เมืองลึกลับของ Vyatichi โบราณ Vyatichi (ชาวสลาฟโบราณ)

ผู้เขียนโบราณมั่นใจว่าดินแดนที่รัฐรัสเซียโบราณยึดครองในเวลาต่อมานั้นเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าสลาฟที่ดุร้ายและทำสงครามซึ่งตอนนี้เป็นศัตรูกันและคุกคามผู้คนที่มีอารยะมากขึ้น

วาติชิ

ชนเผ่าสลาฟแห่ง Vyatichi (ตามพงศาวดาร Vyatko เป็นบรรพบุรุษของมัน) อาศัยอยู่ในดินแดนอันกว้างใหญ่ซึ่งปัจจุบันภูมิภาค Smolensk, Kaluga, มอสโก, Ryazan, Tula, Voronezh, Oryol และ Lipetsk ตั้งอยู่ ตามที่นักมานุษยวิทยากล่าวว่าภายนอก Vyatichi นั้นคล้ายกับเพื่อนบ้านทางเหนือของพวกเขา แต่แตกต่างจากพวกเขาในสะพานจมูกที่สูงกว่าและในความจริงที่ว่าตัวแทนส่วนใหญ่ของพวกเขามีผมสีบลอนด์

นักวิทยาศาสตร์บางคนวิเคราะห์ชื่อชาติพันธุ์ของชนเผ่านี้ เชื่อว่ามาจาก "ช่องลม" รากอินโด-ยูโรเปียน (เปียก) คนอื่นเชื่อว่ามาจาก "vęt" ของชาวสลาฟเก่า (ใหญ่) นักประวัติศาสตร์บางคนเห็นความเป็นเครือญาติของ Vyatichi กับสหภาพชนเผ่าเยอรมันของ Vandals นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่เชื่อมโยงพวกเขากับกลุ่มชนเผ่า Wends

เป็นที่ทราบกันดีว่า Vyatichi เป็นนักล่าที่ดีและนักรบที่มีฝีมือ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ป้องกันพวกเขาจากการรวมตัวกัน การเพาะพันธุ์โค และการทำเกษตรกรรมแบบเฉือนและเผา Nestor the Chronicler เขียนว่า Vyatichi ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในป่าและโดดเด่นด้วยนิสัย "สัตว์ป่า" พวกเขาต่อต้านการแนะนำของศาสนาคริสต์นานกว่าชนเผ่าสลาฟอื่น ๆ โดยรักษาประเพณีนอกรีตรวมถึง "การลักพาตัวเจ้าสาว"

Vyatichi ต่อสู้กับเจ้าชาย Novgorod และ Kyiv อย่างแข็งขันที่สุด ด้วยอำนาจของ Svyatoslav Igorevich ผู้พิชิต Khazars เท่านั้น Vyatichi ถูกบังคับให้ลดความร้อนแรงเหมือนสงคราม อย่างไรก็ตามไม่นาน วลาดิมีร์ ลูกชายของเขา (นักบุญ) ต้องพิชิตวยาติชิผู้ดื้อรั้นอีกครั้ง แต่ในที่สุดวลาดิมีร์ โมโนมักห์ก็พิชิตชนเผ่านี้ในศตวรรษที่ 11

สโลวีเนีย

ชนเผ่าสลาฟที่อยู่เหนือสุด - สโลวีเนีย - อาศัยอยู่ริมฝั่งทะเลสาบอิลเมน เช่นเดียวกับบนแม่น้ำโมโลกา ประวัติความเป็นมาของต้นกำเนิดยังไม่ได้รับการชี้แจง ตามตำนานทั่วไป บรรพบุรุษของชาวสโลวีเนียคือพี่น้องสโลเว่นและมาตุภูมิ Nestor the Chronicler เรียกพวกเขาว่าผู้ก่อตั้ง Veliky Novgorod และ Staraya Russa

หลังจากสโลวีเนีย ตามตำนานเล่า เจ้าชายแวนดัลก็ขึ้นสู่อำนาจได้สำเร็จ โดยรับเอาแอดวินดาสาวชาว Varangian เป็นภรรยาของเขา เทพนิยายสแกนดิเนเวียบอกเราว่า Vandal ในฐานะผู้ปกครองสโลวีเนียได้เดินทางไปทางเหนือ ตะวันออก และตะวันตก ทางทะเลและทางบก โดยได้พิชิตผู้คนที่อยู่รายรอบทั้งหมด

นักประวัติศาสตร์ยืนยันว่าชาวสโลวีเนียต่อสู้กับชนชาติเพื่อนบ้านมากมาย รวมทั้งพวกไวกิ้ง เมื่อขยายขอบเขตการครอบครองแล้ว พวกเขายังคงพัฒนาพื้นที่ใหม่ในฐานะเกษตรกร เข้าสู่ความสัมพันธ์ทางการค้ากับชาวเยอรมัน กอตแลนด์ สวีเดน และแม้แต่กับชาวอาหรับพร้อมๆ กัน

จากโจอาคิม โครนิเคิล (ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อถือ) เราได้เรียนรู้ว่าในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 9 เจ้าชายสโลวีเนีย Burivoj พ่ายแพ้ต่อชาว Varangians ผู้ซึ่งส่งส่วยประชาชนของเขา อย่างไรก็ตาม ลูกชายของ Burivoy Gostomysl กลับคืนตำแหน่งที่หายไป อีกครั้งหนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้อิทธิพลของเขาในดินแดนใกล้เคียง ตามประวัติศาสตร์ของชาวสโลวีเนียซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพื้นฐานของประชากรของสาธารณรัฐโนฟโกรอดที่เป็นอิสระ

Krivichi

ภายใต้ชื่อ "Krivichi" นักวิทยาศาสตร์หมายถึงสหภาพชนเผ่าของ Eastern Slavs ซึ่งพื้นที่ในศตวรรษที่ 7-10 ขยายไปถึงต้นน้ำลำธารของ Western Dvina, Volga และ Dnieper คริวิชีเป็นที่รู้จักอย่างแรกเลยในฐานะผู้สร้างกองทหารที่ขยายออกไป ในระหว่างการขุดค้น ซึ่งนักโบราณคดีรู้สึกทึ่งกับความหลากหลายและความสมบูรณ์ของอาวุธ กระสุนปืน และของใช้ในครัวเรือน Krivichi ถือเป็นเผ่าที่เกี่ยวข้องของ Lutichi ซึ่งมีลักษณะนิสัยก้าวร้าวและดุร้าย

การตั้งถิ่นฐานของ Krivichi มักจะตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำตามเส้นทางที่มีชื่อเสียง "จาก Varangians ถึงชาวกรีก" นักประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า Krivichi มีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับชาว Varangians ดังนั้นจักรพรรดิไบแซนไทน์ Constantine VII Porphyrogenitus จึงเขียนว่า Krivichi สร้างเรือที่ Rus ไปยังกรุงคอนสแตนติโนเปิล

ตามข้อมูลที่ลงมาให้เรา Krivichi เป็นผู้มีส่วนร่วมในการสำรวจ Varangian หลายครั้ง ทั้งเชิงพาณิชย์และการทหาร ในการสู้รบ พวกเขาไม่ได้ด้อยกว่าพวกนอร์มัน

หลังจากเข้าร่วมอาณาเขต Kyiv แล้ว Krivichi ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการล่าอาณานิคมของดินแดนทางเหนือและตะวันออกอันกว้างใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักในปัจจุบันในชื่อ Kostroma, Tver, Yaroslavl, Vladimir, Ryazan และ Vologda ทางตอนเหนือบางส่วนถูกหลอมรวมโดยชนเผ่าฟินแลนด์

Drevlyans

ดินแดนของการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าสลาฟตะวันออกของ Drevlyans ส่วนใหญ่เป็นภูมิภาค Zhytomyr ที่ทันสมัยและส่วนตะวันตกของภูมิภาค Kyiv ทางทิศตะวันออก ทรัพย์สินของพวกเขาถูกจำกัดโดย Dnieper ทางทิศเหนือติดกับแม่น้ำ Pripyat โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนองน้ำ Pripyat ตามที่นักประวัติศาสตร์สร้างกำแพงธรรมชาติที่แยก Drevlyans ออกจาก Dregovichi เพื่อนบ้านของพวกเขา

ไม่ยากที่จะเดาว่าที่อยู่อาศัยของ Drevlyans เป็นป่า ที่นั่นพวกเขารู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของเต็มรูปแบบ ตามประวัติศาสตร์ Nestor Drevlyans แตกต่างจากทุ่งหญ้าที่อ่อนโยนที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกอย่างเห็นได้ชัด: "Drevlyans อาศัยอยู่อย่างสัตว์ป่าอาศัยอยู่เหมือนสัตว์ร้าย: ฉันฆ่ากันกินสิ่งที่ไม่สะอาดทั้งหมดและพวกเขาไม่มี การแต่งงาน แต่หญิงสาวถูกน้ำพัดพาไป”

บางทีในบางครั้งทุ่งหญ้าอาจเป็นสาขาของ Drevlyans ซึ่งมีการปกครองเป็นของตัวเอง ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 9 Oleg ปราบปราม Drevlyans ตามที่ Nestor พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพที่เจ้าชาย Kyiv "ได้ต่อสู้กับชาวกรีก" หลังจากการเสียชีวิตของ Oleg ความพยายามของ Drevlyans ที่จะปลดปล่อยตัวเองจากอำนาจของ Kyiv ก็บ่อยขึ้น แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาได้รับบรรณาการเพิ่มขึ้นเพียงจำนวนที่กำหนดโดย Igor Rurikovich

เมื่อมาถึง Drevlyans เพื่อถวายส่วยอีกส่วน เจ้าชายอิกอร์ก็ถูกสังหาร ตามคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์ชาวไบแซนไทน์ ลีโอ ดีคอน เขาถูกจับกุมและประหารชีวิต ขาดเป็นสองท่อน (พวกเขามัดแขนและขาของเขาไว้กับลำต้นของต้นไม้สองต้น ซึ่งต้นหนึ่งเคยงออย่างรุนแรงมาก่อนแล้วจึงปล่อย) สำหรับการฆาตกรรมที่น่ากลัวและกล้าหาญ Drevlyans จ่ายอย่างสุดซึ้ง ภรรยาของเจ้าชายออลก้าที่ล่วงลับไปด้วยความกระหายที่จะแก้แค้นได้ทำลายเอกอัครราชทูต Drevlyan ที่มาเพื่อแสวงหาเธอโดยฝังทั้งเป็นลงในพื้นดิน ภายใต้เจ้าหญิงโอลก้า ในที่สุดพวกเดรฟเลียนก็ยอมจำนน และในปี ค.ศ. 946 ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเคียฟมาตุภูมิ

ชนเผ่า Vyatichi ครอบครองสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของรัสเซียโบราณแม้ว่าผู้อ่านส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงชื่อของพวกเขากับเมือง Vyatka น่าแปลกที่พวกเขาบางส่วนถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ เราสามารถติดตามเส้นทางของบรรพบุรุษ Vyatichi จากที่นี่จากภาคกลางของรัสเซียและแม่น้ำโวลก้าตอนบน แต่สำหรับสิ่งนี้ เราต้องดูหลายพันปี

VENEDS และ VANDALS

ในระหว่างการดำรงอยู่ของธารน้ำแข็งในภาคกลางของรัสเซีย แถบไทกาไม่เคยมีอยู่จริง และป่าเบญจพรรณก็เริ่มขึ้นเกือบจะในทันทีจากขอบน้ำแข็ง ชนเผ่าอารยันอาศัยอยู่ที่นี่ พื้นฐานของกิจกรรมชีวิตคือการล่าสัตว์และการรวบรวม เมื่อธารน้ำแข็งถอยห่างจากทิศตะวันออก ไทกาก็เคลื่อนเข้ามา และแถบป่าเบญจพรรณก็เริ่มเคลื่อนเข้าสู่ยุโรปตอนกลาง ชนเผ่าอารยันของนักล่าและผู้รวบรวมย้ายไปทางตะวันตกพร้อมกับพวกเขาและที่ของพวกเขาในขณะที่ป่าสนรุกล้ำขึ้นถูกครอบครองโดยชนเผ่า Finno-Ugric - นักล่าและชาวประมง ทั้งคนเหล่านั้นและคนอื่นๆ มีผมสีขาวและตาสว่าง และคนเหล่านั้นและคนอื่นๆ อาศัยอยู่ในชุมชนชนเผ่าเล็กๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ แต่ถึงแม้จะมีวิถีชีวิตและข้อมูลภายนอกที่คล้ายคลึงกัน คนสองคนนี้ก็ไม่ได้แทรกแซง ความแตกต่างที่สำคัญคือภาษา ชาวป่าเบญจพรรณได้อธิบายไว้ในภาษาสันสกฤตโบราณ ซึ่งทำให้พวกเขาสามารถมาจากชนเผ่าอารยันที่เคยอาศัยอยู่ในเขตทุ่งหญ้าขั้วโลก
ในตอนต้นของยุคใหม่พื้นที่ของการตั้งถิ่นฐานของนักล่าชาวอารยันไม่ได้ด้อยกว่าอาณาเขตของจักรวรรดิโรมัน เพื่อนบ้านของพวกเขาเรียกพวกเขาแตกต่างกันชาวกรีกเรียกพวกเขาว่า Enets (ภาษากรีกไม่รู้จักตัวอักษร "v") ชาวโรมันเรียกพวกเขาว่า Veneti ชาว Finno-Ugric เรียกพวกเขาว่า Venya หรือ Veni (ในภาษาฟินแลนด์ในปัจจุบัน - รัสเซีย, รัสเซีย ). นักประวัติศาสตร์และนักวิจัยใช้ชื่อที่หลากหลายของชนเผ่าเหล่านี้: Veneti (Vineti), Venedi (Vineti), Vendi, Venti และ Vandi
ในประวัติศาสตร์โลกโบราณก่อนสหัสวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล แทบไม่มีอะไรเป็นที่รู้จักเกี่ยวกับพวกเขา พื้นที่ป่าไม่เป็นที่สนใจของนักเลี้ยงสัตว์หรือผู้ไถพรวน เช่นเดียวกับที่ Venets ไม่ต้องการทุ่งนาและทุ่งหญ้า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อเซลติกส์ปรากฏในยุโรป ชาวเคลต์ซึ่งมาจากเอเชียไมเนอร์เป็นชาวนาและชาวนา พวกเขายังพูดภาษาสันสกฤตด้วย ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีส่วนทำให้กลมกลืนไปกับชาวเวเนติอย่างไม่ต้องสงสัย สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัฒนธรรมลูเซเชี่ยน ที่บนเรือมีเครื่องประดับ ภาพวาด และแผนผังคล้ายกับชาวฮิตไทต์ในสมัยโบราณ สิ่งนี้ยังสังเกตเห็นได้ในวัฒนธรรมใบหู (ศตวรรษที่ 7-2 ก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่ง "โกศใบหน้า" เป็นที่แพร่หลาย - โกศศพที่มีใบหน้ามนุษย์ปรากฎอยู่ โกศดังกล่าวก่อนหน้านี้รู้จักเฉพาะในทรอยเท่านั้น
Lug เทพเจ้าเซลติกกลายเป็นเทพเจ้าหลักของยุโรปมาเป็นเวลานานและผู้นับถือที่กระตือรือร้นที่สุดของเขาถูกเรียกว่า Lugii ต่อจากนั้นชื่อของพระเจ้าก็รวมอยู่ในชื่อของพื้นที่ลูซาเทีย (เยอรมนีตะวันออกและโบฮีเมียเหนือ) ความชุกของลัทธิสามารถตัดสินได้จากคำเรียกชื่อที่กระจัดกระจายไปทั่วยุโรปตะวันตก: เมืองของลูกาโนในสวิตเซอร์แลนด์, ลียง (เดิมชื่อ Luglunum) ในฝรั่งเศส, เมืองลูโกในภาคเหนือของสเปน
เวเนติตะวันตกถูกสะกดด้วยอักษรโรมันในตอนเหนือของอิตาลี - แคว้นเวนิส เช่นเดียวกับในตอนเหนือของฝรั่งเศส พวกเขาหลอมรวมโดยชนเผ่าดั้งเดิมในใจกลางยุโรป - เวียนนา (เดิมชื่อ Vindabon) เมืองบาวาเรียสมัยใหม่แห่งเอาก์สบวร์ก ในสมัยโรมัน ถูกเรียกว่าออกัสตา วินเดลิโครัม นั่นคือ "เมืองออกุสตุส ในประเทศเวนด์ (Vineds) ที่อาศัยอยู่ตามลิก" ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถานะใด ๆ ของชนเผ่าเวเนเดียนเอง
ทางทิศตะวันออก ชาว Veneds รวมเข้ากับชนเผ่าสลาฟของ Skolots กลายเป็น Sclavins และ Slovenes (นักประวัติศาสตร์ชาวสโลวีเนีย Matej Bor อนุมานชื่อชาติพันธุ์จากชื่อคนของเขา - "slo-ven-t-ci") ตัวอย่างที่เป็นตัวอย่างของการไร้ความสามารถของ Venet ต่อโครงสร้างรัฐอิสระคือการปรากฏตัวในใจกลางยุโรปของชาวฮังกาเรียนที่พูดภาษา Finno-Ugric คล้ายกับภาษา Mansi ในศตวรรษที่ 9 ชาว Venets ซึ่งอาศัยอยู่ใน Panonia ถูกชาว Ugrians ยึดครองซึ่งมาจากเทือกเขาอูราลทางเหนือและใช้ภาษาและประเพณีของพวกเขา นักประวัติศาสตร์ไบแซนไทน์โดยไม่ต้องกังวลใจอีกต่อไปเรียกคนเหล่านี้ว่าชาวฮังกาเรียน (Veneti + Ugrians)
การกล่าวถึง Venets ครั้งสุดท้ายในฐานะบุคคลอิสระที่เราพบในศตวรรษที่ 13 ในลัตเวีย ปราสาทหินของผู้ถือดาบเวนเดนสร้างขึ้นในปี 1207 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปราสาทเวนเดนที่มีอยู่แล้ว ในสถานที่เดียวกันในภูมิภาค Cesis มีการค้นพบการตั้งถิ่นฐานโบราณซึ่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 เป็นที่อยู่อาศัยของ Vendians ในลัตเวีย มีชื่อทางภูมิศาสตร์หลายชื่อที่มีช่องระบายอากาศหรือชื่อเฉพาะ: Ventspils (Vindava), หมู่บ้าน Ventava บนแม่น้ำ Venta ซึ่งเป็นที่ที่ Wends อาศัยอยู่ หมู่บ้าน Piltene ถูกกล่าวถึงในปี 1230 ในชื่อ Venetis นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นชาวเอสโตเนีย กล่าวว่า ชาว Vendian หลายคนอาศัยอยู่ใกล้ Derpt (Tartu) มีข้อสันนิษฐานว่า Wends ก็ตั้งรกรากอยู่ที่ Volkhov ใกล้ Novgorod และเกาะ Vindin ทางใต้ของ Novaya Ladoga ค่อนข้างจะมีชื่อมาจาก Wends ที่อาศัยอยู่ที่นั่น
The Wends ซึ่งอาศัยอยู่ในย่าน Lusatia ในโปแลนด์ ได้เรียนรู้การเกษตรและการเพาะพันธุ์โคจากชนเผ่าตะวันตกของพวกเขา พวกเขายังรับเอาพระเจ้าที่พวกเขาเรียกอย่างอ่อนโยนกว่า - Luko มันเป็นเทพเจ้าแห่งต้นโอ๊กซึ่งตามที่พวกเขาเชื่อได้มอบอาวุธที่ยอดเยี่ยมให้กับ Wends - คันธนูสอนวิธีแปรรูปไม้ทำให้พวกเขาอบอุ่นด้วยความอบอุ่น ในขณะนั้นก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อสิ้นสุดสหัสวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล จากสแกนดิเนเวีย ชนเผ่าดั้งเดิมเริ่มบุกเข้าไปในดินแดนของโปแลนด์ พวกเขาเป็นคนผมสีบลอนด์ตัวใหญ่และแข็งแรง ถือหอก กระบอง และดาบ โดดเด่นด้วยองค์กรที่ยิ่งใหญ่ ทาสิทัสได้ให้คำอธิบายคลาสสิกเกี่ยวกับการปรากฏตัวของชาวเยอรมัน: "ดวงตาสีฟ้าแข็ง ผมสีบลอนด์ ร่างสูง ... เติบโตขึ้นมาพร้อมกับร่างกายและค่ายที่ทำให้เราประหลาดใจ" ไม่น่าเป็นไปได้ที่ในเวลานั้นจะมีใครบางคนสามารถต้านทานพวกเขาในการต่อสู้ระยะประชิดได้ แต่ ...
Veneti ปฏิเสธคนต่างด้าว เหนือสิ่งอื่นใด ชาวเยอรมันรู้สึกประหลาดใจที่นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาเสียชีวิตจากลูกธนูที่ถูกยิงจากด้านหลังต้นไม้โดยชายหนุ่มบางคน มีการประนีประนอมชั่วคราว เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ มนุษย์ต่างดาวได้แนะนำเทพเจ้าแห่งเวเนเดียนเข้าไปในวิหารแพนธีออนของพวกเขา และโลกิ (ลูก้า) ก็เข้าร่วมทรินิตี้ที่รู้จักกันดีของธอร์ โอดิน และบัลเดอร์ ยุทธวิธีของชนเผ่าดั้งเดิมเปลี่ยนไปและเมื่อมีจำนวนมากกว่าพวกเขาก็ทำตัวค่อนข้างเป็นมิตรมาระยะหนึ่ง พวกเขาตั้งรกรากในหมู่เกาะเดนมาร์กและพื้นที่ว่างตามแนวชายฝั่งทะเลบอลติกเป็นเวลาหลายศตวรรษโดยไม่มีความขัดแย้ง กลวิธีดังกล่าวนำไปสู่การผสมผสานระหว่างชาวเยอรมันและเวนส์ในบางพื้นที่ จนถึงขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้โต้เถียงกันเกี่ยวกับเชื้อชาติของชาว Rugians และ Vandals

ทุกอย่างเปลี่ยนไปในศตวรรษที่ III-IV เมื่อความหนาวเย็นมาถึงจุดสูงสุดในภูมิภาคบอลติก ตอนนั้นเองที่แวนดาส (Vandilii) ที่ได้รับการปรับปรุงให้เป็นภาษาเยอรมันมากขึ้นได้ย้ายไปยังพรมแดนของจักรวรรดิโรมัน และแวนดาสตะวันออก (Vanti) ย้ายไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ในไม่ช้าพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนของลิทัวเนียและเบลารุสและเมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 4 พวกเขาก็ลงเอยที่ภูมิภาคนีเปอร์ มดถูกจัดระเบียบค่อนข้างดี และถ้าคุณนำคำนี้ไปใช้กับสมัยนั้นได้ ก็ถือว่ามีอารยะธรรม นี้สามารถตัดสินได้จากปฏิทินของค. น. อี พร้อมคำจำกัดความที่แน่นอนของช่วงเวลาแห่งการละหมาดที่พบใน Middle Dnieper บนเหยือกน้ำศักดิ์สิทธิ์วันของยุคยุโรปทั้งหมดสำหรับการปรากฏตัวของถั่วงอกแรกและจนถึงจุดสิ้นสุดของการเก็บเกี่ยว: ถั่วงอกแรก - 2 พฤษภาคม (“ Boris Khlebnik”); วันเซมิคหรือยาริลิน - 4 มิถุนายน "อีวาน คูปาลา - 24 มิถุนายน; จุดเริ่มต้นของการเตรียมการสำหรับวัน Perun - 12 กรกฎาคม วัน Perun (วันของ Ilyin) - 20 กรกฎาคม จุดสิ้นสุดของการเก็บเกี่ยว - 7 สิงหาคม ("พระผู้ช่วยให้รอด") ความแม่นยำของปฏิทินสำหรับสวดมนต์เพื่อฝนนั้นน่าทึ่งมาก ปฏิทินของ Antes โบราณได้รับการยืนยันโดยคู่มือทางการเกษตรของปลายศตวรรษที่ 19 สำหรับภูมิภาคเคียฟ
เกี่ยวกับช่วงเวลาเหล่านี้ในช่วงกลางของ Dnieper เราพบเพียงตำนานเกี่ยวกับ Kyi, Shchek และ Khoriv มันค่อนข้างจริง แต่ไม่ใช่ในแง่ของความสัมพันธ์ทางสายเลือดของบุคคลในตำนานเหล่านี้ แต่ในการรวมกันของสามเผ่ารวมกันในความพยายามที่จะสร้างรัฐสลาฟแรก เหล่านี้คือ Antes (นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกอีกครั้งไม่รวมตัวอักษร "v"), Sclavins และ Croats (Khorses) มดได้ตั้งถิ่นฐานค่อนข้างหนาแน่นบนนีเปอร์ตรงกลางแล้ว ชาว Sklavins อาศัยอยู่ในพื้นที่โลกสีดำของรัสเซียและยูเครนบริภาษ ชาวสลาฟคอร์ (ตามที่พวกเขาถูกเรียกหลังจากการบูชาเทพเจ้าคอร์) มาที่นี่จากเทือกเขาคอเคซัสเหนือ คูบาน และสเตปป์ดอน หนีจากฮั่น
Croats - ลูกหลานของ Cimmerians - นักรบผู้กล้าหาญที่มีผมสีขาวและกล้าหาญ บ้านบรรพบุรุษโบราณของพวกเขาสามารถตัดสินได้จากโครโนกราฟของ Orosius (ปลายศตวรรษที่ 9) ซึ่งกล่าวถึง "khorota" โบราณซึ่งอยู่ทางเหนือซึ่งเป็น "ดินแดนแห่ง Magda" (Meotia ดินแดนแห่งแอมะซอน) ตั้งอยู่และแม้กระทั่งทางเหนือ - "sermends" (Sarmatians ) ในศตวรรษที่ 3 ชาวโครแอตประสบความพ่ายแพ้อย่างอ่อนไหวจากเจอร์มานาริช และหลังจากนั้นไม่นาน ภายใต้การโจมตีของฮั่น ส่วนใหญ่พวกเขาทิ้งออสโตรก็อธทางทิศตะวันตก สิ่งนี้ถูกกล่าวถึงในพงศาวดารของเขาโดยนักบวช - Duklyanina (ศตวรรษที่ XII) ซึ่งรายงานการมาถึงยุโรปในศตวรรษแรกของ "Goth-Slavs" จาก "ประเทศทางตอนเหนือ"
ผู้ตั้งถิ่นฐานจากทางใต้ในเวลานั้นมีความพร้อมรบมากที่สุด แต่มีขนาดเล็กที่สุดในสามกลุ่มที่สร้างขึ้น ตัดขาดจากดินแดนของพวกเขา Croats ตั้งรกรากทางใต้ของ Kyiv ในภูมิภาค Pereyaslavl ที่ด่านหลักของพวกเขาคือการตั้งถิ่นฐานบนเกาะ Khortitsa เหล่านี้เป็นบรรพบุรุษของคอสแซค Zaporozhye
เมื่อเลือกอาร์คอน (ผู้นำของเครือจักรภพ) จะมีการเลือกมดซึ่งมีชื่อหรือชื่อเล่นว่า Kyi หมายถึงพนักงาน, ไม้เรียว, สโมสร มีอีกฉบับจริงไม่น้อยที่คำภาษาเปอร์เซีย ki ซึ่งนำมาใช้โดย Croats หมายถึงผู้ปกครองหรือเจ้าชายถูกนำมาใช้เพื่อกำหนดตำแหน่งที่เลือกนี้ Pseudo-Mauritius เขียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง archons แรกในงานของเขา "Strategikon": "ชนเผ่าเหล่านี้ Slavs และ Antes ไม่ได้ถูกปกครองโดยคนคนเดียว แต่ตั้งแต่สมัยโบราณพวกเขาอาศัยอยู่ในการปกครองของประชาชนและดังนั้นพวกเขาจึงพิจารณา ความสุขและความทุกข์ในชีวิตให้เป็นเรื่องธรรมดา และในด้านอื่น ๆ ทั้งหมด ชนเผ่าอนารยชนทั้งสองนี้มีชีวิตและกฎหมายเหมือนกัน
ตามการคำนวณของนักวิชาการ BA Rybakov Kiy คนแรกครองราชย์ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 5-6 และได้พบกับจักรพรรดิแห่งไบแซนไทน์ Anastasius (491-518) ในเวลาเดียวกัน ณ ปลายศตวรรษที่ 5 Kyiv ก่อตั้งขึ้นบนฝั่งที่สูงชันของ Dnieper บางทีในตอนแรกอาจไม่ใช่เมืองหลัก แต่เป็นเพียงศูนย์กลางการค้าเท่านั้น Sambotas - นี่คือชื่อของเมืองนี้ในคอนสแตนติโนเปิลซึ่งหมายถึงท่าเรือการค้าหรือในการแปลที่แม่นยำยิ่งขึ้นจากภาษาเยอรมันคือกลุ่มของเรือ (sam - collection, botas - boats) นี่เป็นหลักฐานทางอ้อมอีกประการหนึ่งที่แสดงว่า Antes (vanty) ได้รับการปรับปรุงบางส่วน สินค้าถูกนำมาที่นี่พร้อม Dnieper, Desna และสาขาของพวกเขา ตลอดศตวรรษหน้า ชนเผ่าสลาฟจำนวนหนึ่งบนฝั่งขวาของ Dnieper และ Transnistria และอาศัยอยู่ทางเหนือของ Krivichi ได้เข้าร่วมกับพันธมิตรหลักทั้งสาม Sambotas เริ่มมีความสำคัญทางการเมืองและศาสนากลายเป็นเมืองหลักหรือเมืองของเจ้าชาย - Kyiv มีการหารือเกี่ยวกับสงครามและสันติภาพ สวดมนต์ และถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า พิจารณาจากสถานศักดิ์สิทธิ์ที่นักโบราณคดีพบ มีสี่คน อาจเป็น Rod หรือ Svarog (Sklavins), Khors (Croats), Stribog, aka Luko (Antes) และ Perkunas (Krivichi)
สหภาพของชนเผ่ามีพื้นฐานทางทหารอย่างหมดจด ร่วมป้องกันพรมแดน และร่วมรณรงค์หากิน หลังจากการรณรงค์ครั้งแรกที่ชายแดนของ Byzantium ส่วนหนึ่งของนักรบ Slavin ที่นำโดยสาธารณรัฐเช็กไม่ได้กลับมา พวกเขาเลือกที่จะไม่แบ่งปันโจรและอยู่ในดินแดนที่พวกเขาชอบ ในเวลานั้นมันเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาเมื่อเงื่อนไขของข้อตกลงระหว่างชนเผ่าบรรลุผลเฉพาะในช่วงชีวิตของผู้นำที่ยอมรับพวกเขาและถูกลืมไปตามสถานการณ์ ตามตำนานหนึ่ง Ant Khilbudiy ที่เข้าร่วมในแคมเปญนี้ซึ่งคัดค้านการตัดสินใจดังกล่าวถูกจับ แต่ถึงกระนั้นก็สามารถกลับไปที่ Kyiv ได้
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรก็เริ่มขึ้นระหว่าง Antes และ Western Slavs ซึ่ง Byzantium ไม่ได้ช้าที่จะฉวยโอกาส ใน 545-546 สถานเอกอัครราชทูตจัสติเนียนมาถึงกรุงเคียฟ นี่เป็นความสัมพันธ์ทางการฑูตครั้งแรกซึ่งเป็นผลมาจากการที่พันธมิตรการค้าและการทหารได้ข้อสรุป ภายในครึ่งศตวรรษ ความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งหมดกับไบแซนเทียมกลับคืนสู่สภาพเดิม ผ่านอดีตอาณานิคมของกรีก ส่วนใหญ่ผ่านโอลเบีย กองคาราวานพร้อมธัญพืชไปที่นั่น ผ้า อาวุธ และสินค้าฟุ่มเฟือยถูกนำมาจากที่นั่น ในระหว่างการขุดค้นใน Kyiv ไม่เพียงพบเหรียญไบแซนไทน์ตั้งแต่สมัยอนาสตาเซียสที่ 1 และจัสติเนียนที่ 1 เท่านั้น แต่ยังพบเครื่องตกแต่งต่างๆ ที่ผลิตในคอนสแตนติโนเปิลด้วย
ในเวลาเดียวกัน จัสติเนียนที่ 1 สั่งให้หัวหน้ากลุ่มมด คิลบูดีย์ ฟื้นฟูแนวป้องกันในแม่น้ำดานูบและทรานส์นิสเตรีย และภายหลังได้แต่งตั้งเขาเป็นหัวหน้านักยุทธศาสตร์ และที่จริงแล้วเป็นผู้ว่าการเทรซ Antes ควรจะปกป้องพรมแดนของจักรวรรดิไบแซนไทน์ไม่เพียง แต่จากชนเผ่าเร่ร่อนบริภาษจากตะวันออกเท่านั้น แต่ยังมาจากชาวสลาฟจากทางเหนือด้วย ชื่อที่แท้จริงของบุคคลในประวัติศาสตร์ที่แท้จริง (พบหลุมฝังศพใกล้กรุงคอนสแตนติโนเปิล) อาจออกเสียงว่า Kiy-budiy ซึ่งสามารถแปลได้ง่ายว่าเป็นเจ้าชายผู้สร้าง ในเทรซบนแม่น้ำดานูบ คิลบูเดียสเริ่มฟื้นฟูแนวป้องกันในยุคของจักรพรรดิโรมันโทรจันทันที และสร้างเมืองหลวงใหม่ของเขาที่ชื่อว่าเคเวตส์
ในเวลาเดียวกัน การก่อสร้างเชิงเทินงูอย่างเข้มข้นได้ดำเนินการใกล้กรุงเคียฟ สำหรับพยุหะแห่งชนเผ่าเร่ร่อน มันเป็นโครงสร้างการป้องกันที่ผ่านไม่ได้ และบางทีนั่นอาจเป็นสาเหตุที่พวกอาวาร์ไม่หันไปทาง Kyiv แต่ไปทางทิศตะวันตก ลำธารของพวกเขากวาดล้างเผ่าและชนชาติทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในเขตบริภาษ พวกอาวาร์ใช้กลวิธีของชาวฮั่น พวกเขาบังคับประชาชนที่พิชิตให้เข้าร่วมกองทัพหรือเพียงแค่ฆ่าผู้ชายทั้งหมด และส่งผู้หญิงและเด็กไปยังตลาดทาสในเอเชีย ดังนั้นเมื่อสองศตวรรษก่อน ชาวโครแอต, อลัน, บัลแกเรียจึงไปสิ้นสุดที่ยุโรป และบัดนี้อีกครั้งส่วนหนึ่งของชนชาติเหล่านี้ถูกกวาดไปทางทิศตะวันตก ความแตกต่างของอาวาร์ได้รับการยืนยันโดยนักมานุษยวิทยา - 80% ของกะโหลกศีรษะที่ศึกษานั้นมีต้นกำเนิดจากคอเคซอยด์แม้ว่าพวกเขาจะพิจารณาตัวเองว่าเป็นทายาทของฮั่น (จากชนเผ่าวาร์)
แนวป้องกันที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ในพื้นที่ของเมือง Tirras ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของ Avars ได้ Kievets ถูกทำลาย ชาวบริภาษสามารถย้ายเข้าไปลึกเข้าไปในยุโรปและ Avar Khaganate มีอยู่เกือบสองศตวรรษในดินแดนของบัลแกเรีย, เซอร์เบีย, โรมาเนีย, ฮังการี, สาธารณรัฐเช็กและทางตอนใต้ของเยอรมนี (บาวาเรีย)
Antes ยังคงรักษาความสัมพันธ์กับ Byzantium บางแหล่งรายงานว่ามีการประชุมระหว่างผู้นำของ Antes Kiy (การยืนยันรุ่นที่สองว่า Kiy หมายถึงเจ้าชาย) กับจักรพรรดิ คำตอบไม่นานมานี้ และในปีเดียวกันนั้น Avar Khagan ได้ส่งผู้บัญชาการของเขา Apsikha ไปพร้อมกับคำสั่งให้กำจัดเผ่า Ants ให้หมดสิ้น Theophylact Simocatta รายงานว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายรัชสมัยของจักรพรรดิมอริเชียส (582-602) แต่ Antes มีจำนวนมากเกินไปที่จะถูกทำลายอย่างสมบูรณ์อันเป็นผลมาจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว เป็นไปได้มากว่าชนชั้นสูงทางการเมืองการทหารถูกทำลายอาณาเขตของการตั้งถิ่นฐานถูกทำลายล้างและถูกปล้นสะดมและผู้คนจำนวนมากถูกสังหาร

หลังจากความพ่ายแพ้ดังกล่าว โดยไม่มีชนชั้นนำของชนเผ่า พวกที่อยู่ตาม Desna และ Seim เริ่มเคลื่อนตัวไปทางตะวันออก การวิเคราะห์โบราณวัตถุ Vyatichi ที่พบในระหว่างการขุดพบว่าวัตถุเหล่านี้ใกล้เคียงที่สุดกับหลักฐานทางโบราณคดีที่เป็นวัตถุของ Dniester ตอนบน และชื่อของแม่น้ำเหล่านี้เองก็พูดถึงรากเหง้าของตะวันตก: Desna เป็นมือขวาหรือแขนเสื้อ ถ้าคุณขึ้นไปบน Dnieper และ Seim ก็เป็นแม่น้ำทั่วไป Vanty ตั้งรกรากอยู่ในต้นน้ำลำธารของ Oka บนดินแดนแห่ง "วัฒนธรรม Moshchinskaya" ที่หายไปพร้อมกับรากบอลติก นักประวัติศาสตร์แนะนำว่าอาจมีโรคระบาดเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ดินแดนที่ค่อนข้างปลอดโปร่งปรากฏขึ้น ชนเผ่า Finno-Ugric Merya, Meshchera, Murom ไม่สามารถต้านทาน Vyatichi ได้และค่อยๆ ถูกผลักกลับไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ
ไม่ว่าผู้ตั้งถิ่นฐานจะมีผู้นำหรือไม่ Vyatko ก็ยังไม่ชัดเจน ตามเวอร์ชั่นหนึ่ง คำว่า Vyatichi ไม่ได้มาจากชื่อผู้นำ แต่มาจากชื่อตนเองที่บิดเบี้ยว - Ventichi หรือ Vantichi เป็นไปได้มากว่านี่คือชื่อของชาวโนฟโกโรเดียนซึ่งใกล้เคียงกับชาวคาเรเลียน - Onezhichi, Pskov และ Smolensk - Krivichi การยืนยันรุ่นนี้ถือได้ว่าเป็นข้อความของผู้เขียนอาหรับแห่งอัล Gardizi ในศตวรรษที่ 9 เขาเขียนเกี่ยวกับ Vyatichi:“ และดินแดนที่เรียกว่า Vantit อยู่บนขอบเขตสุดขีดของชาวสลาฟ”
Vyatichi ตั้งรกรากอยู่ในอาณาเขตของภูมิภาค Kaluga ปัจจุบัน เมืองหลวงของพวกเขาคือเมือง Gordno ซึ่งเนื่องจากความผิดพลาดของนักเขียน Vladimir Monomakh กลายเป็น Kordno ยืนอยู่ที่จุดตัดของเส้นทางการค้าโบราณสองเส้นทางอย่างภาคภูมิใจ: ตาม Ugra - จากรัฐบอลติกและตาม Oka ตอนบน - ถึง Kyiv ชาว Vyatichi มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการค้าขายกับเพื่อนบ้านและขนขนของพวกเขาไปที่ Bulgar ซึ่ง Khazars ซื้อพวกเขา หลังจากที่ Vyatichi ช่วย Novgorodians ในการรณรงค์ต่อต้านไครเมีย (790-800) พวก Khazars เอาชนะพวกเขาและกำหนดเครื่องบรรณาการ เครื่องบรรณาการโหดร้ายหมวก (เหรียญทอง) จากราล (ไถ) และ Vyatichi หยุดจ่าย เพื่อหนีจากมัน พวกเขาใช้กลวิธีที่ได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งพวกเขาเคยใช้ในอดีต - พวกเขาซ่อนบ้านของตนในป่าอย่างชำนาญ ดังนั้นจึงเก็บส่วยจากสิ่งที่พวกเขาพบเท่านั้น บางทีในตอนแรกอาจไม่ได้ตั้งใจทำ เพราะชาว Vyatichi-plowmen ได้เปลี่ยนการตั้งถิ่นฐานของพวกเขาหลังจากผ่านไปประมาณ 5 ปีเนื่องจากดินหมดลง ยอดของ Vyatichi อยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบาก เธอต้องออกไป ใน Gordno ผู้ส่งสาร Khazar ได้รับเกียรติพวกเขามั่นใจว่าไม่มีใครปฏิเสธที่จะจ่าย แต่ไม่มีใครรวบรวมจาก บางที Khazars พยายามทำเอง แต่ตระหนักว่าการโจมตีของพวกเขาไม่ได้ผล (ค่าใช้จ่ายมากขึ้น) พวกเขาตกอยู่เบื้องหลัง Vyatichi อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สูญเสียความสนใจใน Vyatichi ก็เป็นไปได้เช่นกัน Khazars สนใจขนของ Martens และ sables และที่นี่แทบไม่มีพวกมันอีกเลยสำหรับการล่าสัตว์อย่างเข้มข้นสองหรือสามทศวรรษ และคุณภาพของขนของโซนกลางนั้นด้อยกว่าขนทางเหนืออย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าชาวไวอาติชีชอบของดีๆ เช่นนี้ และตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ชอบที่จะซ่อนของมีค่าและอวดตัวเองเป็นอย่างมาก
ความสัมพันธ์ระหว่าง Vyatichi และ Kievan Rus นั้นน่าสนใจ Oleg ถือว่าพวกเขาเป็นพันธมิตรในการต่อสู้กับ Khazaria แต่ในเวลานั้นเขาไม่ได้พยายามผูกมัดพวกเขากับ Kyiv ด้วยกำลัง ที่น่าสนใจในพงศาวดาร Vyatichi ไม่ได้ถูกกล่าวถึงว่าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพของ Oleg ระหว่างการรณรงค์ต่อต้าน Tsargrad (907) เมื่อเหตุการณ์ต่อไปแสดงให้เห็น Vyatichi ไม่ชอบมีส่วนร่วมในการผจญภัยทุกประเภทและพยายามดึงความสนใจตัวเองให้น้อยลง ตัวอย่างเช่น พวกเขาไม่เคยสร้างเมืองใหญ่และร่ำรวยซึ่งอาจเป็นเหยื่อล่อของผู้พิชิต
ในการรณรงค์ต่อต้าน Khazaria ในปี 964 Svyatoslav ได้ปลดปล่อย Vyatichi จากเครื่องบรรณาการ Khazar ระหว่างทางไปที่นั่น และพวกเขาช่วยเขาในการเคลื่อนย้ายกองทหาร จัดหาเรือตัดทอน มัคคุเทศก์ และแม้แต่ทหารให้กับเขา แต่ระหว่างทางกลับ Svyatoslav ได้ส่งส่วยให้ Vyatichi ไม่น้อยกว่า Khazar ชาว Vyatichi ไม่ชอบสิ่งนี้มากนักและเมื่อจ่ายในตอนแรกพวกเขาก็ปฏิเสธที่จะจ่าย เป็นไปได้ว่า Vyatichi รู้เหตุการณ์และรู้ว่า Svyatoslav และบริวารของเขาไปบัลแกเรียแล้ว ในทำนองเดียวกัน พวกเขาตัดสินใจที่จะทำร่วมกับลูกชายของ Svyatoslav Vladimir ผู้ซึ่งพิชิต Vyatichi ในปี 981 วลาดิเมียร์ต้องไปที่นั่นอีกครั้งในอีกหนึ่งปีต่อมา:“ Vyatichi เริ่มต้นและไปที่ Vladimir และได้รับรางวัลที่สอง” เกิดอะไรขึ้นต่อไป พงศาวดารเงียบ แต่ Vyatichi ได้รับคำอธิบายที่ไม่ประจบประแจงเกี่ยวกับ Kyiv Chronicle ว่าเป็นชนเผ่าที่หยาบคาย "เช่นสัตว์การกินทุกอย่างไม่สะอาด"
อันที่จริง การขุดค้นทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า Vyatichi ไม่ได้ดุร้ายนัก พวกเขามีส่วนร่วมในการเพาะพันธุ์โคและการไถพรวน พวกเขามีเวิร์กช็อปงานฝีมือมากมายของช่างตีเหล็ก ช่างทำกุญแจ ช่างอัญมณี ช่างปั้นหม้อ ช่างตัดหิน ชาว Vyatichi มีเครื่องประดับระดับสูง และคอลเล็กชั่นแม่พิมพ์โรงหล่อที่พบในดินแดนของพวกเขาเป็นอันดับสองรองจาก Kyiv เท่านั้น นักอัญมณีระดับปรมาจารย์ทำกำไล, แหวน, แหวนขมับ, ไม้กางเขน, พระเครื่อง แหวนประมาณ 60 ชนิดผลิตโดย Vyatichi และจี้ขมับเจ็ดแฉกที่มีชื่อเสียงนั้นสวมใส่โดยผู้หญิง Vyatichi เท่านั้น วันนี้นักโบราณคดีกำหนดขอบเขตของการตั้งถิ่นฐานของ Vyatichi ได้อย่างแม่นยำโดยใช้วงแหวนชั่วคราวเหล่านี้
หลังจากการรณรงค์ของวลาดิเมียร์ การกล่าวถึง Vyatichi หายไปจากหน้าพงศาวดารมาเกือบร้อยปี ถ้าในที่ใดที่พระภิกษุสามเณรพูดถึงเรื่องพวกนี้อย่างลวกๆ พวกเขาก็จะทำให้ดำคล้ำโดยไม่ได้เสียเปรียบ นี่เป็นเพราะความจริงที่ว่า Vyatichi ปิดกั้นถนนสายตรงจาก Kyiv ไปยัง Rostov และ Murom เนื่องจากชาวเคียฟต้องเดินทางไปทั่วดินแดนของพวกเขาผ่าน Smolensk คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้จากมหากาพย์ Ilya Muromets เดินทางจาก Murom ไปยัง Kyiv โดยทางตรงบอก Vladimir อย่างภาคภูมิใจเกี่ยวกับสิ่งนี้:

และฉันขับตรงไปตามถนน
จากเมืองหลวงมูรอม
จากหมู่บ้านคาราจาโรวานั้น

สิ่งที่วีรบุรุษ Kyiv พูดกับเจ้าชาย:

และดวงอาทิตย์ก็อ่อนโยนเจ้าชายวลาดิเมียร์
ในสายตาของเด็กเขาบิด:
และเขาควรจะขับตรงไปทางไหน

การกระทำของมหากาพย์อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับ Nightingale the Robber ก็เกิดขึ้นที่ดินแดน Vyatichi Golyad เผ่าบอลติกซึ่งอาศัยอยู่ในภูมิภาค Smolensk และ Kaluga ได้ขโมยเกวียนพ่อค้าอย่างต่อเนื่อง ตามมหากาพย์ คุณสามารถระบุที่อยู่อาศัยของนกไนติงเกล - "Bryn Forests" ได้ บนแม่น้ำ Bryn ซึ่งไหลลงสู่สาขาของ Oka Zhizdra ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมือง Vyatichi ของ Kozelsk ปัจจุบันมีหมู่บ้าน Bryn จับได้ในสถานที่เหล่านั้น Nightingale the Robber ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้นำที่มีชื่อเสียงของ Golyad Mogut ตามพงศาวดารเล่มหนึ่งถูกนำไปเลี้ยงที่ Prince Vladimir ในปี 1006
หลังจากได้รับเสรีภาพสัมพัทธ์ในช่วงปลายศตวรรษที่ 11 Vyatichi ได้ขยายดินแดนของพวกเขาอย่างมีนัยสำคัญและเปลี่ยนชุมชนของพวกเขาให้กลายเป็นอาณาเขต เป็นรัฐราชาธิปไตยที่ตั้งอยู่ในดินแดนของภูมิภาค Tula, Kaluga และ Ryazan ปัจจุบัน ในไม่ช้ามันก็เข้าร่วมโดยชนเผ่าบอลติกที่อาศัยอยู่ในดินแดนของภูมิภาคมอสโกและชาวสลาฟที่อาศัยอยู่ทางใต้ (ภูมิภาค Kursk, Oryol และ Lipetsk) สิ่งนี้สามารถตัดสินได้จากวัฒนธรรมของ Vyatichi และเศรษฐกิจของพวกเขา ตัวอย่างเช่น พวกเขายืมผมเปียจากบอลติก ตามการค้นพบของนักโบราณคดี ความยาวของใบมีดถึงครึ่งเมตรและกว้าง 4-6 ซม. ถึงแม้ว่าทั้งหมดนี้เกือบจนถึงศตวรรษที่ 17 เคียวก็เป็นที่นิยมทั่วทั้งรัสเซียและซาร์อเล็กซี่ มิคาอิโลวิชยังต้องออกกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงบังคับในฟาร์มจากเคียวเป็นเคียว "ลิทัวเนีย" - การไม่ปฏิบัติตามพระราชกฤษฎีกาถูกลงโทษด้วยการลงโทษอย่างรุนแรง
แนวโน้มอื่นจากลิทัวเนียสามารถนำมาประกอบกับที่ดินแห่งแรกของขุนนางศักดินา Vyatich ซึ่งคล้ายกับปราสาทตะวันตกมาก ที่ดินที่มีป้อมปราการมีขนาดเล็ก: ตรงกลางมีลาน - พื้นที่เล็ก ๆ ที่ปราศจากสิ่งปลูกสร้าง, สิ่งก่อสร้าง, การประชุมเชิงปฏิบัติการงานฝีมือ, คนรับใช้และห้องใต้ดินกึ่งดังสนั่นตั้งอยู่ในวงกลม บ้านที่น่าประทับใจบนฐานหินทรงพลังถูกทำให้ร้อนด้วยเตาซึ่งคล้ายกับเตาผิงมาก ตามกฎแล้วมีทางเดินใต้ดินจากที่ดินไปยังแม่น้ำที่ใกล้ที่สุด ในภูมิภาค Tula เฉพาะในลุ่มน้ำของแม่น้ำ Upa ป้อมปราการดังกล่าวอยู่ใกล้หมู่บ้าน Gorodna, Taptykovo, Ketri, Staraya Krapivenka, Novoe Selo พวกเขายังพบกันในภาคใต้เช่นในภูมิภาค Oryol พบที่ดินเดียวกันทุกประการในแม่น้ำ Nepolodi (นิคม Spasskoe) และใกล้หมู่บ้าน Titovo-Motyka
อิทธิพลจากชนเผ่าสลาฟทางตอนใต้สามารถนำมาประกอบกับการเพิ่มขึ้นของวิหารของพระเจ้าและการขยายตัวของพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อเป็นเกียรติแก่ Stribog (เทพเจ้าเก่า Luko) ผู้สร้างโลก ได้รับการเพิ่มความเคารพต่อ Yarila เทพเจ้าแห่งชาวนาและสงคราม เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน เมื่อดวงอาทิตย์ให้กำลังแก่พืชมากที่สุด ชาววยาติชีได้เฉลิมฉลองวันหยุดของคูปาลา เทพเจ้าแห่งผลไม้ทางโลก Vyatichi เชื่อว่าในคืน Kupala ต้นไม้จะย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งและพูดคุยกันด้วยเสียงกิ่งไม้ ในหมู่คนหนุ่มสาวฤดูใบไม้ผลิ Lel เทพเจ้าแห่งความรักได้รับการเคารพเป็นพิเศษชาว Vyatichi ยังร้องเพลงเทพธิดาลดาผู้อุปถัมภ์การแต่งงานและครอบครัว เทพเจ้าสลาฟค่อย ๆ ผลักความเชื่อของบอลติกกลับคืนมาในเพื่อนที่ยอดเยี่ยมของชีวิต, ก๊อบลิน, น้ำ, บราวนี่ บราวนี่ดูเหมือนคนแก่ตัวเล็กๆ มีผมหนา งอน แต่ใจดีและเอาใจใส่ ในมุมมองของ Vyatichi ซานตาคลอสยังเป็นชายชราที่เป็นอันตรายและไม่น่าดูซึ่งสั่นเคราสีเทาของเขาและทำให้เกิดน้ำค้างแข็งอันขมขื่น Vyatichi ซานตาคลอสทำให้เด็กกลัว ตัวละครทั้งสองนี้มีความคล้ายคลึงกับพวกโนมส์หรือเอลฟ์อย่างไม่ต้องสงสัยซึ่งลัทธิของพวกเขาเจริญรุ่งเรืองทางทิศตะวันตกแม้กระทั่งก่อนพระคริสต์ อี
ในช่วงศตวรรษที่ XI ดินแดนของ Vyatichi ยังคงเติบโตอย่างมั่งคั่งและสร้างขึ้น จนถึงปัจจุบัน นักโบราณคดีได้ค้นพบการตั้งถิ่นฐาน 1621 แห่ง รวมทั้งการตั้งถิ่นฐานประมาณ 30 แห่ง เมืองของ Vyatichi มีขนาดเล็กและมีผู้คนตั้งแต่ 1 ถึง 3 พันคน ในหมู่พวกเขาเป็นเมืองที่เรารู้จักในปัจจุบัน - Voronezh (กล่าวถึงครั้งแรกในปี 1155), Dedoslavl (1146), Kozelsk (1146), Kromy (1147), Kolomna (1177), มอสโก (1147), Mtsensk (1146), Nerinsk ( 1147), Yelets (1147), Serensk (1147), Teshilov (1147), Trubech (186) ซึ่งรวมถึงเมือง Ryazan ในปัจจุบัน (1095) ตอนแรกเรียกว่า Pereyaslavl-Ryazan ที่นี่ในพื้นที่น้ำท่วมของ Oka ในเขตชานเมืองทางเหนือของเกาะเดิม มีการตั้งถิ่นฐานการค้าขายที่อุดมสมบูรณ์ของ Vyatichi
Vyatichi ยังคงเป็นเพื่อนกับ Novgorodians และขายธัญพืชให้พวกเขา พวกเขาร่วมกับพวกเขาเข้าร่วมในการค้าขายกับคาซาเรีย หนึ่งในสินค้าหลักของ Vyatichi คือกระรอกและขนมอร์เทน หนังบีเวอร์และน้ำผึ้ง จากนั้นพวกเขาก็นำผ้า เครื่องเทศ และขนมหวาน มาหลอมดีรฮัม ทำกำไลเงินและเครื่องประดับอื่นๆ
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 11 หลังจากการรณรงค์สองครั้ง วลาดิมีร์ โมโนมัคยืนยันอำนาจของเขาเหนือกลุ่มวยาติชี ใน "คำแนะนำ" กับลูกชายของเขา เขาเขียนว่า: "และฉันไปที่ Vyatichi เป็นเวลาสองฤดูหนาวและฉันคือ Hodot ลูกชายของเขา" แคมเปญของ Monomakh มุ่งเป้าไปที่เจ้าชาย Vyatich Khodota ซึ่งนักโบราณคดี Kordno ซึ่งเป็นเมืองหลวงยังไม่ได้จัดตั้งขึ้น แต่ที่น่าสนใจคือ Monomakh ไม่ได้รายงานอะไรเลย ทั้งเกี่ยวกับผลลัพธ์ของแคมเปญเหล่านี้ และการเก็บภาษีของบรรณาการ Vyatichi และอีกหนึ่งปีต่อมา ที่การประชุมของเจ้าชายใน Lyubech ซึ่งมีการแบ่งโต๊ะของเจ้าชาย ดินแดนแห่ง Vyatichi ไม่ได้กล่าวถึงที่ไหนเลย
ในปี 1096 Oleg Svyatoslavich ถูกขับออกจาก Chernigov โดย Monomakh ยึดครอง Old Ryazan จากพี่ชายของเขา Yaroslav ราชวงศ์ของเจ้าชาย Ryazan เริ่มต้นขึ้นและ Vyatichi พบว่าตัวเองอยู่ในวงแหวนของอาณาเขตรัสเซียโบราณ หลังจากการตายของ Monomakh เขตชานเมือง Vyatka ก็อยู่ใต้บังคับบัญชาของ Murom, Chernigov, Smolensk และ Ryazan ในที่สุด Vyatichi ก็ถูกผนวกเข้ากับ Kievan Rus ในช่วงที่เกิดความขัดแย้งระหว่าง Olgovichi และ Monomakhovichi เมื่อกลุ่ม Slavic ของ Svyatoslav Olgovich และ Yuri Dolgorukov ผ่านดินแดนของพวกเขามากกว่าหนึ่งครั้ง
พงศาวดารกล่าวถึง Vyatichi เป็นครั้งสุดท้าย - ในปี 1197 สำหรับการเปรียบเทียบ ฉันจะพูดถึงชนเผ่าอื่นในครั้งสุดท้าย: ชาวโพลียานใน 944, Drevlyans - ในปี 990, Krivichi - ในวันที่ 1127, Radimichi - ในปี 1169 ชนเผ่าผู้รักอิสระมากที่สุดคงชื่อไว้นานที่สุด

สิ่งที่เราทิ้งไว้จาก VYATICHI

มอสโกเป็นเมืองสุดท้ายของการตั้งถิ่นฐานการค้าที่สำคัญของ Vyatichi การสร้างสามารถนำมาประกอบกับช่วงเวลาของการจับกุม Old Ryazan โดยเจ้าชาย Kyiv (1096) หลังจากที่หลอดเลือดแดงการค้าหลักของ Vyatichi Oka ถูกปิดกั้น ตอนนั้นเองที่พบวิธีแก้ปัญหา - จากแม่น้ำ Moskva โดยการลากไปที่ Klyazma ทางเหนือของมอสโก หมู่บ้าน Goretny Stan เกิดขึ้น บางทีชื่อของมันเช่นเดียวกับสาขาของ Skhodnya (Vskhodnya) Goretovka มาจากทางขึ้นที่สูงชันและหนักหน่วงซึ่ง Vyatichi ต้องลากเรือ
แต่ชุมชนกลางในบริเวณนี้ ซึ่งเก่าแก่กว่าโกเร็ตนีย์ สแตน เกือบหนึ่งศตวรรษคือมอสคอฟ สิ่งนี้ได้รับการยืนยันโดยกอง Spassky ของศตวรรษที่ Vyatichi XI-XIII นี่คือกลุ่มรถสาลี่ล่าสุดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่ Great Grave barrow (ความสูงมากกว่า 7 ม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 20 ม.) ในระหว่างการขุดค้นในปี พ.ศ. 2426 พบซากนักรบเก่าที่หุ้มเปลือกต้นเบิร์ชที่มีเศษม้าสองตัวและหม้อสองใบที่ศีรษะ ในเนินใกล้เคียงพบเครื่องประดับของผู้หญิง Vyatichi: จี้ชั่วขณะเจ็ดห้อยตุ้ม, ลูกปัดคาร์เนเลียนสีแดงและสีขาว ฯลฯ
จากแหล่งยุคกลางเป็นที่ทราบกันว่าในช่วงเวลาของ Vladimir Monomakh (10-20 ปีของศตวรรษที่ XII) บนเว็บไซต์ของเครมลินมี "หมู่บ้านโบยาร์สีแดงที่ดี Kuchka Stepan Ivanovich" หนึ่งในพงศาวดารของครึ่งหลังของศตวรรษที่ 12 มีการกล่าวถึงชื่อของเขาด้วย: "มอสโก, แม่น้ำ Kuchkovo" พื้นที่ของ Sretenka และ Chistye Prudy ถูกเรียกว่า "Kuchkovo Pole" จนถึงศตวรรษที่ 15 ใครคือโบยาร์ Kuchkov ไม่เป็นที่รู้จัก นักประวัติศาสตร์และนักวิจัย Igor Bystrov ชี้ให้เห็นว่านี่เป็นหนึ่งในผู้นำเผ่าสุดท้ายของ Vyatichi ซึ่งถูกประหารชีวิตโดย Yuri Dolgoruky ซึ่งมาที่นี่ แต่ไม่ควรตัดออกว่าเป็น posadnik ที่ส่งมาที่นี่เพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยซึ่งไม่ได้รับมือกับงานของเขาในการปิดกั้นเส้นทางการค้าของชาว Vyatichi หลังจากที่ Yuri Dolgoruky จัดการสิ่งต่าง ๆ ใน "มุมหมี" นี้และคำเชิญที่รู้จักกันดีก็ปรากฏต่อเจ้าชาย Svyatoslav Olgovich ย้อนหลังไปถึงปี 1147: "มาหาฉันพี่ชายที่มอสโก"
ชื่อรัสเซียหลักอีวานยังสามารถนำมาประกอบกับมรดกจาก Vyatichi ค่อนข้างมีเหตุผลที่จะเปรียบเทียบกับประเพณีที่มีอยู่ในช่วงชุมชนชนเผ่าเมื่อผู้คนเรียกตัวเองโดยกลุ่มชนเผ่าของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ในบรรดา Dulebs ชื่อหลักคือ Dulo ท่ามกลาง Russ-Alans - Ruslan ดังนั้น vantites, vants, vans สามารถแนะนำตัวเองได้: ฉันเป็นรถตู้ ความจริงที่ว่าชื่อนี้ปรากฏในหมู่ลูกหลานของ Rurik ในศตวรรษที่ 12 ในหมู่ลูกหลานของ Rostislav Vladimirovich และ Izyaslav Yaroslavich แสดงให้เห็นว่านี่เป็นชื่อสลาฟเพราะชื่อที่เป็นที่ยอมรับในหมู่เจ้าชายรัสเซียเริ่มครอบงำเพียงหนึ่งศตวรรษต่อมา ในหลักสูตร ได้แก่ Vladimirs, Yaroslavs, Svetopolki ตัวอย่างเช่น Vladimir Krasno Solnyshko แม้ว่าเขาจะชื่อ Vasily เมื่อรับบัพติสมา แต่ก็ไม่เคยจำเขาได้
การยืนยันทางอ้อมเกี่ยวกับต้นกำเนิดสลาฟของชื่อนี้สามารถพูดได้ว่า: "หยุดเล่น Vanka" - ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการหลีกเลี่ยงส่วยของ Vyatichi เช่นเดียวกับของเล่น Vanka-vstanka ที่รู้จักกันดีเมื่อ Vanka ดูเหมือนจะล้มตัวลงนอนและปราบปราม ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ค่อนข้างมีเหตุผล หน่วยการใช้วลีที่รู้จักกันดีเหมาะกับที่นี่ - เพื่อเล่นเป็นคนโง่ ฉันคิดว่าทุกคนรู้จักตัวละครหลักของเทพนิยายของเรา Ivanushka the Fool อันที่จริงแล้วแกล้งทำเป็นเขาเท่านั้น แต่ในสถานการณ์วิกฤติ Ivan the Fool เอาชนะศัตรูทั้งหมดด้วยความคิดและความเฉลียวฉลาดของเขา
จนถึงกลางศตวรรษที่สิบสอง Vyatichi ยังคงนับถือศาสนานอกรีต ชาวเคียฟพยายามมากกว่าหนึ่งครั้งเพื่อเปลี่ยนเพื่อนบ้านของตนให้นับถือศาสนาออร์โธดอกซ์ แต่ Vyatichi ฟังนักเทศน์และเห็นด้วย แต่ก็ไม่ยอมแพ้ต่อพระเจ้าของพวกเขา ในปี ค.ศ. 1141 ชาววยาติชีได้สังหารพระกุกชาและพิเมนสหายของเขาซึ่งมาที่ดินแดนไวอาติชีเพื่อเผยแพร่ความเชื่อของคริสเตียน ตอนนั้นเองที่ชื่อเทพเจ้าเก่าแก่ของ Vyatichi Luko ถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายลักษณะเฉพาะของ Vyatichi เท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกสิ่งที่ขัดต่อศรัทธาของคริสเตียน - ปีศาจ ผู้คนในเคียฟไม่ใช่คนแรกที่สังเกตเห็นคุณลักษณะนี้ของ Vyatichi เกือบหนึ่งพันปีก่อนหน้า ชาวเยอรมันโค่นล้มเทพเจ้า Vendian Luko ออกจากวิหารแพนธีออน โดยกล่าวหาว่าเขาฉลาดแกมโกงและมีความสามารถในการปรับตัว โดยปฏิบัติตามสถานการณ์
อันที่จริงคำจำกัดความที่เหมาะสมที่สุดสำหรับ Vyatichi ก็คือเขาอยู่ในใจของเขาเอง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแพ้เพื่อนบ้านในองค์กรและในอำนาจทางทหารความเฉลียวฉลาดได้รับการยกย่องอย่างสูงเสมอ นี่เป็นภาพประกอบที่ดีมากโดยเทพนิยายที่บันทึกในศตวรรษที่ 19 โดย Afanasyev บนดินแดน Vyatichi (ภูมิภาค Ryazan) เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ไปกับเพื่อน ๆ ของเธอเข้าไปในป่าและหลงทางที่นั่น ตกกลางคืนหญิงสาวปีนต้นไม้เริ่มร้องไห้และเรียกปู่และย่าของเธอ หมีเข้าใกล้: - ฉันจะพาคุณไปหาคุณปู่และย่าของคุณ - ไม่ผู้หญิงคนนั้นตอบ - คุณจะกินฉัน หมาป่าที่เหมาะสม: - ฉันจะพาคุณไปหาปู่ย่าตายายของคุณ “ไม่” หญิงสาวตอบ สุนัขจิ้งจอกขึ้นมาและเสนอให้พาเธอกลับบ้านด้วย - หญิงสาวเห็นด้วย ปู่และย่าดีใจชื่นชมสุนัขจิ้งจอกเลี้ยงและจิบ ทันใดนั้นเธอก็: - และคุณยังเป็นหนี้ไก่อยู่! ปู่และย่าตอบโดยไม่ลังเล: - ใช่เราจะให้คุณสองคน - และพวกเขาใส่ไก่ไว้ในถุงหนึ่งและสุนัขอีกตัวหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกเข้ามาในป่า แก้ผ้า กระเป๋า สุนัขขับไล่เธอออกไป แล้วกลับบ้านพร้อมกับไก่
นี่คือที่ที่คุณคิด: ถ้าเด็กผู้หญิงมีไหวพริบ เธอปีนต้นไม้และไม่ยอมจำนนต่อข้อเสนอของหมาป่าและหมี ถ้าปู่กับย่าไม่ได้เกิด เราจะพูดอะไรเกี่ยวกับผู้ใหญ่ได้บ้าง อย่างไรก็ตาม การแสดงออกไม่ใช่ลูกครึ่ง มันค่อนข้างเหมาะสำหรับ Vyatichi: แม้ว่าพวกเขาจะสวมรองเท้าพนัน แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะหลอกพวกเขา ดังนั้น ผู้คนในเคียฟไม่ชอบพวกเขา โดยไม่รู้ว่าโดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาเป็นเผ่าพันธ์เดียวกัน
หลักการที่กล่าวถึงข้างต้นของชาว Vyatichi จะเป็นไปตามข้อตกลงซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนโดยนักโบราณคดีที่ได้พบสมบัติจำนวนมากบนดินแดนของชาว Vyatichi นักวิชาการ BA Rybakov เขียนว่า: "สมบัติในดินแดน Vyatichi ประกอบขึ้นเกือบครึ่งหนึ่งของสมบัติทั้งหมดในดินแดนสลาฟ" คุณคิดว่า: นี่เป็นนิสัยของคนของเราที่จะเก็บทุกอย่างไว้สำหรับวันที่ฝนตกใช่หรือไม่?
รวมถึงนิสัยชอบเอาที่ดินของคุณ - ทุ่งนาและสวนห่างจากบ้านของคุณ - บางทีพวกเขาอาจจะหามันไม่เจอ อาจเกิดขึ้นได้
และในที่สุด สิ่งที่วิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์ของเราละเลยไปก็คือ Vyatichi นำหมูมาผสมพันธุ์ในดินรัสเซีย อย่างที่คุณทราบ ชาวเคลต์เริ่มเลี้ยงหมู เริ่มขึ้นที่ใจกลางของยุโรปเมื่อประมาณ 4 พันปีก่อน สัญลักษณ์ของชาวเคลต์คือยอดที่เกิดจากหัวหมูป่า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ พวกเขายังทำผมเหมือนหวีหมูป่า หล่อลื่นผมด้วยเลือดหมูป่า เสียงสะท้อนของเวลาที่ห่างไกลนั้นเป็นคำที่คุ้นเคย koltun - หมายถึงลูกบอลผมพันกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคำนี้และแนวคิดมาจาก Vyatichi เพราะวงแหวนขมับของผู้หญิงที่มีหงอนด้านในเรียกว่า kolts
เมื่อเวลาผ่านไป ชนเผ่าเยอรมันและเวเนติได้สกัดกั้นความคิดริเริ่มในการเพาะพันธุ์สุกร หมูเป็นอาหารโปรดของชาวโปแลนด์ เบลารุส และยูเครน วิธีนี้ทำในตอนต้นของ ante ไวอาติชียังมีส่วนร่วมในการเพาะพันธุ์หมูด้วย และสิ่งนี้ได้รับการยืนยันในงานเขียนของนักประวัติศาสตร์ชาวอาหรับที่เขียนว่าวยาติชีกินหญ้าสุกรในลักษณะเดียวกับที่พวกมันกินหญ้าแกะ

ความคิดเห็น

ฉันยินดีที่จะอ่านการศึกษาประวัติศาสตร์ในแหล่งวรรณกรรม คุณค่าของงานนี้ประการแรกคือมันทำให้เกิดความปรารถนาที่จะต่ออายุบางสิ่งในความทรงจำเพื่อพูดคุยชี้แจง ... อย่างที่ฉันเห็นงานของนักโบราณคดีถูกนำมาใช้ในระดับมากดังนั้นจึงมีความแคบและ ด้านเดียวของการตีความประวัติศาสตร์ข้อความ ตัวอย่างเช่น ที่เรากำลังพูดถึงพื้นที่ของการตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าบางเผ่าในช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจงหรือกรอบลำดับเหตุการณ์ บ่อยครั้งสิ่งนี้เกิดขึ้นในขอบเขตอาณาเขตที่กว้างขึ้น ...

สำหรับ Vyatichi ในงาน เช่นเดียวกับการศึกษาอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์นี้ การนำเสนอที่ค่อนข้างเรียบง่ายของกลุ่มนี้ก็มีชัย Vyatichi ในแง่ขององค์กรทางสังคมและการเมือง กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เป็นชนเผ่าที่มีการจัดการค่อนข้างสูงและมีความสัมพันธ์ภายนอกที่กว้างขวาง และในช่วงศตวรรษที่ 12-13 ดินแดนรัสเซียโบราณที่เจริญรุ่งเรืองหลายแห่งได้ก้าวหน้าไปแล้วในการพัฒนา! นักวิจัยหลายคนเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ - Kizilov, Sakharov และอื่น ๆ

ชาว Vyatichi Slavs นำองค์กรทางสังคมรูปแบบใหม่มาสู่ประชากรในท้องถิ่นด้วยวัฒนธรรมทางการเกษตรและอภิบาลที่สูงขึ้นด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์โลหะอย่างแพร่หลาย การติดต่อของพวกเขากับชนเผ่า Finno-Ugric และ Baltic - การเมืองเศรษฐกิจและวัฒนธรรม - นำไปสู่การสร้างสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของชนชาติเหล่านี้ในระดับสูง - การดูดซึม (และไม่ขับไล่พวกเขาออกจากดินแดนที่อาศัยอยู่ตามที่คุณคิด - A.P. ) และ การเกิดขึ้นของการสังเคราะห์ทางสังคม - การเมือง - Slavic-Finno-Ugric และ Slavic-Baltic

ในยุคกลางบน Oka และ Upper Don ตามที่นักวิจัยจำนวนหนึ่งมีรัฐ Vyatichian ที่แข็งแกร่ง (!!!) - สมาคมชนเผ่าอิสระจาก Kievan Rus ที่มีศูนย์กลาง - เมือง Kordno

ในมหากาพย์เกี่ยวกับ Ilya Muromets การเดินทางของเขาจาก Murom ไปยัง Kyiv "ทางตรง" ผ่านดินแดน Vyatka ถือเป็นหนึ่งในการกระทำที่กล้าหาญ โดยปกติแล้วพวกเขาชอบที่จะไปรอบ ๆ อาณาเขตนี้เป็นวงเวียน

พระสงฆ์คริสเตียนใส่ร้ายชาว Vyatichi อย่างแรกเลยไม่ใช่เพราะพวกเขาปิดกั้นถนนจาก Kyiv ไปยัง Rostov และ Murom แต่เพราะพวกเขาเป็นคนนอกศาสนาที่มีวัฒนธรรมดั้งเดิมของพวกเขาเอง ลัทธินอกรีตในหมู่ Vyatichi ยังคงมีอยู่จนถึงศตวรรษที่ 17 เมื่อคำว่า "Vyatichi" หมดไปจากการใช้งานแล้ว นี่เป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นอิสระและความคิดริเริ่มของพวกเขาอีกครั้ง ไม่ใช่ต้นแบบ...

ขอบคุณสำหรับการอ่านที่น่าสนใจ ขอให้โชคดี!

วันนี้ฉันต้องการจะผ่านเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ มองย้อนกลับไปในสมัยโบราณ และเล่าถึงบรรพบุรุษของเรา - ชาวสลาฟ พวกเขาอาศัยอยู่อย่างไร พวกเขาเชื่อในสิ่งใด เป็นต้น

ชนเผ่าของชาวสลาฟตะวันออกถูกแบ่งออกเป็นหลายสหภาพแรงงาน แต่ฉันจะเน้นที่เดียวเท่านั้น - ไวอาติชิ พวกเขาอยู่ใกล้ฉันมากขึ้น =) ในทางภูมิศาสตร์ คนที่น่าทึ่งมาก แต่เพิ่มเติมที่ด้านล่าง

ฉันเคยสนใจในอดีต ชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณีของบรรพบุรุษของเรา เมื่อวันก่อนฉันจึงเริ่มอ่านบันทึกต่าง ๆ ในเน็ต หนังสือ หนังสือเรียน (แต่ฉันยังไม่ได้ดูเลย)

ในบรรดาการอ่านมีหนังสือหลายเล่ม แต่ฉันจะเน้นสอง:

อย่างแรกคือ "รัสเซียโบราณและทุ่งหญ้ากว้างใหญ่" โดย L. N. Gumilyov (ฉันแนะนำให้อ่านและตอนนี้ฉันแนะนำ) มีช่วงเวลาที่ถกเถียงกันอยู่มากมาย (อย่างไรก็ตามในประวัติศาสตร์เกือบจะมีอยู่จริง) แต่โดยทั่วไปแล้วหนังสือเล่มนี้อธิบายช่วงเวลาของการก่อตัวของ Kievan Rus และศาสนาคริสต์ในวิธีที่เข้าถึงได้มาก การตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าเป็นต้นเป็นต้น.

และที่สอง - "ชาวสลาฟตะวันออกในศตวรรษที่ VI-XIII" ฉบับปี 1982 (ผู้แต่ง Sedov V.V. ) สิ่งที่ยอดเยี่ยม! ฉันแนะนำผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์และโบราณคดี

Vyatichi คือใคร?

Vyatichi เป็นหนึ่งในชนเผ่าของชาวสลาฟตะวันออกที่อาศัยอยู่ในดินแดน Tula, Oryol, Ryazan, Kaluga, Moscow, Lipetsk และ Smolensk สมัยใหม่ระหว่างศตวรรษที่ 8 ถึง 13

คำว่า "Vyatichi" นั้นกลับไปเป็นชื่อบรรพบุรุษของเผ่า - Vyatko (Vyacheslav):

“ ท้ายที่สุดชาวโปแลนด์มีพี่น้องสองคน - Radim และอีกคนหนึ่ง - Vyatko ... และ Vyatko เป็นสีเทากับครอบครัวของเขาตาม Otse (Oka) ชื่อเล่น Vyatichi จากเขา”

มีรุ่นอื่นๆ:

• จากอินโด-ยูโรเปียน "ven-t" หมายถึง "เปียก";
• จากภาษาโปแลนด์ "Vyatr" - ลม (มีบางอย่างในเรื่องนี้เพราะเทพหลักของ Vyatichi คือ Stribog);
• จากภาษาสลาฟดั้งเดิม "vęt" - แปลจากภาษาสลาฟโปรโต - สลาฟแปลว่า "ใหญ่" และมีชื่อเช่น "Veneti", "Vandals" และ "Venedi" กล่าวโดยย่อ ทั้งหมดนี้สามารถรวมกันเป็นหนึ่งบรรทัด - บุคคลผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้ยิ่งใหญ่

Vantit - ดินแดนแห่ง Vyatichi?

พงศาวดารอาหรับบอกว่าในศตวรรษที่ 9-11 ในลุ่มน้ำ Oka มีรัฐที่เป็นอิสระจาก Kyiv ซึ่งเรียกว่า Vantit และผู้คนในสงครามอาศัยอยู่ในนั้นและชื่อของพวกเขาคือ Vyatichi แน่นอนว่าทุกอย่างอาจผิดพลาดได้ แต่ทฤษฎีนี้น่าสนใจ

สถานะของ Vyatichi Slavs - Vantit เป็นสมาคมเกี่ยวกับดินแดนและชนเผ่าขนาดใหญ่ มีโครงสร้างและลำดับชั้นที่ชัดเจน: ชนเผ่าเล็ก ๆ ถูกปกครองโดย "เจ้าชายที่สดใส" ซึ่งในทางกลับกันก็อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้ปกครองคนเดียว - "เจ้าชายแห่งเจ้าชาย"

“และหัวหน้าที่กล่าวถึงซึ่งพวกเขาเรียกว่า "หัวหน้าหัวหน้า" พวกเขาเรียกว่า "svet-malik" ลอร์ดคนนี้มีม้าขี่ม้าและไม่มีอาหารอื่นนอกจากนมแม่ม้า เขามีจดหมายลูกโซ่ที่ทนทานและสวยงาม ... "(Ibn-Ruste)

แต่อย่าปล่อยให้เรื่องนี้รบกวนคุณเนื่องจากบรรพบุรุษของเราอาศัยอยู่ในระบบชุมชนและชนเผ่าและ "เจ้าชาย" ได้รับเลือกจากสภาชุมชน (veche)

ในบรรดาชนเผ่าทั้งหมดของสลาฟตะวันออก Vyatichi นั้นโดดเด่นที่สุด (ด้วยเหตุผลหลายประการ) ส่วนหนึ่งเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ ไม่ แน่นอน บรรพบุรุษของเราไม่ได้สร้างสุสานใต้สวรรค์ พวกเขาไม่ได้ทิ้งงานเขียนแปลก ๆ ไว้ให้เรา ซึ่งนักประวัติศาสตร์และนักวิทยาการเข้ารหัสลับจะทำลายความคิดอันสดใสของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ...

บรรพบุรุษของเราอาศัยอยู่อย่างไร?

ฉันขอเตือนคุณว่าดินแดนที่ Vyatichi เคยอาศัยอยู่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในศตวรรษที่ 12 มีแม้กระทั่งเรื่องนี้:

ในปี ค.ศ. 1175 ระหว่างความบาดหมางของเจ้าชาย กองทหารสองนายเดินทัพต่อสู้กันเอง (คนหนึ่งจากมอสโก อีกคนหนึ่งจากวลาดิเมียร์) หลงทางอยู่ในป่าทึบและคิดถึงกันและกันโดยไม่มีการต่อสู้

ดังนั้นบรรพบุรุษของเราจึงตั้งรกรากอยู่ท่ามกลางป่าทึบเหล่านี้ ไม่ได้อยู่ในพุ่มไม้แน่นอน แต่อยู่ใกล้แม่น้ำ และมีเหตุผลอย่างน้อยสองสามประการสำหรับสิ่งนี้:

• แม่น้ำเป็นแหล่งอาหาร
• การค้าทางน้ำ - หนึ่งในแหล่งที่น่าเชื่อถือที่สุดในสมัยนั้น

อย่างไรก็ตาม ชาว Vyatichi ก็เหมือนกับชนเผ่าสลาฟอื่นๆ ที่สร้างบ้านกึ่งขุดขนาดเล็ก (ปกติ 4 คูณ 4 เมตร) (ที่อยู่อาศัยที่ขุดอยู่ในพื้นดิน ปูด้วยไม้จากด้านในและมีหลังคาหน้าจั่วซึ่งสูงเหนือพื้นดินเล็กน้อย และปูด้วยหญ้าแฝก)

อีกไม่นานชาวสลาฟก็เริ่มสร้างบ้านไม้ (บางครั้งถึงสองชั้น) ซึ่งนอกเหนือจากหน้าที่หลักแล้วยังทำหน้าที่ป้องกันอีกด้วย สิ่งปลูกสร้าง (เพิง, ห้องใต้ดิน, โรงนา) และแน่นอนคอกวัวตั้งอยู่ในหลาของบ้านดังกล่าว บ้านทุกหลังในนิคมถูกหัน "หันหน้าเข้าหาน้ำ"

ถ้าเราพูดถึงงานฝีมือ ก็ควรค่าแก่การพูดถึงว่าช่างตีเหล็กได้รับการพัฒนามาอย่างดีในหมู่ชาว Vyatichi สิ่งนี้อำนวยความสะดวกโดยการสะสมของถ่านและการมีอยู่ของแร่เหล็ก (เหล็กบึง) ทำจากเหล็ก

• ของใช้ในครัวเรือน
• ตกแต่ง;
• อาวุธ.

นอกจากช่างตีเหล็กแล้ว บรรพบุรุษของเรายังมีเครื่องประดับ เครื่องปั้นดินเผา และเกษตรกรรมที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดี

ด้วยเหตุผลที่ดี เกษตรกรรมและชาวสลาฟเป็นเรื่องราวที่แยกจากกันซึ่งคุณต้องพิจารณาทุกอย่าง "จากและสู่" โดยเริ่มจากวิธีที่ผู้คนเพาะปลูกที่ดิน ภายในกรอบของบทความนี้ ฉันจะไม่เจาะลึกในหัวข้อนี้ แต่จะสังเกตวัฒนธรรมเหล่านั้นที่เคยเป็นที่ชื่นชอบในอดีต กล่าวคือ:

• ข้าวสาลี;
• ข้าวไรย์;
• ข้าวฟ่าง.

และถ้าเราคำนึงถึงข้อเท็จจริงด้วยว่า Vyatichi ใช้เครื่องมือเหล็ก และพวกเขาใช้ม้าเป็นกำลังพล พวกมันก็มีผลผลิตที่ยอดเยี่ยม ทั้งหมดนี้ช่วยให้มีชีวิตที่น่าพึงพอใจและแม้กระทั่งการค้าขายกับดินแดนโนฟโกรอด

นอกจากนี้อย่าลืมเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ เช่นการเลี้ยงสัตว์ การล่าสัตว์ (ขนได้รับการจ่ายส่วยให้ Khazars) และการตกปลา ที่ราบน้ำท่วมถึงใกล้กับที่ชาวสลาฟตั้งรกรากเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในอุดมคติสำหรับวัวควายแกะและม้า และเนื่องจากมีสัตว์ขนาดใหญ่ นกจึงเป็นตัวของมันเอง: เป็ด ห่าน ไก่ หมูยังต้องพูดถึง

จากที่กล่าวมาข้างต้น เราสามารถสรุปได้อย่างปลอดภัยว่าการค้า Vyatichi ได้รับการพัฒนาอย่างดี โดยทั่วไปแล้วมีการยืนยัน: นักประวัติศาสตร์กล่าวว่านอกเหนือจากดินแดนใกล้เคียง (เช่นอาณาเขตโนฟโกรอด) บรรพบุรุษของเรายังค้าขายกับประเทศมุสลิมด้วย

อย่างไรก็ตาม ชาวอาหรับถือว่าพ่อค้า Vyatichi ร่ำรวยที่สุด นอกจากนี้ยังมีหลักฐานทางโบราณคดีสำหรับเรื่องนี้: สมบัติที่พบในดินแดนเหล่านี้คิดเป็นครึ่งหนึ่งของสมบัติทั้งหมดที่เคยพบในดินแดนที่ชาวสลาฟอาศัยอยู่ในอดีต

ชนเผ่า Slavs-Vyatichi ที่ภาคภูมิใจและรักอิสระ

ชาว Vyatichi ตั้งรกรากอยู่ในดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ ประสบความสำเร็จในด้านงานฝีมือและเกษตรกรรม มีการค้าขายกับเพื่อนบ้านอย่างแข็งขัน และทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นโดยธรรมชาติ

แต่นี่เป็นเรื่องตลก: จนกระทั่งศตวรรษที่ 12 พงศาวดารไม่ได้กล่าวถึงเมืองของพวกเขา แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความลึกลับ - Vyatichi อาศัยอยู่ห่างกันมาก แต่ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 12

1146-1147 ปี - อีกรอบในประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางแพ่ง คราวนี้ความขัดแย้งระหว่างกันดำเนินการโดยราชวงศ์สองราชวงศ์: Monomakhovichi และ Svyatoslavichi โดยธรรมชาติแล้ว สงครามไม่ได้ผ่านอาณาเขตที่ Vyatichi อาศัยอยู่ และที่ใดมีเจ้าชายและสงคราม ที่นั่นมีพงศาวดาร ดังนั้นชื่อของเมืองสลาฟโบราณจึงเริ่มสั่นไหวในพงศาวดาร (ฉันจะไม่แสดงรายการที่นี่ในหัวข้อนี้) ฉันจะไม่แสดงรายการทุกอย่าง แต่ฉันจะพูดถึง Dedoslavl (เกือบหมู่บ้านพื้นเมืองของฉัน)

Vyatichi เป็นหนึ่งในชนเผ่าที่ร่ำรวยที่สุดและประสบความสำเร็จมากที่สุดของชาวสลาฟตะวันออกและโดยธรรมชาติแล้วเจ้าชายที่อยู่ใกล้เคียงต้องการเติมคลังสมบัติด้วยค่าใช้จ่าย

คนแรกคือเจ้าชาย Svyatoslav ซึ่งมาพร้อมกับบริวารของเขาที่ Vyatichi ในปี 996 ด้วยเหตุนี้ พงศาวดารจึงบอกเราดังนี้:

"เอาชนะ Vyatiche Svyatoslav และยกย่องฉัน"

ใช่ Vyatichi พ่ายแพ้และเก็บภาษี แต่พวกเขาจะไม่จ่ายอะไรให้ผู้บุกรุก ทันทีที่กองทัพของ Svyatoslav ออกจากดินแดน Vyatichesky ผู้อยู่อาศัยของพวกเขาก็หยุดเชื่อฟังเจ้าชาย

คนต่อไปที่ตัดสินใจไปรณรงค์ในดินแดนเหล่านี้คือวลาดิมีร์เดอะเรดซัน เขามาใน 981:

“ Vyatichi ชนะและยกย่องฉันจากคันไถเหมือนพ่อของเขา imache”

อันที่จริงเจ้าชายชนะ แต่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย: Vyatichi จะไม่จ่ายอะไรเลย ฉันต้องไปทำสงครามครั้งที่สองซึ่งไม่ได้ให้ผลมากนัก

เพื่อสรุป: เป็นเวลานานที่ไม่มีใครสามารถปราบ Vyatichi ได้อย่างสมบูรณ์บางทีแม้แต่เจ้าชาย Kyiv ก็กลัวพวกเขา

จำ Ilya Muromets ได้ไหมเขาบอกเจ้าชายวลาดิเมียร์ว่าเขาเดินทางมาโดยทางตรงจาก Murom ไปยัง Kyiv นั่นคือผ่านดินแดน Vyatichi และพวกเขาไม่เชื่อเขาด้วยซ้ำ พวกเขาพูดว่า "เด็กคนนั้นกำลังโกหก"

จะเกิดอะไรขึ้น: การขับรถผ่านดินแดน Vyatichi ถือเป็นความสำเร็จหรือไม่? บททดสอบความกล้าและความแข็งแกร่ง? บางทีคุณอาจจะถูก แต่ถึงกระนั้นก็ตาม Vyatichi เองก็ไม่ได้เป็นผู้รุกราน (แม้ว่าพวกเขาจะช่วยเหลือเจ้าชายคนอื่นในสงคราม)

Nestor ใน Tale of Bygone Years ของเขายังพูดอย่างไม่ปรานีเกี่ยวกับ Vyatichi อย่างไรก็ตามนี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้หลายคนไม่ชอบคนดื้อรั้น

ศาสนาก็เป็นตัวอย่างที่ดีเช่นกัน ชนเผ่า Vyatichi ยึดมั่นในลัทธินอกรีตนานกว่าชนเผ่าสลาฟทั้งหมด ดังนั้นในปี ค.ศ. 1113 มิชชันนารีคนหนึ่งได้มายังดินแดนไวอาติชี ซึ่งเป็นพระภิกษุของอารามถ้ำเคียฟ กุกชา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเทศนาศาสนาคริสต์… Kuksha ถูกฆ่าตาย อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 12 ศรัทธาของคริสเตียนก็ค่อยๆ แพร่กระจายไปในหมู่ชาววยาติชี

และในตอนท้ายของบทความฉันต้องการทราบ ใช่สิ่งที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอนการแยกตัวของชนเผ่า Vyatichi พังทลาย (น่าจะเกิดขึ้นได้มากที่สุด) แต่พวกเขายังคงความเป็นเอกราชไว้ได้ยาวนานที่สุดและยาวนานที่สุดในบรรดาชนเผ่าสลาฟทั้งหมด พงศาวดารของ Vyatichi

นักวิชาการ อ.น. ทรูบาชอฟ

ประวัติศาสตร์จับ วาติชิ ในตำแหน่งของชนเผ่าสลาฟสุดโต่งทางตะวันออก [ อิโลวาสกี ดี.ไอ.ประวัติของอาณาเขต Ryazan ม., 1858, น. แปด.]. นักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคนแรกของเราแล้ว Nestor ในเรื่อง The Tale of Bygone Years(อนุสาวรีย์วรรณกรรมของรัสเซียโบราณ XI - จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่สิบสอง) ประพฤติตนเป็นคนป่าเถื่อนอย่างสุดโต่ง ใช้ชีวิตเหมือนสัตว์ในป่า กินทุกอย่างที่ไม่สะอาด พูดจาหยาบคาย ไม่ละอายต่อบิดามารดาและสตรีในครอบครัว และแน่นอน ไม่ใช่คริสเตียน ภาพเชิงลบบางส่วนนี้อาจสอดคล้องกับความเป็นจริงในตอนต้นของศตวรรษที่สิบสองและมีบางสิ่งที่กลายเป็นการพูดเกินจริงในเวลานั้นซึ่งพูดในภาษาปัจจุบัน - การโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง [ Nikolskaya T.N.ดินแดนแห่ง Vyatichi สู่ประวัติศาสตร์ของประชากรลุ่มน้ำอัปเปอร์และโอกะตอนกลางในศตวรรษที่ 9 - 13 ม., 1981, น. สิบ.].

พระ Nestor เป็นบึง Kyiv และ Vyatichi ซึ่งไม่ยอมแพ้ต่อ Kyiv ในทันทีสมควรได้รับการประเมินดังกล่าวในสายตาของเขา หลังจากเวลาผ่านไปหลายศตวรรษ เรามองสิ่งต่าง ๆ ในแบบที่ต่างออกไป อย่างใจเย็นมากขึ้น แม้ว่าเวลาจะผ่านไปมากแล้วก็ตาม ใครจะรู้ อาจไม่ใช่ทั้งหมด มันเป็นกับ Vyatichi ที่ความขัดแย้งหรือความขัดแย้งจำนวนหนึ่งที่รู้จักหรือรู้จักกันน้อยมีความเกี่ยวข้อง เป็นคนแรกแล้ว นักประวัติศาสตร์พร้อมแล้ว ตามคำให้การของเนสเตอร์ ยอมรับว่าพวกเขาไม่มีการเกษตร แต่ทันทีหลังจากข้อความเท็จนี้ บนพื้นฐานของข้อมูล annalistic กล่าวถึง ในการจ่ายส่วยโดย Vyatichi ให้กับ Svyatoslav และ Vladimir นั่นคือในช่วงที่ค่อนข้างเร็ว "บน Shelyag จากไถ" สรุปว่า Vyatichi รู้การเกษตร [อิโลวาสกี ดี.ไอ.ประวัติของอาณาเขต Ryazan ม., 1858, หน้า 9-12].

และแนวโน้มนี้ ตัดสิน Vyatichi ด้วยจิตวิญญาณแห่งความขัดแย้ง ที่มีความอยากรู้อยากเห็น อนุรักษ์ไว้โดยนักประวัติศาสตร์มาจนถึงยุคของเรา ทำให้เราพิจารณาดู Vyatichi เป็นชนเผ่ารัสเซียมากที่สุด - การตัดสินนี้ ดังที่เราเห็นด้านล่าง ก็ค่อนข้างขัดแย้งเช่นกัน นักประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดของเรา เอ็ม.เอ็น. Tikhomirov ในหนังสือของเขา "Old Russian Cities" พูดคุยเกี่ยวกับ "ดินแดนคนหูหนวกของ Vyatichi" เพื่อที่จะรับทราบต่อไปอีกหน่อยว่า "ในช่วงกลางของศตวรรษที่ XII ประเทศของ Vyatichi ไม่ได้หูหนวกอย่างที่คิด แต่เต็มไปด้วยเมืองต่างๆ"[Tikhomirov M.N.เมืองรัสเซียโบราณ เอ็ด ที่ 2 ม., 2499, น. 12, 32].

อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างอยู่ในจิตวิญญาณที่ขัดแย้งกัน - เกี่ยวกับ "เมือง" หรือ เมือง Vyatichi ซึ่งใครๆ ก็พูดได้ว่า "ไม่เร็วกว่าศตวรรษที่สิบสอง" แต่ในสิ่งเดียวกัน ในศตวรรษที่ 12 จู่ๆ เมือง Vyatichi ก็กลายเป็นเมืองที่มีจำนวนมากอย่างน่าอัศจรรย์ [อิโลวาสกี ดี.ไอ.ประวัติของอาณาเขต Ryazan ม., 1858, น. 9 และ 50]. ดูเหมือนว่านอกจาก การตัดสินแบบลำเอียงอย่างต่อเนื่อง ความคลาดเคลื่อนนี้เกิดจากการขาดข้อมูลและเรามีเหตุผลที่จะเชื่อได้ล่าสุด นักประวัติศาสตร์-โบราณคดี เมื่อกล่าวถึงความรุ่งเรืองของวัฒนธรรมเมืองกลางเมืองโอกะ ที่ซึ่งเขตวยาติชีได้ขยายออกไปแล้ว ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 . [Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 255.]. พูดถึงความหลังต่อไปได้ไหม ชาว Vyatichi ซึ่งถือครองที่ดินตามแนว Oka ซึ่งเส้นทางการค้าตะวันออกที่สำคัญที่สุดวิ่งไปตั้งแต่เช้าตรู่บรรพบุรุษของฉาวโฉ่ วิธี "จาก Varangians ถึงชาวกรีก" ? [Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 255.]

และในที่สุด ก็ไม่ได้หมายความว่า "ถอยหลัง" ที่ดึงดูดเจ้าชาย Kyiv ใน Vyatichi โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้พิชิตชัยชนะเช่น Svyatoslav; ความจริงจังของแผนการพิชิตของเขาแสดงให้เห็น ภาพย่อจาก Radzivilov Chronicle ภายใต้ปี 964: Prince Svyatoslav ได้รับ Vyatichi ที่พ่ายแพ้นั่งบนบัลลังก์[ไรบาคอฟ บี.เอ. Kievan Rus และอาณาเขตของรัสเซียในศตวรรษที่ 12 - 13 ม., 1982, น. 102].

เป็นประโยชน์ที่จะจำบางสิ่งที่อาจดึงดูดความสนใจในช่วงศตวรรษแรก ๆ ของประวัติศาสตร์รัสเซีย - เอกลักษณ์ของชนเผ่า Vyatichi ที่พวกเขา อนุรักษ์ "นานกว่าชนเผ่าสลาฟตะวันออกอื่น ๆ" [Tretyakov P.N.ชนเผ่าสลาฟตะวันออก ม., 2496, น. 241; Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 254].

นอกจากนี้. เป็นที่ทราบกันดีว่า ชนเผ่ารัสเซีย - มนุษย์ต่างดาว ในดินแดนหลักของถิ่นที่อยู่ในยุโรปตะวันออกมิฉะนั้น - รัสเซียธรรมดา สิ่งที่น่าทึ่งเกี่ยวกับ Vyatichi คือพวกเขาเป็นมนุษย์ต่างดาวที่บริสุทธิ์ การมาถึงของ Vyatichi ไปยังที่ราบรัสเซีย เกิดขึ้นถ้าไม่เกิดต่อหน้าต่อตาของประวัติศาสตร์เขียนเลยก็ว่าได้ แต่ในความทรงจำของชนเผ่าต่าง ๆ ได้ตั้งรกรากอยู่รอบ ๆ และมักจะมีรายงานว่า วยาติชีมาจากไหนกับราดีมิชี ตามถ้อยคำของพงศาวดารรัสเซียเริ่มต้น - "จากเสา" และมีจริงๆ "เมล็ดพันธุ์แห่งความจริง" [Lyapushkin I.I.ชาวสลาฟของยุโรปตะวันออกในช่วงก่อนการก่อตัวของรัฐรัสเซียโบราณใน VIII - ครึ่งแรกของศตวรรษที่ IX) L. , 1968, p. สิบสาม.]. ตรงกันข้ามกับวาทกรรมโบราณที่มีแนวโน้มในแก่นแท้ของมัน เกี่ยวกับความหลังและ "ความป่าเถื่อน “ ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่อพยพของ Vyatichi ไม่ได้รับประกันผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเหตุผลทางการเมือง สำหรับเรา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความรู้โบราณที่ประเมินค่าไม่ได้ แม้ว่าเราจะไม่ใช้มันอย่างตรงไปตรงมาก็ตาม ชัคมาโตวาเนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้เชื่อมโยงคุณลักษณะโปแลนด์ในภาษาของชาวสลาฟตะวันออกกับ Vyatichi [ ชัคมาตอฟ เอ.เอ.เรียงความเกี่ยวกับยุคที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ภาษารัสเซีย // สารานุกรมภาษาสลาฟ หน้า, 2458 (ฉบับที่ 11.1), น. XIX].

แต่เกี่ยวกับภาษา - ต่อมาตามที่ตกลงกันแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วชื่อเสียง "โปแลนด์" ของ Vyatichi ก็เป็นหนึ่งในประเพณีเก่าแก่หรือความขัดแย้งของวิทยาศาสตร์เพราะเป็นหนึ่งในนักประวัติศาสตร์คนแรกของเราเขียน: "Vyatichi - Sarmatians ครอบครองโดย Slavs ตาม Oka ... «[ Tatishchev V.N.ประวัติศาสตร์รัสเซีย T.I.M.-L., 1962, p. 248]. ขณะเดียวกันก็ต้องระลึกไว้ว่า ทุนการศึกษาเก่าของโปแลนด์ระบุชาวโปแลนด์กับซาร์มาเทียนด้วยความเต็มใจ แม้จะทราบดีว่าชาวซาร์มาเทียนเป็นชาวอิหร่านโบราณ! เป็นที่ชัดเจนว่าเรากำลังพูดถึงเหตุการณ์ที่เก่าแก่และผู้เข้าร่วมของพวกเขา ตำนานที่กล่าวโทษนี้มาจากไหน

เร็วเกินไป Vyatichi ถูกกล่าวถึงในการเขียนของเรา พวกเขา การมีส่วนร่วมในการรณรงค์ของเจ้าชายโอเล็กในไบแซนเทียมอยู่ภายใต้ปี907 [สารานุกรมไรซาน. Ryazan, 1995, น. 126 ff., 674]. เช่น กว่าพันปีมาแล้ว แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ข้อจำกัด ไม่ใช่ปลายทาง post quem เพราะนักโบราณคดีตัดสินลักษณะที่ปรากฏก่อนหน้านี้ของ Vyatichi บนที่ราบรัสเซียอย่างมั่นใจ

เป็นการเหมาะสมที่จะพูดสั้นๆ เกี่ยวกับชื่อชนเผ่า Vyatichi เนื่องจากวินัยทางภาษาศาสตร์ของขอบเขตของ onomastics มักปรากฏขึ้นท่ามกลางข้อโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ โดยทั่วไปจะเห็นได้ว่า Vyatichi - จากทางตะวันตก แต่ไม่มีชาติพันธุ์ในสลาฟตะวันตกหรือทางใต้ และแม้ว่าข้อเท็จจริงที่ว่าการกลับเป็นซ้ำของ ethnonyms เป็นปรากฏการณ์ที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวสลาฟ แต่ก็เพียงพอที่จะตั้งชื่อทุ่งของ Kyiv และทุ่งโปแลนด์ ต่อหน้าเรานั้นเป็นอีกข้อหนึ่งที่ขัดแย้งกับ Vyatichi

Chronicle ยังแนะนำวิธีที่ถูกต้องที่นี่: Vyatichi มีชื่อเล่นตามผู้นำ (ผู้นำ) เรียกว่า Vyatko[ฟาสเมอร์ เอ็มพจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ของภาษารัสเซียใน 4 เล่ม แปลจากภาษาเยอรมันและเพิ่มเติมโดย O.N. ทรูบาชอฟ เอ็ด ที่ 3, T. I. เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, 1996, p. 376]. ชื่อ วัฒน์โกเป็นรูปย่อของชื่อบุคคล เวียเชสลาฟ พราสล *เวตเยสลาฟъ , อ้างอิง เช็ก Vaclav , นั่นคือ, เฉพาะ ชื่อสลาฟตะวันตก . ดังนั้นแม้ว่าจะไม่ปกตินัก แต่แหล่งที่มาทางตะวันตกของ ethnonym Vyatichi กลับกลายเป็นว่าได้รับการบันทึกไว้ในหมู่พวกเขา - แบบฟอร์ม ว(ก) นิติ , ชื่อคนและภาคตะวันออก ศตวรรษที่ 10 [ไรบาคอฟ บี.เอ. Kievan Rus และอาณาเขตของรัสเซียในศตวรรษที่ 12 - 13 ม., 1982, น. 215, 259] ซึ่งทำให้สามารถตัดสินรูปแบบที่ ชื่อของ Vyatichi ปรากฏจนถึงศตวรรษที่ 10 รวมเมื่อมันอยู่ภายใต้การล่มสลายของจมูกในหมู่ชาวสลาฟตะวันออก) มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่จะเชื่อมโยง *vętitje - Vyatichi - กับ Venedi-Veneti น้อยกว่ามากกับมด ทั้งสองเป็น alloethnonyms ของมนุษย์ต่างดาวสำหรับ Slavs แม้จะเป็นที่นิยมของการทดลองดังกล่าว ต่อหน้าเราเป็นกรณีที่ ชนเผ่าโบราณ เริ่มแรกเลย ไม่มีชื่อชนเผ่า พอใจกับฉายา "เรา", "ของเรา", "ของเรา" จนถึงช่วงเวลาของสหภาพส่วนบุคคล กับคนบ้าระห่ำชื่อ Vyatko ผู้นำพวกเขา …

โดยทั่วไปในวันก่อนที่เราเขียน ประวัติของพูชี่ ซึ่งกลายเป็นภูมิภาคหลัก Vyatichi เอา "กระแสต่าง ๆ ของการล่าอาณานิคมของสลาฟ" ซึ่งทำให้ปัญหาของเราซับซ้อนและน่าสนใจสำหรับความรู้ [ มงไกร เอ. แอล.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 66] วี.วี. Sedov พูดโดยตรงเกี่ยวกับการพัฒนาสลาฟหลายพระราชบัญญัติของที่ราบยุโรปตะวันออก [ เซดอฟ V.V.คนรัสเซียโบราณ การวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ม., 1999, น. 7].

เป็นไปได้ที่จะร่างโครงร่างกิจกรรมหลายอย่างล่วงหน้า อย่างน้อยก็สำหรับภูมิภาคของเรา วาติชิ : Middle Dnieper Slavs, Vyatichi Slavs จากคุณที่ห่างไกล ตะวันตกเฉียงใต้และ Don Slavs, พบว่าตัวเองอยู่ที่นั่นบนดอนตอนบนอันเป็นผลมาจากการตั้งถิ่นฐานใหม่ มีความเชื่อกันว่า ประชากรสลาฟปรากฏในลุ่มน้ำ Oka โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต้นน้ำลำธารใน VIII - IX ศตวรรษ .[Nikolskaya T.N.ดินแดนแห่ง Vyatichi สู่ประวัติศาสตร์ของประชากรลุ่มน้ำอัปเปอร์และโอกะตอนกลางในศตวรรษที่ 9 - 13 ม., 1981, น. 12; เซดอฟ V.V.ชาวสลาฟตะวันออกในศตวรรษที่ VI - XIII ม., 1982, น. 148] ชาวสลาฟเมื่อพบที่นี่เผ่าของพันธมิตรบอลติกอาจ golyad (ดร.-รัสเซีย .) ซึ่งชื่อลักษณะเฉพาะของ Balts ท้องถิ่นเช่นกันเป็น "ยูเครน", "นอก" (ตามตัวอักษร galindai, Galinda: galas - "end" ). อย่างไรก็ตามสถานที่ค่อนข้างรกร้างมีเพียงพอสำหรับทุกคนแม้ว่าโบราณคดีมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้โบราณ การมาถึงของ Slavs กลุ่มแรกที่ Oka ตอนบน - แล้วในศตวรรษที่ IV - V (!), และใน Ryazan (กลาง) Poochie - ในศตวรรษที่ VI - VII [เซดอฟ V.V.คนรัสเซียโบราณ การวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ม., 1999, น. 58, 251].

เห็นได้ชัดว่าการติดต่อเหล่านั้นกับ Balts ทำให้ Slavs ใหม่ชื่อ แม่น้ำ - Oka ควบคู่ไปกับการเน้นย้ำในจิตวิญญาณของกฎหมาย Fortunatov-de Saussure (เปลี่ยนจากรากสระเสียงสั้นแบบเซอร์คัมเฟล็กซ์ไปยังลองจิจูดเฉียบพลันของจุดสิ้นสุด) พุธ ลัตเวีย aka - "ดี" สว่างขึ้น akas - "polynya", akis - "ตา"; "น้ำไม่รกในบึง", "บึงน้อย" [ฟาสเมอร์ เอ็มพจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ของภาษารัสเซียใน 4 เล่ม แปลโดย O.N. ทรูบาชอฟ เอ็ด ฉบับที่ 3 III. SPb., 1996, น. 127]. ตัดสินโดยความหมายของต้นแบบบอลติกชื่อนี้สามารถให้ได้ ต้นน้ำลำธาร ต้นน้ำต้นโอกะ และไม่ได้อยู่ตรงกลางหรือตอนล่างของแม่น้ำใหญ่นี้

เห็นได้ชัดว่า ในต้นน้ำลำธารของ Oka จุดเริ่มต้นของภูมิภาคภายหลังของ Vyatichi ถูกวาง สำหรับแกนกลางของ Vyatichi เรียกว่ากลุ่ม Upper Oka ของ Slavs ซึ่งมีสาเหตุทางโบราณคดีมาจากศตวรรษที่ VIII - X เซดอฟ V.V.คนรัสเซียโบราณ การวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ม., 1999, น. 81].

อย่างไรก็ตามและ Upper Don (Borshevsky) Slavs แห่ง VIII - X ศตวรรษ , อพยพไปยังโอกะตอนกลางในคริสต์ศตวรรษที่ 10 ด้วย จัดเป็น Vyatichi [Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 81, 85, 124]. ลักษณะหลายประการของการมาถึงของชาวสลาฟที่เรารู้จักนั้นรุนแรงขึ้นจากการแทรกซึมอย่างกว้างขวาง จากภูมิภาคแม่น้ำดานูบในศตวรรษที่ VIII - IX ยิ่งกว่านั้นความเป็นจริงและเส้นทางก็ชวนให้นึกถึงอะไร เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับ Vyatichi ซึ่งเรากำลังพูดถึงต้นแบบของเจ็ดใบมีด - Vyatichi - จี้ที่มาจากแม่น้ำดานูบผ่าน Mazowsze [เซดอฟ V.V.คนรัสเซียโบราณ การวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ม., 1999, น. 145, 149, 183, 188, 195.]

ค่อยๆ เข้าใกล้เราจากส่วนลึกของศตวรรษ Vyatichi ได้รับคุณลักษณะที่ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกับทั้งการตั้งถิ่นฐานสมัยใหม่และประชากรของยุโรปรัสเซีย ดังนั้นในบางพงศาวดาร Vyatichi ถูกระบุด้วย Ryazans . แล้ว [Kuzmin A.G. Ryazan Chronicle. ข้อมูลเกี่ยวกับ Ryazan และ Murom จนถึงกลางศตวรรษที่ 16 ม., 1965, น. 56. พื้นที่ยังตรงกัน “ อาณาเขต "ภูมิภาค" ทั้งหมดของ Ryazan ที่เรารู้จักคือ Vyatichi ในแง่ขององค์ประกอบของประชากรสลาฟ” [Nasonov A.N."ดินแดนรัสเซีย" และการก่อตัวของดินแดนของรัฐรัสเซียโบราณ การวิจัยทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ ม.. 2494 น. 213.

ด้วยการแก้ไขและเพิ่มเติมบางประการ: ดินแดน Kursk-Oryol ยังเป็นของภูมิภาค Vyatichi [Kotkov S.I.ภาษาถิ่นของภูมิภาค Oryol (สัทศาสตร์และสัณฐานวิทยา) อ. …เอกสาร ฟิล น. ต. ฉัน - ครั้งที่สอง ม., 2494, น. 12.]. เกี่ยวกับความต่อเนื่องของการตั้งถิ่นฐาน สิ่งสำคัญคือต้องคำนึงถึงความนิยม มุมมองในอดีต ซึ่งมีสาระสำคัญคือ ว่าด้านที่ราบกว้างใหญ่ซึ่งเข้าใกล้ฝั่ง Ryazan จากทางใต้ และโดยทั่วไปบริเวณกว้างใหญ่ของทางใต้และทางตะวันออกเฉียงใต้นั้นถูกลดจำนวนลงอย่างสิ้นเชิงและว่างเปล่าในเหตุการณ์บางอย่างที่สั่นสะเทือนสถานที่เหล่านี้มาก่อนและบ่อยกว่าด้านป่าที่ได้รับการคุ้มครองมากขึ้น แต่ความสมบูรณ์ของทัศนะเหล่านี้ยาวนาน เกิดความสงสัย และค่อย ๆ ถูกหักล้างโดยประวัติศาสตร์ของภาษาและ onomastics ของขอบนี้ ซึ่งคงรักษาการก่อตัวโบราณที่น่าประหลาดใจไว้

อย่างไรก็ตามการลิดรอนโชคชะตาไม่ได้ข้ามดินแดนแห่ง Vyatichi หากเราสัมผัสกับประเด็นของการสานต่อประเพณี Cyril และ Methodius ในการเขียนสลาฟ เรากำลังรอคำตอบเชิงลบอย่างเป็นเอกฉันท์: “พงศาวดาร Ryazan ยังไม่ถึงเรา” [Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. เก้า.]; " ไม่มีสิ่งใดรอดจากการเขียนดินแดน Ryazan และ Chernigov อันกว้างใหญ่ «[ ฟีลิน เอฟ.พี.ที่มาของภาษารัสเซีย ยูเครน และเบลารุส เรียงความประวัติศาสตร์และวิภาษ. ล., 1972, น. 89.]; พงศาวดาร Ryazan มีอยู่ (แต่ไม่ถึง) [ Darkevich V.P.การเดินทางสู่โบราณ Ryazan บันทึกของนักโบราณคดี. Ryazan, 1993, หน้า 136. อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่น่าแปลกใจถ้าคุณลองคิดดู บทบาทที่น่าเศร้าของด่านหน้า ซึ่งถูกกำหนดให้เล่นในดินแดน Vyatka

มีความสัมพันธ์ อนุรักษ์งานเขียน ดินแดนรัสเซียโบราณอื่น ๆ ทั้งหมดนั้นมั่งคั่งและเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น - เคียฟ, กาลิเซีย, ปัสคอฟ-โนฟโกรอด, รอสตอฟ-ซูซดาล และอื่นๆ ดังนั้นผู้รอดชีวิต ข้อมูลเกี่ยวกับการรู้หนังสือต่ำ ซึ่ง - ขัดกับภูมิหลังของความยากจนดังกล่าว - ทันใดนั้นก็ค้นพบ Ryazan ดินแดน Vyatichi ตั้งแต่สมัยโบราณ แต่เกี่ยวกับมัน - ต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อพูดถึงวัฒนธรรม

ธรรมชาติของที่อยู่อาศัย Vyatichi ยังแยกแยะพวกเขาว่าเป็นชาวใต้ดั้งเดิม - พวกเขาตั้งรกรากอยู่ในอุโมงค์และกึ่งขุดเช่น Danubian Slavs เช่น "Slavins" ของจอร์แดน และในที่สุด เห็นได้ชัดว่า โปรโต-สลาฟเพิ่มเติม พวกเขาบอกว่าสัญลักษณ์นี้ไม่ควรเกินจริงเนื่องจากที่อยู่อาศัยทางภูมิศาสตร์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตการมีอยู่ ท่ามกลาง Vyatichi บน Oka กึ่งดังสนั่นตอนบนและตอนกลาง และทิศเหนือ ได้แก่ Krivichi - อาคารล็อกพื้นดิน (บ้าน) เสริมว่าชายแดนระหว่างกระท่อมทางเหนือและกระท่อมทางใต้มากกว่าอยู่ที่ไหนสักแห่งที่นี่ตาม แม่น้ำป. [Tretyakov P.N.ชนเผ่าสลาฟตะวันออก รุ่นที่สอง แก้ไขและขยาย ม., 2496, น. 197, 198; Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 127; Lyapushkin I.I.ชาวสลาฟของยุโรปตะวันออกในช่วงก่อนการก่อตัวของรัฐรัสเซียเก่า (VIII - ครึ่งแรกของศตวรรษที่ IX) L. , 1968, p. 120].

ในสถานการณ์นี้ เราเหลือ เพื่อตัดสินวัฒนธรรมแห่งชีวิตและจิตวิญญาณของ Vyatichi ตามรอยและซากที่ฟอสซิลให้มานั้น วัฒนธรรมทางโบราณคดี เห็นได้ชัดว่าชาวนา Vyatichi ไม่ได้ร่ำรวย ต้องขอบคุณงานของนักโบราณคดีของเรา เราจึงได้เรียนรู้จำนวนที่น่าประหลาดใจที่นี่ และนี่อาจเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ขัดแย้งกันมากที่สุดเรื่องหนึ่ง: ผู้หญิง Vyatichi สวมแหวนขมับเจ็ดแฉกที่สง่างามผิดปกติซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของภูมิภาค Vyatichi[เซดอฟ V.V.ชาวสลาฟตะวันออกในศตวรรษที่ VI - XIII ม., 1982, น. 143]. พวกเขายังมองหาแอนะล็อกในภาคตะวันออก แต่เราประทับใจมากกว่า - ในกลุ่มข้อมูลทั่วไปที่รู้จัก - โดยต้นแบบของตะวันตกที่กล่าวถึงข้างต้นโดยสังเขปเช่นกัน

มากกว่า ผู้หญิง Vyatka โบราณมีกำไลปลายโค้งแบบ lamellar แบบยุโรปตะวันตก [Nikolskaya T.N.ดินแดนแห่ง Vyatichi สู่ประวัติศาสตร์ของประชากรลุ่มน้ำอัปเปอร์และโอกะตอนกลางในศตวรรษที่ 9 - 13 ม., 1981, น. 100, 113]. ติดตามแฟชั่นที่น่าอิจฉาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณพิจารณาว่าเรากำลังพูดถึง "ดินแดนคนหูหนวก"!

การพูด เกี่ยวกับ Vyatichi แล้ว - เกี่ยวกับผู้หญิง Ryazan เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่จำนิสัยที่ยังมีชีวิตอยู่ สวมปอนว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากตามที่ระบุไว้ “ช่วงของโพโยวาตาหมากรุกสีน้ำเงินเกิดขึ้นพร้อมกับพื้นที่การกระจายของวงแหวนขมับเจ็ดแฉกของวยาติชิ…«[ Osipova E.P.ชื่อเสื้อผ้าในภาษาราซาน อ. แคนดี้ ฟิล น. ม., 1999, น. 72.]. คุณสามารถจำต่อไปได้ เกี่ยวกับความจำเพาะของ poneva - กระโปรงชนิดหนึ่งสำหรับ Great Russian South เอ sundress - สำหรับ Great Russian North แต่สมมุติว่าวิ่งไปข้างหน้าหน่อยว่าฝ่ายค้านที่มีชื่อกลับกลายเป็นว่าไม่เหมาะสมในประวัติเพราะ sundress "รัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ทางเหนือ" มาแล้ว จากทางใต้ด้วย และโดยทั่วไปแล้วจะเป็นภายหลัง ยืมมาจากภาษาเปอร์เซียและแบบฟอร์มตอนปลาย (cf. -f-! ) และเดิมไม่ได้หมายความถึงเสื้อผ้าสตรี ... เหลือเพียง ปอนว่า / ปอนคะ ด้วยระดับภาษาที่ลดลง แต่ยังคงสว่างไสว โปรโต - ภาษาศาสตร์โบราณ (Pra-Slavic *pon'a) ไม่น้อยกว่าภาษายูเครน plakhta (pra-Slav *rlakhta, plat) การกำหนดการตัดตรงแบบโบราณในความเป็นจริง - ชิ้นส่วนของผ้าซึ่งได้รับการยืนยันทางนิรุกติศาสตร์ พุธ การเปรียบเทียบที่น่าสงสัย[ Tretyakov P.N.ชนเผ่าสลาฟตะวันออก ฉบับที่ 2 M. , 1953, p. 197]: “ข้อมูลชาติพันธุ์แสดงให้เห็นว่าใน แม่น้ำดานูบบัลแกเรียมีชุดประจำชาติของผู้หญิงแบบพิเศษ แทบไม่เคยพบเห็นในส่วนอื่น ๆ ของคาบสมุทร พบความคล้ายคลึงที่ใกล้เคียงที่สุดในชุดประจำชาติยูเครนซึ่งเป็นของ "plakhta" หรือเสื้อผ้าของชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูมิภาค Kursk และ Oryol ที่ใช้ "poneva" และผ้ากันเปื้อนชนิดพิเศษ«.

เป็นธรรมดาที่ ทุกชีวิตในมหาสมุทร เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อฉันไปถึงที่นั่น ศาสนาคริสต์ ก็จริงอยู่ว่า ศาสนาคริสต์กลายเป็นวัฒนธรรมเมือง [อิโลวาสกี ดี.ไอ.ประวัติของอาณาเขต Ryazan ม., 1858, น. 32] X ศาสนาคริสต์บน Oka ปรากฏช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ของรัสเซียบ้าง แต่การทำให้เป็นคริสต์ศาสนิกชนได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างมากจากการมีอยู่ เมือง Ryazan โบราณจำนวนมากที่รู้จักกันตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ถึง 13: พงศาวดารถูกกล่าวถึงในช่วงเวลานี้เป็นเมือง Ryazan (และหมู่บ้าน) Kolomna, Rostislavl, Sturgeon, Borisov-Glebov, Solotcha, Olgov, Opakov, Kazar, Pereyaslavl, Ryazan, Dobry Sot, Belgorod, Novy Olgov, Isady, Voino, Pronsk, Dubok, Voronezh,และตามพงศาวดารของ Nikon เมือง Ryazan ยังรวมถึง Kadom, Teshilov, Koltesk, Mtsensk, Yelets, Tula และนี่ไม่ใช่ทั้งหมด เมืองอื่น ๆ ถูกกล่าวถึงในแหล่งอื่น ๆ อีเจสลาเวตส์, แวร์เดเรฟ, ออซสค์. [สารานุกรมไรซาน. Ryazan, 1995, น. 98, 126, 183, 388]. แน่นอน แม้แต่ในสมัยโบราณ เห็นได้ชัดว่ามักจะมีหมู่บ้านมากกว่าเมืองในแง่ของคำ อีกทั้งบางส่วนก็เหี่ยวเฉาและกลายเป็นหมู่บ้านเหมือนหมู่บ้านที่มีชื่อรุ่งโรจน์ Vyshgorod บน Oka สุดท้ายก็เหมือนเดิม Ryazan (เก่า) อดีตเมืองหลวงของอาณาเขต หมู่บ้านในเมืองเหล่านี้บางแห่งถูกลืมไปโดยแท้จริงโดยประวัติศาสตร์ ไม่เคยเข้ามาในมุมมองของนักประวัติศาสตร์

นี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญพูด เกี่ยวกับสองเมืองของ Vyatichi ที่มีชื่อโบราณ Przemysl - บน Oka ในภูมิภาค Kaluga และบนแม่น้ำ Mocha ในภูมิภาคมอสโก [Nikolskaya T.N.ดินแดนแห่ง Vyatichi สู่ประวัติศาสตร์ของประชากรลุ่มน้ำอัปเปอร์และโอกะตอนกลางในศตวรรษที่ 9 - 13 ม., 1981, น. 157 ff.]. ศัพท์เฉพาะในกรณีนี้ทำให้เรากลับไป ดินแดนชายแดนรัสเซีย - โปแลนด์โบราณ ที่ยังคงรู้จักเมือง Przemysl อยู่ในโปแลนด์ เพรเซมีสล ตอนนี้อยู่ในโปแลนด์ เราจึงกลับมาที่ "เส้นทาง Vyatichi" ตามที่เราเข้าใจ

การโอนชื่อเมืองในดินแดน Ryazan ที่เกี่ยวข้องกับการย้ายถิ่นเป็นที่รู้จักกัน จากทางใต้ที่ค่อนข้างใกล้จากกลาง Dnieper, ภูมิภาคเคียฟ, ดินแดนแห่งทุ่งโล่ง . ที่นี่เรากำลังจัดการกับการซ้ำซ้อนของทั้งกลุ่ม hydronymic toponymic อย่างน้อยต้องทำซ้ำนี้ภายในเมือง Pereyaslavl Ryazansky (ปัจจุบัน Ryazan) - Pereyaslavl - Trubezh - Lybid - Danube / Dunaets, ซึ่งผู้ที่เขียนเกี่ยวกับสถานที่เหล่านี้มักกล่าวถึงอย่างสม่ำเสมอ [ Smolitskaya T.P. Hydronymy ของลุ่มน้ำ Oka (รายชื่อแม่น้ำและทะเลสาบ) ม., 1976, พาสซิม; Tikhomirov M.N.เมืองรัสเซียโบราณ เอ็ด ที่ 2 ม., 2499, น. 434]. จริงไม่ใช่ทุกอย่างจะง่ายและชัดเจนกับชื่อเหล่านี้ไม่ว่าในกรณีใดชื่อเหล่านี้ที่มีตราประทับของการเชื่อมต่อและการมาถึงที่ห่างไกลกว่า / โอนจากทางใต้ที่ไกลออกไปและ / Dunaets ชี้ผ่านดินแดนโปแลนด์และเหตุการณ์สำคัญในท้องถิ่นเช่น Dunajec สาขาของ Vistula . ตอนบน สู่แม่น้ำใหญ่ในยุโรปกลางและ วิชโกรอด ยังตรวจจับนอกเหนือจาก Kyiv, Dnieper, - ต้นแบบแม่น้ำดานูบ ค่อนข้าง ดนัย ลิบิด ดู "พจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ ... " สมาคมตะวันตกอื่น - Vislitsa อยู่ตรงกลาง Poochie

ดินแดนทางใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของ Vyatichi ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ การขยายตัวสูงสุดในยุค "มืด" ที่เขียนไว้ล่วงหน้าซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสร้างใหม่ในผลงานของ Shakhmatov และนักวิทยาศาสตร์อื่น ๆ อีกหลายคนครอบคลุมโดย แนวคิด "Priazovskaya" หรือ ซึ่งด้วยเหตุผลบางอย่างคนรุ่นต่อๆ มาทั้งหมดรีบเร่งที่จะเก็บถาวร ประเด็นไม่ใช่แค่นั้น ตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 “ทางขาด” ถูกตัดจากโอกะตามดอนสู่ทอริส [อิโลวาสกี ดี.ไอ.ประวัติของอาณาเขต Ryazan ม., 1858, น. 123]. ความจริงก็คือ พื้นที่ของภาษารัสเซียและเผ่าต่างกันจริงๆ , และ ตมุตราการอันเป็นด่านหน้าแดนใต้อันไกลโพ้น อย่างเป็นกลาง เป็นพยานถึงสิ่งนี้ . บนเส้นทางนี้เท่านั้นที่เรายังคงอยู่อาจจะตามทันและเข้าใจอะไรมากมายรวมทั้ง และแทนที่จะเป็นนี้ประวัติศาสตร์ก็มีแต่เนื้อหากับความเป็นจริงเท่านั้น ทุ่งป่า และพยายามหลีกเลี่ยงการสร้างใหม่แม้ที่ชัดเจนที่สุด

จากสมัยโบราณเร็วกว่าศตวรรษที่ 10 มาก เชื่อมถึงกันเป็นอันดับแรก Vyatka, Ryazan Rus และ Russian Tmutarakan บนคาบสมุทร Taman เรียกที่นี่ว่าเหรียญ Bosporus ของศตวรรษที่ 3 - 4 น. อี ในการขุดค้นทางโบราณคดี ณ บริเวณ Old Ryazanนอกจากนี้บางทีเอกลักษณ์ของการติดตามความหมายที่จัดตั้งขึ้นระหว่างชื่อรัสเซียโบราณของเมือง Slavyansk-on-Kuban - โคปิล เห็นได้ชัดว่าความหมายไม่เพียงเท่านั้น "สนับสนุน" แต่ยัง "งอก" และคืนได้ อินโด-อารยัน (Sindo-Meotian) ชื่อสถานที่ใกล้เคียงกัน - * utkanda, - "กระบวนการ" , วาทศิลป์มากในสายตาของฉัน. [ Trubachev O.N. Indoarica ในภูมิภาคทะเลดำตอนเหนือ การสร้างพระธาตุทางภาษาขึ้นใหม่ พจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ ม., 1999, น. 286].
จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้รวมถึงความสดใสนี้ในความคิดของฉันตัวอย่าง " อินโด-อารยันรุ่งโรจน์ในฟาร์มบาน" , มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงการผูกมัดที่ชัดเจนของ . อื่น Vyatka-Ryazan ความขัดแย้ง เช่นเดียวกับในเวทีอันรุ่งโรจน์ การเติบโตของดินแดนรัสเซียทางตะวันออกเฉียงใต้ (“โอ้ ดินแดนรัสเซีย คุณอยู่ข้างหลัง Shelomzhnem แล้ว!” - “... เกินช่องแคบ "," The Tale of Igor's Campaign") และในขั้นตอนของการสูญเสียอันขมขื่นที่ตามมาเรียก " มองหาเมืองแห่งความมืด «.

รัสเซียจำสิ่งนี้ได้ การเชื่อมต่อระหว่าง Ryazan และ Tmutarakan [อิโลวาสกี ดี.ไอ.ประวัติของอาณาเขต Ryazan ม., 1858, น. สิบสี่; Tatishchev V.N.ประวัติศาสตร์รัสเซีย T.I.M.-L., 1962, p. 249] และยิ่งไปกว่านั้น ชัดเจนมาก: "ทมุโทโรกัน ... ตอนนี้เรซานพราวินท์ซี่" . แน่นอนด้วยตัวเลือก: Tmutarakan - เมือง Chernihiv [Tikhomirov M.N.เมืองรัสเซียโบราณ เอ็ด ที่ 2 ม., 2499, น. 351]. แน่นอนว่าเราต้องไม่ลืมการมีส่วนร่วมทั้งหมดนี้ ดินแดนเซเวอร์สกี้ แม้ว่าจะไม่ได้มีระดับอธิปไตยเท่ากันก็ตาม

กลับมาที่ประวัติศาสตร์วัฒนธรรม เราสังเกต แม้จะเป็นเพียงสิ่งเดียวแต่ก็น่าสงสัย การทำซ้ำของความขัดแย้ง Vyatichi-Ryazan คือการไม่มีการเขียนต่อหน้าคนระดับรากหญ้าตอนต้นและการรู้หนังสือในชีวิตประจำวันอีกครั้งใน Tmutarakan, เครื่องเขียนโบราณเพียงชิ้นเดียวนี้มาจากไหน? จารึกบนหินแห่งศตวรรษที่ 11 ที่ Prince Gleb วัดทะเล "บนน้ำแข็งจาก Tmutorokan ถึง Korchev" (Kerch) ... อนุสาวรีย์ epigraphic นี้กระตุ้นให้เกิดการอภิปรายรอบตัวเองเกี่ยวกับความถูกต้อง แต่ก็คุ้มค่าที่จะฟังความคิดเห็น: "จากมุมมองของภาษา (จารึก - O.T.) นั้นไร้ที่ติ"

สมบัติในหมู่บ้าน Oka ที่มีชื่อโบราณว่า Vyshgorod บรรจุพร้อมกับเครื่องมือทางการเกษตรเหล็กด้วย เขียนจดหมาย [Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 196]. เหล่านี้ เขียน หรือรูปแบบต่างๆ ถูกนำมาใช้เพื่อประยุกต์ใช้จารึกต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นของใช้ในครัวเรือน เห็นได้ชัดว่าเรามีสิ่งที่เรียกว่าการผลิตก่อนต้นฉบับ [ โทรทัศน์ Rozhdestvenskayaอนุเสาวรีย์มหากาพย์ของรัสเซียโบราณ X – ศตวรรษที่ 15 อ. …เอกสาร ฟิล น. SPb., 1994, p. เก้า]. แต่เท่านั้น การเขียนดังกล่าวของดินแดน Ryazan เป็นสิ่งเดียวที่มาถึงเรา เครื่องหมายทั้งการรู้หนังสือและวัฒนธรรมเมือง [ Tikhomirov M.N.เมืองรัสเซียโบราณ เอ็ด ที่ 2 ม., 2499, น. 85, 263] และ - ด้วยความขาดแคลนทั้งหมด - สถานะของภาษาท้องถิ่นที่มีชีวิตไม่ใช่งานวรรณกรรมแปล

กราฟิตี Ryazan มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 11-13 เป็นหลัก [Darkevich V.P.การเดินทางสู่โบราณ Ryazan บันทึกของนักโบราณคดี. Ryazan, 1993, หน้า 138. อยากรู้เป็นหลักฐาน การรู้หนังสือของผู้หญิง มีและจารึกโบราณอีกมากมายเช่นบน วง - น้ำหนักติดตั้งบนแกนหมุนเพื่อให้มีเสถียรภาพและความสม่ำเสมอของการหมุน พบโดยนักโบราณคดี Ryazan V.I. Zubkov ในปี 1958: PRYASLN PARASIN "Spinner Parasin" ใน XI - จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่สิบสอง [Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 156 – 157].

แน่นอนว่านี่หมายความว่านอกจาก เจ้าของการรู้หนังสือ , ประชากรในเมือง มิฉะนั้น จารึกก็หมดความหมายเช่นกัน การรู้หนังสือของผู้ผลิตช่างฝีมือ มีอยู่แล้วในวรรณคดี หลักฐานการรู้หนังสือในศตวรรษที่ 11-12 ในจารึก “มีเจ้าชาย”, “หนุ่ม” แม้แต่วลี: " ไวน์ใหม่ Dobrilo ส่งถึงเจ้าชาย Bohunka "และมีข้อความแปลก ๆ เกิดขึ้นว่าสิ่งนี้ - ก่อนมองโกเลีย - การรู้หนังสือของประชากร Ryazan เกินการรู้หนังสือในภายหลัง [Medintseva A.A. Epigraphic ค้นพบจาก Old Ryazan // โบราณวัตถุของชาวสลาฟและรัสเซีย สะสมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ไรบาคอฟ. ม., 1988, น. 248, 255].

จารึกบันทึกชื่อบุคคล: "Orina" – เหรียญ พบใน Staraya RyazanTikhomirov M.N. เมืองรัสเซียโบราณ เอ็ด ที่ 2 ม., 2499, น. 427., มาโกซิมอฟ , จารึกบนแม่พิมพ์หล่อใน Serensk ในกรณีหลังรูปแบบแสดงความเป็นเจ้าของ “แม็กซิมอฟ” (sc. lie. "lyachek"?) โดยลงท้ายด้วยสระที่อยากรู้อยากเห็น น. หน่วย h.m.r. ซึ่งมักพบในโนฟโกรอดทางตะวันตกเฉียงเหนือ มันยังคงที่จะเพิ่มเหมือนเดิม วงกลมมาก หัวข้อทั่วไปสำหรับการจารึก "มีในภูมิภาค Ryazan จนถึงทุกวันนี้"[ Mongait A.L.ที่ดินรยาซาน ม., 2504, น. 296].

เมือง Ryazan ถูกกล่าวถึงครั้งแรกในปี 1096 ครึ่งศตวรรษก่อนมอสโก กล่าวถึงไม่ได้ก่อตั้ง เราจะยังคงจำความเป็นผู้นำในครึ่งศตวรรษนี้ได้ในภายหลัง เมื่อเราถามตัวเองว่า โดยใครหรือบนดินที่มอสโกก่อตั้งขึ้น เมื่อพูดถึงรากฐานของเมือง Ryazan ทุกคนเต็มใจเริ่มระลึกถึงนิรุกติศาสตร์ของชื่อ - นักประวัติศาสตร์ นักโบราณคดี บางทีอาจจะเต็มใจมากกว่าคนอื่นๆ ดังนั้นเวลานี้ ยกเว้นการบรรจบกันของชื่อมือสมัครเล่นอย่างตรงไปตรงมา Ryazan พร้อมหน้าปัด cassock - "สถานที่รกร้าง" ซึ่งเป็นระดับประถมศึกษา ไม่เข้ากับที่นี่ เป็นหลักเพราะ ไรซาน ทั้งเก่าและใหม่ Pereyaslavl Ryazan ในสมัยโบราณถูกวางไว้ ทางด้านขวามือ ริมฝั่งภูเขาของโอกะ การตีความที่เป็นที่นิยมและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายจาก Mordovian Erzyan "Erzyan", "Erzya" - "Mordovian" [Nikonov V.A.พจนานุกรมชื่อย่อ ม., 1966, น. 362] แต่มัน สงสัย , โดยทั่วไปประดิษฐ์เฉพาะกิจ. [ ฟาสเมอร์ เอ็มพจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ของภาษารัสเซียในสี่เล่ม แปลจากภาษาเยอรมันและเพิ่มเติมโดย O.N. ทรูบาชอฟ เอ็ด ประการที่ 3 โปรเฟสเซอร์ ต.สาม. SPb., 1996, น. 537]

เริ่มต้นด้วยการชี้แจง รูปแบบเดิมของชื่อ และเช่นนั้น - ซึ่งวิเศษมาก! - เป็นแบบ ผู้ชาย: ถึง Rezan [อิโลวาสกี ดี.ไอ.ประวัติของอาณาเขต Ryazan ม., 1858, น. 23]. จากนั้นทุกอย่างก็เรียงแถวกันอย่างสมเหตุสมผล: เรซาน – คำคุณศัพท์แสดงความเป็นเจ้าของใน -jb จาก l ชื่อบุคคล เรซาน นั่นคือ "ของบุคคลที่ชื่อเรซาน" เพศชายของรูปแบบที่เก่าแก่ที่สุดของชื่อเมืองเป็นที่เข้าใจในแง่ของข้อตกลงกับเมือง: ทวินาม Rezan (เมือง) คือ "เมืองเรซานอฟ" อู๋ สังเกตความเป็นจริงของชื่อบุคคล เรซาน รู้จักกันตั้งแต่ 1495 . [Tupikov N.M.พจนานุกรมชื่อเฉพาะส่วนบุคคลของรัสเซียโบราณ// หมายเหตุของภาควิชาโบราณคดีรัสเซียและสลาฟ สมาคมโบราณคดีรัสเซีย. ที. วี. สภ., 1903, น. 402; Veselovsky S.B. Onomastics ชื่อเล่นและนามสกุลรัสเซียเก่า ม., 1974, น. 267: Rezanovs, Rezaniy ศตวรรษที่ 16]

โดยวิธีการ นามสกุล Ryazanov (e> i จากความเครียดในสภาพแวดล้อมจามรี แต่ความสัมพันธ์โดยตรงกับ Ryazan นั้นไม่ถูกต้อง) อย่างไรก็ตาม แบบฟอร์มใน -е– ถูกเก็บไว้ค่อนข้างนาน cf เรซนา 1496 .[Unbegaun บี.โอ.นามสกุลรัสเซีย ม., 1989, น. 113]. สำหรับคำถามที่เป็นธรรมชาติ อะไรคือส่วนตัวเบื้องต้นนี้ ชื่อเรซาน , คำตอบโดยทั่วไปนั้นชัดเจน: กริยาแบบพาสซีฟแบบสั้น นั่นคือ "ตัด" จึงสามารถโทรหรือโทร .ได้ ลูก "แกะจากท้องแม่ «[ ฟาสเมอร์ เอ็มพจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ของภาษารัสเซียใน 4 เล่ม แปลจากภาษาเยอรมันและเพิ่มเติมโดย O.N. ทรูบาชอฟ เอ็ด ฉบับที่ 3 III. SPb., 1996, น. 537]. ภายนอกไม่มีเกียรติ ชื่อเล่นนี้บางครั้งอาจถูกสวมใส่โดยคนที่โดดเด่น สมมุติว่ามีบ้าง Rezan . ผู้นำ Vyatich ต่อมาจึงได้ชื่อว่า * เมืองเรซาน ทำให้เราทำเช่นนี้ได้ไม่มากไปกว่าการเปรียบเทียบกับกรุงคอนสแตนติโนเปิลสำหรับกษัตริย์ของเราเสร็จสมบูรณ์ ซีซาร์ - จาก lat. ซีซาร์, ที่ได้มาจาก caedo - "ตัด", "สับ" จากที่ซีซาร์ตามตัวอักษร - "ลูกครึ่ง", "แกะสลักจากครรภ์มารดา" มีชื่อเสียง ไกอัส จูเลียส ซีซาร์ เกิดมาในลักษณะหัตถการเช่นนั้น” การผ่าตัดคลอด, ยกย่องภายหลังชื่อเล่นของเขา นิรุกติศาสตร์นามธรรมของเรามีประโยชน์เช่นกันเพราะมันแสดงให้เห็น: ชื่อเมือง Ryazan ไม่สามารถซ่อน "ที่ดินที่ถูกตัดขาด" ได้ [สารานุกรมไรซาน. Ryazan, 1995, น. 511].

มันสมเหตุสมผลที่จะทำการเปรียบเทียบให้สมบูรณ์ สองเมือง: Ryazan - มอสโก เพราะเราดูเหมือน เมื่อพูดถึงมอสโก เรายังคงอยู่ในดินแดนไวอาติชีอย่างถูกกฎหมาย

ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคำถามที่เราสนใจนั้น เราไม่สามารถสนใจการมีอยู่ของลิ่มกว้างๆ ที่นักโบราณคดีค้นพบ Vyatichi XI - ศตวรรษที่สิบสามจับภาพจากทางใต้ทั้งหมด "ภูมิภาคใกล้มอสโก" และมอสโก [Voitenko A.F.แผนที่คำศัพท์ของภูมิภาคมอสโก ม., 1991, น. 61]. พบหลุมฝังศพ Vyatichi รอบมอสโกและภายในขอบเขต สิ่งที่ระบุไว้เริ่มต้นจาก Artsikhovsky [ Nasonov A.N."ดินแดนรัสเซีย" และการก่อตัวของดินแดนของรัฐรัสเซียโบราณ การวิจัยทางประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ ม., 2494, น. 186].

พื้นที่หนาแน่นที่สุด การค้นพบวงแหวนชั่วคราวเจ็ดแฉกของ Vyatka ไม่ได้อยู่ใน Poochie แต่อยู่ในภูมิภาคมอสโก [เซดอฟ V.V.ชาวสลาฟตะวันออกในศตวรรษที่ VI - XIII ม., 1982, น. 144 - 145]. นอกจากนี้เมื่อ V.V. เซดอฟเชื่อว่า มอสโกก่อตั้งและมีประชากรจาก Rostov และ Suzdal , [เซดอฟ V.V.คนรัสเซียโบราณ การวิจัยทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี ม., 1999, น. 238 - 239] เห็นได้ชัดว่าเขาดูถูกคนที่มีชื่อเสียงแน่นอนและสำหรับเขา Lyash-Vyatichi toponymic identities , อ้างอิง Tula - Tul, Vshizh - Uściąz, Kolomna - Kolomyia [บาง จดหมายโต้ตอบของ Vyatich-Czech ของภูมิภาคมอสโกและ Poochie - ชื่อพงศาวดารของผู้อาวุโสเผ่า Vyatich Hodopsh ด้วยสมาคมสลาฟตะวันตกที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว โฮดูตา* เป็นส่วนหนึ่งของนามสกุล รอง Hodoutinich ในกฎบัตรไม้เบิร์ช-เปลือกไม้ของศตวรรษที่ 12]

สว่างและสมบูรณ์ที่สุดคือ Lyashsko-Vyatichi เอกลักษณ์ Moskiew (ในภาษาโปแลนด์ Mazowsze) = มอสโก สมาชิกทั้งฝ่ายโปแลนด์และรัสเซีย ขึ้นเป็นประจำ จนถึงภาษาสลาฟดั้งเดิมแบบยาวและยาว *mosky สกุล น. *moskave และในเวลาเดียวกันนิรุกติศาสตร์จากชาวสลาฟก็ชัดเจน * มอส - "เปียก", "ดิบ “[พจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ของภาษาสลาฟ เล่มที่ 20, M. , 1994, p. 20; Trubachev O.N.มรดกศัพท์ภาษาสลาฟโปรโตและคำศัพท์ภาษารัสเซียโบราณของยุคก่อนรู้หนังสือ]

ดังนั้น ดูเหมือนว่าเป็นไปได้ที่จะสรุปผลลัพธ์บางอย่างในการอภิปรายที่ยาวนานเกี่ยวกับที่มาของชื่อเมืองหลวงของเรา ให้แม่นยำยิ่งขึ้น แน่นอน ในอดีตแต่เดิม - ชื่อของแม่น้ำมอสโก และการสร้างสายสัมพันธ์กับ suomi-fin Masku หรือวัสดุบอลติก ("บอลติกของภูมิภาคมอสโก") ยังคงด้อยกว่าในแง่ของความน่าจะเป็น ความลึกของการสร้างใหม่และภูมิหลังทางวัฒนธรรมทั้งหมดที่กล่าวถึงข้างต้นเพื่อเอกลักษณ์ของ Moskiew = มอสโก รัสเซียอื่นๆ มอสโก, ไวน์ น. หน่วย ชม.[ ฟาสเมอร์ เอ็มพจนานุกรมนิรุกติศาสตร์ของภาษารัสเซียใน 4 เล่ม แปลจากภาษาเยอรมันและเพิ่มเติมโดย O.N. ทรูบาชอฟ เอ็ด เล่มที่ 3 เล่ม 2 SPb., 1996, น. 660].

ไม่มีใครจำชายชรา Tatishchev และความเข้าใจทั้งหมดของเขาได้อย่างไร: “ แต่ฉันเข้าใจถูกต้องมากขึ้นว่าเป็นชื่อของแม่น้ำมอสโก - ซาร์มาเทียน - บึงเพราะมีหนองน้ำมากมายที่ด้านบน ... " [Tatishchev V.N.ประวัติศาสตร์รัสเซีย T.I.M.-L., 1962, p. 314] ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างเป็นความจริงและยุติธรรมและยิ่งกว่านั้น - ไม่เพียง แต่ "ที่ด้านบน" เท่านั้น อย่างน้อยก็จำคนดัง " แอ่งน้ำ Moskvoretskaya " และบ่อยครั้ง มอสโกน้ำท่วมในสมัยก่อน และในที่สุด ความจริงที่ว่ามอสโกและภูมิภาคมอสโกทั้งหมดตั้งอยู่บนดินเหนียว ... นั่นคือทั้งหมดที่เกี่ยวกับมอสโกตอนนี้เราเพิ่มเท่านั้นจำได้ว่า เคยเขียนเกี่ยวกับRyazan อันไหนของทั้งสอง เมืองหลวง Vyatka , ในที่ที่มีโคลนมากที่สุดคือ มอสโก .

บทนำ

1. ต้นกำเนิดของ Vyatichi

2. ชีวิตและประเพณี

3. ศาสนา

4. สุสาน Vyatichi

5. Vyatichi ในศตวรรษที่ X

6. Vyatichi อิสระ (ศตวรรษที่สิบเอ็ด)

7. Vyatichi สูญเสียอิสรภาพ (ศตวรรษที่สิบสอง)

บทสรุป

บรรณานุกรม

บทนำ

ผู้คนกลุ่มแรกในต้นน้ำลำธารของดอนปรากฏตัวขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อนในยุคของ Upper Paleolithic นักล่าที่อาศัยอยู่ที่นี่รู้วิธีทำไม่เพียงแค่เครื่องมือเท่านั้น แต่ยังมีรูปแกะสลักหินที่แกะสลักอย่างน่าอัศจรรย์ซึ่งยกย่องช่างแกะสลักยุคหินเพลิโอลิธิกของภูมิภาคดอนตอนบน เป็นเวลาหลายพันปีที่ผู้คนต่าง ๆ อาศัยอยู่บนดินแดนของเรา ซึ่งในจำนวนนั้นคือชาวอลัน ซึ่งตั้งชื่อให้ว่าแม่น้ำดอน ซึ่งแปลว่า "แม่น้ำ" ในการแปล; พื้นที่กว้างใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าฟินแลนด์ ซึ่งทิ้งชื่อทางภูมิศาสตร์ไว้มากมายไว้เป็นมรดก เช่น แม่น้ำโอก้า โพรตวา มอสโก และซิลวา

ในศตวรรษที่ 5 การอพยพของชาวสลาฟไปยังดินแดนยุโรปตะวันออกเริ่มต้นขึ้น ในศตวรรษที่ VIII-IX ในช่วงระหว่างแม่น้ำโวลก้าและโอก้าและดอนตอนบน พันธมิตรของชนเผ่าที่นำโดยผู้เฒ่า Vyatko มา ตามชื่อของเขา คนเหล่านี้เริ่มถูกเรียกว่า "Vyatichi"

1. ที่มาของ vyatและของใคร

Vyatichi มาจากไหน? The Tale of Bygone Years เกี่ยวกับต้นกำเนิดของ Vyatichi กล่าวว่า: "... Radimich Bo และ Vyatichi จากชาวโปแลนด์ มีน้องสาวสองคนในสาว Radim และอีกคนหนึ่ง Vyatko และ Radim มาที่ Sezha และถูกเรียกว่า Radimichi และ Vyatko นั่งกับครอบครัวของเขาหลังจากพ่อซึ่งเขาถูกเรียกว่า Vyatichi

พงศาวดารที่กล่าวถึง "จากชาวโปแลนด์" ทำให้เกิดวรรณกรรมที่กว้างขวางซึ่งในอีกด้านหนึ่งความเป็นไปได้ของแหล่งกำเนิดโปแลนด์ ("จากชาวโปแลนด์") ของ Vyatichi (ต้นกำเนิดของโปแลนด์ส่วนใหญ่) ได้รับการพิสูจน์แล้วและในทางกลับกัน ความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าเรากำลังพูดถึงทิศทางทั่วไปของความก้าวหน้าของ Vyatichi นั่นคือจากทางทิศตะวันตก

การวิเคราะห์โบราณวัตถุ Vyatichi ระหว่างการขุดพบว่าวัตถุเหล่านี้อยู่ใกล้กับหลักฐานทางโบราณคดีของ Dniester ตอนบน ซึ่งหมายความว่า Vyatichi น่าจะมาจากที่นั่นมากที่สุด พวกเขามาโดยไม่มีลักษณะเฉพาะใด ๆ และมีเพียงชีวิตที่โดดเดี่ยวในต้นน้ำลำธารของ Oka และการผสมพันธุ์กับ Balts "ชายขอบ" - ก้าน - นำไปสู่การแยกชนเผ่าของ Vyatichi

จากต้นน้ำลำธารของ Dniester ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ Slavs กลุ่มใหญ่ที่เหลือกับ Vyatichi: Radimichi ในอนาคต (นำโดย Radim) ชาวเหนือ - ตะวันตกเฉียงใต้ของ Vyatichi และกลุ่ม Slavic อีกกลุ่มหนึ่งที่ไปถึงต้นน้ำลำธารของ Don . ชาวสลาฟกลุ่มนี้ถูกแทนที่โดย Polovtsy สองศตวรรษต่อมา ชื่อของมันไม่ได้ถูกเก็บรักษาไว้ ในเอกสาร Khazar ฉบับหนึ่งมีการกล่าวถึงชนเผ่าสลาฟ "Slyuin" บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขาไปทางเหนือสู่ Ryazan และรวมเข้ากับ Vyatichi

ชื่อ "Vyatko" - หัวหน้าคนแรกของเผ่า Vyatichi - เป็นรูปแบบจิ๋วของชื่อ Vyacheslav

“Vyache” เป็นภาษารัสเซียโบราณ แปลว่า “มากกว่า”, “มากกว่า” คำนี้เป็นที่รู้จักในภาษาสลาฟตะวันตกและใต้ ดังนั้น Vyacheslav, Boleslav - "รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น"

นี่เป็นการยืนยันสมมติฐานเกี่ยวกับต้นกำเนิดทางตะวันตกของ Vyatichi และอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน: ชื่อ Boleslav แพร่หลายมากที่สุดในหมู่ชาวเช็ก สโลวัก และในโปแลนด์

2. ชีวิตและประเพณี

ชาว Vyatichi-Slavs ได้รับคำอธิบายที่ไม่ประจบประแจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ Kyiv ว่าเป็นชนเผ่าที่หยาบคาย "เหมือนสัตว์กินทุกอย่างที่ไม่สะอาด" Vyatichi เช่นเดียวกับชนเผ่าสลาฟทั้งหมดอาศัยอยู่ในระบบชนเผ่า พวกเขารู้เพียงสกุลซึ่งหมายถึงจำนวนญาติและแต่ละคน เผ่าที่ประกอบขึ้นเป็น "เผ่า" ชุมนุมชนของชนเผ่าเลือกผู้นำสำหรับตัวเอง ผู้บัญชาการกองทัพในระหว่างการหาเสียงและสงคราม เขาถูกเรียกโดยชื่อสลาฟเก่า "เจ้าชาย" พลังของเจ้าชายค่อยๆเพิ่มขึ้นและกลายเป็นกรรมพันธุ์ Vyatichi ซึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางป่าที่ไร้ขอบเขตสร้างกระท่อมไม้ซุงคล้ายกับบ้านสมัยใหม่หน้าต่างบานเล็ก ๆ ถูกตัดผ่านในนั้นซึ่งปิดอย่างแน่นหนาด้วยวาล์วในช่วงอากาศหนาว

ดินแดน Vyatichi กว้างใหญ่และมีชื่อเสียงในด้านความมั่งคั่ง สัตว์ นก และปลามากมาย พวกเขาใช้ชีวิตกึ่งล่าสัตว์กึ่งเกษตรกรรมแบบปิด หมู่บ้านเล็กๆ 5-10 ครัวเรือน เนื่องจากที่ดินทำกินหมดลง ถูกย้ายไปที่อื่นที่ป่าถูกเผา และเป็นเวลา 5-6 ปี ที่ดินให้การเก็บเกี่ยวที่ดีจนหมดสิ้น จากนั้นจึงจำเป็นต้องย้ายอีกครั้งไปยังพื้นที่ใหม่ของป่าและเริ่มใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง นอกจากการทำฟาร์มและการล่าสัตว์แล้ว ชาว Vyatichi ยังมีส่วนร่วมในการเลี้ยงผึ้งและตกปลาอีกด้วย ร่องบีเวอร์นั้นมีอยู่ในแม่น้ำและแม่น้ำทุกสาย และขนบีเวอร์ถือเป็นสินค้าการค้าที่สำคัญ Vyatichi เลี้ยงวัว, หมู, ม้า อาหารสำหรับพวกเขาถูกเคียวด้วยเคียวซึ่งมีใบมีดยาวครึ่งเมตรและกว้าง 4-5 ซม.

การขุดค้นทางโบราณคดีในดินแดน Vyatichi ได้เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านงานฝีมือมากมายของนักโลหะวิทยา, ช่างตีเหล็ก, ช่างโลหะ, ช่างอัญมณี, ช่างปั้นหม้อ, ช่างตัดหิน โลหะวิทยามีพื้นฐานมาจากวัตถุดิบในท้องถิ่น ได้แก่ หนองบึงและแร่ทุ่งหญ้า เช่นเดียวกับทุกที่ในรัสเซีย เหล็กถูกแปรรูปในโรงตีเหล็กซึ่งใช้เตาหลอมพิเศษที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 60 ซม. เครื่องประดับอยู่ในระดับสูงในหมู่ชาว Vyatichi คอลเล็กชั่นแม่พิมพ์หล่อที่พบในพื้นที่ของเราเป็นอันดับสองรองจาก Kyiv: พบแม่พิมพ์หล่อ 19 แบบในที่เดียวที่เรียกว่า Serensk ช่างฝีมือทำกำไล, แหวน, แหวนขมับ, ไม้กางเขน, พระเครื่อง, ฯลฯ.

Vyatichi ทำการค้าอย่างรวดเร็ว ความสัมพันธ์ทางการค้าก่อตั้งขึ้นกับโลกอาหรับพวกเขาไปตามแม่น้ำโอคาและโวลก้าตลอดจนไปตามดอนและไปตามแม่น้ำโวลก้าและทะเลแคสเปียน ในตอนต้นของศตวรรษที่ 11 มีการค้าขายกับยุโรปตะวันตกซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดสินค้าหัตถกรรม Denarii แทนที่เหรียญอื่น ๆ และกลายเป็นวิธีการหลักในการหมุนเวียนทางการเงิน แต่ Vyatichi ทำการค้ากับ Byzantium เป็นเวลานานที่สุด - จากศตวรรษที่ 11 ถึง 12 ซึ่งพวกเขานำขน, น้ำผึ้ง, ขี้ผึ้ง, ผลิตภัณฑ์ของ gunsmiths และ goldsmiths และในทางกลับกันก็ได้รับผ้าไหม, ลูกปัดแก้วและภาชนะ, กำไล

ตัดสินโดยแหล่งโบราณคดีการตั้งถิ่นฐานและการตั้งถิ่นฐานของ Vyatiche ในศตวรรษที่ 8-10 และ XI-XII มากยิ่งขึ้น ศตวรรษ เป็นการตั้งถิ่นฐานไม่ใช่ชุมชนชนเผ่ามากเท่ากับอาณาเขตหรือเพื่อนบ้าน การค้นพบนี้กล่าวถึงการแบ่งชั้นทรัพย์สินที่เห็นได้ชัดเจนในหมู่ผู้อยู่อาศัยในการตั้งถิ่นฐานเหล่านี้ในสมัยนั้น ความมั่งคั่งของบางคนและความยากจนของที่อยู่อาศัยและหลุมศพอื่นๆ การพัฒนางานฝีมือและการแลกเปลี่ยนทางการค้า

เป็นที่น่าสนใจว่าท่ามกลางการตั้งถิ่นฐานในท้องถิ่นในเวลานั้นไม่เพียง แต่มีการตั้งถิ่นฐานในประเภท "ในเมือง" หรือการตั้งถิ่นฐานในชนบทที่ชัดเจนเท่านั้น แต่ยังมีพื้นที่ค่อนข้างเล็กล้อมรอบด้วยป้อมปราการดินที่มีประสิทธิภาพของการตั้งถิ่นฐาน เห็นได้ชัดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นซากของที่ดินที่มีป้อมปราการของขุนนางศักดินาในท้องถิ่นในเวลานั้น นั่นคือ "ปราสาท" ดั้งเดิมของพวกเขา ในลุ่มน้ำ Upa พบที่ดินที่มีป้อมปราการคล้าย ๆ กันใกล้กับหมู่บ้าน Gorodna, Taptykovo, Ketri, Staraya Krapivenka, Novoye Selo มีดังกล่าวในที่อื่น ๆ ในภูมิภาค Tula

เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในชีวิตของประชากรในท้องถิ่นในศตวรรษที่ IX-XI บอกเราถึงพงศาวดารโบราณ ตาม "เรื่องเล่าของอดีตปี" ในศตวรรษที่ 9 Vyatichi จ่ายส่วยให้ Khazar Khaganate พวกเขายังคงเป็นอาสาสมัครของเขาในศตวรรษที่ 10 เห็นได้ชัดว่ามีการเรียกเก็บส่วยเริ่มต้นในขนสัตว์และตามบ้าน ("จากควัน") และในศตวรรษที่ 10 จำเป็นต้องใช้เงินส่วยแล้วและ "จากราล" - จากคนไถนา ดังนั้นพงศาวดารจึงเป็นเครื่องยืนยันถึงการพัฒนาเกษตรกรรมและความสัมพันธ์ระหว่างสินค้าและเงินระหว่างชาววยาติชีในขณะนั้น ตัดสินโดยข้อมูลพงศาวดารดินแดนแห่ง Vyatichi ในศตวรรษที่ VIII-XI เป็นดินแดนสลาฟตะวันออกที่สำคัญ เป็นเวลานานที่ Vyatichi ยังคงความเป็นอิสระและความโดดเดี่ยว

นักประวัติศาสตร์ Nestor บรรยายถึงมารยาทและขนบธรรมเนียมของ Vyatichi อย่างไม่ประจบประแจง:“ Radimichi, Vyatichi, ชาวเหนือมีประเพณีเดียวกัน: พวกเขาอาศัยอยู่ในป่าเหมือนสัตว์กินทุกอย่างที่ไม่สะอาดพวกเขาได้รับความอับอายต่อหน้าพ่อและลูกสะใภ้ พวกเขาไม่ได้แต่งงาน แต่มีเกมระหว่างหมู่บ้าน "มารวมกันในเกมเต้นรำและเกมปีศาจและที่นี่พวกเขาลักพาตัวภรรยาของพวกเขาซึ่งมีคนสมคบคิด มีภรรยาสองหรือสามคน เมื่อมีคนตาย พวกเขาทำครั้งแรก เลี้ยงเขา จัดขุมทรัพย์ใหญ่ (กองไฟ) แล้วจุดไฟเผาคนตายในขุมทรัพย์ แล้วเก็บกระดูกไว้ในภาชนะเล็กๆ วางไว้บนเสาข้างถนน ซึ่ง Vyatichi ทำอยู่ตอนนี้ วลีต่อไปนี้อธิบายน้ำเสียงที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เป็นมิตรของพระภิกษุสงฆ์: "Krivichi และคนนอกศาสนาอื่น ๆ ยังคงประเพณีเดียวกันโดยไม่รู้จักกฎของพระเจ้า แต่สร้างกฎสำหรับตนเอง" สิ่งนี้เขียนขึ้นไม่เกินปี ค.ศ. 1110 เมื่อออร์โธดอกซ์ได้รับการสถาปนาอย่างมั่นคงใน Kievan Rus และนักบวชด้วยความโกรธอย่างชอบธรรมประณามเพื่อนนอกรีตของพวกเขาซึ่งติดหล่มอยู่ในความเขลา อารมณ์ไม่เคยส่งผลต่อการมองเห็นตามวัตถุประสงค์ การวิจัยทางโบราณคดีกล่าวว่า Nestor กล่าวอย่างสุภาพว่าผิด เฉพาะในพื้นที่ของมอสโกในปัจจุบันเท่านั้นที่มีการสำรวจมากกว่า 70 กลุ่มของเนินทรายที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 11-13 เป็นเนินสูง 1.5-2 เมตร นักโบราณคดีพบร่องรอยของงานเลี้ยงพร้อมกับซากศพของผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก กระดูกสัตว์ กระดูกสัตว์ จานแตก มีดเหล็ก หัวเข็มขัดโลหะจากเข็มขัด หม้อดิน เศษม้า เครื่องมือ - เคียว หินเหล็กไฟ เครื่องขูด ฯลฯ d. สตรีถูกฝังในชุดเทศกาล: แหวนขมับเจ็ดแฉกสีบรอนซ์หรือเงิน สร้อยคอที่ทำจากคริสตัลและลูกปัดคาร์เนเลียน สร้อยข้อมือและแหวนต่างๆ ในการฝังศพพบซากของผ้าทั้งที่ผลิตในท้องถิ่น - ผ้าลินินและผ้าขนสัตว์และผ้าไหมที่นำมาจากตะวันออก

ซึ่งแตกต่างจากประชากรเดิม - Mordovians และ Komi - ผู้มีส่วนร่วมในการล่าสัตว์และทิ้งไว้เพื่อค้นหาสัตว์ทั่วแม่น้ำโวลก้า Vyatichi มีการพัฒนาในระดับที่สูงขึ้น พวกเขาเป็นชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า ชาว Vyatichi ส่วนใหญ่ไม่ได้ตั้งรกรากอยู่ในนิคม แต่ในทุ่งโล่งขอบป่าซึ่งมีที่ดินเหมาะสำหรับการทำการเกษตร ที่นี่ใกล้กับที่ดินทำกินชาวสลาฟตั้งรกราก ประการแรก มีการสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราว - กระท่อมที่สร้างจากกิ่งไม้ที่พันกัน และหลังจากการเก็บเกี่ยวครั้งแรก - กระท่อมที่มีกรงสำหรับเลี้ยงนก อาคารเหล่านี้แทบไม่แตกต่างจากที่เราเห็นในหมู่บ้านของภูมิภาคโวลก้าตอนบน ยกเว้นว่าหน้าต่างมีขนาดเล็กมาก ปกคลุมด้วยกระเพาะวัว และเตาที่ไม่มีปล่องไฟก็ได้รับความร้อนเป็นสีดำ เพื่อให้ผนังและเพดานปกคลุมด้วยเขม่าตลอดเวลา จากนั้นก็มียุ้งฉางสำหรับวัว ยุ้งฉาง ยุ้งฉาง และลานนวดข้าว ถัดจากที่ดินชาวนาแห่งแรก - "ซ่อมแซม" มีที่ดินใกล้เคียง ตามกฎแล้วเจ้าของของพวกเขาเป็นลูกชายที่โตแล้วของเจ้าของ "pochinka" และญาติสนิทอื่น ๆ นี่คือวิธีการสร้างหมู่บ้าน (จากคำว่า "นั่งลง") เมื่อพื้นที่ทำกินมีไม่เพียงพอพื้นที่ป่าก็เริ่มถูกโค่นลง หมู่บ้านเกิดขึ้นในสถานที่เหล่านี้ (จากคำว่า "ต้นไม้") บรรดา Vyatichi ที่ประกอบอาชีพหัตถกรรมและการค้าได้ตั้งรกรากอยู่ในเมืองที่เกิดขึ้นตามกฎบนเว็บไซต์ของการตั้งถิ่นฐานเก่าเท่านั้นแทนที่จะเป็นค่ายทหารยาวในอดีตอาคารคฤหาสน์ถูก สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองไม่ได้หยุดทำการเกษตร พวกเขาทำสวนผัก สวนผลไม้ เลี้ยงปศุสัตว์ Vyatichi เหล่านั้นซึ่งอาศัยอยู่ในอาณานิคมขนาดใหญ่ในเมืองหลวงของ Khazar Khaganate - Itil ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งทั้งสองของแม่น้ำโวลก้าที่ปากทางยังคงรักการดูแลบ้านในชนบท นี่คือสิ่งที่นักเดินทางชาวอาหรับ Ibn Fadlan ผู้เยี่ยมชมแม่น้ำโวลก้าในช่วงไตรมาสแรกของศตวรรษที่ 10 เขียนว่า: “ไม่มีหมู่บ้านใดในบริเวณใกล้เคียงของ Itil แต่ถึงกระนั้น ดินแดนนี้ก็ถูกปกคลุมไปด้วยพาราซัง 20 ตัว (ชาวเปอร์เซีย) วัดความยาวหนึ่ง Parasang ประมาณ 4 กิโลเมตร - D. E. ) - ไร่นา ในฤดูร้อนชาวอิตาลีจะไปเก็บเกี่ยวขนมปังซึ่งพวกเขาขนส่งไปยังเมืองทางบกหรือทางน้ำ Ibn Fadlan ยังทิ้งคำอธิบายภายนอกของชาว Slavs ไว้ด้วย: "ฉันไม่เคยเห็นคนที่สูงเช่นนี้มาก่อน พวกเขาสูงเหมือนต้นปาล์มและแดงก่ำอยู่เสมอ" ชาวสลาฟจำนวนมากในเมืองหลวงของ Khazar Khaganate ได้ให้เหตุผลแก่นักเขียนชาวอาหรับอีกคนหนึ่งเพื่อยืนยัน: "มีชนเผ่า Khazar สองเผ่า: Kara Khazars หนึ่งหรือ Khazars สีดำมีผิวคล้ำและดำเกือบเหมือนชาวอินเดียคนอื่น ๆ มีสีขาวมีความสวยงาม คุณสมบัติ." และเพิ่มเติม: "มีผู้พิพากษาเจ็ดคนใน Itil สองคนเป็นโมฮัมเหม็ดและตัดสินสิ่งต่าง ๆ ตามกฎหมายของพวกเขาเอง สองคนคือคาซาร์และผู้พิพากษาตามกฎหมายของชาวยิว สองคนเป็นคริสเตียนและผู้พิพากษาตามข่าวประเสริฐ และในที่สุด คนที่เจ็ดสำหรับชาวสลาฟ รัสเซีย และคนนอกศาสนาอื่น ๆ พวกเขาตัดสินด้วยเหตุผล "ชาว Vyatichi Slavs ที่อาศัยอยู่ในบริเวณตอนล่างของแม่น้ำโวลก้าและลุ่มน้ำ Oka พวกเขามีส่วนร่วมไม่เพียง โดย Vyatichi พ่อค้าจาก Kyiv ไปถึงต้นน้ำลำธารของ Dnieper จากที่นั่นพวกเขาถูกลากข้ามไปยังแม่น้ำมอสโกและลอยไปตามแม่น้ำไปยังปาก Yauza ที่ Rossiya Hotel ยืนอยู่ในวันนี้มีท่าเรือ แขกของ Novgorod ทำเส้นทางเดียวกันกับมอสโกไปถึงต้นน้ำลำธารของ Dnieper จากทางเหนือตามทะเลสาบ Ipmen และแม่น้ำ Lovat ลากไปที่ Klyazma แล้วแล่นไปตามนั้นจนกระทั่งจุดบรรจบของ Oka สู่แม่น้ำโวลก้าเรือสลาฟถึงไม่เพียง อาณาจักรบัลแกเรีย แต่ยังรวมถึงอิติล ไกลออกไป - ขึ้นทางใต้ ชายฝั่งแคสเปียน เส้นทางการค้าลงไปตามแม่น้ำ Moskva ทางทิศใต้สู่ Oka ไปยังดินแดน Ryazan ไกลออกไปที่ Don และต่ำกว่า - ไปยังเมืองทางใต้อันอุดมสมบูรณ์ของภูมิภาคทะเลดำ - Sudak และ Surozh เส้นทางการค้าอีกเส้นทางหนึ่งวิ่งผ่านมอสโก จากเชอร์นิกอฟถึงรอสตอฟ นอกจากนี้ยังมีถนนแผ่นดินจากทางตะวันออกเฉียงใต้ถึงโนฟโกรอด มันเคลื่อนตัวข้ามแม่น้ำมอสโกในบริเวณสะพาน Bolshoy Kamenny ปัจจุบันใต้เนินเขา Borovitsky ที่สี่แยกของเส้นทางการค้าเหล่านี้ในพื้นที่ของเครมลินในอนาคตตลาดเกิดขึ้น - คล้ายกับที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโวลก้าห่างจากบัลแกเรียสิบห้ากิโลเมตร ดังที่เราเห็น คำกล่าวของ Nestor เกี่ยวกับความป่าเถื่อนของ Vyatichi นั้นไม่เป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้น หลักฐานอื่นๆ ของเขายังเป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งว่า Vyatichi เป็นหนึ่งในชนเผ่าที่แยกตัวออกจากชาวโปแลนด์และเดินทางมายังลุ่มแม่น้ำมอสโกจากทางตะวันตก

3. ศาสนา

ในศตวรรษที่ 10 ศาสนาคริสต์เริ่มรุกเข้าสู่ดินแดนไวอาติชี ชาววยาติชีต่อต้านการยอมรับศาสนาคริสต์นานกว่าชนเผ่าสลาฟอื่นๆ จริงอยู่ ไม่มีการบังคับบัพติศมา แต่เราสามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยจากพิธีกรรมนอกรีต (การเผาคนตาย) เป็นพิธีกรรมคริสเตียน (การฝังศพ) แน่นอน ด้วยขั้นตอนกลางหลายขั้น กระบวนการนี้ในดินแดน Vyatichi ทางตอนเหนือสิ้นสุดลงในช่วงกลางศตวรรษที่สิบสี่เท่านั้น

Vyatichi เป็นคนนอกศาสนา หากใน Kievan Rus เทพเจ้าหลักคือ Perun - เทพเจ้าแห่งท้องฟ้าที่มีพายุจากนั้นในบรรดา Vyatichi - Stribog ("เทพเจ้าเก่า") ผู้สร้างจักรวาล, โลก, เทพเจ้าทั้งหมด, ผู้คน, พืชและสัตว์ เขาเป็นคนที่ให้แหนบช่างตีเหล็กสอนวิธีหลอมทองแดงและเหล็กแก่พวกเขาและยังกำหนดกฎข้อแรกอีกด้วย นอกจากนี้ พวกเขายังบูชายาริลา เทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ ซึ่งเดินทางข้ามฟากฟ้าด้วยรถม้าวิเศษที่ควบคุมโดยม้าขาวขนทองสี่ตัวที่มีปีกสีทอง วันที่ 23 มิถุนายนของทุกปี มีการเฉลิมฉลองวันหยุดของ Kupala เทพเจ้าแห่งผลไม้ทางโลกเมื่อดวงอาทิตย์ให้กำลังสูงสุดแก่พืชและสมุนไพร Vyatichi เชื่อว่าในคืน Kupala ต้นไม้จะย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งและพูดคุยกันด้วยเสียงของกิ่งก้านและใครก็ตามที่มีเฟิร์นอยู่กับเขาสามารถเข้าใจภาษาของการสร้างแต่ละครั้ง Lel เทพเจ้าแห่งความรักซึ่งปรากฏตัวในโลกทุกฤดูใบไม้ผลิเป็นที่เคารพนับถือโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนหนุ่มสาวเพื่อปลดล็อกลำไส้ของโลกด้วยกุญแจดอกของเขาสำหรับการเจริญเติบโตที่รุนแรงของหญ้าพุ่มไม้และต้นไม้เพื่อชัยชนะของ พลังแห่งความรักที่พิชิตได้ทั้งหมด เทพธิดาลดาผู้อุปถัมภ์การแต่งงานและครอบครัวร้องโดยชาว Vyatichi

นอกจากนี้ Vyatichi ยังบูชาพลังแห่งธรรมชาติ ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อในเรื่องก็อบลิน - เจ้าของป่าซึ่งเป็นสัตว์ป่าที่สูงกว่าต้นไม้สูงใด ๆ ก็อบลินพยายามจะเคาะคนออกจากถนนในป่า นำเขาเข้าไปในหนองน้ำที่ยากจะเข้าถึง สลัม และทำลายเขาที่นั่น ที่ก้นแม่น้ำ ทะเลสาบ ในอ่างน้ำวน มีคนน้ำอาศัยอยู่ - ชายชราตัวเปล่า มีขนดก เจ้าของน้ำและหนองน้ำ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพวกเขา เขาเป็นเจ้าแห่งนางเงือก นางเงือกเป็นวิญญาณของหญิงสาวที่จมน้ำ สัตว์ร้าย ออกมาจากน้ำที่พวกเขาอาศัยอยู่ในคืนเดือนหงาย พวกเขาพยายามล่อคนลงไปในน้ำด้วยการร้องเพลงและเสน่ห์และจั๊กจี้เขาจนตาย บราวนี่ - เจ้าของหลักของบ้าน - ได้รับความเคารพอย่างสูง นี่คือชายชราตัวเล็ก ๆ ที่ดูเหมือนเจ้าของบ้าน มีขนดกเต็มไปหมด เป็นตัวปัญหาชั่วนิรันดร์ มักจะอารมณ์บูดบึ้ง แต่ลึกๆ แล้วใจดีและห่วงใย ในมุมมองของ Vyatichi ซานตาคลอสเป็นชายชราที่ไม่น่าดูและเป็นอันตราย ผู้สั่นเคราสีเทาของเขาและทำให้เกิดน้ำค้างแข็งอันขมขื่น เด็ก ๆ กลัวซานตาคลอส แต่ในศตวรรษที่ 19 เขากลายเป็นสัตว์ใจดีที่นำของขวัญสำหรับปีใหม่ร่วมกับ Snow Maiden

4. หลุมฝังศพ Vyatichi

บนดินแดน Tula เช่นเดียวกับในภูมิภาคใกล้เคียง - Oryol, Kaluga, มอสโก, Ryazan - รู้จักกลุ่มกองและในบางกรณีตรวจสอบ - ซากของสุสานนอกรีตของ Vyatichi โบราณ เนินดินใกล้หมู่บ้านศพัทยาและส. เขต Dobrogo Suvorovsky ใกล้หมู่บ้าน Triznovo เขต Shchekino

ในระหว่างการขุดค้น พบซากศพหลายครั้งหลายครั้ง ในบางกรณีจะวางในโกศดินเผา ในกรณีอื่นๆ จะวางซ้อนกันบนพื้นที่โล่งที่มีคูน้ำเป็นรูปวงแหวน ในเนินดินหลายแห่ง พบห้องฝังศพ - กระท่อมไม้ซุงที่มีพื้นไม้กระดานและแขนขาที่แยกจากกัน ทางเข้าสู่อาณาเขตดังกล่าว - หลุมฝังศพส่วนรวม - ปูด้วยหินหรือกระดานและสามารถเปิดได้สำหรับการฝังศพในภายหลัง ในหลุมฝังศพอื่น ๆ รวมทั้งบริเวณใกล้เคียงไม่มีโครงสร้างดังกล่าว

การจัดพิธีศพ เครื่องปั้นดินเผา และสิ่งของต่างๆ ที่พบในระหว่างการขุดค้น การเปรียบเทียบกับวัสดุอื่นๆ อย่างน้อยช่วยชดเชยการขาดแคลนข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ลงมาหาเราเกี่ยวกับประชากรในท้องถิ่นในช่วงเวลาที่อยู่ห่างไกลออกไปได้ในระดับหนึ่ง เกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณของภูมิภาคของเรา วัสดุทางโบราณคดียืนยันข้อมูลของพงศาวดารเกี่ยวกับการเชื่อมต่อของท้องถิ่น Vyatichi ชนเผ่าสลาฟกับเผ่าเครือญาติและสหภาพชนเผ่าอื่น ๆ เกี่ยวกับการรักษาประเพณีและขนบธรรมเนียมของชนเผ่าเก่าแก่ในระยะยาวในชีวิตและวัฒนธรรมของประชากรในท้องถิ่น

การฝังศพในกองฝังศพ Vyatichi นั้นอุดมไปด้วยวัสดุ ทั้งเชิงปริมาณและเชิงศิลปะ ในเรื่องนี้พวกเขาแตกต่างอย่างมากจากการฝังศพของชนเผ่าสลาฟอื่น ๆ ทั้งหมด การฝังศพของผู้หญิงมีลักษณะพิเศษหลายอย่าง สิ่งนี้เป็นพยานถึงการพัฒนาระดับสูงของแนวคิดลัทธิ (และด้วยเหตุนี้จึงเป็นแนวคิดเชิงอุดมคติ) ของ Vyatichi ระดับของความคิดริเริ่มของพวกเขารวมถึงทัศนคติพิเศษต่อผู้หญิง

คุณลักษณะที่กำหนดชาติพันธุ์ของ Vyatichi ระหว่างการขุดคือวงแหวนขมับเจ็ดเส้นที่พบในการฝังศพของผู้หญิงหลายร้อยแห่ง

แหวนชั่วคราว

พวกเขาสวมที่คาดผมที่ทำด้วยหนัง ผ้า หรือผ้าโพกศีรษะ คลุมด้วยผ้าทอลินินเนื้อบาง ที่หน้าผาก ผ้าถูกตกแต่งด้วยลูกปัดขนาดเล็ก เช่น แก้วสีเหลืองผสมกับเชอร์รี่พิทที่มีรูพรุน วงแหวนถูกร้อยไว้เหนืออีกด้านหนึ่งเป็นริบบิ้นพับสองเท่า วงแหวนด้านล่างถูกแขวนไว้ที่รอยพับของริบบิ้น ริบบิ้นห้อยจากขมับขวาและซ้าย

5. Vyatichi ใน Xศตวรรษ

แหล่งข่าวอาหรับพูดถึงการก่อตัวในศตวรรษที่ 8 ในดินแดนที่ชนเผ่าสลาฟยึดครองซึ่งมีศูนย์กลางทางการเมืองสามแห่ง ได้แก่ กุยาบา สลาเวียและอาร์ตาเนีย เห็นได้ชัดว่า Kuyaba (Kuyava) เป็นสมาคมทางการเมืองของกลุ่มชนเผ่าสลาฟทางใต้ที่มีศูนย์กลางใน Kyiv (Kuyava), Slavia - สมาคมของกลุ่ม Slavs ทางเหนือนำโดย Novgorod Slavs Artania น่าจะเป็นสหภาพของชนเผ่าสลาฟทางตะวันออกเฉียงใต้ - Vyatichi, Radimichi, Severyans และชนเผ่าสลาฟที่ไม่รู้จักซึ่งอาศัยอยู่ในต้นน้ำลำธารของ Don แต่ออกจากสถานที่เหล่านี้เมื่อปลายศตวรรษที่ 10 เนื่องจากการบุกโจมตีเร่ร่อน

จากศตวรรษที่ 9 ผู้แข็งแกร่ง Khazar Khaganate เริ่มทำสงครามทางตอนเหนือของพรมแดนกับชนเผ่าสลาฟ ชาว Polyans สามารถปกป้องเอกราชได้ ในขณะที่ชนเผ่า Vyatichi, Radimichi และ Severyan ถูกบังคับให้ส่งส่วยให้ Khazars ไม่นานหลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ ในปี 862 เจ้าชาย Rurik เข้ายึดอำนาจในโนฟโกรอดและกลายเป็นเจ้าชาย เจ้าชายโอเล็กแห่งโนฟโกรอดผู้สืบตำแหน่งต่อจากพระองค์ ทรงพิชิตเคียฟในปี 882 และย้ายศูนย์กลางของรัฐรัสเซียที่เป็นสหพันธรัฐจากโนฟโกรอดมาที่นี่ ทันทีหลังจากนี้ Oleg ใน 883-885 กำหนดให้ส่งส่วยให้กับชนเผ่าสลาฟที่อยู่ใกล้เคียง - Drevlyans, Northerners, Radimichis ในเวลาเดียวกันปลดปล่อยชาวเหนือและ Radimichis จากการจ่ายส่วยให้ Khazars Vyatichi เกือบร้อยปีถูกบังคับให้จ่ายส่วยให้ Khazars ชนเผ่า Vyatichi ผู้รักอิสระและชอบทำสงครามปกป้องอิสรภาพของพวกเขามาเป็นเวลานานและดื้อรั้น พวกเขานำโดยเจ้าชายที่ได้รับเลือกจากสภาประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของชนเผ่า Vyatich เมือง Dedoslavl (ปัจจุบันคือ Dedilovo) ฐานที่มั่นคือเมืองป้อมปราการของ Mtsensk, Kozelsk, Rostislavl, Lobynsk, Lopasnya, Moskalsk, Serenok และอื่น ๆ ซึ่งมีประชากรตั้งแต่ 1 ถึง 3 พันคน ต้องการที่จะรักษาความเป็นอิสระส่วนหนึ่งของ Vyatichi เริ่มที่จะทิ้ง Oka และเมื่อถึงปากแม่น้ำมอสโกก็ถูกแบ่งออก: ส่วนหนึ่งครอบครองดินแดนของดินแดน Ryazan ใกล้ Oka ส่วนอื่น ๆ เริ่มที่จะเลื่อนขึ้น แม่น้ำมอสโก

ในปี 964 เจ้าชาย Kyiv Svyatoslav วางแผนที่จะพิชิต Bulgars และ Khazars ได้บุกเข้าไปในเขตแดนของชาวสลาฟที่อยู่ทางตะวันออกสุด เมื่อผ่าน Oka เขาตามพงศาวดารเขียนว่า "ปีน Vyatichi ... "

“ นาเลซ” หมายถึงในภาษารัสเซียโบราณ -“ พบกันทันใด” สันนิษฐานได้ว่าอาจมีการต่อสู้กันเล็กน้อยในตอนแรก จากนั้นจึงทำข้อตกลงระหว่าง Vyatichi และ Svyatoslav ซึ่งประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้: “แม้ว่าเราจะจ่ายส่วยให้ Khazars มาก่อน แต่จากนี้ไปเราจะจ่ายส่วย ถึงคุณ; อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องมีการรับประกัน - ชัยชนะของคุณเหนือ Khazars” นี่คือในปี 964 หลังจาก Svyatoslav เอาชนะอาณาเขตของบัลแกเรียบนแม่น้ำโวลก้าและเคลื่อนตัวไปตามแม่น้ำทันที เอาชนะเมืองหลวงของ Khazars ในบริเวณตอนล่างของแม่น้ำโวลก้าและเมืองหลักอื่น ๆ ของพวกเขาบน Don (หลังจากนั้น Khazar Khaganate ก็หยุดอยู่) นี่คือในปี 965

โดยปกติ Vyatichi จะไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีของพวกเขา มิฉะนั้นแล้วทำไมเจ้าชาย Svyatoslav อีกครั้งในปี 966 จึงนำ Vyatichi ไปสู่การยอมจำนนเช่น ทำให้พวกเขาเสียส่วยอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าการจ่ายเงินเหล่านี้ไม่แข็งแกร่งหากหลังจาก 20 ปีในปี 985 เจ้าชายวลาดิเมียร์ต้องไปรณรงค์ต่อต้าน Vyatichi และในที่สุดคราวนี้ (และ Vyatichi ไม่มีทางเลือกอื่น) เพื่อนำเครื่องบรรณาการไปยัง Vyatichi ตั้งแต่ปีนี้เองที่ Vyatichi ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐรัสเซีย เราถือว่าทั้งหมดนี้ไม่ถูกต้อง: การจ่ายส่วยไม่ได้หมายถึงการเข้าสู่สถานะที่จ่ายส่วย ดังนั้นจาก 985 ที่ดินแดน Vyatichi ยังคงค่อนข้างเป็นอิสระ: จ่ายส่วยแล้ว แต่ผู้ปกครองยังคงเป็นของตัวเอง

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 10 ที่ Vyatichi เริ่มเข้าครอบครองแม่น้ำมอสโกอย่างหนาแน่น ในตอนต้นของศตวรรษที่ 11 การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็หยุดชะงักทันที: การพิชิตและหลอมรวมดินแดน Fino-Ugric ทันใดนั้น Vyatichi ก็ชนกันทางเหนือกับชนเผ่าสลาฟของ Krivichi บางทีการเป็นเจ้าของของ Krivichi กับ Slavs จะไม่หยุดยั้ง Vyatichi ในความก้าวหน้าต่อไปของพวกเขา (มีตัวอย่างมากมายในประวัติศาสตร์นี้) แต่ความสัมพันธ์ของข้าราชบริพารของ Vyatichi มีบทบาท (แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถละเลยเครือญาติของ Vyatichi ได้ ภาษาแม้ว่าในสมัยนั้นการโต้แย้งดังกล่าวจะไม่แตกหัก ) เพราะ Krivichi เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียมานานแล้ว

6. Vyatichi อิสระ (ศตวรรษที่สิบเอ็ด)

สำหรับ Vyatichi ศตวรรษที่ 11 เป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นอิสระบางส่วนและแม้กระทั่งสมบูรณ์

เมื่อต้นศตวรรษที่ 11 พื้นที่ตั้งถิ่นฐานของ Vyatichi ถึงขนาดสูงสุดและครอบครองแอ่งทั้งหมดของ Oka ตอนบน, ลุ่มน้ำ Oka กลางถึง Staraya Ryazan, ลุ่มน้ำทั้งหมดของแม่น้ำ Moskva ด้านบน ถึง Klyazma

ดินแดน Vyatichi ท่ามกลางดินแดนอื่น ๆ ของรัสเซียโบราณอยู่ในตำแหน่งพิเศษ รอบ ๆ ใน Chernigov, Smolensk, Novgorod, Rostov, Suzdal, Murom, Ryazan มีสถานะแล้วอำนาจของเจ้าความสัมพันธ์ศักดินากำลังพัฒนา Vyatichi รักษาความสัมพันธ์ของชนเผ่า: หัวหน้าเผ่าเป็นผู้นำซึ่งผู้นำท้องถิ่นผู้อาวุโสของเผ่าเชื่อฟัง

ในปี 1066 Vyatichi ผู้หยิ่งผยองและดื้อรั้นลุกขึ้นต่อต้าน Kyiv อีกครั้ง พวกเขานำโดยโคโดตาและลูกชายของเขา ผู้นับถือศาสนานอกรีตที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคของพวกเขา The Laurentian Chronicle ภายใต้ 1,096 รายงานว่า "... และใน Vyatichi พวกเขาไปสองฤดูหนาวสำหรับ Khodota และสำหรับลูกชายของเขา ... " จุดที่น่าสนใจสามารถดึงออกมาจากบันทึกย่อนี้

หากพงศาวดารถือว่าคุ้มค่าที่จะกล่าวถึงลูกชายของ Khodota เขาก็เข้ายึดตำแหน่งพิเศษใน Vyatichi บางทีพลังของ Vyatichi อาจเป็นกรรมพันธุ์และลูกชายของ Khodota เป็นทายาทของพ่อของเขา วลาดิมีร์ โมโนมัคไปปลอบพวกเขา สองแคมเปญแรกของเขาจบลงอย่างไม่มีอะไรเลย ฝูงบินผ่านป่าโดยไม่พบกับศัตรู เฉพาะในช่วงการรณรงค์ครั้งที่สาม Monomakh แซงหน้าและเอาชนะกองทัพป่า Khodota แต่ผู้นำของเขาสามารถหลบหนีได้

สำหรับฤดูหนาวครั้งที่สอง แกรนด์ดุ๊กเตรียมการต่างกัน ก่อนอื่นเขาส่งหน่วยสอดแนมไปยังการตั้งถิ่นฐานของ Vyatka ยึดครองหลักและนำเสบียงทุกชนิดมาที่นั่น และเมื่อเกิดน้ำค้างแข็ง Khodota ถูกบังคับให้ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่นในกระท่อมและอุโมงค์ โมโนมัคตามทันเขาในที่พักแห่งหนึ่งในฤดูหนาว เหล่านักสู้ชกทุกคนที่ตกอยู่ใต้วงแขนในการต่อสู้ครั้งนี้

แต่ชาวไวอาติชียังคงต่อสู้และก่อกบฏมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งผู้ว่าราชการได้สกัดกั้นและพันแผลผู้ก่อความไม่สงบและประหารชีวิตพวกเขาต่อหน้าชาวบ้านด้วยการประหารชีวิตอย่างดุเดือด จากนั้นดินแดนแห่ง Vyatichi ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐรัสเซียโบราณในที่สุด

ในช่วงรัชสมัยของ Yaroslav the Wise (1019-1054) Vyatichi ไม่ได้กล่าวถึงในพงศาวดารเลยราวกับว่าไม่มีดินแดนระหว่าง Chernigov และ Suzdal หรือดินแดนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตที่คึกคักของ Kievan Rus นอกจากนี้ Vyatichi ยังไม่ได้กล่าวถึงในรายการพงศาวดารของชนเผ่าในเวลานี้ นี่อาจหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น: ดินแดน Vyatichi ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย เป็นไปได้มากว่าจะมีการจ่ายส่วยให้ Kyiv และนี่คือจุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์ เป็นการยากที่จะสรุปว่าเครื่องบรรณาการไม่ได้จ่ายในช่วงเวลาของ Yaroslav the Wise: Kievan Rus แข็งแกร่งเป็นปึกแผ่นและ Yaroslav จะพบวิธีการให้เหตุผลกับแคว

แต่หลังจากการตายของยาโรสลาฟในปี 1054 สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ความขัดแย้งทางแพ่งเริ่มต้นขึ้นระหว่างเจ้าชาย และรัสเซียได้แยกออกเป็นอาณาเขตเฉพาะทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กจำนวนมาก มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ Vyatichi เลยที่นี่ และพวกเขาอาจจะหยุดจ่ายส่วย และใครควรจ่าย? Kyiv อยู่ไกลออกไปและไม่มีพรมแดนติดกับ Vyatichi อีกต่อไป และเจ้าชายคนอื่นๆ ยังคงต้องพิสูจน์สิทธิ์ในการรวบรวมเครื่องบรรณาการด้วยอาวุธในมือ

มีหลักฐานมากมายเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ Vyatichi ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 11 หนึ่งในนั้นได้รับข้างต้น: ความเงียบที่สมบูรณ์ในพงศาวดาร

หลักฐานที่สองคือการไม่มีเส้นทางที่สมบูรณ์จาก Kyiv ไปยัง Rostov และ Suzdal ในเวลานี้ จำเป็นต้องเดินทางจาก Kyiv ไปยังรัสเซียตะวันออกเฉียงเหนือโดยอ้อม: ขึ้น Dnieper ก่อนแล้วจึงลงแม่น้ำโวลก้า โดยข้ามดินแดน Vyatichi

Vladimir Monomakh ใน "คำแนะนำ" ของเขากับเด็ก ๆ "และใครก็ตามที่ได้รับเกียรติ" ในฐานะองค์กรที่ไม่ธรรมดาพูดถึงการเดินทางจากภูมิภาค Dnieper ไปยัง Rostov "ผ่าน Vyatich" ในช่วงปลายยุค 60 ของศตวรรษที่ 11

เราสามารถดึงหลักฐานที่สามจากมหากาพย์เกี่ยวกับ Ilya Muromets

มันเป็นความเป็นไปไม่ได้ของเส้นทางผ่าน Vyatichi ในศตวรรษที่ 11 ซึ่งทำหน้าที่เป็นแรงจูงใจหลักสำหรับมหากาพย์เกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่าง Ilya Muromets และ Nightingale the Robber “ทางตรงรกเกินไป” - นี่คือสัญญาณของเส้นทางผ่าน Vyatichi รังของนกไนติงเกลที่บิดเบี้ยวบนต้นโอ๊คเป็นตัวบ่งชี้ที่ถูกต้องแม่นยำของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของ Vyatichi ซึ่งเป็นที่นั่งของนักบวช ทะเลาะกับนักบวช? แน่นอนใช่; ขอให้เราระลึกว่าบาทหลวงยังประกอบอาชีพฆราวาส ในกรณีนี้คือ ทหาร ทำหน้าที่ในหมู่วยาติชี ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ควรอยู่ที่ไหน? แน่นอนในใจกลางของชนเผ่า Vyatichi เช่น ที่ไหนสักแห่งบน Oka - ในสถานที่ที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของ Vyatichi ในมหากาพย์ยังมีสิ่งบ่งชี้ที่แม่นยำกว่านั้น - "ป่า Bryn" และบนแผนที่เราสามารถพบแม่น้ำ Bryn ซึ่งไหลลงสู่ Zhizdra ซึ่งเป็นสาขาของ Oka และบนแม่น้ำ Bryn หมู่บ้าน Bryn (สำหรับการอ้างอิงคร่าวๆถึงข้อเท็จจริงทั่วไปว่าเมือง Vyatichi ของ Kozelsk นั้นอยู่ใกล้ที่สุด ของเมืองสมัยใหม่จนถึงป่า Bryn) ... คุณสามารถพบทั้งชุดที่คล้ายคลึงกันระหว่างมหากาพย์และความเป็นจริง แต่สิ่งนี้จะพาเราไปไกลจากหัวข้อที่กำลังสนทนา

หากเส้นทางผ่าน Vyatichi ยังคงอยู่ไม่เพียง แต่ใน "คำแนะนำ" ของ Vladimir Monomakh แต่ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนเราสามารถจินตนาการได้ว่าดินแดน Vyatichi อยู่ในจินตนาการของผู้คนที่อยู่รอบ ๆ อย่างไร

7. Vyatichi สูญเสียอิสรภาพ (ศตวรรษที่สิบสอง)

ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 11 สถานการณ์ของ Vyatichi เปลี่ยนไป: อันเป็นผลมาจากการปะทะกัน Kievan Rus ถูกแบ่งออกเป็นอาณาเขตอิสระจำนวนหนึ่ง พวกที่ล้อมรอบ Vyatichi เริ่มเข้ายึดดินแดน Vyatichi อาณาเขต Chernigov เริ่มยึดดินแดนหลักของ Vyatichi - ในต้นน้ำลำธารของ Oka; อาณาเขตของ Smolensk ทำเช่นเดียวกันทางทิศเหนืออาณาเขตของ Ryazan ได้ครอบครองดินแดน Vyatichi อย่างง่ายดายเพราะ ชาว Vyatichi ยังไม่มีเวลาตั้งหลักที่นั่น อาณาเขต Rostov-Suzdal ดำเนินการจากด้านข้างของแม่น้ำมอสโกจากทางทิศตะวันออก จากทางเหนือ จากด้านข้างของ Krivichi ก็ค่อนข้างสงบ

แนวคิดของการรวมรัสเซียกับ Kyiv ยังไม่หมดสิ้นดังนั้นเมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 11 เพื่อเชื่อมต่อ Kyiv กับ Suzdal และ Rostov เส้นทาง "ทุ่ง" ถูกสร้างขึ้นผ่าน Kursk ไปยัง Mur ทางด้านขวา ( ทางใต้) ริมฝั่ง Oka ผ่านดินแดน "ไม่มีมนุษย์" ระหว่าง Vyatichi และ Polovtsians ซึ่งมีชาวสลาฟจำนวนมาก (ชื่อของพวกเขาคือ "คนเร่ร่อน")

Vladimir Monomakh (ยังไม่ได้เป็นแกรนด์ดุ๊ก) ในปี 1096 ได้ทำการรณรงค์ต่อต้านผู้นำของ Vyatichi Khodota และลูกชายของเขา เห็นได้ชัดว่าแคมเปญนี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมเพราะปีหน้าที่การประชุมของเจ้าชายรัสเซียใน Lyubich (ซึ่งอยู่บนฝั่งของ Dnieper) เมื่อแบ่งดินแดนดินแดนของ Vyatichi ไม่ได้กล่าวถึงเลย (เช่น ก่อน).

ในศตวรรษที่ XII มีการขาดข้อมูลเกี่ยวกับ Vyatichi อีกครั้งจนกระทั่งกลางศตวรรษที่สิบสอง

รหัสโบราณอยู่ภายใต้อุดมการณ์ของเวลาเสมอ: พวกเขาเขียนด้วยอคติเมื่อเขียนใหม่หลังจากผ่านไปหลายทศวรรษพวกเขาทำการปรับเปลี่ยนตามจิตวิญญาณของเวลาและแนวการเมืองของเจ้าชายหรือพยายามโน้มน้าวใจเจ้าชายและ ผู้ติดตามของเขา

มีการจัดทำเอกสารการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวด้วย

ในปี ค.ศ. 1377 สามปีก่อนยุทธการคูลิโคโว นักบรรณารักษ์ Lavrenty ในเวลาอันสั้น สองเดือน ได้เขียนพงศาวดารเก่าขึ้นใหม่โดยมีการเปลี่ยนแปลง บิชอปแห่ง Suzdal, Nizhny Novgorod และ Gordetsky Dionysius นำพงศาวดารฉบับดังกล่าว

แทนที่จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความพ่ายแพ้อันน่าอับอายของเจ้าชายรัสเซียที่ถูกแบ่งแยกระหว่างการรุกรานบาตู (กล่าวคือ พงศาวดารโบราณอื่น ๆ ตีความเหตุการณ์ในลักษณะนี้) Laurentian Chronicle เสนอผู้อ่านเช่น เจ้าชายและผู้ติดตาม ตัวอย่างของการต่อสู้ที่เป็นมิตรและกล้าหาญของรัสเซียกับพวกตาตาร์ ใช้วิธีการทางวรรณกรรมและเห็นได้ชัดว่าผ่านการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาในฐานะเรื่องราวพงศาวดารดั้งเดิม Bishop Dionysius และ Lavrenty "จินตภาพ" อย่างลับๆราวกับว่าผ่านปากของนักประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 13 ให้พรเจ้าชายรัสเซียร่วมสมัยเพื่อการปลดปล่อย การต่อสู้ต่อต้านตาตาร์ (เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้เขียนไว้ในหนังสือของ Prokhorov G. .M. “ The Tale of Mityai”, L. , 1978, pp. 71-74)

ในกรณีของเรา เห็นได้ชัดว่าผู้บันทึกไม่ต้องการรายงานการมีอยู่ในศตวรรษที่ XI-XII ชาวสลาฟนอกรีตและภูมิภาคอิสระในใจกลางดินแดนรัสเซีย

และทันใดนั้น (!) ในยุค 40 ของศตวรรษที่ XII - รายงานพงศาวดารระเบิดพร้อม ๆ กันเกี่ยวกับ Vyatichi: ตะวันตกเฉียงใต้ (ซึ่งอยู่ในต้นน้ำลำธารของ Oka) และตะวันออกเฉียงเหนือ (ซึ่งอยู่ในพื้นที่ของ เมืองมอสโกและปริมณฑล)

ในต้นน้ำลำธารของ Oka ในดินแดน Vyatichi เจ้าชาย Svyatoslav Olgovich รีบวิ่งไปพร้อมกับบริวารของเขาไม่ว่าจะยึดดินแดน Vyatichi หรือถอยกลับ ในตอนกลางของแม่น้ำมอสโกรวมถึงดินแดน Vyatichi ในเวลานั้นเจ้าชายยูริ (จอร์จ) Vladimirovich Dolgoruky ประหารชีวิตโบยาร์ Kuchka แล้วเชิญเจ้าชาย Svyatoslav Olgovich: "มาหาฉันพี่ชายที่มอสโก"

เจ้าชายทั้งสองมีบรรพบุรุษร่วมกันคือ Yaroslav the Wise ซึ่งเป็นปู่ทวดของพวกเขา ทั้งปู่และพ่อเป็นแกรนด์ดุ๊กแห่งเคียฟ จริงอยู่ Svyatoslav Olgovich มาจากสาขาที่เก่ากว่า Yuri Dolgoruky: ปู่ของ Svyatoslav เป็นลูกชายคนที่สามของ Yaroslav the Wise และคุณปู่ Yuri (George) เป็นลูกชายคนที่สี่ของ Yaroslav the Wise ดังนั้นการครองราชย์อันยิ่งใหญ่ของเคียฟจึงถูกย้ายตามลำดับนี้ตามกฎหมายที่ไม่ได้เขียนไว้ในเวลานั้น: จากพี่ชายถึงน้อง ดังนั้นปู่ของ Svyatoslav Olgovich จึงปกครองใน Kyiv ต่อหน้าคุณปู่ของ Yuri Dolgoruky

จากนั้นการละเมิดกฎนี้โดยสมัครใจและไม่สมัครใจบ่อยครั้งขึ้นโดยสมัครใจ เป็นผลให้ในช่วงทศวรรษที่ 30 ของศตวรรษที่สิบสองความเป็นปฏิปักษ์เกิดขึ้นระหว่างลูกหลานของ Monomakh และ Olgovichi ความเป็นปฏิปักษ์นี้จะดำเนินต่อไปเป็นเวลา 100 ปี จนกระทั่งการรุกรานบาตู

ในปี ค.ศ. 1146 แกรนด์ดุ๊กแห่ง Kyiv Vsevolod Olgovich พี่ชายของ Svyatoslav Olgovich เสียชีวิต เขาออกจากบัลลังก์ให้กับพี่ชายคนที่สองของเขา Igor Olgovich แต่ชาวเคียฟไม่ต้องการ Olgovichi ใด ๆ ที่กล่าวหาว่าพวกเขาถูกล่วงละเมิดและเชิญเจ้าชายจากครอบครัว Monomakh แต่ไม่ใช่ Yuri Dolgoruky แต่เป็นหลานชายของเขา Izyaslav ดังนั้น Yuri Dolgoruky เจ้าชายแห่ง Suzdal และ Svyatoslav Olgovich ผู้ซึ่งได้เปลี่ยนอาณาเขตไปแล้วสามแห่งในเวลานี้กลายเป็นพันธมิตรและในขณะเดียวกันก็เป็นผู้อ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ของ Kyiv

แต่ก่อนอื่น Svyatoslav ต้องการคืนการครอบครองมรดกของบรรพบุรุษของเขาที่ Chernigov Principality หลังจากความสับสนชั่วครู่ เขาเริ่มงานจากดินแดนไวอาติชิ: โคเซลสค์เข้าข้าง และเดโดสลาฟล์เข้าข้างคู่ต่อสู้ของเขา - ผู้ปกครองเชอร์นิโกฟ Svyatoslav Olgovich จับ Dedoslavl ด้วยความช่วยเหลือของทีม Belozersky ที่ส่งโดย Yuri Dolgoruky เจ้าชายแห่ง Suzdal ไม่สามารถส่งเพิ่มเติมได้ เขาพิชิตผู้สนับสนุนของ Kyiv - Ryazan แรกแล้ว Novgorod

นี่คือผู้ส่งสารจาก Yuri Dolgoruky เขามีจดหมายถึง Svyatoslav ในจดหมายนั้น เจ้าชายยูริแจ้งว่าก่อนที่จะไปเคียฟ จำเป็นต้องเอาชนะศัตรูคนสุดท้ายที่อยู่ด้านหลัง - เจ้าชายสโมเลนสค์ Svyatoslav เริ่มปฏิบัติตามแผนนี้พิชิตเผ่า golyad ที่อาศัยอยู่ในต้นน้ำลำธารของแม่น้ำ Protva และกลายเป็น Russified

การละลายในฤดูใบไม้ผลิขัดขวางการปฏิบัติการทางทหารต่อไป และจากนั้นผู้ส่งสารคนใหม่จากเจ้าชายแห่ง Suzdal พร้อมคำเชิญไปยังมอสโก เราอ้างอิงรายการเกี่ยวกับเหตุการณ์ในฤดูหนาวปี 1147 ตาม Ipatiev Chronicle (รายการนี้ภายใต้ 1147 ยังมีหลักฐานพงศาวดารแรกของมอสโก): การต่อสู้ และ Svyatoslav ไปและพาคนของ Golyad ไปที่ Porotva และ drouzina ของ Svyatoslav นั้นแออัดมาก และส่ง Gyurgia กล่าวสุนทรพจน์มาหาฉันพี่ชายในมอสโก

คำแปลของรายการนี้: “Yuri (Dolgoruky) ต่อต้าน Novgorod จับ Torzhok และดินแดนทั้งหมดตามแม่น้ำ Msta และส่งผู้ส่งสารไปยัง Svyatoslav พร้อมคำแนะนำในการต่อต้านเจ้าชาย Smolensk Svyatoslav ยึดครองดินแดนของชนเผ่า golyad ในต้นน้ำลำธารของ Protva และทีมที่เป็นมิตรของเขาได้จับนักโทษจำนวนมาก ยูริส่งจดหมายถึงเขา: "ฉันขอเชิญคุณน้องชายไปมอสโก"

บทสรุป

เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ในปี 1146-1147 เราสามารถสังเกตเห็นความทุกข์ทรมานของ Vyatichi ในฐานะชนเผ่าสลาฟที่แยกจากกันซึ่งในที่สุดก็สูญเสียความเป็นอิสระที่เหลืออยู่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Svyatoslav พิจารณาพื้นที่ของ Oka ตอนบน - แหล่งกำเนิดและศูนย์กลางของดินแดน Vyatichi - อาณาเขตของอาณาเขต Chernigov Vyatichi ถูกแยกออกแล้ว: Vyatichi แห่ง Kozelsk สนับสนุน Svyatoslav Olgovich, Vyatichi จาก Dedoslavl สนับสนุนคู่ต่อสู้ของเขา เห็นได้ชัดว่าการปะทะกันอย่างเด็ดขาดเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 20-30 ของศตวรรษที่ XII จากนั้น Vyatichi ก็พ่ายแพ้ ทางตะวันออกเฉียงเหนือตามเส้นทางสายกลางของแม่น้ำ Moskva เจ้าชาย Suzdal ครองราชย์สูงสุด ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 11 พงศาวดารหยุดพูดถึง Vyatichi ว่าเป็นเผ่าที่มีอยู่

ดินแดนของ Vyatichi ถูกแบ่งระหว่างอาณาเขต Chernigov, Smolensk, Suzdal และ Ryazan Vyatichi เป็นส่วนหนึ่งของรัฐรัสเซียโบราณ ในศตวรรษที่สิบสี่ ในที่สุด Vyatichi ก็ออกจากฉากประวัติศาสตร์และไม่มีการกล่าวถึงในบันทึกพงศาวดารอีกต่อไป

บรรณานุกรม

1. Nikolskaya T.N. ดินแดนแห่ง Vyatichi เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประชากรของลุ่มน้ำ Oka ตอนบนและตอนกลางในศตวรรษที่ 9 - 13 ม., 1981.

2. เซดอฟ V.V. ชาวสลาฟตะวันออกในศตวรรษที่ VI - XII, ser. โบราณคดีของสหภาพโซเวียต "วิทยาศาสตร์", M. , 1982

3. Tatishchev V.N. ประวัติศาสตร์รัสเซีย ม., 2507 ต. 3

4. Rybakov บี.เอ. ลัทธินอกรีตของชาวสลาฟโบราณ ม: เนาคา 1994.

5. เซดอฟ V.V. ชาวสลาฟในสมัยโบราณ ม: สถาบันโบราณคดีรอสส์. สถาบันวิทยาศาสตร์. 1994