Amedeo Modigliani ผลงานจิตรกรรม ผู้หญิงคอหงส์
อัจฉริยะที่ไม่มีใครรู้จักคนนี้เสียชีวิตด้วยความยากจนและตอนนี้สำหรับภาพวาดของเขาในการประมูลมีโชคลาภ ชื่อของศิลปินอื้อฉาวซึ่งเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของเขากล่าวว่า "จิตรกรดั้งเดิมเป็นเด็กดาราและไม่มีความเป็นจริงสำหรับเขา" ปกคลุมไปด้วยตำนาน ผลงานของครีเอเตอร์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ได้ทำอะไรเพื่อการแสดง ไม่สามารถวางให้อยู่ในกรอบของทิศทางศิลปะเดียวได้
Amedeo Modigliani: ชีวประวัติสั้น
จิตรกรและประติมากรชาวอิตาลี Amedeo Modigliani เกิดในเมือง Livorno ในปี 1884 ในครอบครัวชาวยิว พ่อของเขาประกาศตัวเองล้มละลาย และแม่ของเด็กชายซึ่งได้รับการศึกษาที่ดีเยี่ยม กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวในยามยากลำบาก มีบุคลิกที่เข้มแข็งและเจตจำนงที่แน่วแน่ ผู้หญิงที่รู้หลายภาษาสามารถหาเงินได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยการแปล ลูกชายคนสุดท้อง Amedeo เป็นเด็กที่สวยงามและป่วยหนัก และ Eugenia Modigliani ไม่มีวิญญาณในลูกของเธอ
เด็กชายคนนี้ผูกพันกับแม่อย่างแน่นแฟ้นซึ่งจำได้อย่างรวดเร็วว่าเขาสามารถวาดรูปได้ เธอส่งลูกชายวัย 14 ปีไปเรียนที่โรงเรียนของศิลปิน Micheli วัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งในเวลานั้นได้รับการศึกษาที่หลากหลาย ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เขาทำในสิ่งที่เขาวาดเป็นเวลาหลายวันเท่านั้น ยอมจำนนต่อความหลงใหลของเขาอย่างสมบูรณ์
ทำความคุ้นเคยกับผลงานชิ้นเอกของศิลปะโลก
เด็กชายที่ป่วยบ่อยซึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นวัณโรคด้วย ถูกแม่ของเขาพาไปที่เกาะคาปรีในปี 1900 เพื่อปรับปรุงสุขภาพของเขา Amedeo Modigliani ผู้มาเยือนกรุงโรม เวนิส ฟลอเรนซ์ ได้รู้จักกับผลงานชิ้นเอกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และกล่าวถึงในจดหมายของเขาว่า "ภาพที่สวยงามได้รบกวนจินตนาการของเขาตั้งแต่นั้นมา" ปรมาจารย์ชาวอิตาลีที่เป็นที่รู้จัก รวมทั้งบอตติเชลลี กลายเป็นครูของจิตรกรรุ่นเยาว์ ต่อมา ศิลปินผู้ใฝ่ฝันที่จะอุทิศชีวิตให้กับงานศิลปะ จะรื้อฟื้นความประณีตและบทกวีของภาพในผลงานของเขา
อีกสองปีต่อมาชายหนุ่มย้ายไปที่ฟลอเรนซ์และเข้าเรียนในโรงเรียนจิตรกรรมและต่อมาก็ศึกษาต่อที่เวนิสซึ่งตามที่นักวิจัยของอัจฉริยะเขาติดกัญชา ชายหนุ่มพัฒนารูปแบบการเขียนเป็นรายบุคคลซึ่งแตกต่างจากแนวโน้มทางศิลปะที่มีอยู่โดยพื้นฐาน
ชีวิตโบฮีเมียนในปารีส
ไม่กี่ปีต่อมา Amedeo Modigliani ผู้ซึ่งสูญเสียแรงบันดาลใจในอิตาลีได้คิดถึงชีวิตโบฮีเมียนในฝรั่งเศส เขาปรารถนาอิสรภาพ และแม่ของเขาช่วยลูกชายสุดที่รักของเธอย้ายไปปารีสที่มงต์มาตร์ และสนับสนุนงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของเขา ตั้งแต่ปีพ. ศ. 2449 Modi ตามที่เพื่อนใหม่ของศิลปินเรียกเขา (โดยวิธีการที่คำว่า maudit แปลจากภาษาฝรั่งเศสว่า "สาปแช่ง") สนุกกับจิตวิญญาณพิเศษของเมือง จิตรกรสุดหล่อที่แฟนไม่มีสิ้นสุด มีเงินไม่พอ
เขาเดินไปรอบ ๆ ห้องที่ตกแต่งอย่างถูกที่สุด ดื่มมาก ๆ และลองเสพยา อย่างไรก็ตาม ทุกคนสังเกตเห็นว่าศิลปินผู้ติดสุรา มีความรักในความสะอาดเป็นพิเศษ และเขาซักเสื้อตัวเดียวของเขาทุกวัน ไม่มีใครสามารถแข่งขันในแง่ของความสง่างามกับ Amedeo Modigliani ที่ไม่อาจต้านทานได้ ภาพถ่ายของศิลปินที่รอดชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ ถ่ายทอดความงดงามและความซับซ้อนอันน่าทึ่งของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้หญิงทุกคนคลั่งไคล้สายตาของจิตรกรร่างสูงสวมสูทกำมะหยี่เดินไปตามถนนพร้อมกับสมุดสเก็ตช์ภาพ และไม่มีใครสามารถต้านทานเสน่ห์ของอาจารย์ผู้น่าสงสารได้
หลายคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นชาวอิตาลี แต่ Modigliani ซึ่งต่อต้านพวกต่อต้านชาวยิว ไม่ได้ปิดบังความจริงที่ว่าเขาเป็นชาวยิว บุคคลอิสระที่ถือว่าตนเองเป็นคนนอกสังคมไม่หลอกลวงใคร
อัจฉริยะที่ไม่รู้จัก
ในฝรั่งเศส Amedeo กำลังมองหาสไตล์ของเขา ระบายสี และปฏิบัติต่อเพื่อนใหม่ในบาร์ด้วยเงินที่ได้จากการขาย เป็นเวลาสามปีในปารีสที่ Modigliani ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้ชมและนักวิจารณ์แม้ว่าเพื่อนของศิลปินจะถือว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่ไม่รู้จัก
ในปี 1909 Amedeo Modigliani ซึ่งชีวประวัติเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่น่าทึ่ง ได้พบกับประติมากร Brancusi ที่แปลกประหลาดและชอบทำงานกับหิน ชายหนุ่มไม่มีเงินพอสำหรับไม้หรือหินทรายสำหรับผลงานชิ้นเอกในอนาคต และเขาขโมยวัสดุที่จำเป็นจากสถานที่ก่อสร้างรถไฟใต้ดินของเมืองในตอนกลางคืน ต่อมาเขาเลิกแกะสลักเพราะโรคปอด
ความโรแมนติกอย่างสงบกับ Akhmatova
ช่วงเวลาใหม่ในงานของอาจารย์เริ่มต้นขึ้นหลังจากพบกับ A. Akhmatova ซึ่งมาถึงปารีสพร้อมกับสามีของเธอ N. Gumilyov Amedeo ชอบกวีหญิง เรียกเธอว่าราชินีแห่งอียิปต์ และชื่นชมความสามารถของเธออย่างไม่รู้จบ ตามที่แอนนายอมรับในเวลาต่อมา พวกเขาเชื่อมต่อกันด้วยความสัมพันธ์แบบสงบเท่านั้น และความโรแมนติกที่ไม่ธรรมดานี้กระตุ้นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สองคน แรงบันดาลใจจากความรู้สึกใหม่ ชายผู้กระตือรือร้นวาดภาพเหมือนของอัคมาโตวาซึ่งยังไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
งานส่วนใหญ่ที่ส่งไปยังรัสเซียหายไประหว่างการปฏิวัติ แอนนาเหลือภาพเหมือนหนึ่งซึ่งเธอหวงแหนอย่างไม่น่าเชื่อและถือว่าความมั่งคั่งหลักของเธอ เมื่อเร็ว ๆ นี้พบภาพร่างของกวีเปลือยสามคนที่รอดชีวิตแม้ว่า Akhmatova เองอ้างว่าเธอไม่เคยโพสท่าโดยไม่มีเสื้อผ้าและภาพวาดของ Modi ทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของเขา
ความสัมพันธ์ครั้งใหม่
ในปี 1914 ศิลปิน Amedeo Modigliani ได้พบกับนักเดินทางชาวอังกฤษ กวี นักข่าว B. Hastings และทุกคนในปารีสต่างก็เฝ้าดูการประลองอันดุเดือดระหว่างคนทั้งสอง ท่วงทำนองที่เป็นอิสระของอัจฉริยภาพเป็นสิ่งที่คู่ควรกับผู้ที่เธอรัก และหลังจากการทะเลาะวิวาทอย่างรุนแรง การดูถูก เรื่องอื้อฉาวที่เขย่าเมือง การพักรบจึงตามมา จิตรกรอารมณ์ความรู้สึกอิจฉาแฟนสาวของเขา เต้น สงสัยว่าจะจีบและทรยศ เขาลากผมของเธอและแม้กระทั่งโยนผู้หญิงคนนั้นออกไปนอกหน้าต่าง เบียทริซพยายามกำจัดคนรักที่เสพติดการเสพติด แต่เธอก็ทำได้ไม่ดีนัก เบื่อกับการทะเลาะวิวาทไม่รู้จบ นักข่าวจาก Modigliani ในอีกสองปีต่อมาซึ่งเขียนผลงานที่ดีที่สุดของเขาในช่วงเวลานี้ พวกเขาไม่เคยเห็นหน้ากันอีกเลย
ความรักหลักของชีวิตจิตรกร
ในปีพ.ศ. 2460 ศิลปินอื้อฉาวได้พบกับจีนน์ นักศึกษาวัย 19 ปี ซึ่งกลายมาเป็นนางแบบคนโปรด ท่วงทำนอง และเพื่อนที่ทุ่มเทที่สุด คู่รักนั่งลงด้วยกันแม้จะมีการประท้วงจากพ่อแม่ของหญิงสาวที่ไม่อยากเห็นชาวยิวที่วุ่นวายเป็นลูกเขย ในปีพ. ศ. 2461 ทั้งคู่ย้ายไปที่เมืองนีซซึ่งสภาพอากาศที่สบายส่งผลต่อสุขภาพของเจ้านายซึ่งถูกทำลายด้วยแอลกอฮอล์และยาเสพติด แต่วัณโรคที่ถูกละเลยไม่คล้อยตามการรักษาอีกต่อไป ในฤดูใบไม้ร่วง Amedeo Modigliani และ Jeanne Hebuterne กลายเป็นพ่อแม่ที่มีความสุข และจิตรกรผู้เป็นที่รักได้เชิญแฟนสาวของเขาให้จดทะเบียนสมรส แต่ความเจ็บป่วยที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วได้ทำลายแผนการทั้งหมด
ในเวลานี้ตัวแทนของศิลปินจัดนิทรรศการและขายภาพวาดและความสนใจในผลงานของผู้สร้างที่ยอดเยี่ยมเพิ่มขึ้นพร้อมกับราคางานศิลปะ ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2462 พ่อแม่รุ่นเยาว์กลับมาปารีส โมดีอ่อนแอมาก และเจ็ดเดือนต่อมาเขาก็เสียชีวิตในโรงพยาบาลเพื่อคนไร้บ้านที่ยากจนอย่างแท้จริง เมื่อรู้ว่าผู้เป็นที่รักของเธอเสียชีวิต จีนน์ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองของเธอ ถูกโยนลงมาจากชั้นหก ชีวิตที่ปราศจาก Amedeo นั้นดูไร้ความหมายสำหรับเธอ และ Hebuterne ฝันที่จะเข้าร่วมกับเขาเพื่อเพลิดเพลินไปกับความสุขนิรันดร์ในอีกโลกหนึ่ง หญิงสาวแบกความรักของเธอจนหมดลมหายใจ และในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดคือเธอเท่านั้นที่เป็นผู้อุปถัมภ์กบฏอันเป็นที่รักของเธอและเป็นเทวดาผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์ของเขา
ทั้งปารีสเห็นศิลปินในการเดินทางครั้งสุดท้ายของเขาและผู้ที่รักของเขาซึ่งวงโบฮีเมียนจำได้ว่าเป็นภรรยาของเขาก็ถูกฝังอย่างสุภาพในวันรุ่งขึ้น สิบปีต่อมา ครอบครัวของ Jeanne ตกลงที่จะย้ายขี้เถ้าของเธอไปที่หลุมศพของ Amedeo Modigliani เพื่อที่ดวงวิญญาณของคู่รักจะได้พบกับความสงบสุขในที่สุด
จีนน์ลูกสาวซึ่งตั้งชื่อตามแม่ของเธอเสียชีวิตในปี 2527 เธออุทิศชีวิตเพื่อศึกษาความคิดสร้างสรรค์ของพ่อแม่
มนุษย์คือโลกทั้งใบ
ศิลปินไม่ต้องการรู้อะไรเลยนอกจากตัวเขาเองที่มีบุคลิกเป็นแรงบันดาลใจเพียงอย่างเดียวของเขา เขาไม่ได้วาดภาพสิ่งมีชีวิตและภูมิทัศน์ แต่เปลี่ยนเป็นภาพบุคคล จากความเป็นจริงของชีวิตผู้สร้างทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนซึ่งเขาได้รับฉายาว่า "คนบ้า" อาศัยอยู่ในโลกของเขาเอง เขาไม่สังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกหน้าต่าง และไม่ติดตามว่าเวลาผ่านไปอย่างไร ไม่เหมือนคนอื่นๆ เลย Amedeo Modigliani ผู้ซึ่งชื่นชมความงามของร่างกาย มองเห็นผู้คน ผลงานของอาจารย์ยืนยันสิ่งนี้: บนผืนผ้าใบ ตัวละครทั้งหมดเป็นเหมือนเทพเจ้าโบราณ ศิลปินประกาศว่า "มนุษย์เป็นโลกทั้งใบที่มีค่าหลายโลก"
บนผืนผ้าใบของเขาไม่เพียง แต่วีรบุรุษที่จมอยู่ในความโศกเศร้าที่เงียบสงบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวละครที่เด่นชัดของพวกเขาด้วย ศิลปินที่มักจะจ่ายเงินด้วยภาพสเก็ตช์ดินสอสำหรับอาหาร ปล่อยให้นางแบบของเขามองเข้าไปในดวงตาของผู้สร้าง ราวกับว่ามองเข้าไปในเลนส์กล้อง เขาวาดภาพคนที่คุ้นเคย เด็ก ๆ บนท้องถนน โมเดล และเขาไม่สนใจธรรมชาติแม้แต่น้อย มันอยู่ในประเภทภาพเหมือนที่ผู้เขียนพัฒนารูปแบบการเขียนเป็นรายบุคคล ซึ่งเป็นหลักการในการวาดภาพของเขาเอง และเมื่อเขาพบมัน เขาก็จะไม่เปลี่ยนแปลงมันอีกต่อไป
ความสามารถพิเศษ
ผู้สร้างชื่นชมร่างกายผู้หญิงที่เปลือยเปล่าและพบความกลมกลืนระหว่างร่างกายกับวิญญาณที่สั่นเทาของนางเอก นักวิจัยจากผลงานของเขาระบุว่าเงาที่สง่างามดูเหมือน "เศษปูนเปียกที่เขียนขึ้นไม่ได้มาจากบางรุ่น แต่ราวกับสังเคราะห์จากรุ่นอื่น" ก่อนอื่น Amedeo Modigliani มองเห็นอุดมคติของความเป็นผู้หญิงในตัวพวกเขาและผืนผ้าใบของเขาอาศัยอยู่ในอวกาศตามกฎหมายของพวกเขาเอง ผลงานที่ยกย่องความงามของร่างกายมนุษย์กลายเป็นที่รู้จักหลังจากการตายของอาจารย์และนักสะสมจากทั่วทุกมุมโลกเริ่มตามล่าหาผืนผ้าใบของเขาซึ่งผู้คนมีหัวที่ยาวเกินคิดและคอยาวที่มีรูปร่างในอุดมคติ
ตามที่นักประวัติศาสตร์ศิลป์กล่าวว่าใบหน้าที่ยาวดังกล่าวปรากฏขึ้นจากพลาสติกแอฟริกัน
วิสัยทัศน์ของตัวเองของวีรบุรุษแห่งภาพวาด
Amedeo Modigliani ผู้ซึ่งไม่สามารถดูผลงานได้ในเวลาสั้น ๆ ให้ความสำคัญกับใบหน้าที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งในแวบแรกคล้ายกับหน้ากากแบน ยิ่งคุณมองเข้าไปในผืนผ้าใบของอาจารย์มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเข้าใจได้ชัดเจนมากขึ้นว่าแบบจำลองทั้งหมดของเขาเป็นแบบเฉพาะตัว
ภาพเหมือนของอัจฉริยะหลายคนที่สร้างโลกของตัวเองเป็นประติมากรรม เป็นที่แน่ชัดว่าปรมาจารย์สร้างภาพเงาอย่างระมัดระวัง ในงานต่อมาจิตรกรเพิ่มความกลมให้กับใบหน้าที่ยาวขึ้นทำให้แก้มของนางเอกเป็นสีชมพู นี่เป็นการเคลื่อนไหวตามปกติของประติมากรตัวจริง
Amedeo Modigliani ซึ่งไม่มีใครรู้จักในช่วงชีวิตของเขา ซึ่งรูปถ่ายภาพวาดของเขาถ่ายทอดความสามารถเฉพาะตัวของเขา วาดภาพบุคคลที่ดูไม่เหมือนภาพสะท้อนในกระจกเลย พวกเขาถ่ายทอดความรู้สึกภายในของอาจารย์ที่ไม่เล่นกับพื้นที่ ผู้เขียนเน้นธรรมชาติอย่างมาก แต่เขาเข้าใจบางสิ่งที่เข้าใจยาก ปรมาจารย์ที่มีความสามารถไม่เพียงแต่ลอกเลียนแบบคุณสมบัติของนางแบบเท่านั้น แต่ยังเปรียบเทียบกับสัญชาตญาณภายในของเขาด้วย จิตรกรเห็นภาพที่ปกคลุมด้วยความเศร้าและใช้สไตล์ที่ซับซ้อน ความสมบูรณ์ของประติมากรรมผสมผสานกับความกลมกลืนของเส้นและสี และพื้นที่ถูกกดลงในระนาบของผืนผ้าใบ
Amedeo Modigliani: ผลงาน
ภาพวาดที่สร้างขึ้นโดยไม่มีการแก้ไขเพียงครั้งเดียวและประทับใจกับความถูกต้องของรูปแบบถูกกำหนดโดยธรรมชาติ เขาเห็นเพื่อนกวีของเขาหมกมุ่นอยู่กับความฝัน ("Portrait of Zborovsky") และเพื่อนร่วมงานของเขา - หุนหันพลันแล่นและเปิดกว้างสำหรับทุกคน ("Portrait of Soutine")
บนผ้าใบ "อลิซ" เราเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายหน้ากากแอฟริกัน Modigliani วาดโครงร่างที่ยาวขึ้นด้วยรูปลักษณ์ที่ยาวและเป็นที่ชัดเจนว่าสัดส่วนของนางเอกนั้นห่างไกลจากความคลาสสิก ผู้เขียนสื่อถึงสภาพภายในของสิ่งมีชีวิตเล็กซึ่งในสายตาเราสามารถอ่านการปลดออกและความหนาวเย็นได้ จะเห็นได้ว่าอาจารย์เห็นอกเห็นใจผู้หญิงที่จริงจังเกินกว่าอายุของเธอและผู้ชมรู้สึกถึงทัศนคติที่อบอุ่นของจิตรกรที่มีต่อเธอ เขามักจะดึงดูดเด็กและวัยรุ่น และตัวละครของเขาชวนให้นึกถึงงานของ Dostoevsky ซึ่ง Amedeo Modigliani เคยอ่าน
ภาพวาดที่มีชื่อ "Nude", "Portrait of a Girl", "Lady with a Black Tie", "Girl in Blue", "Yellow Sweater", "Little Peasant" ไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในอิตาลีเท่านั้น แต่ยังเป็นที่รู้จักในประเทศอื่นๆ ด้วย . พวกเขารู้สึกเห็นอกเห็นใจบุคคลนั้นและแต่ละภาพก็เต็มไปด้วยความลับพิเศษและความงามอันน่าทึ่ง ไม่มีผ้าใบผืนเดียวที่สามารถเรียกได้ว่าไร้วิญญาณ
"Jeanne Hebuterne in a red shawl" เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของผู้เขียน ผู้หญิงที่คาดหวังลูกคนที่สองของเธอนั้นมีความรักอันยิ่งใหญ่ โมดิเกลียนีซึ่งเทิดทูนผู้ที่เขารัก เห็นอกเห็นใจกับความปรารถนาที่จะแยกตัวจากโลกภายนอกที่ไม่เป็นมิตร และจิตวิญญาณของภาพในงานนี้ก็สูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน อาเมเดโอ โมดิเกลียนี ซึ่งมีผลงานครอบคลุมในบทความ เจาะลึกแก่นแท้ของประสบการณ์ของมนุษย์ และจีนน์ของเขาซึ่งดูเหมือนไม่มีที่พึ่งและถึงวาระ ยอมรับชะตากรรมทั้งหมดอย่างถ่อมตน
น่าเสียดายที่อัจฉริยะผู้โดดเดี่ยวอย่างเหลือเชื่อกลายเป็นคนมีชื่อเสียงหลังจากการตายของเขาเท่านั้นและผลงานอันล้ำค่าของเขาซึ่งเขามักจะมอบให้กับคนสัญจรไปมาได้รับชื่อเสียงไปทั่วโลก
และคอนสแตนติน บริงกูชิผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่องานของเขา Modigliani มีสุขภาพไม่ดี - เขามักป่วยด้วยโรคปอดและเมื่ออายุ 35 ปีเสียชีวิตด้วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรค เกี่ยวกับชีวิตของศิลปินเป็นที่รู้จักจากแหล่งที่เชื่อถือได้เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น
มรดกของ Modigliani ส่วนใหญ่เป็นภาพเขียนและภาพร่าง แต่ตั้งแต่ปี 1914 เขาทำงานด้านประติมากรรมเป็นหลัก ทั้งบนผืนผ้าใบและในงานประติมากรรม แรงจูงใจหลักของ Modigliani คือผู้ชายคนหนึ่ง นอกเหนือจากนี้ ภูมิประเทศหลายแห่งยังมีชีวิตรอด ภาพนิ่งและภาพวาดประเภทไม่สนใจศิลปิน บ่อยครั้งที่ Modigliani หันไปหาผลงานของตัวแทนของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาเช่นเดียวกับศิลปะแอฟริกันที่ได้รับความนิยมในเวลานั้น ในเวลาเดียวกัน งานของ Modigliani ก็ไม่สามารถนำมาประกอบกับกระแสสมัยใหม่ใดๆ ในยุคนั้นได้ เช่น ลัทธิเขียนภาพแบบเหลี่ยมหรือลัทธิฟาววิสม์ ด้วยเหตุนี้ นักวิจารณ์ศิลปะจึงมองว่างานของ Modigliani แยกจากกระแสหลักในสมัยนั้น ในช่วงชีวิตของเขา งานของ Modigliani ไม่ประสบความสำเร็จและกลายเป็นที่นิยมหลังจากศิลปินเสียชีวิตเท่านั้น: ในการประมูลของ Sotheby สองครั้งในปี 2010 ภาพวาด Modigliani สองภาพถูกขายในราคา 60.6 และ 68.9 ล้านเหรียญสหรัฐและในปี 2558 "Reclining Nude" ถูกขายทอดตลาด " คริสตี้” ด้วยเงิน 170.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
สารานุกรม YouTube
1 / 1
✪ Modigliani "หญิงสาวในเสื้อเชิ้ต"
คำบรรยาย
เราอยู่ในหอศิลป์ Albertina ต่อหน้าเราคือภาพวาด "Girl in a Shirt" ของ Modigliani นี่เป็นงานคลาสสิกของ Modigliani หญิงสาวไม่ค่อยอยู่ในเสื้อของเธอ คุณถูก. มันถูกคลุมด้วยผ้าขาวบางชนิด คุณใช้คำว่า "คลาสสิก" และฉันคิดว่ามันค่อนข้างเหมาะสมที่นี่ มาดูความโค้งที่สวยงามของเรือนร่างของหญิงสาวกัน รูปทรงเหล่านี้ทำให้ฉันนึกถึงประติมากรรมกรีกโบราณ หรือแม้แต่ภาพนู้ดโค้งยาวในภาพวาดของอิงเกรส ฉันคิดว่านี่เป็นสัญญาณของวิกฤต ศิลปินสมัยใหม่เริ่มต้นจากประเพณีของอิตาลีและพยายามค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างศตวรรษที่ 20 ระหว่างหลักการทั้งหมดของความทันสมัยด้วยความตระหนักในตนเองและแน่นอนว่าประวัติศาสตร์ Modigliani เน้นว่าเขาใช้วัสดุเหล่านี้อย่างมีสติ มาดูผิวสาวกัน คุณพูดถึง Ingres ในภาพวาดของเขา ผิวดูเรียบเนียนพอร์ซเลน ซึ่งใกล้เคียงกับประเพณีทางวิชาการของศตวรรษที่ 19 ที่นี่พื้นผิวขรุขระสีวางไม่สม่ำเสมอ เป็นปูนปั้นมากกว่าพอร์ซเลนเรียบ ด้วยเหตุนี้ ผู้ชมจึงดึงความสนใจไปที่สี และยิ่งไปกว่านั้น วิธีการลงสีที่ศิลปินเลือก คุณพูดถูก ผิวของผู้หญิงคนนี้ดูไม่เหมือนเครื่องเคลือบ มันคล้ายกับปูนเปียกปูนปลาสเตอร์หรือดินเผา และที่นี่คุณสามารถสัมผัสได้ถึงอิทธิพลของความคลาสสิค แต่อย่าลืมว่านี่คือปี 1918 การแต่งงานและปีกัสโซได้ทำลายรูปแบบไปแล้ว ทำลายพื้นที่ และโมดิเกลียนีจงใจสร้างภาพลักษณ์ที่คลาสสิกเหนือกาลเวลา ฉันคิดว่าคุณถูก. ส่วนใหญ่เป็นภาพเปลือย ซึ่งเป็นหัวข้อดั้งเดิมที่สุดของภาพ ที่นี่คุณสามารถรู้สึกเคารพประเพณีที่ศิลปินใส่ไว้ในภาพเป็นอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เน้นระบบการรับรู้หรือภาพซึ่งเชื่อมโยงกันมากกว่าไม่ได้กับวัตถุแห่งการสังเกต แต่กับภาพเอง ฉันเห็นสิ่งนี้ ตัวอย่างเช่น แขนและขาดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นจากสายโซ่ของรูปทรงเรขาคณิต และไม่ได้แสดงให้เห็นตามลักษณะของกล้ามเนื้อและกระดูกในร่างกายของหญิงสาว ใช่ แต่ Ingres ก็เช่นเดียวกัน ใช่ถูกต้อง. Ingres เริ่มตีความโครงสร้างของร่างกายมนุษย์อย่างอิสระ ด้านหนึ่งคือ Ingres และอีกด้านหนึ่งคือ Braque และ Picasso มีการประชุมบางอย่างที่นี่ ซึ่ง Ingres จะไม่อนุญาต ตัวอย่างเช่น ลองดูที่มือของหญิงสาว ฝ่ามือซ้ายที่วางอยู่บนเข่ามีเฉพาะสีส้ม ดินเผา และปลายนิ้วชี้ด้วยเส้นบาง ๆ สีส้มแดง สาระสำคัญอยู่ในกระบวนการสร้างภาพ ในการที่ศิลปินค้นพบรูปแบบ เส้นตรง ความหมายทางภาพที่ถูกต้อง ฉันคิดว่า Modigliani ดึงความสนใจของเราไปที่สิ่งนี้ ใช่ เขาต้องการให้เราเห็นผู้หญิงคนนี้ แต่เขาต้องการให้เราเห็นกระบวนการสร้างสรรค์ด้วย ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ตัวเองทิ้งเส้นดินสอไว้ และแม้แต่ผืนผ้าใบก็ปรากฏให้เห็นที่นี่และที่นั่น ถูกต้อง. และแบบต่างๆ มากมาย เทคนิคการลงสีแบบต่างๆ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างสรรค์ส่วนใหญ่ไม่ได้ซ่อนไว้ที่นี่ แต่นำเสนอต่อผู้ชม ในแง่หนึ่ง กระบวนการสร้าง การสร้าง การคิดเกี่ยวกับความหมายและรูปแบบการเป็นตัวแทนนั้นเปิดกว้างสำหรับเรา ใช่คุณพูดถูกอย่างแน่นอน ฉันคิดว่า Modigliani ดึงความสนใจของเราไปที่จังหวะแบบต่างๆ กัน บางแบบก็เร็ว แบบอื่นๆ แบบเรียบร้อย แบบอื่นๆ แบบนุ่มนวลมาก นอกจากนี้ Modigliani มักจะไม่ดึงดูดสายตา ด้วยเหตุนี้ เช่นเดียวกับในกรณีของรูปปั้นคลาสสิก คุณจึงสามารถมองดูรูปแบบต่างๆ ได้โดยไม่ถูกรบกวนด้วยตา ศิลปินเปลี่ยนดวงตาให้เป็นวงรีเชิงมุมโดยไม่มีรูม่านตาที่ไม่สามารถมองผู้ชมได้ ศิลปินทำให้เรานึกถึงเรขาคณิต นามธรรม และสุดท้ายคือรูปแบบ จุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงเวลาอันน่าเหลือเชื่อของความตึงเครียดระหว่างการพรรณนา เทคนิค และความหมายของงานในโลกที่กระบวนการทางศิลปะได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปะ คำบรรยายโดยชุมชน Amara.org
ชีวประวัติ
วัยเด็ก
Amedeo (Jedidiah) Modigliani เกิดในครอบครัวชาวยิว Sephardic, Flaminio Modigliani และ Eugenia Garcin ใน Livorno (Tuscany, Italy) เขาเป็นลูกคนสุดท้อง (สี่) ของเด็ก พี่ชายของเขา Giuseppe Emanuele Modigliani (1872-1947, family name เมนโน) ต่อมาเป็นนักการเมืองต่อต้านฟาสซิสต์ที่มีชื่อเสียงของอิตาลี โซโลมอน การ์ซิน ปู่ทวดของมารดา และเรจิน่า สปิโนซาภรรยาของเขา ตั้งรกรากในลิวอร์โนตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 18 (อย่างไรก็ตาม ลูกชายของพวกเขา จูเซปเป้ ย้ายไปมาร์กเซยในปี พ.ศ. 2378); ครอบครัวของพ่อย้ายไปลิวอร์โนจากโรมในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 (พ่อเกิดที่กรุงโรมในปี พ.ศ. 2383) Flaminio Modigliani (ลูกชายของ Emanuele Modigliani และ Olimpia Della Rocca) เป็นวิศวกรเหมืองแร่ที่ดูแลเหมืองถ่านหินในซาร์ดิเนียและจัดการพื้นที่ป่าเกือบสามสิบเอเคอร์ที่ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของ
เมื่อถึงเวลากำเนิดของอาเมดีโอ (นามสกุล dedo) กิจการครอบครัว (การค้าฟืนและถ่านหิน) ทรุดโทรม มารดาที่เกิดและเติบโตในมาร์เซย์ในปี พ.ศ. 2398 ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยการสอนภาษาฝรั่งเศสและการแปล รวมทั้งงานของ Gabriele d'Annunzio ในปี 1886 ปู่ของเขาตั้งรกรากอยู่ในบ้านของ Modigliani - Isaac Garcin ซึ่งยากจนและย้ายไปหาลูกสาวของเขาจาก Marseilles ซึ่งจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 2437 ได้หมั้นอย่างจริงจังในการเลี้ยงดูหลานของเขา ป้าของเขา Gabriela Garcin (ซึ่งฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา) ก็อาศัยอยู่ในบ้านเช่นกัน และด้วยเหตุนี้ Amedeo จึงซึมซับภาษาฝรั่งเศสตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งต่อมาได้อำนวยความสะดวกในการรวมตัวของเขาในปารีส เชื่อกันว่าเป็นความโรแมนติกของมารดาที่ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อโลกทัศน์ของโมดิเกลียนีรุ่นเยาว์ ไดอารี่ของเธอซึ่งเธอเริ่มเก็บหลังจากกำเนิดของ Amedeo ได้ไม่นาน เป็นหนึ่งในแหล่งสารคดีไม่กี่แห่งเกี่ยวกับชีวิตของศิลปิน
เมื่ออายุได้ 11 ขวบ Modigliani ล้มป่วยด้วยโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ในปี พ.ศ. 2441 ด้วยโรคไข้รากสาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรคที่รักษาไม่หายในขณะนั้น นี่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของเขา ตามที่แม่ของเขานอนอยู่ในอาการเพ้อที่มีไข้ Modigliani ยกย่องผลงานชิ้นเอกของอาจารย์ชาวอิตาลีและยอมรับชะตากรรมของเขาในฐานะศิลปิน หลังจากที่เขาหายดีแล้ว พ่อแม่ของเขาอนุญาตให้ Amedeo ออกจากโรงเรียนเพื่อที่เขาจะได้เริ่มเรียนวาดรูปและระบายสีที่สถาบันศิลปะ Livorne
เรียนต่ออิตาลี
ในปี 1898 Modigliani เริ่มเยี่ยมชมสตูดิโอศิลปะส่วนตัวของ Guglielmo Micheli ในเมือง Livorno เมื่ออายุ 14 เขาเป็นนักเรียนที่อายุน้อยที่สุดในชั้นเรียนของเขา นอกจากบทเรียนในสตูดิโอที่เน้นเรื่องอิมเพรสชั่นนิสม์แล้ว Gino Romiti Modigliani ยังได้ศึกษาการวาดภาพเปลือย ภายในปี 1900 สุขภาพของ Modigliani ที่อายุน้อยทรุดโทรม นอกจากนี้ เขาล้มป่วยด้วยวัณโรคและถูกบังคับให้ใช้เวลาช่วงฤดูหนาวปี 1900-1901 กับแม่ของเขาในเนเปิลส์ โรม และคาปรี จากการเดินทางของเขา Modigliani เขียนจดหมายห้าฉบับถึงเพื่อนของเขา Oscar Ghiglia ซึ่งเราสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับทัศนคติของ Modigliani ที่มีต่อกรุงโรม
ในฤดูใบไม้ผลิปี 1901 Modigliani เดินตาม Oscar Ghiglia ไปที่ Florence พวกเขาเป็นเพื่อนกันแม้จะอายุต่างกันเพียง 9 ปีก็ตาม หลังจากใช้เวลาช่วงฤดูหนาวในกรุงโรมในฤดูใบไม้ผลิปี 1902 Modigliani ได้เข้าเรียนที่ Free School of Nude Painting (สกูโอลา ลิเบรา ดิ นูโด)ในเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งเขาศึกษาศิลปะของจิโอวานนี ฟัตโทริ ในช่วงเวลานั้นเองที่เขาเริ่มไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์และโบสถ์ของฟลอเรนซ์ เพื่อศึกษาศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ชื่นชมเขา
อีกหนึ่งปีต่อมา ในปี 1903 Modigliani ตามเพื่อนของเขา Oscar อีกครั้ง คราวนี้ไปเวนิสที่ซึ่งเขาอยู่จนกระทั่งย้ายไปปารีส ในเดือนมีนาคม เขาเข้าเรียนที่สถาบันวิจิตรศิลป์เวนิส (สถาบัน ดิ เบลล์ อาร์ติ ดิ เวเนเซีย)ขณะที่ศึกษาผลงานของปรมาจารย์ผู้เฒ่าต่อไป ที่งาน Venice Biennale ในปี 1903 และ 1905 Modigliani ได้ทำความคุ้นเคยกับผลงานของ French Impressionists - ประติมากรรมโดย Rodin และตัวอย่างสัญลักษณ์ เชื่อกันว่าในเวนิสเขาติดแฮชและเริ่มมีส่วนร่วมในเซ้นซ์
ปารีส
ในตอนต้นของปี 2449 ด้วยเงินจำนวนเล็กน้อยที่แม่ของเขาหามาได้ Modigliani ย้ายไปปารีสซึ่งเขาใฝ่ฝันมาหลายปีแล้ว เพราะเขาหวังว่าจะพบความเข้าใจและแรงกระตุ้นสำหรับความคิดสร้างสรรค์ในหมู่ศิลปินชาวปารีส . ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ปารีสเป็นศูนย์กลางของศิลปะโลก ศิลปินรุ่นเยาว์ที่ไม่รู้จักเริ่มมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว เปิดพื้นที่การวาดภาพที่ล้ำสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ เดือนแรก Modigliani ใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์และโบสถ์ในปารีส ทำความคุ้นเคยกับภาพวาดและประติมากรรมในห้องโถงของพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ รวมถึงกับตัวแทนของศิลปะสมัยใหม่ ในตอนแรก Modigliani อาศัยอยู่ในโรงแรมที่สะดวกสบายบนฝั่งขวา เนื่องจากเขาเห็นว่าเหมาะสมกับตำแหน่งทางสังคมของเขา แต่ในไม่ช้าเขาก็เช่าสตูดิโอเล็กๆ ใน Montmartre และเริ่มเข้าเรียนที่ Academy of Colarossi ในเวลาเดียวกัน Modigliani ได้พบกับ Maurice Utrillo ซึ่งพวกเขายังคงเป็นเพื่อนกันตลอดชีวิต ในเวลาเดียวกัน Modigliani ก็ใกล้ชิดกับกวี Max Jacob ซึ่งเขาวาดภาพซ้ำแล้วซ้ำอีกและ Pablo Picasso ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้เขาใน Bato Lavoir แม้จะมีสุขภาพไม่ดี Modigliani ก็มีส่วนร่วมในชีวิตที่มีเสียงดังของ Montmartre เพื่อนชาวปารีสคนแรกของเขาคือ Ludwig Meidner ศิลปินชาวเยอรมัน ซึ่งเรียกเขาว่า "ตัวแทนคนสุดท้ายของโบฮีเมีย":
“ Modigliani ของเราหรือ Modi ตามที่เขาเรียกนั้นเป็นเรื่องปกติและในขณะเดียวกันก็เป็นตัวแทนที่มีพรสวรรค์มากของโบฮีเมียนมงต์มาตร์ ค่อนข้างจะเป็นตัวแทนที่แท้จริงของโบฮีเมีย ".
ขณะอาศัยอยู่ในปารีส Modigliani ประสบปัญหาทางการเงินอย่างมาก แม้ว่าแม่ของเขาจะส่งเงินให้เขาเป็นประจำ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะอยู่รอดในปารีส ศิลปินมักต้องเปลี่ยนอพาร์ตเมนต์ บางครั้งเขายังทิ้งงานไว้ในอพาร์ตเมนต์เมื่อเขาถูกบังคับให้ออกจากที่พักพิงต่อไป เนื่องจากเขาไม่สามารถจ่ายค่าอพาร์ตเมนต์ได้
ในฤดูใบไม้ผลิของปี 1907 Modigliani ตั้งรกรากอยู่ในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง ซึ่ง Dr. Paul Alexander ได้เช่าให้กับศิลปินรุ่นเยาว์ แพทย์หนุ่มกลายเป็นผู้อุปถัมภ์คนแรกของ Modigliani และมิตรภาพของพวกเขากินเวลาเจ็ดปี Alexander ซื้อภาพวาดและภาพวาดของ Modigliani (คอลเล็กชันของเขาประกอบด้วยภาพวาด 25 ภาพและงานกราฟิก 450 ชิ้น) และยังจัดคำสั่งซื้อภาพบุคคลให้กับเขาด้วย ในปี 1907 ผลงานของ Modigliani หลายชิ้นถูกจัดแสดงที่ Salon d'Automne ในปีต่อมา ตามคำเรียกร้องของ Paul Alexander เขาได้จัดแสดงผลงานห้าชิ้นของเขาที่ Salon des Indépendants โดยมีภาพเหมือนของชาวยิวด้วย ผลงานของ Modigliani ถูกละทิ้งโดยไม่มีใครสนใจ เพราะพวกเขาไม่ได้อยู่ในทิศทางที่ทันสมัยของลัทธิเขียนภาพแบบเหลี่ยมซึ่งเกิดขึ้นในปี 1907 และผู้ก่อตั้งคือ Picasso และ Georges Braque ในฤดูใบไม้ผลิปี 2452 ผ่าน Alexandre Modigliani เขาได้รับคำสั่งแรกและวาดภาพเหมือน "Amazon"
ประติมากรรม
ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1909 Modigliani ย้ายไปอยู่ที่ห้องศิลป์ในมงต์ปาร์นาส ผ่านผู้อุปถัมภ์ของเขา เขาได้พบกับประติมากรชาวโรมาเนีย Constantin Brâncuși ซึ่งต่อมามีอิทธิพลอย่างมากต่อ Amedeo ในบางครั้ง Modigliani ชอบการแกะสลักมากกว่าการวาดภาพ กระทั่งมีการกล่าวไว้ว่าสำหรับงานประติมากรรมของเขา Modigliani ได้ขโมยก้อนหินและหมอนไม้จากสถานที่ก่อสร้างของรถไฟใต้ดินที่สร้างขึ้นในเวลานั้น ศิลปินเองไม่เคยงงงวยกับการปฏิเสธข่าวลือและการประดิษฐ์เกี่ยวกับตัวเอง มีหลายเวอร์ชันที่ Modigliani เปลี่ยนสาขากิจกรรมของเขา ตามความเห็นของศิลปินคนหนึ่ง ศิลปินฝันมานานแล้วว่าจะทำประติมากรรม แต่ไม่มีความสามารถทางเทคนิคที่เขามีให้หลังจากย้ายไปยังห้องศิลป์ใหม่เท่านั้น Modigliani ต้องการลองใช้ประติมากรรมเนื่องจากความล้มเหลวของภาพวาดของเขาในนิทรรศการ
ขอบคุณ Zborowski งานของ Modigliani ได้รับการจัดแสดงในลอนดอนเพื่อแสดงความคิดเห็น ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2462 ศิลปินกลับมาที่ปารีสซึ่งเขาเข้าร่วมในร้านเสริมสวยในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อรู้ว่าจีนน์ตั้งครรภ์ใหม่อีกครั้ง ทั้งคู่จึงตัดสินใจหมั้นกัน แต่งานแต่งงานไม่เคยเกิดขึ้นเนื่องจากวัณโรคของโมดิเกลียนีเมื่อปลายปี พ.ศ. 2462
Modigliani เสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 มกราคม 1920 จากโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรคในคลินิกในปารีส หนึ่งวันต่อมา ในวันที่ 25 มกราคม Jeanne Hébuterne ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 9 เดือนได้ฆ่าตัวตาย Amedeo ถูกฝังอยู่ในหลุมศพขนาดเล็กที่ไม่มีอนุสาวรีย์ในส่วนชาวยิวของสุสาน Père Lachaise; ในปี 1930 10 ปีหลังจากจีนน์เสียชีวิต ศพของเธอถูกฝังในหลุมศพที่อยู่ใกล้เคียง ลูกของพวกเขาเป็นบุตรบุญธรรมของน้องสาวของโมดิเกลียนี
การสร้าง
ทิศทางที่ Modigliani ทำงานนั้นมักเรียกว่าการแสดงออก อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ไม่ชัดเจนนัก ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Amedeo ถูกเรียกว่าเป็นศิลปินของโรงเรียน Parisian - ระหว่างที่เขาอยู่ที่ปารีส เขาได้รับอิทธิพลจากปรมาจารย์ด้านวิจิตรศิลป์หลายคน: Toulouse-Lautrec, Cezanne, Picasso, Renoir ในงานของเขามีเสียงสะท้อนของลัทธิดั้งเดิมและนามธรรม สตูดิโอประติมากรรมของ Modigliani แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงอิทธิพลของประติมากรรมแอฟริกันที่ทันสมัยในขณะนั้นที่มีต่องานของเขา อันที่จริงการแสดงออกในผลงานของ Modigliani นั้นแสดงออกถึงความรู้สึกเย้ายวนของภาพวาดของเขาในอารมณ์อันยอดเยี่ยม
บุคลิกของเขา
Amedeo ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวชาวยิวของนักธุรกิจ Flaminio Modigliani และ Eugenia Garcin ครอบครัว Modigliani มาจากชนบทที่มีชื่อเดียวกันทางตอนใต้ของกรุงโรม พ่อ Amedeo เคยค้าขายถ่านหินและฟืน และปัจจุบันเป็นเจ้าของสำนักงานนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่เจียมเนื้อเจียมตัว และยิ่งไปกว่านั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสวงหาผลประโยชน์จากเหมืองเงินในซาร์ดิเนีย Amedeo เกิดเมื่อเจ้าหน้าที่มาที่บ้านพ่อแม่ของเขาเพื่อยึดทรัพย์สินที่ได้อธิบายไว้เป็นหนี้ไปแล้ว สำหรับยูจีเนีย การ์ซิน นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เนื่องจากตามกฎหมายของอิตาลี ทรัพย์สินของผู้หญิงที่กำลังคลอดบุตรเป็นสิ่งที่ขัดขืนไม่ได้ ก่อนการมาถึงของผู้พิพากษา ทุกคนในบ้านก็รีบกองบนเตียงของเธอทุกอย่างซึ่งเป็นของมีค่าที่สุดในบ้าน โดยทั่วไปมีฉากในสไตล์คอเมดีอิตาลีในยุค 50 และ 60 แม้ว่าในความเป็นจริงจะไม่มีอะไรตลกในเหตุการณ์ที่ทำให้บ้าน Modigliani สั่นสะเทือนก่อนการเกิดของ Amedeo และแม่เห็นว่าเป็นลางไม่ดีสำหรับทารกแรกเกิด
ในไดอารี่ของแม่ Dedo วัย 2 ขวบได้รับบทบาทแรกของเขา: นิสัยเสียนิดหน่อย เอาแต่ใจเล็กน้อย แต่ดูดีราวกับนางฟ้า ในปี พ.ศ. 2438 เขาป่วยหนัก จากนั้นรายการต่อไปนี้ก็ปรากฏในไดอารี่ของแม่ฉัน WU Dedo มีอาการเยื่อหุ้มปอดอักเสบรุนแรงมาก และฉันก็ยังไม่หายจากความหวาดกลัวอันเลวร้ายสำหรับเขา ลักษณะของเด็กคนนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับฉันที่จะแสดงความคิดเห็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับเขา มาดูกันว่าจะพัฒนาจากรังไหมนี้อย่างไร อาจเป็นศิลปินหรือไม่ F - อีกวลีที่สำคัญจากริมฝีปากของผู้สังเกตการณ์และรัก Evgenia Garsen ลูกชายของเธออย่างหลงใหล
ในตอนต้นของปี 2449 ในหมู่ศิลปินหนุ่ม นักเขียน นักแสดงที่อาศัยอยู่ในมงต์มาตร์ในฐานะอาณานิคม มีร่างใหม่ปรากฏขึ้นและดึงดูดความสนใจในทันที มันคือ Amedeo Modigliani ที่เพิ่งมาจากอิตาลีและตั้งรกรากอยู่ใน Rue Colancourt ในโรงปฏิบัติงานเล็กๆ แห่งหนึ่งกลางพื้นที่รกร้างที่รกไปด้วยพุ่มไม้ เขาอายุ 22 ปี เขาหล่อเป็นประกาย เสียงนุ่มของเขาดูร้อนแรง การเดินของเขากำลังโบยบิน และรูปลักษณ์ทั้งหมดของเขาแข็งแกร่งและกลมกลืนกัน
ในการติดต่อกับบุคคลใด ๆ เขาเป็นคนที่สุภาพสุภาพเรียบง่ายและมีเมตตาโดยทันทีพร้อมตอบสนองทางจิตวิญญาณในทันที บางคนบอกว่าโมดิเกลียนีเป็นประติมากรมือใหม่ บางคนบอกว่าเขาเป็นจิตรกร ทั้งสองเป็นความจริง
ชีวิตโบฮีเมียนลาก Modigliani อย่างรวดเร็ว Modigliani ในกลุ่มเพื่อนศิลปินของเขา (ในหมู่พวกเขา Picasso) กลายเป็นคนติดเหล้า เขามักถูกมองว่าเมาแล้วเดินไปตามถนน และบางครั้งก็เปลือยกาย
พวกเขาเรียกเขาว่าคนจรจัดจรจัด ความกระสับกระส่ายของเขาเป็นที่ประจักษ์ สำหรับบางคน ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคุณลักษณะของวิถีชีวิตที่โชคร้าย ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโบฮีเมีย คนอื่นๆ มองว่ามันเป็นตัวกำหนดชะตา และดูเหมือนว่าทุกอย่างมาบรรจบกับความจริงที่ว่าการไร้บ้านชั่วนิรันดร์นี้เป็นประโยชน์สำหรับโมดิเกลียนีเพราะ มันปลดปล่อยปีกของเขาสำหรับอัพที่สร้างสรรค์
การต่อสู้ของเขากับผู้ชายในเรื่องผู้หญิงได้เข้าสู่นิทานพื้นบ้านของมงต์มาตร์แล้ว เขาใช้โคเคนจำนวนมากและสูบกัญชา
ในปีพ.ศ. 2460 นิทรรศการของศิลปินซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาพเปลือยถูกปิดโดยตำรวจ มันจึงเกิดขึ้นที่นิทรรศการนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในช่วงชีวิตของศิลปิน
Modigliani ยังคงเขียนต่อไปจนกระทั่งเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรคพาเขาไปที่หลุมศพของเขา ในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาเป็นที่รู้จักเฉพาะในชุมชนศิลปินชาวปารีส แต่ในปี 1922 Modigliani ก็มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
ชีวิตทางเพศ
โมดิเกลียนีรักผู้หญิง และพวกเขารักเขา ผู้หญิงหลายร้อยหลายพันคนอาจอยู่บนเตียงของชายหนุ่มรูปงามผู้สง่างามคนนี้
แม้แต่ที่โรงเรียน Amedeo ก็สังเกตเห็นว่าสาวๆ ให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ โมดิเกลียนีกล่าวว่าเมื่ออายุได้ 15 ปี เขาถูกสาวใช้ทำงานในบ้านล่อลวง
แม้ว่าเขาจะไม่รังเกียจที่จะเดินผ่านซ่อง เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมงานหลายคน แต่นายหญิงส่วนใหญ่ของเขาเป็นแบบอย่างของเขาเอง
และในอาชีพของเขา เขาเปลี่ยนนางแบบหลายร้อยคน หลายคนโพสท่าให้เขาเปลือยกายในระหว่างเซสชั่นหลายครั้งถูกขัดจังหวะด้วยการเกี้ยวพาราสี
ที่สำคัญที่สุด Modigliani ชอบผู้หญิงธรรมดาๆ เช่น ร้านซักรีด ผู้หญิงชาวนา พนักงานเสิร์ฟ
สาวๆ เหล่านี้รู้สึกปลื้มปิติอย่างยิ่งเมื่อได้รับความสนใจจากศิลปินสาวสวย และพวกเขาก็มอบตัวตามหน้าที่ให้กับเขา
คู่นอน
แม้จะมีคู่นอนหลายคน Modigliani รักผู้หญิงเพียงสองคนในชีวิตของเขา
คนแรกคือเบียทริซ เฮสติงส์ กวีชนชั้นสูงชาวอังกฤษ ซึ่งมีอายุมากกว่าศิลปินห้าปี พวกเขาพบกันในปี 2457 และกลายเป็นคู่รักที่แยกกันไม่ออกในทันที
พวกเขาดื่มด้วยกัน สนุกสนาน และทะเลาะกันบ่อยครั้ง Modigliani โกรธจัด สามารถลากผมของเธอไปตามทางเท้า ถ้าเขาสงสัยว่าผู้ชายคนอื่นสนใจ
แต่ถึงแม้จะเป็นฉากสกปรกทั้งหมด แต่เบียทริซคือที่มาของแรงบันดาลใจหลักของเขา ในช่วงรุ่งเรืองของความรัก Modigliani ได้สร้างผลงานที่ดีที่สุดของเขา ทว่าความรักอันร้อนแรงนี้คงอยู่ได้ไม่นาน ในปี 1916 เบียทริซหนีจากโมดิเกลียนี ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาก็ไม่ได้พบกันอีกเลย
ศิลปินเสียใจกับแฟนนอกใจของเขา แต่ไม่นาน
ในเดือนกรกฎาคมปี 1917 Modigliani ได้พบกับ Jeanne Hebuterne วัย 19 ปี
นักศึกษาหนุ่มมาจากครอบครัวคาทอลิกชาวฝรั่งเศส เด็กหญิงร่างเพรียวหน้าซีดและศิลปินตกลงร่วมกัน แม้จะถูกพ่อแม่ของฌานน์ต่อต้านซึ่งไม่ต้องการลูกเขยชาวยิว จีนน์ไม่ได้เป็นเพียงนางแบบให้กับผลงานของศิลปินเท่านั้น เธอต้องทนทุกข์ทรมานกับเขามานานหลายปี ช่วงเวลาแห่งความหยาบคายและการมึนเมาโดยสิ้นเชิง
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2461 จีนน์ให้กำเนิดลูกสาวของโมดิเกลียนี และในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2462 เขาได้เสนอให้แต่งงานกับเธอ "ทันทีที่เอกสารทั้งหมดมาถึง"
เหตุใดพวกเขาจึงไม่เคยแต่งงานยังคงเป็นปริศนา อย่างที่ทั้งสองพูดกันว่า เกิดมาเพื่อกันและกัน และอยู่ด้วยกันไปจนตายใน 6 เดือนต่อมา
เมื่อ Modigliani นอนตายในปารีส เขาได้เชิญจีนน์ให้เข้าร่วมในความตาย "เพื่อฉันจะได้อยู่กับนางแบบที่ฉันชอบในสวรรค์และเพลิดเพลินไปกับความสุขนิรันดร์กับเธอ"
ในวันงานศพของศิลปิน จีนน์เกือบจะสิ้นหวังแต่ไม่ได้ร้องไห้ แต่เงียบตลอดเวลา
ตั้งท้องลูกคนที่สองของเธอ เธอกระโดดลงจากชั้นห้าและล้มลงเสียชีวิต
หนึ่งปีต่อมา เมื่อครอบครัว Modigliani ยืนกราน พวกเขาได้เข้าร่วมอยู่ใต้หลุมศพเดียวกัน จารึกที่สองบนนั้นอ่าน:
จีนน์ เฮบูแตร์น. เธอเกิดที่ปารีสในเดือนเมษายน พ.ศ. 2441 เธอเสียชีวิตในปารีสเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1920 สหายผู้ซื่อสัตย์ของ Amedeo Modigliani ผู้ซึ่งไม่ต้องการทนต่อการพลัดพรากจากเขา
Modigliani และ Anna Akhmatova
A. A. Akhmatova พบกับ Amedeo Modigliani ในปี 1910 ที่ปารีส ระหว่างช่วงฮันนีมูน
ความใกล้ชิดของเธอกับ A. Modigliani ยังคงดำเนินต่อไปในปี 1911 ในเวลาเดียวกันศิลปินได้สร้างภาพวาด 16 ภาพ - ภาพเหมือนของ A. A. Akhmatova ในบทความของเธอเกี่ยวกับ Amedeo Modigliani เธอเขียนว่า: ในปีที่ 10 ฉันเห็นเขาน้อยมาก เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาเขียนถึงฉันตลอดฤดูหนาว (ฉันจำวลีได้หลายประโยคจากจดหมายของเขา หนึ่งในนั้นคือ Vous etes en moi comme une hantise / You are in me like an obsession) ที่เขาแต่งบทกวีเขาไม่ได้บอกฉัน
อย่างที่ฉันเข้าใจในตอนนี้ เขารู้สึกทึ่งกับความสามารถของฉันในการเดาความคิด เห็นความฝันของคนอื่นและเรื่องไร้สาระอื่นๆ ที่คนที่รู้จักฉันคุ้นเคยมานานแล้ว
ในเวลานี้ Modigliani พูดเพ้อเจ้อเกี่ยวกับอียิปต์ เขาพาฉันไปที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์เพื่อดูส่วนอียิปต์ รับรองกับฉันว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่สมควรได้รับความสนใจ เขาวาดหัวของฉันในชุดราชินีและนักเต้นชาวอียิปต์ และดูเหมือนหลงใหลในศิลปะอันยิ่งใหญ่ของอียิปต์อย่างสมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่าอียิปต์เป็นความปรารถนาล่าสุดของเขา ในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นคนดั้งเดิมจนไม่อยากจำอะไรเลยเมื่อมองดูผืนผ้าใบของเขา
เขาไม่ได้ดึงฉันจากธรรมชาติ แต่อยู่ที่บ้าน - เขามอบภาพวาดเหล่านี้ให้ฉัน มีสิบหกคน เขาขอให้ฉันจัดกรอบและแขวนไว้ในห้องของฉัน พวกเขาเสียชีวิตในบ้าน Tsarskoye Selo ในปีแรกของการปฏิวัติ มีเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แต่น่าเสียดายที่ในตัวเขาน้อยกว่าคนอื่น ๆ อนาคตของเขาถูกคาดการณ์ไว้
ส่งงานที่ดีของคุณในฐานความรู้เป็นเรื่องง่าย ใช้แบบฟอร์มด้านล่าง
นักศึกษา นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่ใช้ฐานความรู้ในการศึกษาและการทำงานจะขอบคุณอย่างยิ่ง
โพสต์เมื่อ http://www.allbest.ru/
กระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ของประเทศยูเครน
มหาวิทยาลัยมาริอูโปลสเตต
ฝ่ายประวัติศาสตร์
กระทู้: Amedeo Modigliani
ดำเนินการ:
นักเรียน Solieva M.
ครู:
Mariupol2013
บทนำ
1. ชีวิตและยุคสมัย
2. ความคิดสร้างสรรค์
3. ผลงานที่มีชื่อเสียง
บทสรุป
บรรณานุกรม
บทนำ
ในตอนต้นของปี 2449 ในหมู่ศิลปินรุ่นใหม่ นักเขียน นักแสดงที่อาศัยอยู่ในมงต์มาตร์ในฐานะอาณานิคมซึ่งทุกคนรู้จักกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่งร่างใหม่ปรากฏขึ้นและดึงดูดความสนใจทันที มันคือ Amedeo Modigliani ซึ่งเพิ่งมาจากอิตาลีและตั้งรกรากอยู่ในถนน Caulaincourt ในโรงปฏิบัติงานเล็กๆ โรงเก็บของกลางที่รกร้างว่างเปล่ารกไปด้วยพุ่มไม้ ซึ่งพวกเขาเรียกว่า "ดอกป๊อปปี้" และจากนั้นก็เริ่มสร้างบ้านใหม่ เขาอายุยี่สิบสองปี เขาหล่อจนตระการตา แต่เห็นได้ชัดว่าดึงดูดเขาด้วยบางสิ่งที่แปลกกว่านั้น หลายคนที่ได้พบเขาในตอนนั้นจำได้ครั้งแรก อย่างแรกเลย แววตาที่ร้อนระอุของดวงตาสีดำสนิทไร้จุดดำบนใบหน้าที่หมองคล้ำและแดงก่ำ เสียงทุ้มต่ำดู "ร้อนแรง" การเดิน - บินและรูปลักษณ์ทั้งหมด - แข็งแกร่งและกลมกลืน
Amedeo Modigliani ชาวโบฮีเมียนคนสุดท้ายใช้ชีวิตแบบโบฮีเมียนอย่างสมบูรณ์ ความยากจน ความเจ็บป่วย แอลกอฮอล์ ยาเสพติด คืนนอนไม่หลับ ความสำส่อน เป็นสหายของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งนี้ไม่ได้ป้องกันเขาจากการเป็นศิลปินที่มีนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สร้าง "โลกของ Modigliani" ที่ไม่เหมือนใคร1
เราไม่มี Modigliani ในพิพิธภัณฑ์หรือในคอลเล็กชันส่วนตัว (แน่นอนว่าภาพวาดที่ยังหลงเหลืออยู่สองสามรูปไม่ได้เติมเต็มช่องว่างนี้) ในช่วงต้นทศวรรษ 1920 เมื่อมี "การแจกจ่าย" ภาพวาดของเขาในตลาดศิลปะโลกที่เกิดขึ้นเองและส่วนใหญ่เป็นการเก็งกำไร ประเทศของเราอยู่อย่างยากลำบากจนไม่มีเวลากังวลเกี่ยวกับการได้มาซึ่งภาพวาดตะวันตกล่าสุด2 Modigliani เป็นตัวแทนของที่นี่ เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2471 ที่งานนิทรรศการศิลปะต่างประเทศแห่งหนึ่ง หลังจากพักไปนาน ภาพเหมือนของเขาสองสามภาพก็ปรากฏขึ้นหลายครั้งในนิทรรศการผลงานจากพิพิธภัณฑ์และของสะสมส่วนตัวในสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น
เป็นลักษณะเฉพาะที่แม้จะมีผลงานที่หลากหลายใน Modigliani นักประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตกก็แสดงความคิดเห็นมากขึ้นว่างานของเขายังคงต้องได้รับการศึกษาในเชิงลึกมากขึ้นว่าเขายังไม่เข้าใจอย่างเต็มที่และไม่ได้รับการประเมินอย่างเป็นกลางเพียงพอ คุณคิดเรื่องนี้โดยไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ เมื่อคุณคุ้นเคยกับผลงานของเขาและในขณะเดียวกันก็อ่านสิ่งที่ดีที่สุดที่เขียนเกี่ยวกับเขาอย่างน้อยที่สุด เป็นเรื่องยากที่จะไม่สังเกตว่าแม้แต่การวิเคราะห์ผลงานของเขาในตะวันตกที่จริงจังและเฉียบแหลมอย่างมืออาชีพที่สุดก็ยังจำกัดอยู่ที่ปัญหาของ "รูปแบบบริสุทธิ์" เป็นหลัก ถือเป็นนามธรรมและรอบคอบเพื่อสร้างประเพณีนิยมหรือความคิดริเริ่มของเทคนิคของทักษะของเขา เมื่อพิจารณาว่าในพื้นที่ปลอดอากาศ ในพื้นที่ปิดแบบบังคับ เทคนิคของความเชี่ยวชาญเหล่านี้อาจถูกบีบอัดเป็นโปรโตคอลที่ไร้วิญญาณ ชวนให้นึกถึง "ประวัติผู้ป่วย" หรือให้ข้ออ้างสำหรับการเปรียบเทียบที่ไม่มีข้อจำกัดอย่างสม่ำเสมอ บางครั้งมากหรือน้อย เป็นธรรมบางครั้งโดยพลการ ผู้ซึ่งไม่ได้ถูกนำมารวมกันเพียง Modigliani ซึ่งไม่ได้มีอิทธิพลเฉพาะกับเขา! ชื่อและโรงเรียนติดอยู่กับงานของเขามากมายจนสำหรับใครบางคนที่เขาอาจดูเหมือนเป็นผู้ลอกเลียนแบบทั่วไปหรือนักเรียนที่ผสมผสานไม่ว่าในกรณีใด ๆ จนกระทั่งผ่าน "ขั้นตอน" ต่าง ๆ เขาก็ไม่ได้ผล ในที่สุด ตามคำสั่งของนักวิจัยคนอื่น สไตล์ของเขาเองที่เลียนแบบไม่ได้และเลียนแบบไม่ได้ และมันก็กลายเป็นเรื่องยากในลานตาของ "อิทธิพล" และ "การสร้างสายสัมพันธ์" เพื่อกำหนดแหล่งที่มาและงานอดิเรกที่แท้จริงเหล่านั้นที่ส่องสว่างเส้นทางของเขาจริงๆ และช่วยให้เขากลายเป็นตัวของตัวเองในงานศิลปะในขณะที่ยังเด็กมาก ไม่ชัดเจนว่าทำไมงานศิลปะของเขาจึงถูกกีดกันจากเนื้อหาทางสังคมและปรัชญา พวกเขาชื่นชมเขา ยกย่องความงามของภาพวาดของเขา และความสง่างามของภาพวาดของเขา ปัดทิ้งอิทธิพลทางวิญญาณของเขา
ดังนั้น จุดประสงค์ของงานนี้คือการตามรอยชีวิตและเส้นทางที่สร้างสรรค์ของ Amedeo Modigliani และสำหรับสิ่งนี้ มันเป็นสิ่งจำเป็น:
ร่างขั้นตอนหลักของชีวิตของศิลปินที่สั้น แต่มีเหตุการณ์สำคัญ
เน้นงานของ Modigliani;
วิเคราะห์งานหลักของอาจารย์
การทำงานกับวรรณกรรมในหัวข้อนี้ ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่ามีจำนวนจำกัด แต่สามารถสังเกตได้ว่าความสนใจในผลงานของ Modigliani เพิ่มขึ้นในช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ศิลปะในประเทศ การศึกษาโซเวียตที่มีชื่อเสียงที่สุดเกี่ยวกับผลงานของอาจารย์นี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นเอกสารโดย Vilenkin V.Ya "อเมเดโอ โมดิเกลียนี" ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้แนะนำผู้อ่านเกี่ยวกับชีวิตและงานโดยละเอียดเสนอการวิเคราะห์เชิงลึก แต่อาจไม่ใช่การวิเคราะห์งานของผู้แต่งทั้งหมด งานของ Werner "Amedeo Modigliani" มีวัตถุประสงค์มากกว่า นอกจากนี้ยังมีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับชีวิตของ Modigliani การวิเคราะห์ผลงาน แต่กระชับกว่า แต่ไม่เหมือนกับงานของ Vilenkin ที่มีภาพประกอบสีและขาวดำจำนวนมาก คอลเลกชันที่สมบูรณ์ที่สุดของการทำสำเนาผลงานของ Modigliani ในความเห็นของเรามีอยู่ในหนังสือ "The World of Masterpieces 100 ชื่อโลกในงานศิลปะ นอกจากการทำสำเนาแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังมีบทความแนะนำขนาดใหญ่พร้อมชีวประวัติโดยละเอียดของ Amedeo Modigliani และการวิเคราะห์ผลงานโดยย่อ
1. ชีวิตและยุคสมัย
Amedeo Modigliani เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2427 ในเมืองลิวอร์โนทางชายฝั่งตะวันตกของอิตาลี พ่อแม่ของเขามาจากครอบครัวชาวยิวที่เจริญรุ่งเรือง (หนึ่งในปู่ของศิลปินในอนาคตเคยเป็นนายธนาคารที่มั่งคั่ง) แต่โลกได้พบกับเด็กที่เกิดมาอย่างไร้ความปราณี - ในปีเกิดของ Amedeo พ่อของเขา Flaminio ล้มละลายและครอบครัวเกือบจะยากจน ในสถานการณ์เช่นนี้ ยูจีเนีย มารดาของศิลปินในอนาคตซึ่งมีบุคลิกที่ไม่อาจทำลายล้างได้กลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่แท้จริง เธอได้รับการศึกษาที่ดีมาก ได้ลองใช้วรรณกรรม ทำงานเป็นนักแปล และสอนภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสให้กับเด็กๆ
Amedeo เป็นลูกคนสุดท้องและสวยที่สุดในบรรดาลูกของ Modigliani ทั้งสี่คน แม่ไม่ได้มองหาวิญญาณในตัวเขาด้วยเพราะว่าเด็กชายเติบโตขึ้นมาอย่างอ่อนแอ ในปี พ.ศ. 2438 เขาป่วยหนักด้วยเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ตามประเพณีของครอบครัว Amedeo เริ่มวาดหลังจากที่เขาป่วยหนักด้วยไข้ไทฟอยด์ในปี 2441 แม่บอกว่าลูกชายของเธอเดินเตร่อย่างงดงามและน่าสยดสยองอย่างไม่ธรรมดา ในระหว่างนั้น Amedeo บรรยายภาพที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และคาดว่าในช่วงที่ป่วยเป็นโรคนี้เองที่ความหลงใหลในการวาดภาพของเขาถูกค้นพบ ในช่วงเวลานี้ Amedeo เริ่มสนใจการวาดภาพอย่างจริงจัง เขาไม่แยแสกับการเรียนโดยสิ้นเชิง และเมื่ออายุได้สิบสี่ปี เขาก็เข้าไปในห้องทำงานของศิลปินท้องถิ่นและประติมากร G. Micheli ในฐานะเด็กฝึกงาน
“ Dedo (นั่นคือชื่อของเด็กชายในครอบครัว) ละทิ้งกิจการทั้งหมดของเขาอย่างสมบูรณ์” แม่ของเขาเขียนในไดอารี่ของเขา“ และไม่ทำอะไรเลยนอกจากวาดรูป ... เขาวาดตลอดทั้งวันโดดเด่นและทำให้ฉันรู้สึกอับอายด้วยความหลงใหลของเขา . อาจารย์ของเขายินดีกับเขามาก เขาบอกว่า Dedo วาดได้ดีมากสำหรับนักเรียนที่เรียนการวาดภาพเพียงสามเดือนเท่านั้น”
ในปี 1900 เมื่อ Amedeo ล้มป่วยด้วยเยื่อหุ้มปอดอักเสบอีกครั้ง พบจุดโฟกัสของวัณโรคในปอดซ้ายของเขา ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ศิลปินเสียชีวิตแต่เนิ่นๆ แม่พาลูกชายไปปรับปรุงสุขภาพที่เกาะคาปรี ระหว่างทางกลับ เด็กวัยรุ่นไปเยี่ยมโรม ฟลอเรนซ์ และเวนิส จากการเดินทางครั้งนี้ จดหมายที่เขาส่งถึงเพื่อนได้รับการเก็บรักษาไว้ - ด้วยการประกาศความรักในงานศิลปะและการกล่าวถึงภาพที่สวยงามที่ "รบกวนจินตนาการ" อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีอย่างอื่น ในจดหมายฉบับหนึ่งของเขาจากคาปรี นักเดินทางวัยเยาว์เล่าถึง "การเดินในคืนเดือนหงายกับสาวนอร์เวย์ที่มีเสน่ห์มาก"
ในปี 1902 Modigliani เดินทางไปฟลอเรนซ์ซึ่งเขาเข้าเรียนในโรงเรียนสอนวาดภาพ หลังจากย้ายไปเวนิสในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2446 เขาศึกษาต่อที่สถาบันการศึกษาในท้องถิ่น ภาพวาดและจดหมายของศิลปินที่เกี่ยวข้องกับช่วงเวลานี้น้อยมากที่ลงมาหาเรา เวนิสเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์และมีประเพณีทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย แต่ Modigliani ก็เหมือนกับศิลปินรุ่นเยาว์ทุกคนในรุ่นของเขาที่สนใจปารีส ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2449 ศิลปินวัย 21 ปีได้ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งปารีสที่สัญญาไว้ อาเมเดโอ การ์ซิน ลุงอันเป็นที่รักของเขา ซึ่งเคยช่วยเหลือเขามาก่อน เสียชีวิตเมื่อหนึ่งปีก่อน และตอนนี้โมดิเกลียนีได้รับ "ค่าจ้าง" เพียงเล็กน้อยจากแม่ของเขา
เขาเริ่มเดินเตร่ไปรอบ ๆ ห้องที่ตกแต่งราคาถูก - ครั้งแรกใน Montmartre และตั้งแต่ปี 1909 - ใน Montparnasse ในไตรมาสของศิลปิน Amedeo พูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่องและได้เพื่อนชาวปารีสมาอย่างง่ายดาย ซึ่งเขามีความสุขกับชีวิตในเมืองใหญ่ โดยไม่ข้ามบาร์ที่มีซ่องโสเภณี (รูปที่ 1)
ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2450 Modigliani ได้พบกับแพทย์หนุ่มและคนรักศิลปะ Paul Alexander นักสะสมผลงานคนแรกของเขา มีเพียงสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้นที่แยกพวกเขาออกจากกัน (จากนั้น ดร. อเล็กซานเดอร์ถูกระดมให้ทำงานในโรงพยาบาลทหาร) Alexander ซึ่งในปี 1909 ได้นำ Modigliani มาร่วมกับ Constantin Brancusi ประติมากรชาวโรมาเนียที่โดดเด่น ภายใต้อิทธิพลของ Brancusi Amedeo เริ่มสนใจงานประติมากรรมโดยละทิ้งภาพวาดมาหลายปี (ป่วย 2,3) อย่างไรก็ตาม ฝุ่นเป็นอันตรายต่อหน้าอกที่อ่อนแอของเขามากจนเขาถูกบังคับให้เลิกประติมากรรมที่เขาชื่นชอบชั่วคราว บางครั้งเขายังไปเยี่ยมชม Colarossi Academy และเราเป็นหนี้การเยี่ยมชมภาพวาดเปลือยล่าสุดของเขาเกือบทั้งหมดซึ่งสร้างขึ้นในลักษณะวิชาการ แล้วการค้นหาสิ่งใหม่ๆ ก็เริ่มต้นขึ้น
นอกจากนี้ เขากำลังพยายามแก้ไขงานหลักสองอย่างที่เขาเผชิญอยู่ อย่างแรกคือหาเงิน และงานที่สองคือสิ่งที่เขาเขียนจากโรมว่า “เพื่อมาสู่ความจริงของเขาเองเกี่ยวกับชีวิต ความงาม และศิลปะ” นั่นคือ เพื่อค้นหาหัวข้อของคุณและค้นหาภาษาของคุณ กับงานแรก เขาไม่ได้รับมือจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต วลีที่โรแมนติกในวัยเยาว์ของเขาที่ว่า "สามัญชนจะไม่มีวันเข้าใจเรา" ได้พบที่นี่อนิจจาความเป็นรูปธรรมที่หยาบกร้าน ไม่ใช่พ่อค้าชาวปารีสคนเดียวที่ตกลงซื้อผ้าใบโดยจิตรกรที่ไม่รู้จัก - เสี่ยงเกินไปในการลงทุน
ชีวิตโบฮีเมียนทำให้ตัวเองรู้สึก สุขภาพของศิลปินแย่ลง ในปี ค.ศ. 1909 และในปี ค.ศ. 1912 Modigliani ได้ไปหาญาติของเขาในอิตาลีเพื่อแก้ไขเขา แต่เมื่อกลับมาที่ปารีส เขาก็อยากใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อนอีกครั้ง เขาดื่ม Modigliani อย่างหนักและบ่อยครั้ง เมากลายเป็นเหลือทน ในสถานะที่ "เต็มไปด้วยหมอก" เขาอาจดูหมิ่นผู้หญิง มีส่วนร่วมในเรื่องอื้อฉาว เริ่มการต่อสู้ หรือแม้แต่เปลือยกายในที่สาธารณะ ในเวลาเดียวกัน เกือบทุกคนที่รู้จักเขาเป็นอย่างดีตั้งข้อสังเกตว่าศิลปินที่มีสติสัมปชัญญะเป็นคนธรรมดาไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ในเวลานั้น
ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง Modigliani ตั้งรกรากอยู่ใน "Hive" ที่มีชื่อเสียงหรือ "Rotonde" อย่างอื่นโดยไม่ต้องพูดถึงเรื่องเดียวเกี่ยวกับชีวิตของศิลปินในตำนาน Montparnasse ที่สามารถทำได้ อาคารที่แปลกประหลาดและเงอะงะซึ่งเป็นศาลาไวน์ที่นิทรรศการโลกปี 1900 ถูกผู้มีอุปการคุณนอกรีตลากลากไปยังดินแดนที่เขาซื้อในราคาถูกเกือบในเขตชานเมืองของกรุงปารีสและตั้งหอพักสำหรับคนไร้บ้านและคนจนที่สิ้นหวัง เพื่อนศิลปิน คนดังแบบไหนที่ไม่เห็นในการประชุมเชิงปฏิบัติการตู้เสื้อผ้าสกปรกของเขาเหมือนโลงศพที่มีบานประตูแทนที่จะเป็นเตียง Fernand Léger, Marc Chagall, กวีชาวฝรั่งเศส Blaise Cendrars อาศัยอยู่ที่นี่ และแม้แต่ Lunacharsky ของเราก็เคยไปเยี่ยม Modigliani สำหรับ "ไฮฟ์" Modigliani ที่น่าขนลุกนี้เป็นหนี้ความคุ้นเคยของเขากับชายที่เขารักอย่างสุดซึ้งและถือว่าเป็นหนึ่งในศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเขา นี่คือ Chaim Soutine ชาวยิวในเมืองเล็ก ๆ ที่หลบหนีจากจังหวัด Smilovichi ที่ซึ่งเพื่อนผู้เชื่อทุบตีเขาเพื่อวาดภาพของเขา และด้วยปาฏิหาริย์บางอย่างก็บินไปยังปารีสที่สดใส Soutine กลายเป็นศิลปินดั้งเดิมที่มีอนาคตที่ดี Modigliani วาดภาพเหมือนของเขาสองภาพ หนึ่งในนั้นที่ Soutine มีใบหน้าที่เปิดกว้างและกระปรี้กระเปร่าของชายฉกรรจ์นั้นสวยงามมากในการวาดภาพ
ด้วยการระบาดของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ชีวิตของ Modigliani ก็มืดมนยิ่งขึ้น เพื่อนของเขาหลายคนถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ ความเหงาเข้ามาหา นอกจากนี้ราคาก็เพิ่มสูงขึ้น หินและหินอ่อนกลายเป็นสิ่งหรูหราที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ และ Modigliani ต้องลืมเรื่องประติมากรรม ในไม่ช้าเขาก็ได้พบกับนักเขียนเบียทริซเฮสติงส์ ความคุ้นเคยกลายเป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่กินเวลาสองปี อย่างน้อยความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักสามารถตัดสินได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าเมื่อ Modigliani ยอมรับว่าเขาโยนเบียทริซออกไปนอกหน้าต่างและอีกครั้งด้วยความอับอายบอก Jacques Lipchitz ว่าเบียทริซทุบตีเขาด้วยเศษผ้า
ในช่วงปีสงครามที่ Modigliani สามารถประสบความสำเร็จได้ ในปี 1914 Paul Guillaume เริ่มซื้อผลงานของศิลปิน ในปี 1916 “พ่อค้าศิลปะ” คนนี้ถูกแทนที่โดย Leopold Zborowski ซึ่งเป็นชาวโปแลนด์ ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2460 Zborovsky เห็นด้วยกับเจ้าของหอศิลป์ Berta Weil เพื่อจัดนิทรรศการเดี่ยวของ Modigliani (นี่เป็น "นิทรรศการส่วนตัว" ในชีวิตเดียวของเขา) ดูเหมือนว่ากำแพงแห่งการไม่รับรู้กำลังจะพังทลายลง อย่างไรก็ตาม ความคิดของนิทรรศการกลายเป็นเรื่องตลก แกลเลอรีตั้งอยู่ตรงข้ามสถานีตำรวจ และเมื่อมีฝูงชนกลุ่มเล็กๆ มารวมตัวกันใกล้หน้าต่างห้องแสดงภาพเปลือยของ Modigliani เพื่อดึงดูดสาธารณชน ตำรวจคนหนึ่งจึงตัดสินใจดูว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น ครึ่งชั่วโมงต่อมา มาดามเวลได้รับคำสั่งให้ถอด "สิ่งที่น่ารังเกียจ" ออกจากหน้าต่าง และต้องตัดนิทรรศการก่อนเปิดอย่างเป็นทางการ
ไม่กี่เดือนก่อนนิทรรศการที่โชคร้าย Modigliani ได้พบกับนักเรียนอายุ 19 ปี Jeanne Hebuterne (ป่วย 4) หญิงสาวตกหลุมรักศิลปินและอยู่กับเขาไปจนตาย อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมของเขาไม่ได้ดีขึ้นจากสิ่งนี้ กับ Jeanne Modigliani นั้นหยาบคายอย่างมาก กวี André Salmon บรรยายเรื่องอื้อฉาวในที่สาธารณะเรื่องหนึ่งของ Modigliani ดังนี้: “เขาลากเธอ (Jeanne) ด้วยมือ เขาดึงผมเธอด้วยแรงและทำตัวเหมือนคนบ้าเหมือนคนป่าเถื่อน
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2461 ซโบรอฟสกีย้ายไปทางใต้ของฝรั่งเศส ห่างจากเมืองหลวง ติดหล่มอยู่ในความพลุกพล่านทางทหาร เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดี เขาได้เชิญศิลปินหลายคน - Modigliani เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้นเขาจึงลงเอยที่เมืองคานส์และในเมืองนีซซึ่งในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2461 จีนน์มีลูกสาวคนหนึ่ง (เช่นจีนน์) ในตอนท้ายของปี 1919 Modigliani (ป่วย 5) กลับไปปารีสพร้อมกับ Jeannes และอีกไม่กี่เดือนต่อมาก็ป่วยด้วยเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เป็นวัณโรค
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2463 เขาเสียชีวิต บทกลอนที่น่าเศร้าต่อชีวิตของ Modigliani คือการฆ่าตัวตายของ Jeanne Hebuterne เช้าวันรุ่งขึ้นหลังงานศพ เธอตั้งครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว กระโดดออกไปนอกหน้าต่าง
ในตอนท้ายของชีวประวัติของเขา เป็นธรรมเนียมที่จะต้องระบุประเด็นที่ชัดเจน ในที่สุด Modigliani ก็พบว่าตัวเองและแสดงออกมาจนจบ และเขาก็หมดไฟในประโยคกลาง ๆ การบินสร้างสรรค์ของเขาจบลงอย่างหายนะเขายังกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ "ไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองในโลก ไม่รักโลกของตัวเอง" และที่สำคัญที่สุด ,ไม่ได้ทำ แม้แต่บนพื้นฐานของสิ่งที่เขาทำอย่างสมบูรณ์แบบอย่างปฏิเสธไม่ได้ใน "ช่วงเวลา" นี้และเพียง "ช่วงเวลา" เดียวซึ่งยังคงมีชีวิตอยู่สำหรับเราแม้กระทั่งทุกวันนี้ - ใครจะพูดได้ว่าที่ไหน ในทิศทางใหม่ และบางทีอาจคาดไม่ถึงอย่างสมบูรณ์ ในส่วนลึกที่ไม่รู้จัก หลงใหล, โหยหาความสามารถล่าสุดที่ครบถ้วนสมบูรณ์และครบถ้วน? มีเพียงสิ่งเดียวที่คุณสามารถมั่นใจได้ - ว่าเขาจะไม่หยุดยั้งในสิ่งที่เขาทำสำเร็จแล้ว
2. ความคิดสร้างสรรค์
ในปี พ.ศ. 2441-2543 Amedeo Modigliani ทำงานในสตูดิโอของ Guglielmo Micheli ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าช่วงเริ่มต้นของงานของเขาถูกทำเครื่องหมายด้วยศิลปะอิตาลีในศตวรรษที่ 19 ตั้งแต่ศตวรรษนี้ในประเทศที่มีอดีตอันรุ่งโรจน์ทางศิลปะไม่ได้ร่ำรวยในความสำเร็จที่โดดเด่น หลายคนมักจะดูถูกดูแคลนผู้เชี่ยวชาญในยุคนี้และการสร้างสรรค์ของพวกเขา ในขณะเดียวกัน สิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจที่ไม่อาจโต้แย้งได้สำหรับศิลปินมือใหม่ และความจริงข้อนี้ไม่สามารถหักล้างได้ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าผลงานช่วงแรกๆ ของ Modigliani สองสามชิ้นที่เสร็จสมบูรณ์ก่อนย้ายไปปารีสได้มาถึงเราแล้ว บางทีในเมือง Livorno ฟลอเรนซ์หรือเวนิสอาจยังคงพบผลงานที่ไม่รู้จักของ Modigliani ในปี 1898-1906 ซึ่งจะช่วยให้กระจ่างในระยะเริ่มต้นของชีวประวัติที่สร้างสรรค์ของศิลปิน นอกจากนี้ เราสามารถดึงความคิดเห็นบางส่วนเกี่ยวกับผลงานช่วงแรกๆ ของ Modigliani ได้ และโดยทั่วไปแล้วเป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการว่าเขาผ่านศิลปะสมัยใหม่ของประเทศบ้านเกิดของเขา: เห็นได้ชัดว่าศิลปะของอิตาลีในศตวรรษที่ 19 สร้างความประทับใจให้กับ Modigliani รุ่นเยาว์ไม่น้อยไปกว่าผลงานของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและ Boldini คือ เช่นเดียวกับที่สัมผัสได้ในผลงานของ Modigliani ในยุคต้นของกรุงปารีส เช่น Toulouse -Lautrec
ระหว่างที่เขาอยู่ที่โรมในปี 1901 Modigliani ชื่นชมภาพวาดของ Domenico Morelli (1826-1901) และโรงเรียนของเขา ภาพวาดที่ซาบซึ้งของมอเรลลีในธีมพระคัมภีร์ ภาพเขียนประวัติศาสตร์และผืนผ้าใบบนผืนผ้าใบจากผลงานของทัสโซ เช็คสเปียร์ และไบรอน บัดนี้ถูกลืมไปโดยสิ้นเชิง ขั้นตอนที่กล้าหาญซึ่งนำหน้าโมเรลลีไปไกลโดยกลุ่มศิลปินอายุน้อย "มัคคิไอโอลี" (จากมัคเคีย - จุดที่มีสีสัน) โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งเป็นนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์ พวกเขารวมกันเป็นหนึ่งโดยการปฏิเสธรสนิยมของชนชั้นกลางที่มีชัยในงานศิลปะ ผู้ขอโทษที่เป็นจิตรกรประเภทวิชาการ ในแง่ของเนื้อหาศิลปินของกลุ่ม Macchiaioli อยู่ใกล้กับอิมเพรสชั่นนิสต์: พวกเขายังชอบที่จะพรรณนาบ้านชาวนา, ถนนในชนบท, ดินแดนที่มีแสงแดดส่องถึงและแสงจ้าจากดวงอาทิตย์บนผืนน้ำ แต่พวกเขาไม่ได้แตกต่างกันในความกล้าหาญของศิลปะ การตัดสินใจที่มีอยู่ในผู้ติดตามของ Monet
เห็นได้ชัดว่าในช่วงเวลาของการฝึกงาน Modigliani เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักการทางศิลปะของ "macchiaioli" Micheli อาจารย์ของเขาเองเป็นนักเรียนคนโปรดของ Giovanni Fattori หนึ่งในผู้ก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ (1828-1905) จากเมือง Livorno มิเชลีเป็นจิตรกรภูมิทัศน์ที่มีชื่อเสียงพอสมควร และเขาได้รับความนิยมในหมู่ผู้รักศิลปะในท้องถิ่นด้วยทิวทัศน์ท้องทะเลของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกสดชื่นและสว่างไสว
Modigliani ทำงานอย่างหลงใหลในขณะที่เขามีชีวิตอยู่ แอลกอฮอล์และกัญชาไม่เคยลดทอนความปรารถนาที่จะทำงานอย่างไม่ย่อท้อของเขา อาจมีบางช่วงเวลาที่เนื่องจากขาดการรับรู้อย่างกว้างขวางเขาตกอยู่ในความสิ้นหวังและยอมแพ้ ครั้ง หนึ่ง เมื่อ ตอบ เพื่อน คน หนึ่ง ที่ เยาะเย้ย เขา เนื่อง จาก ความ เกียจคร้าน เขา บอก ว่า “ฉัน คิด ภาพ อย่าง น้อย สาม รูป ต่อ วัน. มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะทำลายผ้าใบถ้าไม่มีใครซื้อมันอยู่ดี” ในอีกทางหนึ่ง Arthur Pfannstiel ผู้เขียน Modigliani and His Work รายงานว่าศิลปินหนุ่มกำลังร่างภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเติมสมุดโน้ตสีน้ำเงินด้วยภาพวาดอย่างเผ็ดร้อนถึงร้อยวัน
ควรจำไว้ว่าในช่วงเวลานี้ Modigliani ยังคงใฝ่ฝันที่จะเป็นประติมากรและใช้ส่วนสำคัญของความพยายามของเขาในการแกะสลัก คนที่มีความคิดเชิงวิพากษ์ เขาทำลายสิ่งที่ดูเหมือนไม่ประสบความสำเร็จเป็นระยะๆ แต่เขาก็ตกงานจำนวนมากด้วยการย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอย่างเร่งรีบ มักจะแอบและไม่ต้องจ่ายเงินให้เจ้าของสำหรับสถานที่เช่า เจ้าของบ้านที่โกรธแค้นทำลายภาพวาด "บ้า" ที่เขาทิ้งไว้แทนการชำระเงิน เจ้าของร้านอาหารเล็ก ๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับงานของเขามากเกินไปซึ่งเขาแลกเปลี่ยนงานของเขาเพื่อดื่มบ่อยกว่าสำหรับอาหาร เขามอบงานมากมายให้กับแฟนสาวที่สุ่มเลือกหลายคนโดยไม่ใส่ใจ Modigliani ไม่เคยเก็บบันทึกผลงานของเขา
เป็นที่น่าสังเกตว่าจิตรกรรุ่นเยาว์ได้รับอิทธิพลจาก Fauvism และ Cubism เพียงเล็กน้อย Fauvists วางสีไว้เป็นพื้นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง และสำหรับ Modigliani สิ่งสำคัญคือเส้นสาย ตอนแรกเขาบ่นว่า "ตาอิตาลีที่ถูกสาป" ไม่ชินกับแสงไฟแบบพิเศษของชาวปารีส จานสีของเขาไม่หลากหลายนัก และมีเพียงครั้งหรือสองครั้งเท่านั้นที่เขาใช้การทดลองสีในจิตวิญญาณของนีโออิมเพรสชันนิสต์หรือโฟวิส ตามกฎแล้ว เขาปิดพื้นผิวขนาดใหญ่ที่มีสีสม่ำเสมอด้วยรูปทรงเส้นตรงที่บาง แต่มีร่องรอยอย่างชัดเจน ลัทธิเขียนภาพแบบเหลี่ยมซึ่งมีแนวโน้มที่จะลดทอนความเป็นมนุษย์นั้นมีเหตุผลมากเกินไปสำหรับ Modigliani ซึ่งกำลังมองหาความเป็นไปได้ในการแสดงอารมณ์ที่รุนแรงในงานของเขา
หากผืนผ้าใบในยุคแรก ๆ ของ Modigliani แม้จะมีทักษะทางเทคนิคที่ยอดเยี่ยมและเสน่ห์ที่แปลกประหลาดและการแต่งบทเพลงเฉพาะตัว แต่ก็ยังไม่ใช่ผลงานที่โดดเด่นอย่างแท้จริง ภาพวาดของเขาในปี 1906-1909 นั้นคาดว่าจะเป็นปรมาจารย์ผู้ใหญ่ในปี 1915-1920 แล้ว
เขาใช้เวลาช่วงฤดูร้อนปี 1909 กับครอบครัวของเขาในลิวอร์โนและวาดภาพที่นั่นจำนวนหนึ่ง ซึ่งในจำนวนนี้มีผ้าใบชื่อ The Beggar ผืนผ้าใบนี้ เช่นเดียวกับ The Cellist สองเวอร์ชัน เป็นหนึ่งในหกสิ่งที่เขาจัดแสดงที่ Salon des Indépendants ในปี 1910 ถึงตอนนี้ นักวิจารณ์ กวี และเพื่อนศิลปินหลายคนจำเขาได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ยกเว้น Dr. Paul Alexander ผู้ซึ่งอุทิศตนเพื่อเขา ไม่มีใครอยากซื้อผลงานของเขา เขาย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพราะไม่เคยมีเงินสำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ดี ครั้งหนึ่งเขาอาศัยอยู่ในสิ่งที่เรียกว่า "รัง" ซึ่งเป็นบ้านที่แปลกประหลาดและทรุดโทรมบนถนน Danzig ที่ Chagall, Kisling, Soutine และศิลปินต่างชาติอื่น ๆ อีกมากมายเช่าเวิร์กช็อปเล็ก ๆ
ในปี พ.ศ. 2452-2458 เขาคิดว่าตัวเองเป็นประติมากรและทำงานด้านน้ำมันเพียงเล็กน้อย ในช่วงเวลานี้ Modigliani ได้รู้จักคนรู้จักที่น่าสนใจและจำเป็นมากมาย ในปีพ.ศ. 2456 เขาได้พบกับ Chaim Soutine ซึ่งเป็นผู้อพยพจากลิทัวเนียที่ไร้เหตุผล และต่อมาในฐานะเพื่อนสนิท ได้พยายามสอนมารยาทที่ดีแก่เขา Soutine อายุน้อยกว่าสิบสองปีและภาพวาดที่อุดมสมบูรณ์ของเขาด้วย "การระเบิด" ที่มีลักษณะเฉพาะของจังหวะซีดขาวแทบจะไม่สามารถโปรดเพื่อนจากอิตาลีได้ ในปี 1914 Max Jacob ได้แนะนำ Modigliani ให้กับ Paul Guillaume ซึ่งเป็นนักเดินขบวนคนแรกที่สามารถกระตุ้นความสนใจในงานของศิลปินในหมู่ลูกค้า แต่โมดิเกลียนีมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมาร์ชองด์อีกคนหนึ่งคือเลโอโปลด์ ซโบรอฟสกี ซึ่งเขาพบในปี 2459 ส่วนสำคัญของผลงานที่สร้างขึ้นโดยศิลปินในช่วงสามหรือสี่ปีที่ผ่านมาปรากฏขึ้นด้วยการสนับสนุนของ Zborowski และภรรยาของเขา Zborowski เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดาในหมู่นักเดินขบวนในสมัยนั้น: เขามีความรักที่คลั่งไคล้ในวอร์ดของเขาแม้จะมีข้อบกพร่องทั้งหมดของศิลปิน - โดยพื้นฐานแล้วความประมาทและความฉุนเฉียว - ซึ่งจะทำให้คนที่ทุ่มเทน้อยลง
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2460 นิทรรศการเดี่ยวที่แท้จริงของ Modigliani จัดขึ้นโดย Zborowski ที่ Bertha Weil Gallery แทนที่จะประสบความสำเร็จตามที่คาดหวัง เรื่องอื้อฉาวก็ปะทุขึ้น ฝูงชนรวมตัวกันหน้าตู้โชว์ซึ่งมีภาพเปลือยแสดงอยู่ ตำรวจยืนยันว่าผ้าใบนี้และภาพเปลือยอีกสี่ภาพจะถูกลบออกจากนิทรรศการ ไม่มีภาพวาดใดถูกขาย
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2462 โมดิกลิอานีกลับไปปารีส และจีนน์ก็มาถึงที่นั่นในเวลาต่อมา สัญญาณแรกของความสำเร็จปรากฏขึ้น หนังสือพิมพ์เริ่มเขียนเกี่ยวกับศิลปิน ผืนผ้าใบหลายผืนของเขาถูกนำเสนอในนิทรรศการศิลปะฝรั่งเศสในลอนดอน งานของเขาเริ่มเป็นที่ต้องการของผู้ซื้อ ในที่สุด Modigliani ก็มีเหตุผลที่จะลุกขึ้น - หากไม่ใช่เพราะสุขภาพทรุดโทรม Modigliani สามารถสร้างตัวเองให้เป็นจริงและไม่ใช่วัตถุประสงค์ได้พร้อม ๆ กัน นักผสมผสานที่ได้รับแรงบันดาลใจคนนี้ - ขุนนาง นักสังคมนิยม และนักเย้ายวนในหนึ่งเดียว - ใช้เทคนิคของทั้งปรมาจารย์แห่งไอวอรี่โคสต์ (ซึ่งรูปปั้นทำให้จินตนาการตื่นตาตื่นใจโดยไม่กระตุ้นความรู้สึกเป็นเจ้าของ) และจิตรกรไอคอนแห่งไบแซนเทียมและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้น ( ที่แตะต้องเราแต่ไม่อาจเขย่าเราให้ถึงแก่น) ) จากทั้งหมดนี้ Modigliani ที่สั่นสะเทือนและน่าตื่นเต้นได้ก่อตัวขึ้นในคำเดียว!
3. ผลงานที่มีชื่อเสียง
ศิลปินอาเมเดโอ โมดิเกลียนี
ลักษณะที่น่าอัศจรรย์ของ Modigliani นั้นเด่นชัดเป็นพิเศษในภาพเปลือยและภาพบุคคลของเขา ผลงานเหล่านี้อย่างแรกเลยคือทำให้เขาได้รับตำแหน่งผู้นำในศิลปะแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ
เส้นทางสร้างสรรค์ของ Modigliani กลับกลายเป็นว่าสั้นอย่างน่าเศร้า เขาได้รับเวลาน้อยมาก ผลงานที่ดีที่สุดของเขาส่วนใหญ่ตกอยู่ในช่วงห้าปีสุดท้ายของชีวิต สิ่งนี้อธิบายขนาดที่ค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัวของมรดกของเขา และความแคบในการเลือกหัวข้อ - โดยทั่วไปแล้ว Modigliani ทำงานในสองประเภทเท่านั้น (ภาพเปลือยและภาพบุคคล) อย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งในยุคที่มีความสามารถพิเศษอย่างช่วงต้นศตวรรษที่ผ่านมา เขาก็ไม่สามารถหลงทางในกลุ่ม "ศิลปะ" ทั่วไปได้ และประกาศตัวเองว่าเป็นหนึ่งในจิตรกรร่วมสมัยที่เป็นต้นฉบับและเป็นกวีมากที่สุด และสไตล์ที่เขาสร้างขึ้นยังคงหลอกหลอนศิลปินหลายคน กระตุ้นให้พวกเขา (มักไม่รู้ตัว) ให้เลียนแบบและทำซ้ำ
รูปร่างที่ยืดยาวของ Modigliani ได้กระตุ้นความสนใจอย่างมากมาโดยตลอด ต้นกำเนิดของพวกเขาได้รับการอธิบายอย่างหลากหลายโดยนักวิจารณ์ คำอธิบายบางส่วนเหล่านี้ค่อนข้างจะเป็นเรื่องเล็กน้อย - ตัวอย่างเช่น การพูดเชิงเปรียบเทียบ "แอลกอฮอล์" เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ารูปแบบที่ยืดออกเป็นผลมาจากการเสพติดแอลกอฮอล์ของศิลปินโดยมองผู้หญิงผ่านก้นแก้วหรือคอขวดที่โค้งมน ในขณะเดียวกัน รูปแบบที่คล้ายคลึงกันนั้นพบได้ในหมู่ปรมาจารย์ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาซึ่งก่อนหน้านั้น Modigliani โค้งคำนับและสวมหน้ากากแอฟริกันที่เขารัก หน้ากากแอฟริกันไม่ได้ทำให้งานอดิเรกทางศิลปะของเขาหมดลง เขายังสนใจศิลปะของอียิปต์โบราณ รูปปั้นของหมู่เกาะโอเชียเนีย และอีกมากมาย อย่างไรก็ตาม ไม่มีการพูดถึงการกู้ยืมโดยตรง หากประติมากรรมโบราณมีอิทธิพลต่อรูปแบบของ Modigliani ก็เพียงทางอ้อมเท่านั้น Modigliani ยอมรับเฉพาะสิ่งที่ตรงกับการค้นหาของเขาเอง
ในช่วง "ประติมากรรม" ของเขาเป็นเวลา 5 ปี ศิลปินวาดภาพเพียงสองโหลเท่านั้น ในขณะที่จำนวนภาพเขียนที่ยังหลงเหลืออยู่ของเขามีเกือบ 350 ภาพ หลังจากนั้นเขาก็ละทิ้งประติมากรรม บางทีการแกะสลักอาจมากเกินไปสำหรับเขา การแกะสลักหินเป็นงานหนัก และฝุ่นหินที่ปลิวไสวไปพร้อม ๆ กันถูกห้ามโดยปอดของศิลปินที่ป่วยด้วยวัณโรค อย่างไรก็ตาม งานประติมากรรมที่ผู้เขียนสร้างขึ้นก็เป็นส่วนสำคัญของงานของ Amedeo ประติมากรรมที่มีอยู่ทั้งหมดโดย Modigliani สร้างขึ้นระหว่างปี 1909 ถึง 1914 เหล่านี้คือหัวหิน 23 อันและรูปปั้นสองรูป (ผู้หญิงยืนและ caryatid) Modigliani วาดภาพร่างของ caryatids หลายครั้ง โดยตั้งใจที่จะสร้างหัวและรูปปั้นทั้งชุดสำหรับวิหารแห่งความงามที่เขาคิดขึ้น แผนนี้ไม่ได้ถูกกำหนดให้เป็นจริง จริงอยู่เขาแสดงเจ็ดหัว (เช่นซีรีส์) ที่ Autumn Salon ในปี 1912 Jacob Epstein ประติมากรชื่อดังเพื่อนของศิลปินตั้งข้อสังเกตในอัตชีวประวัติของเขาว่าในตอนกลางคืน Modigliani ได้จุดเทียนไขที่อยู่บนหัวหินและส่องสว่างสตูดิโอพร้อมกับพวกเขา พยายาม "เลียนแบบแสงไฟของวัดนอกรีตโบราณ
โมดิเกลียนีเป็นประติมากรที่เรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นเหตุว่าทำไมงานประติมากรรมในยุคแรกๆ ของเขาจึงดูหยาบกร้าน (และกระทั่งเงอะงะ) แต่ด้วยความทุ่มเท ไม่นานเขาก็พบสไตล์ของตัวเอง ทั้งสง่างามและทรงพลัง หัวหินของ Modigliani มีแรงดึงดูดและเกือบจะเป็นแม่เหล็ก สามารถสันนิษฐานได้ว่าวิหารแห่งความงามที่ศิลปินสร้างขึ้นนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
งานของ Modigliani มักเกี่ยวข้องกับผู้ชมด้วยภาพเปลือยของเขาอย่างแม่นยำ โมดิเกลียนีสนใจเรื่องนู้ดมาโดยตลอด แต่ในปี 2459 เท่านั้นที่เขาหันไปหาเรื่องนี้อย่างจริงจัง ภาพเปลือยอันงดงามที่ศิลปินวาดในช่วงสามหรือสี่ปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขานั้นแตกต่างอย่างมากจากทุกสิ่งที่เขาสร้างขึ้นก่อนหน้านี้ ภาพผู้หญิงของ Modigliani ตอนปลายกลายเป็นเรื่องเย้ายวนและตรงไปตรงมามากขึ้นโดยสูญเสียความโศกเศร้าและการไตร่ตรองในอดีต การทำงานในแนวนี้ ศิลปินไม่ค่อยใช้ความช่วยเหลือจากแฟนสาวหรือเมียน้อยของเขา ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือภาพเปลือยที่มีเบียทริซ เฮสติ้งส์เป็นนางแบบและหลายๆ อย่างที่คล้ายกันซึ่งจีนน์ เฮบูแตร์นโพสต์ไว้ ปกติแล้วนายแบบหรือคนรู้จักแบบจ่ายเงินมักจะเป็นนางแบบให้กับศิลปิน โมดิเกลียนีชอบนอนเปลือยกายมากกว่า (แม้ว่าจะไม่ใช่ตำแหน่งพิเศษสำหรับเขาก็ตาม) เขามักจะพรรณนาถึงร่างกายของผู้หญิงที่ใหญ่ ฉ่ำ แขนถูกเหวี่ยงไปด้านหลังศีรษะหรืองอขา
ในช่วงเวลาของ Modigliani ธรรมชาติของผู้หญิงที่เปลือยเปล่ายังไม่กลายเป็นเรื่องธรรมดาในการวาดภาพ เธอกังวลถึงกับตกใจ ภาพลักษณ์ของขนหัวหน่าวถือว่าลามกอนาจารเป็นพิเศษ แต่การสร้างบรรยากาศอีโรติกไม่ใช่จุดจบของโมดิเกลียนี แน่นอนว่าสิ่งนี้มีอยู่ในผืนผ้าใบของเขา แต่นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบที่หรูหราและมีสีสันที่สวยงาม ประการแรกพวกเขาเป็นผลงานศิลปะ ตัวอย่าง ได้แก่ ภาพเปลือยบนเบาะสีขาว (พ.ศ. 2460-2461) ภาพเปลือยขณะนั่ง (ป่วย 6) ไม่ระบุวันที่ และสตรีวัยหนุ่มสาวที่นั่ง (พ.ศ. 2461) ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของประเภทที่ผสมผสานความบริสุทธิ์และความสง่างามของเส้น ความเรียบง่ายของการจัดองค์ประกอบ การแสดงออก และความเร้าอารมณ์อย่างลึกซึ้ง - "นั่งเปลือย" (1916) นี่เป็นหนึ่งในภาพเปลือยครั้งแรกของ Modigliani ที่เกี่ยวข้องกับช่วงวัยผู้ใหญ่ของเขา ในหนังสือของเขา (1984) ที่อุทิศให้กับผลงานของศิลปิน Douglas Heasle เรียกภาพนี้ว่า "บางทีภาพเปลือยของ Modigliani ที่สวยที่สุด"1. ใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ดูเก๋ แต่คุณสามารถหาความคล้ายคลึงกันกับเบียทริซเฮสติ้งส์ได้ ในขณะที่สร้างผืนผ้าใบ พวกเขายังคงอาศัยอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเป็นไปได้ที่เบียทริซจะโพสท่าให้กับศิลปิน เป็นไปได้มากว่า Modigliani จะเชิญนางแบบมืออาชีพมาทำสิ่งนี้ตามปกติ แต่ในกระบวนการทำงาน แน่นอนว่าเบียทริซยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาเขา ใบหน้าประติมากรรมที่ยาวและยาวของหญิงสาวที่พรรณนาชวนให้นึกถึงหน้ากากแอฟริกันที่ Modigliani ชื่นชมอย่างมาก ในขณะที่การเอียงศีรษะและขนตาล่างสะท้อนภาพวาดที่มักจัดแสดงที่ซาลอน อย่างไรก็ตาม ผลงานของ Modigliani นี้เป็นผลงานดั้งเดิมอย่างสมบูรณ์และถือว่าเป็นหนึ่งในไข่มุกในซีรีส์นู้ด ซึ่งต่อมาได้ยกย่องศิลปิน
“ Reclining Nude” (พ.ศ. 2460-2461) งานของ Modigliani มักเกี่ยวข้องกับผู้ชมอย่างแม่นยำกับภาพเปลือยของเขาและผลงานชิ้นเอกนี้เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของประเภทที่ผสมผสานความบริสุทธิ์และความสง่างามของเส้นองค์ประกอบความเรียบง่ายการแสดงออกและความเร้าอารมณ์ลึก .
Modigliani เป็นนักเขียนแบบร่างที่โดดเด่น ดังนั้นเส้นสายจึงให้เสน่ห์หลักของภาพ โดยอธิบายโครงร่างของร่างกายผู้หญิง คอของเธอ และรูปวงรีของใบหน้าอย่างนุ่มนวล เส้นขอบที่เรียบเนียนของร่างได้รับการเน้นโดยพื้นหลังที่สง่างามของภาพซึ่งเข้ากันได้ดีกับโทนสี ท่าโพสและลักษณะใบหน้าของนางแบบมีความใกล้ชิดมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้มีสไตล์อย่างจงใจ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ภาพสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองและกลายเป็นส่วนรวม แขนและขาของนางเอกของงานนี้ถูกตัดออกจากขอบผ้าใบทำให้มองเห็นได้ใกล้ชิดกับผู้ชมมากขึ้นเพื่อเพิ่มเสียงที่เร้าอารมณ์ของภาพ
นอกจากภาพเปลือยแล้ว ภาพเหมือนของ Modigliani ยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เขากล่าวว่า: “ผู้ชายคือสิ่งที่ผมสนใจ ใบหน้าของมนุษย์คือการสร้างธรรมชาติสูงสุด สำหรับฉันนี่คือแหล่งที่ไม่สิ้นสุด บ่อยครั้งที่ Modigliani ถูกวางโดยเพื่อนสนิทของเขาด้วยการที่ผืนผ้าใบของศิลปินหลายคนดูเหมือนแกลเลอรี่ที่อยากรู้อยากเห็นของตัวแทนของโลกศิลปะในสมัยนั้นซึ่งมีภาพที่จับ "ยุคทอง" ของศิลปะปารีส Modigliani ทิ้งภาพเหมือนของศิลปิน Diego Rivera, Juan Gris, Pablo Picasso และ Chaim Soutine, ประติมากร Henri Lauren และ Jacques Lipchitz นักเขียน Guillaume Apollinaire และ Max Jacob มีเพียงภาพเดียวของ Modigliani (ป่วย 7) ซึ่งเขียนโดยเขาในปี 1919 เมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงมาหาเรา
ภาพเปลือยและภาพบุคคลที่วาดโดยศิลปินในช่วงสุดท้ายของชีวิต นับเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์จิตรกรรมสมัยใหม่ แม้ว่าภาพถ่ายคนสุดท้ายของโมดิเกลียนีจะมีร่องรอยของความเสื่อมทางอารมณ์ (ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย หากคุณไม่ลืมว่าเขามีชีวิตอยู่ในสมัยนั้นอย่างไร) พวกเขายังคงรักษาความโปร่งใสและสง่างามที่มีอยู่ในปรมาจารย์แห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
แต่โมดิเกลียนีไม่ได้สร้างชื่อเสียงมาตลอดชีวิต เขาเป็นที่รู้จักในวงแคบ ๆ ของศิลปินเท่านั้น - เช่นเดียวกับที่เขารักศิลปะอย่างไม่แยแส และตามกฎแล้วจะไม่นำเงินมาตลอดชีวิต ใช่ Modigliani (เช่นเดียวกับเพื่อนของเขาหลายคน) ยังคงรอการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากการตายของเขา สำหรับภาพวาดของเขาซึ่งเขาแจกเป็นขนมปังและไวน์ ตอนนี้พวกเขาต้องจ่ายเงินมหาศาล ในหอศิลป์พวกเขาครอบครองสถานที่ที่มีเกียรติมากที่สุดและมีการเขียนหนังสือหลายร้อยเล่มเกี่ยวกับตัวศิลปินเอง เรื่องธรรมดา.
บทสรุป
สไตล์การวาดภาพของ Modigliani ที่มีความเรียบในการตกแต่ง ความกระชับขององค์ประกอบ ดนตรีของจังหวะเงา-เส้นตรง และความอิ่มตัวของสี ถูกกำหนดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1910 ตามกฎแล้วภาพวาดหนึ่งร่าง - ภาพเหมือนและภาพเปลือย - Modigliani สร้างโลกพิเศษของภาพที่มีความใกล้ชิดเป็นรายบุคคลและในเวลาเดียวกันคล้ายกับการวิปัสสนาเศร้าทั่วไป บทกวีที่รู้แจ้งที่แปลกประหลาดและเหมาะสมยิ่งของพวกเขาถูกรวมเข้ากับความรู้สึกที่ไม่มั่นคงและน่าเศร้าในบางครั้งของบุคคลในโลก
Modigliani สามารถสร้างตัวเองให้เป็นจริงและไม่ใช่วัตถุประสงค์ได้พร้อม ๆ กัน ศิลปะของเขาเป็นไปตามข้อกำหนดของผู้พิถีพิถันที่ยืนยันว่าภาพเป็นเพียงระนาบที่ใช้สีในลำดับที่แน่นอน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ใส่เนื้อหาของมนุษย์ เกี่ยวกับเรื่องเพศ และสังคมมากมายลงในผืนผ้าใบของเขา เขาเปิดเผยและซ่อน เลือกและนำมา เกลี้ยกล่อม และปลอบประโลม นักผสมผสานที่ได้รับแรงบันดาลใจคนนี้ - ขุนนาง นักสังคมนิยม และนักเย้ายวนในหนึ่งเดียว - ใช้เทคนิคของทั้งสองปรมาจารย์แห่งไอวอรี่โคสต์ (ซึ่งรูปปั้นทำให้จินตนาการตื่นตาตื่นใจโดยไม่กระตุ้นความรู้สึกเป็นเจ้าของ) และจิตรกรไอคอนแห่งไบแซนเทียมและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้น ( ที่แตะต้องเราแต่ไม่อาจเขย่าเราให้ถึงแก่น) ) จากทั้งหมดนี้ Modigliani ที่สั่นสะเทือนและน่าตื่นเต้นได้ก่อตัวขึ้นในคำเดียว!
อะไรที่เหลืออยู่ของ Modigliani เจ็ดทศวรรษหลังจากการตายของเขา? ประการแรกแน่นอนมรดกสร้างสรรค์ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การศึกษารายละเอียดและประการที่สองตำนานที่กลายเป็นสมบัติของคนนับล้าน
ตำนานเกิดขึ้นจากความทรงจำของคนที่รู้จักศิลปินในช่วงชีวิตอันน่าสลดใจของเขาในปารีส และยิ่งกว่านั้นจากหนังสือที่อิงจากข้อมูลที่น่าทึ่งแต่ไม่น่าเชื่อถือเสมอไปจากมือสองหรือมือที่สาม การผจญภัยของ Modigliani เป็นเรื่องของนวนิยายและภาพยนตร์ธรรมดาๆ หลายเรื่อง1
แอลกอฮอล์และยาเสพย์ติดอาจมีความจำเป็นสำหรับคนต่างชาติที่อ่อนแอ โชคร้าย และโดดเดี่ยวในปารีส ผู้ซึ่งทนทุกข์จากความไม่มั่นคงและความผิดหวังอันขมขื่น แต่พวกเขาไม่เคยสร้างและปลดปล่อยอัจฉริยะของเขาเลย โมดิเกลียนีมักจะจนแทบขาดใจ และยิ่งกว่านั้นเพราะ "อารมณ์ร้าย" ของเขา ซึ่งขับไล่ผู้อุปถัมภ์ที่เป็นไปได้ มากกว่าเพราะความเฉยเมยต่อเขาโดยสมบูรณ์ในส่วนของนักสะสม การเปิดเผย "ตำนานแห่งความตายอันแสนโรแมนติกจากความอดอยาก แอลกอฮอล์ และพระเจ้ารู้ว่าการทรมานแบบเลื่อนลอยคืออะไร"2 จีนน์ โมดิเกลียนี ลูกสาวของศิลปินกล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างแรกเลยคือวัณโรค ซึ่งเขาป่วยด้วยตลอดชีวิตของเขา
ไม่ว่าศิลปินจะดูไร้ความสามารถและไร้ความรับผิดชอบเพียงใดในบางครั้ง เขาก็เป็น - และเพื่อน ๆ ของเขาทั้งหมดมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในเรื่องนี้ - คนที่มีพฤติกรรมชนชั้นสูง จิตใจที่แจ่มใส มีการศึกษาอย่างกว้างขวาง มีความรู้สึกที่ดีและมีความเห็นอกเห็นใจ ด้วยระยะเวลาที่จำกัด - สิบสามปี - ของกิจกรรมสร้างสรรค์ของเขาและทุกสถานการณ์ในชีวิต ความสำเร็จของเขาน่าทึ่งไม่เพียงแต่ในเชิงปริมาณเท่านั้นแต่ยังอยู่ในเชิงคุณภาพด้วย ในหนังสือ Modigliani and His Work (1956) Arthur Pfannstiel แสดงรายการและบรรยายภาพ 372 ภาพโดยศิลปินผู้นี้สร้างขึ้นหลังจากที่เขามาถึงปารีสในปี 1906 ในคำนำของอัลบั้ม "Amedeo Modigliani. ภาพวาดและประติมากรรม (1965) Ambrogio Ceroni อ้างว่าจำนวนภาพเขียนของ Modigliani ที่แท้จริงคือ 222 ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวทางการประเมินที่เข้มงวดมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการค้นพบภาพวาดยุคแรกๆ ของ Modigliani หลายภาพ และไม่นานมานี้ มีการนำผืนผ้าใบของแท้จากยุคปารีสที่น่าเชื่อถือจำนวนมากขึ้นเพื่อจำหน่าย โดย Pfannstiel หรือ Ceroni ไม่ได้กล่าวถึง3 โชคไม่ดีที่ตลาดน้ำท่วม ด้วยของปลอมภายใต้ Modigliani และบางคนมีทักษะดังกล่าวที่อาจทำให้ทั้งผู้เชี่ยวชาญและนักสะสมเข้าใจผิด ไม่น่าแปลกใจที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลอมแปลงได้เพิ่มกิจกรรมของพวกเขามาก - ราคาสำหรับงานชั้นหนึ่งของ Modigliani เพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งแสนดอลลาร์ เป็นผลให้มี "Modigliani" จำนวนมากปรากฏขึ้นซึ่งกำลังพยายามลดเทคนิคดั้งเดิมที่พัฒนาโดยอาจารย์ให้เป็นสูตรเล็กน้อย
เราจะไม่มีทางรู้ว่ามีงานกี่ชิ้นที่ไม่ถึงเรา - ศิลปินทำลายตัวเองกี่ชิ้น แต่มีกี่ชิ้นที่หายไป
บรรณานุกรม
เวอร์เนอร์ อัลเฟรด. Amedeo Modigliani (แปลโดย Fateev) - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก: ICAR, 1994. - 126 p. ป่วย
Vilenkin V.Ya. อเมเดโอ โมดิเกลียนี. - ครั้งที่ 2 แก้ไขแล้ว และเพิ่มเติม - ม.: ศิลป์, 2532. - 175 น., ล. ป่วย. - (ชีวิตในงานศิลปะ).
ภาพวาดยุโรป XIII - XX ศตวรรษ พจนานุกรมสารานุกรม - ม.: อาร์ต, 2542. - 526 น. ป่วย
โมดิเกลียนี - ม.: สำนักพิมพ์ "คลาสสิก", 2544. - 64 น. ป่วย โลกแห่งผลงานชิ้นเอก 100 ชื่อโลกในงานศิลปะ
ห้องแสดงงานศิลปะ: Modigliani - ลำดับที่ 26. - ม., 2548. - 31 น.
สารานุกรมภาพวาดโลก / คอมพ์ ทีจี Petrovets, ยู.วี. ซาดอมนิคอฟ - M.: OLMA - PRESS, 2000. - 431 p.: ill.
โฮสต์บน Allbest.ru
...เอกสารที่คล้ายกัน
ต้นกำเนิดและขั้นตอนหลักของชีวิตของศิลปินชาวอิตาลี ความคิดสร้างสรรค์ Modigliani: งานแรก ๆ อิทธิพลของ Fauvism และ Cubism ต่อเทคนิคของจิตรกรประสบการณ์ของประติมากรความคุ้นเคยกับ Soutine และ Zborowski การวิเคราะห์คุณสมบัติของงานหลักของอาจารย์
ทดสอบ, เพิ่ม 01/03/2011
วันสำคัญของชีวิตของ Amedeo Modigliani สาเหตุของการเสียชีวิต ขั้นตอนของการสร้างภาพวาด "นอนเปลือย" จานสีและองค์ประกอบพื้นหลัง ลักษณะเด่นของสไตล์: ลักษณะใบหน้าที่เก๋ไก๋ รูปแบบประติมากรรม โทนสีที่มีพื้นผิว พรสวรรค์ด้านองค์ประกอบของศิลปิน
การนำเสนอ, เพิ่ม 03/14/2011
สาระสำคัญของปรากฏการณ์ "Akhmatov-Modigliani" ศีลที่งดงามใน "ภาพเหมือน" ของ Modigliani "Trace" ของ Modigliani ในผลงานของ Akhmatova "ช่วงเวลา Akhmatova" ในผลงานของ Modigliani สัญญาณลับในการทำงานของ Amedeo ธีมของ "ปีศาจ" ในผลงานของ Akhmatova และ Modigliani
บทคัดย่อ เพิ่มเมื่อ 11/13/2010
การศึกษาผลงานของนักเขียน ประติมากร และศิลปิน Ernst Barlach ผู้มีบุคลิกโดดเด่นในวัฒนธรรมศิลปะของเยอรมันในศตวรรษที่ 20 ทัศนคติ กวีนิพนธ์ สไตล์ของ Barlach Doukhoborets ในโบสถ์เซนต์นิโคลัสเป็นหนึ่งในผลงานที่สำคัญที่สุดของอาจารย์
บทคัดย่อ เพิ่ม 03/04/2013
วัยเด็กและเยาวชนของศิลปิน จุดเริ่มต้นของเส้นทางสร้างสรรค์ ทำงานเกี่ยวกับภาพวาด ทบทวนงานของ Surikov ทำงานกับภาพเขียนจำนวนหนึ่ง ลักษณะเฉพาะ และบทบาทของวิธีการแสดงออกที่ใช้โดยเขา ศิลปินเดินทางไปต่างประเทศ ปีสุดท้ายของชีวิต
ภาคเรียน, เพิ่ม 02/15/2011
จุดเริ่มต้นของเส้นทางสร้างสรรค์ของ Giovanni Piranesi นักโบราณคดี สถาปนิก และกราฟิกชาวอิตาลี บทบาทของความคิดสร้างสรรค์ทางสถาปัตยกรรมกราฟิกและความเพ้อฝันทางสถาปัตยกรรมและเชิงพื้นที่ของอาจารย์ แผ่น "วัดของ Sibyl ใน Tivoli" มรดกของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
ภาคเรียนที่เพิ่ม 10/13/2014
ศิลปะของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ คาราวัจโจ ภาพรวมของภาพวาดที่โดดเด่นโดยอาจารย์แห่งยุคสร้างสรรค์ต่างๆ ลักษณะเฉพาะของลักษณะการวาดภาพ คุณสมบัติที่โดดเด่นของรูปแบบผลงาน ความสมดุลระหว่างสิ่งที่น่าสมเพชอย่างมากและรายละเอียดที่เป็นธรรมชาติ
การนำเสนอ, เพิ่ม 04/16/2010
เรื่องราวชีวิตและผลงานของศิลปิน จิตรกร ประติมากร สถาปนิก และนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีผู้ยิ่งใหญ่ เลโอนาร์โด ดา วินชี หนึ่งในตัวแทนที่ใหญ่ที่สุดของศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการขั้นสูง คือ Leonardo da Vinci ผู้ซึ่งเหนือกว่าครูของเขา ปีสุดท้ายของชีวิตของอาจารย์
การนำเสนอเพิ่ม 03/04/2012
จุดเริ่มต้นของเส้นทางสร้างสรรค์ของ Sandro Botticelli ศิลปินชาวอิตาลียุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ศึกษาในเวิร์กช็อปของ Fra Filippo Lippi อิทธิพลของ Andrea Verrocchio และผลงานชิ้นแรก หัวข้อภาพวาดของศิลปิน: "Spring", "The Birth of Venus", "Madonna with a Pomegranate"
บทคัดย่อ เพิ่ม 05/06/2009
โครงร่างสั้น ๆ ของชีวิต ขั้นตอนของการพัฒนาส่วนบุคคลและความคิดสร้างสรรค์ของ Pablo Picasso ในฐานะจิตรกรอิมเพรสชันนิสต์ชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียง ระยะเวลาในการทำงานของอาจารย์ความสำเร็จและทิศทางการทำงาน ภาพสะท้อนชีวิตและประสบการณ์ของศิลปินในภาพวาดของเขา
จิตรกรชื่อดัง Amedeo Modigliani เกิดในปี 1884 ที่เมือง Livorno ในสมัยนั้นคือราชอาณาจักรอิตาลี พ่อแม่ของเขาเป็นชาวยิวดิก และมีลูกสี่คนในครอบครัว Amedeo หรือ Jedidia (นั่นคือชื่อจริงของเขา) มีขนาดเล็กที่สุด เขาถูกกำหนดให้กลายเป็นหนึ่งในศิลปินที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงปลายศตวรรษก่อนหน้าและต้นศตวรรษที่ผ่านมาซึ่งเป็นตัวแทนที่โดดเด่นของศิลปะการแสดงออก
ในช่วงชีวิตอันแสนสั้นของเขา และเขามีอายุเพียง 35 ปี ศิลปินสามารถบรรลุความสูงที่คนอื่น ๆ หลายคนไม่สามารถไปถึงได้จนถึงอายุขั้นสูง เขาเผาไหม้อย่างสดใสแม้จะเป็นโรคปอดที่กินเขา ตอนอายุ 11 ขวบ เด็กชายติดเชื้อเยื่อหุ้มปอดอักเสบและไข้รากสาดใหญ่ นี่เป็นโรคที่ร้ายแรงมากหลังจากนั้นหลายคนก็ไม่รอด แต่อาเมเดโอรอดชีวิตมาได้ แม้ว่าเขาจะเสียสุขภาพก็ตาม ความอ่อนแอทางร่างกายไม่ได้ขัดขวางการพัฒนาอัจฉริยะของเขา แม้ว่าจะนำชายหนุ่มรูปงามมาที่หลุมศพก็ตาม
Modigliani ใช้ชีวิตในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาวของเขาใน ในประเทศนี้ สิ่งแวดล้อมและอนุสรณ์สถานมากมายช่วยในการศึกษาศิลปะโบราณ ขอบเขตความสนใจของศิลปินในอนาคตยังรวมถึงศิลปะของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาซึ่งช่วยให้เขาพัฒนาต่อไปและมีอิทธิพลอย่างมากต่อการรับรู้ถึงความเป็นจริงของเขา
เวลาที่ Modigliani ก่อตั้งขึ้นในฐานะบุคคลและในฐานะศิลปินทำให้โลกมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถมากมาย ในช่วงเวลานี้ ทัศนคติต่อศิลปะในอดีตได้รับการแก้ไข แนวโน้มและทิศทางของศิลปะใหม่ๆ ได้เกิดขึ้น เมื่อย้ายไปอยู่ที่ปีพ. ศ. 2449 ปรมาจารย์ในอนาคตพบว่าตัวเองอยู่ในเหตุการณ์ที่เดือดดาล
เช่นเดียวกับปรมาจารย์แห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา Modigliani สนใจผู้คนเป็นหลักไม่ใช่วัตถุ มีภูมิประเทศเพียงไม่กี่แห่งที่รอดชีวิตจากมรดกอันสร้างสรรค์ของเขา ในขณะที่ภาพวาดประเภทอื่นๆ ไม่ได้สนใจเขาเลย นอกจากนี้ จนถึงปี ค.ศ. 1914 เขาได้อุทิศตนเพื่องานประติมากรรมโดยเฉพาะ ในปารีส Modigliani ได้พบและเป็นเพื่อนกับตัวแทนของโบฮีเมียมากมาย รวมถึง Maurice Utrillo และ Ludwig Meidner
ในผลงานของเขา การอ้างอิงถึงศิลปะของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาจะมองเห็นได้เป็นระยะ เช่นเดียวกับอิทธิพลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ของประเพณีแอฟริกันในงานศิลปะ Modigliani ยืนห่างจากเทรนด์แฟชั่นที่เป็นที่รู้จักมาโดยตลอด ผลงานของเขาเป็นปรากฏการณ์ที่แท้จริงในประวัติศาสตร์ศิลปะ น่าเสียดายที่หลักฐานและเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของศิลปินน้อยมากที่ได้รับการเก็บรักษาไว้ซึ่งสามารถเชื่อถือได้ 100% ในช่วงชีวิตของเขาอาจารย์ไม่เข้าใจเขาและไม่เห็นค่าเขาเลยไม่มีการขายภาพเขียน แต่ หลัง จาก ที่ เขา เสีย ชีวิต ใน ปี 1920 ด้วย โรค เยื่อหุ้ม สมอง อักเสบ ซึ่ง กระตุ้น ด้วย วัณโรค โลก ก็ ตระหนัก ว่า เขา สูญ เสีย อัจฉริยภาพ ไป. ถ้าเขาเห็นมัน เขาจะซาบซึ้งกับชะตากรรมที่ประชดประชัน ภาพวาดที่ในช่วงชีวิตของเขาไม่ได้นำขนมปังมาให้เขาในตอนต้นของศตวรรษที่ 21 ตกอยู่ภายใต้ค้อนเพื่อเงินก้อนโตซึ่งมีมูลค่าหลายสิบล้านดอลลาร์ แท้จริงแล้ว การจะยิ่งใหญ่ได้นั้น เราต้องตายในความยากจนและความมืดมน
ประติมากรรมของ Modigliani มีความเหมือนกันมากกับรูปปั้นแอฟริกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นเพียงการลอกเลียนแบบเท่านั้น นี่คือการคิดใหม่เกี่ยวกับรูปแบบชาติพันธุ์พิเศษที่ซ้อนทับกับความเป็นจริงสมัยใหม่ ใบหน้าของรูปปั้นของเขาดูเรียบง่ายและมีสไตล์สุดๆ ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ได้อย่างน่าทึ่งที่สุด
ผลงานที่งดงามของ Modigliani มักเกิดจากการแสดงออก แต่งานของเขาไม่สามารถตีความได้อย่างชัดเจน เขาเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่นำอารมณ์มาสู่ภาพวาดที่มีร่างกายผู้หญิงเปลือยเปล่า - ภาพเปลือย พวกเขามีทั้งความเร้าอารมณ์และความดึงดูดใจทางเพศ แต่ไม่ใช่นามธรรม แต่เป็นของจริงอย่างสมบูรณ์ บนผืนผ้าใบของ Modigliani ไม่มีภาพความงามในอุดมคติ แต่ผู้หญิงที่มีร่างกายไร้ความสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมีเสน่ห์ ภาพวาดเหล่านี้เริ่มถูกมองว่าเป็นจุดสุดยอดของผลงานของศิลปินซึ่งเป็นความสำเร็จที่ไม่เหมือนใครของเขา
