกระทำในใคร และพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาบนใคร ผู้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์และสมบูรณ์ เหตุใดจึงเกิดคำถามขึ้น ศาสนจักรมองเห็นได้ เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความสมบูรณ์ในพระคริสต์พระผู้ช่วยให้รอด เหตุใดจึงตั้งชื่อ "คริสตจักร" หากสมาชิกของคริสตจักรถูกแยกออกจากกันและไม่รู้จักกัน หากพวกเขาไม่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว การรวมเป็นหนึ่งเดียวที่แยกออกไม่ได้ในความหมายเต็มของคำนั้น?

ความจริงก็คือบรรดาผู้ที่ยอมรับการมีอยู่ของคริสตจักรที่มองไม่เห็นบางประเภทปฏิเสธแนวคิดของคริสตจักรที่มองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สูญเสียอวัยวะในขั้นสุดท้าย พวกเขายอมให้ศาสนจักรบางรูปแบบ เช่น การประชุมที่รวมผู้ติดตามเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้าและฟังคำเทศนา แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่คริสตจักรหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกและเผยแพร่ ซึ่งเรายอมรับในหลักคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาประกอบขึ้นเป็นชุมนุมของสาวกของพระเจ้าที่เชื่อในพระองค์โดยปราศจากการอาบน้ำในอ่างเบื้องต้นและการสร้างใหม่อย่างแท้จริง โดยปราศจากการบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสมบูรณ์อย่างแท้จริง เว้นแต่คริสตจักรที่มองเห็นได้ของพวกเขาคือคริสตจักรแห่งความไม่สมบูรณ์ ในขณะที่อีกคริสตจักรที่มองไม่เห็นคือคริสตจักรแห่งความสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีอยู่ในจินตนาการของพวกเขาเท่านั้น

เป็นการตรงกันข้ามที่จะเรียกชุมนุมนักบุญว่าเป็นคริสตจักรที่มองไม่เห็น - การรวมกลุ่มของผู้ที่ได้รับเลือกซึ่งไม่รู้จักกันและผู้ที่ไม่ได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวโดยการเชื่อมต่อที่เป็นธรรมชาติในภาพรวมทั้งหมด สำหรับ:

• คนที่ไม่เคยพบกันมาก่อนจะเป็นตัวแทนของการรวมตัวได้อย่างไร?
• ศาสนจักรที่ประกอบด้วยบุคคลจะมองไม่เห็นได้อย่างไร

คริสตจักรและสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นแนวคิดที่ขัดแย้งกันหรือค่อนข้างตรงกันข้าม

ในกรณีแรก พวกเขาถือว่าเป็นสภา คริสตจักร นั่นคือบางสิ่งที่มองเห็นได้ บางสิ่งที่ยังไม่ได้รวมกัน และประการที่สอง พวกเขาขัดแย้งกันเองโดยเรียกสิ่งนี้ว่ามองเห็นได้

"ชุมชนของธรรมิกชน" ไม่มีอยู่จริงและไม่สามารถดำรงอยู่ได้ มันไม่มีอยู่จริง เพราะคริสตจักรหนึ่งเดียว คาทอลิก และอัครสาวก แยกไม่ออกและมองเห็นได้ ประกอบขึ้นโดยผู้ที่เกิดใหม่ภายในคริสตจักร ไม่มีสิ่งใดที่มองเห็นได้และมองไม่เห็นไม่มีอยู่จริง

บรรดาผู้ที่ไม่ได้รับการบังเกิดใหม่โดยพระคุณของพระเจ้า กระทำการในคริสตจักรหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิก และเผยแพร่ ไม่ได้ประกอบเป็นคริสตจักรใด ๆ ที่มองเห็นได้หรือมองไม่เห็น

คริสตจักรโปรเตสแตนต์ที่เรียกว่าเป็นแนวคิดที่เป็นนามธรรมโดยเฉพาะ ปราศจากหลักการอันศักดิ์สิทธิ์ อำนาจศักดิ์สิทธิ์และประวัติศาสตร์ มีความสัมพันธ์อย่างเต็มที่กับความคิดและการกระทำของมนุษย์เท่านั้น และไม่มีลักษณะที่คงที่และสม่ำเสมอ หากนิกายโปรเตสแตนต์ถือว่าคริสตจักรที่มองเห็นได้ที่พวกเขาประกอบขึ้นเป็นชุมนุมศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดคริสตจักรที่มองไม่เห็นจึงมีอยู่จริง? และอีกครั้งที่คำถามก็เกิดขึ้น บรรดาผู้ที่แต่งมันกลับกลายเป็นวิสุทธิชนได้อย่างไร ในเมื่อตามคำจำกัดความของพวกเขาเอง บุคคลหลังจากการตกสู่บาปถูกบิดเบือนโดยสมบูรณ์? ใครยืนยันการเกิดใหม่ ความศักดิ์สิทธิ์ การคืนดี และความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า? ใครพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าพระคุณของพระคริสต์ทำงานในพวกเขา? ใครเป็นพยานแก่พวกเขาเกี่ยวกับการสืบเชื้อสายของพระวิญญาณบริสุทธิ์เกี่ยวกับพวกเขา เกี่ยวกับของประทานอันมากมายจากสวรรค์?

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เท็จ ไม่ต้องสงสัยเลย มีให้ในคริสตจักรหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกและเผยแพร่เท่านั้น ผู้ที่บังเกิดใหม่ในนั้นจะได้รับความมั่นใจอย่างเต็มที่ในการสามัคคีธรรมกับพระเจ้า

4. ความน่าเชื่อถือและสิทธิอำนาจของศาสนจักร

ในฐานะสถาบันแห่งสวรรค์ คริสตจักรได้รับการกำกับดูแลโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงสถิตอยู่ในนั้นและทำให้มันเป็นกฎเกณฑ์ที่ไม่เปลี่ยนรูป นั่นคือ "เสาหลักและรากฐานแห่งความจริง" (1 ทธ. 3:15) ศาสนจักรเป็นผู้รักษาคำสอนของอัครสาวกให้บริสุทธิ์และไม่เปลี่ยนแปลง

มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถนำไปสู่ความจริง เป็นผู้พิพากษาคนเดียวที่เถียงไม่ได้ สามารถพูดเกี่ยวกับความจริงแห่งความรอดของคำสอนที่พระเจ้าเปิดเผยต่อเรา

คริสตจักรหนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกและเผยแพร่ เป็นตัวแทนของรัฐมนตรีทั้งหมดของเธอที่สภาทั่วโลก เป็นผู้ตัดสินที่แท้จริงเพียงคนเดียว เป็นผู้พิทักษ์เพียงคนเดียวและเป็นธรรมชาติ ที่คอยปกป้องคำสอนที่ได้รับการดลใจจากสวรรค์ คริสตจักรเท่านั้นที่ตัดสินใจคำถามเกี่ยวกับความถูกต้องและอำนาจของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

เธอคนเดียวรับประกันและปกป้องประเพณีและคำสอนของอัครสาวกอย่างระมัดระวังในอกของเธอบริสุทธิ์และไม่เปลี่ยนแปลง เธอคนเดียวเท่านั้นที่สามารถยืนยัน อธิบาย และกำหนดความจริงตามแนวทางของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เฉพาะคริสตจักรเท่านั้นที่นำไปสู่พระคริสต์ผู้ที่เชื่อในพระองค์และทำให้พวกเขาเข้าใจพระคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง เธอเพียงคนเดียวที่ปกป้องลูก ๆ ของเธอระหว่างทางไปสู่ความรอด เธอเพียงผู้เดียวนำพวกเขาไปสู่ความรอดด้วยความมั่นใจ มีเพียงผู้เชื่อเท่านั้นที่เชื่อมั่นในความจริงที่พวกเขาเชื่อและความรอดของจิตวิญญาณของพวกเขา นอกคริสตจักร เรือโนอาห์นี้ไม่มีความรอด คำสารภาพของนักบุญโดซิธีอุสกล่าวว่าเราเชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงให้ความกระจ่างแก่คริสตจักร เพราะพระองค์ทรงเป็น Paraclete ที่แท้จริงซึ่งพระคริสต์ทรงส่งมาจากพระบิดาเพื่อสอนความจริงและขับไล่ความมืดออกจากจิตวิญญาณของผู้เชื่อ

หากปราศจากอำนาจของศาสนจักร ก็ไม่มีอะไรมั่นคง ปฏิเสธไม่ได้ และเชื่อถือได้สำหรับความรอด มีเพียงอำนาจของพระศาสนจักรเท่านั้นที่จะรักษามรดกของอัครสาวกให้บริสุทธิ์และปราศจากมลทิน โดยผ่านพระองค์เท่านั้นที่ความจริงของการเทศนาของอัครสาวกได้รับการถ่ายทอดอย่างบริสุทธิ์และปราศจากมลทิน หากปราศจากอำนาจของศาสนจักร เนื้อหาของศรัทธาอาจถูกบิดเบือน และการเทศนาของอัครสาวกจะกลายเป็นการใส่ร้าย

หากไม่มีคริสตจักรที่พระเจ้ามองเห็นได้ ก็ไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างสมาชิกของชุมชนใดๆ ที่จะไม่ใช่พระกายของพระคริสต์ เพราะพระกายของพระคริสต์คือคริสตจักรของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงเป็นศีรษะ หากปราศจากศาสนจักร จะไม่มีใครเป็นหนึ่งเดียวกับพระกายของพระคริสต์ ไม่มีใครสามารถเป็นสมาชิกของพระคริสต์ได้เว้นแต่เขาจะได้รับการบังเกิดใหม่และกลายเป็นผู้แบ่งปันในพระคุณที่อยู่ในศาสนจักร

โปรเตสแตนต์ที่กำหนดคริสตจักรเป็นสังคมที่มองไม่เห็น การชุมนุมของผู้ที่ได้รับเลือก ธรรมิกชน สังคมแห่งศรัทธาและพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่ง* พระผู้ช่วยให้รอดทรงกระทำการ ปัพพานตนเองจากพระคุณของพระเจ้าที่แจกจ่ายโดยคริสตจักร ซึ่ง พวกเขาไม่ได้เป็น

บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศาสนจักรที่มองเห็นได้ของพระคริสต์ก็ปฏิเสธธรรมชาติของศาสนจักรเช่นกัน นั่นคือลักษณะที่เป็นรูปธรรมของศาสนจักร ซึ่งทำให้เป็นสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์บนแผ่นดินโลก ซึ่งงานไถ่ของพระผู้ช่วยให้รอดดำเนินไปอย่างไม่ขาดตอน

พวกที่ชอบเรียกตัวเองว่าเป็นสมาชิกของสังคมที่มองไม่เห็นของธรรมิกชน ซึ่งประกอบด้วยวิสุทธิชนทั่วโลก ที่พระเจ้ารู้จักเท่านั้น ผู้ที่เชื่อว่าผ่านความเชื่อตามทฤษฎีอย่างหมดจดในพระผู้ช่วยให้รอด พวกเขากลายเป็นผู้เข้าร่วมในพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่คิดว่า พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำงานเพื่อความรอดโดยปราศจากการไกล่เกลี่ยของคริสตจักรที่พระองค์สร้างขึ้น พระองค์ทรงเข้าใจผิดว่าเป็น “พระศาสนจักรพิเศษ nulla salus”1

ไม่มีความรอดนอกคริสตจักรหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ คาทอลิกและเผยแพร่ คริสตจักรนี้มองเห็นได้ ไม่ใช่แค่กลุ่มคนที่เชื่อในพระคริสต์ เธอเป็นสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ เธอได้รับมอบหมายให้ปกป้องความจริงที่พระเจ้าเปิดเผยต่อเรา เป็นการไถ่บาปของมนุษย์ ในนั้นบุคคลสื่อสารกับพระเจ้าและกลายเป็นลูกของพระเจ้า 1 นอกคริสตจักรไม่มีความรอด (lat.)

โปรเตสแตนต์ที่ละทิ้งคริสตจักรที่มองเห็นได้ของพระคริสต์และก่อตั้ง "ชุมชนของวิสุทธิชน" ของตนเองกำลังทำบาปต่อลักษณะพื้นฐานของคริสตจักร พวกเขาถือว่าศรัทธาเพียงพอสำหรับความรอด พวกเขาตีความงานแห่งการไถ่ถอนว่าเป็นทฤษฎีทางเทววิทยาที่สามารถช่วยชีวิตผู้ที่ศึกษาหรือยอมรับมันได้ อย่างไรก็ตาม งานแห่งการไถ่ถอนไม่ใช่แค่ทฤษฎีเทววิทยาเท่านั้น นี่เป็นการกระทำที่ลึกลับในคริสตจักรของพระคริสต์ที่มองเห็นได้ นี่คืองานที่นำมาซึ่งความรอดที่ทำให้ผู้เชื่อได้รับส่วนในพระวิญญาณบริสุทธิ์

นอกคริสตจักรไม่มีความเชื่อตามทฤษฎี ไม่มีสังคมใดที่นำไปสู่การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “ผู้ใดเชื่อและรับบัพติศมาจะรอด” พระเจ้าคือผู้สร้างแท่นบูชาที่มองเห็นได้ของศาสนจักร นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ทรงต้องการการกระทำ การกระทำตามความจริงที่พระองค์ตรัสกับพระศาสนจักรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ สิ่งเดียวที่นำไปสู่ชีวิต หัวหน้าคือพระคริสต์เอง เราต้องเชื่อฟังเธอจากเธอที่เราต้องเรียนรู้ความจริงและได้รับความรอด เธอเท่านั้นที่เป็นเสาหลักและการยืนยันความจริง เพราะพระวิญญาณ Paraclete สถิตอยู่ในเธอชั่วนิรันดร์

พระ Dositheus กล่าวถึงคริสตจักรดังต่อไปนี้: “เราต้องเชื่อในพระคัมภีร์อย่างไม่สั่นคลอน แต่ไม่ใช่อย่างอื่นนอกจากตามคำสอนของคริสตจักรคาทอลิก”

แน่นอน พวกนอกรีตยอมรับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขาบิดเบือนมันด้วยคำอุปมา คำพ้องเสียง ความซับซ้อนของความซับซ้อนของมนุษย์ ความสับสนที่ไม่ซับซ้อนและการเล่นในสิ่งที่ไม่สามารถเล่นออกได้ หากเราต้องยอมรับความคิดเห็นของคนใดคนหนึ่งทุกวัน คริสตจักรคาทอลิกจะไม่เป็นอย่างที่เธอคงอยู่โดยพระคุณของพระคริสต์มาจนถึงทุกวันนี้ โดยคงไว้ซึ่งมุมมองเดียวเกี่ยวกับศรัทธาและเชื่ออย่างไม่สั่นคลอนในสิ่งเดียวกัน

ในกรณีนี้ ลัทธินอกรีตจำนวนมากจะแหลกสลายและจะไม่ใช่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ เสาหลักและการยืนยันความจริงอีกต่อไป ไม่เปื้อนและบริสุทธิ์อีกต่อไป มันจะกลายเป็นคริสตจักรแห่งการหลอกลวง คริสตจักรนอกรีต ซึ่งเมื่อได้ก่อร่างขึ้นแล้ว ก็จะปฏิเสธมันโดยปราศจากความสำนึกผิดใดๆ ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าคำให้การของคริสตจักรคาทอลิกไม่ได้ด้อยกว่าอำนาจของพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

ทั้งสองเป็นงานของพระวิญญาณองค์เดียวกัน คนที่พูดจากตัวเองสามารถทำบาป หลง และหลงได้ คริสตจักรคาทอลิกไม่เคยพูดจากตัวเธอเอง แต่พูดโดยพระวิญญาณของพระเจ้า พระอาจารย์ ผู้ทรงเพิ่มพูนคุณค่าแก่เธอชั่วนิรันดร์ เธอไม่สามารถทำบาปหรือผิดพลาดหรือผิดพลาดได้ เท่ากับพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์และมีอำนาจที่ไม่เปลี่ยนรูปและถาวร”

เซนต์ไซริลแห่งเยรูซาเลมพินัยกรรม: รักที่จะเรียนรู้และเรียนรู้จากคริสตจักรซึ่งหนังสือของพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ได้รับการยอมรับจากทุกคน จะมัวเสียเวลากับหนังสือที่น่าสงสัยไปทำไม ตามเขาควรอ่านหนังสือยี่สิบสองเล่มในพันธสัญญาเดิมซึ่งแปลโดยอาจารย์เจ็ดสิบคน”

เบื้องหลังคำพูดของนักบุญ ไซริลมีค่าควรแก่อำนาจของศาสนจักร ที่สภาแห่งคอนสแตนติโนเปิลในปี 1672 พระสังฆราช Dionysios กล่าวถึงความไม่ผิดพลาดของพระศาสนจักรว่า “เรากล่าวว่าไม่มีข้อผิดพลาด นำโดยพระคริสต์ ประมุขของตนเอง และตรัสรู้โดยพระวิญญาณแห่งความจริง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถเข้าใจผิดได้ นั่นคือเหตุผลที่อัครสาวกเรียกเสาหลักและการยืนยันความจริง มันมองเห็นได้และจะไม่ละทิ้งออร์โธดอกซ์จนกว่าจะหมดเวลา”

บทนำ "บทเพลงแห่งความรักอันศักดิ์สิทธิ์"

เนื่องจากโดยธรรมชาติแล้วพระเจ้าเป็นอนันต์และไม่สามารถเข้าถึงได้ ความปรารถนาของธรรมิกชนที่จะรวมเป็นหนึ่งกับพระเจ้าจึงไม่เคยสำเร็จอย่างสมบูรณ์ ผู้ที่แสวงหาพระเจ้าอยู่ในการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในการเติบโตขึ้นสู่สวรรค์อย่างต่อเนื่อง ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ในพระเจ้านี้เป็นลักษณะของอัครสาวกเปาโลที่เขียนว่า: ยืดไปข้างหน้าฉันพยายามเพื่อเป้าหมายเพื่อเป็นเกียรติแก่การเรียกของพระเจ้า ...(ฟป. 3:13-14)

ความปรารถนาเดียวกันของพระเจ้ามีที่ปรึกษาของพระสงฆ์ - พระแอนโทนี่มหาราช; ความปรารถนาและความรักของเขาเพิ่มขึ้นทุกวันจนสามารถพูดเกี่ยวกับตัวเองได้ว่า “ข้าพเจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าอีกต่อไป เพราะข้าพเจ้ารักพระองค์”

ยิ่งมีความปรารถนาและความรักต่อพระเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์มากเท่าใด ก็ยิ่งมีความรู้สึกที่ว่าเขาไม่มีสิ่งใดครอบครองที่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ยิ่งเขาสูงขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของความรัก ความรู้สึกของเขาที่ว่าเขามีต่อพระเจ้าจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น ความงามที่ไม่สิ้นสุดและน่าปรารถนาของพระเจ้าไม่สามารถเข้าถึงได้โดยความเข้าใจของมนุษย์ Infinite ไม่พอดีกับขอบเขต ดังนั้น พระเจ้าจึงค่อยๆ เปิดเผยพระองค์ในจิตวิญญาณมนุษย์ และสอนให้แสวงหาพระองค์ ปรารถนาพระองค์ และชื่นชมยินดีในพระองค์

จากนั้นวิญญาณก็พุ่งขึ้นสู่ความงามอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อโอบกอดและกักขังมันไว้อย่างสมบูรณ์ เมื่อไม่ถึงมัน จิตวิญญาณเชื่อว่าสิ่งที่แสวงหานั้นอยู่ไกลกว่ามาก สูงกว่ามาก เป็นที่ต้องการมากกว่าสิ่งที่บรรลุและสิ่งที่อยู่ภายในตัวมันเอง วิญญาณประหลาดใจ ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความปรารถนาอันศักดิ์สิทธิ์

ในภาษาของนักบุญ คำว่า "ความปรารถนา" หมายถึงสิ่งของหรือบุคคลที่ไม่อยู่ และคำว่า "ความกระตือรือร้น" หมายถึงสิ่งที่มีอยู่ โดยธรรมชาติที่มองไม่เห็นและไม่มีตัวตน พระเจ้าจึงเป็นที่พึงปรารถนาและเป็นที่ต้องการ แต่ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเปิดเผยพระองค์เองในพลังของพระองค์เช่นกัน พระองค์ทรงดูถูกผู้ที่คู่ควรกับพระองค์

เพลงรักพระเจ้า

ความกตัญญูเป็นของขวัญจากพระเจ้า โดยพระคุณของพระเจ้ามอบให้กับวิญญาณบริสุทธิ์ ไปเยี่ยมเธอและเปิดเผยตัวต่อเธอ ไม่มีใครมีความร้อนจากสวรรค์โดยปราศจากการเปิดเผยจากสวรรค์ จิตวิญญาณที่ไม่ถูกเปิดเผยไม่ได้รับผลกระทบจากพระคุณและยังคงอ่อนไหวต่อความรักของพระเจ้า

ผู้ที่รักพระเจ้าถูกกระตุ้นไปสู่ความรักอันศักดิ์สิทธิ์โดยพระคุณของพระเจ้า ซึ่งสำแดงแก่จิตวิญญาณและกระทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ เป็นพระคุณที่ดึงดูดพวกเขาให้มาหาพระเจ้า

ผู้ที่ได้รับความรักจากพระเจ้าย่อมได้รับความรักครั้งแรกจากพระเจ้า เมื่อนั้นเขารักพระเจ้าเท่านั้น ผู้ที่รักพระผู้เป็นเจ้าเป็นบุตรแห่งความรักก่อน แล้วจึงรักพระบิดาบนสวรรค์

หัวใจของพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรักไม่เคยหลับใหล มันตื่นขึ้นเพราะความรักอันยิ่งใหญ่...

เมื่อบุคคลหลับโดยความจำเป็นตามธรรมชาติ จิตใจของเขาจะตื่นขึ้นเพื่อส่งการสรรเสริญไปยังพระเจ้า ใจที่บาดเจ็บจากความกระตือรือร้นของพระเจ้าจะไม่แสวงหาสิ่งใดเกินขอบเขตของความดีสูงสุด มันเปลี่ยนจากทุกสิ่งรู้สึกเฉยเมยต่อทุกสิ่งอย่างสมบูรณ์

จิตวิญญาณที่ยึดครองด้วยความรักต่อพระเจ้า ชื่นชมพระวจนะของพระเจ้าและได้รับพรในพลับพลาของพระองค์ เธอเปล่งเสียงเพื่อเล่าความมหัศจรรย์ของพระเจ้าและประกาศสง่าราศีของพระเจ้าและความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เธอร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าและสรรเสริญพระองค์ตลอดเวลา เธอรับใช้พระองค์อย่างขยันขันแข็ง

ความกระตือรือร้นของพระเจ้าเข้าครอบงำจิตวิญญาณดังกล่าวอย่างสมบูรณ์ เปลี่ยนแปลงและปรับให้เข้ากับพระองค์เอง จิตวิญญาณที่รักพระเจ้าเข้าใจพระเจ้า และความเข้าใจนี้ทำให้เกิดความกระตือรือร้นจากสวรรค์

จิตวิญญาณที่รักพระเจ้าได้รับพร เพราะมันได้พบกับผู้พิพากษาอันศักดิ์สิทธิ์ ผู้ซึ่งได้เติมเต็มความปรารถนาของตนแล้ว มันปฏิเสธทุกความปรารถนา ทุกความรู้สึก ทุกแรงกระตุ้นที่แตกต่างจากความรักของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง เป็นสิ่งที่ดูถูกและไม่คู่ควรกับมัน

โอ้ จิตวิญญาณที่รักพระเจ้าได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ด้วยความรักอันศักดิ์สิทธิ์สักเพียงไร ดำเนินไปโดยความรักของพระเจ้า! เช่นเดียวกับก้อนเมฆที่บางเบา ความรักนี้เข้าครอบงำจิตวิญญาณและนำพาไปสู่แหล่งกำเนิดแห่งความรักนิรันดร์ สู่ความรักที่ไม่สิ้นสุด เติมมันด้วยแสงที่ไม่มีวันดับ

วิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บจากความกระตือรือร้นของพระเจ้าก็เปรมปรีดิ์อย่างไม่ลดละ เธอเบิกบาน สั่นสะท้านด้วยความปิติ เธอแสดงต่อพระพักตร์พระเจ้า เพราะเธออยู่ในสันติสุขแห่งความรักของพระเจ้า เหมือนอยู่บนผิวน้ำนิ่ง

ไม่มีความโศกเศร้าในโลกนี้มารบกวนความสงบสุขและการพักผ่อนของเธอ ไม่มีความโศกเศร้าใดที่จะพรากความปิติยินดีและความปิติยินดีของเธอได้ ความรักยกจิตวิญญาณที่รักพระเจ้าขึ้นสู่สวรรค์ ประหลาดใจ เธอรู้สึกแปลกแยกจากความรู้สึกทางร่างกาย ออกจากร่างกายของเธอเอง

ยอมจำนนต่อพระเจ้าโดยสิ้นเชิง เธอลืมตัวเอง ความกระตือรือร้นของพระเจ้าสื่อถึงความใกล้ชิดที่ไม่มีข้อ จำกัด ต่อพระเจ้า ความสบายบ่งบอกถึงความกล้า ความกล้าบ่งบอกถึงรสชาติ และรสชาติบ่งบอกถึงความหิว

วิญญาณที่ได้รับบาดเจ็บจากความกระตือรือร้นของพระเจ้า ไม่สามารถคิดถึงสิ่งอื่นหรือต้องการอะไรได้อีก เธอถอนหายใจอย่างต่อเนื่องและพูดว่า “พระองค์เจ้าข้า ข้าพระองค์จะมาหาพระองค์เมื่อใดและเมื่อใดจึงจะได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์? ข้าแต่พระเจ้า จิตวิญญาณของข้าพระองค์ปรารถนาที่จะมาหาพระองค์ เหมือนกวางที่โหยหาน้ำพุ” นั่นคือความกระตือรือร้นของพระเจ้าที่ดึงดูดจิตวิญญาณ

โอ้รักแท้และสม่ำเสมอ!
โอ้ความรักเปรียบเสมือนพระฉายของพระเจ้า!
โอ้ความรักความสุขที่เงียบสงบของจิตวิญญาณของฉัน!
โอ้ความรักศักดิ์สิทธิ์เต็มหัวใจของฉัน!
โอ้ความรัก การไตร่ตรองจิตวิญญาณของฉันอย่างไม่หยุดยั้ง!

คุณครอบครองจิตวิญญาณของฉันเสมอ คุณล้อมรอบมันด้วยความเอาใจใส่และอบอุ่น
คุณชุบชีวิตเธอและยกเธอขึ้นสู่ความรักอันศักดิ์สิทธิ์
คุณเติมหัวใจของฉันและแผดเผามันด้วยความรักอันศักดิ์สิทธิ์
คุณฟื้นความปรารถนาของฉันสำหรับผู้พิพากษาสูงสุด
ด้วยพลังแห่งชีวิตของคุณ คุณเสริมความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของฉัน
คุณทำให้สามารถแสดงความรักอันศักดิ์สิทธิ์เป็นบริการที่เหมาะสม
คุณครอบครองวิญญาณของฉันและปลดปล่อยมันจากโซ่ตรวนทางโลก
คุณปล่อยเขาเพื่อที่เขาจะได้ขึ้นสวรรค์อย่างอิสระสู่ความรักอันศักดิ์สิทธิ์
คุณเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดของผู้เชื่อ ของขวัญแห่งการอุปถัมภ์จากสวรรค์ที่ต้องการมากที่สุด
คุณคือแสงสว่างที่เหมือนพระเจ้าในจิตวิญญาณและหัวใจของฉัน
คุณเป็นคนที่ทำให้ผู้เชื่อเป็นบุตรของพระเจ้า
คุณเป็นเครื่องประดับของผู้ศรัทธาและคุณให้เกียรติเพื่อนของคุณ
คุณเป็นคนเดียวที่ถาวรอย่างแท้จริง เพราะคุณเป็นนิรันดร์
คุณเป็นอาภรณ์อันหรูหราของบรรดาผู้ที่รักพระเจ้า ผู้ซึ่งสวมอาภรณ์เหล่านี้ปรากฏต่อพระพักตร์ความรักของพระเจ้า
คุณเป็นคนเบิกบาน เพราะคุณเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์
คุณนำผู้เชื่อที่ชำระให้บริสุทธิ์เข้าสู่อาณาจักรแห่งสวรรค์
คุณเป็นกลิ่นหอมที่น่าหลงใหลของผู้ศรัทธา
ผ่านคุณผู้เชื่อได้รับความสุขจากสวรรค์
ผ่านคุณแสงของดวงอาทิตย์ฝ่ายวิญญาณขึ้นในจิตวิญญาณ
โดยผ่านคุณดวงตาฝ่ายวิญญาณของผู้เชื่อก็เปิดออก
ผ่านคุณ ผู้เชื่อมีส่วนร่วมในสง่าราศีอันศักดิ์สิทธิ์และชีวิตนิรันดร์
โดยคุณ ความกระหายในสวรรค์จึงบังเกิดในเรา

คุณเป็นผู้ฟื้นฟูอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก
คุณเป็นผู้กระจายสันติภาพในหมู่ประชาชน
คุณเองที่ทำให้โลกเหมือนท้องฟ้า
เป็นคุณที่เชื่อมโยงผู้คนกับเทวดา
คุณต่างหากที่ทำให้การร้องเพลงของเราส่งถึงพระเจ้า
คุณเป็นผู้ชนะในทุกสิ่ง
คุณอยู่เหนือทุกสิ่ง
คุณเป็นผู้ควบคุมจักรวาลอย่างแท้จริง
คุณเป็นผู้ครองโลกอย่างชาญฉลาด
เป็นคุณที่พกพาและจัดเก็บทุกอย่าง

โอ้ความรักความบริบูรณ์ของหัวใจของฉัน!
โอ้ความรัก รูปพระเยซูที่หอมหวานที่สุด
โอ้ความรัก ดวงตราศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าสาวกของพระเจ้า
โอ้ความรัก สัญลักษณ์ของพระเยซูที่หอมหวานที่สุด
ทำลายหัวใจของฉันด้วยความปรารถนาของคุณ
เติมพระพร ความเมตตา และความปิติยินดี
ทำให้เป็นที่อาศัยของพระวิญญาณบริสุทธิ์
จงจุดไฟด้วยเปลวเพลิงอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อกิเลสตัณหาอันน่าสังเวชของมันจะมอดลง และมันจะถูกจุดขึ้น ร้องเพลงสรรเสริญคุณไม่หยุดหย่อน

เติมหัวใจของฉันด้วยความอ่อนโยนของความรักของคุณ เพื่อที่ฉันจะรักเฉพาะพระเยซูที่หอมหวานที่สุด พระคริสต์ พระเจ้าของฉัน และที่ฉันร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ด้วยสุดจิตวิญญาณของฉัน สุดหัวใจ สุดกำลัง ด้วยสุดใจของฉัน วิญญาณ. สาธุ!

นักบุญเนคทาริโอสแห่งเอจีนา

Troparion แห่งเซนต์ Nectarios เสียง 1

กับสาขา Ilivria และ Aegina ผู้พิทักษ์ซึ่งปรากฏตัวในปีที่ผ่านมาคุณธรรมของเพื่อนที่จริงใจ Nectarius เราให้เกียรติผู้ซื่อสัตย์ในฐานะผู้รับใช้อันศักดิ์สิทธิ์ของพระคริสต์: เขาฝึกฝนเพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันมากมายเพื่อร้องประกาศพระกิตติคุณ ถวายเกียรติแด่พระคริสต์ผู้ทรงถวายเกียรติแด่คุณ สง่าราศีแด่พระคุณที่ให้ปาฏิหาริย์แก่คุณ สง่าราศีแก่การรักษาที่กระทำโดยคุณ