อนุสาวรีย์ศิลปะวัฒนธรรมของรัสเซียโบราณ อนุสาวรีย์ทางสถาปัตยกรรมของรัสเซียโบราณอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรมหลักของรัสเซียโบราณ

หลัก / หย่า

มหาวิทยาลัยแห่งรัฐรัสเซีย I. กันต์

แผนกประวัติศาสตร์

อนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่ยังมีชีวิตอยู่ของ Ancient Rus XI - ต้นศตวรรษที่สิบสาม

การอ้างอิงประวัติศาสตร์

สำเร็จโดยนักศึกษาชั้นปีที่ 1

"ประวัติศาสตร์" พิเศษ

Dolotova Anastasia

คาลินินกราด

บทนำ

วัตถุประสงค์ของงานนี้คือการพิจารณาอนุสาวรีย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ของสถาปัตยกรรมรัสเซียโบราณเพื่อให้คำอธิบายสั้น ๆ

เมื่อเลือกอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมเพื่อรวมไว้ในข้อมูลอ้างอิงทางประวัติศาสตร์เกณฑ์หลักคือระดับการอนุรักษ์อาคารเนื่องจาก พวกเขาหลายคนลงมาหาพวกเราอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างมากและไม่ได้รักษารูปลักษณ์ดั้งเดิมของพวกเขาไว้หรือมีเพียงบางส่วนของพวกมัน

งานหลักของงาน:

ระบุจำนวนอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่เก็บรักษาไว้ของรัสเซียโบราณแห่ง XI - ต้นศตวรรษที่สิบสาม

อธิบายลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่พิเศษและเฉพาะเจาะจง

ประเมินชะตากรรมทางประวัติศาสตร์ของอนุสรณ์สถาน

วิหารเซนต์โซเฟีย (เคียฟ)

เวลาสร้าง: 1017-1037

วัดนี้อุทิศให้กับโซเฟีย - "ภูมิปัญญาของพระเจ้า" เป็นผลงานของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ - เคียฟ Hagia Sophia เป็นอาคารทางศาสนาหลักของ Kievan Rus ในช่วงเวลาของ Yaroslav the Wise เทคนิคการก่อสร้างและลักษณะทางสถาปัตยกรรมของมหาวิหารเป็นพยานว่าผู้สร้างเป็นชาวกรีกที่มาจากกรุงคอนสแตนติโนเปิล พวกเขาสร้างวิหารตามแบบจำลองและตามประเพณีของสถาปัตยกรรมไบแซนไทน์ของเมืองหลวงแม้ว่าจะมีการเบี่ยงเบนไปบ้างก็ตาม วิหารสร้างขึ้นโดยใช้เทคนิคการก่ออิฐแบบผสมผสาน: แถวของอิฐสี่เหลี่ยม (ฐาน) สลับกับแถวของหินจากนั้นจึงถูกเคลือบด้วยหินปูน - ปูนปลาสเตอร์ การตกแต่งภายในของเซนต์โซเฟียแห่งเคียฟนั้นบิดเบี้ยวน้อยลงและยังคงไว้ซึ่งการตกแต่งดั้งเดิมบางส่วน โมเสคและจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดได้รับการเก็บรักษาไว้ในวัด พวกเขายังทำโดยช่างฝีมือไบแซนไทน์ พบภาพกราฟฟิตีที่มีรอยขีดข่วนบนผนังของมหาวิหาร กราฟฟิตีประมาณสามร้อยชิ้นเป็นพยานถึงเหตุการณ์ทางการเมืองในอดีตพวกเขากล่าวถึงบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เฉพาะเจาะจง คำจารึกที่เก่าแก่ที่สุดทำให้นักวิจัยสามารถชี้แจงการออกเดทของการตกแต่งภายในโบสถ์ได้ โซเฟียกลายเป็นที่ฝังศพของเจ้าชายเคียฟ ที่นี่ฝังศพ Yaroslav the Wise ลูกชายของเขา Vsevolod ตลอดจนบุตรชายคนหลัง - Rostislav Vsevolodovich และ Vladimir Monomakh คำถามที่ว่าเหตุใดสมาชิกในครอบครัวเดียวกันจึงถูกฝังในคริสตจักรต่าง ๆ - ในโซเฟียและในทิ ธ - ไม่ได้รับคำตอบที่น่าเชื่อถือจากนักประวัติศาสตร์ วิหารเซนต์โซเฟียได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นวิหารหลักของ Kievan Rus และฐานที่มั่นของศาสนาคริสต์แห่งใหม่ เป็นเวลาหลายศตวรรษที่เซนต์โซเฟียแห่งเคียฟเป็นศูนย์กลางของนักบวชชาวรัสเซียทั้งหมดซึ่งเป็นจุดสำคัญของชีวิตทางการเมืองและวัฒนธรรมของประเทศ เดิมโซเฟียได้รับการสวมมงกุฎด้วยบทที่สิบสามสร้างโครงสร้างเสี้ยม วันนี้ทางวัดมี 19 บท ในสมัยโบราณหลังคาประกอบด้วยแผ่นตะกั่ววางบนห้องใต้ดิน ที่มุมวิหารเสริมด้วยก้น - รองรับแนวตั้งที่ด้านนอกของผนังซึ่งรับน้ำหนัก ด้านหน้าของมหาวิหารมีลักษณะเป็นใบมีดจำนวนมากซึ่งสอดคล้องกับการแบ่งพื้นที่ภายในด้วยเสาค้ำยัน ผนังด้านนอกของแกลเลอรีและเครื่องแต่งกายประดับประดาด้วยสิ่งแปลกใหม่มากมาย จากด้านตะวันตกตามประเพณีไบแซนไทน์วัดติดกันด้วยหอคอยบันไดสองแห่งที่นำไปสู่คณะนักร้องประสานเสียงและหลังคาแบน - gulbische ในระหว่างการให้บริการนักร้องประสานเสียงมีไว้สำหรับ Grand Duke ครอบครัวของเขาและคนที่ใกล้ชิดกับเขา อย่างไรก็ตามพวกเขายังมีจุดประสงค์ทางโลกด้วยเช่นกันเห็นได้ชัดว่าที่นี่เจ้าชายรับทูตและหารือเกี่ยวกับกิจการของรัฐ คอลเลคชันหนังสือของมหาวิหารเซนต์โซเฟียก็ถูกเก็บไว้ที่นี่เช่นกัน บางทีในห้องแยกต่างหากยังมี scriptorium ซึ่งเป็นเวิร์กช็อปสำหรับการโต้ตอบหนังสือ พื้นที่ด้านในของมหาวิหารเป็นไม้กางเขนที่มีลักษณะแหลมเท่ากับแท่นบูชาอยู่ทางทิศตะวันออก จากทางเหนือใต้และตะวันตกเป็นร้านค้าสองชั้น โดมกลางตั้งตระหง่านเหนือส่วนตรงกลางของไม้กางเขน ปริมาตรหลักของอาคารล้อมรอบด้วยแกลเลอรีแบบเปิดสองแถว คำถามเกี่ยวกับการตกแต่งภายในของส่วนตะวันตกของโบสถ์หลักได้รับความสำคัญพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจิตรกรรมฝาผนังของโบสถ์ที่แสดงภาพครอบครัวของ Yaroslav the Wise ซึ่งตั้งอยู่บนผนังด้านตะวันตกของอาร์เคดสองชั้น คริสตจักรได้รับการเปลี่ยนแปลงมากมายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ระหว่างความพ่ายแพ้ของเคียฟโดยบาตูในปี 1240 มันถูกปล้นสะดม ต่อจากนั้นวัดถูกไฟไหม้หลายครั้งค่อย ๆ ทรุดโทรมได้รับการ "ซ่อมแซม" และปรับเปลี่ยน ในศตวรรษที่ 17 โซเฟียได้รับการ "บูรณะ" โดย Metropolitan Peter Mohyla ในสไตล์บาร็อคของยูเครนและรูปลักษณ์ของมันดูห่างไกลจากต้นฉบับมาก เหนือสิ่งอื่นใดคือส่วนหน้าอาคารด้านทิศตะวันออกที่มีเครื่องปั้นดินเผาซึ่งมีการล้างชิ้นส่วนของอิฐโบราณ

วิหารแปลงร่าง (Chernigov)

เวลาสร้าง: ประมาณ 1036

Mstislav Vladimirovich เป็นผู้วางรากฐานสำหรับวิหารการเปลี่ยนแปลงใน Chernigov Detinets มหาวิหารห้าโดมนี้สร้างขึ้นตามแบบไบแซนไทน์และน่าจะเป็นโดยช่างฝีมือหินไบแซนไทน์

ในแง่ของมหาวิหารนั้นมีขนาดใหญ่ (18.25 x 27 ม.) วิหารสามองค์มีเสาแปดต้นและเสาสามเสา เสาคู่ด้านตะวันตกเชื่อมต่อกันด้วยกำแพงซึ่งนำไปสู่การจัดสรรระเบียง (narthex) ความสูงของกำแพงถึงประมาณ 4.5 ม. ด้านหน้าของอาคารทำด้วยอิฐที่หรูหรามากโดยมีแถวซ่อนอยู่ นอกจากนี้ยังมีการตกแต่งอาคารด้วยเสาแบนในชั้นแรกและในชั้นที่สอง ที่ด้านหน้าวิหารถูกถอดชิ้นส่วนด้วยใบมีดแบน zakomaras ตรงกลางซึ่งมีหน้าต่างสามบานถูกยกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับด้านข้าง การผสมผสานที่เข้มงวดและเคร่งขรึมของแนวตั้งและเส้นแนวนอนมีอยู่ในการตกแต่งภายในของวิหาร Spassky การยืดตัวของอาคารได้รับการเน้นอย่างชัดเจนที่นี่ซึ่งรวมกับส่วนโค้งสองชั้นภายในที่ยื่นออกไปในช่องว่างใต้โดม เดิมพื้นไม้เป็นพื้นไม้ของนักร้องประสานเสียงทางตอนเหนือและตอนใต้ซึ่งเสริมสร้างการแบ่งแนวนอนของการตกแต่งภายใน พื้นวิหารปูด้วยแผ่นหินชนวนแกะสลักฝังด้วยปูนสี

วิหารเซนต์โซเฟีย (Polotsk)

เวลาสร้าง: 1044-1066

สร้างขึ้นในสมัยของเจ้าชาย Vseslav Bryachislavich ในอาณาเขตของ Upper Castle ข้อมูลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ดั้งเดิมนั้นขัดแย้งกัน: ในบางแหล่งเรียกว่าเจ็ดหัวในบางแหล่งเรียกว่าห้าหัว การก่ออิฐทางตะวันออกของโซเฟียโบราณผสม: พร้อมกับอิฐกระเบื้องปูพื้น (ฐาน) ใช้หินเศษหินหรืออิฐ เศษชิ้นส่วนที่ยังมีชีวิตอยู่ชี้ให้เห็นว่าในอดีตอาคารนี้เป็นโครงสร้างศูนย์กลาง แผนผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบ่งออกเป็นห้านาฟปกคลุมด้วยระบบห้องใต้ดินที่พัฒนาแล้ว การจัดสรรช่องกลางสามแห่งสร้างภาพลวงตาของการยืดตัวของส่วนด้านในของมหาวิหารและทำให้มันเข้าใกล้อาคารของมหาวิหารมากขึ้น การจัดเรียงตัวอักษรสามตัวที่ถูกตัดออกจากด้านนอกตามแบบฉบับของโบสถ์ไม้เป็นหนึ่งในคุณสมบัติของวิหาร Polotsk วิหารเซนต์โซเฟียเป็นตัวอย่างแรกและยังคงขี้อายของโครงสร้างที่มีการแสดงลักษณะเฉพาะของศิลปะของดินแดน Polotsk ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในศตวรรษที่สิบสอง อาคารจำนวนมากปรากฏขึ้นพร้อมกับการตีความดั้งเดิมของระบบโดมข้าม

วิหารเซนต์โซเฟีย (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1045-1050

วัดนี้สร้างขึ้นตามคำสั่งของเจ้าชาย Novgorod Vladimir Yaroslavich เป็นวิหารขนาดใหญ่ห้าหลังที่ถูกแยกออกจากกันด้วยเสาซึ่งมีแกลเลอรีเปิดอยู่ติดกันสามด้าน มหาวิหารมีห้าบท โดมที่หกเหนือบันไดทรงกลมนำเสนอความไม่สมมาตรที่งดงามในองค์ประกอบ การยื่นออกมาของใบมีดขนาดใหญ่เสริมความแข็งแกร่งให้กับผนังของอาคารในแนวตั้งและแบ่งส่วนด้านหน้าให้สอดคล้องกับส่วนภายใน การก่ออิฐส่วนใหญ่ประกอบด้วยหินขนาดใหญ่ที่ตัดเย็บอย่างหยาบซึ่งไม่มีรูปร่างกำลังสองที่ถูกต้อง ปูนขาวอมชมพูจากส่วนผสมของอิฐบดละเอียดเติมช่องว่างตามรูปทรงของหินและเน้นรูปร่างที่ผิดปกติ อิฐถูกใช้ในปริมาณเล็กน้อยดังนั้นจึงไม่มีความประทับใจในการก่ออิฐ "ลาย" จากการเรียงแถวสลับกันเป็นประจำ เห็นได้ชัดว่าผนังของ Novgorod Sophia ไม่ได้ฉาบปูนมา แต่เดิม การก่ออิฐแบบเปิดดังกล่าวทำให้ด้านหน้าของอาคารมีความสวยงามแปลกตา ในศตวรรษแรกของการดำรงอยู่พระวิหารสูงกว่าปัจจุบัน: ระดับพื้นเดิมอยู่ที่ความลึก 1.5 - 1.9 เมตร ด้านหน้าของอาคารมีความลึกเท่ากัน ไม่มีวัสดุราคาแพงใน Novgorod Sofia: หินอ่อนและหินชนวน ชาว Novgorodians ไม่ได้ใช้กระเบื้องโมเสคในการตกแต่งมหาวิหารของพวกเขาเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายสูง แต่โซเฟียได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยจิตรกรรมฝาผนัง

มหาวิหารเซนต์ไมเคิลแห่งอาราม Vydubetsky (เคียฟ)

เวลาสร้าง: 1070-1088

ใน Vydubytsy บุตรชายของ Yaroslav the Wise ได้ก่อตั้งอารามภายใต้การอุปถัมภ์ของครอบครัวในนามของผู้มีพระคุณบนสวรรค์ของเขานั่นคือ Archangel Michael ด้วยการสนับสนุนของเขามหาวิหารของอารามจึงถูกสร้างขึ้น ในศตวรรษที่ 11 มหาวิหารเซนต์ไมเคิลเป็นโบสถ์หกเสาขนาดใหญ่ (25 x 15.5 ม.) ที่มีสัดส่วนสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ยาวผิดปกติ ช่างฝีมือที่ทำงานในเคียฟในเวลานั้นส่วนใหญ่ทำจากอิฐที่มีหินขนาดใหญ่ที่ยังไม่ได้แปรรูปเป็นแถว หินอยู่ในระยะทางที่แตกต่างกันโดยก้อนหินขนาดใหญ่จะถูกใช้ในส่วนตรงกลางของผนังโดยวางไว้เป็นฐานรองพร้อมกับอิฐ (ส่วนใหญ่แตกหัก) งานก่ออิฐนั้นมีแถวที่ซ่อนอยู่ ด้วยการวางแบบนี้ไม่ได้นำอิฐทุกแถวออกไปที่ด้านหน้า แต่เป็นแถวในขณะที่ชั้นกลางจะถูกผลักกลับเล็กน้อยและปิดทับด้วยชั้นปูน - หินซีเมนต์ ในเวลาเดียวกันชั้นนอกของสารละลายได้รับการปรับให้เรียบอย่างระมัดระวังเกือบจะขัด ดังนั้นการประมวลผลพื้นผิวด้านนอกของผนังจึงดำเนินการสองครั้ง: ครั้งแรกคร่าวๆแล้วจึงละเอียดมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือโครงสร้างพื้นผิวลายที่งดงามมาก ระบบก่ออิฐนี้ยังให้โอกาสมากมายสำหรับการใช้เลย์เอาต์และลวดลายตกแต่ง เริ่มแรกคริสตจักรสิ้นสุดลงโดยมีบทเดียว จากทางทิศตะวันตกมี narthex กว้างและบันไดวนที่นำไปสู่คณะนักร้องประสานเสียง ผนังของมหาวิหารถูกวาดด้วยจิตรกรรมฝาผนังและพื้นกระเบื้องด้วยหินชนวนและกระเบื้องดินเผาเคลือบ เพื่อป้องกันคริสตจักรจากการบ่อนทำลายตลิ่งริมน้ำของ Dnieper ในปี ค.ศ. 1199 สถาปนิก Petr Miloneg ได้สร้างกำแพงกันดินขนาดใหญ่ ในช่วงเวลานั้นนี่เป็นการตัดสินใจทางวิศวกรรมที่กล้าหาญ แต่เมื่อถึงศตวรรษที่ 16 แม่น้ำก็ชะล้างกำแพงออกไปเช่นกัน - ตลิ่งพังทลายและทางตะวันออกของมหาวิหารด้วย ส่วนทางตะวันตกของคริสตจักรที่ยังหลงเหลืออยู่ได้รอดชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ในการบูรณะในปี ค.ศ. 1767-1769 มหาวิหารมิคาอิลอฟสกีกลายเป็นหลุมฝังศพของเจ้าชายตระกูล Vsevolod Yaroslavovich

อาสนวิหารอัสสัมชัญของอาราม Kiev-Pechersk

เวลาสร้าง: 1073-1078

มหาวิหารแห่งนี้สร้างโดยสถาปนิกชาวไบแซนไทน์ ตามแผนของมันคือวิหารสามเสาหกยอดข้ามโดม ในอนุสาวรีย์นี้ความปรารถนาที่จะสร้างไดรฟ์ข้อมูลที่เรียบง่ายและการพูดน้อยในการตกแต่งภายในได้รับชัยชนะ จริงอยู่ที่ narthex ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้ แต่ไม่ใช่บันไดวนในหอคอยที่ติดมาเป็นพิเศษซึ่งนำไปสู่คณะนักร้องประสานเสียง แต่เป็นบันไดตรงที่มีความหนาของผนังด้านตะวันตก วิหารจบลงด้วยซาโกมาราซึ่งฐานตั้งอยู่ในระดับความสูงเดียวกันและได้รับการสวมมงกุฎด้วยศีรษะขนาดใหญ่ เทคนิคการก่อสร้างก็เปลี่ยนไปเช่นกัน: แทนที่จะใช้การก่ออิฐด้วยแถวที่ซ่อนอยู่พวกเขาเริ่มใช้ฐานชั้นที่เท่ากันกับทางออกของฐานทุกแถวไปยังพื้นผิวด้านนอกของผนัง จากแหล่งข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรเราสามารถสรุปได้เกี่ยวกับคุณลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของอาสนวิหารอัสสัมชัญ: ขนาดโดยรวมของวิหารถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าและผู้สร้างถูกบังคับให้ทำงานที่ซับซ้อนเพื่อคำนวณขนาดของโดม เส้นผ่านศูนย์กลางของมันจะต้องเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาสัดส่วนของโครงสร้างทั้งหมด 1082 ถึง 1089 ช่างฝีมือชาวกรีกวาดภาพวิหารด้วยจิตรกรรมฝาผนังและตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค จิตรกรไอคอนชื่อดังชาวรัสเซียที่มีชื่อเสียงร่วมกับพวกเขา Alipy และ Gregory ทำงานร่วมกับพวกเขา

ในปี 1240 วัดได้รับความเสียหายจากกลุ่มชาวมองโกล - ตาตาร์ในปี 1482 โดยพวกตาตาร์ไครเมียและในปี 1718 อาคารได้รับความเสียหายอย่างมากจากไฟไหม้อารามครั้งใหญ่ ในปีพ. ศ. 2484 อาสนวิหารอัสสัมชัญถูกระเบิดโดยกองทหารเยอรมันที่ยึดครองเคียฟ ภายในปี 2000 อาคารได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในสไตล์บาร็อคในศตวรรษที่ 18

วิหาร Nikolo-Dvorishchensky (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1113-1136

วัดถูกสร้างขึ้นโดยคำสั่งของลูกชายของ Vladimir Monomakh - Mstislav มหาวิหารแห่งนี้เป็นวัดในวังนักบวชไม่เชื่อฟังผู้ปกครองโนฟโกรอด แต่เป็นเจ้าชาย วิหาร Nikolo-Dvorishchensky เป็นสถานที่หลักในกลุ่มสถาปัตยกรรมของ Novgorod Torg ซึ่งมีโบสถ์อีกเก้าแห่งตั้งอยู่ มหาวิหารเซนต์นิโคลัสเป็นอาคารประกอบพิธีขนาดใหญ่ (23.65 x 15.35 ม.) มีโดม 5 โดมและเอปเอสสูงซึ่งเป็นร่องรอยของการเลียนแบบโซเฟียที่ชัดเจนในเมืองเครมลิน ด้านหน้าของโบสถ์นั้นเรียบง่ายและเข้มงวดพวกเขาถูกผ่าด้วยใบมีดแบนและตกแต่งด้วยซาโกมาราที่ไร้ศิลปะ ในแง่ของการจัดวางวิหารอยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์เคียฟเช่นมหาวิหารของอาราม Pechersky: เสารูปกากบาทหกต้นแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็นสามช่องซึ่งตรงกลางกว้างกว่าด้านข้างมาก ทางตะวันตกของโบสถ์มีเตียงนักร้องประสานเสียงขนาดใหญ่สำหรับครอบครัวของเจ้าชายและสภาพแวดล้อมในพระราชวัง ไม่นานหลังจากการก่อสร้างวิหาร Nikolo-Dvorishchensky ก็ได้รับการวาดภาพด้วยจิตรกรรมฝาผนัง มีเพียงเศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่รอดชีวิตจากภาพวาด: ฉากการพิพากษาครั้งสุดท้ายบนผนังด้านตะวันตกนักบุญสามองค์ที่อยู่ตรงกลางและโยบในหนองบนผนังทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ พวกเขาอยู่ใกล้กับภาพจิตรกรรมฝาผนังของเคียฟในช่วงต้นศตวรรษที่ 12

อาสนวิหารการประสูติของอาราม Antoniev (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1117

ในปี 1117 มหาวิหารหินถูกสร้างขึ้นในอารามเพื่อเป็นเกียรติแก่การประสูติของพระแม่มารีย์ ช่างฝีมือหินได้สร้างอาคารจากหินในท้องถิ่นราคาถูกและใช้งานได้คร่าวๆโดยผูกด้วยปูนหินปูนผสมกับอิฐบด ความไม่สม่ำเสมอของผนังถูกปรับระดับด้วยชั้นฐานอิฐ ส่วนที่มีโครงสร้างสำคัญที่สุดของวิหาร (ห้องใต้ดิน, ซุ้มประตู, ทับหลังโค้ง) ส่วนใหญ่มาจากฐานโดยใช้เทคนิคการก่ออิฐที่มีแถวที่ซ่อนอยู่ จากมุมตะวันตกเฉียงเหนือหอคอยบันไดทรงกระบอกที่ยื่นออกมาจากปริมาตรลูกบาศก์ทั้งหมดติดอยู่กับโบสถ์ซึ่งนำไปสู่คณะนักร้องประสานเสียงหลังจากนั้นก็ถูกตัดออก หอคอยสวมมงกุฎด้วยศีรษะ มหาวิหารมีทั้งหมดสามบท รูปลักษณ์ดั้งเดิมของอาสนวิหารประสูติแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เฉลียงเตี้ย ๆ ติดกับโบสถ์โบราณทั้งสามด้าน ภายในมหาวิหารส่วนใหญ่เป็นส่วนของแท่นบูชามีการเก็บรักษาชิ้นส่วนของจิตรกรรมฝาผนังจากปี ค.ศ. 1125 มหาวิหารแห่งนี้ถูกนำเข้ามาใกล้กับประเพณีอันยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมของวัดตามสัดส่วนของแผนผังหอคอยที่มีบันไดวนที่อยู่ติดกับมุมทางตะวันตกเฉียงเหนือของนักร้องประสานเสียงที่เพิ่มขึ้นและปริมาณที่เกินจริงของอาคาร

วิหารเซนต์จอร์จในอาราม Yuriev (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1119

วัดนี้สร้างขึ้นโดยความพยายามของ Vsevolod Mstislavich ชื่อของผู้สร้างวัดยังมีชีวิตรอด - คือ "อาจารย์ปีเตอร์" เป็นวิหารหกเสาที่มีนักร้องประสานเสียงซึ่งมีหอคอยบันไดนำไปสู่ รูปแบบของวัดนั้นเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน แต่ก็ดูน่าประทับใจมาก อาสนวิหารมีสามบทที่ตั้งอยู่ไม่สมมาตร หนึ่งในนั้นตั้งอยู่บนหอคอยทรงสี่เหลี่ยมที่ติดกับอาคารหลัก หัวของคริสตจักรถูกเลื่อนไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นลักษณะที่ผิดปกติอย่างสิ้นเชิงสำหรับคริสตจักรออร์โธดอกซ์ ผนังของมหาวิหารสร้างด้วยปูนซีเมนต์ของหินที่แทบจะไม่ได้ตัดซึ่งสลับด้วยอิฐเป็นแถว ไม่ได้รักษาความถูกต้องของแถว: ในบางสถานที่อิฐจะเติมความผิดปกติในการก่ออิฐและในบางแห่งวางไว้ที่ขอบ

แผ่นตะกั่วปิดด้านบนของโบสถ์ อาสนวิหารแทบไม่มีการประดับตกแต่งยกเว้นช่องแบนเรียบๆ บนกลองกลางพวกเขาถูกจารึกไว้ในสายพานโค้ง การตกแต่งภายในของมหาวิหารสร้างความประทับใจด้วยความยิ่งใหญ่และปณิธานอันศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่วิหารขึ้นไป เสาไม้กางเขนซุ้มประตูและห้องใต้ดินมีความสูงและเรียวมากจนไม่ถูกมองว่าเป็นเสารับน้ำหนักและเพดาน

ไม่นานหลังจากการก่อสร้างของวัดได้รับการทาสีด้วยจิตรกรรมฝาผนังมากมายจนไม่เหลือรอดมาถึงยุคของเรา

John the Baptist Church บน Opoki (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1127-1130

คริสตจักรริเริ่มโดยเจ้าชาย Vsevolod Mstislavich ซึ่งเป็นหลานชายของ Vladimir Monomakh

เป็นโบสถ์หกเสาสามเสามีหัวเดียว ในการก่อสร้างวิหารแนวโน้มใหม่ของอาคารวิหาร Novgorod ปรากฏขึ้น: การลดขนาดของการก่อสร้างและการทำให้รูปแบบสถาปัตยกรรมง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามโบสถ์เซนต์จอห์นยังคงรักษาประเพณีของสถาปัตยกรรมแบบเจ้าเมืองในช่วงต้นศตวรรษที่สิบสอง มีความยาว 24.6 ม. และกว้าง 16 ม. มีแผงขายนักร้องประสานเสียงซึ่งปีนขึ้นไปด้วยบันไดเห็นได้ชัดว่าอยู่ในหอคอยที่ตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของอาคารด้านตะวันตก ผนังทำจากแผ่นหินปูนสีเทาและฐานนั่นคือในเทคนิคการก่ออิฐแบบผสม โบสถ์เซนต์จอห์นผู้ให้บัพติศมาในส่วนบนกระตุ้นให้เกิดความสัมพันธ์กับสถาปัตยกรรมไม้: มีรูปทรงหน้าจั่ว (หน้าจั่ว) ของซาโกมาร์ ส่วนบนของโบสถ์ถูกรื้อถอนในปี 1453 และมีการสร้างโบสถ์ใหม่บนรากฐานเดิมตามคำสั่งของอาร์ชบิชอปยูทิมิอุส วิหารโบราณสะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ทางประวัติศาสตร์ของชาว Novgorodians ด้วยอำนาจของเจ้าชาย หกปีหลังจากที่โบสถ์สว่างไสวในปี 1136 ความไม่สงบครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งสาธารณรัฐศักดินา เจ้าชายแห่งนอฟโกรอดครูสอนพิเศษของคริสตจักร Vsevolod Mstislavich ถูกจับ Veche ตัดสินใจขับไล่ Vsevolod และครอบครัวออกจากเมือง เจ้าชาย Vsevolod ถูกบังคับให้ย้ายโบสถ์เซนต์ John the Baptist เรื่อง Opoki ถึงพ่อค้าแว็กซ์ ตำบลของจอห์นประกอบด้วยพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุด - คนที่มีชื่อเสียง ในคริสตจักรได้รับมาตรฐานของมาตรการ Novgorod ทั่วไป: "ข้อศอก Ivanovsky" สำหรับการวัดความยาวของผ้า "ค่าเล็กน้อยรูเบิล" สำหรับโลหะมีค่าเกล็ดแว็กซ์

โบสถ์ Peter and Paul (Smolensk)

เวลาสร้าง: 1140-1150

Church of Peter and Paul เป็นคริสตจักรที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ใน Smolensk เห็นได้ชัดว่ามันถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าอาร์เทล รูปแบบดั้งเดิมของอาคารได้รับการบูรณะโดย PD Baranovsky คริสตจักรเป็นตัวอย่างของอาคารสี่เสาแบบโดมเดียวที่ข้ามโดม ช่างฝีมือ Smolensk สร้างจากอิฐ ในแง่ของรูปแบบและสัดส่วนภายนอกวิหารมีความคงที่เข้มงวดและเป็นอนุสรณ์ แต่ต้องขอบคุณอิฐที่“ ยืดหยุ่น” สามารถแปรรูปได้พลาสติกของคริสตจักรของเจ้าจึงมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน ใบมีดถูกเปลี่ยนเป็นกึ่งเสา (เสา) ซึ่งลงท้ายด้วยขอบสองแถวและบัวที่ยื่นออกมา จากแถวสองแถวเดียวกันของขอบจะทำเข็มขัดที่ฐาน (ส้นเท้า) ของ zakomar ซึ่งอยู่ด้านล่างซึ่งวางส่วนโค้ง ที่ด้านหน้าด้านทิศตะวันตกใบมีดมุมกว้างได้รับการตกแต่งด้วยแป้นวิ่งและไม้กางเขนนูน ทางเข้าโบสถ์เปิดโดยพอร์ทัลที่มีแนวโน้ม แต่ก็ยังค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัว - มีเพียงแท่งสี่เหลี่ยมเท่านั้น พระวิหารมีอาภรณ์อันทรงพลังที่ยื่นออกมาไกล หัวกลองมีสิบสองด้าน

วิหารแปลงร่าง (Pereslavl-Zalessky)

เวลาสร้าง: 1152-1157

เจ้าชาย Yuri Dolgoruky วางรากฐานสำหรับวิหารการเปลี่ยนแปลงในเมือง Pereslavl-Zalessky ที่เขาก่อตั้งขึ้น ส่วนบนของวิหารสร้างเสร็จโดยลูกชายของเขา Andrey Bogolyubsky ความกว้างของวิหารมากกว่าความสูง เป็นวิหารสามเหลี่ยมเกือบสี่เหลี่ยมมีเสารูปกากบาทสี่ต้นรองรับห้องใต้ดินและโดมเดี่ยว เครื่องอาภรณ์ด้านข้างไม่ได้ถูกปิดด้วยแท่นบูชา แต่เปิดให้ผู้มาสักการะได้เห็นอย่างอิสระ รูปแบบของมันพูดน้อยและเข้มงวด กลองและส่วนหัวขนาดใหญ่ทำให้โครงสร้างดูทหาร หน้าต่างกลองที่มีลักษณะเป็นร่องแคบเกี่ยวข้องกับช่องโหว่ของป้อมปราการ ผนังของมันถูกแบ่งโดย scapulae เป็นสปินเนอร์เสร็จสิ้นด้วย zakomaras ซึ่งส่วนกลางมีขนาดใหญ่กว่าด้านข้าง อาคารมีลักษณะการแบ่งแผนอย่างชัดเจนมาก

วิหารประกอบด้วยหินสี่เหลี่ยมสีขาวที่สร้างขึ้นอย่างปราณีต หินถูกวางไว้เกือบแห้งเติมช่องว่างระหว่างผนังด้านในและด้านนอกด้วยเหมืองหินแล้วเทด้วยปูนขาว แท่นวางอยู่ด้านล่างของอาคาร ฐานรากของอาคารประกอบด้วยหินกรวดขนาดใหญ่จับกันด้วยปูนหินปูนเดียวกัน พื้นผิวด้านนอกของห้องใต้ดินโดมและฐานใต้กลองทำจากบล็อกหินหยาบ สายพานตกแต่งวิ่งไปตามด้านบนของกลองซึ่งรอดชีวิตมาได้เพียงเล็กน้อยส่วนใหญ่ถูกล้มลงและถูกแทนที่โดยผู้บูรณะด้วยแบบจำลอง ด้านล่างมีแถบ crenellated นักวิ่งสูงกว่าครึ่งเพลาประดับก็ยิ่งสูงขึ้น คุณลักษณะที่โดดเด่นของโบสถ์ Spassky คือการใช้การตกแต่งเพียงเล็กน้อยซึ่งพบได้เฉพาะบนกลองและบนเครื่องซักผ้า

อาสนวิหารอัสสัมชัญ (วลาดิเมียร์)

เวลาสร้าง: 1158-1160

มหาวิหารแห่งนี้ก่อตั้งโดย Prince Andrey Bogolyubsky สถานที่ที่ได้เปรียบที่สุดในภูมิทัศน์ของเมืองซึ่งโดดเด่นด้วยวิหารห้าโดมจำนวนมากได้รับเลือกให้เป็นโบสถ์วิหาร โดมสีทองมองเห็นได้จากระยะไกลบนถนนในป่าที่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวง มันถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของอาคารหกเสาสามโบสถ์และโดมเดียว มันถูกมองว่าเป็นวิหารหลักของรัสเซียทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะหลายแขนงได้รับเชิญจากประเทศต่างๆในยุโรปตะวันตกให้มาวาดภาพพระวิหาร ในปี ค.ศ. 1185 วัดได้รับความเสียหายจากไฟไหม้รุนแรงและทำลายล้างซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งของเมืองถูกไฟไหม้ เห็นได้ชัดว่าทันทีที่เกิดเพลิงไหม้เจ้าชาย Vsevolod the Big Nest ได้รับคำสั่งให้บูรณะมหาวิหาร ในปี 1189 ได้รับการถวายใหม่ เมื่อได้รับการบูรณะใหม่พระวิหารได้รับการขยายอย่างมีนัยสำคัญและมีโดมห้าโดม วิหารถูกล้อมรอบไปด้วยแกลเลอรีกว้าง ๆ จากทางทิศใต้ทิศเหนือและทิศตะวันตกและได้รับแท่นบูชาที่กว้างขวางมากขึ้นโดมด้านกลางที่ปิดทองและด้านข้างสีเงินและด้านบนได้รับซาโคมาร์สองชั้น ผนังของวิหารถูกตัดผ่านด้วยช่วงโค้งและกลายเป็นเสาด้านในของมหาวิหารแห่งใหม่ของ Grand Duke Vsevolod III ชิ้นส่วนจิตรกรรมฝาผนังของปรมาจารย์ที่ไม่รู้จักในศตวรรษที่ 12 รอดชีวิตมาได้ อาสนวิหารอัสสัมชัญทำหน้าที่เป็นสุสานของเจ้าชาย เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่ของ Vladimir ถูกฝังอยู่ที่นี่: Andrey Bogolyubsky น้องชายของเขา Vsevolod III the Big Nest พ่อของ Alexander Nevsky Yaroslav และคนอื่น ๆ มหาวิหารร่วมกับแท่นบูชาด้านข้างของเซนต์จอร์จเป็นวิหารที่ใช้งานได้หลักของสังฆมณฑลวลาดิมีร์ - สุซดัล

อาสนวิหารอัสสัมชัญ (Vladimir-Volynsky)

เวลาสร้าง: 1160

มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นตามคำสั่งของเจ้าชาย Mstislav Izyaslavich แต่ไม่ใช่ในเมือง Detinets แต่ตั้งอยู่ในเมืองวงเวียน สำหรับการก่อสร้างมหาวิหารเจ้าชายได้นำสถาปนิก Pereyaslavl มาที่ Vladimir ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นเขาปกครองใน Pereyaslavl-Russky ผลงานของปรมาจารย์จากเมืองนี้ได้รับการยืนยันด้วยเทคนิคพิเศษในการปั้นอิฐ พวกเขามีคุณภาพสูงมาก: การยิงที่ดีและความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยม โบสถ์สร้างโดยใช้เทคนิคการก่ออิฐชั้นเท่ากัน ความหนาของรอยต่อปูนจะเท่ากับความหนาของอิฐโดยประมาณ มีช่องในผนังจากความสัมพันธ์ไม้ผุ อาสนวิหารอัสสัมชัญเป็นวิหารขนาดใหญ่หกเสาสามยอด narthex ถูกกั้นด้วยผนังจากห้องหลัก เพื่อความสมมาตรที่เข้มงวดและความสมดุลของมวลทั้งหมดของอาคารจึงไม่มีส่วนเสริมใด ๆ และแม้แต่หอคอยที่นำไปสู่คณะนักร้องประสานเสียง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกตีด้วยไม้จากพระราชวังของเจ้าชาย การแบ่งพื้นที่ภายในที่มีเสารองรับสอดคล้องกับเสากึ่งทรงพลังบนอาคารและผนังของผนังจะเสร็จสมบูรณ์โดยโค้ง - ซะโคมาราที่สอดคล้องกับห้องใต้ดินครึ่งวงกลม วัดในวลาดิเมียร์สร้างขึ้นตามรูปและอุปมาของมหาวิหารในเคียฟ มหาวิหารได้รับความเสียหายหลายครั้งถูกปล้นมากกว่าหนึ่งครั้ง ในศตวรรษที่ 18 ในช่วงเปเรสทรอยก้ามีการบิดเบือนอย่างหนัก มหาวิหารแห่งการพักรวมของพระมารดาของพระเจ้าในวลาดิมีร์ - โวลินสกีเป็นโบสถ์ประเภทนี้ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาอนุสรณ์สถานในศตวรรษที่ 12

โบสถ์ John the Theologian (Smolensk)

เวลาสร้าง: 1160-1180

วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นด้วยการดูแลของเจ้าชายโรมันรอสติสลาโววิช ตั้งอยู่ในที่พำนักของเจ้าชาย สร้างขึ้นเช่นเดียวกับโบสถ์ Smolensk อื่น ๆ ที่ทำด้วยอิฐคริสตจักรอยู่ในหลาย ๆ ด้านใกล้กับโบสถ์ Peter and Paul ในลักษณะทางเทคนิคและการออกแบบ ในองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมของอนุสาวรีย์มีความน่าสนใจที่จะสร้างโบสถ์ - สุสานภายนอกในมุมตะวันออก ในการก่ออิฐของส่วนบนของอาคารมีการใช้เสียงสองประเภท ได้แก่ กระโถนนำเข้าและกระถางคอแคบที่ผลิตในท้องถิ่น ที่มุมของวิหารด้านนอกมีใบมีดแบนกว้างและเสากลางอยู่ในรูปของเสากึ่งทรงพลัง พอร์ทัลและการปิดกั้นของหน้าต่างมีโปรไฟล์สองขั้นตอน ขนาดของวิหารคือ 20.25 x 16 ม. ผนังของวิหารและหอศิลป์ทำด้วยอิฐ ปูนขาวผสมปูนซีเมนต์ ฐานรากทำจากหินกรวดและมีความลึกมากกว่า 1.2 ม. โบสถ์เป็นวิหารสี่เสาสามยอด คริสตจักรจอห์นเจ้าใหญ่ถูกวาดด้วยจิตรกรรมฝาผนังและไอคอนต่างๆตามบันทึกของ Ipatiev Chronicle ได้รับการตกแต่งอย่างไม่เห็นแก่ตัวด้วยเครื่องเคลือบและทอง ในช่วงที่มีการดำรงอยู่มายาวนานคริสตจักรได้รับการบูรณะหลายครั้งและได้มาถึงยุคสมัยของเราในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก

ประตูทอง (Vladimir)

เวลาสร้าง: 1164

วันที่วางประตู Vladimir ไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่การก่อสร้างเริ่มขึ้นไม่เร็วกว่าปี 1158 เมื่อ Andrei Bogolyubsky เริ่มสร้างแนวป้องกันของเมือง จุดสิ้นสุดของประตูสามารถลงวันที่ 1164 ได้อย่างถูกต้อง ประตูทำด้วยหินปูนสี่เหลี่ยมที่ตัดอย่างสวยงาม อย่างไรก็ตามในบางแห่งมีการใช้ปอยผมที่มีรูพรุนที่ทำงานหยาบ ในการก่ออิฐหลุมจากนิ้วของนั่งร้านถูกทิ้งไว้โดยไม่มีการป้องกัน ความสูงเริ่มต้นของส่วนโค้งทางเดินคือ 15 เมตร ปัจจุบันระดับพื้นดินสูงกว่าระดับเดิมเกือบ 1.5 ม. ความกว้างของซุ้มประตูวัดได้อย่างแม่นยำโดย 20 ฟุตกรีก (ประมาณ 5 ม.) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นโดยผู้สร้างจากไบแซนเทียม

โบสถ์เซนต์จอร์จ (Staraya Ladoga)

เวลาสร้าง: 1165

โบสถ์เซนต์จอร์จอาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะในปี ค.ศ. 1164 โดยพลเมืองของลาโดกาและทีมนอฟโกรอดเหนือชาวสวีเดนโดยเจ้าชาย Svyatoslav หรือนายกเทศมนตรี Zakhari พื้นที่ของวิหารสี่เสานี้มีเพียง 72 ตารางเมตร เมตร ด้านตะวันออกของลูกบาศก์ยาวถูกครอบครองโดยสามเอปสูงถึงซาโกมาระ ปริมาตรลูกบาศก์ของอาคารถูกผ่าออกด้วยใบมีดที่เรียบง่ายและใหญ่โต กลองเบาที่มีโดมรูปหมวกกันน็อกครอบทับมวลรวมของโบสถ์ ความสูง 15 เมตร แทนที่จะเป็นนักร้องประสานเสียงพื้นไม้ถูกสร้างขึ้นโดยเชื่อมต่อสองโบสถ์ด้านข้างในส่วนมุมของชั้นที่สอง อาคารที่มีรูปครึ่งวงกลมซาโกมาร์ถูกถอดชิ้นส่วนด้วยหัวไหล่ การตกแต่งด้านหน้าของวิหารนั้นดูตระหนี่มากและถูก จำกัด ไว้ที่บัวที่ขรุขระตามแนวของซาโกมาร์ (บัวไม่ได้รับการบูรณะในระหว่างการบูรณะ) และส่วนโค้งแบนที่ด้านบนของกลอง รากฐานของอนุสาวรีย์ลาโดกาเก่าแก่ประกอบด้วยก้อนหินลึก 0.8 เมตร ชั้นของอิฐที่ปรับระดับวางอยู่ด้านบนของฐานราก ผนังของวัดประกอบด้วยแผ่นหินปูนและอิฐเรียงสลับกัน แต่แผ่นคอนกรีตมีลักษณะเด่นกว่า ปูนก่ออิฐ - หินปูนที่มีเสาหิน จิตรกรรมฝาผนังของกลองโดมทางตอนใต้และชิ้นส่วนบางส่วนในสถานที่อื่น ๆ ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ ในคริสตจักรลาโดกาเก่าเราเห็นความสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างรูปลักษณ์ภายนอกและการตกแต่งภายในของอาคาร การออกแบบทั่วไปสามารถมองเห็นได้ชัดเจน

โบสถ์ Elias (Chernigov)

เวลาสร้าง: ประมาณปี 1170

ตามประเพณีของคริสตจักรรากฐานของอารามในชื่อเอลียาห์มีความเกี่ยวข้องกับแอนโธนีแห่งถ้ำซึ่งเป็นเจ้าอาวาสคนแรกของอาราม Kiev Caves ในปี 1069 เขาได้เข้าแทรกแซงความบาดหมางของเจ้าชายในราชวงศ์เคียฟและหนีจากความโกรธแค้นของ Izyaslav Yaroslavich ไปยัง Chernigov แอนโธนีได้ "ขุดถ้ำ" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอารามแห่งใหม่ที่ตั้งถิ่นฐานบนภูเขาโบลดินสกี้ที่นี่ วัด Ilyinsky ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี แต่รูปแบบดั้งเดิมถูกซ่อนไว้ภายใต้ชั้นโวหารของสถาปัตยกรรมสไตล์บาโรกของยูเครนในศตวรรษที่ 17 โบสถ์ Elias ตั้งอยู่บนพื้นที่เล็ก ๆ ใต้ความลาดชันของภูเขาและเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินใต้ดินไปยังถ้ำ Ilyinsky Monastery กำแพงด้านเหนือถูกตัดเป็นความลาดชันของภูเขานั่นคือมันเป็นกำแพงกันดินและในส่วนล่างถูกวางไว้ใกล้กับพื้นดิน เหนือระดับพื้นดินมีการก่ออิฐเช่นเดียวกับการก่ออิฐของส่วนที่เหลือของผนังโดยมีการต่อกันอย่างระมัดระวังและการตัดตะเข็บด้านเดียว สำหรับผู้แสวงบุญทางเข้าถ้ำถูกขุดในผนังด้านเหนือและสำหรับนักบวชทางเข้าเดียวกันนำจากแท่นบูชา คริสตจักรไม่มีเสาหลักจากทางทิศตะวันตกติดกับระเบียงที่แยกจากกัน (narthex) เดิมคริสตจักรมีหัวเดียวและส่วนโค้งรองรับที่วางกลองถูกตัดให้เข้ากับความหนาของผนัง ตามแผนโบสถ์ Elias มีขนาดไม่ใหญ่มาก (4.8 x 5 ม.) โดยมีรูปครึ่งวงกลมหนึ่งช่องห้องโถงแคบและตู้ตื้น โบสถ์ Elias เป็นอาคารหลังเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่และเป็นของโรงเรียนสถาปัตยกรรม Chernigov ในยุคของการกระจายตัวทางการเมือง

โบสถ์ Boris and Gleb (Grodno)

เวลาสร้าง: 1170s

โบสถ์แห่งหนึ่งในนามของผู้พลีชีพศักดิ์สิทธิ์ของรัสเซียโบราณบอริสและเกลบถูกสร้างขึ้นเหนือ Neman ชื่อของนักบุญตรงกับชื่อของ Grodno appanage เจ้าชาย Boris และ Gleb เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเองหรือ Vsevolod บิดาของพวกเขาสามารถริเริ่มสร้างพระวิหารได้ การก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ใน Grodno ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญที่มาจาก Volyn มหาวิหารมีความยาวประมาณ 21.5 เมตรกว้าง 13.5 เมตร ความหนาของผนังไม่น้อยกว่า 1.2 เมตร วิหารถูกสร้างขึ้นจากอิฐโดยใช้เทคนิคการก่ออิฐด้วยปูนซีเมนต์ ใช้อิฐหินปูน ส่วนประกอบของปูนซีเมนต์มีความพิเศษ ได้แก่ ปูนขาวทรายหยาบถ่านหินและอิฐหัก การก่ออิฐของผนังเป็นชั้นเท่ากัน - อิฐทุกแถวตรงไปที่ด้านหน้าและตะเข็บจะเท่ากับความหนาของอิฐโดยประมาณ ภายในโบสถ์พื้นปูด้วยลวดลายที่ทำจากกระเบื้องเซรามิกและหินขัดเป็นสิ่งที่มีค่าเป็นพิเศษ ผนังที่สร้างจากฐานได้รับการตกแต่งด้วยหินแกรนิตหลากสีกระเบื้องมาโคลิกาหลากสีและแม้แต่จานและชามเคลือบสีเขียว สำหรับเอฟเฟกต์อะคูสติกพิเศษสิ่งที่เรียกว่า "เสียง" จะฝังอยู่ในผนัง - ภาชนะดินเหนียวเช่นเหยือก หินขัดของเฉดสีต่างๆถูกแทรกลงในผนัง มีขนาดใหญ่กว่าในส่วนล่างของผนังและส่วนบนมีขนาดเล็ก คริสตจักร Grodno มีเสาหกต้นและเสาสามเสา เสาของวิหารมีลักษณะกลมอยู่ที่ฐานและเมื่ออยู่ในระดับสูงจะมีรูปร่างคล้ายไม้กางเขน

โบสถ์แห่งการประกาศใน Arkazhi (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1179

ตามตำนานวัดถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชัยชนะของชาว Novgorodians เหนือชาว Suzdal ในปี ค.ศ. 1169 โดยได้รับการขอร้องอย่างน่าอัศจรรย์ของไอคอน "Our Lady of the Sign" พระวิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสโดยมีเสาสามเสาทางด้านตะวันออกและเสาสี่เหลี่ยมสี่เสารองรับโดมเดียว ในโครงสร้างเชิงปริมาตร - เชิงพื้นที่ของโบสถ์แห่งการประกาศมีแนวโน้มที่เห็นได้ชัดของสถาปัตยกรรม Novgorod ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของศตวรรษที่สิบสองต่อสถาปัตยกรรมแบบเรียบง่ายการลดพื้นที่ภายในและการประหยัดวัสดุก่อสร้าง วิหารเป็นรูปโดมกากบาทที่มีหัวส่องสว่างหนึ่งอันซึ่งรองรับด้วยเสาสี่เหลี่ยม ด้านทิศตะวันออกของแท่นบูชาประกอบด้วยสามอัปสร เริ่มแรกอาคารมีขนาดเล็ก โบสถ์ Arkazhskaya สร้างด้วยแผ่นหินปูนยึดด้วยปูนซีเมนต์ปูนซีเมนต์และสถานที่สำคัญที่สุดทำด้วยอิฐ: ห้องใต้ดินกลองหัว ที่แท่นบูชาด้านซ้ายมีอักษรโบราณสำหรับพิธีล้างบาป (มีโครงสร้างคล้ายกับ "จอร์แดน") อ่างเก็บน้ำทรงกลมวางอยู่บนพื้นหินมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 เมตรซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ ในปี 1189 ได้มีการทาสีวิหาร

Michael the Archangel Svirskaya Church (Smolensk)

เวลาสร้าง: 1180-1197

โบสถ์ที่ตั้งตระหง่านในนามของมิคาอิล - ครั้งหนึ่งเคยเป็นวิหารประจำศาลของเจ้าชายสโมเลนสค์ David Rostislavich ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองด้านตะวันตกของ Smolensk บนเนินเขาที่มองเห็นที่ราบน้ำท่วม Dnieper ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 12 ผู้เชี่ยวชาญของ Smolensk ได้พัฒนารูปแบบการก่ออิฐของลักษณะการก่ออิฐในช่วงเวลาของพวกเขา ความสูงที่สูงมากของโวลุ่มหลักถูกเน้นโดยขนถ่ายขนาดใหญ่ที่อยู่รองลงมาและแกนกลาง พลวัตของอาคารได้รับการปรับปรุงโดยเสาคานที่มีโปรไฟล์ที่ซับซ้อน ลักษณะเด่นของโบสถ์นี้คือรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านข้าง narthexes จำนวนมากก็ผิดปกติเช่นกัน ในโบสถ์ของอัครทูตสวรรค์มีคาเอลในการก่ออิฐของผนังและเสาจะพบรูสี่เหลี่ยมซึ่งเป็นจุดทางออกของสายสัมพันธ์ไม้ที่เคยมีอยู่ซึ่งทำให้ส่วนบนของวิหารแข็งแรงขึ้น คานไม้ถูกจัดเรียงเป็นสี่ชั้นเมื่อพิจารณาจากรูเหล่านี้ ห้องใต้ดินของวัดได้รับการสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดในศตวรรษที่ 17-18 แต่ส่วนโค้งโบราณเกือบทั้งหมดที่แยกห้องใต้ดินรวมทั้งเส้นรอบวงยังรอดมาได้ ฐานที่อยู่ใต้กลองรอดมาได้เช่นเดียวกับส่วนสำคัญของตัวกลอง คริสตจักรของ Michael the Archangel มีความแปลกตาในการแก้ปัญหาทางสถาปัตยกรรมโดยทั่วไปสัดส่วนรูปแบบซึ่งทำให้เกิดความคิดริเริ่มที่ยอดเยี่ยม องค์ประกอบขั้นบันไดที่เป็นศูนย์กลางของวิหารได้แพร่หลายไปยังโรงเรียนสถาปัตยกรรมในท้องถิ่นอื่น ๆ ของ Ancient Rus โบสถ์ Svirskaya มีบางอย่างที่เหมือนกันกับโบสถ์ Pyatnitsky ใน Chernigov และ Novgorod

วิหาร Dmitrovsky (Vladimir)

เวลาสร้าง: 1194-1197

เสารูปไม้กางเขนแกะสลักตามความสูงของผนังและรองรับศีรษะขนาดมหึมาของมหาวิหาร บนผนังด้านในเสาตรงกับใบมีดแบน นักร้องประสานเสียงตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก

วิหารสร้างโดย Grand Duke Vsevolod the Big Nest วิหารสามเสาแบบโดมเดียวและสี่เสาเดิมถูกล้อมรอบด้วยแกลเลอรีที่มีหลังคาเตี้ย ๆ และที่มุมด้านตะวันตกมีหอคอยบันไดที่มีต้นกล้าสำหรับนักร้องประสานเสียง ประติมากรรมครอบคลุมชั้นบนทั้งหมดของมหาวิหารและกลองของศีรษะตลอดจนหอจดหมายเหตุของพอร์ทัล ในส่วนโค้งของซุ้มทางทิศใต้มีรูปของเจ้าชายรัสเซียรวมทั้งพระวลาดิเมียร์ รูปสลักชั้นบนของซุ้มด้านใต้ยังเชิดชูผู้ปกครองที่ฉลาดและเข้มแข็ง ความโดดเด่นของรูปสิงโตและรูปปั้นกริฟฟินในรูปปั้นบ่งบอกถึงการพัฒนาต่อไปของตราสัญลักษณ์แกรนด์ดูกัล อย่างไรก็ตามการเสริมสร้างสัญลักษณ์และจักรวาลวิทยาของแนวคิดทั้งหมดทำให้ความโล่งใจลดลง ในซาโกมาราตอนกลางมีการมอบร่างของนักร้องราชวงศ์ที่เล่นเพลงสดุดี การแกะสลักรูปโดยเฉพาะส่วนหัวนั้นโดดเด่นด้วยความสูงและความกลมของรูปนูน ทางด้านขวาของดาวิดที่ซุ้มด้านใต้คือ "Ascension of Alexander the Great to Heaven" ทางด้านซ้ายของอาคารด้านทิศตะวันตกมีกษัตริย์ดาวิดตามด้วยโซโลมอน ในรูปปั้นของอาคารตะวันตกฉากการหาประโยชน์ของเฮอร์คิวลิสดึงดูดความสนใจ ในเส้นตรงกลางของชั้นบนนกที่พันคอหมายถึงสัญลักษณ์ของสหภาพที่แยกไม่ออก อาคารทางทิศเหนือที่หันหน้าไปทางเมืองแสดงออกด้วยรูปปั้นของความคิดเกี่ยวกับอำนาจของเจ้าที่แข็งแกร่งโดยตรงและไม่ใช่ในเชิงสัญลักษณ์ ในซาโคมาร์ด้านซ้ายเจ้าชาย Vsevolod III เป็นภาพตัวเอง การเปลี่ยนร่างที่ซับซ้อนและหลากหลายราวกับว่ากำลังพูดคุยกันของเหล่าอัครสาวกผ้าม่านที่เข้มงวดและฟรีในเวลาเดียวกันและที่สำคัญที่สุดคือการตีความทางจิตวิทยาอย่างลึกซึ้งของภาพนั้นทรยศต่อมือของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่

โบสถ์แห่งพระผู้ช่วยให้รอดบน Nereditsa (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1198

โบสถ์แห่งพระผู้ช่วยให้รอดสร้างโดยเจ้าชายยาโรสลาฟวลาดิมิโรวิช ภาพวาดตามประเพณีย้อนหลังไปถึงสมัยโซเวียตเป็นผลงานของปรมาจารย์ Novgorod ในท้องถิ่น บางคนพบว่าอาจารย์คนนี้รับผิดชอบงานสร้างจิตรกรรมฝาผนังของโบสถ์แห่งการเปลี่ยนแปลง ในแง่ของรูปลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมพระผู้ช่วยให้รอดบน Nereditsa ไม่แตกต่างจากคริสตจักรตำบล Posad ของ Novgorod อีกต่อไป ตำแหน่งทางการเมืองและวัตถุของเจ้าชายอ่อนแอลงมากจนเขาไม่ได้แสร้งทำเป็นในการก่อสร้างเพื่อแข่งขันกับมหาวิหารโซเฟีย ตามคำสั่งของเขาได้มีการสร้างวิหารทรงโดมขนาดเล็กสี่เสาสามเสา สร้างจากหินและอิฐก่ออิฐแบบดั้งเดิมสำหรับสถาปัตยกรรม Novgorod พื้นที่ภายในของโบสถ์แห่งพระผู้ช่วยให้รอดถูกทำให้เรียบง่ายเมื่อเทียบกับอาคารในช่วงก่อนหน้าซึ่งเป็นหนึ่งในสามของศตวรรษที่สิบสอง คณะนักร้องประสานเสียง - โพลาตีของเจ้าชายดูค่อนข้างเจียมเนื้อเจียมตัวซึ่งมีวิหารสองข้าง บันไดในหอคอยที่แนบมาไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกต่อไปแล้วมันถูกแทนที่ด้วยทางเข้าแคบ ๆ ตามความหนาของผนังด้านตะวันตก ในระหว่างการก่อสร้างอาคารไม่ได้รักษาความถูกต้องของเส้นและรูปทรงไว้ กำแพงที่หนาเกินไปนั้นคดเคี้ยวและระนาบไม่สม่ำเสมอ แต่สัดส่วนที่รอบคอบทำให้ข้อบกพร่องเหล่านี้สว่างขึ้นและพระวิหารก็สร้างความประทับใจที่สง่างามและสง่างามอย่างน่าเกรงขาม

โบสถ์ Paraskeva Friday (Chernigov)

เวลาสร้าง: 1198-1199

ไม่ทราบเวลาในการก่อสร้างโบสถ์ Paraskeva Friday และชื่อของลูกค้า เป็นไปได้มากว่าคนค้าขายสร้างมันด้วยเงินของตัวเอง ขนาดของคริสตจักรมีขนาดเล็ก - 12 x 11.5 ม. คริสตจักรโบราณที่ขายเป็นของวัดโดมเดียวขนาดเล็กที่มีเสาสี่เสา แต่อาคารประเภทนี้แพร่หลายในศตวรรษที่สิบสองได้รับการพัฒนาโดยสถาปนิกที่ไม่รู้จักในรูปแบบใหม่ทั้งหมด เขาวางเสาไว้กว้างผิดปกติกดเข้ากับผนังซึ่งทำให้สามารถขยายห้องกลางของพระวิหารได้มากที่สุดและในรูปแบบใหม่ในรูปแบบครึ่งหางสร้างส่วนมุมของซุ้มซึ่งเขาทำขึ้น ในวงกลมหนึ่งในสี่ การเปลี่ยนไปใช้กลองสูงและใหญ่นั้นดำเนินการด้วยความช่วยเหลือของส่วนโค้งที่ยกขึ้นและโคโคชนิกสองแถว apses ขนาดเล็กต่ำกว่า zakomara เล็กน้อย พอร์ทัลของคริสตจักร Pyatnitskaya สร้างขึ้นด้วยกรอบที่มีโปรไฟล์เหนือพวกเขามีขอบถนน ด้านบนมีผ้าสักหลาดเป็นอิฐคดเคี้ยวและที่สูงกว่านั้นคือช่องตกแต่งที่มีการเก็บรักษาซากปูนปลาสเตอร์ไว้ เหนือพวกเขาคือเข็มขัดของ "นักวิ่ง" กรอบกลางมีหน้าต่างสามบาน การใช้อิฐอย่างชำนาญทำให้โครงสร้างมีลักษณะพิเศษ: กำแพงอิฐสองก้อนที่มีหินอุดช่องว่างระหว่างพวกเขาและอิฐต่อสู้กับปูน หลังจาก 5-7 แถวการก่ออิฐก็ต่อเนื่องกันหลังจากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนไปใช้เทคนิคการสำรองอีกครั้ง นายตัดสินใจที่จะจัดวางส่วนโค้งที่โยนไปเหนือเสาเหนือห้องใต้ดิน ดังนั้นกลองที่วางอยู่บนส่วนโค้งจึงลอยขึ้นเหนือกำแพงอย่างเห็นได้ชัด ความละเอียดรอบคอบของงานก่ออิฐทรยศต่อมือของปรมาจารย์ไบแซนไทน์ บางทีอาจเป็น Peter Miloneg แม้พระวิหารจะมีขนาดเล็ก แต่อาจารย์ยังสร้างคณะนักร้องประสานเสียง แต่ก็แคบและบันไดแคบแบบเดียวกันในกำแพงด้านตะวันตก

Paraskevy Friday Church บน Torgu (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1207

เป็นไปได้มากว่าวิหาร Pyatnitsky บน Torgue นั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ Novgorod แต่เป็นของ Smolensk เพราะ ไม่มีการเปรียบเทียบโดยตรงระหว่างคริสตจักรของ Novgorod แต่คล้ายกับโบสถ์ Svir แห่ง Smolensk มุมของวิหารและตัว narthexes ได้รับการตกแต่งด้วยหัวไหล่กว้างหลายขั้นซึ่งผิดปกติสำหรับ Novgorod เช่นเดียวกันกับ apses รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าด้านข้าง โบสถ์เป็นอาคารไม้กางเขนที่มีเสาหกต้น สี่คนเป็นทรงกลมซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติสำหรับการก่อสร้างของ Novgorod วิหารแห่งนี้มีอาสนะสามตัวซึ่งตรงกลางยื่นออกไปทางทิศตะวันออกมากกว่าที่อื่น ๆ narthexes (narthexes) ลดระดับลงติดกับปริมาตรหลักของคริสตจักรจากสามด้าน ในจำนวนนี้มีเพียงคนทางเหนือเท่านั้นที่รอดชีวิตมีเพียงชิ้นส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่รอดชีวิตจากอีกสองคนและพวกมันถูกสร้างขึ้นใหม่โดยผู้บูรณะ อาคารแห่งนี้มีรูปลักษณ์ทันสมัยอันเป็นผลมาจากการบูรณะซึ่งในระหว่างนั้นมีการเปิดเผยรูปแบบโบราณจำนวนมาก แต่ไม่ทั้งหมด ปัจจุบันวัดเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรม Novgorod

สรุป

ดังนั้นเราจึงเห็นว่ามีอนุสรณ์สถานสถาปัตยกรรมรัสเซียเก่าของ XI - ต้นศตวรรษที่สิบสามจำนวนมากรอดชีวิตมาได้ - ประมาณ 30 (ควรระลึกไว้เสมอว่าอาคารหลายหลังไม่ได้รวมอยู่ในงานเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์อย่างมีนัยสำคัญในระหว่างไฟไหม้สงครามภัยธรรมชาติหรือการบูรณะที่ไม่ประสบความสำเร็จ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารหลายหลังยังคงอยู่ใน Novgorod และ เคียฟดินแดน

วัดส่วนใหญ่ก่อตั้งโดยเจ้าชายในท้องถิ่นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้อุปถัมภ์ในสวรรค์ แต่บ่อยครั้งที่มหาวิหารสามารถสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะครั้งสำคัญใด ๆ บางครั้งชนชั้นนำการค้าในท้องถิ่นก็กลายมาเป็นลูกค้าของวัด

ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของอนุสาวรีย์หลายแห่งโดดเด่นด้วยความงดงามและทักษะในการประหารชีวิตของพวกเขาสมควรได้รับความชื่นชม ในระหว่างการทำงานฉันพบว่าช่างฝีมือชาวต่างชาติโดยเฉพาะไบแซนไทน์และกรีกมักได้รับเชิญให้มาก่อสร้าง แต่คริสตจักรหลายแห่งถูกสร้างขึ้นโดยความพยายามของสถาปนิกชาวรัสเซีย อาณาเขตแต่ละแห่งค่อยๆพัฒนาโรงเรียนสถาปัตยกรรมของตนเองโดยใช้เทคนิคการก่อสร้างและการตกแต่งอาคารเป็นของตัวเอง

ในศตวรรษที่สิบสอง ช่างฝีมือชาวรัสเซียเชี่ยวชาญเทคนิคการก่ออิฐและใช้อิฐ ให้ความสนใจเป็นอย่างมากกับการวาดภาพวัดด้วยจิตรกรรมฝาผนังและการตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสค

ชะตากรรมทางประวัติศาสตร์ของอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมหลายแห่งในเวลานั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้า - พวกเขาสูญหายไปอย่างไม่สามารถแก้ไขได้สำหรับเรา บางคนโชคดีกว่า - แม้ว่าจะถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ยังสามารถให้แนวคิดบางอย่างเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมในยุคนั้นได้ อาคารหลายหลังยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้เกือบจะเป็นรูปแบบดั้งเดิมและเป็นสิ่งที่ทำให้เราเห็นภาพสถาปัตยกรรมของรัสเซียโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 11 - ต้นศตวรรษที่ 13

รายชื่อวรรณกรรมที่ใช้:

1. Komech AI สถาปัตยกรรมรัสเซียเก่าแก่ในช่วงปลาย X - ต้นศตวรรษที่สิบสอง - มอสโก: Nauka, 1987

2. Rappoport PA สถาปัตยกรรมรัสเซียเก่า - SPb, 2536

3. วัดรัสเซีย / ed. กลุ่ม: T.Kashirina, G.Evseeva - M .: สารานุกรม Mir, 2006

ภาพของคริสตจักรและวัฒนธรรมรัสเซียกลายเป็นภาพของนักบุญบอริสและเกลบผู้ใจบุญผู้ไม่ต่อต้านผู้ซึ่งต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อเอกภาพของประเทศที่รับความทุกข์ทรมานเพื่อประชาชน คุณลักษณะเหล่านี้และคุณลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมของ Ancient Rus ไม่ปรากฏในทันที ในรูปแบบพื้นฐานของพวกเขาพวกเขามีการพัฒนามาตลอดหลายศตวรรษ แต่จากนั้นได้หลั่งไหลเข้าสู่รูปแบบที่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นหรือน้อยลงเป็นเวลานานและทุกที่ที่พวกเขายังคง ...

สถานการณ์นี้อธิบายถึงสาเหตุของการกระจายไอคอนในรัสเซียอย่างกว้างขวาง ความจำเพาะของศิลปะของ Ancient Rus อยู่ในความโดดเด่นของภาพวาดขาตั้ง - ไอคอนซึ่งเป็นรูปแบบคลาสสิกของงานศิลปะสำหรับยุคกลางของรัสเซีย นอกเหนือจากลักษณะสัญลักษณ์ของการแสดงออกทางศิลปะบนไอคอนแล้วควรสังเกตว่าทุกสิ่งที่ปรากฎบนไอคอนนั้นไม่มี ...

วรรณกรรม: อยู่ในการไหลเวียนของ Paley - ชุดของการเล่าเรื่องในพันธสัญญาเดิมอย่างย่อ พงศาวดาร - นิทรรศการประวัติศาสตร์ไบแซนไทน์ - George Amartola, John Malala ในรัสเซียก่อนการรุกรานของชาวมองโกลผู้ที่ชื่นชอบภาษากรีกโบราณก็ไม่ธรรมดา เจ้าชายยาโรสลาฟมีส่วนร่วมในการแปลโดยได้รับความช่วยเหลือจากผู้มีการศึกษาสูง ...

โลกยุคกลาง 2. การก่อตัวในรัสเซียของจิตวิญญาณชนิดพิเศษและการนำไปใช้ในสถาปัตยกรรม, ไอคอน, วรรณกรรม, การอ้างอิง, งานฝีมือ FOLK อิทธิพลของ Orthodoxy ต่อการพัฒนาวัฒนธรรมทางจิตวิญญาณของ Ancient Rus นั้นยอดเยี่ยมมากจนนักวิจัยหลายคนคิดว่ามันเป็น แหล่งที่มาพื้นฐานและจุดเริ่มต้นของจิตวิญญาณของรัสเซียเท่านั้น ตามกฎแล้วตำแหน่งนี้ได้รับการปกป้องโดยส่วนใหญ่ของคริสตจักร ...

Spaso-Preobrazhensky Cathedral of the Spassky Monastery ใน Yaroslavl

Spaso-Preobrazhensky Cathedral of the Spassky Monastery เป็นวิหารหินที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ใน Yaroslavl ก่อตั้งขึ้นในสมัยก่อนมองโกลภายใต้ Prince Konstantin Vsevolodovich สร้างขึ้นใหม่ในปี 1515-1516 อาสนวิหารแห่งใหม่ผสมผสานรูปแบบดั้งเดิมของสถาปัตยกรรมรัสเซียเก่าเข้ากับลักษณะอิทธิพลของอิตาลีของสถาปัตยกรรมรัสเซียในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 - ต้นศตวรรษที่ 16 ประวัติความเป็นมาของการก่อตัวของกลุ่มสถาปัตยกรรมของมหาวิหารไอคอนและจิตรกรรมฝาผนังหนังสือและเครื่องใช้ในโบสถ์ ของข้อเท็จจริงที่เป็นเอกลักษณ์และนำเสนอนักวิจัยด้วยการค้นพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ชื่อของ Metropolitan Macarius อันศักดิ์สิทธิ์ซาร์อีวานที่ 4 ผู้น่าเกรงขามผู้ปลดปล่อยรัสเซีย Kozma Minin และ Dmitry Pozharsky ซาร์คนแรกของราชวงศ์ Romanov Mikhail และสังฆราช Nikon ที่เสียศักดิ์ศรีมีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของมหาวิหาร นักวิจัยหลายคนยังเชื่อมโยงการได้มาซึ่งผลงานกวีที่มีชื่อเสียงของวรรณกรรมรัสเซียเรื่อง "The Lay of Igor's Campaign" กับมหาวิหารแห่งนี้ จิตรกรรมฝาผนังของมหาวิหารเป็นหนึ่งในไม่กี่ชุดที่มีภาพเฟรสโกตั้งแต่สมัยของ Ivan the Terrible ที่รอดชีวิตมาได้จนถึงยุคของเราโดยไม่มีการสูญเสียที่สำคัญ

เนื้อหา:

บทบาทของอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่โลกอุดมไปด้วยนั้นมีมากมายมหาศาล ต้องขอบคุณอาคารโบราณทำให้สามารถทะลุทะลวงสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณของยุคอดีตอันยาวนาน ท้ายที่สุดไม่มีอะไรจะหนักไปกว่าการเดินไปตามถนนโบราณที่ปูด้วยหินซึ่งสึกกร่อนจากการสัมผัสเท้าของคนรุ่นที่เคยเดินมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว

ดินแดนรัสเซียยังอุดมไปด้วยอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรม นี่เป็นหลักฐานของความเจริญรุ่งเรืองของเมืองและการตั้งถิ่นฐานธรรมดาเมื่อหลายพันปีก่อน บรรพบุรุษของคนรุ่นปัจจุบันอาศัยอยู่ที่นี่ซึ่งต่อสู้เพื่ออิสรภาพเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้านของพวกเขา พวกเขามักจะโต้แย้งเกี่ยวกับความรักชาติของชาวรัสเซียนั่นคือชาวรัสเซียยูเครนตาตาร์เบลารุสตัวแทนของคนสัญชาติอื่น ๆ ที่เคยอาศัยอยู่และตอนนี้อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้

ผู้ที่โต้แย้งไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอะไรทำให้ชาวรัสเซียเสียสละตัวเองเพื่อเสรีภาพและชีวิตของผู้อื่น ความรักชาติเริ่มต้นที่ไหน? และเริ่มต้นด้วยวัดในโบสถ์โบราณที่มีป้อมปราการหญ้าครึ่งรกพร้อมอาคารและโครงสร้างที่พุชกินและดอสโตเอฟสกีมูซอร์กสกีและไชคอฟสกีสร้างสรรค์ผลงานของพวกเขาโดยที่รูเบิลและนักเรียนของเขาวาดภาพไอคอนซึ่งพวกเขาให้กำเนิดคำสั่งแรกว่า เสริมสร้างรัสเซีย Ivan the Terrible และ Peter I.

ปรากฎว่าความรักชาติเริ่มต้นที่ชาวรัสเซียเกิดที่ซึ่งเขาอาศัยอยู่ปลูกขนมปังสร้างปราสาทและวัดติดตั้งกำแพงป้อมปราการที่ซึ่งเขาหลั่งเลือดเพื่ออิสรภาพและความเป็นอิสระ ดังนั้นเราต้องเสียใจกับข้อเท็จจริงของทัศนคติที่น่าเกลียดต่ออนุสาวรีย์ทางสถาปัตยกรรมของรัสเซียซึ่งสร้างขึ้นในตอนเช้าของการเป็นรัฐของพวกเขา ทัศนคติต่ออนุสาวรีย์ทางสถาปัตยกรรมนี้ฆ่าความรักชาติ

มีอนุสาวรีย์มากมายในรัสเซีย พวกเขามีชื่อเสียงระดับโลกในมอสโกเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเคียฟ พวกเขามักจะเขียนเกี่ยวกับความสนใจของรัฐคริสตจักรองค์กรสาธารณะถูกดึงดูดเข้าหาพวกเขา แต่มีอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในเมืองอื่น ๆ และแม้แต่หมู่บ้านเล็ก ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประชาชนทั่วไปแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาเลย แต่บทบาทของพวกเขาในการส่งเสริมความรักต่อบ้านเกิดของพวกเขาในหมู่ชาวรัสเซียนั้นสูงมาก

ตามคำสั่งของ Andrei Bogolyubsky ในปี ค.ศ. 1165 ระหว่างแม่น้ำ Klyazma และ Nerl ในภูมิภาค Vladimir โบสถ์ในโบสถ์แห่งหนึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงลูกชายของเจ้าชายที่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของ Bulgars โบสถ์เป็นโดมเดียว แต่สร้างด้วยหินสีขาวซึ่งเป็นสิ่งแปลกใหม่ในเวลานั้น ในสมัยนั้นไม้เป็นวัสดุก่อสร้างหลัก แต่อาคารไม้มักถูกทำลายจากไฟไหม้และไม่มั่นคงก่อนที่ข้าศึกจะบุกโจมตี

แม้ว่าพวกเขาจะสร้างวิหารเพื่อระลึกถึงลูกชายของ Andrei Bogolyubsky แต่ก็อุทิศให้กับวันหยุดของคริสตจักรของการขอร้องของ Theotokos ผู้ศักดิ์สิทธิ์ นี่เป็นอนุสรณ์สถานแห่งแรกและมีความสำคัญมากเนื่องจาก Orthodoxy ในรัสเซียยังคงถูกสร้างขึ้น

การก่อสร้างวิหารดูเหมือนเรียบง่ายมาก ส่วนประกอบหลักคือเสาสี่เสาสามเสาและโดมไม้กางเขน คริสตจักรมีบทเดียว แต่มันถูกสร้างขึ้นในสัดส่วนที่ดูเหมือนว่าจะลอยอยู่เหนือพื้นโลกจากระยะไกล วัดในโบสถ์แห่งนี้ถูกรวมอยู่ในรายชื่อแหล่งมรดกโลกขององค์การยูเนสโกอย่างถูกต้อง

โบสถ์แห่ง Tithes

Church of the Dormition of the Most Holy Theotokos ในเคียฟเรียกว่า Desyatinnaya มีความเกี่ยวข้องกับการล้างบาปของมาตุภูมิ นี่เป็นอาคารหินแห่งแรก โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเป็นเวลาห้าปีตั้งแต่ปี 991 ถึง 996 บนพื้นที่ของการสู้รบระหว่างคริสเตียนและคนต่างศาสนา แม้ว่าใน Tale of Bygone Years จุดเริ่มต้นของการสร้างวัดเรียกว่าปี 989

ที่นี่การเดินทางทางโลกของผู้พลีชีพคนแรก Fedor และ John ลูกชายของเขาก็เสร็จสิ้น เจ้าชาย Vladimir Svyatoslavich โดยพระราชกฤษฎีกาของเขาได้จัดสรรส่วนสิบสำหรับการก่อสร้างโบสถ์จากคลังของรัฐในเวลาปัจจุบันจากงบประมาณ ดังนั้นคริสตจักรจึงได้รับชื่อดังกล่าว

ครั้งหนึ่งเคยเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุด ในปี 1240 กองทหารของ Tatar-Mongol Khanate ได้ทำลายวิหาร ตามแหล่งข้อมูลอื่น ๆ คริสตจักรพังทลายลงภายใต้น้ำหนักของผู้คนที่มารวมตัวกันที่นั่นโดยหวังว่าจะซ่อนตัวจากผู้รุกราน มีเพียงฐานรากเท่านั้นที่รอดจากแหล่งโบราณคดีแห่งนี้

ประตูทอง

ประตูทองถือเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจและความยิ่งใหญ่ของรัสเซียโบราณ ในปี 1158 Andrei Bogolyubsky ได้รับคำสั่งให้ล้อมรอบเมือง Vladimir ด้วยเพลา หลังจากผ่านไป 6 ปีเขาสั่งให้สร้างประตูทางเข้าห้าประตู จนถึงปัจจุบันมีเพียง Golden Gate ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้

ประตูนี้ทำด้วยไม้โอ๊ค ต่อจากนั้นจึงมัดด้วยแผ่นทองแดงปิดทอง แต่ประตูนี้ไม่เพียงเท่านั้นที่ได้รับชื่อ ประตูปิดทองเป็นงานศิลปะที่แท้จริง ชาวเมืองได้พาพวกเขาออกไปก่อนการรุกรานของกองทัพมองโกล - ตาตาร์ ประตูเหล่านี้รวมอยู่ในทะเบียนยูเนสโกว่าเป็นผลงานชิ้นเอกที่มนุษยชาติสูญหายไป

จริงอยู่ในปี 1970 มีรายงานว่าพบบานประตูหน้าต่างโดยนักโบราณคดีชาวญี่ปุ่นซึ่งมีส่วนร่วมในการทำความสะอาดแม่น้ำ Klyazma ตอนนั้นเองมีการค้นพบโบราณวัตถุมากมายรวมทั้งบานประตูหน้าต่าง แต่สิ่งที่มีค่าที่สุดเกี่ยวกับพวกเขาก็คือจนถึงขณะนี้ยังไม่พบแผ่นทองคำ

ตามตำนานห้องใต้ดินของประตูพังลงระหว่างการก่อสร้างเสร็จสิ้นโดยทับผู้สร้าง 12 คน พยานตัดสินว่าพวกเขาตายทั้งหมด Andrei Bogolyubsky ได้รับคำสั่งให้นำไอคอนของพระมารดาของพระเจ้าและเริ่มอธิษฐานเผื่อผู้คนที่มีปัญหา เมื่อประตูได้รับการปลดปล่อยจากซากปรักหักพังคนงานก็ยังมีชีวิตอยู่ พวกเขาไม่ได้รับความเสียหายเลยด้วยซ้ำ

ใช้เวลาเจ็ดปีในการสร้างมหาวิหารแห่งนี้ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวเมือง Novgorod ด้วยความช่วยเหลือของผู้ที่ Yaroslav the Wise กลายเป็น Grand Duke การก่อสร้างมหาวิหารเสร็จสมบูรณ์ในปีค. ศ. 1052 สำหรับ Yaroslav the Wise ปีนี้ได้กลายเป็นจุดสังเกต เขาฝังศพลูกชายของเขาวลาดิเมียร์ในเคียฟ

มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นจากวัสดุที่แตกต่างกัน หลักคืออิฐและหิน ผนังของมหาวิหารต้องเผชิญกับหินอ่อนมีลวดลายโมเสคและภาพวาดฝังอยู่ นี่คือแนวโน้มของปรมาจารย์ไบแซนไทน์ที่ต้องการรับเอาสถาปนิกชาวสลาฟมาใช้ ต่อมาหินอ่อนถูกแทนที่ด้วยหินปูนจิตรกรรมฝาผนังถูกแทรกแทนกระเบื้องโมเสค

ภาพวาดแรกคือวันที่ 1109 แต่จิตรกรรมฝาผนังก็ถูกทำลายไปตามกาลเวลาเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนมากสูญหายไปในช่วงสงครามความรักชาติครั้งใหญ่ มีเพียงจิตรกรรมฝาผนัง "Constantine and Helena" เท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้จนถึงศตวรรษที่ 21

ไม่มีแกลเลอรีใด ๆ ในมหาวิหารภายนอกดูเหมือนวิหารรูปโดมแบบกากบาทที่มีห้าโบสถ์ ในเวลานั้นลักษณะนี้มีอยู่ในวัดส่วนใหญ่ มีสัญลักษณ์สามอย่างที่สร้างขึ้นในอดีตอันไกลโพ้น ในบรรดาไอคอนหลักในอาสนวิหาร ได้แก่ ไอคอน Tikhvin ของพระมารดาของพระเจ้า, Euthymius the Great, Savva the Illuminated, Anthony the Great และไอคอนของ Mother of God "The Sign"

ที่นี่มีหนังสือเก่าด้วย มีงานกระจัดกระจายบางส่วนแม้ว่าจะมีบางส่วนที่รอดมาได้ หนังสือเหล่านี้เป็นหนังสือของเจ้าชายวลาดิเมียร์เจ้าหญิงอิริน่าอาร์คบิชอปจอห์นและนิกิตาเจ้าชายเฟเดอร์และมสตีสลาฟ รูปนกพิราบซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ประดับด้วยไม้กางเขนโดมที่ตั้งอยู่ตรงกลาง

วัดนี้มีเอกลักษณ์ไม่เพียง แต่สร้างในสไตล์โรแมนติก มหาวิหารแห่งนี้สร้างความประทับใจด้วยองค์ประกอบที่ชวนให้นึกถึงมหาวิหารตะวันตก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแกะสลักหินสีขาว ทุกอย่างเกิดขึ้นเนื่องจากการก่อสร้างของมหาวิหารวางอยู่บนบ่าของสถาปนิกชาวรัสเซียโดยเฉพาะ งานตกแต่งเสร็จสิ้นโดยช่างฝีมือชาวกรีก ทุกคนพยายามทำงานเพื่อไม่ให้รัฐต้องอับอาย

ช่างฝีมือที่ดีที่สุดมารวมตัวกันที่นี่เนื่องจากมหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นสำหรับเจ้าชาย Vsevolod ซึ่งเป็นรังขนาดใหญ่ ต่อมาครอบครัวของเขาก็ตั้งรกรากอยู่ในมหาวิหาร ประวัติของมหาวิหารมีอายุย้อนไปถึงปีค. ศ. 1197 ต่อมามหาวิหารได้รับการถวายในความทรงจำของ Dmitry Solunsky ซึ่งถือว่าเป็นผู้อุปถัมภ์ในสวรรค์

การสร้างองค์ประกอบของมหาวิหารขึ้นอยู่กับลักษณะการออกแบบของวิหารไบแซนไทน์ ตามกฎแล้วสิ่งเหล่านี้คือเสา 4 ต้นและ 3 เสา โดมโบสถ์ปิดทองประดับด้วยไม้กางเขน รูปนกพิราบทำหน้าที่เป็นใบพัดอากาศ ผนังของวิหารดึงดูดด้วยภาพของตัวละครในตำนานนักบุญนักสดุดี นักดนตรีขนาดเล็กของดาวิดเป็นสัญลักษณ์ของรัฐที่พระเจ้าคุ้มครอง

ไม่มีภาพของ Vsevolod the Big Nest เขาถูกปั้นขึ้นพร้อมกับลูกชายของเขา การตกแต่งภายในวัดเป็นที่น่าอัศจรรย์ แม้ว่าจะมีการสูญเสียจิตรกรรมฝาผนังไปมากมาย แต่ที่นี่ก็ยังสวยงามและเคร่งขรึม

โบสถ์แห่งพระผู้ช่วยให้รอดสร้างขึ้นบนภูเขา Nereditsa เพียงฤดูกาลเดียวในปีค. ศ. 1198 วัดนี้สร้างขึ้นตามคำสั่งของเจ้าชายยาโรสลาฟวลาดิมิโรวิชซึ่งปกครองในเวลิกีนอฟโกรอดในเวลานั้น วัดแห่งนี้เติบโตขึ้นบนฝั่งยกระดับของแม่น้ำ Maly Volkhovets ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Rurikov Gorodishche

โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงลูกชายสองคนของ Yaroslav Vladimirovich ที่ตกอยู่ในสนามรบ ภายนอกคริสตจักรไม่ได้แตกต่างกันในโครงสร้างส่วนบนที่งดงาม อย่างไรก็ตามมันเป็นอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรม คริสตจักรถูกสร้างขึ้นตามโครงการแบบดั้งเดิมในเวลานั้น โดมหนึ่งลูกบาศก์เช่นเดียวกับในโครงการอื่น ๆ คือรุ่นสี่เสาและสามช่อง

ภายในโบสถ์มีความโดดเด่น ผนังทาสีเต็มและแสดงถึงแกลเลอรีภาพวาดของรัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในภาพวาดที่เก่าแก่และมีเอกลักษณ์ที่สุด ภาพวาดเหล่านี้ได้รับการศึกษาอย่างจริงจังโดยนักวิทยาศาสตร์ในช่วงสามแรกของศตวรรษที่ผ่านมา คำอธิบายโดยละเอียดของภาพวาดได้รอดชีวิตมาโดยให้ความกระจ่างเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของช่วงเวลาที่โบสถ์ถูกสร้างขึ้นเกี่ยวกับวิถีชีวิตของชาวนอฟโกโรเดียน ศิลปิน N. Martynov ในปีพ. ศ. 2405 ได้ทำสำเนาสีน้ำของจิตรกรรมฝาผนังบ่อยๆ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในปารีสในงาน World Exhibition ภาพร่างได้รับรางวัลเหรียญทองแดง

จิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่มีค่ามากของภาพวาดอนุสาวรีย์ของ Novgorodian สร้างขึ้นในศตวรรษที่สิบสองยังคงเป็นตัวแทนของศิลปะที่ยิ่งใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางประวัติศาสตร์

หลายคนคิดว่า Novgorod Kremlin เป็นอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุด เป็นอนุสรณ์สถานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง แต่ละเมืองในรัสเซียสร้างพระราชวังเครมลินของตนเอง มันเป็นป้อมปราการที่ช่วยปกป้องผู้อยู่อาศัยจากการโจมตีของศัตรู

กำแพงเครมลินไม่กี่แห่งที่รอดชีวิตมาได้ ในศตวรรษที่สิบ Novgorod Kremlin ให้บริการผู้อยู่อาศัยในเมืองอย่างซื่อสัตย์ อาคารนี้เก่าแก่ที่สุด แต่ก็ยังคงรูปลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้

นั่นคือเหตุผลที่อนุสาวรีย์ทางสถาปัตยกรรมแห่งนี้มีคุณค่า พระราชวังเครมลินปูด้วยอิฐสีแดงในขณะที่ในรัสเซียวัสดุก่อสร้างนั้นแปลกและมีราคาแพง แต่ก็ไม่ไร้ประโยชน์ที่ผู้สร้าง Novgorod ใช้มัน กำแพงเมืองไม่ได้สะดุ้งก่อนการโจมตีของกองทหารข้าศึกจำนวนมาก

วิหารโซเฟียตั้งขึ้นในอาณาเขตของ Novgorod Kremlin นี่คือหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ของรัสเซียโบราณ พื้นของมหาวิหารปูด้วยกระเบื้องโมเสค การตกแต่งภายในทั้งหมดเป็นตัวอย่างของความเชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยมของสถาปนิก ทุกรายละเอียดจังหวะที่เล็กที่สุดได้ถูกสร้างขึ้นแล้ว

ผู้อยู่อาศัยในภูมิภาค Novgorod มีความภาคภูมิใจในพระราชวังเครมลินของตนโดยเชื่อว่าที่นี่มีอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมมากมายซึ่งน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวรัสเซียทุกคน

Trinity Lavra of St. Sergius เป็นอารามชายที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Sergiev Posad ในภูมิภาคมอสโก ผู้ก่อตั้งอารามคือ Sergei Radonezhsky ตั้งแต่วันสถาปนาอารามกลายเป็นศูนย์กลางชีวิตทางจิตวิญญาณของดินแดนมอสโก ที่นี่กองทัพของเจ้าชาย Dmitry Donskoy ได้รับพรสำหรับการต่อสู้กับ Mamai

ยิ่งไปกว่านั้น Sergius of Radonezh ได้ส่งพระ Oslyabya และ Peresvet ไปยังกองทัพโดยโดดเด่นด้วยความกระตือรือร้นในการอธิษฐานและความเข้มแข็งของพวกเขาซึ่งแสดงตัวตนอย่างกล้าหาญในระหว่างการสู้รบเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2373 เป็นเวลาหลายศตวรรษที่อารามเป็นศูนย์กลางของการศึกษาทางศาสนาของชาวรัสเซียและเป็นหัวใจสำคัญของการตรัสรู้ทางวัฒนธรรม

มีการทาสีไอคอนมากมายในอาราม สิ่งนี้ทำโดย Andrei Rublev และ Daniil Cherny - จิตรกรไอคอนที่โดดเด่น ที่นี่มีการทาสีไอคอน Trinity ที่รู้จักกันดี มันกลายเป็นส่วนสำคัญของสัญลักษณ์ของอาราม นักประวัติศาสตร์เรียกการปิดล้อมอารามโดยการทดสอบผู้รุกรานชาวโปแลนด์ - ลิทัวเนีย มันเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมาน การปิดล้อมกินเวลา 16 เดือน ผู้ถูกปิดล้อมรอดชีวิตและได้รับชัยชนะ

อนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมบางแห่งของรัสเซียโบราณไม่รอดและรอดชีวิตมาได้ ไม่มีร่องรอยเหลืออยู่มากมาย แต่คำอธิบายในหนังสือโบราณรอดมาได้ นักวิทยาศาสตร์ถอดรหัสพวกเขาสร้างที่ตั้งของพวกเขา ผู้รักชาติค้นหาความเข้มแข็งและวิธีการและเริ่มฟื้นฟูอาคารโบราณ ยิ่งงานนี้ดำเนินไปอย่างแข็งขันมากเท่าไหร่ความยิ่งใหญ่ของรัสเซียก็จะยิ่งเติบโตมากขึ้นเท่านั้น

มหาวิทยาลัยแห่งรัฐรัสเซีย. I. กันต์

แผนกประวัติศาสตร์

การอ้างอิงประวัติศาสตร์

ดำเนินการโดยนักเรียน ผม แน่นอน

"ประวัติศาสตร์" แบบพิเศษ

Dolotova Anastasia

คาลินินกราด

บทนำ

งานหลักของงาน:

อธิบายลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่พิเศษและเฉพาะเจาะจง

ประเมินชะตากรรมทางประวัติศาสตร์ของอนุสรณ์สถาน

วิหารเซนต์โซเฟีย (เคียฟ)

เวลาสร้าง: 1017-1037

วิหารแปลงร่าง (Chernigov)

เวลาสร้าง: ประมาณ 1036

มหาวิหารเซนต์โซเฟีย (Polotsk)

เวลาสร้าง: 1044-1066

วิหารเซนต์โซเฟีย (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1045-1050

มหาวิหารเซนต์ไมเคิลแห่งอาราม Vydubetsky (เคียฟ)

เวลาสร้าง: 1070-1088

อาสนวิหารอัสสัมชัญของอาราม Kiev-Pechersk

เวลาสร้าง: 1073-1078

วิหาร Nikolo-Dvorishchensky (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1113-1136

อาสนวิหารการประสูติของอาราม Antoniev (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1117

วิหารเซนต์จอร์จในอาราม Yuriev (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1119

John the Baptist Church บน Opoki (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1127-1130

คริสตจักรริเริ่มโดยเจ้าชาย Vsevolod Mstislavich ซึ่งเป็นหลานชายของ Vladimir Monomakh

โบสถ์ Peter and Paul (Smolensk)

เวลาสร้าง: 1140-1150

วิหารแปลงร่าง (Pereslavl-Zalessky)

เวลาสร้าง: 1152-1157

เจ้าชาย Yuri Dolgoruky ก่อตั้งวิหาร Transfiguration ในเมือง Pereslavl-Zalessky ซึ่งเขาก่อตั้งขึ้น ส่วนบนของวิหารสร้างเสร็จโดย Andrei Bogolyubsky ลูกชายของเขาความกว้างของวิหารมากกว่าความสูง เป็นวิหารสามเหลี่ยมเกือบสี่เหลี่ยมมีเสารูปกากบาทสี่ต้นรองรับห้องใต้ดินและโดมเดี่ยว เครื่องอาภรณ์ด้านข้างไม่ได้ปิดด้วยแท่นบูชา แต่เปิดให้ผู้มาสักการะได้เห็นอย่างอิสระ รูปแบบของมันพูดน้อยและเข้มงวด กลองและส่วนหัวขนาดใหญ่ทำให้โครงสร้างดูทหาร หน้าต่างกลองที่มีลักษณะเป็นช่องแคบเกี่ยวข้องกับช่องโหว่ของป้อมปราการ ผนังของมันถูกแบ่งโดย scapulae ออกเป็นสปินเนอร์เสร็จสิ้นโดย zakomaras ซึ่งส่วนกลางมีขนาดใหญ่กว่าด้านข้าง อาคารมีลักษณะการแตกผังที่ชัดเจนมาก

อาสนวิหารอัสสัมชัญ (วลาดิเมียร์)

เวลาสร้าง: 1158-1160

อาสนวิหารอัสสัมชัญ (Vladimir-Volynsky)

เวลาสร้าง: 1160

มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นตามคำสั่งของเจ้าชาย Mstislav Izyaslavich แต่ไม่ใช่ในเมือง Detinets แต่อยู่ในเมืองวงเวียน สำหรับการก่อสร้างมหาวิหารเจ้าชายได้นำสถาปนิก Pereyaslavl มาที่ Vladimir ตั้งแต่ก่อนหน้านั้นเขาปกครองใน Pereyaslavl-Russky ผลงานของช่างฝีมือจากเมืองนี้ได้รับการยืนยันด้วยเทคนิคพิเศษในการปั้นอิฐ พวกเขามีคุณภาพสูงมาก: การยิงที่ดีและความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยม โบสถ์สร้างโดยใช้เทคนิคการก่ออิฐชั้นเท่ากัน ความหนาของรอยต่อปูนจะเท่ากับความหนาของอิฐโดยประมาณ มีช่องในผนังจากความสัมพันธ์ไม้ผุ อาสนวิหารอัสสัมชัญเป็นวิหารขนาดใหญ่หกเสาสามยอด narthex กั้นด้วยผนังจากห้องหลัก เพื่อความสมมาตรที่เข้มงวดและความสมดุลของมวลทั้งหมดของอาคารจึงไม่มีส่วนเสริมใด ๆ และแม้แต่หอคอยที่นำไปสู่คณะนักร้องประสานเสียง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกตีด้วยไม้จากพระราชวังของเจ้าชาย การแบ่งพื้นที่ภายในโดยเสารองรับสอดคล้องกับเสากึ่งทรงพลังบนอาคารและผนังของผนังจะเสร็จสมบูรณ์โดยโค้ง - ซะโคมาราที่สอดคล้องกับห้องใต้ดินรูปครึ่งวงกลมวิหารในวลาดิเมียร์สร้างขึ้นตามรูปและอุปมาของวิหารใน เคียฟ มหาวิหารได้รับความเสียหายหลายครั้งถูกปล้นมากกว่าหนึ่งครั้ง ในศตวรรษที่ 18 ในช่วงเปเรสทรอยก้ามีการบิดเบือนอย่างหนัก อาสนวิหารอัสสัมชัญพระแม่มารีย์ในวลาดิมีร์ - โวลินสกีเป็นโบสถ์ประเภทนี้ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาอนุสรณ์สถานในศตวรรษที่ 12

โบสถ์ John the Theologian (Smolensk)

เวลาสร้าง: 1160-1180

ประตูทอง (Vladimir)

เวลาสร้าง: 1164

โบสถ์เซนต์จอร์จ (Staraya Ladoga)

เวลาสร้าง: 1165

โบสถ์เซนต์จอร์จอาจถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะในปี ค.ศ. 1164 ของพลเมืองลาโดกาและทีมนอฟโกรอดเหนือชาวสวีเดนโดยเจ้าชาย Svyatoslav หรือนายกเทศมนตรี Zakhari พื้นที่ของวิหารสี่เสานี้มีเพียง 72 ตารางเมตร เมตร. ด้านตะวันออกของลูกบาศก์ยาวถูกครอบครองโดยสามเอปสูงถึงซาโกมาระ ปริมาตรลูกบาศก์ของอาคารถูกผ่าออกด้วยใบมีดที่เรียบง่ายและใหญ่โต กลองเบาที่มีโดมรูปหมวกกันน็อกครอบทับมวลรวมของโบสถ์ ความสูง 15 เมตร แทนที่จะเป็นนักร้องประสานเสียงพื้นไม้ถูกสร้างขึ้นโดยเชื่อมต่อสองโบสถ์ด้านข้างในส่วนมุมของชั้นที่สอง อาคารที่มีรูปครึ่งวงกลมของ zakomar ถูกแยกชิ้นส่วนด้วยใบมีดการตกแต่งบนด้านหน้าของวิหารนั้นดูตระหนี่มากและถูก จำกัด ไว้ที่บัวที่ขรุขระตามแนวของซาโคมาร์ (บัวไม่ได้รับการบูรณะในระหว่างการบูรณะ) และส่วนโค้งแบนบน ด้านบนของกลองรากฐานของอนุสาวรีย์ Ladoga เก่าประกอบด้วยโขดหินและลงไป 0.8 เมตร ชั้นของอิฐที่ปรับระดับวางอยู่ด้านบนของฐานราก ผนังของวัดประกอบด้วยแผ่นหินปูนและอิฐเรียงสลับกัน แต่แผ่นคอนกรีตมีลักษณะเด่นกว่า ปูนก่ออิฐ - หินปูนที่มีเสาหิน จิตรกรรมฝาผนังของกลองโดมวงกตทางตอนใต้และเศษชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่เหลือรอดมาจนถึงทุกวันนี้ ในคริสตจักรลาโดกาเก่าเราเห็นความสอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างรูปลักษณ์ภายนอกและการตกแต่งภายในของอาคาร การออกแบบโดยทั่วไปสามารถมองเห็นได้ชัดเจน

โบสถ์ Elias (Chernigov)

เวลาสร้าง: ประมาณปี 1170

โบสถ์ Boris and Gleb (Grodno)

เวลาสร้าง: 1170s

โบสถ์แห่งการประกาศใน Arkazhi (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1179

ตามตำนานวัดถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงชัยชนะของชาว Novgorodians เหนือชาว Suzdal ในปี ค.ศ. 1169 โดยได้รับการขอร้องอย่างน่าอัศจรรย์ของไอคอน "Our Lady of the Sign" วิหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสโดยมีเสาสามเสาทางด้านทิศตะวันออกและเสาสี่เหลี่ยมสี่เสารองรับโดมเดียวในโครงสร้างเชิงปริมาตร - เชิงพื้นที่ของโบสถ์ประกาศแนวโน้มของสถาปัตยกรรม Novgorod ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของศตวรรษที่สิบสองต่อสถาปัตยกรรมแบบเรียบง่าย การลดพื้นที่ภายในและการประหยัดวัสดุก่อสร้างเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน วิหารเป็นรูปโดมกากบาทที่มีหัวส่องสว่างหนึ่งอันซึ่งรองรับด้วยเสาสี่เหลี่ยม ด้านทิศตะวันออกของแท่นบูชาประกอบด้วยสามอัปสร เริ่มแรกอาคารมีขนาดเล็ก โบสถ์ Arkazhskaya สร้างด้วยแผ่นหินปูนยึดด้วยปูนซีเมนต์ปูนซีเมนต์และสถานที่สำคัญที่สุดทำด้วยอิฐ: ห้องใต้ดินกลองหัว ที่แท่นบูชาด้านซ้ายมีอักษรโบราณสำหรับพิธีล้างบาป (มีโครงสร้างคล้ายกับ "จอร์แดน") อ่างเก็บน้ำทรงกลมวางอยู่บนพื้นหินมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 เมตรซึ่งออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ ในปี 1189 ได้มีการทาสีวิหาร

Michael the Archangel Svirskaya Church (Smolensk)

เวลาสร้าง: 1180-1197

วิหาร Dmitrovsky (Vladimir)

เวลาสร้าง: 1194-1197

โบสถ์แห่งพระผู้ช่วยให้รอดบน Nereditsa (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1198

โบสถ์ Paraskeva Friday (Chernigov)

เวลาสร้าง: 1198-1199

ไม่ทราบเวลาในการก่อสร้างโบสถ์ Paraskeva Friday และชื่อของลูกค้า เป็นไปได้มากว่าคนค้าขายสร้างมันด้วยเงินของตัวเอง ขนาดของโบสถ์มีขนาดเล็ก - 12 x 11.5 ม. คริสตจักรโบราณที่ขายเป็นของวิหารโดมเดียวขนาดเล็กที่มีเสาสี่เสา แต่อาคารประเภทนี้แพร่หลายในศตวรรษที่สิบสองได้รับการพัฒนาโดยสถาปนิกนิรนามในรูปแบบใหม่ทั้งหมด เขาวางเสาไว้กว้างผิดปกติกดเข้ากับผนังซึ่งช่วยให้เขาสามารถขยายห้องกลางของพระวิหารได้มากที่สุดและในรูปแบบใหม่ในรูปแบบครึ่งหางสร้างส่วนมุมของซุ้มซึ่งเขาทำใน วงกลมหนึ่งในสี่ การเปลี่ยนไปใช้กลองสูงและใหญ่นั้นดำเนินการด้วยความช่วยเหลือของส่วนโค้งที่ยกขึ้นและโคโคชนิกสองแถว apses ขนาดเล็กจะต่ำกว่า zakomara เล็กน้อย พอร์ทัลของคริสตจักร Pyatnitskaya สร้างขึ้นด้วยกรอบที่มีโปรไฟล์เหนือพวกเขามีขอบถนน ด้านบนมีลวดลายของอิฐที่คดเคี้ยวและที่สูงกว่านั้นก็มีการตกแต่งที่มีการเก็บรักษาซากปูนปลาสเตอร์ไว้ เหนือพวกเขาคือเข็มขัดของ "นักวิ่ง" หน้าต่างสามบานทำให้กระจาดกลางสมบูรณ์ การใช้อิฐอย่างชำนาญทำให้โครงสร้างมีลักษณะพิเศษ: กำแพงอิฐสองก้อนที่มีหินอุดช่องว่างระหว่างพวกเขาและอิฐต่อสู้กับปูน หลังจาก 5-7 แถวการก่ออิฐก็ต่อเนื่องกันหลังจากนั้นพวกเขาก็เปลี่ยนไปใช้เทคนิคการหนุนหลังอีกครั้งนายตัดสินใจที่จะจัดวางส่วนโค้งที่โยนเหนือเสาเหนือส่วนโค้ง ดังนั้นกลองที่วางอยู่บนส่วนโค้งจึงลอยขึ้นเหนือกำแพงอย่างเห็นได้ชัด ความละเอียดรอบคอบของงานก่ออิฐทรยศต่อมือของปรมาจารย์ไบแซนไทน์ บางทีอาจเป็น Peter Miloneg แม้พระวิหารจะมีขนาดเล็ก แต่อาจารย์ก็ยังสร้างแผงขายนักร้องประสานเสียง แต่ก็มีขนาดแคบและบันไดแคบแบบเดียวกันในกำแพงด้านตะวันตก

Paraskevy Friday Church บน Torgu (Novgorod)

เวลาสร้าง: 1207

สรุป

รายชื่อวรรณกรรมที่ใช้:

2. Rappoport PA สถาปัตยกรรมรัสเซียเก่า - SPb, 2536

3. วัดรัสเซีย / ed. กลุ่ม: T.Kashirina, G.Evseeva - M .: สารานุกรม Mir, 2006

ข้อมูลทางประวัติศาสตร์โดยละเอียดครั้งแรกเกี่ยวกับชีวิตของบรรพบุรุษของเราชาวสลาฟตะวันออกมีอายุย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 9-10 นอกจากนี้ยังมีหลักฐานโบราณอีกมากมาย แต่ก็ยังคลุมเครือมากจนนักวิทยาศาสตร์ยังคงเถียงไม่ว่าจะเกี่ยวกับชาวสลาฟหรือเกี่ยวกับชนชาติอื่น แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าในศตวรรษที่ IX บรรพบุรุษของเราไม่มีประวัติศาสตร์ของพวกเขาเอง เพียงแค่ว่าสภาพธรรมชาติและสังคมที่พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ได้มีส่วนช่วยในการเก็บรักษาข้อมูล ดินแดนสลาฟส่วนใหญ่เป็นที่ราบป่าที่อุดมสมบูรณ์และชื้น ที่นี่มีหินไม่มากนัก แต่ไม้เยอะมาก ดังนั้นไม้จึงเป็นวัสดุก่อสร้างหลักมานานหลายศตวรรษ อาคารหินปรากฏในรัสเซียเฉพาะกับการยอมรับของคริสต์ศาสนาในตอนท้ายของศตวรรษที่ 10 จากช่วงเวลานี้เองที่เรื่องราวของสถาปัตยกรรมสลาฟตะวันออกควรจะเริ่มต้นขึ้น แน่นอนว่ามีเหตุผลทุกประการที่จะเชื่อว่าก่อนการล้างบาปผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารสลาฟได้สร้างโครงสร้างที่สวยงาม แต่ไม้เป็นวัสดุที่เปราะบางมากและเราแทบไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสถาปัตยกรรมของรัสเซียก่อนคริสต์ศักราช

การฟื้นฟู Sofia Kievskaya

วิหารการเปลี่ยนแปลงใน Chernigov

Church of the Tithes ในเคียฟ 989-996 พยายามสร้าง Yu S. Aseev

อาคารหินแห่งแรกที่เรารู้จักในรัสเซียคือโบสถ์ที่เรียกว่า Church of the Tithes ซึ่งสร้างขึ้นในปี 989 - 996 ตามคำสั่งของเจ้าชายวลาดิเมียร์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ในเคียฟ น่าเสียดายที่มันไม่รอดและตอนนี้เราสามารถเห็นเพียงเส้นของรากฐานและโครงสร้างที่สร้างใหม่โดยนักวิทยาศาสตร์ คริสตจักรนี้สร้างขึ้นโดยผู้สร้างไบแซนไทน์และเกือบจะทำซ้ำรูปแบบการข้ามโดมคลาสสิกของไบแซนไทน์

โบสถ์คริสต์รัสเซียที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้คือเซนต์โซเฟียแห่งเคียฟที่มีชื่อเสียงสร้างขึ้นในปี 1037 - 1054 ตามคำสั่งของ Yaroslav the Wise คริสตจักรไบแซนไทน์ยังเป็นแบบอย่างของเธอ แต่มีการแสดงลักษณะเฉพาะของชาติที่นี่แล้วภูมิทัศน์โดยรอบจะถูกนำมาพิจารณาด้วย ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมานับตั้งแต่รัชสมัยของยาโรสลาฟโซเฟียถูกสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งและรูปลักษณ์ดั้งเดิมก็เปลี่ยนไป เราจะบอกคุณเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในบทความที่อุทิศให้กับอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมของยูเครนโดยเฉพาะ อนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของ Kievan Rus คือวิหาร Transfiguration Cathedral ใน Chernigov ซึ่งสร้างโดย Prince Mstislav Vladimirovich

ผู้ช่วยให้รอด - วิหาร Reobrazhensky ใน Chernigov

ขั้นตอนต่อไปในการพัฒนาสถาปัตยกรรมของ Rus ไม่เกี่ยวข้องกับเคียฟอีกต่อไป แต่กับ Novgorod ซึ่งเป็นเมืองการค้าขนาดใหญ่ที่ชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือของดินแดนสลาฟ ที่นี่ในปี 1045-1055 โซเฟียถูกสร้างขึ้นเอง พื้นฐานของการก่อสร้างคล้ายกับต้นแบบไบแซนไทน์ แต่รูปลักษณ์และความประทับใจโดยทั่วไปที่วัดสร้างขึ้นนั้นห่างไกลจากต้นแบบเหล่านี้ ปริมาตรหลักของอาคารเข้าใกล้ลูกบาศก์ในรูปทรงของมัน แต่นาฟทั้งห้ามีเพดานโค้งมนของตัวเอง โบสถ์แห่งนี้ได้รับการสวมมงกุฎด้วยโดมหกโดมในตอนแรกพวกเขามีรูปร่างคล้ายหมวกกันน็อกจากนั้นก็ถูกแทนที่ด้วยรูปหัวหอม โดมรูปหมวกกันน็อคเป็นสถาปัตยกรรมรัสเซียโบราณที่เก่าแก่ที่สุด ต่อมาหลังคาทรงปั้นหยาและโดมรูปโค้งคำนับปรากฏขึ้น กำแพงขนาดใหญ่ของ Sofia Novgorodskaya นั้นปราศจากการตกแต่งใด ๆ และถูกตัดผ่านด้วยหน้าต่างแคบ ๆ เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น วัดเป็นศูนย์รวมของความงามที่เข้มงวดและกล้าหาญและอยู่ในความกลมกลืนกับภูมิประเทศทางตอนเหนือได้อย่างน่าอัศจรรย์

Apse of the Spaso - วิหารแห่งการเปลี่ยนแปลงใน Chernigovi

โบสถ์เซนต์นิโคลัสในเดือนกรกฎาคมใกล้กับ Novgorod 1292 รู

ในศตวรรษที่สิบสอง ใน Novgorod มีการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบสาธารณรัฐ เหตุการณ์ทางการเมืองนี้สะท้อนให้เห็นในการพัฒนารูปแบบสถาปัตยกรรม แทนที่จะเป็นมหาวิหารขนาดใหญ่มีการสร้างโบสถ์ขนาดเล็ก ในเวลานี้คริสตจักรโดมเดียวเกิดขึ้นซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแบบคลาสสิก

ตัวอย่างทั่วไปของโครงสร้างสถาปัตยกรรมดังกล่าวคือโบสถ์แห่งพระผู้ช่วยให้รอด - Nereditsa ซึ่งสร้างขึ้นใกล้กับ Novgorod ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 12 มันเป็นปริมาตรลูกบาศก์ธรรมดาที่มีโดมเดียวบนถังแปดเหลี่ยม คริสตจักรดังกล่าวถูกสร้างขึ้นใน Novgorod ในศตวรรษที่สิบสี่ สถาปัตยกรรมของอาณาเขต Pskov ที่อยู่ใกล้เคียงนั้นคล้ายคลึงกับของ Novgorod มากแม้ว่าอนุสาวรีย์จะมีขนาดใหญ่กว่าก็ตาม

Sofia Novgorodskaya

Novgorod วิหารเซนต์จอร์จแห่งอาราม Yuriev

Pskov มหาวิหารของอาราม Ivanovsky ครึ่งแรกของศตวรรษที่ 12

ตลอดเวลาในรัสเซียพวกเขายังคงสร้างไม่เพียง แต่จากหิน แต่ยังสร้างจากไม้ด้วย สิ่งนี้บ่งชี้อย่างน้อยก็ด้วยความจริงที่ว่าในการพัฒนารูปแบบของสถาปัตยกรรมหินอิทธิพลที่เห็นได้ชัดของสถาปัตยกรรมไม้นั้นชัดเจน อย่างไรก็ตามอนุสาวรีย์ไม้ส่วนใหญ่ที่ยังมีชีวิตอยู่ในยุคของเราถูกสร้างขึ้นในภายหลังและจะกล่าวถึงแยก

หลังจากการลดลงของเคียฟในศตวรรษที่สิบสอง การก่อสร้างด้วยหินยังได้รับการพัฒนาอย่างแข็งขันในอาณาเขต Vladimir-Suzdal ในรัชสมัยของเจ้าชาย Andrei Bogolyubsky ผู้สร้างเมือง Vladimir เป็นเมืองหลวงของเขามีการสร้างอนุสรณ์สถานที่น่าทึ่งมากมายที่นั่น วิหารวลาดิเมียร์เป็นแบบจำลองสำหรับเจ้านายชาวอิตาลีเมื่ออยู่ในศตวรรษที่ 15 สร้างมหาวิหารแห่งมอสโกเครมลิน

คริสตจักรของการขอร้องใน Nerl Vladimir - ราชรัฐ Suzdal

โบสถ์ Theodore Stratilates บนลำธารใน Novgorod (1360-61)

สถาปัตยกรรมของอาณาเขต Vladimir-Suzdal ไม่รุนแรงเท่าสถาปัตยกรรมทางตอนเหนือของรัสเซีย ซุ้มที่นี่สามารถตกแต่งด้วยเสากึ่งบาง ๆ ที่เชื่อมต่อกันด้วยซุ้มเล็ก ๆ และเครื่องประดับที่ซับซ้อน วิหารที่หรูหราที่สุดในสไตล์นี้คือวิหาร Dmitrievsky ใน Vladimir ในบรรดาของประดับตกแต่งเราเห็นใบไม้เก๋ ๆ และแม้แต่กริฟฟินสัตว์ที่น่าอัศจรรย์

มอสโกเครมลินและมหาวิหารที่มีชื่อเสียง

วลาดิเมียร์. ประตูทอง

ในศตวรรษที่ 15 ดินแดนสลาฟตะวันออกกำลังค่อยๆรวมตัวกันภายใต้การปกครองของเจ้าชายแห่งมอสโก จากป้อมปราการประจำจังหวัดมอสโกกลายเป็นเมืองหลวงของรัฐใหญ่และเจ้าชายเริ่มถูกเรียกว่าซาร์ ในเรื่องนี้มีการเปิดเผยการก่อสร้างที่กว้างขวางที่นี่ ในเวลานี้เองที่พระราชวังเครมลินถูกสร้างขึ้นกำแพงและหอคอยที่พวกเราทุกคนคุ้นเคยตั้งแต่วัยเด็กจากภาพวาดและภาพถ่ายมากมาย มหาวิหารที่มีชื่อเสียงของเครมลินถูกสร้างขึ้นในเวลาเดียวกัน ดังที่ได้กล่าวไปแล้วคริสตจักรของ Vladimir และ Suzdal มีไว้สำหรับกลุ่มตัวอย่าง อย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมมอสโกในยุคนี้ไม่เพียง แต่คล้ายคลึงกับรุ่นก่อน ๆ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำแรงจูงใจใหม่ ๆ ใช่ในช่วงเวลานี้หอระฆังเริ่มสร้างขึ้นโดยตั้งอยู่แยกจากอาคารหลักของโบสถ์ ในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่สิบหก โบสถ์หินที่มีหลังคาทรงปั้นหยาซึ่งสวมมงกุฎด้วยโดมซึ่งมีรูปทรงของพีระมิดยาวได้รับความนิยม จนถึงปัจจุบันการเคลือบผิวดังกล่าวเป็นเรื่องปกติสำหรับสถาปัตยกรรมไม้หรือโครงสร้างทางโลกเท่านั้น โบสถ์หินหลังคาทรงเต็นท์แห่งแรกคือ Church of the Ascension ในหมู่บ้าน Kolomenskoye ใกล้มอสโกสร้างขึ้นโดยซาร์วาซิลีที่ 3 เพื่อเป็นเกียรติแก่การเกิดของลูกชายของเขาซาร์อีวานผู้น่ากลัวในอนาคต ปัจจุบันอนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ภายในเมือง

มหาวิหาร Dmitrievsky ใน Vladimir

มอสโก. หอระฆัง Ivan the Great 1505-1508 biennium

อาสนวิหารอัสสัมชัญแห่งมอสโกเครมลิน

1475-1479 รู สถาปนิก Aristotle Fioravanti

สถานที่พิเศษท่ามกลางอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมของมอสโกรัสเซียถูกครอบครองโดยมหาวิหารแห่งการขอร้องหรือที่รู้จักกันดีในชื่อมหาวิหารเซนต์บาซิลซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 แต่ในรัชสมัยของ Ivan the Terrible ตั้งอยู่ที่จัตุรัสแดงในมอสโกว์และอย่างน้อยทุกคนก็เคยเห็นภาพของเขา มหาวิหารประกอบด้วยเสาเก้าต้นที่สูงจากชั้นใต้ดินล้อมรอบด้วยหอศิลป์เดียว แต่ละคนมีการเคลือบที่ไม่เหมือนใคร เหนือเสากลางสุดฝาปิดเป็นทรงปั้นหยาส่วนอื่น ๆ จะสวมมงกุฎด้วยโดมรูปหัวหอม แต่ละโดมมีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์และมีการทาสีในแบบของตัวเอง วิหารที่สว่างไสวให้ความรู้สึกเหมือนของเล่นที่มีลวดลายระบายสี แต่ในขณะเดียวกันก็ดูสง่างาม ท้ายที่สุดแล้วมหาวิหารเซนต์บาซิลถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะทางทหารที่ยิ่งใหญ่ของรัฐมอสโก - การยึดเมืองหลวงของคาซานคานาเตะ

อาสนวิหารอัสสัมชัญแห่งมอสโกเครมลิน 1475-79 ปีวางแผนและวิเคราะห์สัดส่วน

มหาวิหารแห่งการประกาศในมอสโกเครมลิน 1484-1489 biennium

โบสถ์แห่งการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ใน Kolomenskoye

ในช่วงศตวรรษที่สิบหก รัฐ Muscovite ต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างต่อเนื่องกับราชรัฐลิทัวเนียที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนี้จากทางเหนือเธอถูกคุกคามโดยชาวสวีเดนและจากทางใต้โดยพวกตาตาร์ไครเมีย ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงมีการสร้างป้อมปราการมากมาย อารามที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศมักจะถือว่าบทบาทของป้อมปราการทางทหาร อารามดังกล่าว - ป้อมปราการ ได้แก่ อาราม Trinity ใกล้มอสโกว

มหาวิหารเซนต์บาซิล

Cyril - อาราม Belozersky ในภูมิภาค Vologda อาราม Solovetsky บนทะเลสีขาว

มอสโก. โบสถ์ Trinity ใน Nikitniki (1631-1634) มุมมองและแผนทั่วไป

ศตวรรษที่ 17 เป็นช่วงเวลาแห่งความตกต่ำทางเศรษฐกิจและการเมืองของรัฐมอสโก มันกำลังถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากสงครามภายในซึ่งศัตรูภายนอกเข้าร่วมด้วยความเต็มใจ ดังนั้นในปัจจุบันยังไม่มีการก่อสร้างหลัก ๆ แต่อาคารขนาดเล็กกำลังถูกสร้างขึ้นซึ่งมีขนาดพอประมาณซึ่งได้รับการชดเชยด้วยการตกแต่งจำนวนมาก สำหรับการตกแต่งของพวกเขาอิฐที่มีรูปทรงพิเศษถูกสร้างขึ้นซึ่งมีการจัดวางรายละเอียดการตกแต่ง ส่วนที่ยื่นออกมาขนาดเล็กทาสีขาวและโดดเด่นอย่างสดใสเมื่อเทียบกับพื้นหลังสีแดงอิฐ โครงสร้างล้อมรอบทุกด้านด้วยจั่วขนาดเล็กซ้อนทับกัน เครื่องประดับปกคลุมผนังอย่างหนาแน่นจนมักเรียกสไตล์นี้ว่า "ลวดลาย" อนุสรณ์สถานดังกล่าว ได้แก่ Church of the Nativity of the Virgin ใน Putinki และ Church of the Trinity ใน Ostankino ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 17 มีการออกพระราชกฤษฎีกาโดยพระสังฆราชนิคอนมอสโกในการต่อสู้กับการตกแต่งคริสตจักรทางโลกมากเกินไป ในพระราชกฤษฎีกานี้โดยวิธีการแล้วหลังคาทรงปั้นหยาที่คลุมอาคารทางศาสนาเป็นสิ่งต้องห้ามเนื่องจากยืมมาจากสถาปัตยกรรมทางโลก ตามข้อเสนอของพระสังฆราชคริสตจักรออร์โธดอกซ์จะได้รับการสวมมงกุฎด้วยโดมรูปโบว์แบบดั้งเดิม หลังคำสั่งเต็นท์วัดหายไปในเมืองหลวง แต่ยังคงสร้างต่อไปในเมืองต่างจังหวัดและโดยเฉพาะในหมู่บ้าน ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 17 มีผลตอบแทนบางส่วนจาก "รูปแบบความถี่" ไปสู่สไตล์รัสเซียโบราณที่เข้มงวดขึ้น ตัวอย่างของสถาปัตยกรรมดังกล่าวอาจเป็นชุดเครมลินในรอสตอฟมหาราช

ยาโรสลาฟล์. ทั้งมวลใน Korovniki

ยาโรสลาฟล์. โบสถ์ St.John Chrysostom ใน Korovniki วางแผน

กรุกระเบื้องรอบหน้าต่างของแท่นบูชากลาง (ปลายศตวรรษที่ 17)

แต่ความเข้มงวดในการแนะนำเทียมในครั้งนี้ไม่ได้อยู่เป็นเวลานานในสถาปัตยกรรมของรัฐมอสโก แรงผลักดันใหม่สำหรับการพัฒนารูปแบบที่สดใสสง่างามคือการผนวกยูเครนซึ่งบาโรกในยุโรปตะวันตกได้แพร่หลายไปแล้วและรูปแบบดั้งเดิมของสไตล์นี้ได้ถือกำเนิดขึ้น ผ่านยูเครนบาร็อคมาถึงรัสเซีย

มหาวิหารในอาณาเขตของ Rostov Kremlin