Sophia Paleologue และ Ivan III the Third: เรื่องราวความรักข้อเท็จจริงชีวประวัติที่น่าสนใจ ประวัติศาสตร์และชาติพันธุ์วิทยา

โซเฟีย (โซย่า) บรรพชีวินวิทยา- ผู้หญิงจากกลุ่มของจักรพรรดิไบแซนไทน์คือ Paleologues มีบทบาทสำคัญในการก่อตัวของอุดมการณ์ของ Muscovy ระดับการศึกษาของโซเฟียนั้นสูงอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับมาตรฐานของมอสโกในขณะนั้น โซเฟียมีอิทธิพลอย่างมากต่อสามีของเธอคืออีวานที่ 3 ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่โบยาร์และคริสตจักร นกอินทรีสองหัวซึ่งเป็นตราประจำตระกูลของราชวงศ์ Palaeologis ได้รับการรับรองโดย Grand Duke Ivan III เป็นส่วนสำคัญของสินสอดทองหมั้น ตั้งแต่นั้นมานกอินทรีสองหัวได้กลายเป็นเสื้อคลุมแขนของซาร์และจักรพรรดิรัสเซีย (ไม่ใช่เสื้อคลุมแขนของรัฐ!) นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าโซเฟียเป็นผู้เขียนแนวคิดของรัฐในอนาคตของมัสโกวี: "มอสโกคือ กรุงโรมที่สาม"

โซเฟีย สร้างขึ้นใหม่ตามกะโหลกศีรษะ

ปัจจัยชี้ขาดในชะตากรรมของโซอี้คือการล่มสลายของจักรวรรดิไบแซนไทน์ จักรพรรดิคอนสแตนตินเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1453 ระหว่างการยึดครองคอนสแตนติโนเปิล 7 ปีต่อมาในปี ค.ศ. 1460 Morea (ชื่อยุคกลางของคาบสมุทร Peloponnese การครอบครองของบิดาของโซเฟีย) ถูกสุลต่านเมห์เม็ดที่สองของตุรกีจับโทมัสไปที่เกาะคอร์ฟู จากนั้นไปยังกรุงโรมซึ่งในไม่ช้าเขาก็สิ้นพระชนม์ Zoya กับ Andrey วัย 7 ขวบน้องชายของเธอและ Manuel อายุ 5 ขวบย้ายไปโรมหลังจากพ่อของพวกเขา 5 ปี ที่นั่นเธอได้รับชื่อ "โซเฟีย" นักบรรพชีวินวิทยาตั้งรกรากที่ศาลของสมเด็จพระสันตะปาปาซิกตัสที่ 4 (ลูกค้าของโบสถ์น้อยซิสทีน) โธมัสเปลี่ยนมานับถือนิกายโรมันคาทอลิกในปีสุดท้ายของชีวิตเพื่อรับการสนับสนุน
หลังจากการเสียชีวิตของโธมัสเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1465 (ภรรยาของเขา แคทเธอรีนเสียชีวิตในปีเดียวกันก่อนหน้านั้นเล็กน้อย) นักวิทยาศาสตร์ชาวกรีกผู้โด่งดัง พระคาร์ดินัล เบสซาเรียนแห่งนีเซีย ผู้สนับสนุนสหภาพแรงงาน เข้ามาดูแลลูกๆ ของเขา จดหมายของเขารอดชีวิตซึ่งเขาได้ให้คำแนะนำแก่ครูเด็กกำพร้า จากจดหมายฉบับนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาจะยังคงจ่ายค่าบำรุงรักษา 3,600 คราวน์ต่อปี (200 คราวน์ต่อเดือน - สำหรับเด็ก เสื้อผ้า ม้า และคนใช้ บวกควรเลื่อนออกไปเป็นวันที่ฝนตก และใช้เงิน 100 คราวน์เพื่อ การบำรุงรักษาสนามเจียมเนื้อเจียมตัว ) ศาลประกอบด้วยแพทย์ ศาสตราจารย์ภาษาละติน ศาสตราจารย์ภาษากรีก นักแปล และนักบวช 1-2 คน

เบสซาริออนแห่งไนเซีย

ควรพูดสองสามคำเกี่ยวกับชะตากรรมอันน่าสลดใจของพี่น้องโซเฟีย ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของโธมัส มงกุฏของ Palaeologis ถูกสืบทอดโดยพระโอรสของแอนดรูว์ ผู้ซึ่งขายมงกุฎนี้ให้พระมหากษัตริย์ยุโรปหลายพระองค์และสิ้นพระชนม์ด้วยความยากจน ในช่วงรัชสมัยของ Bayezid II ลูกชายคนที่สอง Manuel กลับมาที่อิสตันบูลและยอมจำนนต่อความเมตตาของสุลต่าน ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง เขาเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม เริ่มต้นครอบครัวและรับใช้ในกองทัพเรือตุรกี
ในปี ค.ศ. 1466 ชาวเวนิสได้เสนอให้กษัตริย์แห่งไซปรัส Jacques II de Lusignan เสนอตัวเป็นเจ้าสาว แต่เขาปฏิเสธ ตามที่คุณพ่อ Pearlinga ความสง่างามของชื่อของเธอและสง่าราศีของบรรพบุรุษของเธอเป็นป้อมปราการที่น่าสงสารสำหรับเรือออตโตมันที่แล่นอยู่ในน่านน้ำของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ราวปี ค.ศ. 1467 สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 2 ทรงยื่นพระหัตถ์ให้เจ้าชายการรักโชโล เศรษฐีผู้สูงศักดิ์ชาวอิตาลีผ่านพระคาร์ดินัลวิสซาเรียน เธอหมั้นหมายอย่างเคร่งขรึม แต่การแต่งงานไม่ได้เกิดขึ้น
Ivan III เป็นม่ายในปี 1467 - ภรรยาคนแรกของเขา Maria Borisovna เจ้าหญิง Tverskaya เสียชีวิตทิ้งลูกชายคนเดียวของเขาซึ่งเป็นทายาท Ivan the Young
การแต่งงานของโซเฟียกับอีวานที่ 3 เสนอในปี 1469 โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 2 สันนิษฐานว่าด้วยความหวังว่าจะเสริมสร้างอิทธิพลของคริสตจักรคาทอลิกในมอสโกหรือบางทีอาจทำให้คริสตจักรคาทอลิกและออร์โธดอกซ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น - เพื่อฟื้นฟูสหภาพคริสตจักรในฟลอเรนซ์ . แรงจูงใจของ Ivan III อาจเกี่ยวข้องกับสถานะ และกษัตริย์ที่เพิ่งเป็นม่ายก็ตกลงที่จะแต่งงานกับเจ้าหญิงกรีก ความคิดเรื่องการแต่งงานอาจมีต้นกำเนิดมาจากพระคาร์ดินัลวิสซาเรียน
การเจรจาดำเนินไปเป็นเวลาสามปี พงศาวดารของรัสเซียเล่าว่า เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1469 ชาวกรีกยูริมาถึงมอสโกจากพระคาร์ดินัลวิสซาเรียนถึงแกรนด์ดุ๊กด้วยใบไม้ที่แกรนด์ดุ๊กได้รับมอบเจ้าสาวโซเฟีย ลูกสาวของโธมัสเผด็จการอาโมไรต์ "คริสเตียนออร์โธดอกซ์" (เธอนิ่งเงียบเกี่ยวกับการเปลี่ยนมานับถือนิกายโรมันคาทอลิก) Ivan III ปรึกษากับแม่ของเขา Metropolitan Philip และโบยาร์และตัดสินใจในเชิงบวก
ในปี 1469 Ivan Fryazin (Gian Batista della Volpe) ถูกส่งไปยังศาลโรมันเพื่อแสวงหา Grand Duke Sophia Sophia Chronicle เป็นพยานว่าภาพของเจ้าสาวถูกส่งไปยังรัสเซียพร้อมกับ Ivan Fryazin และภาพวาดทางโลกดังกล่าวกลายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่งในมอสโก - "... และนำเจ้าหญิงไปที่ไอคอน" (ภาพนี้ไม่รอดซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากเนื่องจากต้องทาสีโดยจิตรกรในบริการของสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งรุ่น Perugino, Melozzo da Forli และ Pedro Berruguete) สมเด็จพระสันตะปาปาต้อนรับเอกอัครราชทูตอย่างเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เขาขอให้แกรนด์ดุ๊กส่งโบยาร์ให้เจ้าสาว ฟรายซินไปโรมเป็นครั้งที่สองในวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 1472 และไปถึงที่นั่นในวันที่ 23 พฤษภาคม

วิคเตอร์ มุยเชล. "เอกอัครราชทูต Ivan Frezin นำเสนอ Ivan III ด้วยรูปเหมือนของเจ้าสาว Sophia Paleologue"

วันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1472 มีการหมั้นหมายที่ขาดไปในมหาวิหารอัครสาวกเปโตรและเปาโล รองแกรนด์ดุ๊กคือ Ivan Fryazin ภริยาของผู้ปกครองเมืองฟลอเรนซ์ Lorenzo the Magnificent, Clarice Orsini และราชินีแห่งบอสเนีย Katarina เป็นแขกรับเชิญด้วย นอกจากของขวัญแล้ว พระสันตปาปายังมอบสินสอดทองหมั้นให้เจ้าสาวถึง 6,000 ดั๊ก
เมื่อในปี ค.ศ. 1472 Clarice Orsini และกวีในราชสำนักของ Luigi Pulci สามีของเธอได้เห็นการแต่งงานที่ขาดหายไปในวาติกัน ความเฉลียวฉลาดที่เป็นพิษของ Pulci เพื่อสร้างความสนุกสนานให้กับ Lorenzo the Magnificent ซึ่งยังคงอยู่ใน Florence ได้ส่งบัญชีเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้และการปรากฏตัว ของเจ้าสาว:
“เราเข้าไปในห้องที่มีตุ๊กตาวาดรูปนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมบนแพลตฟอร์มสูง เธอมีไข่มุกตุรกีขนาดใหญ่ 2 เม็ดบนหน้าอก คางสองชั้น แก้มหนา ใบหน้าของเธอเปล่งประกายด้วยไขมัน ดวงตาของเธอเบิกกว้างเหมือนชาม และรอบดวงตาของเธอมีสันเขาของไขมันและเนื้ออย่างเขื่อนสูงบน Po ขายังห่างไกลจากความผอม ดังนั้นส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็เช่นกัน - ฉันไม่เคยเห็นคนที่ตลกและน่าขยะแขยงมากขนาดนี้มาก่อนเลย ทั้งวันเธอคุยไม่หยุดหย่อนผ่านล่าม คราวนี้เป็นน้องชายของเธอ ชมรมขายาวเหมือนกัน ภรรยาของคุณราวกับถูกอาคมเห็นความงามในสัตว์ประหลาดตัวนี้ในหน้ากากผู้หญิงและการปราศรัยของผู้แปลก็ทำให้เธอพอใจอย่างชัดเจน เพื่อนคนหนึ่งของเราชื่นชมริมฝีปากที่ทาสีของตุ๊กตาตัวนี้และพบว่าเธอถ่มน้ำลายออกมาอย่างสง่างามอย่างน่าอัศจรรย์ เธอสนทนาเป็นภาษากรีกตลอดทั้งวันจนถึงเย็น แต่เราไม่ได้รับอะไรให้กินหรือดื่มในภาษากรีก ลาติน หรืออิตาลี อย่างไรก็ตาม เธอพยายามอธิบายให้ Donna Clarice ฟังว่าเธอสวมชุดที่แคบและไม่ดี แม้ว่าจะเป็นชุดที่ทำด้วยผ้าไหมและตัดเย็บจากผ้าอย่างน้อย 6 ชิ้น เพื่อที่พวกเขาจะได้คลุมโดมของ Santa Maria Rotonda ตั้งแต่นั้นมา ทุกคืนฉันฝันถึงภูเขาที่มีน้ำมัน ไขมัน น้ำมันหมู เศษผ้า และสิ่งที่น่ารังเกียจอื่นๆ ที่คล้ายกัน "
ตามความเห็นของนักประวัติศาสตร์ชาวโบโลเนสที่บรรยายขบวนแห่ของเธอไปทั่วเมือง เธอไม่สูง มีดวงตาที่สวยงามมากและผิวขาวอย่างน่าอัศจรรย์ ดูเหมือนว่าพวกเขาให้เวลาเธอ 24 ปี
วันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1472 ขบวนรถขนาดใหญ่ของ Sophia Paleologue พร้อมด้วย Fryazin ออกจากกรุงโรม เจ้าสาวมาพร้อมกับพระคาร์ดินัลเบสซาริออนแห่งนีเซีย ซึ่งต้องตระหนักถึงโอกาสที่เปิดให้สันตะสำนัก ในตำนานเล่าว่าสินสอดทองหมั้นของโซเฟียรวมหนังสือที่เป็นพื้นฐานของการรวบรวมห้องสมุดที่มีชื่อเสียงของ Ivan the Terrible
ผู้ติดตามของโซเฟีย: Yuri Trakhaniot, Dmitry Trakhaniot, Prince Constantine, Dmitry (เอกอัครราชทูตของพี่น้องของเธอ), St. แคสเซียนชาวกรีก และ - แอนโธนี่ โบนุมเบร ผู้รับมรดกของสมเด็จพระสันตะปาปา Genoese, บิชอปแห่งอักเคีย (พงศาวดารของเขาถูกเรียกว่าพระคาร์ดินัลอย่างผิดพลาด) หลานชายของนักการทูต Ivan Fryazin สถาปนิก Anton Fryazin มาพร้อมกับเธอ

แบนเนอร์ "คำเทศนา John the Baptist" จาก Oratorio San Giovanni, Urbino ผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาลีเชื่อว่า Vissarion และ Sophia Palaeologius ปรากฏอยู่ในกลุ่มผู้ฟัง (อักขระที่ 3 และ 4 จากซ้าย) แกลลอรี่ของจังหวัด Marche, Urbino
เส้นทางการเดินทางมีดังนี้: ไปทางเหนือจากอิตาลีผ่านเยอรมนีไปยังท่าเรือ Lubeck พวกเขามาถึงเมื่อวันที่ 1 กันยายน (พวกเขาต้องเดินทางไปทั่วโปแลนด์ ซึ่งนักเดินทางมักจะเดินทางตามไปยังมัสโกวีทางบก - ขณะนั้นเธออยู่กับอีวานที่ 3 ในสภาพแห่งความขัดแย้ง) การเดินทางข้ามทะเลบอลติกใช้เวลา 11 วัน เรือจอดเทียบท่าใน Kolyvan (ปัจจุบันคือทาลลินน์) จากที่คาราวานในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1472 แล่นผ่าน Yuriev (ปัจจุบันคือ Tartu), Pskov และ Novgorod เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1472 โซเฟียเข้าสู่มอสโก
แม้แต่ในระหว่างการเดินทางของเจ้าสาว ก็เห็นได้ชัดว่าแผนของวาติกันที่จะทำให้เธอเป็นตัวนำของนิกายโรมันคาทอลิกล้มเหลว เนื่องจากโซเฟียได้แสดงให้เห็นถึงการหวนคืนสู่ศรัทธาของบรรพบุรุษของเธอในทันที พระสันตะปาปาแอนโธนีถูกกีดกันไม่ให้มีโอกาสเข้าไปในมอสโกโดยถือไม้กางเขนละตินต่อหน้าเขา
งานแต่งงานในรัสเซียจัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 1472 ที่มหาวิหารอัสสัมชัญในมอสโก พวกเขาแต่งงานกันโดย Metropolitan Philip (อ้างอิงจาก Sofia Times - Kolomna Archpriest Hosea)
เห็นได้ชัดว่าชีวิตครอบครัวของโซเฟียประสบความสำเร็จดังที่เห็นได้จากลูกหลานจำนวนมาก
สำหรับเธอในมอสโกมีการสร้างคฤหาสน์พิเศษและสนามหญ้า แต่ในไม่ช้าพวกเขาในปี 1493 ถูกไฟไหม้และในระหว่างที่เกิดไฟไหม้คลังสมบัติของแกรนด์ดัชเชสก็เสียชีวิตเช่นกัน
Tatishchev ให้หลักฐานว่าต้องขอบคุณการแทรกแซงของโซเฟีย Ivan III ตัดสินใจที่จะต่อต้าน Khan Akhmat (Ivan III ในเวลานั้นเป็นพันธมิตรและสาขาของไครเมียข่าน) เมื่อมีการหารือเรื่องข้อเรียกร้องของคานอัคมาศที่สภาแกรนด์ดุ๊กและหลายคนกล่าวว่าเป็นการดีกว่าที่จะปลอบคนชั่วร้ายด้วยของขวัญมากกว่าการหลั่งเลือดราวกับว่าโซเฟียร้องไห้และประณามสามีของเธอที่จะไม่ส่งส่วย ฝูงชนที่ยิ่งใหญ่
ก่อนการรุกรานของอัคมาตในปี ค.ศ. 1480 เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก ๆ ลานบ้านโบยาร์และคลังของเจ้าชายโซเฟียถูกส่งไปยังมิทรอฟก่อนแล้วจึงไปยังเบลูเซโร ถ้าอัคมาตข้ามแม่น้ำโอคาและไปมอสโคว์ เธอก็ได้รับคำสั่งให้วิ่งไปทางเหนือสู่ทะเล สิ่งนี้ก่อให้เกิด Vissarion, Vladyka of Rostov ในข้อความของเขาเพื่อเตือน Grand Duke เกี่ยวกับความคิดคงที่และความผูกพันกับภรรยาและลูก ๆ ของเขามากเกินไป ในพงศาวดารฉบับหนึ่งระบุว่าอีวานตื่นตระหนก: "ความน่ากลัวกำลังเกิดขึ้นและหนีจากฝั่งและแกรนด์ดัชเชสโรมันและคลังสมบัติกับเธอซึ่งเป็นเอกอัครราชทูตเบลูเซโร"
ครอบครัวกลับไปมอสโคว์ในฤดูหนาวเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป การแต่งงานครั้งที่สองของแกรนด์ดุ๊กกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุของความตึงเครียดในศาล ในไม่ช้าก็มีชนชั้นสูงในศาลสองกลุ่มปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นสนับสนุนทายาทแห่งบัลลังก์ - Ivan Ivanovich Molodoy (ลูกชายจากการแต่งงานครั้งแรกของเขา) และกลุ่มที่สอง - Grand Duchess Sophia Paleologue คนใหม่ ในปี ค.ศ. 1476 ชาวเวเนเชียน เอ. คอนทารินีตั้งข้อสังเกตว่าทายาท "ไม่พอใจบิดาของเขา เพราะเขาประพฤติตัวไม่ดีกับความสิ้นหวัง" (โซเฟีย) แต่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1477 อีวาน อิวาโนวิชถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้ปกครองร่วมของบิดาของเขา
ในปีต่อๆ มา ตระกูลแกรนด์ดูคาเพิ่มขึ้นอย่างมาก: โซเฟียให้กำเนิดแกรนด์ดยุคมีลูกทั้งหมดเก้าคน - ลูกชายห้าคนและลูกสาวสี่คน
ในขณะเดียวกันในเดือนมกราคม ค.ศ. 1483 Ivan Ivanovich Molodoy ทายาทแห่งบัลลังก์ก็แต่งงานเช่นกัน ภรรยาของเขาเป็นลูกสาวของผู้ปกครองของมอลโดวา, สตีเฟนมหาราช, Elena Voloshanka ซึ่งพบว่าตัวเองอยู่กับแม่สามีของเธอทันที "ที่มีด" เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1483 ลูกชายของพวกเขา Dmitry เกิด หลังจากการจับกุมตเวียร์ในปี ค.ศ. 1485 อีวานยังได้รับแต่งตั้งจากบิดาของเจ้าชายตเวียร์ หนึ่งในแหล่งที่มาของช่วงเวลานี้ Ivan III และ Ivan Young ถูกเรียกว่า "เผด็จการ" ดังนั้นตลอดช่วงทศวรรษ 1480 ตำแหน่งของ Ivan Ivanovich ในฐานะทายาทตามกฎหมายจึงค่อนข้างแข็งแกร่ง
ตำแหน่งของผู้สนับสนุนของ Sophia Palaeologis นั้นไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ตาม ภายในปี 1490 สถานการณ์ใหม่ได้เข้ามามีบทบาท ลูกชายของแกรนด์ดุ๊กซึ่งเป็นทายาทแห่งบัลลังก์ Ivan Ivanovich ล้มป่วยด้วย "คัมชูก้าที่ขา" (โรคเกาต์) โซเฟียเขียนหมอจากเวนิสออกมา - "มิสโตร ลีออน" ผู้ซึ่งสัญญากับอีวานที่ 3 อย่างเย่อหยิ่งเพื่อรักษาทายาทแห่งบัลลังก์ อย่างไรก็ตาม ความพยายามทั้งหมดของหมอก็ไร้ผล และในวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1490 อีวานเดอะยังก็เสียชีวิต แพทย์ถูกประหารชีวิตและมีข่าวลือไปทั่วมอสโกเกี่ยวกับการวางยาพิษของทายาท หนึ่งร้อยปีต่อมา ข่าวลือเหล่านี้ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้ ถูกบันทึกโดย Andrei Kurbsky นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่ถือว่าสมมติฐานของการวางยาพิษของ Ivan Molodoy นั้นไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากขาดแหล่งข้อมูล
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1498 พิธีราชาภิเษกของเจ้าชายมิทรีเกิดขึ้นที่อาสนวิหารอัสสัมชัญในบรรยากาศที่โอ่อ่าตระการตา โซเฟียและวาซิลีลูกชายของเธอไม่ได้รับเชิญ อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1502 การต่อสู้ของราชวงศ์ก็มาถึงข้อสรุปเชิงตรรกะ ตามพงศาวดาร Ivan III "สร้างความอับอายให้กับหลานชายของ Grand Duke Dmitry และแม่ของเขาใน Grand Duchess Elena และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเขาก็ไม่ได้สั่งให้มีการระลึกถึงใน litaniy และ litias และไม่ให้มีชื่อเป็น แกรนด์ดุ๊กและวางไว้ข้างหลังปลัดอำเภอ” ไม่กี่วันต่อมา Vasily Ivanovich ได้รับรัชกาลอันยิ่งใหญ่ ในไม่ช้า Dmitry หลานชายและแม่ของเขา Elena Voloshanka ถูกย้ายจากการถูกกักบริเวณในบ้านเพื่อคุมขัง ดังนั้นการต่อสู้ภายในตระกูลแกรนด์ดุ๊กจึงจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าชายวาซิลี เขากลายเป็นผู้ปกครองร่วมของบิดาของเขาและเป็นทายาทโดยชอบธรรมของราชรัฐแกรนด์ดัชชี การล่มสลายของมิทรีหลานชายและแม่ของเขายังกำหนดชะตากรรมของขบวนการปฏิรูปมอสโก - โนฟโกรอดในโบสถ์ออร์โธดอกซ์: สภาคริสตจักรในปี 1503 ในที่สุดก็เอาชนะมัน ผู้นำที่โดดเด่นและก้าวหน้าหลายคนของขบวนการนี้ถูกประหารชีวิต สำหรับชะตากรรมของผู้แพ้การต่อสู้ของราชวงศ์มันเป็นเรื่องน่าเศร้า: เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1505 Elena Stefanovna เสียชีวิตในการถูกจองจำและในปี ค.ศ. 1509 มิทรีเองก็เสียชีวิต "ต้องการความช่วยเหลือในคุก" "บางคนเชื่อว่าเขาเสียชีวิตจากความหิวโหยและความหนาวเหน็บ ส่วนคนอื่น ๆ ที่เขาหายใจไม่ออกเพราะควัน" เฮอร์เบอร์สไตน์รายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา แต่ประเทศที่เลวร้ายที่สุดรออยู่ข้างหน้า - รัชสมัยของหลานชายของ Sofia Paleologue - Ivan the Terrible
เจ้าหญิงไบแซนไทน์ไม่เป็นที่นิยม เธอถือว่าฉลาด แต่หยิ่งทะนง เจ้าเล่ห์ และร้ายกาจ ไม่ชอบเธอแม้แต่ในพงศาวดาร: ตัวอย่างเช่นเกี่ยวกับการกลับมาจาก Beloozero ผู้บันทึกบันทึก:“ แกรนด์ดัชเชสโซเฟีย ... วิ่งจากพวกตาตาร์ไปยังเบลูซีโรและไม่มีใครขับรถเธอ และประเทศใดที่ฉันไป ยิ่งพวกตาตาร์ - จากทาสโบยาร์ จากผู้กระหายเลือดที่นับถือศาสนาคริสต์ ข้าแต่พระเจ้า ตอบแทนพวกเขาตามการกระทำของพวกเขาและตามเล่ห์เหลี่ยมของกิจการของพวกเขา "

ชายดูมาผู้น่าอับอายแห่ง Vasily III Bersen Beklemishev ในการสนทนากับ Maxim the Greek พูดถึงเธอเช่นนี้: “ดินแดนของเราอาศัยอยู่ในความเงียบและสงบ เมื่อแม่ของแกรนด์ดุ๊กโซเฟียมาที่นี่พร้อมกับชาวกรีกของคุณ ดินแดนของเราจึงปะปนกันและเกิดความผิดปกติมากมาย เช่นเดียวกับในซาร์ผู้สำเร็จการศึกษาภายใต้กษัตริย์ของคุณ " แม็กซิมค้าน: "ท่านเจ้าข้า แกรนด์ดัชเชสโซเฟียเป็นครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ทั้งพ่อของเธอ ราชวงศ์ และแม่ของเธอคือแกรนด์ดยุคแห่งอิตาลิก" Bersen ตอบว่า: “ไม่ว่าจะเป็นอะไร แต่มันมาสู่ความโกลาหลของเรา” ความผิดปกตินี้ตาม Bersen แสดงให้เห็นว่าตั้งแต่นั้นมา "ประเพณีเก่าที่เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ได้เปลี่ยนไป", "ตอนนี้จักรพรรดิของเราปิดตัวลงที่ข้างเตียงทำทุกสิ่ง"
Prince Andrei Kurbsky เข้มงวดกับโซเฟียเป็นพิเศษ เขาเชื่อมั่นว่า "ในเจ้าชายรัสเซียที่มีนิสัยดี มารเป็นพันธมิตรกับศีลธรรมอันชั่วร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยภรรยาและพ่อมดที่ชั่วร้ายของพวกเขา เช่นเดียวกับในซาร์ของอิสราเอล มากกว่าที่พวกเขารับมาจากชาวต่างชาติ"; กล่าวหาโซเฟียถึงการวางยาพิษของจอห์นเดอะยัง, การตายของเอเลน่า, จากการถูกจองจำของมิทรี, เจ้าชายอังเดร Uglitsky และบุคคลอื่น ๆ เรียกเธอว่าหญิงชาวกรีกอย่างดูถูกว่าเป็น "แม่มด" ของชาวกรีก
ในอาราม Trinity-Sergius มีผ้าห่อศพที่เย็บด้วยมือของโซเฟียในปี 1498; ชื่อของเธอถูกปักบนผ้าห่อศพ และเธอเรียกตัวเองว่าไม่ใช่แกรนด์ดัชเชสแห่งมอสโก แต่เป็น "เจ้าหญิงแห่ง Tsarevgorodskaya" เห็นได้ชัดว่าเธอให้คุณค่ากับตำแหน่งเดิมของเธออย่างสูง หากเธอจำมันได้แม้หลังจากแต่งงานมา 26 ปีแล้ว

ผ้าห่อศพจาก Trinity-Sergius Lavra ที่ปักโดย Sophia Palaeologus

มีหลายรุ่นเกี่ยวกับบทบาทของ Sophia Palaeologis ในประวัติศาสตร์ของรัฐรัสเซีย:
ศิลปินและสถาปนิกถูกเรียกตัวจากยุโรปตะวันตกมาประดับพระราชวังและเมืองหลวง มีการสร้างวัดใหม่และพระราชวังใหม่ ชาวอิตาลี Alberti (อริสโตเติล) ​​ Fioraventi สร้างวิหารอัสสัมชัญและการประกาศ มอสโกถูกประดับประดาด้วย Faceted Chamber, หอคอยเครมลิน, พระราชวัง Teremny และในที่สุดมหาวิหารอาร์คแองเจิลก็ถูกสร้างขึ้น
เพื่อประโยชน์ในการแต่งงานของลูกชาย Vasily III เธอได้แนะนำประเพณีไบแซนไทน์ - การทบทวนเจ้าสาว
ถือเป็นผู้ก่อตั้งแนวคิดกรุงมอสโก - กรุงโรมที่สาม
โซเฟียเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1503 เมื่อสองปีก่อนที่สามีของเธอจะเสียชีวิต (เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1505)
เธอถูกฝังอยู่ในโลงศพหินสีขาวขนาดใหญ่ในหลุมฝังศพของวิหาร Ascension ในเครมลินถัดจากหลุมฝังศพของ Maria Borisovna ภรรยาคนแรกของ Ivan III บนฝาโลงศพ "โซเฟีย" มีรอยขีดข่วนด้วยเครื่องมือที่แหลมคม
อาสนวิหารแห่งนี้ถูกทำลายในปี 1929 และซากของโซเฟีย เช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่นๆ ในราชสำนัก ถูกย้ายไปยังห้องใต้ดินของภาคผนวกด้านใต้ของอาสนวิหารอาร์คแองเจิล

การถ่ายโอนซากของแกรนด์ดัชเชสและควีนส์ก่อนการทำลายอารามเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ พ.ศ. 2472

ฉันได้แบ่งปันข้อมูลที่ฉัน "ขุด" และจัดระบบให้กับคุณ ในขณะเดียวกัน เขาไม่ได้ยากจนลงเลยและพร้อมที่จะแบ่งปันต่อไป อย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง หากคุณพบข้อผิดพลาดหรือความไม่ถูกต้องในบทความ โปรดแจ้งให้เราทราบ [ป้องกันอีเมล]ฉันจะขอบคุณมาก

โซเฟีย Paleologueจากเจ้าหญิงไบแซนไทน์คนสุดท้ายสู่แกรนด์ดัชเชสแห่งมอสโก ด้วยความเฉลียวฉลาดและไหวพริบของเธอ เธอสามารถมีอิทธิพลต่อนโยบายของ Ivan III ชนะความสนใจในวัง โซเฟียยังสามารถนำ Vasily III ลูกชายของเธอขึ้นครองบัลลังก์ได้

ตามแบบจำลองไบแซนไทน์ Ivan III ได้พัฒนาระบบตุลาการที่ซับซ้อน ในเวลาเดียวกันเป็นครั้งแรกที่แกรนด์ดุ๊กเริ่มเรียกตัวเองว่า "ซาร์และเผด็จการของรัสเซียทั้งหมด" เป็นที่เชื่อกันว่าภาพของนกอินทรีสองหัวซึ่งต่อมาปรากฏบนเสื้อคลุมแขนของ Muscovy ถูกนำมาโดย Sofia Paleologue

การแต่งงานของ Ivan III และ Sophia Palaeologis ประสบความสำเร็จทางการเมืองและวัฒนธรรม สามารถทิ้งรอยไว้ได้ไม่เพียงแค่ในประวัติศาสตร์ของประเทศของตนเท่านั้น แต่ยังได้เป็นราชินีอันเป็นที่รักในต่างแดนอีกด้วย

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1472 อีวานที่ 3 แต่งงานเป็นครั้งที่สอง คราวนี้คนที่เขาเลือกคือเจ้าหญิงโซเฟียแห่งกรีก หลานสาวของจักรพรรดิไบแซนไทน์คนสุดท้ายที่คอนสแตนตินที่สิบเอ็ดพาเลโอโลกัส

หินขาว

สามปีหลังจากงานแต่งงาน Ivan III จะเริ่มจัดที่อยู่อาศัยของเขาด้วยการก่อสร้างมหาวิหารอัสสัมชัญซึ่งสร้างขึ้นบนที่ตั้งของวิหาร Kalita ที่รื้อถอน ไม่ว่าจะเป็นเพราะสถานะใหม่ - แกรนด์ดุ๊กแห่งมอสโกในเวลานั้นจะวางตำแหน่งตัวเองเป็น "อธิปไตยของรัสเซียทั้งหมด" - หรือความคิดจะถูก "กระตุ้น" โดยภรรยาของเขาโซเฟียไม่พอใจกับ "สถานการณ์ที่น่าสงสาร" มันยากที่จะพูดอย่างแจ่มแจ้ง ภายในปี ค.ศ. 1479 การก่อสร้างโบสถ์ใหม่จะแล้วเสร็จ และทรัพย์สินของโบสถ์จะถูกโอนไปยังมอสโกทั้งหมดในเวลาต่อมา ซึ่งยังคงถูกเรียกว่า "หินสีขาว" การก่อสร้างขนาดใหญ่จะดำเนินต่อไป วิหารการประกาศจะสร้างขึ้นบนฐานของโบสถ์ในวังเก่าแห่งการประกาศ ในการจัดเก็บคลังสมบัติของเจ้าชายมอสโก จะมีการสร้างห้องหินซึ่งภายหลังจะเรียกว่า "Kazenny Dvor" แทนที่จะเป็นคณะนักร้องประสานเสียงไม้เก่าเพื่อต้อนรับคณะทูต พวกเขาจะเริ่มสร้างห้องหินใหม่ที่เรียกว่า "นาเบเรจนายา" หอการค้าเหลี่ยมเพชรพลอยจะถูกสร้างขึ้นสำหรับการต้อนรับอย่างเป็นทางการ คริสตจักรจำนวนมากจะถูกสร้างขึ้นใหม่และสร้างใหม่ เป็นผลให้มอสโกจะเปลี่ยนรูปลักษณ์โดยสิ้นเชิงและเครมลินจะเปลี่ยนจากป้อมปราการไม้เป็น "ปราสาทยุโรปตะวันตก"

ชื่อใหม่

ด้วยการถือกำเนิดของโซเฟีย นักวิจัยจำนวนหนึ่งเชื่อมโยงพิธีการใหม่และภาษาทางการทูตใหม่ - ซับซ้อนและเข้มงวด พื้นฐานและตึงเครียด การแต่งงานกับทายาทผู้สูงศักดิ์ของจักรพรรดิไบแซนไทน์จะทำให้ซาร์จอห์นวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้สืบทอดทางการเมืองและสงฆ์ของไบแซนเทียมและการโค่นล้มครั้งสุดท้ายของแอก Horde จะทำให้สามารถโอนสถานะของเจ้าชายมอสโกไปสู่ระดับสูงที่ไม่สามารถบรรลุได้ ผู้ปกครองแห่งชาติของดินแดนรัสเซียทั้งหมด "อีวาน อธิปไตยและเจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่" ออกจากการกระทำของรัฐบาล และ "ยอห์น อธิปไตยแห่งรัสเซียทั้งหมด" ปรากฏขึ้น ความสำคัญของตำแหน่งใหม่นี้เสริมด้วยรายการขีด จำกัด ของรัฐมอสโกจำนวนมาก: "จักรพรรดิแห่งรัสเซียทั้งหมดและแกรนด์ดยุคแห่งวลาดิเมียร์และมอสโกและโนฟโกรอดและปัสคอฟและตเวียร์และเปียร์มและยูกอร์สกี้ และบัลแกเรีย และอื่นๆ"

ต้นกำเนิดของพระเจ้า

ในตำแหน่งใหม่ของเขา ที่มาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งงานกับโซเฟีย อีวานที่ 3 พบว่าแหล่งอำนาจก่อนหน้านี้ไม่เพียงพอ - การสืบทอดจากพ่อและปู่ของเขา แนวคิดเรื่องต้นกำเนิดอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับบรรพบุรุษของอธิปไตย แต่ไม่มีใครแสดงออกอย่างแน่นหนาและน่าเชื่อถือ ตามข้อเสนอของจักรพรรดิเยอรมันเฟรเดอริกที่ 3 เพื่อตอบแทนซาร์อีวานด้วยตำแหน่งราชวงศ์หลังจะตอบว่า: "... โดยพระคุณของพระเจ้าผู้มีอำนาจสูงสุดในดินแดนของเราตั้งแต่ต้นจากบรรพบุรุษคนแรกของเราและเรามี อุปสมบทจากพระเจ้า” แสดงให้เห็นว่าในการรับรู้ทางโลกถึงอำนาจของพระองค์ เจ้าชายมอสโกไม่ต้องการ

นกอินทรีสองหัว

เพื่อแสดงให้เห็นภาพการสืบทอดของราชวงศ์ที่ล่มสลายของจักรพรรดิไบแซนไทน์ด้วยสายตาจะพบการแสดงออกทางสายตา: ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 เสื้อคลุมแขนไบแซนไทน์ - นกอินทรีสองหัว - จะปรากฏขึ้นบนตราประทับของราชวงศ์ มีรุ่นอื่น ๆ จำนวนมากซึ่งนกสองหัว "บิน" แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิเสธว่าสัญลักษณ์นี้ปรากฏขึ้นระหว่างการแต่งงานของ Ivan III และทายาทไบแซนไทน์

จิตใจดีที่สุด

หลังจากโซเฟียมาถึงมอสโคว์แล้ว กลุ่มผู้อพยพที่น่าประทับใจจากอิตาลีและกรีซจะรวมตัวกันที่ศาลรัสเซีย ต่อจากนั้น ชาวต่างชาติจำนวนมากจะเข้ารับตำแหน่งรัฐบาลที่ทรงอิทธิพล และจะดำเนินการมอบหมายงานทางการทูตที่สำคัญที่สุดมากกว่าหนึ่งครั้ง เอกอัครราชทูตเยือนอิตาลีด้วยความสม่ำเสมอที่น่าอิจฉา แต่บ่อยครั้งประเด็นทางการเมืองไม่รวมอยู่ในรายการงานที่ได้รับมอบหมาย พวกเขากลับมาพร้อมกับ "การจับ" ที่ร่ำรวยอีกครั้ง: สถาปนิก, อัญมณี, ผู้ผลิตเหรียญและผู้ผลิตปืนซึ่งมีกิจกรรมในทิศทางเดียวกัน - เพื่อสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองของมอสโก คนงานเหมืองที่มาเยือนจะพบแร่เงินและทองแดงในดินแดน Pechora และในมอสโก พวกเขาจะเริ่มทำเหรียญจากเงินรัสเซีย จะมีแพทย์มืออาชีพจำนวนมากในหมู่ผู้เข้าชม

ผ่านสายตาชาวต่างชาติ

ในช่วงรัชสมัยของ Ivan III และ Sophia Palaeologis บันทึกรายละเอียดครั้งแรกของชาวต่างชาติเกี่ยวกับรัสเซียปรากฏขึ้น ก่อนหน้านั้น Muscovy ดูเหมือนจะเป็นดินแดนรกร้างที่มีศีลธรรมอันหยาบคายครอบงำ ตัวอย่างเช่น สำหรับการเสียชีวิตของผู้ป่วย แพทย์อาจถูกตัดศีรษะ แทง จมน้ำตาย และเมื่อหนึ่งในสถาปนิกชาวอิตาลีที่ดีที่สุด อริสโตเติล ฟิออราวันตี กลัวชีวิตของเขา ขอบ้านเกิดของเขา เขาถูกลิดรอนทรัพย์สินและถูกคุมขัง นักเดินทางเห็น Muscovy อีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้อยู่ในดินแดนหมีเป็นเวลานาน Josaphat Barbaro พ่อค้าชาวเวนิสรู้สึกทึ่งกับความผาสุกของเมืองรัสเซีย "อุดมสมบูรณ์ด้วยขนมปัง เนื้อ น้ำผึ้ง และสิ่งที่มีประโยชน์อื่นๆ" ชาวอิตาลี Ambrogio Cantarini สังเกตเห็นความงามของชาวรัสเซียทั้งชายและหญิง นักเดินทางชาวอิตาลีอีกคนหนึ่ง Alberto Campense ในรายงานของ Pope Clement VII เขียนเกี่ยวกับบริการชายแดนที่จัดอย่างยอดเยี่ยมโดย Muscovites การห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยกเว้นในวันหยุด แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขาหลงใหลในศีลธรรมของชาวรัสเซีย "การหลอกลวงซึ่งกันและกันถือเป็นอาชญากรรมที่เลวร้ายและเลวร้าย" Kampenze เขียน - การล่วงประเวณี ความรุนแรง และการมึนเมาในที่สาธารณะนั้นหายากมากเช่นกัน ความชั่วร้ายที่ผิดธรรมชาตินั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด และไม่เคยได้ยินคำให้การเท็จและการหมิ่นประมาทเลย”

ออเดอร์ใหม่

คุณลักษณะภายนอกมีบทบาทสำคัญในการลุกขึ้นของกษัตริย์ในสายตาของประชาชน Sophia Fominichna รู้เรื่องนี้จากตัวอย่างของจักรพรรดิไบแซนไทน์ พิธีในวังอันวิจิตร เสื้อคลุมของราชวงศ์อันหรูหรา การประดับตกแต่งลานบ้านอันวิจิตรงดงาม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ในมอสโก Ivan III ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดแล้วอาศัยอยู่ไม่กว้างและร่ำรวยกว่าโบยาร์มากนัก ในการกล่าวสุนทรพจน์ของวิชาที่ใกล้ที่สุด ได้ยินความเรียบง่าย - บางคนมีต้นกำเนิดในลักษณะเดียวกับแกรนด์ดุ๊กจาก Rurik สามีได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับชีวิตในราชสำนักของผู้มีอำนาจเผด็จการไบแซนไทน์จากภรรยาของเขาและจากผู้คนที่มากับเธอ บางทีเขาต้องการที่จะกลายเป็น "ของจริง" ที่นี่ด้วย ธรรมเนียมใหม่เริ่มปรากฏขึ้นทีละน้อย: Ivan Vasilyevich "เริ่มประพฤติตนอย่างสง่างาม" ก่อนที่เอกอัครราชทูตเขาได้รับฉายาว่า "ซาร์" เขาได้รับแขกต่างชาติด้วยความโอ่อ่าและเคร่งขรึมเป็นพิเศษเพื่อเป็นสัญญาณแห่งความเมตตาพิเศษเขาได้รับคำสั่งให้จูบมือของซาร์ . อีกไม่นานอันดับศาลจะปรากฏขึ้น - ห้องนอนเรือนเพาะชำนักขี่ม้าและอธิปไตยจะตอบแทนโบยาร์สำหรับการทำบุญ
หลังจากนั้นไม่นาน Sophia Palaeologis จะถูกเรียกว่าเป็นผู้วางอุบาย เธอจะถูกกล่าวหาว่าเสียชีวิตของ Ivan the Young ลูกเลี้ยงของเธอ และจะปรับแก้ "ความผิดปกติ" ในรัฐด้วยคาถาของเธอ อย่างไรก็ตาม การแต่งงานเพื่อความสะดวกสบายนี้จะมีอายุ 30 ปี และอาจจะเป็นหนึ่งในการแต่งงานที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์

ทางวิทยุ "Echo of Moscow" ฉันได้ยินการสนทนาที่น่าตื่นเต้นกับหัวหน้าแผนกโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์เครมลิน Tatyana Dmitrievna Panova และนักมานุษยวิทยาผู้เชี่ยวชาญ Sergei Alekseevich Nikitin พวกเขาพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับงานล่าสุดของพวกเขาอย่างละเอียด Sergei Alekseevich Nikitin อธิบาย Zoya (Sophia) Fominichna Palaeologus ที่มาถึงมอสโกเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1473 จากกรุงโรมจากผู้มีอำนาจออร์โธดอกซ์ที่โดดเด่นและพระคาร์ดินัลภายใต้สมเด็จพระสันตะปาปา Vissarion แห่ง Nicea เพื่อแต่งงานกับ Grand Duke of Moscow Ivan Vasilyevich III เกี่ยวกับ Zoya (Sophia) Palaeologius ในฐานะผู้ถือครองความเป็นส่วนตัวของยุโรปตะวันตกที่ระเบิดและบทบาทในประวัติศาสตร์ของรัสเซีย ดูบันทึกก่อนหน้าของฉัน รายละเอียดใหม่ที่น่าสนใจ

ดุษฎีบัณฑิตวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์ Tatyana Dmitrievna ยอมรับว่าในการเยือนพิพิธภัณฑ์เครมลินครั้งแรกเธอรู้สึกตกใจอย่างมากจากภาพของ Sophia Palaeologus ที่สร้างขึ้นใหม่จากกะโหลกศีรษะ เธอไม่สามารถขยับหนีจากรูปลักษณ์ที่กระทบกับเธอได้ บางสิ่งบนใบหน้าของโซเฟียดึงดูดเธอ - ความน่าสนใจและความเกรี้ยวกราด ความสนุกอย่างหนึ่ง

Tatyana Panova เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2547 กล่าวถึงการวิจัยในสุสานเครมลิน “เราเปิดโลงศพแต่ละโลง ยึดซากและซากของเสื้อผ้าที่ฝังศพ เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขามากนักและคนป่วยเป็นโรคอะไรในตอนนั้น แต่โดยทั่วไปแล้วมีคำถามที่น่าสนใจมากมาย แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนึ่งในนั้น ทิศทางที่น่าสนใจเช่นการสร้างภาพเหมือนของคนประติมากรรมในเวลานั้นจากกะโหลก แต่คุณรู้ไหม เรามีภาพวาดทางโลกปรากฏช้ามาก เฉพาะช่วงปลายศตวรรษที่ 17 แต่ที่นี่ เราได้สร้างภาพเหมือน 5 ภาพขึ้นใหม่แล้ว เราสามารถเห็นใบหน้าของ Evdokia Donskoy, Sophia Paleolog เป็นภรรยาคนที่สองของ Ivan III, Elena Glinskaya เป็นแม่ของ Ivan the Terrible โซเฟีย Paleolog เป็นคุณยายของ Ivan Grozny และ Elena Glinskaya เป็นแม่ของเขา ตอนนี้เรามี ตัวอย่างเช่นรูปเหมือนของ Irina Godunova เราก็ประสบความสำเร็จเช่นกันเนื่องจากกะโหลกศีรษะได้รับการเก็บรักษาไว้ และงานสุดท้ายคือ t ภรรยาคนที่สามของ Ivan the Terrible คือ Martha Sobakina ยังเป็นหญิงสาวที่อายุน้อยมาก "(http://echo.msk.ru/programs/kremlin/27010/)

จากนั้น ณ ตอนนี้ มีจุดเปลี่ยน - รัสเซียต้องตอบสนองต่อความท้าทายของการตกเป็นเหยื่อหรือความท้าทายในการฝ่าระบบทุนนิยม ความนอกรีตของชาวยูดายสามารถเข้ายึดครองได้ การต่อสู้ที่จุดสูงสุดได้ปะทุขึ้นอย่างจริงจัง และใช้รูปแบบของการต่อสู้เพื่อสืบราชบัลลังก์เพื่อชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรืออีกฝ่ายหนึ่งเช่นเดียวกับในตะวันตก

ดังนั้น Elena Glinskaya เสียชีวิตเมื่ออายุ 30 ปีและจากการศึกษาผมของเธอได้ทำการวิเคราะห์สเปกตรัม - เธอถูกวางยาพิษด้วยเกลือปรอท สิ่งเดียวกัน - ภรรยาคนแรกของ Ivan the Terrible, Anastasia Romanova ก็กลับกลายเป็นว่ามีเกลือปรอทจำนวนมาก

เนื่องจาก Sophia Palaeologis เป็นลูกศิษย์ของวัฒนธรรมกรีกและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เธอจึงให้รัสเซียเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังต่ออัตวิสัย ชีวประวัติของ Zoya (เธอมีชื่อเล่นว่า Sophia ในรัสเซีย) Palaeologis สามารถสร้างใหม่ได้ รวบรวมข้อมูลทีละนิด แต่ถึงกระนั้นวันนี้ก็ยังไม่ทราบวันเกิดที่แน่นอนของเธอ (ระหว่าง 1443 ถึง 1449) เธอเป็นลูกสาวของโธมัสเผด็จการโมเรย์ซึ่งครอบครองพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของคาบสมุทร Peloponnese ที่สปาร์ตาเคยเจริญรุ่งเรืองและในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 15 ศูนย์กลางทางจิตวิญญาณของออร์โธดอกซ์ตั้งอยู่ใน Mystra ภายใต้การอุปถัมภ์ของ ผู้ประกาศที่มีชื่อเสียงของนักอัญมณีแห่งศรัทธาที่ถูกต้อง Pleton Zoya Fominichna เป็นหลานสาวของจักรพรรดิคอนสแตนตินที่ 11 แห่งไบแซนไทน์คนสุดท้ายซึ่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1453 ที่กำแพงกรุงคอนสแตนติโนเปิลขณะปกป้องเมืองจากพวกเติร์ก เธอเติบโตขึ้นมาในอ้อมแขนของ Gemist Pleton และลูกศิษย์ผู้ซื่อสัตย์ของเขา Vissarion of Nicaea

โมเรียก็ตกอยู่ภายใต้การโจมตีของกองทัพของสุลต่าน และโธมัสก็ย้ายไปที่เกาะคอร์ฟูก่อน จากนั้นไปยังกรุงโรม ที่ซึ่งเขาเสียชีวิตในไม่ช้า ที่นี่ที่ศาลของหัวหน้าคริสตจักรคาทอลิกซึ่งหลังจากสหภาพฟลอเรนซ์ในปี 1438 Vissarion of Nicea ตั้งรกรากอย่างแน่นหนาลูก ๆ ของ Thomas ก็ถูกเลี้ยงดูมา - Zoe และพี่ชายสองคนของเธอ Andreas และ Manuel

ชะตากรรมของตัวแทนของราชวงศ์ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอำนาจของ Palaeologis นั้นน่าเศร้า มานูเอล ซึ่งเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม เสียชีวิตในความยากจนในกรุงคอนสแตนติโนเปิล อันเดรียสผู้ฝันจะคืนสมบัติเดิมของครอบครัวไม่บรรลุเป้าหมาย Elena พี่สาวของ Zoya ซึ่งเป็นราชินีแห่งเซอร์เบียซึ่งถูกกีดกันจากบัลลังก์โดยผู้พิชิตชาวตุรกีได้สิ้นสุดวันของเธอในอารามแห่งหนึ่งของกรีก เมื่อเทียบกับพื้นหลังนี้ ชะตากรรมของ Zoe Palaeologis ก็ดูดี

Vissarion of Nicaea ที่มีความคิดเชิงกลยุทธ์ซึ่งมีบทบาทนำในวาติกันหลังจากการล่มสลายของกรุงโรมที่สอง (คอนสแตนติโนเปิล) หันสายตาไปที่ป้อมปราการทางเหนือของ Pravolsavia ไปยัง Muscovite Russia ซึ่งแม้ว่าจะอยู่ภายใต้แอกตาตาร์ กำลังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนและในไม่ช้าก็จะปรากฏเป็นมหาอำนาจโลกใหม่ ... และเขานำแผนการที่ซับซ้อนเพื่อแต่งงานกับทายาทของจักรพรรดิแห่งไบแซนไทน์ Palaeologis กับแกรนด์ดยุคแห่งมอสโก Ivan III ที่เป็นม่ายไม่นานก่อน (ในปี 1467) การเจรจาดำเนินไปเป็นเวลาสามปีเนื่องจากการต่อต้านของเมืองหลวงมอสโก แต่พระประสงค์ของเจ้าชายได้รับชัยชนะ และเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1472 รถไฟเกวียนขนาดใหญ่ของ Zoe Palaiologos ได้ออกจากกรุงโรม

เจ้าหญิงกรีกเสด็จข้ามทวีปยุโรปทั้งหมด ตั้งแต่อิตาลีไปจนถึงเยอรมนีตอนเหนือ จนถึงเมืองลือเบค ที่ซึ่งคณะมาถึงเมื่อวันที่ 1 กันยายน การแล่นเรือต่อไปในทะเลบอลติกกลายเป็นเรื่องยากและกินเวลานานถึง 11 วัน จาก Kolyvan (ตามที่แหล่งข่าวในรัสเซียเรียกทาลลินน์) ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1472 ขบวนมุ่งหน้าผ่าน Yuryev (ปัจจุบันคือ Tartu), Pskov และ Novgorod ไปยังมอสโก ต้องใช้เวลานานเช่นนี้เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับอาณาจักรโปแลนด์ - ปิดถนนแผ่นดินที่สะดวกไปยังรัสเซีย

เฉพาะเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 1472 โซเฟียเข้าสู่กรุงมอสโกซึ่งในวันเดียวกันนั้นก็มีการประชุมและแต่งงานกับอีวานที่ 3 นี่คือจุดเริ่มต้นของยุค "รัสเซีย" ในชีวิตของเธอ

เธอพาผู้ช่วยชาวกรีกผู้อุทิศตนมาด้วย รวมทั้งเคอร์บุชซึ่งเจ้าชายแห่งแคชกินไป เธอยังนำของอิตาลีจำนวนหนึ่งมาด้วย งานปักก็มาจากเธอซึ่งกำหนดรูปแบบสำหรับอนาคต "ภรรยาของเครมลิน" เมื่อได้เป็นนายหญิงแห่งเครมลินแล้ว เธอพยายามทำหลายๆ ทางในการคัดลอกภาพและคำสั่งของชาวอิตาลีซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ประสบกับการระเบิดของอัตวิสัยที่ทรงพลังอย่างมหึมา

ก่อนหน้านี้ Vissarion of Nicaea ได้ส่งภาพเหมือนของ Zoe Paleologus ไปยังมอสโกซึ่งทำให้ดูเหมือนกับระเบิดที่ระเบิดบนชนชั้นสูงในมอสโก ท้ายที่สุด ภาพเหมือนฆราวาสก็เหมือนกับชีวิตนิ่ง เป็นอาการของอัตวิสัย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุก ๆ ครอบครัวที่สองใน "เมืองหลวงของโลก" ที่ก้าวหน้าที่สุดเช่นเดียวกันกับฟลอเรนซ์มีรูปเหมือนของเจ้าของและในรัสเซียพวกเขาใกล้ชิดกับอัตวิสัยใน "Judaizing" โนฟโกรอดมากกว่าในมอสโกที่มีมอสมากขึ้น การปรากฏตัวของภาพวาดในรัสเซียที่ไม่คุ้นเคยกับศิลปะทางโลกทำให้ผู้คนตกใจ เราทราบจากบันทึกของโซเฟีย โครนิเคิลว่านักประวัติศาสตร์ที่พบกับปรากฏการณ์ดังกล่าวครั้งแรกไม่สามารถละทิ้งประเพณีของคริสตจักรและเรียกภาพเหมือนว่าไอคอน: "... และนำเจ้าหญิงมาบนไอคอน" ไม่ทราบชะตากรรมของภาพวาด เป็นไปได้มากว่าเธอเสียชีวิตในกองไฟเครมลินจำนวนมาก ไม่มีรูปของโซเฟียรอดตายในกรุงโรมเช่นกัน แม้ว่าหญิงชาวกรีกจะอยู่ที่ราชสำนักของสมเด็จพระสันตะปาปาประมาณสิบปี เห็นได้ชัดว่าเราจะไม่มีทางรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรในวัยหนุ่มของเธอ

Tatyana Panova ในบทความ "Incarnation of the Middle Ages" http://www.vokrugsveta.ru/publishing/vs/column/?item_id=2556 สังเกตว่าภาพวาดฆราวาสปรากฏในรัสเซียเมื่อปลายศตวรรษที่ 17 เท่านั้น - ก่อนหน้านั้น มันอยู่ภายใต้การห้ามคริสตจักรที่เข้มงวด นี่คือเหตุผลที่เราไม่รู้ว่าตัวละครที่มีชื่อเสียงในอดีตของเราหน้าตาเป็นอย่างไร "ตอนนี้ต้องขอบคุณงานของผู้เชี่ยวชาญของมอสโกเครมลินพิพิธภัณฑ์สำรองและผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช เรามีโอกาสได้เห็นการปรากฏตัวของสตรีในตำนานสามคนของแกรนด์ดัชเชส: Evdokia Dmitrievna, Sophia Paleologue และ Elena Glinskaya และเปิดเผย ความลับของชีวิตและความตายของพวกเขา”

ภรรยาของผู้ปกครองชาวฟลอเรนซ์ Lorenzo Medici - Clarissa Orsini - พบว่า Zoya Palaeologus อายุน้อยเป็นที่น่าพอใจมาก: "รูปร่างเล็ก เปลวไฟตะวันออกส่องประกายในดวงตาของเธอ ความขาวของผิวของเธอพูดถึงขุนนางของครอบครัวของเธอ" ใบหน้าที่มีหนวด สูง 160. อิ่ม. Ivan Vasilievich ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นและไปกับเธอที่เตียงแต่งงาน (หลังงานแต่งงาน) ในวันเดียวกัน 12 พฤศจิกายน 1473 เมื่อ Zoya มาถึงมอสโก

การมาถึงของชาวต่างชาติถือเป็นเหตุการณ์สำคัญสำหรับชาวมอสโก พงศาวดารตั้งข้อสังเกตในกลุ่มเจ้าสาว "สีน้ำเงิน" และ "คนดำ" - อาหรับและแอฟริกันที่ไม่เคยเห็นในรัสเซียมาก่อน โซเฟียกลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่ยากลำบากของราชวงศ์เพื่อสืบทอดราชบัลลังก์รัสเซีย เป็นผลให้ Vasily ลูกชายคนโตของเธอ (1479-1533) กลายเป็นแกรนด์ดุ๊กโดยเลี่ยงทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายอีวานซึ่งการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคเกาต์ยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ อาศัยอยู่ในรัสเซียมานานกว่า 30 ปีโดยให้กำเนิดลูก 12 คนของสามี Sophia Paleologue ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกในประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา หลานชายของเธอ Ivan the Terrible คล้ายกับเธอในหลาย ๆ ด้าน นักมานุษยวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชช่วยให้นักประวัติศาสตร์เรียนรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของบุคคลนี้ซึ่งไม่ได้อยู่ในแหล่งข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษร เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าแกรนด์ดัชเชสมีขนาดเล็กไม่เกิน 160 ซม. ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนและมีความผิดปกติของฮอร์โมนอย่างร้ายแรง ซึ่งทำให้มีลักษณะและพฤติกรรมแบบผู้ชาย การตายของเธอเกิดขึ้นด้วยเหตุผลทางธรรมชาติเมื่ออายุ 55-60 ปี (ช่วงของตัวเลขเป็นเพราะไม่ทราบปีเกิดที่แน่นอนของเธอ) แต่บางทีสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคืองานที่สร้างรูปลักษณ์ของโซเฟียขึ้นใหม่ เนื่องจากกะโหลกศีรษะของเธอได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี เทคนิคการสร้างภาพเหมือนประติมากรรมของบุคคลขึ้นใหม่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการค้นหาทางนิติเวชและความถูกต้องของผลลัพธ์ได้รับการพิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำอีก

“ ฉัน” Tatiana Panova กล่าว“ โชคดีที่ได้เห็นขั้นตอนของการสร้างรูปลักษณ์ของโซเฟียขึ้นใหม่โดยไม่ทราบสถานการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับชะตากรรมที่ยากลำบากของเธอ และมันเป็นไปไม่ได้ - การต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของเธอเองและชะตากรรมของเธอ ลูกชายไม่สามารถทิ้งร่องรอยได้ โซเฟียทำให้แน่ใจว่าลูกชายคนโตของเธอกลายเป็นแกรนด์ดุ๊กวาซิลีที่ 3 การตายของทายาทโดยชอบธรรม Ivan Molodoy เมื่ออายุ 32 จากโรคเกาต์ยังคงมีข้อสงสัย อย่างไรก็ตามลีออนชาวอิตาลี เชิญโดยโซเฟีย ดูแลสุขภาพของเจ้าชาย เลือดกรีกยังส่งผลกระทบต่อ Ivan IV the Terrible - เขาคล้ายกับย่าของเขามากกับประเภทเมดิเตอร์เรเนียน ทีเอสเอ สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนเมื่อคุณดูภาพประติมากรรมของแม่ของเขา Grand Duchess Elena Glinskaya "

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาของสำนักนิติเวชแห่งมอสโก S.A. Nikitin และ T.D. Panova เขียนในบทความ "Anthropological Reconstruction" (http://bio.1september.ru/article.php?ID=200301806) การสร้างในช่วงกลางของ ศตวรรษที่ XX โรงเรียนฟื้นฟูมานุษยวิทยาของรัสเซียและผลงานของผู้ก่อตั้ง M.M. Gerasimov ทำปาฏิหาริย์ วันนี้เราสามารถมองเข้าไปในใบหน้าของ Yaroslav the Wise, Prince Andrei Bogolyubsky และ Timur, Tsar Ivan IV และ Fedor ลูกชายของเขา จนถึงปัจจุบัน มีการสร้างตัวเลขทางประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่: นักวิจัยของ Far North N.A. Begichev, Nestor the Chronicler, Agapit แพทย์ชาวรัสเซียคนแรก, เจ้าอาวาสคนแรกของอาราม Kiev-Pechersk Varlaam, Archimandrite Polycarp, Ilya Muromets, Sophia Paleologue และ Elena Glinskaya (ตามลำดับยายและแม่ของ Ivan the Terrible), Evdokia Donskaya ( ภรรยาของ Dmitry Donskoy), Irina Godunova (ภรรยาของ Fyodor Ioanovich) การฟื้นฟูใบหน้าบนกะโหลกศีรษะของนักบินที่เสียชีวิตในปี 2484 ในการต่อสู้เพื่อมอสโกดำเนินการในปี 2529 ทำให้สามารถสร้างชื่อของเขาได้ ภาพเหมือนของ Vasily และ Tatiana Pronchishchev สมาชิกของ Great Northern Expedition ได้รับการฟื้นฟูแล้ว พัฒนาโดยโรงเรียน M.M. วิธีการฟื้นฟูทางมานุษยวิทยาของ Gerasimov ประสบความสำเร็จในการแก้ไขความผิดทางอาญา

การวิจัยเกี่ยวกับซากของเจ้าหญิงกรีก Sophia Palaeologis เริ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 1994 เธอถูกฝังอยู่ในโลงศพหินสีขาวขนาดใหญ่ในหลุมฝังศพของวิหาร Ascension ในเครมลินถัดจากหลุมฝังศพของ Maria Borisovna ภรรยาคนแรกของ Ivan III บนฝาโลงศพ "โซเฟีย" มีรอยขีดข่วนด้วยเครื่องมือที่แหลมคม

สุสานของ Ascension Convent ในอาณาเขตของ Kremlin ซึ่งอยู่ในศตวรรษที่ XV-XVII ฝังเจ้าหญิงรัสเซียและเจ้าหญิงและซาร์หลังจากการทำลายอารามในปี 2472 ได้รับการช่วยเหลือจากคนงานในพิพิธภัณฑ์ ตอนนี้ขี้เถ้าของคนตัวสูงวางอยู่ในห้องใต้ดินของวิหารอาร์คแองเจิล เวลานั้นไร้ความปรานีและการฝังศพทั้งหมดไม่ได้มาถึงเราอย่างสมบูรณ์ แต่ซากของ Sophia Palaeologis นั้นได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดี (เกือบเป็นโครงกระดูกที่สมบูรณ์ยกเว้นกระดูกขนาดเล็กบางส่วน)

นักศัลยกรรมกระดูกสมัยใหม่สามารถระบุได้หลายอย่างโดยการศึกษาการฝังศพในสมัยโบราณ ไม่เพียงแต่เรื่องเพศ อายุ และส่วนสูงของคนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโรคที่พวกเขาต้องทนระหว่างชีวิตและการบาดเจ็บด้วย หลังจากเปรียบเทียบกะโหลกศีรษะ กระดูกสันหลัง กระดูกเชิงกราน กระดูกเชิงกราน และแขนขาที่ต่ำกว่า โดยคำนึงถึงความหนาโดยประมาณของเนื้อเยื่ออ่อนที่หายไปและกระดูกอ่อนระหว่างกระดูก จึงเป็นไปได้ที่จะสร้างรูปลักษณ์ภายนอกของโซเฟียขึ้นใหม่ อายุทางชีวภาพของแกรนด์ดัชเชสถูกกำหนดโดยระดับของรอยต่อของกะโหลกศีรษะมากเกินไปและการเสื่อมสภาพของฟันที่ 50-60 ปีซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ในตอนแรก ภาพเหมือนประติมากรรมของเธอถูกแกะสลักจากดินน้ำมันชนิดพิเศษ จากนั้นจึงทำการหล่อปูนปลาสเตอร์และย้อมสีให้คล้ายกับหินอ่อนคาร์รารา

เมื่อมองดูใบหน้าของโซเฟีย คุณจะมั่นใจ: ผู้หญิงคนนี้อาจเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเหตุการณ์นี้ ดังหลักฐานจากแหล่งข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษร น่าเสียดายที่วรรณกรรมประวัติศาสตร์สมัยใหม่ไม่มีภาพร่างชีวประวัติโดยละเอียดที่อุทิศให้กับชะตากรรมของเธอ

ภายใต้อิทธิพลของ Sophia Palaeologis และผู้ติดตามชาวกรีก-อิตาลี ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและอิตาลีทวีความรุนแรงขึ้น Grand Duke Ivan III เชิญสถาปนิก แพทย์ ช่างอัญมณี ผู้ผลิตเหรียญ และผู้ผลิตอาวุธมาที่มอสโก จากการตัดสินใจของ Ivan III สถาปนิกต่างชาติได้รับความไว้วางใจให้สร้างพระราชวังเครมลินขึ้นใหม่ และวันนี้เราชื่นชมอนุสาวรีย์ต่างๆ ซึ่งในเมืองหลวงเป็นหนี้อริสโตเติล ฟิโอโรแวนติ และมาร์โก รัฟโฟ, อเลวิซ ฟรายซิน และอันโตนิโอ โซลารี เป็นที่น่าอัศจรรย์ แต่มีอาคารหลายหลังในปลายศตวรรษที่ 15 - ต้นศตวรรษที่ 16 ในใจกลางกรุงมอสโกโบราณมีชีวิตรอดเช่นเดียวกับในช่วงชีวิตของ Sophia Palaeologis เหล่านี้เป็นวัดของเครมลิน (วิหารอัสสัมชัญและการประกาศ, โบสถ์แห่งการสะสมของเสื้อคลุม), ห้องเหลี่ยมเพชรพลอย - ห้องโถงพิธีของลานขุนนางแกรนด์, กำแพงและหอคอยของป้อมปราการ

ความแข็งแกร่งและความเป็นอิสระของ Sophia Palaeologis แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษสุดท้ายของชีวิตของ Grand Duchess เมื่ออยู่ในยุค 80 ศตวรรษที่สิบห้า ในข้อพิพาทราชวงศ์ที่ศาลของมอสโกอธิปไตย ขุนนางศักดินาสองกลุ่มได้เกิดขึ้น ผู้นำคนหนึ่งคือทายาทแห่งบัลลังก์ Prince Ivan Young ลูกชายของ Ivan III จากการแต่งงานครั้งแรกของเขา ที่สองถูกสร้างขึ้นในสภาพแวดล้อมของ "กรีก" รอบ ๆ Elena Voloshanka ภรรยาของ Ivan the Young กลุ่ม "Judaizers" ที่ทรงพลังและมีอิทธิพลได้ก่อตั้งขึ้นซึ่งเกือบจะชนะ Ivan III ไปด้านข้าง มีเพียงการล่มสลายของมิทรี (หลานชายของอีวานที่ 3 จากการแต่งงานครั้งแรกของเขา) และเอเลน่าแม่ของเขา (ในปี ค.ศ. 1502 พวกเขาถูกคุมขังซึ่งพวกเขาเสียชีวิต) เท่านั้นที่จะยุติความขัดแย้งที่ยืดเยื้อนี้

ภาพเหมือนการบูรณะปฏิมากรฟื้นคืนรูปลักษณ์ของโซเฟียในช่วงหลายปีสุดท้ายของชีวิตเธอ และวันนี้มีโอกาสที่น่าอัศจรรย์ที่จะเปรียบเทียบรูปลักษณ์ของ Sophia Palaeologis และหลานชายของเธอ Tsar Ivan IV Vasilyevich ซึ่งรูปปั้นประติมากรรมถูกสร้างขึ้นใหม่โดย M.M. Gerasimov ย้อนกลับไปในช่วงกลางทศวรรษ 1960 มองเห็นได้ชัดเจน: รูปวงรีของใบหน้า หน้าผากและจมูก ตาและคางของ Ivan IV เกือบจะเหมือนกับของคุณยายของเขา ศึกษากะโหลกศีรษะของกษัตริย์ที่น่าเกรงขาม M.M. Gerasimov แยกแยะสัญญาณที่สำคัญของประเภทเมดิเตอร์เรเนียนในนั้นและเชื่อมโยงสิ่งนี้กับที่มาของ Sophia Palaeologis อย่างไม่น่าสงสัย

ในคลังแสงของโรงเรียนรัสเซียแห่งการฟื้นฟูมานุษยวิทยามีวิธีการที่แตกต่างกัน: พลาสติก, กราฟิก, คอมพิวเตอร์และรวมกัน แต่สิ่งสำคัญในตัวพวกเขาคือการค้นหาและพิสูจน์รูปแบบในรูปร่าง ขนาด และตำแหน่งของรายละเอียดใด ๆ ของใบหน้า ใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อสร้างภาพเหมือนใหม่ นี่คือการพัฒนาของ M.M. Gerasimov เกี่ยวกับการสร้างเปลือกตา, ริมฝีปาก, ปีกจมูกและวิธีการของ G.V. Lebedinskaya เกี่ยวกับการสืบพันธุ์ของรูปแบบโปรไฟล์ของจมูก เทคนิคการสร้างแบบจำลองฝาครอบทั่วไปของเนื้อเยื่ออ่อนโดยใช้สันหนาที่ปรับเทียบแล้วทำให้สามารถทำซ้ำฝาครอบได้อย่างแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

บนพื้นฐานของเทคนิคที่พัฒนาโดย Sergei Nikitin เพื่อเปรียบเทียบลักษณะที่ปรากฏของรายละเอียดของใบหน้าและส่วนพื้นฐานของกะโหลกศีรษะ ผู้เชี่ยวชาญของศูนย์นิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงกิจการภายในของสหพันธรัฐรัสเซียได้สร้างวิธีการรวมกราฟิก ความสม่ำเสมอของตำแหน่งของเส้นขอบบนของการเจริญเติบโตของเส้นผมได้ถูกสร้างขึ้น การเชื่อมต่อที่ชัดเจนระหว่างการตั้งค่าของใบหูและความรุนแรงของ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีการพัฒนาวิธีการกำหนดตำแหน่งของลูกตา เผยให้เห็นสัญญาณที่สามารถระบุการมีอยู่และความรุนแรงของ epicanthus (พับมองโกลอยด์ของเปลือกตาบน)

ด้วยเทคนิคขั้นสูง Sergei Alekseevich Nikitin และ Tatyana Dmitrievna Panova เปิดเผยความแตกต่างหลายประการในชะตากรรมของ Grand Duchess Elena Glinskaya และหลานสาวของ Sofia Paleologue - Maria Staritskaya

แม่ของ Ivan the Terrible - Elena Glinskaya - เกิดเมื่อราวปี 1510 เธอเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1538 เธอเป็นลูกสาวของ Vasily Glinsky ซึ่งร่วมกับพี่น้องของเขา ได้หลบหนีจากลิทัวเนียไปยังรัสเซียหลังจากการจลาจลที่ล้มเหลวในบ้านเกิดของเขา ในปี ค.ศ. 1526 เอเลน่ากลายเป็นภรรยาของแกรนด์ดุ๊กวาซิลีที่ 3 จดหมายอ่อนโยนของเขาถึงเธอรอดชีวิตมาได้ ในปี ค.ศ. 1533-1538 เอเลน่าเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์กับลูกชายคนเล็กของเธอ อนาคตของซาร์อีวานที่ 4 ผู้ยิ่งใหญ่ ในช่วงรัชสมัยของเธอ กำแพงและหอคอยของ Kitai-Gorod ถูกสร้างขึ้นในมอสโก พวกเขาทำการปฏิรูปการเงิน (“เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ Ivan Vasilyevich แห่ง All Russia และ Grand Duchess Elena แม่ของเขาสั่งให้ทำเงินเก่าสำหรับเหรียญใหม่ เพื่อให้มีการตัดเงินจำนวนมากในเงินเก่าและส่วนผสม ... ") สรุปการสงบศึกกับลิทัวเนีย
ภายใต้ Glinskaya พี่ชายสองคนของสามี Andrei และ Yuri ผู้สมัครบัลลังก์ของ Grand Duke เสียชีวิตในคุก นี่คือวิธีที่แกรนด์ดัชเชสพยายามปกป้องสิทธิ์ของอีวานลูกชายของเธอ เอกอัครราชทูตแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ Sigmund Herberstein เขียนเกี่ยวกับ Glinskaya: “หลังจากการสิ้นพระชนม์ของซาร์มิคาอิล (อาของเจ้าหญิง) เขาตำหนิหญิงม่ายของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อชีวิตที่ไร้ค่า เพราะเหตุนี้ เธอจึงกล่าวหาว่าเขาขายชาติ และเขาเสียชีวิตในการควบคุมตัวไม่มีความสุข ไม่นาน ตัวเธอเองที่โหดร้ายก็เสียชีวิตด้วยพิษ และคนรักของเธอที่มีชื่อเล่นว่า แกะ ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ และหั่นเป็นชิ้น ๆ " หลักฐานการเป็นพิษของ Elena Glinskaya ได้รับการยืนยันเมื่อปลายศตวรรษที่ 20 เท่านั้นเมื่อนักประวัติศาสตร์ศึกษาซากของเธอ

“แนวคิดของโครงการที่จะกล่าวถึง” Tatiana Panova เล่า “เมื่อหลายปีก่อนตอนที่ฉันเข้าร่วมการตรวจสอบซากศพที่พบในห้องใต้ดินของบ้านเก่าในมอสโก NKVD ในสมัยของสตาลิน แต่การฝังศพกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของสุสานที่ถูกทำลายของศตวรรษที่ 17-18 ผู้ตรวจสอบยินดีที่จะปิดคดีและ Sergei Nikitin ซึ่งทำงานร่วมกับฉันจากสำนักนิติเวชพบว่าเขาและนักประวัติศาสตร์ -นักโบราณคดีมีวัตถุทั่วไปสำหรับการวิจัย - ซากของตัวเลขทางประวัติศาสตร์ ดังนั้นในปี 1994 งานจึงเริ่มขึ้นในสุสานของแกรนด์ดัชเชสรัสเซียและราชินีแห่งศตวรรษที่ 15 - ต้นศตวรรษที่ 18 ซึ่งได้รับการอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 ในห้องใต้ดิน ห้องถัดจากวิหารอาร์คแองเจิลแห่งเครมลิน "

ดังนั้นการสร้างรูปลักษณ์ใหม่ของ Elena Glinskaya จึงเน้นประเภทบอลติกของเธอ พี่น้อง Glinsky - Mikhail, Ivan และ Vasily - ย้ายไปมอสโคว์เมื่อต้นศตวรรษที่ 16 หลังจากการสมคบคิดที่ล้มเหลวของขุนนางลิทัวเนีย ในปี ค.ศ. 1526 ลูกสาวของ Vasily - Elena ซึ่งตามแนวคิดในตอนนั้นได้ลุกขึ้นนั่งในเด็กผู้หญิงกลายเป็นภรรยาของ Grand Duke Vasily III Ivanovich เธอเสียชีวิตกะทันหัน อายุ 27-28 ปี ใบหน้าของเจ้าหญิงโดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่นุ่มนวล เธอค่อนข้างสูงสำหรับผู้หญิงในเวลานั้น - ประมาณ 165 ซม. และสร้างขึ้นอย่างกลมกลืน นักมานุษยวิทยา Denis Pezhemsky ค้นพบความผิดปกติที่หายากมากในโครงกระดูกของเธอ: กระดูกสันหลังส่วนเอวหกชิ้นแทนที่จะเป็นห้าชิ้น

หนึ่งในผู้ร่วมสมัยของ Ivan the Terrible สังเกตเห็นผมสีแดงของเขา ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสีของซาร์ได้รับมรดก: การฝังศพมีซากผมของ Elena Glinskaya - สีแดงเช่นทองแดงสีแดงสี เป็นเส้นผมที่ช่วยค้นหาสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างไม่คาดฝันของหญิงสาว นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของเอเลน่ามีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ที่ตามมาของประวัติศาสตร์รัสเซียอย่างไม่ต้องสงสัย การก่อตัวของอุปนิสัยของอีวาน ลูกชายกำพร้าของเธอ ซาร์ผู้แข็งแกร่งในอนาคต

ดังที่คุณทราบ การทำความสะอาดร่างกายมนุษย์จากสารอันตรายเกิดขึ้นผ่านระบบตับและไต แต่สารพิษจำนวนมากสะสมและคงอยู่ในเส้นผมเป็นเวลานาน ดังนั้น ในกรณีที่อวัยวะอ่อนไม่สามารถเข้าถึงได้เพื่อทำการวิจัย ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวิเคราะห์สเปกตรัมของเส้นผม ซากของ Elena Glinskaya ได้รับการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช ผู้สมัครสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ Tamara Makarenko ผลลัพธ์ที่ได้นั้นล้นหลาม ในวัตถุประสงค์ของการวิจัย ผู้เชี่ยวชาญพบว่าความเข้มข้นของเกลือปรอท สูงกว่าปกติถึงพันเท่า ร่างกายไม่สามารถสะสมปริมาณดังกล่าวได้ทีละน้อย ซึ่งหมายความว่าเอเลน่าได้รับพิษปริมาณมหาศาลในทันที ซึ่งทำให้เกิดพิษเฉียบพลันและกลายเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่ใกล้จะถึงของเธอ

ต่อมา Makarenko ได้ทำการวิเคราะห์ซ้ำซึ่งทำให้เธอเชื่อว่าไม่มีข้อผิดพลาดภาพของการเป็นพิษนั้นสดใสมาก เจ้าหญิงน้อยถูกกำจัดด้วยความช่วยเหลือของเกลือปรอทหรือเมอร์คิวริกคลอไรด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสารพิษจากแร่ธาตุที่พบบ่อยที่สุดในยุคนั้น

ดังนั้น 400 ปีต่อมาจึงเป็นไปได้ที่จะค้นหาสาเหตุของการเสียชีวิตของแกรนด์ดัชเชส และด้วยเหตุนี้เพื่อยืนยันข่าวลือเกี่ยวกับการวางยาพิษของ Glinskaya ซึ่งอ้างถึงในบันทึกย่อของชาวต่างชาติบางคนที่ไปเยือนมอสโกในศตวรรษที่ XVI-XVII

Maria Staritskaya วัยเก้าขวบก็ถูกวางยาพิษในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1569 พร้อมกับพ่อของเธอ Vladimir Andreevich Staritsky ลูกพี่ลูกน้องของ Ivan IV Vasilyevich ระหว่างทางไป Aleksandrovskaya Sloboda ที่ระดับความสูงมากของ Oprichnina เมื่อผู้อ้างสิทธิ์ใน บัลลังก์มอสโกถูกทำลาย ประเภทเมดิเตอร์เรเนียน ("กรีก") เห็นได้ชัดว่ามีลักษณะเหมือน Sophia Palaeologis และหลานชาย Ivan the Terrible ซึ่งทำให้หลานสาวของเธอโดดเด่น จมูกเบี้ยว ริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของผู้ชาย และมีแนวโน้มเป็นโรคกระดูกพรุน ดังนั้น Sergei Nikitin ค้นพบสัญญาณของ hyperostosis หน้าผาก (การแพร่กระจายของกระดูกหน้าผาก) บนกะโหลกศีรษะของ Sofia Palaeologis ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผลิตฮอร์โมนเพศชายส่วนเกิน และหลานสาวของมาเรียก็พบว่าเป็นโรคกระดูกอ่อน

ส่งผลให้ใบหน้าของอดีตมีความใกล้ชิดและเป็นรูปธรรม ครึ่งสหัสวรรษ - แต่ราวกับเมื่อวาน

สวัสดีผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์และผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์นี้เป็นประจำ! ในบทความ "Sophia Palaeologis: ชีวประวัติของ Grand Duchess of Moscow" เกี่ยวกับชีวิตของภรรยาคนที่สองของจักรพรรดิแห่งรัสเซีย Ivan III ทั้งหมด ท้ายบทความมีวิดีโอบรรยายที่น่าสนใจในหัวข้อนี้

ชีวประวัติของ Sophia Paleologue

รัชสมัยของอีวานที่ 3 ในรัสเซียถือเป็นช่วงเวลาแห่งการสถาปนาระบอบเผด็จการของรัสเซีย การรวมกองกำลังรอบอาณาเขตมอสโกที่รวมกันเป็นหนึ่ง ช่วงเวลาของการโค่นล้มแอกมองโกล-ตาตาร์ครั้งสุดท้าย

จักรพรรดิแห่งรัสเซียทั้งหมด Ivan III

Ivan III แต่งงานครั้งแรกเมื่อยังเด็ก เมื่ออายุเพียงเจ็ดขวบ เขาหมั้นหมายกับลูกสาวของเจ้าชายแห่งตเวียร์ มาเรีย โบริซอฟนา ขั้นตอนนี้ถูกกำหนดโดยแรงจูงใจทางการเมือง

ผู้ปกครองที่เป็นปฏิปักษ์มาจนถึงเวลานั้นได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ Dmitry Shemyaka ผู้ซึ่งพยายามจะยึดบัลลังก์ของเจ้าชาย คู่หนุ่มสาวแต่งงานกันในปี 1462 แต่หลังจากแต่งงานกันอย่างมีความสุขมาห้าปี แมรี่ก็เสียชีวิต ทิ้งลูกชายคนเล็กของสามีไว้ พวกเขาบอกว่าเธอถูกวางยาพิษ

จับคู่

อีกสองปีต่อมา Ivan III เริ่มต้นการจับคู่ที่มีชื่อเสียงกับเจ้าหญิงไบแซนไทน์เนื่องจากผลประโยชน์ทางราชวงศ์ Thomas Palaeologius น้องชายของจักรพรรดิ์อาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา ลูกสาวของเขา โซเฟีย ซึ่งเลี้ยงดูโดยทายาทของสมเด็จพระสันตะปาปา ได้รับการเสนอโดยชาวโรมันให้เป็นภรรยาของเจ้าชายมอสโก

สมเด็จพระสันตะปาปาหวังในลักษณะนี้เพื่อเผยแพร่อิทธิพลของคริสตจักรคาทอลิกในรัสเซีย เพื่อใช้ Ivan III ในการต่อสู้กับตุรกีซึ่งยึดกรีซ ข้อโต้แย้งที่สำคัญคือสิทธิของโซเฟียในการครองบัลลังก์คอนสแตนติโนเปิล

สำหรับส่วนของเขา Ivan III ต้องการยืนยันอำนาจของเขาโดยการแต่งงานกับทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายของบัลลังก์ หลังจากได้รับข้อเสนอจากกรุงโรม ผู้ทรงอำนาจหลังจากปรึกษากับแม่ของเขา มหานคร และโบยาร์ ได้ส่งเอกอัครราชทูตไปยังกรุงโรม - ปรมาจารย์เหรียญ Ivan Fryazin ชาวอิตาลีโดยกำเนิด

Fryazin กลับมาพร้อมกับรูปเหมือนของเจ้าหญิงและด้วยการรับรองถึงความมีเมตตากรุณาอย่างสมบูรณ์ของกรุงโรม นอกจากนี้เขายังได้เดินทางไปอิตาลีเป็นครั้งที่สองโดยมีอำนาจในการเป็นตัวแทนของเจ้าชายในการหมั้น

งานแต่งงาน

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1472 โซเฟีย พาเลโอโลกัสออกจากกรุงโรม พร้อมด้วยพระคาร์ดินัลแอนโธนีและผู้ติดตามจำนวนมาก ในรัสเซียเธอได้รับการต้อนรับอย่างเคร่งขรึม ผู้ส่งสารคนหนึ่งขี่ม้าต่อหน้าผู้ติดตามเพื่อเตือนการเคลื่อนไหวของเจ้าหญิงไบแซนไทน์

งานแต่งงานจัดขึ้นที่มหาวิหารอัสสัมชัญแห่งมอสโกเครมลินในปี 1472 การเข้าพักของโซเฟียในรัสเซียใกล้เคียงกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของประเทศ เจ้าหญิงไบแซนไทน์ไม่ได้ทำตามความหวังของกรุงโรม เธอไม่ได้รณรงค์ให้คริสตจักรคาทอลิก

ห่างจากผู้พิทักษ์ที่คอยเฝ้าระวัง บางทีอาจเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกเหมือนเป็นทายาทของกษัตริย์ เธอต้องการอิสระและอำนาจ ที่บ้านของเจ้าชายมอสโก เธอเริ่มรื้อฟื้นคำสั่งศาลไบแซนไทน์

"งานแต่งงานของ Ivan III กับ Sophia Palaeologis ในปี 1472" การแกะสลักศตวรรษที่ 19

ตามตำนานเล่าว่าโซเฟียได้นำหนังสือหลายเล่มมากับเธอจากโรม ในสมัยนั้น หนังสือเล่มนี้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย หนังสือเหล่านี้รวมอยู่ในห้องสมุดซาร์ที่มีชื่อเสียงของ Ivan the Terrible

ผู้ร่วมสมัยสังเกตว่าหลังจากแต่งงานกับหลานสาวของจักรพรรดิแห่งไบแซนเทียมอีวานก็กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในรัสเซีย เจ้าชายเริ่มตัดสินใจเรื่องของรัฐอย่างอิสระ นวัตกรรมถูกรับรู้แตกต่างกัน หลายคนกลัวว่าระเบียบใหม่จะนำไปสู่การทำลายล้างของรัสเซียเช่นเดียวกับไบแซนเทียม

ขั้นตอนที่เด็ดขาดของอธิปไตยต่อ Golden Horde นั้นได้รับเครดิตด้วยอิทธิพลของแกรนด์ดัชเชส พงศาวดารนำคำพูดที่โกรธแค้นของเจ้าหญิงมาให้เรา: "ฉันจะเป็นลูกจ้างของข่านได้นานแค่ไหน!" เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการส่งผลกระทบต่อความภาคภูมิใจของกษัตริย์ เฉพาะภายใต้ Ivan III เท่านั้นในที่สุดรัสเซียก็สลัดแอกตาตาร์

ชีวิตครอบครัวของแกรนด์ดัชเชสประสบความสำเร็จ นี่คือหลักฐานจากลูกหลานจำนวนมาก: ลูก 12 คน (ลูกสาว 7 คนและลูกชาย 5 คน) ลูกสาวสองคนเสียชีวิตในวัยเด็ก - หลานชายของเธอ ปีแห่งชีวิตของโซเฟีย (โซอี้) Palaeologis: 1455-1503

วีดีโอ

ในวิดีโอนี้ข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียด (บรรยาย) "Sophia Palaeologis: ชีวประวัติ" ↓