ละคร "ใต้ถุน" การวิเคราะห์การกระทำครั้งแรก

บทเรียนไป

เอ็นแอล Leiderman และ A. M. Sapir ผู้เขียนประจำของเราได้ทำงานเกี่ยวกับคู่มือระเบียบวิธี "Let's Read Gorky anew" (หนังสือเล่มนี้กำลังตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มอสโก "VAKO") จุดศูนย์กลางในคู่มือนี้ใช้วัฏจักรของบทเรียนตามบทละคร "At the Bottom" เรานำเศษส่วนจากวัฏจักรนี้มาสู่ผู้อ่านของเรา

เอ็นแอล Leiderman และ A.M. สาปีร์

แพทย์และสี

(วิเคราะห์บทที่สองของละครเรื่อง "At the Bottom")

เราเรียกหัวข้อที่สองในการศึกษาบทละครว่า “ลุคและที่กำบังกลางคืน (หมอกับคนไข้)” มีโครงสร้างเป็นการสนทนาเกี่ยวกับการมอบหมายงานล่วงหน้าเป็นรายบุคคล (โดยทั่วไปจะใช้เวลา 2 บทเรียน)

งานวิจัยที่น่าสนใจของบทเรียนซึ่งครูนำโดยปริยายมีดังนี้: ผ่านการวิเคราะห์ห่วงโซ่ของการชนกัน เผยให้เห็นขั้นตอนถัดไปและสำคัญมากของโครงเรื่องที่น่าทึ่ง - การกระทำที่ใช้งานของลุคเพื่อ "รักษา" บ้านพักยามค่ำคืน

เนื้อหาหลักของการสนทนาคือองก์ที่สอง เริ่มการสนทนา เบียลิกา: “เมื่อละคร“ At the Bottom” เปิดอยู่ เวทีการแสดงมักจะถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน และแทบทุกครั้งที่แต่ละคนมีชีวิตพิเศษของตัวเอง” 1. ในองก์ที่สองการแบ่งฉากออกเป็นแพลตฟอร์ม (โซน) ชัดเจนที่สุดครูมีโอกาสที่ดีที่จะดึงดูดความสนใจของเด็กนักเรียนถึงคุณสมบัติดั้งเดิมของบทกวีของพื้นที่บนเวทีของการเล่นของกอร์กีและเพื่อกระตุ้นการสะท้อน เกี่ยวกับเนื้อหาความหมายเฉพาะของเทคนิคนี้ งานลูกค้าเป้าหมายต่อไปนี้จะชี้นำการวิเคราะห์:

แบบฝึกหัดที่ 1

อ่านคำกล่าวเบื้องต้นในพระราชบัญญัติ II นักเขียนบทละครกำหนดโซนเวทีอะไร?

การชนกันใดที่ได้รับการแก้ไขในแต่ละ "โซน" บทสนทนาในแต่ละ "โซน" คืออะไร?

"โซน" เหล่านี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร โดยธรรมชาติของการกระทำและโดยความหมายของคำพูด?

1 Bialik B.M.Gorky นักเขียนบทละคร ม., 1977. ส. 101.

Naum Lazarevich Leiderman - ปรัชญาดุษฎีบัณฑิตศาสตราจารย์ภาควิชาวรรณคดีรัสเซียร่วมสมัยที่ Ural State Pedagogical University

Asya Mikhailovna Sapir เป็นครูผู้มีเกียรติแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย (ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่โอมาฮา สหรัฐอเมริกา)

ฉากที่สองดีมาก ฉากนี้ดีที่สุด ทรงพลังที่สุด และเมื่ออ่านจบโดยเฉพาะตอนจบ แทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดี

เอ.พี. เชคอฟ

ความประทับใจของคุณเกี่ยวกับบรรยากาศทางอารมณ์ทั่วไปในองก์ที่สองคืออะไร?

ตามคำแนะนำของผู้เขียนนักเรียนแยกแยะ "โซน" สามขั้นตอน: ครั้งแรก - ไพ่ "Satin, Baron, Crooked Zob และ Tatarin ติ๊กและนักแสดงกำลังดูเกม”; ที่สอง - "แทมบูรีนบนสองชั้นของเขาเล่นหมากฮอสกับเมดเวเดฟ"; ที่สาม - "ลูก้านั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงของแอนนา"

บริเวณใกล้เคียงของ "โซน" เหล่านี้ในพื้นที่เดียวกันเมื่อใกล้กับผู้หญิงที่กำลังจะตายไม่สนใจความทุกข์ของเธอผู้นอนอื่น ๆ กำลังเล่นเกมด้วยความหลงใหลดูเหมือนว่านักเรียนถ้าไม่ดูหมิ่นอย่างน้อยก็ ผิดศีลธรรม ครูนำผู้อ่านต่อไป กระตุ้นให้พวกเขาค้นหาและค้นหาความเชื่อมโยงระหว่าง "โซน" ของเวทีต่างๆ เขาดึงความสนใจของเด็ก ๆ ไปที่ "การโทร" ของบทสนทนาที่เล่นใน "โซน" ที่แตกต่างกัน ในส่วนนี้ของบทเรียน ครูคำนึงถึงข้อสังเกตของ BA เบียลิก, ยู.ไอ. Yuzovsky, B.V. มิคาอิลอฟสกี การสังเกตเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ แต่เรากำลังทำงานร่วมกับเด็กนักเรียนที่กำลังอ่านบทละครของกอร์กีเป็นครั้งแรก เป็นสิ่งสำคัญที่นักเรียนจะต้องค้นหาความทับซ้อนกันระหว่างเส้นที่ส่งเสียงใน "โซน" ต่างๆ เพื่อให้พวกเขาได้ยินว่าบทสนทนาโพลีโฟนิกปรากฏขึ้นบนเวทีอย่างไร ซึ่ง M. Bakhtin เรียกว่าบทสนทนาของ "ความเหงาของเสียงขั้นพื้นฐาน"

"โซน" บทสนทนาทั้งสามมีความสัมพันธ์กันอย่างไร? เริ่มกันที่ม้วนแรก มีบทสนทนาระหว่างแอนนากับลุค ผู้หญิงที่ใช้ชีวิตในชั่วโมงสุดท้ายของเธอสารภาพกับลุคเกี่ยวกับสภาพทางโลกที่ยากลำบากของเธอ (“ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันอิ่ม ... ” ฯลฯ ) และโดยพื้นฐานแล้วลุคเป็นคนแปลกหน้าเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจบิดาอย่างแท้จริงต่อแอนนา แม้กระทั่งเรียกเธอว่า "เด-

ทินก้า " แต่หลังจากคำพูดของแอนนาว่า “ฉันกำลังจะตาย” จาก “โซน” อื่นที่มีการตัดไพ่ คำพูดเกี่ยวกับการพนันก็ดังขึ้น: “ดูสิ ดูสิ! เจ้าชาย เลิกเล่น! ยอมแพ้ ฉันพูด!” แบบจำลองนี้เป็นของ Klesch สามีของ Anna เขายังแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างจริงใจ แต่ไม่ใช่กับภรรยาของเขา แต่กับหนึ่งในนักพนันที่พวกเขาพยายามจะโกง ความแตกต่างระหว่างบทสนทนาทั้งสองนั้นชัดเจน มันพัฒนาและทำให้แรงจูงใจของความไม่แยแสหูหนวกทางศีลธรรมลึกซึ้งยิ่งขึ้นซึ่งเราได้ระบุไว้แล้วในการวิเคราะห์การกระทำครั้งแรก

ฉากอื่นๆ มีความสัมพันธ์กันต่างกัน - คำพูดที่พูดใน "โซน" หนึ่งดูเหมือนจะสอดคล้องกับสิ่งที่พูดใน "โซน" อื่น กลายเป็นคำอธิบายแบบหนึ่ง

ลองพิจารณาความสัมพันธ์ที่คล้ายคลึงกันหลายประการ

Satin ประณามบารอนเพราะเขาไม่สามารถ "บิดเบือนแผนที่" ได้ บารอนแก้ตัว: "มารรู้ว่าเธอ ... " คำพูดต่อไปเป็นของนักแสดง: "ไม่มีพรสวรรค์ ... ไม่มีศรัทธาในตัวเอง ... และถ้าไม่มีสิ่งนี้ ... ไม่เคยเลย ... " นักแสดงพูดวลีนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง แต่พูดที่นี่ ราวกับว่าไม่เหมาะสม มันย้ายฉากประจำวันไปยังระนาบปรัชญาที่แตกต่างออกไป นักแสดงได้ระบุเหตุผลหลักที่ทำให้บุคคลมีข้อบกพร่อง แต่ถ้าพรสวรรค์เป็นของขวัญจากพระเจ้าอย่างที่พวกเขาพูดการไม่มีหรือสูญเสียศรัทธาในตัวเองก็เป็นความผิดของตัวเขาเองอยู่แล้ว (เราจะต้องกลับไปใช้สูตรนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง)

นักเรียนสามารถค้นหาตัวอย่างอื่นๆ ของการทับซ้อนกันระหว่างบทสนทนาที่เกิดขึ้นใน "โซน" ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นคำพูดของ Bubnov: “เสร็จแล้ว! ผู้หญิงของคุณหายไป ... "- นี่เป็นประโยคสำหรับนักแสดงที่เสียใจที่เขาลืมบทกวีที่เขาโปรดปราน (ระหว่างทางพวกเขาจำได้ว่าในฉากแรก Bubnov เดียวกันพูดวลี "และสตริงเน่า ... " ซึ่งกลายเป็นคำอธิบายที่สงสัยเกี่ยวกับคำพูดที่งดงามของ Ash ซึ่งเขาสารภาพรักกับนาตาชา: , ตีหัวใจ ... ฉันจะตาย - ฉันจะไม่ ooh! ")

หากการแบ่งฉากออกเป็น "โซน" ที่แตกต่างกันแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกของผู้พักค้างคืน ความไม่แยแสอย่างลึกซึ้งต่อกันและกัน จากนั้น "การพลิกกลับ" ของบทสนทนา "จะทำลาย" พาร์ทิชัน "ระหว่างส่วนต่างๆ ของฉากในทันที ซึ่ง“ กลายเป็นพื้นที่เดียวของการกระทำเดียว ”

ในที่นี้ เป็นการเหมาะสมที่จะเตือนนักเรียนว่าความสามัคคีของการกระทำเป็นหนึ่งในกฎพื้นฐานของการละคร ในทางกลับกัน Gorky พบวิธีพิเศษในการจัดระเบียบความสามัคคีของการกระทำเมื่อสร้างภาพลักษณ์ของโลกที่ฉีกขาดกระจัดกระจาย (มันเป็นของใหม่

2 อ้างแล้ว หน้า 103.

วิธีการจัดระเบียบความสามัคคีของการกระทำไม่เข้าใจในทันทีโดยนักวิจารณ์บางคนที่เห็นเพียง "ภาพ" ที่แยกจากกันในการเล่น) และความสามัคคีของการกระทำหมายความว่าสำหรับฉากและ "โซน" ที่ดูเหมือนไม่สอดคล้องกันทั้งหมด ราวกับว่าอยู่ในกลุ่มที่เน้นความขัดแย้งหลักหนึ่ง ส่องสว่างและแก้ไขจากด้านต่างๆ

นอกจากนี้ ครูเตือนว่าความสามัคคีของการกระทำเกิดขึ้นได้ในละครเรื่อง "At the Bottom" ไม่เพียงผ่านการเรียกบทสนทนาเท่านั้น โดยเฉพาะเพลงของนักโทษ "พระอาทิตย์ขึ้นและตก" ซึ่งร้องโดยผู้ต้องขังในตอนกลางคืนก็มีความสำคัญเช่นกัน

มันกลายเป็นพื้นหลังทางดนตรีของบรรยากาศสิ้นหวังที่น่าเศร้าที่ด้านล่าง ดังที่คุณทราบ Gorky เองแต่งเพลงนี้โดยเฉพาะสำหรับการเล่นของเขา ซึ่งหมายความว่าเขาให้ความสำคัญอย่างมากกับเพลงนี้

อย่างไรก็ตาม "จุดเชื่อมต่อ" ที่สำคัญที่สุดระหว่าง "โซน" ระยะต่างๆ คือลุคพเนจร เราจะพิจารณาตำแหน่งของลุคในระบบตัวละครและบทบาทของเขาในการแสดงละคร งานนำหน้าด้วยงานขั้นสูงต่อไปนี้:

ภารกิจที่ 2

ติดตามพฤติกรรมของลุคในบทที่หนึ่งและสอง เขาตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาอย่างไร เขาทำอะไร? มีการดำเนินการอะไรบ้าง?

ผู้ชม (ผู้อ่าน) มีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับเขา?

ภารกิจที่ 3

อ่านบทสนทนาระหว่างลุคกับนักแสดงอย่างระมัดระวัง ลุคกับอันนา ลุคกับขี้เถ้า

ให้ความสนใจกับประเด็นต่อไปนี้ ใครเป็นคนเริ่มการสนทนา หัวข้อสนทนาคืออะไร? ลุคตอบสนองต่อคำถามและความสงสัยของคู่สนทนาอย่างไร ปฏิกิริยาทันทีและที่ตามมาของคู่สนทนาคืออะไร?

ระหว่างงานที่สอง นักเรียนสร้างห่วงโซ่ของการกระทำที่ลุคทำ เขาเป็นคนอยากรู้อยากเห็นแบบเด็ก ๆ เขาใส่ใจทุกอย่าง: ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงร้องไห้ในครัวและชื่อ "บารอน" นี้คืออะไร เขาไม่ขี้เกียจเกินไปที่จะแอบปีนขึ้นไปบนสองชั้นเพื่อได้ยินการสนทนาของ Vasilisa กับ Ash แล้ว ด้วยเสียงโดยเจตนา (“ ในเตาจะได้ยินเสียงเอะอะดังและเสียงหอน ”) หยุดการตอบโต้ของ Ash ต่อ Kostylev

ลูก้าเป็นคนที่ตั้งแต่นาทีแรกที่อยู่ในที่พักพิง ไม่เพียงแต่ประเมินบรรยากาศที่กดขี่อย่างน่าเศร้า แต่ยังพยายามระงับความโกรธซึ่งกันและกันทันที (“เอ๊ะ-

หึ ... สุภาพบุรุษทั้งหลาย! แล้วคุณจะเป็นอย่างไร .. แม้ว่าฉันจะมีขยะที่นี่ ... ") เขายึดมั่นในทุกข้อขัดแย้งกับคำแนะนำและหลักคำสอนของเขา

และวิธีที่เขาตอบสนองต่อโศกนาฏกรรมของแอนนา! ครูเชื้อเชิญให้นักเรียนอ่านสุนทรพจน์ของลุคอย่างระมัดระวังซึ่งเพิ่งฟังคำสารภาพของแอนนาที่กำลังจะตายเกี่ยวกับชีวิตของเธอที่หิวโหยและยากจน:

แอนนา. ฉันคิดว่าทุกอย่าง พระเจ้า! เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะถูกทรมานในโลกหน้า? มันมีจริงๆด้วยเหรอ?

ลุค เอ. จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น! นอนลงแล้วรู้! ไม่มีอะไร! คุณจะพักผ่อนที่นั่น! .. มีความอดทนมากกว่านี้! ทุกคนอดทน ... ทุกคนอดทนในแบบของตัวเอง ... (ลุกขึ้นแล้วเข้าไปในครัวด้วยขั้นตอนด่วน)

ประโยคสั้นๆ ขาดๆ หายๆ โดยมีการหยุดชั่วคราว จังหวะไม่สอดคล้องกัน ดังนั้นคนๆ หนึ่งจึงสามารถพูดได้ ไม่ใช่แค่เห็นอกเห็นใจเท่านั้น แต่ยังกระวนกระวายลึกๆ แทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ อาจเป็นไปได้ว่าแอนนาจะไม่เห็นพวกเขา Luka เข้าไปในครัว "ในตอนแรก" 3.

ที่นี่เหมาะสมที่จะระลึกถึงลักษณะนิสัยของฮีโร่ในละครพร้อมกับนักเรียน - มันเป็นคนที่มี "เจตจำนง" เสมอ: เขาพยายามที่จะเปลี่ยนสิ่งที่ผิด (จากมุมมองของเขา) ที่โลกจัดไว้ ดังนั้นพระเอกของละครจึงมีลักษณะ "การแสดงและความกระตือรือร้น" เสมอ ภาพลักษณ์ของลูก้าเป็นไปตามเกณฑ์เหล่านี้อย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขาถูกรวมอยู่ในแกลเลอรีของฮีโร่ละครคลาสสิกพร้อมกับ Antigone, Hamlet, Chatsky Katerina ... แต่แน่นอนว่าแหล่งที่มาของ "เจตจำนง" สำหรับฮีโร่ละครแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นแต่ละคนจึงทำหน้าที่ของตัวเอง

เราจำเป็นต้องกระชับร่วมกับนักเรียน: อะไรคือ "เจตจำนง" ของลุคและการกระทำของเขาเป็นอย่างไร?

จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของลุค นักเรียนเห็นแหล่งที่มาหลักของ "เจตจำนง" ของเขาในสภาวะแห่งความทุกข์ - ในความรู้สึกอ่อนไหวต่อความโชคร้ายของคนอื่น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงอธิบายการเข้าสู่ "โซน" ของลุคในทุกขั้นตอนซึ่งเป็นการติดต่อโดยตรงกับตัวละครมากมาย ผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงรู้สึกถึงจิตวิญญาณที่เห็นอกเห็นใจใน Luka ซึ่งเป็นเหตุผลที่แอนนาซึ่งใช้ชีวิตในชั่วโมงสุดท้ายของเธอและนักแสดงที่บ่นเกี่ยวกับชีวิตที่โชคร้ายของเขาและ Ashes ที่คิดถึงชะตากรรมของเขาถูกดึงดูดเข้าหาเขา

บทสนทนาของลุคกับพวกเขาเป็นเครื่องบ่งชี้อย่างมากในการทำความเข้าใจทัศนคติของเขาที่มีต่อผู้คนที่พบว่าตัวเองตกอยู่ก้นบึ้งของชีวิต เพื่อให้นักเรียนเข้าใจแก่นแท้ของการแสดงละครที่เขาแสดง บทสนทนาแรก (ลุคและนักแสดง) เราร่วมกับนักเรียน

3 การสังเกตเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเราในบทเรียนสุดท้ายของวัฏจักร เมื่อนักเรียนจำเป็นต้องกำหนดทัศนคติของตนต่อคุณลักษณะที่กอร์กีมอบให้ลูก้าในบทความเรื่อง "On the Plays" (1932): "วิญญาณที่เยือกเย็น คุ้นเคย ต่อทุกสิ่ง" ความสงบสุข ความสมดุลที่มั่นคงของความรู้สึกและความคิดของพวกเขา "

เราแยกวิเคราะห์อย่างละเอียดที่สุด (เราสามารถพูดได้ - ในโหมดการอ่านช้ามาก)

สิ่งแรกที่เราทราบคือนักแสดงเริ่มการสนทนา ตัวเขาเองหยุดลูก้า ("มาเถอะชายชรา ... ฉันจะท่องข้อให้คุณ") และเขาก็หันไปหาเขาด้วยความโชคร้ายของเขา: "ฉันจำไม่ได้ ... ไม่ใช่คำ ... ฉันทำไม่ได้ จำไม่ได้!" กวีนิพนธ์เรื่องโปรด ... แย่แล้วหรือท่านผู้เฒ่า " ลูก้าซึ่งก่อนหน้านี้เล็กน้อยแสดงความเฉยเมยต่อบทกวียังคงตอบสนองต่อความเศร้าโศกของนักแสดงด้วยคำพูดแสดงความเห็นอกเห็นใจ: “ใช่จะดีแค่ไหนถ้าคุณลืมคนที่คุณรัก? ทั้งวิญญาณอยู่ในที่รัก ... ".

นอกจากนี้นักแสดงดูเหมือนจะลงนามในความพ่ายแพ้ครั้งสุดท้ายของเขา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ยังพยายามหาคำอธิบายให้เขา:“ ฉันดื่มวิญญาณของฉันชายชรา ... ฉันพี่ชายเสียชีวิต ... ทำไมฉันถึงตาย ? ฉันไม่มีศรัทธา ... ฉันเสร็จแล้ว ... "

ปฏิกิริยาของลุคนั้นเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง เมื่อมีคนอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง คุณต้องพยายามบอกทางออกให้เขา และนักแสดงเองด้วยวลี "ฉันไม่มีศรัทธา" โดยพื้นฐานแล้วนำ Luka ไปสู่ความคิดที่รอด

จำเป็นต้องปลูกฝังศรัทธาในบุคคลศรัทธาในตัวเองในความสามารถของเขา:“ อะไรนะ? คุณ ... สบายดี! ตอนนี้กำลังรักษาอาการเมาสุรา เฮ้! .. " ให้เราฟังประโยคเหล่านี้ อย่างแรกเป็นเหมือนคำอุทานที่เห็นอกเห็นใจซึ่งพูดออกมาเมื่อโดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรจะพูด วลีที่สอง: หลังจาก "คุณ" ตามด้วยหยุดชั่วคราว - ในเวลานี้ชายชรากำลังมองหาสิ่งที่จะแนะนำคนที่ปลอบใจอย่างเจ็บปวด พบสูตร: "คุณ ... รับการรักษา!".

จากนั้นลูก้าก็กำลังพัฒนาตัวเลือกที่เขาเพิ่งคิดค้นอย่างเต็มที่ ค่อนข้างชัดเจนว่าเขาด้นสดทั้งหมดตรงนี้ในระหว่างการสนทนาดังนั้นเมื่อคำถามของนักแสดง ("ที่ไหน? มันอยู่ที่ไหน") ชายชราก็พูดคลุมเครือมาก ("และนี่ ... ในเมืองเดียว ... เขาชื่ออะไร เขามีสิ่งนี้ ... ") แต่ตัวเขาเองถูกจินตนาการไปเอง ให้คำแนะนำที่ควรยกระดับจิตวิญญาณของนักแสดง พูดราวกับว่าความรอดอยู่ใกล้มาก มีเพียงการตัดสินใจเท่านั้น

คำพูดที่สร้างแรงบันดาลใจของลุคทำให้ผู้ฟังติดใจ นักแสดงยิ้มเริ่มคิดว่าเป็นการดีที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ "อีกครั้ง ... อีกครั้ง" ยิ่งกว่านั้นเขาเชื่อว่าเขาจะสามารถพลิกชะตากรรมของเขาได้ว่าเขามีความแข็งแกร่งสำหรับสิ่งนี้: "อืม ... ใช่! ฉันสามารถ!? ยังไงฉันก็ทำได้ใช่ไหม” (วลีนี้มีน้ำเสียงที่ซับซ้อน - เป็นการผสมผสานระหว่างน้ำเสียงคำถามและคำยืนยัน)

ลูก้าสนับสนุนความหวังของนักแสดงอย่างกระตือรือร้น: “ทำไม? บุคคลสามารถทำได้ทุกอย่าง ... ถ้าเขาต้องการ ... ".

แต่ที่นี่ในขณะที่ดูเหมือนว่าชายชราสามารถปลูกฝังศรัทธาในวิญญาณที่ป่วยของนักแสดงและเกิดเพลิงไหม้:

นักแสดง (ทันใดนั้นราวกับว่าตื่นขึ้น) คุณ

ประหลาด! ลาก่อน! (เป่านกหวีด) ชายชรา ... ลาก่อน ... (ใบ)

มันหมายความว่าอะไร? และนี่หมายความว่านักแสดงหนีจากการสะกดจิตของเทพนิยายที่น่าสนใจที่ลูก้าวาดต่อหน้าเขาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขา: ชายชราประดิษฐ์จินตนาการในคำ

เขาโกหก. แต่สิ่งที่น่าสังเกตคือ เขาไม่ใส่ร้ายลูก้าเลย ไม่ด่าว่าหลอกลวง ตรงกันข้าม

จำได้ว่าเขาเป็นของชนเผ่าผู้สูงศักดิ์แสดงนิสัยที่ดีต่อเขาเรียกเขาว่า "ชายชรา" อย่างเสน่หา ... ดังนั้นสิ่งประดิษฐ์ของลุคเกี่ยวกับโรงพยาบาลสำหรับคนขี้เมาจึงมีความสำคัญต่อนักแสดงไม่ใช่ด้านการปฏิบัติ แต่ค่อนข้างมาก แตกต่าง - การสำแดงการตอบสนองของมนุษย์และการมีส่วนร่วมอย่างจริงใจในชะตากรรมของเขา และมันก็เป็นทัศนคติที่มีต่อตัวเองอย่างแม่นยำซึ่งชายที่อยู่ก้นบึ้งไม่รู้ มันคือค่าที่หาได้ยากที่สุดสำหรับเขา

ครูเชื้อเชิญให้นักเรียนวิเคราะห์บทสนทนาของลุคกับแอนนาและแอชด้วยตนเอง

แต่เมื่อวิเคราะห์บทสนทนาเหล่านี้ เราให้ความสนใจเป็นพิเศษกับการปะทะกันใหม่ที่เกิดขึ้นจากการกระทำของลุค

ดังนั้น เมื่ออ่านการสนทนาของลุคกับแอนนา เราสังเกตเห็นแรงจูงใจทางจิตวิทยาและศีลธรรมของการโกหกของชายชราผู้พยายามปลูกฝังศรัทธาในความโปรดปรานของสตรีที่กำลังจะตายในจิตวิญญาณว่าหลังจากความตาย วิญญาณของเธอจะได้รับความสงบใน สวรรค์4. แต่เกิดความล้มเหลวที่ขัดแย้งกัน - เรื่องราวที่สวยงามของชีวิตหลังความตายพบกับการต่อต้านของแอนนาเอง: "และ ... บางที ... บางทีฉันอาจจะฟื้นตัวได้"; “ก็ ... อีกหน่อย ... ฉันควรมีชีวิตอยู่ ... อีกนิด! หากไม่มีแป้งอยู่ที่นั่น ... คุณอดทนได้ที่นี่ ... คุณทำได้!”

ปรากฎว่าชีวิตทางโลกแม้จะถูกทรมานอย่างไร้มนุษยธรรมก็ยังเป็นที่รักของแอนนามากกว่าความสุขในสวรรค์หลังมรณกรรม เป็นสิ่งสำคัญที่นักเรียนต้องแก้ไขความคิดซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในแนวคิดเกี่ยวกับมนุษยนิยมของกอร์กี: สำหรับบุคคลแล้วไม่มีอะไรมีค่ามากไปกว่าชีวิตทางโลก

เมื่อเราวิเคราะห์บทสนทนาของลุคกับแอช เราจะเปรียบเทียบปฏิกิริยาของเขากับเทพนิยายที่ลุคแต่งให้เขาด้วยปฏิกิริยาของนักแสดง

4 ครูสามารถใช้การตีความสถานการณ์นี้ซึ่งนักแสดงในบทบาทของ Luka ในโรงละคร Gorky Drama ศิลปินประชาชนของ RSFSR Nikolai Levkoev ดำเนินการต่อไป เมื่อพูดถึงการอภิปรายเกี่ยวกับการแสดงของกอร์กีที่จัดขึ้นในวันครบรอบ 100 ปีของนักเขียน เขากล่าวว่า “ลูก้าไม่ใช่ผู้ปลอบโยน ให้เรียกคุณว่าคนโกหก เสแสร้ง ในลักษณะของลุค หมอคนปัจจุบันที่พูดกับชายที่กำลังจะตายว่า “เรื่องของคุณดีขึ้นแล้ว” หรือครูที่รู้ว่าคุณต้องทำให้นักเรียนคนไหนน้อยที่สุด ประสบความสำเร็จเชื่อในตัวเอง” (โรงละคร. 2511 ฉบับที่ 9 . หน้า 15)

นักแสดงมีธรรมชาติทางศิลปะ นั่นคือเหตุผลที่เขาตอบสนองต่อเทพนิยายเกี่ยวกับโรงพยาบาลอย่างเต็มตา และแอชเป็นตัวละครที่แข็งแกร่งและไม่ไว้วางใจ ดังนั้นเขาจึงจำคำโกหกในเทพนิยายเกี่ยวกับไซบีเรียได้ทันที ซึ่งลูก้าเสนอให้เขาเป็น "สูตร" “ผู้เฒ่า! ทำไมคุณถึงโกหก?” - เขาทำให้ลูก้าอารมณ์เสีย แต่นี่คือสิ่งที่ชายชราตอบ ตอนแรกด้วยความเฉื่อยเขาเทแม่มดของคุณ: "และคุณ - เชื่อฉัน แต่ไปดูด้วยตัวคุณเอง .... คุณจะพูดขอบคุณ ... ทำไมคุณถูที่นี่?" และทันใดนั้นเขาก็เปลี่ยนทะเบียนเป็นคนเงียบขรึมและติดดิน: “และ ... ทำไมคุณถึงต้องการมันอย่างเจ็บปวด ... คิดถึงมัน! เธอเป็นอะไรบางอย่างจริงๆ อาจจะเป็นก้นสำหรับคุณ ... ".

ซึ่งหมายความว่าเกมกำลังดำเนินไปอย่างเปิดเผย: คนหนึ่งกำลังโกหกอีกคนหนึ่งรู้ว่าพวกเขากำลังโกหกเขาและอย่างไรก็ตามไม่ทางใดก็ทางหนึ่งยอมรับการโกหกนี้ ทำไมมันถึงใช้เวลา? Ash เองได้รับคำอธิบายก่อนหน้านี้เล็กน้อยเมื่อเขาพูดกับลูก้า:“ ... คุณพี่ชายทำได้ดีมาก! คุณโกหกได้ดี ... คุณพูดเทพนิยายเป็นสุข! โกหกไม่มีอะไร ... ไม่เพียงพอพี่ชายที่น่ารื่นรมย์ในโลก! ". เฉพาะคำพูดเหล่านี้เท่านั้นที่เขาพูดถึงคนอื่น ๆ และในบทสนทนากับลูก้าเขาเองก็รู้สึกถึงความน่าดึงดูดใจของเทพนิยายปลอบใจ

แม้ว่าแอชจะไม่พอใจกับนิทานเรื่อง "ไซบีเรีย ด้านสีทอง" สักเรื่อง แต่เขาต้องการความเชื่อที่แน่วแน่และเชื่อถือได้มากกว่า ดังนั้นเขาจึงถามคำถามที่ดูเหมือนไม่คาดคิดกับลูก้า: "... ฟังนะผู้เฒ่า: มีพระเจ้าไหม" เห็นได้ชัดว่าสำหรับ Ash คำถามนี้เป็นหนึ่งในคำถามที่เรียกว่าเป็นเวรเป็นกรรม ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขารีบเร่ง Luka: “อืม? มี? พูด ... ". แต่ชายชราตอบด้วยความจริงจังไม่น้อย

ลูก้า (เงียบ) ถ้าคุณเชื่อว่ามี; ถ้าคุณไม่เชื่อ - ไม่ ... สิ่งที่คุณเชื่อคือ ...

(แอชเงียบประหลาดใจและมองชายชราอย่างดื้อรั้น) ".

มาดูปฏิกิริยาของ Ash กัน: แน่นอนว่าคำตอบนั้นทำให้เขาประหลาดใจมาก นี่เป็นหลักฐานนอกเหนือจากคำพูดของผู้เขียนข้างต้นและข้อสังเกตที่ตามมาของ Ash ที่ตะลึงงัน: "งั้น ... เดี๋ยวก่อน! .. ดังนั้น ... " และ "ดังนั้น ... คุณ ... "

คำตอบของลุคถูกถอดรหัสมานานนับศตวรรษ นักเรียนยังเสนอการตีความคำเหล่านี้ด้วยตนเอง ซึ่งบางครั้งอาจแยกจากกัน (จาก “ลุคเลี่ยงคำตอบ ฉลาดแกมโกงเพราะเขาไม่มีอะไรจะพูด” เป็น “ลุคสร้างแรงบันดาลใจให้บุคคลที่มีสำนึกรับผิดชอบต่อสิทธิ์ที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อของเขา” ). ครูกล่าวถึงการตีความแรกสุดของ S. Andrianov: “สำหรับบุคคล เฉพาะสิ่งที่เขาพบในจิตวิญญาณของเขาเท่านั้นที่มีความหมายที่แท้จริง และในทางกลับกัน ทุกสิ่งที่บุคคลเชื่อ ทั้งหมดนี้มี

เป็นพลังที่แท้จริงอย่างแน่นอน "

5 Maxim Gorky: B "u et CoPga. SPb., 1997. S. 634.

แท้จริงแล้วลุคเชื่อว่าแม้ศรัทธาในพระเจ้าไม่ได้มาจากภายนอก แต่เกิดจากแรงกระตุ้นทางวิญญาณของเขาเอง: ถ้าเขาต้องการการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจทางจิตวิญญาณที่สูงขึ้นซึ่งจะช่วยรับมือกับความยากลำบากของชีวิต เขามาสู่ศรัทธาในพระเจ้าหากบุคคลสามารถต้านทานการโจมตีของโชคชะตาได้เขาก็ไม่ต้องการศรัทธาในผู้มีอำนาจเหนือโลก - เขาเชื่อในตัวเองอาศัยความแข็งแกร่งของเขาเอง

ให้เราสรุปผลการสนทนาบางส่วนในหัวข้อ "Luke and the Night Shelters (Healer and the Sick)" ด้วยการปรากฏตัวของลูก้าในที่พักพิง คนที่มีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้คนและทัศนคติที่กระตือรือร้น บรรยากาศทางศีลธรรมในนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก ในจิตวิญญาณของผู้คนที่ถูกทิ้งลงสู่ "ก้นบึ้ง" ความไม่พอใจที่คลุมเครือและความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงได้เข้ามาแทนที่ "ความอดทน" ด้วยความคืบคลาน, การดำรงอยู่ของพืช, ความโง่เขลาทางศีลธรรมและความเห็นถากถางดูถูก คนเหล่านี้ตื่นขึ้นโดยลุคฟังแต่ละคนอย่างสงบหรือตรงกันข้ามทำให้เกิดความวิตกกังวล

องก์ที่สองทั้งหมดเป็นการพรรณนาถึงวิธีที่ลุคดำเนินกระบวนการรักษา "คนป่วย" ปรากฎว่า "นิทานปลอบโยน" ของลุคเป็นยาที่จ่ายตรงเวลา ไม่ใช่ยาตัวเดียวสำหรับทุกคน แต่เป็นยาคนละอย่างสำหรับความเจ็บปวด เพื่อรักษาบาดแผล เพื่อความเจ็บป่วยของเขา สำหรับทุกคนที่ป่วยแต่อยากจะเชื่อในสูตรการรักษาที่เสนอมา เขาก็ได้เป็น "แพทย์ผู้เป็นที่รัก" (เหมือนอัครสาวกลุค)

การกระทำเหล่านี้ของลุค แม้จะมีข้อบกพร่องและความล้มเหลวที่เห็นได้ชัด แต่ก็ได้รับความชื่นชมในสุนทรียภาพสูง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่องก์ที่สองก็จบลงด้วยการละทิ้งความเชื่อของลุค เช่นเดียวกับฉากแรก ในที่กำบังอันมืดมิด ที่ที่หลบภัยนอนอยู่ข้างศพของแอนนา ราวกับตอบสนองต่อเสียงร้องของซาติน: “คนตายไม่ได้ยิน! คนตายไม่รู้สึก ... กรีดร้อง ... คำราม ... คนตายไม่ได้ยิน! .. "- ลูก้าปรากฏตัวที่ประตู (ผ้าม่าน). ไม่ยากสำหรับนักเรียนที่จะเห็นภาพ: flophouse หลับ, เวทีมืด, ทันใดนั้นมี a

ประตูปิดแล้ว และเงาของลุคก็โดดเด่นอย่างชัดเจนในสี่เหลี่ยมผืนผ้าของแสง เขาเป็นคนเดียวเท่านั้น

ที่ได้ยินไม่เหมือนคนตาย

เสียงร้องแห่งความสิ้นหวังตอบกลับเขา

6 ความหมายที่น่าสมเพชของฉากนี้ขัดแย้งกับการตีความภาพลุคของผู้เขียนคนล่าสุด ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ในการผลิตของ Gorky Drama Theatre (1968 ผู้กำกับ V. Voronov) มันถูกแทนที่ด้วย mise-en-scene ต่อไปนี้: Luka ยืนเหนือ Anna ผู้ล่วงลับและอ่านคำอธิษฐานในงานศพ นี่คือตัวอย่างความตั้งใจของผู้กำกับ

หัวข้อของภาพในละครของ Gorky เรื่อง At the Bottom คือจิตสำนึกของผู้คนที่ถูกโยนทิ้งไปอันเป็นผลมาจากกระบวนการทางสังคมที่ลึกซึ้งที่เกิดขึ้นในสังคมรัสเซียในช่วงเปลี่ยนศตวรรษจนถึงจุดต่ำสุดของชีวิต เพื่อที่จะรวบรวมวัตถุของภาพดังกล่าวด้วยวิธีการแสดงบนเวที เขาต้องหาสถานการณ์ที่เหมาะสม ความขัดแย้งที่เหมาะสม ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งของจิตสำนึกของที่พักยามค่ำคืน จุดแข็งและจุดอ่อนของมันจะปรากฏขึ้น ความขัดแย้งทางสังคมและสังคมเหมาะสำหรับสิ่งนี้หรือไม่?

อันที่จริงละครเรื่องนี้นำเสนอความขัดแย้งทางสังคมในหลายระดับ ประการแรก มีความขัดแย้งระหว่างเจ้าของที่พักพิง Kostylevs และผู้อยู่อาศัย ฮีโร่รู้สึกได้ตลอดการเล่นทั้งหมด แต่กลับกลายเป็นว่านิ่งเฉยไร้ไดนามิกไม่พัฒนา นี่เป็นเพราะ Kostylevs เองไม่ได้ไปไกลเกินไปในความรู้สึกสาธารณะจากผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสามารถสร้างความตึงเครียดได้ แต่ไม่สามารถกลายเป็นพื้นฐานของความขัดแย้งอันน่าทึ่งที่สามารถ "เริ่ม" ละครได้

นอกจากนี้ วีรบุรุษแต่ละคนในอดีตเคยประสบกับความขัดแย้งทางสังคมของตัวเอง อันเป็นผลมาจากการที่เขาไปอยู่ที่ "ก้นบึ้ง" ของชีวิตในที่พักพิง

แต่ความขัดแย้งทางสังคมเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วถูกนำออกจากที่เกิดเหตุ ผลักไสไปสู่อดีต ดังนั้นจึงไม่กลายเป็นพื้นฐานของความขัดแย้งที่รุนแรง เรามองเห็นเพียงผลลัพธ์ของปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบอย่างน่าสลดใจต่อชีวิตของผู้คน แต่ไม่ใช่การปะทะกันเอง

การปรากฏตัวของความตึงเครียดทางสังคมได้ระบุไว้ในชื่อละครแล้ว ท้ายที่สุด ข้อเท็จจริงของการมีอยู่ของ "ก้นบึ้ง" ของชีวิตยังสันนิษฐานถึงการปรากฏตัวของ "อย่างรวดเร็ว" ซึ่งเป็นเส้นทางบนซึ่งตัวละครต่างพยายามเข้าหา แต่ถึงกระนั้นสิ่งนี้ก็ไม่สามารถเป็นพื้นฐานสำหรับความขัดแย้งที่รุนแรงได้ - ท้ายที่สุดแล้ว ความตึงเครียดนี้ก็ไร้ซึ่งพลวัตเช่นกัน ความพยายามทั้งหมดของเหล่าฮีโร่ที่จะออกจาก "จุดต่ำสุด" กลับกลายเป็นว่าไร้ประโยชน์ แม้แต่การปรากฏตัวของตำรวจเมดเวเดฟก็ไม่ใช่แรงกระตุ้นสำหรับการพัฒนาความขัดแย้งครั้งใหญ่

บางทีความขัดแย้งความรักแบบดั้งเดิมคือการจัดระเบียบละคร? อันที่จริงเขามีอยู่ในละคร ถูกกำหนดโดยความสัมพันธ์ของ Vaska Pepla ภรรยาของ Kostylev Vasilisa เจ้าของหอพักและ Natasha

มันจะกลายเป็นลักษณะของ Kostylev ในที่พักพิงและการสนทนาของที่พักพิงซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่า Kostylev กำลังมองหา Vasilisa ภรรยาของเขาในที่พักพิงซึ่งกำลังนอกใจเขากับ Vaska Ash จุดเริ่มต้นคือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์เริ่มต้นที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง พล็อตกลายเป็นลักษณะของนาตาชาในที่พักพิงเพราะเห็นว่าแอชออกจากวาซิลิซา ในระหว่างการพัฒนาของความขัดแย้งในความรัก เป็นที่ชัดเจนว่าความสัมพันธ์กับนาตาชาทำให้แอชเพิ่มพูนขึ้น ชุบชีวิตเขาให้มีชีวิตใหม่

จุดสุดยอดซึ่งเป็นจุดสูงสุดในการพัฒนาความขัดแย้งนั้นถูกนำออกจากที่เกิดเหตุโดยพื้นฐาน: เราไม่เห็นว่า Vasilisa ลวกนาตาชาด้วยน้ำเดือดอย่างไรเราเรียนรู้เกี่ยวกับมันจากเสียงและเสียงกรีดร้องหลังเวทีและการสนทนาเท่านั้น ของผู้พักค้างคืน การฆาตกรรมของ Kostylev โดย Vaska Ash กลายเป็นข้ออ้างที่น่าเศร้าของความขัดแย้งเรื่องความรัก

แน่นอน ความขัดแย้งเรื่องความรักก็กลายเป็นแง่มุมหนึ่งของความขัดแย้งทางสังคมด้วย เขาแสดงให้เห็นว่าสภาพการต่อต้านมนุษย์ของ "ก้นบึ้ง" ทำให้บุคคลพิการและความรู้สึกอันสูงส่งที่สุด แม้กระทั่งความรัก ไม่ได้นำไปสู่การเพิ่มพูนของบุคคล แต่ไปสู่ความตาย การบาดเจ็บ การฆาตกรรม และการทำงานหนัก หลังจากปลดปล่อยความขัดแย้งในความรักด้วยวิธีนี้ วาซิลิซาก็ได้รับชัยชนะ บรรลุเป้าหมายทั้งหมดของเธอในคราวเดียว เธอแก้แค้นอดีตคู่รักของเธอ วาสกา เปปลู และนาตาชาคู่ต่อสู้ของเธอ กำจัดสามีที่ไม่มีใครรักของเธอ และกลายเป็นเจ้าของโฮสเทลเพียงผู้เดียว . วาซิลิซาไม่มีมนุษย์เหลืออยู่และความยากจนทางศีลธรรมของเธอแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสภาพสังคมที่ทั้งผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงและเจ้าของที่พักพิง

แต่ความขัดแย้งเรื่องความรักไม่สามารถจัดระเบียบฉากแอ็คชั่นและกลายเป็นพื้นฐานของความขัดแย้งที่รุนแรงได้หากเพียงเพราะการแฉต่อหน้าผู้พักอาศัยในตอนกลางคืนไม่รวมถึงตัวเอง พวกเขามีความสนใจอย่างมากในการบิดและเปลี่ยนของความสัมพันธ์เหล่านี้ แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในพวกเขา เหลือเพียงผู้ดูภายนอกเท่านั้น ดังนั้น ความขัดแย้งเรื่องความรักไม่ได้สร้างสถานการณ์ที่สามารถสร้างพื้นฐานของความขัดแย้งที่รุนแรงได้

ให้เราพูดซ้ำอีกครั้ง: หัวข้อของการพรรณนาในบทละครของ Morky นั้นไม่เพียงแต่ไม่ใช่ความขัดแย้งทางสังคมของความเป็นจริงหรือวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้มากนัก เขามีความสนใจในจิตสำนึกของผู้พักอาศัยในตอนกลางคืนในความขัดแย้งทั้งหมด หัวข้อของภาพดังกล่าวเป็นลักษณะของประเภทของละครเชิงปรัชญา นอกจากนี้ยังต้องการการแสดงออกทางศิลปะในรูปแบบที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม: การกระทำภายนอกแบบดั้งเดิม (ชุดของเหตุการณ์) กำลังเปิดทางให้กับการกระทำภายในที่เรียกว่า ชีวิตประจำวันถูกทำซ้ำบนเวทีด้วยการทะเลาะกันเล็กน้อยระหว่างหอพักวีรบุรุษคนหนึ่งปรากฏตัวและหายตัวไปอีกครั้ง แต่สถานการณ์เหล่านี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่วางแผนไว้ ประเด็นทางปรัชญาบังคับให้นักเขียนบทละครเปลี่ยนรูปแบบละครแบบดั้งเดิม: โครงเรื่องไม่เพียงแสดงออกมาในการกระทำของวีรบุรุษเท่านั้น แต่ในบทสนทนาของพวกเขาด้วย เป็นบทสนทนาของผู้พักอาศัยในตอนกลางคืนที่กำหนดการพัฒนาของความขัดแย้งอันน่าทึ่ง: การกระทำนี้แปลโดย Gorky เป็นซีรีส์พิเศษ

ในนิทรรศการเราเห็นผู้คนซึ่งโดยแท้จริงแล้วได้ตกลงกับตำแหน่งที่น่าเศร้าของพวกเขาที่ "ก้น" ของชีวิต ทุกคน ยกเว้น Tick ไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะออกไปจากที่นี่ แต่หมกมุ่นอยู่กับความคิดของวันนี้เท่านั้น หรือเหมือนกับ Baron ที่กลับกลายเป็นความทรงจำในอดีต

โครงเรื่องของความขัดแย้งกลายเป็นลักษณะของลุค ภายนอกไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้พักอาศัยในตอนกลางคืน แต่อย่างใด แต่การทำงานที่เข้มข้นเริ่มขึ้นในจิตใจของพวกเขา ลูก้ากลายเป็นศูนย์กลางของความสนใจในทันที และการพัฒนาโครงเรื่องทั้งหมดก็มุ่งความสนใจไปที่เขา ในฮีโร่แต่ละคน เขามองเห็นด้านสว่างของบุคลิกภาพของเขา ค้นหากุญแจและแนวทางของแต่ละคน - และสิ่งนี้ทำให้เกิดการปฏิวัติในชีวิตของฮีโร่อย่างแท้จริง การพัฒนาการกระทำภายในเริ่มต้นขึ้นในขณะที่เหล่าฮีโร่ค้นพบความสามารถในการฝันถึงชีวิตใหม่และดีขึ้นในตัวเอง ปรากฎว่าด้านสว่างที่ลุคคาดเดาในตัวละครแต่ละตัวของ Gorky นั้นเป็นแก่นแท้ของเขา ปรากฎว่าโสเภณี Nastya ฝันถึงความรักที่สวยงามและสดใส นักแสดง ชายขี้เมา ผู้ติดเหล้า ระลึกถึงความคิดสร้างสรรค์และคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับการกลับมาที่เวที โจร "กรรมพันธุ์" Vaska Ashes เปิดเผยในตัวเองถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตที่ซื่อสัตย์ต้องการไปไซบีเรียและกลายเป็นเจ้านายที่แข็งแกร่งที่นั่น ความฝันเผยให้เห็นแก่นแท้ของมนุษย์ที่แท้จริงของวีรบุรุษของกอร์กี ความลึกและความบริสุทธิ์ นี่เป็นอีกแง่มุมหนึ่งของความขัดแย้งทางสังคม: ความลึกของบุคลิกภาพของวีรบุรุษ แรงบันดาลใจอันสูงส่งของพวกเขาขัดแย้งกับตำแหน่งทางสังคมในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด โครงสร้างของสังคมเป็นแบบที่บุคคลไม่มีโอกาสที่จะตระหนักถึงสาระสำคัญที่แท้จริงของเขา

ลูก้าตั้งแต่วินาทีแรกที่ปรากฏตัวในที่พักพิง ปฏิเสธที่จะเห็นคนคดในที่พักพิง “ ฉันก็เคารพโจรในความคิดของฉันไม่ใช่หมัดตัวเดียวที่ไม่ดี: ทุกคนเป็นคนผิวดำทุกคนกระโดด ... ” - ดังนั้นเขาพูดโดยให้เหตุผลในการเรียกเพื่อนบ้านใหม่ของเขาว่า "คนที่ซื่อสัตย์" และปฏิเสธการคัดค้านของ Bubnov: “พูดตรงๆ แต่ฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา” ที่มาของตำแหน่งนี้มาจากมานุษยวิทยาที่ไร้เดียงสาของลุค ซึ่งเชื่อว่าในตอนแรกบุคคลนั้นเป็นคนดี และมีเพียงสถานการณ์ทางสังคมเท่านั้นที่ทำให้เขาแย่และไม่สมบูรณ์

ตำแหน่งของลูก้าปรากฏในละครว่าซับซ้อนมาก และทัศนคติของผู้แต่งที่มีต่อเขาดูคลุมเครือ ลุคไม่สนใจคำเทศนาของเขาอย่างยิ่ง และในความปรารถนาที่จะปลุกคนที่ดีที่สุด ที่ซ่อนเร้นอยู่ในขณะนี้ ด้านธรรมชาติของพวกเขา ซึ่งพวกเขาไม่ได้สงสัยด้วยซ้ำ พวกเขาแตกต่างอย่างน่าทึ่งกับตำแหน่งของพวกเขาที่อยู่ด้านล่างสุดของสังคม ลูก้าขอแสดงความยินดีกับคู่สนทนาอย่างจริงใจแสดงวิธีที่แท้จริงในการบรรลุโนนาชีวิตที่ดีขึ้น และภายใต้อิทธิพลของคำพูดของเขา เหล่าฮีโร่ได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง นักแสดงหยุดดื่มและประหยัดเงินเพื่อไปโรงพยาบาลฟรีสำหรับผู้ติดสุราโดยไม่สงสัยว่าเขาไม่ต้องการมัน: ความฝันที่จะกลับไปใช้ความคิดสร้างสรรค์ทำให้เขามีกำลังที่จะเอาชนะความเจ็บป่วยและเขาก็หยุดดื่ม ขี้เถ้าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งชีวิตของเขาต้องการที่จะไปกับนาตาชาไปยังไซบีเรียและลุกขึ้นยืนที่นั่นเพื่อเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง ความฝันของ Nastya และ Anna ภรรยาของ Tick นั้นค่อนข้างจะลวงตา แต่ถึงกระนั้นความฝันเหล่านี้ก็ยังเปิดโอกาสให้พวกเขารู้สึกมีความสุขมากขึ้น Nastya จินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกของนวนิยายแท็บลอยด์ แสดงให้เห็นในความฝันของเธอเกี่ยวกับราอูลหรือแกสตันที่ไม่มีตัวตนถึงความสำเร็จของการเสียสละที่เธอสามารถทำได้จริงๆ แอนนาที่กำลังจะตายซึ่งฝันถึงชีวิตหลังความตายก็หนีจากความรู้สึกสิ้นหวังไปได้ส่วนหนึ่ง มีเพียงแทมบูรีนและบารอนเท่านั้นที่ผู้คนไม่แยแสต่อผู้อื่นและแม้กระทั่งต่อตนเองโดยสิ้นเชิงเท่านั้นที่ยังคงหูหนวกต่อคำพูดของลุค ตำแหน่งของ Luka ถูกเปิดเผยโดยข้อพิพาทเกี่ยวกับความจริงซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเขากับ Bubnov และ Baron เมื่อเขาเปิดเผยความฝันที่ไร้เหตุผลของ Nastya เกี่ยวกับ Raoul อย่างไร้ความปราณี: เนื่องจากความเจ็บป่วยของบุคคล ... คุณไม่สามารถรักษาวิญญาณด้วย ความจริง ... ". กล่าวอีกนัยหนึ่งลุคยืนยันการให้ชีวิตของคำโกหกที่ปลอบโยนสำหรับบุคคล แต่มันเป็นเรื่องโกหกเพียงอย่างเดียวที่ลุคอ้างว่า?

การวิพากษ์วิจารณ์วรรณกรรมของเราถูกครอบงำโดยแนวคิดที่ว่ากอร์กีปฏิเสธคำเทศนาที่ปลอบโยนของลุคอย่างแจ่มแจ้ง แต่ตำแหน่งของผู้เขียนนั้นซับซ้อนกว่า

ตำแหน่งของผู้เขียนจะแสดงเป็นหลักในการพัฒนาพล็อต หลังจากที่ลูก้าจากไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นค่อนข้างแตกต่างไปจากที่เหล่าฮีโร่คาดหวังและสิ่งที่ลูก้าทำให้พวกเขาเชื่อ Vaska Ashes จะไปไซบีเรียแน่นอน แต่ไม่ใช่ในฐานะผู้ตั้งถิ่นฐานอิสระ แต่ในฐานะนักโทษที่ถูกกล่าวหาว่าสังหาร Kostylev นักแสดงที่หมดศรัทธาในตัวเองจะย้ำชะตากรรมของวีรบุรุษแห่งคำอุปมาเรื่องดินแดนชอบธรรมอย่างแน่นอนโดยลุคบอก เชื่อฮีโร่ที่จะบอกพล็อตนี้ Gorky ตัวเองในองก์ที่สี่จะเอาชนะเขาโดยสรุปผลตรงกันข้ามโดยตรง เมื่อลูกาเล่าเรื่องอุปมาเรื่องชายคนหนึ่งซึ่งสูญเสียศรัทธาในการดำรงอยู่ของแผ่นดินที่ชอบธรรม รัดคอตัวเอง เชื่อว่าบุคคลจะไม่ขาดความหวัง แม้แต่คนมายา Gorky แสดงชะตากรรมของนักแสดงทำให้ผู้อ่านและผู้ชมมั่นใจว่าเป็นความหวังเท็จที่สามารถนำบุคคลไปสู่บ่วงได้ แต่กลับไปที่คำถามก่อนหน้านี้: ลุคหลอกลวงฮีโร่ของละครด้วยวิธีใด?

นักแสดงกล่าวหาว่าเขาไม่ทิ้งที่อยู่ของโรงพยาบาลฟรี วีรบุรุษทุกคนยอมรับว่าลุคปลูกฝังความหวังเท็จในจิตวิญญาณของพวกเขา แต่เขาไม่ได้สัญญาว่าจะนำพวกเขาออกจาก "ก้นบึ้ง" ของชีวิต - เขาเพียงปลูกฝังความหวังให้พวกเขาว่ามีทางออกและไม่ได้รับคำสั่งสำหรับพวกเขา ความเชื่อในตัวเองที่ปลุกขึ้นในจิตใจของผู้พักอาศัยในยามค่ำคืนกลับกลายเป็นว่าเปราะบางและไม่มีชีวิตชีวาเกินไป และการหายตัวไปของฮีโร่ที่สามารถปลุกเธอให้ตื่นได้ มันก็หมดสิ้นไปในทันที ประเด็นคือ 'ความอ่อนแอของฮีโร่ การไร้ความสามารถ และไม่เต็มใจที่จะทำแม้เพียงเล็กน้อย เพื่อที่จะทนต่อสถานการณ์ทางสังคมที่โหดเหี้ยมที่พาพวกเขาไปสู่ที่พักพิงของ Kostylevs ดังนั้นเขาจึงกล่าวถึงข้อกล่าวหาหลักไม่ใช่กับลุค แต่กับวีรบุรุษที่ไม่สามารถหาความแข็งแกร่งในตัวเองเพื่อต่อต้านเจตจำนงของพวกเขาสู่ความเป็นจริง ดังนั้นกอร์กีจึงสามารถเปิดเผยลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของตัวละครประจำชาติรัสเซียได้ นั่นคือ ความไม่พอใจกับความเป็นจริง ทัศนคติที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อมัน และความไม่ยอมทำอะไรเลยเพื่อเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงนี้ นั่นคือเหตุผลที่ลุคได้รับการตอบสนองอย่างอบอุ่นท่ามกลางที่พักพิงในยามค่ำคืน: ท้ายที่สุด เขาอธิบายถึงความล้มเหลวในชีวิตของพวกเขาจากสถานการณ์ภายนอก และไม่ค่อยมีแนวโน้มที่จะตำหนิวีรบุรุษเองสำหรับชีวิตที่ล้มเหลว และความคิดที่จะพยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับลูก้าหรือฝูงแกะของเขา นั่นคือเหตุผลที่เหล่าฮีโร่ต้องประสบกับการสูญเสียลุคอย่างมาก: ความหวังที่ตื่นขึ้นในจิตวิญญาณของพวกเขาไม่สามารถหาการสนับสนุนภายในตัวละครของพวกเขาได้ พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกเสมอ แม้กระทั่งคนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ในทางปฏิบัติอย่างลูกา "คนขอทาน"

ลูก้าเป็นอุดมการณ์ของการมีสติสัมปชัญญะซึ่งเป็นที่ยอมรับไม่ได้สำหรับกอร์กี

ตามที่นักเขียนระบุอุดมการณ์ที่เฉยเมยสามารถประนีประนอมฮีโร่กับสถานการณ์ปัจจุบันของเขาเท่านั้นและจะไม่กระตุ้นให้เขาพยายามเปลี่ยนสถานการณ์นี้เช่นที่เกิดขึ้นกับ Nastya, Anna, นักแสดงซึ่งหลังจากการหายตัวไปของ Luka สูญเสียความหวังทั้งหมด และจุดแข็งภายในนั้นได้มาจากการตระหนักรู้ - และไม่โทษตัวเอง แต่อยู่ที่ลุค แต่ใครเล่าจะคัดค้านฮีโร่คนนี้ได้ ใครบ้างที่สามารถต่อต้านอุดมการณ์ที่เฉยเมยของเขาได้? ไม่มีฮีโร่ดังกล่าวในที่พักพิง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "ด้านล่าง" ไม่สามารถพัฒนาตำแหน่งทางอุดมการณ์ที่แตกต่างกันได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ความคิดของลุคมีความใกล้ชิดกับผู้อยู่อาศัย แต่การเทศนาของเขาทำให้เกิดแรงกระตุ้นสำหรับสิ่งที่ตรงกันข้าม สำหรับการเกิดขึ้นของตำแหน่งใหม่ในชีวิต ซาตินกลายเป็นโฆษก

เขารู้ดีว่าสภาพจิตใจของเขาเป็นปฏิกิริยาตอบสนองต่อคำพูดของลุค:

“ ใช่เขาเป็นยีสต์แก่ที่หมักเพื่อนร่วมห้องของเรา ... ชายชรา? เขาเป็นคนฉลาด ! .. ชายชราไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์! ความจริงคืออะไร? ผู้ชาย - นั่นคือความจริง! เขาเข้าใจแล้ว ... คุณ - ไม่! .. เขา ... ทำกับฉันเหมือนกรดบนเหรียญเก่าและสกปรก ... ”

และการพูดคนเดียวที่โด่งดังของเขาเกี่ยวกับชายคนหนึ่งซึ่งเขายืนยันว่าต้องการความเคารพ แต่ไม่ใช่ความสงสาร แต่น่าเสียดายที่เขามองว่าเป็นความอัปยศอดสูยืนยันตำแหน่งที่แตกต่างในชีวิต อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการกำเนิด เป็นเพียงก้าวแรกสู่การก่อตัวของจิตสำนึกที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางสังคม ต่อต้านพวกเขา และไม่ใช่ความปรารถนาธรรมดาที่จะแยกตัวออกจากพวกเขาและพยายามหลีกเลี่ยง ซึ่งลุคยืนยัน .

ตอนจบที่น่าเศร้าของละครเรื่องนี้ (การฆ่าตัวตายของนักแสดง) ยังทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับลักษณะของประเภทละครที่ด้านล่าง

เรามีเหตุผลอะไรที่มองว่า At the Bottom เป็นโศกนาฏกรรมหรือไม่? ในกรณีนี้ เราจะต้องนิยามนักแสดงว่าเป็นวีรบุรุษ-อุดมการณ์ และพิจารณาความขัดแย้งของเขากับสังคมว่าเป็นอุดมการณ์ เพราะผู้กล้า-อุดมการณ์โดยความตายยืนยันอุดมการณ์ของเขา โศกนาฏกรรมเป็นวิธีสุดท้ายและมักจะเป็นวิธีเดียวที่จะไม่ก้มหัวให้ฝ่ายตรงข้ามและเพื่อตรวจสอบความคิด

ผมคิดว่าไม่. ความตายของเขาเป็นการกระทำของความสิ้นหวังและไม่เชื่อในกำลังและการเกิดใหม่ของเขาเอง ในบรรดาวีรบุรุษของ "ก้น" ไม่มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนที่ต่อต้านความเป็นจริง ยิ่งกว่านั้น สถานการณ์ของพวกเขาเองที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าเป็นโศกนาฏกรรมและสิ้นหวัง พวกเขายังไม่ถึงระดับของสติเมื่อมุมมองที่น่าเศร้าเกี่ยวกับชีวิตเป็นไปได้ เพราะมันสันนิษฐานว่าเป็นการต่อต้านอย่างมีสติต่อสังคมหรือสถานการณ์อื่น ๆ

Gorky ไม่พบฮีโร่เช่นนี้ในบ้านหลังเล็กของ Kostylev ที่ "ก้นบึ้ง" ของชีวิตเขา ดังนั้นจึงมีเหตุผลมากกว่าที่จะถือว่า At the Bottom เป็นละครสังคมปรัชญาและสังคมในชีวิตประจำวัน

เมื่อพิจารณาถึงลักษณะของละครแล้ว เราต้องหันไปหาความขัดแย้ง แสดงให้เห็นว่าการชนกันใดที่เป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจของนักเขียนบทละคร ซึ่งกลายเป็นหัวข้อหลักของการพรรณนา ในกรณีของเรา งานวิจัยของกอร์กีคือเงื่อนไขทางสังคมของความเป็นจริงของรัสเซียในช่วงเปลี่ยนศตวรรษและการสะท้อนกลับในจิตใจของวีรบุรุษ ในกรณีนี้ ตัวแบบหลัก ตัวแบบหลักของภาพคือจิตสำนึกของผู้พักค้างคืนและด้านข้างของตัวละครประจำชาติรัสเซียที่แสดงออกอย่างชัดเจน

Gorky พยายามกำหนดสถานการณ์ทางสังคมที่มีอิทธิพลต่อตัวละครของฮีโร่ ในการทำเช่นนี้ เขาจะแสดงฉากหลังของตัวละคร ซึ่งผู้ชมจะเข้าใจได้จากบทสนทนาของตัวละคร แต่มันสำคัญกว่าสำหรับเขาที่จะแสดงสถานการณ์ทางสังคมเหล่านั้น สถานการณ์ของ "จุดต่ำสุด" ที่เหล่าฮีโร่พบว่าตัวเองอยู่ในตอนนี้ นี่คือตำแหน่งของพวกเขาที่เทียบเท่าอดีตขุนนางบารอนกับ Bubnov ที่คมชัดกว่าและขโมย Vaska Ash และสร้างลักษณะทั่วไปของจิตสำนึก: การปฏิเสธความเป็นจริงและในขณะเดียวกันก็มีทัศนคติที่ไม่โต้ตอบ

ภายในความสมจริงของรัสเซียตั้งแต่ยุค 40 ศตวรรษที่ XIX ด้วยการเกิดขึ้นของ "โรงเรียนธรรมชาติ" และแนวโน้มของโกกอลในวรรณคดี แนวโน้มที่ปรากฎตัวที่บ่งบอกถึงความน่าสมเพชของการวิพากษ์วิจารณ์ทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง นี่คือทิศทางซึ่งเป็นตัวแทนของ Gogol, Nekrasov, Chernyshevsky, Dobrolyubov, Pisarev ที่ได้รับชื่อของสัจนิยมเชิงวิพากษ์ ในละคร At the Bottom กอร์กียังคงประเพณีเหล่านี้ต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นในทัศนคติที่สำคัญของเขาต่อแง่มุมทางสังคมของชีวิตและในหลาย ๆ ด้านต่อวีรบุรุษที่จมดิ่งอยู่ในชีวิตนี้และหล่อหลอมด้วยมัน

"At the bottom" ของ M.Yu. Gorky

ละครเป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่งสันนิษฐานว่าการแสดงบนเวทีเป็นหน้าที่บังคับ ในเวลาเดียวกัน การปฐมนิเทศไปสู่การตีความบนเวที ในแวบแรกนั้น จำกัดนักเขียนบทละครในวิธีแสดงตำแหน่งของเขา เขาไม่สามารถพูดกับผู้อ่านโดยตรงแสดงทัศนคติต่อฮีโร่ของเขาเอง ตำแหน่งของผู้เขียนแสดงอยู่ในคำพูดในการพัฒนาการกระทำของบทละครในบทพูดและบทสนทนาของวีรบุรุษ ระยะเวลาของการดำเนินการก็ถูกจำกัดเช่นกัน เนื่องจากประสิทธิภาพนั้นไม่สามารถคงอยู่ได้นาน

ในปี ค.ศ. 1902 Maxim Gorky ได้เริ่มให้ความสนใจในมอสโกอาร์ตเธียเตอร์จากการแสดงที่เป็นนวัตกรรมใหม่โดยอิงจากบทละครของ A.P. Chekhov ในปี 1902 เขาเขียนถึงเชคอฟว่า "เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รักโรงละคร ไม่ทำงานให้กับเขาเป็นอาชญากรรม" อย่างไรก็ตามบทละครแรก - "Bourgeois" (1901) และ "At the bottom" (1902) - แสดงให้เห็นว่า Gorky ไม่ได้เป็นเพียงนักเขียนบทละครผู้ริเริ่ม แต่ยังเป็นผู้สร้างรูปแบบใหม่ ละครโซเชียล... นักวิจารณ์เรียกการแสดงโต้วาทีเกี่ยวกับงานละครของเขา ความจริงก็คือภาระพิเศษในบทละครตกอยู่ในความขัดแย้งอันน่าทึ่ง - การปะทะกันของเหล่าฮีโร่ที่เฉียบขาด เป็นความขัดแย้งที่ขับเคลื่อนโครงเรื่อง ทำให้ผู้ชมต้องติดตามการพัฒนาอย่างใกล้ชิด ใน Gorky บทบาทนำแสดงโดยความขัดแย้งทางอุดมการณ์ซึ่งเป็นการต่อต้านอย่างรุนแรงของมุมมองทางสังคมปรัชญาและสุนทรียศาสตร์ของตัวละคร

เรื่องของภาพในบทละครโดย M. Gorky "At the Bottom" กลายเป็นจิตสำนึกของคนที่พบว่าตัวเองอยู่ใน "วันแห่งชีวิต"อันเป็นผลมาจากกระบวนการที่ลึกซึ้งในสังคมเมื่อต้นศตวรรษที่ยี่สิบ การวิเคราะห์บทละครแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งทางสังคมพัฒนาในหลายระดับ ประการแรก การเผชิญหน้าระหว่างเจ้าของหอพัก Kostylev, และผู้อยู่อาศัย - ผู้พักแรมที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์. ประการที่สอง สถานพักพิงแต่ละแห่งในตอนกลางคืนประสบกับความขัดแย้งทางสังคมส่วนตัวในอดีต เพราะเขาพบว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่น่าสังเวชเช่นนี้

ซาตินลงเอยในที่พักพิงของ Kostylev หลังถูกคุมขังโดยได้กระทำการฆาตกรรม “เจ้าเล่ห์”เพราะพี่สาวของฉัน ไรที่ทำงานเป็นช่างทำกุญแจมาทั้งชีวิต ตกงาน บุบนอฟหนีออกจากบ้าน "พ้นจากอันตราย"เพื่อไม่ให้เผลอฆ่าภรรยาและคนรักของเธอ นักแสดงชายซึ่งก่อนหน้านี้มีนามแฝงดัง Sverchkov-Zadunaisky ดื่มจนตายพบว่าตัวเองไม่มีเหตุสมควร

ชะตากรรมของโจร Vaska Ashถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เกิด เพราะเขาเป็นลูกของโจร และตัวเขาเองก็เหมือนกัน เขาบอกรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับขั้นตอนของการตกของเขา บารอน: ชีวิตของเขาผ่านไปเหมือนในความฝัน เขาเรียนที่สถาบันอันสูงส่ง รับใช้ในห้องธนารักษ์ซึ่งเขาใช้เงินสาธารณะเปลืองซึ่งเขาถูกจับกุมเป็นเวลาสองสัปดาห์
นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งเรื่องความรัก: การปรากฏตัวในบ้านล้มเหลว นาตาชาน้องสาววัย 20 ปีของ Vasilisa ทำให้ Vaska Pepla ละทิ้งนายหญิงของเขา วาซิลิสภรรยาของเจ้าของหอพัก Kostylev อายุ 54 ปีซึ่งต่อมาเธอแก้แค้นตัวเองและเขาอย่างรุนแรง

จุดเปลี่ยนคือการเกิดขึ้น คนจรจัด ลุค... นี้ “คนเร่ร่อนไร้ร่องรอย”ฉันแน่ใจว่าบุคคลนั้นมีค่าควรแก่ความสงสารเหนือสิ่งอื่นใดและตอนนี้เขาพยายามปลอบทุกคนรวมถึงผู้อยู่อาศัยในที่พักพิง การบริโภคที่กำลังจะตาย อันนาชายชราเกลี้ยกล่อมไม่ให้กลัวความตาย มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะนำความอุ่นใจที่รอคอยมายาวนานของเธอ ซึ่งหญิงยากจนไม่เคยรู้มาก่อน นักแสดงเมาด้วยความสิ้นหวัง ลูก้า ให้ความหวังในการรักษาในคลินิกฟรีสำหรับผู้ติดสุรา เขาแนะนำให้ Vaska Peplu เริ่มต้นชีวิตใหม่กับ Natasha อันเป็นที่รักในไซบีเรีย

ในขณะเดียวกัน ลุคก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย คนอ่านรู้เรื่องเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น "ยู่ยี่มากนั่นคือเหตุผลที่นุ่ม ... "... อย่างไรก็ตาม ชื่อลุคชวนให้นึกถึงมารร้ายด้วยแนวคิด "การพลัดพราก" นั่นก็คือ "การหลอกลวง การโกหก" และทัศนคติของผู้เขียนที่มีต่อเขานั้นคลุมเครือ: มันแสดงออกมาในการพัฒนาพล็อต เมื่อลูก้าหายตัวไปภายใต้สถานการณ์ที่ไม่น่าพอใจ (ในขณะที่โคสไตล์ฟถูกฆ่า และวาซิลิซาลวกนาตาชาด้วยน้ำเดือด) เหตุการณ์ก็คลี่คลายไปในทางที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงจากที่ลูก้าคาดการณ์ไว้ ขี้เถ้าลงเอยที่ไซบีเรียจริง ๆ แต่ไม่ใช่เจตจำนงเสรีของพวกเขาเอง แต่ในฐานะนักโทษที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สังหาร Kostylev นักแสดงได้เรียนรู้ว่าไม่มีโรงพยาบาลฟรีที่รักษาโรคพิษสุราเรื้อรังและไม่เชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกชะตากรรมของวีรบุรุษในอุปมาของลุคเกี่ยวกับดินแดนที่ชอบธรรม - เขาถูกแขวนคอในที่ว่าง

เป็นชะตากรรมของนักแสดงที่กลายเป็นประเด็นสำคัญในการประเมินวิพากษ์วิจารณ์ เชื่อกันมานานแล้วว่าลุคเทศนา "คำโกหกปลอบโยน" ที่ทำให้คนเลิกทะเลาะกัน ซึ่งหมายความว่ามันมีแต่อันตรายเท่านั้น ถูกกล่าวหาว่าฮีโร่ให้ความหวังเท็จแก่ทุกคน แต่เขาไม่ได้สัญญาว่าจะเลี้ยงดูพวกเขาจากก้นบึ้งของชีวิตเขาแสดงความสามารถของตัวเองแสดงให้เห็นว่ามีทางออกและขึ้นอยู่กับบุคคลเท่านั้นว่าเขาจะเป็นอย่างไร

ดังนั้นข้อกล่าวหาหลักที่ Gorky หยิบยกขึ้นมาไม่ใช่ลูก้า แต่เป็นวีรบุรุษที่ไม่สามารถหาความแข็งแกร่งในตัวเองเพื่อต่อต้านเจตจำนงของพวกเขาต่อความเป็นจริงที่รุนแรง ดังนั้นเขาจึงเปิดเผยลักษณะที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของลักษณะประจำชาติของเรา - ความไม่พอใจกับความเป็นจริงทัศนคติที่สำคัญต่อมัน แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงนี้ให้ดีขึ้นได้

ฮีโร่อีกคนหนึ่งคือซาติน ยังคงคิดตามความคิดของผู้เขียน ในฉากสุดท้าย ราวกับว่ากำลังสนทนากับชายชราต่อไป เขาพูดคนเดียวที่โด่งดังของเขา ซึ่งวลีนี้โด่งดังที่สุด: "ผู้ชาย - ฟังดูน่าภาคภูมิใจ!".

ใช่ วลีนี้ฟังดูมองโลกในแง่ดี แต่ผู้คนยังคงพบว่าตัวเองตกอยู่ที่ "จุดต่ำสุด" ของชีวิต ไม่เพียงเพราะสถานการณ์ภายนอกเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะความอ่อนแอและขาดศรัทธาด้วย และบทละครของ M. Gorky "At the Bottom" แม้จะผ่านไปกว่าร้อยปีก็ยังมีความเกี่ยวข้อง

บทละคร At the Bottom เกิดขึ้นโดย Gorky ว่าเป็นหนึ่งในสี่บทละครที่แสดงชีวิตและโลกทัศน์ของผู้คนจากชนชั้นต่างๆ ของสังคม นี่เป็นหนึ่งในสองวัตถุประสงค์ในการสร้างผลงาน ความหมายลึกซึ้งที่ผู้เขียนวางไว้คือความพยายามที่จะตอบคำถามหลักของการดำรงอยู่ของมนุษย์: บุคคลคืออะไรและเขาจะรักษาบุคลิกภาพของเขาไว้หรือไม่โดยสืบเชื้อสายมาจาก "ก้น" ของชีวิตคุณธรรมและสังคม

ประวัติการเล่น

หลักฐานแรกของการแสดงละครย้อนหลังไปถึงปี 1900 เมื่อกอร์กีในการสนทนากับสตานิสลาฟสกีกล่าวถึงความปรารถนาที่จะเขียนฉากจากชีวิตของคนล้มเหลว ภาพร่างบางภาพปรากฏเมื่อปลายปี พ.ศ. 2444 ในจดหมายถึงผู้จัดพิมพ์ KP Pyatnitsky ซึ่งผู้เขียนอุทิศงานนี้ให้กับเขา Gorky เขียนว่าในการวางแผนเล่นตัวละครทั้งหมดความคิดแรงจูงใจของการกระทำนั้นชัดเจนสำหรับเขาและ "มันจะน่ากลัว" ฉบับสุดท้ายของงานพร้อมแล้วเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 ตีพิมพ์ในมิวนิกและออกจำหน่ายในปลายปีนี้

สิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นสีดอกกุหลาบกับการผลิตละครในโรงละครรัสเซีย - เป็นสิ่งต้องห้ามในทางปฏิบัติ มีข้อยกเว้นสำหรับมอสโกอาร์ตเธียเตอร์เท่านั้น โรงละครที่เหลือต้องได้รับอนุญาตเป็นพิเศษสำหรับการแสดงละคร

ชื่อเรื่องของบทละครมีการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อยสี่ครั้งในกระบวนการทำงานและประเภทไม่ได้ถูกกำหนดโดยผู้เขียน - ฉบับอ่านว่า "ที่ด้านล่างของชีวิต: ฉาก" ชื่อที่สั้นและตอนนี้คุ้นเคยเป็นครั้งแรกปรากฏขึ้นในใบเรียกเก็บเงินของโรงละครในระหว่างการผลิตครั้งแรกที่มอสโกอาร์ตเธียเตอร์

นักแสดงคนแรกคือนักแสดงนำของ Moscow Art Academic Theatre: บทบาทของ Satin ดำเนินการโดย K. Stanislavsky, Baron - V. Kachalov, Luke - I. Moskvin, Nastya - O. Knipper, Natasha - M. Andreeva

พล็อตหลักของงาน

โครงเรื่องเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของฮีโร่และในบรรยากาศของความเกลียดชังสากลที่ปกครองในที่พักพิง นี่คือผืนผ้าใบด้านนอกของงาน การกระทำแบบขนานสำรวจความลึกของการล้มของบุคคล "ไปที่ด้านล่าง" ซึ่งเป็นการวัดความไม่สำคัญของบุคคลที่สืบเชื้อสายมาจากสังคมและจิตวิญญาณ

การกระทำของละครเริ่มต้นและจบลงด้วยเนื้อเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละคร: ขโมย Vaska Ash และภรรยาของเจ้าของที่พักพิง Vasilisa แอชรักนาตาชาน้องสาวของเธอ วาซิลิซ่าขี้หึง ทุบตีพี่สาวของเธออย่างต่อเนื่อง เธอยังสนใจคนรักของเธออีกคนหนึ่ง - เธอต้องการปลดปล่อยตัวเองจากสามีของเธอและผลักแอชให้ฆ่า ในระหว่างการเล่น Ash ฆ่า Kostylev ในการทะเลาะวิวาท ในฉากสุดท้ายของละครเรื่องนี้ ผู้พักอาศัยในที่พักพิงบอกว่า Vaska จะต้องทำงานหนัก และ Vasilisa จะ "ออกไป" อยู่ดี ดังนั้น การกระทำจึงวนเวียนไปตามชะตากรรมของฮีโร่ทั้งสอง แต่ยังห่างไกลจากข้อจำกัดเหล่านั้น

ละครเรื่องนี้กำหนดไว้หลายสัปดาห์ในต้นฤดูใบไม้ผลิ ฤดูกาลเป็นส่วนสำคัญของการเล่น หนึ่งในชื่อแรกที่ผู้เขียนมอบให้กับงาน "Without the Sun" อันที่จริงมีฤดูใบไม้ผลิอยู่รอบ ๆ ทะเลแห่งแสงแดดและความมืดในที่กำบังและในจิตวิญญาณของผู้อยู่อาศัย ลูก้า คนจรจัดที่นาตาชานำมาในวันหนึ่ง กลายเป็นแสงตะวันสำหรับผู้พักอาศัย ลุคนำความหวังมาสู่หัวใจของผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและสูญเสียศรัทธาในสิ่งที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายของละคร ลูก้าหายตัวไปจากที่พักพิง ตัวละครที่ไว้วางใจเขาสูญเสียศรัทธาในสิ่งที่ดีที่สุด ละครจบลงด้วยการฆ่าตัวตายของหนึ่งในนั้น - นักแสดง

วิเคราะห์ผลงาน

บทละครบรรยายถึงชีวิตของหอพักในมอสโก ตัวละครหลักตามลำดับคือผู้อยู่อาศัยและเจ้าของสถานประกอบการ นอกจากนี้ยังมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของสถาบัน: ตำรวจเขายังเป็นลุงของปฏิคมของหอพักผู้ขายที่มีเกี๊ยวและรถตัก

ซาตินและลูก้า

ที่เฉียบแหลมกว่า อดีตนักโทษซาติน และคนจรจัด คนพเนจร ลุคเป็นพาหะของความคิดที่ตรงกันข้ามสองประการ: ความต้องการความเห็นอกเห็นใจต่อบุคคลหนึ่งคำโกหกเพื่อช่วยชีวิตเขาและความต้องการที่จะรู้ความจริงเพื่อเป็นข้อพิสูจน์ ความยิ่งใหญ่ของบุคคล เป็นสัญลักษณ์ของความไว้วางใจในความแข็งแกร่งของจิตใจของเขา เพื่อพิสูจน์ความเท็จของโลกทัศน์ที่หนึ่งและความจริงของโลกทัศน์ที่สอง ผู้เขียนจึงได้สร้างการกระทำของบทละครขึ้นมาด้วย

ตัวละครอื่นๆ

ตัวละครอื่น ๆ ทั้งหมดเป็นฉากหลังของการต่อสู้ทางความคิดนี้ นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบเพื่อแสดงวัดความลึกของการตกที่บุคคลสามารถลงมาได้ นักแสดงขี้เมาและแอนนาที่ป่วยหนัก ผู้ที่สูญเสียศรัทธาในความแข็งแกร่งของตนไปโดยสิ้นเชิง ตกอยู่ภายใต้อำนาจของเทพนิยายที่น่าอัศจรรย์ซึ่งลุคพาพวกเขาไป พวกเขาเป็นที่พึ่งของเขามากที่สุด ด้วยการจากไปของเขา พวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่และตายได้ ผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงที่เหลือรับรู้ถึงการปรากฏตัวและการจากไปของลุคในฐานะการเล่นของแสงอาทิตย์แห่งฤดูใบไม้ผลิ - ปรากฏตัวและหายตัวไป

Nastya ขายร่างของเธอ "บนถนน" เชื่อว่ามีความรักเบา ๆ และเธอก็อยู่ในชีวิตของเธอ ติ๊ก สามีของแอนนาที่กำลังจะตาย เชื่อว่าเขาจะลุกขึ้นจากเบื้องล่างและเริ่มหาเลี้ยงชีพจากการทำงานอีกครั้ง กล่องเครื่องมือยังคงเป็นเธรดที่เชื่อมโยงเขากับอดีตการทำงานของเขา ในตอนท้ายของละคร เขาถูกบังคับให้ขายเพื่อฝังภรรยาของเขา นาตาชาหวังว่าวาซิลิซ่าจะเปลี่ยนและหยุดทรมานเธอ หลังจากถูกทุบตีอีกครั้ง หลังจากออกจากโรงพยาบาล เธอจะไม่ปรากฏในที่พักพิงอีกต่อไป Vaska Pepel มุ่งมั่นที่จะอยู่กับ Natalia แต่ไม่สามารถออกจากเครือข่ายของ Vasilisa ผู้มีอำนาจ ในทางกลับกันคาดว่าการตายของสามีของเธอจะปลดมือและให้อิสระที่รอคอยมานานแก่เธอ บารอนใช้ชีวิตในอดีตของชนชั้นสูงของเขา นักพนัน Bubnov ผู้ทำลาย "ภาพลวงตา" อุดมการณ์แห่งความเกลียดชังเชื่อว่า "ทุกคนฟุ่มเฟือย"

งานนี้ถูกสร้างขึ้นในสภาพเมื่อหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุค 90 ของศตวรรษที่ XIX โรงงานต่าง ๆ ลุกขึ้นยืนในรัสเซียประชากรเริ่มยากจนลงอย่างรวดเร็วหลายคนพบว่าตัวเองอยู่ที่ขั้นล่างสุดของบันไดสังคมในห้องใต้ดิน วีรบุรุษของละครแต่ละคนในอดีตประสบกับการตกต่ำ "ถึงก้นบึ้ง" ทางสังคมและศีลธรรม ตอนนี้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำในเรื่องนี้ แต่พวกเขาไม่สามารถ “ลุกขึ้นสู่ความสว่าง” พวกเขาทำไม่ได้ พวกเขาไม่มีกำลัง พวกเขารู้สึกละอายใจกับความไม่สำคัญของพวกเขา

ตัวละครหลัก

ลูกากลายเป็นความสว่างสำหรับบางคน Gorky ให้ชื่อ "บอก" ลูก้า มันหมายถึงทั้งภาพลักษณ์ของเซนต์ลุคและแนวคิดของ "เล่ห์เหลี่ยม" เห็นได้ชัดว่าผู้เขียนพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกันของความคิดของลุคเกี่ยวกับคุณค่าของศรัทธาที่เป็นประโยชน์ต่อบุคคล กอร์กีลดความเห็นอกเห็นใจของลูก้าให้กลายเป็นการทรยศ - ตามโครงเรื่อง คนจรจัดจะออกจากที่พักพิงเมื่อคนที่ไว้ใจเขาต้องการความช่วยเหลือจากเขา

ซาตินเป็นหุ่นที่ออกแบบมาเพื่อให้โลกทัศน์ของผู้แต่ง ตามที่ Gorky เขียนไว้ Satin ไม่ใช่ตัวละครในเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีตัวละครอื่นที่มีความสามารถพิเศษที่มีพลังเหมือนกันในการเล่น ซาตินเป็นแนวต้านทางอุดมการณ์ของลุค: เขาไม่เชื่อในสิ่งใด ๆ เห็นแก่นแท้ของชีวิตที่โหดเหี้ยมและสถานการณ์ที่เขาและคนอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในที่พักพิงพบว่าตัวเอง Satin เชื่อในมนุษย์และพลังของเขาเหนือพลังแห่งสถานการณ์และความผิดพลาดหรือไม่? บทพูดคนเดียวที่เร่าร้อนซึ่งเขาพูดโต้เถียงกับลูก้าที่จากไปโดยไม่อยู่ ทิ้งความประทับใจที่แข็งแกร่งแต่ขัดแย้ง

นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการของความจริง "ที่สาม" ในการทำงาน - แทมบูรีน ฮีโร่คนนี้เหมือนซาติน "ยืนหยัดเพื่อความจริง" มีเพียงเขาเท่านั้นที่น่ากลัวมาก เขาเป็นคนเกลียดผู้ชาย แต่ที่จริงแล้วเป็นฆาตกร มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่ไม่ตายจากมีดในมือของเขา แต่จากความเกลียดชังที่เขามีต่อทุกคน

บทละครเพิ่มขึ้นจากการลงมือกระทำ บทสนทนาที่ปลอบโยนของลุคกับผู้ที่ทุกข์ทรมานจากความเห็นอกเห็นใจของเขาและคำพูดที่หายากของซาติน ซึ่งบ่งบอกว่าเขาตั้งใจฟังคำพูดของคนจรจัดอย่างตั้งใจ กลายเป็นผืนผ้าใบที่เชื่อมโยงกัน จุดสุดยอดของบทละครคือบทพูดคนเดียวของซาติน ซึ่งส่งหลังจากการจากไปของลุคและเที่ยวบิน วลีจากวลีนี้มักถูกยกมาเนื่องจากดูเหมือนคำพังเพย "ทุกอย่างในตัวบุคคลเป็นทุกอย่างสำหรับบุคคล!", "การโกหกเป็นศาสนาของทาสและเจ้านาย ... ความจริงคือพระเจ้าของบุคคลที่เป็นอิสระ!"

บทสรุป

ผลอันขมขื่นของบทละครคือชัยชนะของเสรีภาพของผู้ล่วงลับที่จะพินาศ หายตัวไป ไม่ทิ้งร่องรอยหรือความทรงจำไว้เบื้องหลัง ผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงนั้นปลอดจากสังคม ศีลธรรม ครอบครัว และการดำรงชีวิต โดยทั่วไปแล้วพวกเขาเป็นอิสระจากชีวิต

บทละคร At the Bottom มีมานานกว่าศตวรรษและยังคงเป็นหนึ่งในผลงานคลาสสิกรัสเซียที่ทรงพลังที่สุด ละครเรื่องนี้ทำให้นึกถึงสถานที่แห่งศรัทธาและความรักในชีวิตของบุคคล เกี่ยวกับธรรมชาติของความจริงและการโกหก เกี่ยวกับความสามารถของบุคคลในการทนต่อความเสื่อมทางศีลธรรมและสังคม

การวิเคราะห์การแสดงครั้งแรกของละคร A.M. Gorky เรื่อง "At the Bottom"

การเล่นของ Gorky "At the Bottom" ทำให้สังคมตื่นเต้นด้วยรูปลักษณ์ การแสดงครั้งแรกทำให้ตกใจ: คนนอนบนเตียงตัวจริงปรากฏตัวบนเวทีแทนที่จะเป็นนักแสดงหรือไม่?

การกระทำของการเล่นในห้องใต้ดินซึ่งดูเหมือนถ้ำนั้นดึงดูดความสนใจไม่เพียงแต่กับความแปลกประหลาดของฮีโร่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโพลีโฟนีอีกด้วย มันเป็นเพียงช่วงแรกเท่านั้นที่ผู้อ่านหรือผู้ชมเห็น "หลุมฝังศพหินหนัก" ของเพดาน "เตียงของ Bubnov", "เตียงกว้างที่คลุมด้วยผ้าสักหลาดสกปรก" ดูเหมือนว่าใบหน้าที่นี่เหมือนกันทั้งหมด - สีเทา มืดมน สกปรก

แต่แล้วฮีโร่ก็พูดและ ...

- ... ฉันพูด - ผู้หญิงอิสระผู้เป็นที่รักของเธอ ... (Kvashnya)

เมื่อวานใครตีฉัน? และทำไมพวกเขาถึงตี? (ซาติน)

มันไม่ดีสำหรับฉันที่จะหายใจฝุ่น ร่างกายของฉันถูกพิษด้วยแอลกอฮอล์ (นักแสดงชาย)

เสียงต่างกันตรงไหน! ต่างคนต่างอะไร! ความสนใจต่างกันตรงไหน! การแสดงฉากแรกเป็นการขับร้องที่ไม่ลงรอยกันของวีรบุรุษที่ไม่ได้ยินซึ่งกันและกัน แท้จริงแล้ว ทุกคนอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินนี้อย่างที่ต้องการ ทุกคนต่างหมกมุ่นอยู่กับปัญหาของตัวเอง (สำหรับบางคนมันคือปัญหาของเสรีภาพ สำหรับบางคนมันคือปัญหาของการลงโทษ สำหรับบางคนมันคือปัญหาสุขภาพ การอยู่รอดใน สภาพปัจจุบัน)

แต่ที่นี่ จุดเปลี่ยนแรกของการกระทำ - ข้อพิพาทระหว่างซาตินกับนักแสดง. เพื่อตอบสนองต่อคำพูดของนักแสดง: "หมอบอกฉัน: ร่างกายของคุณเขาเป็นพิษด้วยแอลกอฮอล์อย่างสมบูรณ์" - ซาติน ยิ้มออกเสียงคำว่า "ออร์แกน" ที่เข้าใจยากอย่างสมบูรณ์แล้วเพิ่มที่อยู่ของนักแสดง - "ไซแคมเบอร์"

มันคืออะไร? การเล่นคำ? เรื่องไร้สาระ? ไม่ นี่คือการวินิจฉัยที่ซาตินมอบให้กับสังคม Organon เป็นการละเมิดรากฐานที่มีเหตุผลทั้งหมดของชีวิต ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของนักแสดงที่ถูกวางยาพิษ แต่ชีวิตมนุษย์ ชีวิตของสังคม ถูกวางยาพิษในทางที่ผิด

Sicambr แปลเป็นภาษารัสเซียว่า "ป่าเถื่อน" แน่นอนว่ามีเพียงคนป่า (ตามคำกล่าวของ Satin) เท่านั้นที่จะไม่เข้าใจความจริงข้อนี้

เสียงในข้อพิพาทนี้และคำว่า "เข้าใจยาก" ที่สาม - "แมคโครไบโอติก" (ความหมายของแนวคิดนี้เป็นที่รู้จัก: หนังสือของแพทย์ชาวเยอรมัน, สมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันวิทยาศาสตร์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Hufeland ถูกเรียกว่า "ศิลปะแห่งการขยายชีวิตมนุษย์", 1797) “สูตร” สำหรับการยืดอายุมนุษย์ซึ่งเสนอโดยนักแสดง: “ถ้าสิ่งมีชีวิตถูกวางยาพิษ… มันหมายความว่ามันเป็นอันตรายต่อฉันที่จะกวาดพื้น… หายใจเอาฝุ่น…”, - กระตุ้นการประเมินเชิงลบที่ชัดเจนของ ซาติน. ในการตอบสนองต่อคำกล่าวของนักแสดงคนนี้ที่ซาตินพูดเยาะเย้ย:

"แมคโครไบโอติกส์ ... ฮะ!"

จึงได้แสดงความคิดไว้ว่า ชีวิตในโรงเก็บของไร้สาระและป่าเถื่อน เพราะรากฐานที่มีเหตุผลของมันถูกวางยาพิษสิ่งนี้ชัดเจนสำหรับซาติน แต่เห็นได้ชัดว่าฮีโร่ไม่รู้สูตรการรักษาพื้นฐานของชีวิต กระแสตอบรับ "แมคโครไบโอติกส์...ฮา!" ตีความได้อีกทางหนึ่งว่า คิดอย่างไรเกี่ยวกับศิลปะแห่งการต่ออายุ เช่นชีวิต. จุดหักเหของฉากแรกดึงดูดความสนใจไม่เพียงเพราะผู้อ่านกำหนดความคิดที่โดดเด่นเกี่ยวกับรากฐานของชีวิต แต่ยังมีความสำคัญเพราะให้แนวคิดเกี่ยวกับระดับสติปัญญาของผู้พักอาศัยในตอนกลางคืน ของซาติน และ ความคิดที่ว่ามีคนฉลาดและมีความรู้อยู่ในที่พักพิงนั้นน่าทึ่งมาก

มาดูกันว่า Satin นำเสนอความเชื่อของเขาอย่างไร... คงจะเข้าใจได้ค่อนข้างดีถ้าคนนอนค้างคืนซึ่งถูกทุบตีเมื่อวันก่อนจะพูดเกี่ยวกับสภาพสังคมที่ไม่ปกติโดยตรงซึ่งทำให้คนประพฤติตัวไม่เหมาะสม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเขาจึงพูดคำที่เข้าใจยากอย่างสมบูรณ์ นี่ไม่ใช่การสาธิตความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาต่างประเทศอย่างชัดเจน แล้วไง? คำตอบที่แนะนำตัวเองทำให้นึกถึงคุณสมบัติทางศีลธรรมของซาติน บางทีเขาอาจสงวนความภาคภูมิใจของนักแสดงไว้ รู้เกี่ยวกับอารมณ์ที่เพิ่มขึ้นของเขาหรือไม่? บางทีเขาอาจจะไม่มีแนวโน้มที่จะรุกรานใครแม้แต่คนที่ไม่รู้อะไรมาก?และในความเป็นจริง และในอีกกรณีหนึ่ง เราเชื่อมั่นในความละเอียดอ่อนและไหวพริบของซาติน การปรากฏตัวของคุณสมบัติดังกล่าวในคนที่ "ก้น" นั้นแปลกหรือไม่!

อีกประเด็นที่มองข้ามไม่ได้คือ ไม่นานมานี้ เราเพิ่งเห็น "ผ้าซาตินเพิ่งตื่น นอนบนที่นอนแล้วคำราม" (ข้อสังเกตในตอนที่ 1) ตอนนี้คุยกับนักแสดงแล้ว ซาตินยิ้ม อะไรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างกะทันหันเช่นนี้?บางทีซาตินอาจสนใจในความขัดแย้ง บางทีเขารู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่ง (ทั้งสติปัญญาและจิตวิญญาณ) ที่ทำให้เขาแตกต่างจากนักแสดงที่ตระหนักถึงจุดอ่อนของตัวเอง แต่บางทีนี่อาจไม่ใช่รอยยิ้มที่เหนือกว่านักแสดง แต่เป็นรอยยิ้มที่กรุณาและเห็นอกเห็นใจในความสัมพันธ์กับบุคคลที่ต้องการการสนับสนุน ไม่ว่าเราจะประเมินรอยยิ้มของ Satin อย่างไร กลับกลายเป็นว่าความรู้สึกที่แท้จริงของมนุษย์มีอยู่ในตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นความภาคภูมิใจจากการตระหนักถึงความสำคัญของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความเห็นอกเห็นใจต่อนักแสดงและความปรารถนาที่จะสนับสนุนเขา การค้นพบนี้น่าประหลาดใจยิ่งกว่า เพราะความประทับใจแรกพบจากเสียงคำรามของผู้พักอาศัย ไม่ฟัง ดูถูกกัน ไม่เป็นที่โปรดปรานของคนเหล่านี้ ("คุณแพะหัวแดง!" / Kvashnya - เพื่อเห็บ /; "เงียบสุนัขแก่" / Tick - เพื่อไร / ฯลฯ )

หลังจากการโต้เถียงระหว่างซาตินและนักแสดง น้ำเสียงของการสนทนาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก มาฟังสิ่งที่เหล่าฮีโร่กำลังพูดถึงตอนนี้:

ฉันรักคำที่เข้าใจยากและหายาก ... มีหนังสือที่ดีมากและคำศัพท์แปลก ๆ มากมาย ... (ซาติน)

ฉันเป็นคนขนยาว ... ฉันมีสถานประกอบการของตัวเอง ... มือของฉันเป็นสีเหลือง - จากสี ... ฉันคิดว่าฉันจะไม่ล้างมือจนกว่าจะตาย ... แต่พวกมันสกปรก ... ใช่! (แทมบูรีน)

การศึกษาเป็นเรื่องไร้สาระ พรสวรรค์เป็นสิ่งสำคัญ และพรสวรรค์คือศรัทธาในตัวเอง ในกำลังของตัวเอง (นักแสดงชาย)

ทำงาน? ทำให้งานของฉันน่าพอใจ - บางทีฉันอาจจะทำงาน ใช่! (ซาติน)

พวกเขาเป็นคนแบบไหน? เศษผ้า บริษัท ทอง ... คน! ฉันเป็นคนทำงาน ... ฉันอายที่จะดูพวกเขา ... (ติ๊ก)

คุณมีสติสัมปชัญญะหรือไม่? (เถ้า)

ฮีโร่ของ "ก้น" คิดอะไรพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่? ใช่ เกี่ยวกับสิ่งเดียวกันกับที่ใคร ๆ คิดเกี่ยวกับความรัก เกี่ยวกับศรัทธาในกำลังของตนเอง เกี่ยวกับงาน เกี่ยวกับความสุขและความทุกข์ของชีวิต เกี่ยวกับความดีและความชั่ว เกี่ยวกับเกียรติและมโนธรรม

การค้นพบครั้งแรกความประหลาดใจครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ Gorky อ่าน - นี่คือ:คน "ล่าง" เป็นคนธรรมดา พวกเขาไม่ใช่คนร้าย พวกเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาด พวกเขาไม่ใช่พวกวายร้าย พวกเขาเป็นคนเดียวกันกับเรา มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่อยู่ในสภาพที่แตกต่างกัน บางทีการค้นพบครั้งนี้อาจทำให้ผู้ชมละครเรื่องแรกตกตะลึงและทำให้ผู้อ่านใหม่ ๆ สั่นคลอนมากขึ้นเรื่อย ๆ ?! อาจจะ…

ถ้ากอร์กีจบบทแรกด้วยบทพูดนี้ บทสรุปของเราก็คงถูกต้อง แต่นักเขียนบทละครแนะนำใบหน้าใหม่ ลูก้าปรากฏตัว "ถือไม้เท้าแบกเป้สะพาย กาต้มน้ำและกาน้ำชาที่เข็มขัด" เขาเป็นใคร ยินดีต้อนรับทุกคน : "สุขภาพดี คนซื่อสัตย์!"

เขาคือใคร คนที่อ้างว่า: “ฉันไม่สน! ในความคิดของฉันฉันเคารพโจรไม่ใช่หมัดตัวเดียวที่ไม่ดี: ทุกคนเป็นคนผิวดำทุกคนกำลังกระโดด ... " ชื่อ ลุคเป็นนักบุญ มันคือ วีรบุรุษในพระคัมภีร์คนเดียวกัน?

(เรามาดูสารานุกรมพระคัมภีร์กันเถอะ ให้เราถามว่ามันพูดถึงลุคว่าอย่างไร: "ลูกาผู้เผยแพร่ศาสนาเป็นผู้เขียนพระวรสารฉบับที่สามและหนังสือกิจการ ตามคำให้การของเอเซเนียสและเจอโรม ลุคเป็นชาวเมือง แห่งอันทิโอก อัครสาวกเปาโลเรียกท่านว่า คุณหมอที่รักความคุ้นเคยอย่างถ่องแท้กับขนบธรรมเนียมของชาวยิว วิธีคิด การใช้ถ้อยคำ ทำให้ค่อนข้างมีแนวโน้มว่าเขาจะเป็นผู้เปลี่ยนศาสนาในตอนแรก ชาวต่างชาติที่รับเอาความเชื่อของชาวยิวมาใช้ แม้ว่าในทางกลับกัน ตามสไตล์คลาสสิกของเขา ความบริสุทธิ์และความถูกต้องของกรีก ภาษาในข่าวประเสริฐของเขา ค่อนข้างสรุปได้ว่าเขาไม่ได้มาจากชาวยิว แต่มาจากเผ่าพันธุ์กรีก เราไม่รู้ว่าอะไรกระตุ้นเขาให้ยอมรับศาสนาคริสต์ แต่เรารู้ว่าโดยการกลับใจใหม่ของเขา โดยผูกมัดตัวเองกับอัครสาวกเปาโลอย่างจริงใจ เขาได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อรับใช้พระคริสต์ มีประเพณีโบราณว่าลูกามาจากสาวก 70 คน ที่พระเจ้าส่งมาให้ ไปทุกเมืองและทุกที่ที่เขาต้องการไป(Luke X, 1) ตำนานโบราณอีกเรื่องหนึ่งบอกว่าเขาเป็นจิตรกรและกำหนดให้เขาเห็นไอคอนของพระผู้ช่วยให้รอดและพระมารดาของพระเจ้าซึ่งจารึกไว้ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเก็บไว้ในวิหาร Great Dormition ในมอสโก เกี่ยวกับลักษณะที่พระองค์เข้าในงานเผยแพร่ของอัครสาวก เราพบข้อมูลที่ชัดเจนและชัดเจนซึ่งพระองค์เองพรรณนาไว้ในหนังสือกิจการ. พวกเขาคิดว่าในข่าวประเสริฐที่น่าประทับใจของเขาเกี่ยวกับการปรากฏขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่ฟื้นคืนพระชนม์ สาวกสองคนที่ไปยังเอ็มมานุสภายใต้สาวกอีกคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เอ่ยชื่อ แน่นอนว่าลุคเอง (บทที่ XIV) ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดเมื่อลูกาเข้าร่วมอัครสาวกเปาโลและกลายเป็นเพื่อนและผู้ร่วมงานของเขา อาจจะเป็นปี ค.ศ. 43 หรือ 44 จากนั้นเขาก็ตามอัครสาวกไปยังกรุงโรมจนถึงเวลาที่เขาถูกจองจำครั้งแรกและอยู่กับเขา และระหว่างการเป็นทาสครั้งที่สองของอัครสาวก ไม่นานก่อนที่ท่านจะสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงอยู่กับท่านด้วย ขณะที่คนอื่นๆ ทั้งหมดละทิ้งอัครสาวก นั่นคือเหตุผลที่คำพูดของ Paul ที่ส่วนท้ายของ II Timothy ฟังดูน่าประทับใจ: “ดามาสจากฉันไป รักยุคปัจจุบัน และไปที่เทสซาโลนิกิ คริสเตสถึงกาลาเตอา ติตัสไปยังดัลเมเชีย ลุคคนเดียวกับฉัน”หลังจากการสิ้นพระชนม์ของอัครสาวกเปาโล ไม่มีสิ่งใดที่รู้จากพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับชีวิตที่ตามมาของลูกา มีประเพณีหนึ่งที่เขาเทศนาข่าวประเสริฐในอิตาลี มาซิโดเนีย และกรีซ และแม้กระทั่งในแอฟริกา และเสียชีวิตอย่างสงบเมื่ออายุ 80 ปี ตามตำนานอื่นเขาเสียชีวิตจากการพลีชีพภายใต้ Domitian ใน Achaia และถูกแขวนคอบนต้นมะกอกเพราะขาดไม้กางเขน ")

จากแนวคิดเหล่านี้เกี่ยวกับลุค เราสามารถพูดได้ว่าลุคเป็นผู้เยียวยาจิตใจ คนเร่ร่อน ผู้ถือศีลธรรมของคริสเตียน ครูสอนจิตวิญญาณที่หลงหายในหลายๆ ด้านคล้ายกับลุคผู้เผยแพร่ศาสนา

ในเวลาเดียวกัน ก็เกิดคำถามขึ้นอีกว่า ลุคอาจจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ที่มีสองหน้า? หรือบางทีลุคอาจจะ "สว่างไสว" (หลังจากทั้งหมดนี่คือวิธีการแปลชื่อนี้)?

เป็นการยากมากที่จะตอบคำถามเหล่านี้อย่างแจ่มแจ้งเพราะบางครั้งนักเขียนบทละครเองก็เห็นนักบุญในฮีโร่ของเขาบางครั้งเป็นคนโกหกบางครั้งก็เป็นผู้ปลอบโยน

คำพูดแรกของลุคน่าตกใจ: เขาไม่แยแสกับคนที่พวกเขาเหมือนกันทั้งหมดสำหรับเขา!("ทุกคนดำ ทุกคนกระโดด") หรือบางทีเขาฉลาดจนเห็นใคร ๆ ก็เป็นมนุษย์!("สุขภาพดีคนซื่อสัตย์!"). แอชพูดถูกเมื่อเขาเรียกลูก้าว่า "น่าขบขัน" อันที่จริงเขาเป็นคนที่น่าสนใจอย่างมนุษย์ปุถุชนคลุมเครือและเป็นชายชราที่ฉลาด:“ นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเสมอ: คนคิดกับตัวเอง - ฉันทำได้ดี! คว้ามันไว้ - แต่ผู้คนไม่พอใจ!”

ใช่ ผู้คนอาจไม่พอใจกับความจริงที่ว่า "ชายชรา" เห็นความปรารถนาลับของพวกเขา เข้าใจมากกว่าฮีโร่เอง (จำบทสนทนาของลุคกับแอช) ผู้คนอาจไม่พอใจกับความจริงที่ว่าลุคพูดอย่างน่าเชื่อถือและฉลาดจนยากที่จะโต้แย้งคำพูดของเขา: "มีคนมากมายในโลกที่ควบคุม ... และหวาดกลัวกันด้วยความกลัวทุกประเภท แต่มี ไม่มีระเบียบในชีวิตและไม่มีความบริสุทธิ์ ... "

ก้าวแรกของลูก้าในที่พักพิงคือความปรารถนาที่จะ "ใส่": "อย่างน้อยฉันก็จะใส่มูลที่นี่ ไม้กวาดของคุณอยู่ที่ไหน " คำบรรยายของวลีนั้นชัดเจน: ลูก้าปรากฏตัวในห้องใต้ดินเพื่อทำให้ชีวิตของผู้คนสะอาดขึ้น แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของความจริง Gorky เป็นปรัชญาดังนั้นจึงมีความจริงอีกส่วนหนึ่ง: บางทีลุคอาจปรากฏขึ้น ฝุ่นผง (ทำให้ผู้คนตื่นเต้น ทำให้พวกเขากังวล ใส่ใจเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของเขา) และหายตัวไป (ท้ายที่สุดแล้วคำกริยา "sweep" ก็มีความหมายเช่นกัน ไม่เช่นนั้นจำเป็นต้องพูดว่า "sweep", "sweep")

ลุคในการปรากฏตัวครั้งแรกกำหนดบทบัญญัติพื้นฐานหลายประการเกี่ยวกับทัศนคติต่อชีวิต:

1) - พวกเขา เศษกระดาษ-แค่นั้นเอง- ล้วนไร้ค่า

2) - และทุกอย่างคือคน! จะแสร้งทำเป็นว่ากระดิกกระดิกยังไง เกิดเป็นผู้ชาย ก็ต้องตายอย่างผู้ชาย ...

3) –I ทั้งหมดฉันมอง ผู้คนฉลาดขึ้นน่าขบขันมากขึ้น ... และ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่แย่ลงและแย่ลง พวกเขาต้องการทุกอย่าง - ดีกว่า ... ดื้อ!

4) - อา เป็นไปได้ไหมสำหรับบุคคลโฆษณา โยน? เขา- อะไรก็ได้ - a คุ้มราคาเสมอ!

เมื่อพิจารณาถึงประเด็นบางประการของความจริงในชีวิตของลูกาแล้ว เราสามารถเข้าถึงช่วงเวลาแห่งความจริงได้ ในชีวิตที่เลวร้ายและไม่ชอบธรรม มีค่าหนึ่งเดียวและความจริงหนึ่งข้อที่เถียงไม่ได้ ความจริงข้อนี้คือตัวมนุษย์เอง ลุคประกาศสิ่งนี้เมื่อเขาปรากฏตัว

นักเขียนบทละครได้คิดเกี่ยวกับปัญหาของมนุษย์มาหลายปีแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าการปรากฏตัวของลุคในฉากแรกของละครเรื่อง "At the Bottom" เป็นสุดยอดของการกระทำนี้ไม่เพียงเพราะฮีโร่สรุปปัญหาหลักประการหนึ่งของการเล่น - วิธีการเกี่ยวข้องกับบุคคล; การปรากฏตัวของลุคเป็นช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดเช่นกันเพราะความคิดถูกดึงออกมาจากเขาไปสู่การกระทำต่อไปของละคร

"ไม่มีชายคนหนึ่งไม่มีชื่อ" - การเปิดตัวนักแสดงในองก์ที่สอง

“ผู้ชายคือความจริง” เป็นคำสารภาพสุดท้ายของซาติน คำสารภาพดังกล่าวเป็นปรากฏการณ์ในลำดับเดียวกัน

ความเข้าใจของตัวละครในตอนจบของละครเสียงที่มองโลกในแง่ดีของ "At the Bottom" เป็นไปได้เหนือสิ่งอื่นใดเพราะลูก้าปรากฏตัวในละครทำหน้าที่ในโลกมืดเหมือน "กรด" บนเหรียญสนิมเน้น ทั้งด้านดีและด้านร้ายของชีวิต แน่นอนว่ากิจกรรมของ Luka นั้นมีความหลากหลาย การกระทำและคำพูดมากมายของฮีโร่ตัวนี้สามารถตีความได้ในแบบที่ตรงกันข้าม แต่สิ่งนี้ค่อนข้างเป็นธรรมชาติเพราะบุคคลเป็นปรากฏการณ์ที่มีชีวิต เปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนแปลงโลกรอบตัวเขา อะไรก็ตามที่คุณพูด ลุคไม่ว่าเขาจะโต้แย้งตำแหน่งนี้หรือตำแหน่งนั้นอย่างไร เขาก็ฉลาดเป็นมนุษย์ บางครั้งก็มีรอยยิ้ม บางครั้งก็มีเจ้าเล่ห์ บางครั้งก็นำผู้อ่านไปสู่ความเข้าใจอย่างจริงจังว่ามนุษย์เป็นอย่างไรในโลกนี้ และสิ่งอื่นใดคืองาน จากมือของเขา ความคิดของเขา มโนธรรมของเขา ความเข้าใจนี้มีค่าในตัวฮีโร่ของกอร์กีที่ปรากฏตัวท่ามกลางผู้คนที่ไม่เชื่อและหายตัวไปเมื่อเมล็ดพืชของมนุษย์ที่หลับใหลอยู่ในมนุษย์ ตื่นขึ้น ฟื้นขึ้นมา ด้วยการปรากฏตัวของลุค ชีวิตของผู้พักอาศัยจึงเปลี่ยนไปในแง่มุมใหม่ของมนุษย์

อ่านบทแรกของละครแล้ว ความสัมพันธ์ของฮีโร่, ลักษณะส่วนบุคคลของที่พักพิงกลางคืนได้รับการพิจารณา, คุณสมบัติองค์ประกอบของการกระทำนี้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเล่น, ถูกเปิดเผย นอกจากข้อสรุปขั้นกลางที่เราวาดขึ้นในระหว่างการวิเคราะห์แล้ว ก็น่าจะคุ้มค่าที่จะสรุปโดยรวมเกี่ยวกับเสียงของการดำเนินการครั้งแรก

มาตั้งคำถามกับตัวเอง องก์แรกมีบทบาทอย่างไรในบริบทของละคร?คำถามนี้สามารถตอบได้หลายวิธี: ประการแรก มันสรุปประเด็นที่จะฟังตลอดการเล่น ประการที่สอง นี่คือการกำหนด (ยังคร่าว ๆ ) หลักการของทัศนคติต่อบุคคลซึ่งจะถูกพัฒนาโดยทั้งลุคและซาตินในหลักสูตรของละคร ประการที่สามและนี่เป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากแรกของละครในการจัดตัวละครในคำพูดของพวกเขาเราเห็นทัศนคติของผู้เขียนต่อ MAN เรารู้สึกว่า สิ่งสำคัญในการเล่นคือมุมมองของผู้เขียนเกี่ยวกับมนุษย์บทบาทและสถานที่ในโลกจากมุมมองนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะอ้างถึงคำสารภาพของ Gorky ซึ่งฟังในบทความ "On Plays": สิ่งที่เราเรียกว่าวัฒนธรรมซึ่งรวบรวมพลังงานจำนวนมหาศาลของเขาและเป็นโครงสร้างเหนือธรรมชาติขนาดมหึมาและอีกมากมาย เป็นศัตรูมากกว่าเป็นมิตรกับเขา - บุคคลนี้เป็นภาพศิลปะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมที่สุด! แต่นักเขียนสมัยใหม่ นักเขียนบทละครกำลังเผชิญกับการเป็นชายร่างเล็กที่ถูกเลี้ยงดูมาเป็นเวลาหลายศตวรรษภายใต้เงื่อนไขของการต่อสู้ทางชนชั้น ติดเชื้ออย่างลึกซึ้งกับปัจเจกนิยมทางสัตววิทยา และโดยทั่วไปแล้ว มีรูปร่างที่แตกต่างกันมาก ซับซ้อนมาก และขัดแย้ง ... เราต้องแสดงให้เห็น เขาอยู่กับตัวเองในความงดงามของความสับสนและการกระจัดกระจายด้วย "ความขัดแย้งของหัวใจและจิตใจ" ทั้งหมด

การกระทำแรกของละครเรื่อง "At the Bottom" ได้ตระหนักถึงภารกิจนี้แล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราไม่สามารถตีความตัวละครใด ๆ ได้อย่างไม่น่าสงสัย ไม่ใช่คำพูดเดียว ไม่ใช่การกระทำของฮีโร่แม้แต่ครั้งเดียว ชั้นประวัติศาสตร์ที่ผู้เขียนสนใจก็เห็นได้ชัดในฉากแรกเช่นกัน: หากเราคำนึงถึงรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ของลุคแล้วผู้อ่านสามารถติดตามเส้นทางของมนุษย์ได้ตั้งแต่ต้นกำเนิดจนถึงนักเขียนบทละครสมัยใหม่ในขณะนั้นจนถึงจุดเริ่มต้น ของศตวรรษที่ 20 อีกชั้นหนึ่ง ด้านสังคมและศีลธรรมนั้นชัดเจนในการกระทำครั้งแรก: กอร์กีตรวจสอบมนุษย์ในความหลากหลายของการแสดงออกของเขา: จากนักบุญไปจนถึงผู้ที่พบว่าตัวเอง "อยู่ที่ก้นบึ้ง" ของชีวิต

มนุษย์! มันเยี่ยมมาก!
M. Gorky
ละครเรื่อง "At the Bottom" เกิดขึ้นจากการสังเกตในวงกว้างและการค้นหาเชิงปรัชญาของนักเขียน
การแสดงสามครั้งแรกของละครคือการต่อสู้ของลุคเพื่อวิญญาณที่ถูกโยนลงสู่ก้นบึ้ง ลุคดึงดูดผู้คนด้วยภาพลวงตาของความสุขในอนาคต มายาแห่งความสุขที่เข้าถึงได้ การสังหาร Kostylev เมื่อสิ้นสุดองก์ที่สามและเหตุการณ์ที่ตามมาขององก์ที่สี่ถือเป็นจุดเปลี่ยนในการพัฒนาบทละคร: บทสรุปเริ่มต้นขึ้น ชีวิตได้ทดสอบความถูกต้องของทฤษฎีการรักษาความเท็จ การทำงานหนัก ความหิวโหย การเร่ร่อน การเมาสุรา โรคที่รักษาไม่หาย ทั้งหมดนี้นำไปสู่ความสิ้นหวังที่กดขี่ ความโกรธเกรี้ยวกราดและการฆ่าตัวตาย - เป็นผลตามธรรมชาติของภาพลวงตาที่หายไป
องก์ที่สี่เผยให้เห็นผลลัพธ์ที่ร้ายแรงของประสบการณ์ดังกล่าว เนื่องจากในคำพูดของซาติน "ชายชราทำให้เพื่อนร่วมห้องของเราเสียเปรียบ" คนจรจัดคิดว่า: "จะอยู่อย่างไร" บารอนแสดงสภาพทั่วไปของเขาโดยยอมรับว่าเขา "ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย" มาก่อน "ใช้ชีวิตเหมือนอยู่ในความฝัน" เขาคิดในใจ: "... ด้วยเหตุผลบางอย่างฉันเกิดมา ... " ความสับสนเดียวกันนี้ผูกมัดทุกคน บรรยากาศของการสื่อสารไม่เหมือนครั้งก่อนเลย คนฟังกัน. นักเขียนบทละครต่อต้านปรัชญาของการปลอบโยนและ "ความจริง" ที่ย่ำแย่เล็กน้อยด้วยแนวคิดเรื่องความจริงที่รุนแรงและยิ่งใหญ่ มันถูกแสดงโดย Satine ปกป้องลูก้าในตอนแรก โดยปฏิเสธว่าเขาคือผู้หลอกลวงโดยเจตนา คนเจ้าเล่ห์ ซาตินจึงบุกโจมตี - โจมตีปรัชญาเท็จของชายชรา ซาตินพูดว่า:“ เขาโกหก ... แต่ - นี่เป็นเพราะคุณ ... มีเรื่องโกหกที่ปลอบโยนการโกหกที่ประนีประนอม ... ฉัน - ฉันรู้เรื่องโกหก! ใครกันแน่ที่อ่อนแอในจิตใจ ... และอาศัยอยู่ในน้ำผลไม้ของคนอื่น - ความต้องการเหล่านั้นอยู่ ... บางอย่างสนับสนุน อื่น ๆ ซ่อนอยู่ข้างหลัง ... และใครเป็นเจ้านายของเขาเอง ... ที่เป็นอิสระและไม่กินใคร อื่น ๆ - ทำไมเขาต้องโกหก? การโกหกเป็นศาสนาของทาสและนาย ... ความจริงคือพระเจ้าของชายอิสระ!” ซาตินสรุป: “ทุกอย่างอยู่ในคน ทุกอย่างมีไว้สำหรับคน! มีเพียงผู้ชายเท่านั้น ที่เหลือเป็นฝีมือของมือและสมองของเขา!”
เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดจริงจังในที่พักพิงรู้สึกเจ็บปวดเนื่องจากเสียชีวิต การมาถึงของ Bubnov ตอกย้ำความประทับใจนี้ “ผู้คนอยู่ที่ไหน? - เขาอุทานและเชิญ ... ร้องเพลง ... ตลอดทั้งคืนเพื่อร้องไห้ให้กับชะตากรรมอันน่าอับอายของเขา " นั่นคือเหตุผลที่ซาตินตอบสนองต่อข่าวการฆ่าตัวตายของนักแสดงด้วยคำพูดที่รุนแรง: "เอ๊ะ ... เพลงเจ๊ง ... ไอ้โง่!"
คุณลักษณะที่แปลกประหลาดในการพัฒนาการกระทำของละครคือละครเรื่องนี้ช่วยให้คาดเดาเหตุการณ์ต่อไปในชีวิตของวีรบุรุษได้โดยใช้คำใบ้อย่างรอบคอบ ผู้เขียนไม่ได้มุ่งมั่นในสถานการณ์ที่น่าตื่นเต้น ความสัมพันธ์ของผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงที่มีความตึงเครียดทั้งหมดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้จากสภาพความเป็นอยู่ของ "ก้น" ไม่มีอะไรผิดปกติในพวกเขา
ในองก์ที่สี่ จุดจบอันน่าสลดใจของนักแสดงคาดเดาได้แล้วก่อนที่บารอนจะประกาศสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนรกร้าง การเสียชีวิตของนักแสดงซึ่งเกิดจากความปรารถนาในชีวิตที่ผ่านมาเป็นหลัก ซึ่งเขาเข้าใจ ไม่มีการหวนกลับ ถูกเร่งด้วยความหวังที่น่าสงสัย ความคิดที่ว่านักแสดงจะตายนั้นเกิดขึ้นจากทั้งคำพูดกลอนที่เขาเปล่งออกมาและจดหมายฆ่าตัวตายที่ขอให้เขาอธิษฐานเผื่อเขา
เหตุการณ์ในชีวิตของตัวละครหลายตัวในละครได้สรุปไว้ในงาน ยกตัวอย่าง Tick และติดตามชะตากรรมของเขาตั้งแต่ฉากแรกถึงฉากที่สี่ ในฉากแรก เขายังคงพยายามที่จะลุกขึ้นจาก "จุดต่ำสุด" ซึ่งการว่างงานทำให้เขา: "ฉันจะออกไป... ฉันจะฉีกผิวหนังของฉัน แต่ฉันจะออกไป" ในการดำเนินการที่สอง เห็บอยู่ในสภาวะสับสน: ไม่มีเงินสำหรับงานศพของภรรยาของเขา และแน่นอน "เขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไรตอนนี้" ในองก์ที่สี่ เขาได้รับมือกับสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว: การต่อสู้เป็นไปไม่ได้ ชะตากรรมในอนาคตจะชัดเจน
ในองก์ที่สี่ เนื้อเรื่องของความสัมพันธ์ของเหล่าฮีโร่ได้รับการพัฒนาต่อไป และบางส่วนกำลังจะหมดลง ตัวอย่างเช่น สายงานของช่างทำกุญแจ Klesh ที่ตกงานและจมลงสู่ก้นบึ้ง มาถึงจุดจบที่สมเหตุสมผล
องก์ที่สี่จบลงด้วยบทพูดคนเดียวของ Satin ที่ดึงดูดใจให้ "เคารพมนุษย์" "อย่าเสียใจอย่าทำให้เขาอับอาย ... ด้วยความสงสาร ... " คนเดียวนี้เป็นคำประกาศของผู้เขียน มีความคิดมากมายเกี่ยวกับชีวิตของกอร์กี้
แทบไม่มีบทสนทนาในการดำเนินการขั้นสุดท้าย ทุกคนมีส่วนร่วมในการสนทนา เราสามารถพูดได้ว่านี่เป็นบทสนทนาแบบโพลีโฟนิก
องก์ที่สี่เต็มไปด้วยคำพังเพยซึ่งบางอันกลายเป็นคำขวัญ: "มนุษย์คือความจริง!" บุคคล "
ชื่อ "At the Bottom" ให้ความรู้สึกถึงการพูดน้อยเกินไป ฉันแค่อยากใส่จุดไข่ปลา "ที่ด้านล่าง" ของอะไร? มันเป็นเพียงชีวิต? บางทีวิญญาณด้วย? ใช่ ความหมายนี้มีความสำคัญยิ่ง
สรุปการวิเคราะห์บทที่สี่ของบทละคร "At the Bottom" ของ M. Gorky เราสามารถพูดได้ว่าผู้เขียนได้แสดงให้เห็นตลอดเหตุการณ์ที่ปลอบโยนและแม้แต่ความเห็นอกเห็นใจไม่ได้เปลี่ยนชีวิต ตอนจบของการดำรงอยู่ของคนที่เชื่อเรื่องโกหกที่มั่นใจได้พูดถึงสิ่งนี้อย่างชัดเจน: การฆ่าตัวตายของนักแสดง, การตายของแอช, การหายตัวไปของนาตาชา, ความสิ้นหวังของนัสยาคือคำตอบของเรื่องราวเกี่ยวกับ "ดินแดนแห่งพันธสัญญา" นั่นคือ " เตรียมไว้สำหรับพวกเขา"

การวิเคราะห์การแสดงครั้งแรกของละคร A.M. Gorky เรื่อง "At the Bottom"

แต่แล้วฮีโร่ก็พูดและ ...

- ... ฉันพูด - ผู้หญิงอิสระผู้เป็นที่รักของเธอ ... (Kvashnya)

เมื่อวานใครตีฉัน? และทำไมพวกเขาถึงตี? (ซาติน)

"แมคโครไบโอติกส์ ... ฮะ!"

ทำงาน? ทำให้งานของฉันน่าพอใจ - บางทีฉันอาจจะทำงาน ใช่! (ซาติน)

คุณมีสติสัมปชัญญะหรือไม่? (เถ้า)

1) - พวกเขา เศษกระดาษ-แค่นั้นเอง- ล้วนไร้ค่า

"ไม่มีชายคนหนึ่งไม่มีชื่อ" - การเปิดตัวนักแสดงในองก์ที่สอง

งานที่ซับซ้อนมากถูกสร้างขึ้นโดย Maxim Gorky “ที่ก้นบึ้ง” บทสรุปที่ไม่สามารถถ่ายทอดเป็นวลีสองสามวลีได้ ทำให้เกิดการไตร่ตรองทางปรัชญาเกี่ยวกับชีวิตและความหมายของชีวิต รูปภาพที่เขียนอย่างระมัดระวังช่วยให้ผู้อ่านมีมุมมอง แต่เช่นเคย ขึ้นอยู่กับเขาที่จะตัดสินใจ

โครงเรื่องละครดัง

การวิเคราะห์ "At the Bottom" (Gorky M. ) เป็นไปไม่ได้หากไม่มีความรู้เกี่ยวกับโครงเรื่อง หัวข้อทั่วไปที่ดำเนินไปตลอดทั้งงานคือข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความสามารถของมนุษย์และตัวเขาเอง การดำเนินการเกิดขึ้นในที่พักพิงของ Kostylevs - สถานที่ที่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะลืมไปแล้วซึ่งถูกตัดขาดจากโลกที่ศิวิไลซ์ของผู้คน ผู้อยู่อาศัยที่นี่แต่ละคนสูญเสียความผูกพันทางอาชีพ สังคม สังคม จิตวิญญาณ และครอบครัวไปนานแล้ว เกือบทั้งหมดถือว่าตำแหน่งของตนไม่ปกติ จึงไม่เต็มใจที่จะรู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนบ้าน ความขมขื่น ความชั่วร้ายบางอย่าง เมื่อถึงจุดต่ำสุดแล้ว ตัวละครจะมีจุดยืนในชีวิตของตัวเอง พวกเขารู้แต่ความจริงของตัวเองเท่านั้น สิ่งใดสามารถช่วยพวกเขาได้หรือพวกเขาสูญเสียจิตวิญญาณให้กับสังคมหรือไม่?

"At the Bottom" (Gorky): วีรบุรุษแห่งงานและตัวละครของพวกเขา

ในการโต้เถียงที่กำลังดำเนินอยู่ตลอดการเล่น ตำแหน่งชีวิตสามตำแหน่งมีความสำคัญเป็นพิเศษ: ลุค บุบโนวา และซาติน่า พวกเขาทั้งหมดต่างกันในโชคชะตาและชื่อของพวกเขาก็เป็นสัญลักษณ์เช่นกัน

ลุคถือเป็นวิธีที่ยากที่สุด เป็นตัวละครของเขาที่กระตุ้นความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ดีกว่า - ความเห็นอกเห็นใจหรือความจริง และเป็นไปได้ไหมที่จะใช้คำโกหกในนามของความเมตตาเหมือนตัวละครตัวนี้? การวิเคราะห์อย่างละเอียดของ At the Bottom (Gorky) แสดงให้เห็นว่าลุคเป็นตัวเป็นตนที่มีคุณภาพในเชิงบวกอย่างแม่นยำ มันบรรเทาความตายของแอนนา ให้ความหวังกับนักแสดงและแอช อย่างไรก็ตาม การหายตัวไปของฮีโร่นำพาผู้อื่นไปสู่หายนะที่อาจไม่เกิดขึ้น

Bubnov เป็นผู้ตายโดยธรรมชาติ เขาเชื่อว่าบุคคลไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ และชะตากรรมของเขาถูกกำหนดจากเบื้องบนโดยพระประสงค์ของพระเจ้า สถานการณ์และกฎหมาย ฮีโร่ตัวนี้ไม่แยแสต่อผู้อื่นต่อความทุกข์ทรมานรวมถึงตัวเขาเอง เขาไปตามกระแสน้ำและไม่พยายามจะขึ้นฝั่ง ดังนั้นผู้เขียนจึงเน้นย้ำถึงอันตรายของลัทธิความเชื่อดังกล่าว

เมื่อวิเคราะห์ "At the Bottom" (Gorky) ควรให้ความสนใจกับ Satin ซึ่งเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าบุคคลนั้นเป็นเจ้านายแห่งโชคชะตาของเขาเองและทุกอย่างเป็นฝีมือของเขา

อย่างไรก็ตาม ในการเทศนาถึงอุดมคติอันสูงส่ง ตัวเขาเองนั้นเฉียบแหลม ดูถูกผู้อื่น ปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่โดยไม่ได้ทำงาน ฉลาด มีการศึกษา แข็งแกร่ง ตัวละครตัวนี้สามารถหลุดพ้นจากหล่มได้ แต่ไม่อยากทำ ชายอิสระของเขาซึ่งในคำพูดของซาตินเอง "ฟังดูภาคภูมิใจ" กลายเป็นอุดมการณ์แห่งความชั่วร้าย

แทนที่จะได้ข้อสรุป

เป็นมูลค่าการพิจารณาว่า Satin และ Luka เป็นวีรบุรุษที่จับคู่กัน ชื่อของพวกเขาเป็นสัญลักษณ์และไม่ได้ตั้งใจ ประการแรกเกี่ยวข้องกับมารซาตาน ประการที่สองแม้จะมีที่มาของชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิลก็ยังทำหน้าที่ชั่วร้าย สรุปการวิเคราะห์ At the Bottom (Gorky) ฉันต้องการทราบว่าผู้เขียนต้องการบอกกับเราว่าความจริงสามารถช่วยโลกได้ แต่ความเห็นอกเห็นใจมีความสำคัญไม่น้อย อยู่ที่ผู้อ่านจะเลือกตำแหน่งที่เหมาะกับเขา อย่างไรก็ตาม คำถามของบุคคลและความสามารถของเขายังคงเปิดกว้างอยู่

วิเคราะห์บทละครโดย A.M. Gorky "At the Bottom"
บทละคร "At the Bottom" ของ Gorky เขียนขึ้นในปี 2445 สำหรับคณะละครมอสโกอาร์ตสาธารณะ เป็นเวลานาน Gorky ไม่พบชื่อที่แน่นอนของการเล่น ในขั้นต้น มันถูกเรียกว่า "บ้านเล็ก" จากนั้น "ไร้ดวงอาทิตย์" และสุดท้าย "ที่ก้นบึ้ง" ชื่อตัวเองมีความหมายมาก คนที่ตกสู่ก้นบึ้งจะไม่มีวันลุกขึ้นสู่แสงสว่าง สู่ชีวิตใหม่ หัวข้อของความอับอายขายหน้าและดูถูกไม่ใช่เรื่องใหม่ในวรรณคดีรัสเซีย ให้เราระลึกถึงวีรบุรุษของดอสโตเยฟสกีที่ "ไม่มีที่อื่นให้ไป" ด้วย ความคล้ายคลึงกันมากมายสามารถพบได้ในฮีโร่ของ Dostoevsky และ Gorky: นี่คือโลกใบเดียวกันของพวกขี้เมา โจร โสเภณี และแมงดา มีเพียงเขาเท่านั้นที่ Gorky วาดภาพได้น่ากลัวและสมจริงยิ่งขึ้น
ในการเล่นของ Gorky ผู้ชมได้เห็นโลกที่ไม่คุ้นเคยของผู้ถูกปฏิเสธเป็นครั้งแรก ความจริงที่โหดร้ายและไร้ความปราณีเกี่ยวกับชีวิตของชนชั้นล่างในสังคมเกี่ยวกับชะตากรรมที่สิ้นหวังของพวกเขา ละครโลกยังไม่เป็นที่รู้จัก ใต้ห้องนิรภัยของที่พักพิง Kostylevo มีผู้คนที่มีลักษณะและสถานะทางสังคมที่หลากหลายที่สุด แต่ละคนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง นี่คือคนงาน Tick ที่ใฝ่ฝันถึงการทำงานที่ซื่อสัตย์ และ Ashes ที่ปรารถนาชีวิตที่ถูกต้อง และนักแสดงคนนี้ต่างก็ซึมซับความทรงจำของความรุ่งโรจน์ในอดีตของเขา และ Nastya ที่มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าเพื่อความรักที่ยิ่งใหญ่และแท้จริง พวกเขาทุกคนสมควรได้รับชะตากรรมที่ดีขึ้น สถานการณ์ของพวกเขาตอนนี้น่าเศร้ายิ่งกว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในห้องใต้ดินที่เหมือนถ้ำแห่งนี้เป็นเหยื่อที่น่าเศร้าของระเบียบที่น่าเกลียดและโหดร้ายซึ่งบุคคลนั้นเลิกเป็นมนุษย์และถึงวาระที่จะลากชีวิตที่น่าสังเวชออกไป
Gorky ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวประวัติของวีรบุรุษของละครเรื่องนี้ แต่ถึงแม้คุณลักษณะบางอย่างที่เขาทำซ้ำก็เผยให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้เขียนได้อย่างสมบูรณ์แบบ โศกนาฏกรรมชีวิตของแอนนาได้อธิบายไว้สองสามคำ “ ฉันจำไม่ได้ว่าอิ่มเมื่อไหร่” เธอกล่าว “ ฉันเขย่าขนมปังทุกชิ้น ... ฉันตัวสั่นตลอดชีวิต ... ฉันถูกทรมาน ... ราวกับว่าฉันไม่สามารถกินอย่างอื่นได้ หนึ่ง ... ตลอดชีวิตของฉันฉันเดินอยู่ในผ้าขี้ริ้ว ... ชีวิตที่ไม่มีความสุขทั้งหมดของฉัน ... "คนงาน Tick พูดถึงเรื่องสิ้นหวังของเขา:" ไม่มีงาน ... ไม่มีกำลัง ... นั่นคือความจริง! ไม่มี ที่ลี้ภัยไม่มีที่พึ่ง! คุณต้องตาย ... นั่นคือความจริง! "
ชาว "ก้นบึ้ง" ถูกไล่ออกจากชีวิตเนื่องจากสภาพการณ์ในสังคม มนุษย์ถูกทิ้งให้อยู่กับตัวเอง ถ้าเขาสะดุดล้ม หลุดพ้นจากร่องลึก เขาต้องเผชิญกับ "ก้นบึ้ง" ศีลธรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และบ่อยครั้งที่ความตายทางร่างกาย แอนนาเสียชีวิต นักแสดงฆ่าตัวตาย และที่เหลือก็หมดแรง เสียโฉมด้วยชีวิตจนถึงระดับสุดท้าย
และแม้แต่ที่นี่ ในโลกอันน่าสยดสยองของผู้ถูกขับไล่ กฎหมาป่าของ "ก้นบึ้ง" ยังคงดำเนินต่อไป ร่างของเจ้าของหอพัก Kostylev หนึ่งใน "เจ้าแห่งชีวิต" ที่พร้อมจะบีบเงินสุดท้ายแม้จากแขกที่โชคร้ายและเสียเปรียบของเขานั้นน่าขยะแขยง วาซิลิซาภรรยาของเขาก็น่ารังเกียจพอๆ กับการผิดศีลธรรมของเธอ
ชะตากรรมอันน่าสยดสยองของผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงนั้นชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราเปรียบเทียบกับสิ่งที่บุคคลถูกเรียก ภายใต้โค้งอันมืดมิดและมืดมนของบ้านค้างคืน ท่ามกลางคนจรจัดที่ทุพพลภาพและพิการ ไม่มีความสุข และไร้ที่อยู่อาศัย ถ้อยคำเกี่ยวกับมนุษย์ เกี่ยวกับอาชีพของเขา เกี่ยวกับความแข็งแกร่งและความงามของเขาฟังดูเหมือนเพลงสวดที่เคร่งขรึม: "มนุษย์คือความจริง! อยู่ในมนุษย์ ทุกสิ่งมีไว้สำหรับมนุษย์ มีเพียงผู้ชายเท่านั้น ที่เหลือเป็นฝีมือของมือและสมองของเขา! ผู้ชาย! เยี่ยมมาก! ฟังดูน่าภาคภูมิใจ!"
คำพูดที่น่าภาคภูมิใจเกี่ยวกับสิ่งที่บุคคลควรเป็นและสิ่งที่บุคคลสามารถเป็นได้ ยิ่งทำให้ภาพสถานการณ์จริงของบุคคลที่ผู้เขียนวาดภาพนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น และความคมชัดนี้มีความหมายพิเศษ ... บทพูดคนเดียวที่ร้อนแรงของ Satin เกี่ยวกับบุคคลนั้นฟังดูค่อนข้างไม่เป็นธรรมชาติในบรรยากาศที่มืดมิดที่ไม่อาจผ่านเข้าไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ลูก้าจากไป นักแสดงก็แขวนคอตาย และ Vaska Ash ถูกจำคุก ผู้เขียนเองรู้สึกเช่นนี้และอธิบายสิ่งนี้ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าบทละครควรมีเหตุผล (เลขชี้กำลังของความคิดของผู้เขียน) แต่วีรบุรุษที่ Gorky บรรยายนั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นโฆษกของความคิดของใครก็ตามโดยทั่วไป ดังนั้น Gorky จึงใส่ความคิดของเขาเข้าไปในปากของ Satin ซึ่งเป็นตัวละครที่รักอิสระและยุติธรรมที่สุด

การวิเคราะห์การแสดงครั้งแรกของละคร A.M. Gorky เรื่อง "At the Bottom"

แต่แล้วฮีโร่ก็พูดและ ...

- ... ฉันพูด - ผู้หญิงอิสระผู้เป็นที่รักของเธอ ... (Kvashnya)

เมื่อวานใครตีฉัน? และทำไมพวกเขาถึงตี? (ซาติน)

"แมคโครไบโอติกส์ ... ฮะ!"

ทำงาน? ทำให้งานของฉันน่าพอใจ - บางทีฉันอาจจะทำงาน ใช่! (ซาติน)

คุณมีสติสัมปชัญญะหรือไม่? (เถ้า)

1) - พวกเขา เศษกระดาษ-แค่นั้นเอง- ล้วนไร้ค่า

"ไม่มีชายคนหนึ่งไม่มีชื่อ" - การเปิดตัวนักแสดงในองก์ที่สอง

ละครเรื่อง At the Bottom เขียนโดย M. Gorky ในปี 1902 หนึ่งปีก่อนที่จะเขียนบทละคร Gorky กล่าวถึงแนวคิดเรื่องการเล่นใหม่: "มันจะน่ากลัว" สำเนียงเดียวกันนี้ได้รับการเน้นย้ำในชื่อที่เปลี่ยนไป: "Without the Sun", "Little House", "Bottom", "At the Bottom of Life" ชื่อ "At the Bottom" ปรากฏครั้งแรกบนโปสเตอร์ของ Moscow Art Theatre ผู้เขียนไม่ได้แยกแยะสถานที่ดำเนินการ - "ที่พักพิง" ไม่ใช่ธรรมชาติของสภาพความเป็นอยู่ - "ปราศจากดวงอาทิตย์" "ก้นบึ้ง" ไม่แม้แต่ตำแหน่งทางสังคม - "ที่ด้านล่างของชีวิต" ชื่อสุดท้ายผสมผสานแนวคิดทั้งหมดเหล่านี้และปล่อยให้มีที่ว่างสำหรับการไตร่ตรอง: ที่ "ด้านล่าง" ของอะไร มันเป็นเพียงชีวิตหรือบางทีอาจจะเป็นจิตวิญญาณ? ดังนั้นการเล่น At the Bottom จึงมีการกระทำคู่ขนานกันสองอย่าง อย่างแรกคือสังคมและทุกวัน อย่างที่สองคือเชิงปรัชญา

หัวข้อด้านล่างไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับวรรณคดีรัสเซีย: Gogol, Dostoevsky, Gilyarovsky กล่าวถึงเรื่องนี้ Gorky เองเขียนเกี่ยวกับบทละครของเขาดังนี้:“ มันเป็นผลมาจากการสังเกตโลกของ“ อดีต” เกือบยี่สิบปีของฉันในหมู่คนที่ฉันเห็นไม่เพียง แต่คนเร่ร่อนผู้อยู่อาศัยในที่พักพิงและโดยทั่วไปแล้ว“ ชนชั้นกรรมาชีพ” ” แต่ยังรวมถึงปัญญาชนบางคนด้วย” ล้างอำนาจแม่เหล็ก "ผิดหวัง ขุ่นเคือง และอับอายขายหน้าจากความล้มเหลวในชีวิต"

ผู้เขียนปลอบผู้ชมและผู้อ่านว่าเบื้องหน้าเขาคือจุดต่ำสุดของชีวิต โลกที่ความหวังของบุคคลในชีวิตมนุษย์ควรจะจางหายไป การดำเนินการครั้งแรกเกิดขึ้นในที่พักพิงของ Kostylev ม่านเปิดขึ้นและบรรยากาศที่น่าหดหู่ของชีวิตขอทานก็เกิดขึ้นทันที: "ห้องใต้ดินเป็นเหมือนถ้ำ เพดานเป็นหินหนัก มีควัน ปูนฉาบร่วน แสง - จากผู้ชมและจากบนลงล่าง - จากหน้าต่างสี่เหลี่ยมทางด้านขวา ... ตรงกลางของที่พักพิงมีโต๊ะขนาดใหญ่ ม้านั่งสองตัว เก้าอี้สตูล ทุกอย่างทาสี สกปรก ... “ในสภาพที่น่าสยดสยองและไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน ถูกขับออกจากสถานการณ์ต่าง ๆ จากชีวิตมนุษย์ปกติ นี่คือคนงาน Mite และขโมย Ash และอดีตนักแสดงและผู้ขายเกี๊ยว Kvashnya และหญิงสาว Nastya และหมวกของ Bubnov และ Satin - "อดีต" ทั้งหมด แต่ละคนมีเรื่องราวที่น่าทึ่งของตัวเอง แต่พวกเขาทั้งหมดมีชะตากรรมเดียวกัน: ปัจจุบันนั้นแย่มากสำหรับแขกของที่พักพิง พวกเขาไม่มีอนาคต สำหรับผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ สิ่งที่ดีที่สุดคืออดีต นี่คือสิ่งที่ Bubnov พูดเกี่ยวกับอดีตของเขา: “ ฉันเป็นคนขนยาว ... ฉันมีสถานประกอบการของตัวเอง ... มือของฉันเป็นสีเหลืองมาก - จากสี: ฉันย้อมสีขน - พี่ชายของฉันมือของฉันเป็นสีเหลือง - จนถึง ข้อศอก! ฉันคิดว่าฉันจะไม่ล้างมันจนกว่าจะตาย ... ดังนั้นด้วยมือสีเหลืองและตาย ... และตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่มือ ... สกปรก ... ใช่!" นักแสดงชอบจดจำอดีตของเขา วิธีที่เขาเล่นเป็นคนขุดหลุมศพในแฮมเล็ต ชอบพูดคุยเกี่ยวกับศิลปะ: “ฉันบอกว่าพรสวรรค์ นั่นคือสิ่งที่ฮีโร่ต้องการ และพรสวรรค์คือศรัทธาในตัวเองในความแข็งแกร่งของตัวเอง ... "ช่างทำกุญแจ Kleshch พูดเกี่ยวกับตัวเอง:" ฉันเป็นคนทำงาน ... ฉันละอายใจที่จะมองดูพวกเขา ... ฉันทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย .. . " ชะตากรรมชีวิตของแอนนา: “ ฉันจำไม่ได้ - เมื่อฉันอิ่ม ... ฉันเขย่าขนมปังทุกชิ้น ... ตลอดชีวิตฉันตัวสั่น ... ฉันถูกทรมาน ชีวิตที่ไม่มีความสุขของฉัน .. ” เธออายุเพียง 30 ปี และเธอป่วยหนัก กำลังจะตายด้วยวัณโรค

เตียงนอนมีทัศนคติต่อตำแหน่งของตนต่างกัน บางคนยอมจำนนต่อชะตากรรมของพวกเขาเพราะพวกเขาเข้าใจว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ ตัวอย่างเช่น นักแสดง. เขาพูดว่า:“ เมื่อวานนี้ในโรงพยาบาลหมอพูดกับฉัน: ร่างกายของคุณเขาพูดถูกพิษด้วยแอลกอฮอล์อย่างสมบูรณ์ ... ” คนอื่น ๆ เช่นเห็บเชื่อมั่นอย่างแน่นหนาว่าด้วยการทำงานที่ซื่อสัตย์เขาจะฟื้นจาก“ ก้น” แล้วกลายเป็นผู้ชาย: “ ... คิดว่าฉันจะไม่ออกไปจากที่นี่เหรอ? ฉันจะออกไป ... ฉันจะฉีกผิวของฉัน แต่ฉันจะออกไป ... "

บรรยากาศที่มืดมนของที่พักพิง, ความสิ้นหวังของสถานการณ์, ระดับความยากจน - ทั้งหมดนี้เป็นรอยประทับบนผู้อยู่อาศัยในที่พักพิง, เกี่ยวกับทัศนคติที่มีต่อกันและกัน หากเราหันไปที่บทสนทนาของการกระทำครั้งที่ 1 เราจะเห็นบรรยากาศของความเป็นศัตรู ความใจร้อน และความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ทั้งหมดนี้สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดของที่พักพิงข้อพิพาทเกิดขึ้นทุกนาที เมื่อมองแวบแรก สาเหตุของข้อพิพาทเหล่านี้เป็นแบบสุ่มโดยสมบูรณ์ แต่แต่ละเหตุผลล้วนเป็นหลักฐานของความแตกแยก การขาดความเข้าใจซึ่งกันและกันของตัวละคร ดังนั้น Kvashnya ยังคงมีข้อพิพาทที่ไร้ประโยชน์กับ Kleshch ซึ่งเริ่มอยู่เบื้องหลัง: เธอปกป้องสิทธิ์ใน "เสรีภาพ" ของเธอ ("ฉันเป็นผู้หญิงอิสระ นายหญิงของฉัน และใครบางคนในหนังสือเดินทางพอดี ฉันจึงมอบตัวเองให้กับชายในป้อมปราการ - ไม่! แต่ถึงแม้เขาจะเป็นเจ้าชายอเมริกัน ฉันก็จะไม่คิด แต่งงานกับเขา") ติ๊กตัวเองถูกกีดกันจากแอนนาภรรยาที่ป่วยยาวและป่วยหนักตลอดเวลา บางครั้งเขาก็พูดจาหยาบคายใส่แอนนาว่า "ไม่มีอะไรหรอก เธอลุกขึ้นเถอะ มันเกิดขึ้นแล้ว" "เดี๋ยวก่อน ... ภรรยาของคุณตาย" เกี่ยวกับ "ความรักที่ถึงตาย" การกระทำของเขาที่มีต่อเธอ: "... ฉกหนังสือจาก Nastya อ่านชื่อ ... หัวเราะ ... ตี Nastya บนหัวด้วยหนังสือ ... นำหนังสือออกจาก Nastya" เป็นพยานถึงความปรารถนาของบารอนที่จะขายหน้า Nastya ในสายตาของคนรอบข้าง คำรามไม่เกรงกลัวใคร ผ้าซาตินที่หลับใหลหลังจากมึนเมาตามปกติ นักแสดงพูดซ้ำประโยคเดิมซ้ำๆ ว่าร่างกายของเขาถูกวางยาพิษด้วยแอลกอฮอล์ หอพักมีการทะเลาะวิวาทกันเองอย่างต่อเนื่อง การใช้คำศัพท์ที่ไม่เหมาะสมเป็นบรรทัดฐานสำหรับการสื่อสารระหว่างกัน: "เงียบซะ เจ้าหมาเฒ่า!" (ติ๊ก), "คุณวิญญาณที่ไม่สะอาด ... " (Kvashnya), "วายร้าย" (ซาติน), "ปีศาจเฒ่า! .. ลงนรก!" (แอช) และคนอื่นๆ แอนนาหยุดพักและถามว่า “วันนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว! เพื่อเห็นแก่พระเจ้า ... อย่าตะโกน ... อย่าสาบาน!”

ในฉากแรก Mikhail Ivanovich Kostylev เจ้าของที่พักพิงก็ปรากฏตัวขึ้น เขามาเพื่อตรวจสอบว่าแอชกำลังซ่อนวาซิลิซ่าภรรยาสาวของเขาอยู่หรือไม่ จากคำพูดแรก ลักษณะหน้าซื่อใจคดและหลอกลวงของตัวละครตัวนี้ปรากฏขึ้น เขาพูดกับ Tick: "คุณใช้พื้นที่จากฉันเท่าไหร่ในหนึ่งเดือน ... และฉันจะโยนเงินครึ่งหนึ่งให้คุณ - ฉันจะซื้อน้ำมันในตะเกียง ... และการเสียสละของฉันจะถูกเผาต่อหน้า ของไอคอนศักดิ์สิทธิ์ ... " กล่าวถึงความเมตตาเขาเตือนผู้ทำหน้าที่: "ความเมตตาเป็นตาเหนือพรทั้งหมด และหนี้ของคุณที่มีต่อฉันก็แค่นั้น! ดังนั้นคุณเป็นหนี้ฉันเงินคืน ... ” Kostylev ซื้อสินค้าที่ถูกขโมย (เขาซื้อนาฬิกาจาก Ash) แต่เขาไม่ได้ให้เงินแก่ Ash เต็มจำนวน

ด้วยการกำหนดคำพูดของฮีโร่ให้เป็นรายบุคคล Gorky สร้างร่างที่มีสีสันของชาว "ก้น" Bubnov มาจากก้นบึ้งของสังคมดังนั้นความโน้มเอียงของเขาที่มีต่อสุภาษิตและคำพูดจึงเป็นที่เข้าใจได้ ตัวอย่างเช่น "และใครที่เมาและฉลาด - มีสองดินแดนในนั้น" Satin ชอบเล่นด้วยวาจา ใช้คำต่างประเทศในการพูด: "Organon ... sicambr, macrobiotnica, trajascendental ... " บางครั้งก็ไม่เข้าใจความหมาย คำพูดของคนหน้าซื่อใจคดและคนขี้โกงเงิน Kostylev เต็มไปด้วยคำว่า "เคร่งศาสนา": "ดี", "ดี", "บาป"

องก์แรกของงานชิ้นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจทั้งชิ้น ความอิ่มตัวของการกระทำนั้นแสดงออกในการปะทะกันของมนุษย์ ความปรารถนาของเหล่าฮีโร่ที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของ "ก้นบึ้ง" การปรากฏตัวของความหวัง ความรู้สึกที่เพิ่มขึ้นในผู้อยู่อาศัย "ก้นบึ้ง" ของความเป็นไปไม่ได้ ดำเนินชีวิตตามที่พวกเขามีชีวิตอยู่มาจนถึงขณะนี้ ทั้งหมดนี้เตรียมการปรากฏตัวของลุคพเนจร ผู้ซึ่งพยายามเสริมสร้างศรัทธาที่ลวงตานี้

ในบทละครของเขา "At the Bottom" เอ็ม. กอร์กีเปิดโลกใหม่ต่อหน้าผู้ชมซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อนบนเวทีรัสเซีย - ชั้นล่างของสังคม

มันเป็นข้อพิสูจน์ถึงความผิดปกติของระบบสังคมสมัยใหม่ ละครเรื่องนี้ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับสิทธิของระบบนี้ที่จะดำรงอยู่ และเรียกร้องให้มีการประท้วงและต่อสู้กับระบบที่ทำให้การดำรงอยู่ของ "จุดต่ำสุด" ดังกล่าวเป็นไปได้ นี่คือที่มาของความสำเร็จของละครเรื่องนี้ ซึ่งผู้ร่วมสมัยกล่าวว่าไม่มีคำหยาบ - มหึมาและยิ่งใหญ่ - สามารถวัดขนาดที่แท้จริงของความสำเร็จนี้ได้

ในปี พ.ศ. 2445 Gorky เขียนบทละคร "At the Bottom" ละครเรื่องนี้เป็นละครแนวปรัชญาและสังคม บทละครเกิดขึ้นในห้องใต้ดินเหมือนถ้ำที่ทุกอย่างสกปรกและชื้น ในห้องใต้ดินนี้มีผู้คนรวมตัวกันซึ่งดูเหมือนจะแตกต่างกัน แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกันโดยข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาไม่ต้องการใครและพวกเขาไม่มีอะไรเลย

แนวคิดหลักในละครเรื่องนี้คือข้อพิพาทเกี่ยวกับบุคคล จุดประสงค์ในชีวิตของเขา และเกี่ยวกับความจริงในชีวิต กอร์กีเผชิญหน้ากับปรัชญาสองประการในการเล่น - ปรัชญาของการปลอบโยน หรือการหลอกลวง และปรัชญาของการต่อสู้ ผู้ถือแนวคิดแรกคือลุค และคนที่สองคือซาติน ลุคเป็นคนแก่ที่เดินทางบ่อย เห็นอะไรมากมายในชีวิต ลุคมีอยู่ในความเมตตา ความอ่อนไหว ความเป็นมนุษย์ ความเสน่หา เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็น "ผู้รักษาจิตวิญญาณ" แต่ลุคพกความคิดเรื่องการหลอกลวงและความสงสารง่าย ๆ ติดตัวไปด้วย เป็นการปลอบโยนคนๆ หนึ่ง เขาจะไม่ทำอะไรเพื่อเขา ลูก้าช่วย Nastya ให้เชื่อในความรักที่ยิ่งใหญ่และประดิษฐ์ขึ้นซึ่งเธออาจไม่เคยมี เขาพูดกับนักแสดงเกี่ยวกับโรงพยาบาล แต่ไม่บอกทาง ลุคทำให้คนคนหนึ่งมีความหวังที่ว่างเปล่าสำหรับปาฏิหาริย์บางอย่าง แอนนาใจเย็นลง เขาบอกเธอว่าชีวิตหลังความตายของเธอจะสงบลง ซึ่งแอนนาตอบว่า: "ฉันอยากมีชีวิตอีกสักหน่อย!" เธอตกลงที่จะทนทุกข์เพียงเพื่อมีชีวิตอยู่ มีอะไรที่สวยงามกว่าชีวิตตัวเองหรือไม่? ปรัชญาของลุคทำให้คนผ่อนคลาย ทำให้เขาถ่อมตัว ลูกาเรียกเขาไปยังดินแดนที่สวยงามตามคำสัญญา แต่เขาไม่ได้บอกทาง

แน่นอน พูดไม่ได้ว่าคนไม่ต้องการลุคเลย ความใจดี ความอ่อนไหวของเขาก็เหมือนกัน แม้จำเป็นมาก แต่ความสงสารไม่เคยเกิดขึ้น โดยทั่วไปแล้ว ฉันคิดว่าคุณไม่ควรรู้สึกผิดต่อบุคคลใดๆ ความสงสารฆ่าพลังแห่งการต่อต้านปัญหาทั้งหมดในตัวเขา มันง่ายกว่าไหมสำหรับเราเมื่อพวกเขาสงสารเราในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก? แน่นอนไม่ แต่เมื่อเราได้รับการสนับสนุนโดยบอกว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไปและเราต้องก้าวไปข้างหน้าด้วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด มันก็จะง่ายขึ้นสำหรับเรา ที่จริงแล้วคุณรู้สึกว่าทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เลวและไม่ได้หายไปทั้งหมด

และนี่คือปรัชญาที่ Satin ปฏิบัติตาม ผู้ชายคนนี้ก็เหมือนกับตัวละครหลายๆ ตัวในละคร ที่จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของชีวิต แต่ไม่เหมือนคนอื่นๆ เขาไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถพูดคำที่ยิ่งใหญ่ได้: "มนุษย์เป็นอิสระ! เยี่ยมมาก! ฟังดู ... อย่างภาคภูมิใจ! เราต้องเคารพผู้ชายคนหนึ่ง!" ก่อนอื่น คุณต้องเคารพตัวเองและบังคับคนอื่นให้เคารพตัวเอง และสามารถทำได้ด้วยการทำงานเท่านั้น บุคคลไม่ควรตามกระแสแห่งชีวิต เขาต้องต่อสู้ "สร้าง" ชีวิตด้วยมือของเขาเอง จากความคิดของ Satin ชัดเจนว่าเขาจะไม่มีวันยอมรับความคิดของลุค และเกี่ยวกับลุคเองเขาพูดว่า: "นี่เป็นเศษเล็กเศษน้อยสำหรับคนไม่มีฟัน"

คำพูดของซาตินมีคำพูดของกอร์กีเอง ฉันเห็นด้วยกับคำพูดของเขา ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะให้เหตุผลตามที่เขาต้องการ แต่ความคิดของเขาไม่ควรทำร้ายคนอื่น ฉันคิดว่าความคิดของลุคไม่ดี แม้ว่าความเมตตาของเขาความไวและแม้แต่เรื่องโกหก แต่เพียงเพื่อให้เหตุผลหรือบันทึกบางสิ่งบางอย่างต้องการ แต่ด้วยความสงสารฉันไม่สามารถเห็นด้วย สำหรับฉันดูเหมือนว่าความจริงที่โหดร้ายและน่ากลัวซึ่งไม่ทิ้งความหวังที่ว่างเปล่าสามารถเลี้ยงดูคนให้ต่อสู้กับทุกคนที่ผูกมัดเขาไว้

ปัญหาและการทดสอบในหัวข้อ "การปรากฏตัวของลูก้าในฟลอปเฮาส์ การวิเคราะห์ฉากของฉากแรกของการเล่นโดย M. Gorky At the Bottom"

ตอนจบส่วนบุคคลของการผันกริยาที่หนึ่งและที่สองของกริยา - กริยาเป็นส่วนหนึ่งของคำพูดเกรด 4
คำสรรพนามบุรุษที่หนึ่งและสอง เอกพจน์และพหูพจน์ - สรรพนามเป็นส่วนหนึ่งของคำพูดเกรด 4
บทเรียน: 2 การบ้าน: 9 การทดสอบ: 1
พื้นฐานของคำ การแยกคำประกอบ การวิเคราะห์รูปแบบองค์ประกอบคำและการเลือกคำตามแบบจำลองเหล่านี้ - องค์ประกอบของคำว่าเกรด 3

"At the bottom" ของ M.Yu. Gorky

ประวัติการเล่น

พล็อตหลักของงาน

วิเคราะห์ผลงาน

ซาตินและลูก้า

ตัวละครอื่นๆ

ตัวละครหลัก

บทสรุป

โครงเรื่องละครดัง

"At the Bottom" (Gorky): วีรบุรุษแห่งงานและตัวละครของพวกเขา

แทนที่จะได้ข้อสรุป

ทางเลือกของบรรณาธิการ