ขอให้เป็นวันที่ดีผู้อ่านบล็อกของฉัน! เราได้หารือถึงความจำเป็นในการตั้งเป้าหมายหลายครั้ง เรียนรู้ที่จะทำอย่างถูกต้อง ทีละประเด็น โดยยึดตามแผนและการจัดหมวดหมู่ และในวันนี้ ตัวอย่างเช่น และแรงจูงใจ ฉันได้เตรียมรายการ 100 เป้าหมายในชีวิตของบุคคล ซึ่งบางประเด็นที่คุณอาจพบว่ามีประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจ ท้ายที่สุดถ้าคุณจำบทความ "" - วิถีชีวิตที่ขาดความรับผิดชอบและไร้สติเช่นนี้อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้า ดังนั้นเมื่อมีแผนหลายปีก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะป่วย

กฎพื้นฐาน

เพื่อความสำเร็จ , การพัฒนาและส่งเสริมความสามัคคีและสำหรับสิ่งนี้ที่บุคคลกำหนดเป้าหมายฉันได้ระบุ 5 ด้านหลักโดยไม่สนใจซึ่งจะไม่ให้ความรู้สึกของความบริบูรณ์และคุณภาพชีวิต กฎหลักคืออย่าเก็บรายการนี้ไว้ในหัว คุณต้องเขียนมันลงบนกระดาษอย่างแน่นอน สิ่งนี้จะทำให้เกิดความรับผิดชอบต่อกระบวนการ และยังเตือนคุณถึงบางสิ่งที่คุณสามารถลืมได้โดยสิ้นเชิง พยายามเติมเต็มความฝันเร่งด่วนที่สุดในช่วงเวลานี้

รายการนี้สามารถแขวนไว้ในห้องหรือสำนักงานเพื่อให้อยู่ต่อหน้าต่อตาคุณ หรือเก็บไว้ไม่ให้คนสอดรู้สอดเห็นหากมีข้อมูลที่คุณไม่ต้องการแชร์กับผู้อื่น ฉันเขียนเป้าหมายของคนอื่น พวกเขาสามารถเป็นตัวอย่างสำหรับคุณ เพราะทุกคนมีความสนใจและความต้องการที่แตกต่างกัน เพียงแค่ลองแต่ละชิ้นด้วยตัวคุณเองและฟังว่าพอดีหรือไม่

ฉันขอเตือนคุณว่าฉันเขียนเกี่ยวกับเป้าหมายของฉัน

ทรงกลม

1. การพัฒนาจิตวิญญาณ

เพื่อให้เข้าใจมากขึ้นว่าทำไมเราถึงต้องการมัน ฉันแนะนำให้อ่านบทความ กล่าวโดยย่อ ฉันสามารถพูดได้ว่าต้องขอบคุณเขาที่เราสามารถเรียกตัวเองว่าไม่ใช่แค่บุคคล แต่เป็นคน เพิ่มความนับถือตนเองและระดับของความมั่นใจในตนเอง

1. ฝึกการยืนยันเชิงบวก
2. เริ่ม/เรียนจบภาษาต่างประเทศ
3. จัดการกับความคับข้องใจที่สะสมไว้ ตระหนักและปล่อยวาง
4. อ่านหนังสือพัฒนา 100 อันดับแรก
5. ฟังความรู้สึกและความรู้สึกของตนเองเพื่อให้รับรู้ได้อย่างถูกต้องทุกเย็น จดจำความรู้สึกอย่างน้อย 5 ความรู้สึกที่คุณได้รับในระหว่างวัน
6. ฝึกสมาธิให้นานขึ้นทุกวัน
7. เรียนขับรถ
8. สร้างภาพตัดปะด้วยความปรารถนา
9. ไปโบสถ์สัปดาห์ละครั้ง
10. ฝึกวิธีสร้างภาพอัลฟ่าทุกวัน
11. เรียนรู้ที่จะยอมรับกับความไม่สมบูรณ์แบบของคนอื่น ยอมรับในสิ่งที่พวกเขาเป็น
12. ตระหนักถึงความหมายของจุดประสงค์ของคุณ
13. ทำความรู้จักตัวเองให้ดีขึ้นด้วยการตรวจสอบตัวเองโดยใช้เทคนิคต่างๆ สังเกตข้อผิดพลาด วิเคราะห์ดู
14. ชมภาพยนตร์ 50 เรื่องจากเหตุการณ์จริงและแรงบันดาลใจเพื่อให้บรรลุ
15. เริ่มจดไดอารี่ จดเหตุการณ์และความคิดที่สำคัญที่สุด
16. พบกับคนใหม่ที่น่าสนใจสัปดาห์ละครั้ง
17. เอาชนะความกลัวในการพูดในที่สาธารณะ
18. เรียนรู้ที่จะปรับความคิดเห็นของคุณ
19. เรียนรู้ภาษามือและเทคนิคการจัดการขั้นพื้นฐาน
20. เรียนเล่นกีต้าร์

2.พัฒนาการทางร่างกาย

1. ทำการแยก
2. เรียนรู้ที่จะเดินด้วยมือของคุณ
3. เข้ายิมอย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์
4. เลิกดื่ม สูบบุหรี่
5. เพิ่มอาหารเพื่อสุขภาพในอาหารของคุณและลดอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลให้น้อยที่สุด
6. เข้าคอร์สป้องกันตัว
7. อาบน้ำคอนทราสต์ทุกวัน
8. เดินอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
9. เรียนว่ายน้ำในรูปแบบต่างๆ
10. ไปภูเขาแล้วไปเล่นสโนว์บอร์ด
11. เข้าซาวน่าสัปดาห์ละครั้ง
12. ลองตัวเองเป็นมังสวิรัติเป็นเวลาหนึ่งเดือน
13. ไปเดินป่าคนเดียวเป็นเวลาสองสัปดาห์
14. ผ่านการตรวจสุขภาพโดยสมบูรณ์
15. ทุก ๆ สามเดือน จัดอาหารทำความสะอาด
16. ออกกำลังกายตอนเช้า 10 นาที
17. เรียนรู้ที่จะดันขึ้นด้วยการตบมือและด้วยมือเดียว
18. ถือไม้กระดานเป็นเวลา 5 นาที
19. ร่วมวิ่งมาราธอน
20. ลดน้ำหนักส่วนเกิน 5 กิโล

3.การพัฒนาด้านการเงิน

1. ที่จะซื้อรถ
2. สร้างแหล่งรายได้ทางเลือกแบบพาสซีฟ (เช่น การเช่าอพาร์ตเมนต์)
3. ทวีคูณรายได้ต่อเดือนของคุณ
4. ชำระเงินกู้ธนาคารครั้งสุดท้ายของคุณและไม่ต้องรับใหม่
5. ซ่อมแซมในอพาร์ตเมนต์
6. ซื้อแปลงที่จะสร้างกระท่อม
7. ควบคุมของเสียโดยการซื้อที่จำเป็นและตั้งใจเท่านั้น ไม่ตอบสนองต่อกลเม็ดทางการตลาดในซูเปอร์มาร์เก็ต
8. สร้างธุรกิจของคุณ
9. เก็บเงินเข้าธนาคารตามดอกเบี้ย
10. ลงทุนในความคิดที่ดี
11. เก็บเงินไปเที่ยวรอบโลก
12. เริ่มงานเพิ่มเติมในด้านไอที ในเวลาว่าง สร้างและโปรโมตเว็บไซต์
13. ให้ตั๋วผู้ปกครองไปโรงพยาบาล
14. ให้การศึกษาที่ดีแก่ลูก
15. ซื้อบ้านติดทะเลปล่อยเช่า
16. เดินทางไปโรงพยาบาลกับคนที่คุณรักเป็นประจำทุกปี
17. ทำงานการกุศล (บริจาคเงินเพื่อการรักษาผู้ยากไร้ แจกจ่ายของเล่นและสิ่งของที่ไม่จำเป็น)
18. เดือนละครั้งเพื่อซื้อสินค้าสำหรับเรือนเพาะชำ
19. เริ่มต้นองค์กรการกุศล
20. ซื้อที่ดินหลายเฮกตาร์และให้เช่าแก่เกษตรกร

อ้อ ถ้ามีปัญหาทางการเงิน แนะนำเลยค่ะ ดูซีรี่ย์เรื่องนี้. จะนำความรู้ทางการเงินของคุณไปสู่ระดับต่อไป คุณสามารถตั้งเป้าหมายได้หากต้องการ

21. ปรับปรุงความรู้ทางการเงินของคุณ (เรียนหลักสูตรความรู้ทางการเงิน).

4.การพัฒนาครอบครัว

บทบาทของเป้าหมายคือการกระชับความสัมพันธ์กับครอบครัว ไม่ใช่แค่ของตัวเอง แต่ยังรวมถึงของพ่อแม่ด้วย นี่คือพื้นฐาน กล่าวคือ รากฐาน ต้องขอบคุณการที่เราบรรลุผลสำเร็จและยืนหยัดในระหว่างความยากลำบากที่โชคชะตานำเสนอ

1. ให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ กับภรรยาทุกวัน
2. ฉลองวันครบรอบแต่งงานริมทะเล
3. อยู่ด้วยกันทุกวันหยุดกับทั้งครอบครัว
4. เยี่ยมผู้ปกครองในวันหยุดสุดสัปดาห์และช่วยงานบ้าน
5. พี่เลี้ยงหลาน
6. เฉลิมฉลองงานแต่งงานสีทองของคุณกับภรรยาของคุณ
7. เลี้ยงลูกให้มีความสุขและความรัก
8. เที่ยวกับครอบครัว
9. ทุกสุดสัปดาห์จะต้องอยู่กับครอบครัวนอกบ้าน ในธรรมชาติ ระหว่างการเดินทางหรือไปดูหนัง
10. ช่วยลูกชายของคุณเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้และสนับสนุนเขาในการแข่งขันชิงแชมป์
11. เล่นเกมกับครอบครัวในคืนวันเสาร์
12. สอนลูกปั่นจักรยาน
13. เดือนละครั้ง จัดค่ำคืนสุดโรแมนติกให้ภรรยาของคุณ
14. สอนลูกขับรถและซ่อมรถ
15. ร่วมกับภรรยาและลูกๆ วาดแผนภูมิต้นไม้ครอบครัวและเล่านิทานให้เด็กๆ ฟังเกี่ยวกับบรรพบุรุษของพวกเขาที่เราจดจำได้
16. สัปดาห์ละหลายครั้ง แทนที่จะเป็นภรรยา ช่วยลูกทำการบ้าน
17. เดือนละครั้ง เช่าห้องพักโรงแรมกับภรรยา พักผ่อน เปลี่ยนสถานการณ์ไปด้วยกัน
18. เขียนจดหมายขอบคุณถึงครอบครัวของคุณในโอกาสพิเศษ
19. ไปร้านอาหารหรือทำอาหารกลางวันและอาหารเย็นกับทั้งครอบครัวในวันหยุดสุดสัปดาห์
20. ไปกับลูกชายของคุณไปที่คอกสุนัขและเลือกสุนัขสำหรับพวกเขา

5.Fun

เพื่อให้รู้สึกมีความสุขและมีความสนใจในชีวิต การดูแลตัวเอง ทำสิ่งที่ไม่คาดคิด และปล่อยให้ตัวเองได้ผ่อนคลายเป็นสิ่งสำคัญ ในกรณีนี้พลังงานจะเพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายอื่น ๆ และระดับของความสุขและคุณค่าของชีวิตจะลดลง ปล่อยให้ตัวเองเติมเต็มจินตนาการเล็กๆ น้อยๆ ความฝันในวัยเด็ก และคุณจะรู้สึกว่าความเป็นอยู่ที่ดีของคุณเปลี่ยนไป พวกเขาคืออะไร คุณสามารถดูได้จากตัวอย่างของฉัน:

1. อยู่ในแอนตาร์กติกา
2. ให้อาหารฉลาม
3. ขี่รถถัง
4. ว่ายน้ำกับโลมา
5. ไปเกาะร้าง
6. เยี่ยมชมงานเทศกาลต่างๆ เช่น Oktoberfest ในประเทศเยอรมนี
7. ว่ายน้ำใน 4 มหาสมุทร
8. ไปเที่ยวกันเถอะ
9. เยี่ยมชมเบสแคมป์บนยอดเขาเอเวอเรสต์
10. ไปล่องเรือ
11. ขึ้นบอลลูนลมร้อน
12. อยู่หมู่บ้านอีโค่สักสองสามวัน
13. รีดนมวัว
14. กระโดดร่มชูชีพ
15. อานม้าของคุณเอง
16. เดินทางไปทิเบตและพบกับดาไลลามะ
17. พักในลาสเวกัส
18. ขี่ควอดไบค์ในทะเลทราย
19. ลองดำน้ำดู
20. เข้าคอร์สนวดทั่วไป

บทสรุป

ติ๊กแต่ละอันที่อยู่ข้างหน้าของบางอย่างจะนำมาซึ่งความพึงพอใจ ความสุข และความภาคภูมิใจจากการที่เขาสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้ ชีวิตมีหลายแง่มุม ดังนั้นเพิ่มพื้นที่ของคุณ ตัวเลือกของคุณ และเพื่อให้กระบวนการตอบสนองความต้องการของคุณเร็วขึ้น ฉันแนะนำให้อ่านบทความ อย่าลืมสมัครรับข้อมูลอัปเดตบล็อก

เท่าที่ทำได้ ฉันเขียนรายงานเกี่ยวกับความสำเร็จของเป้าหมาย บางทีคุณอาจจะสนใจหรือคุณแค่ตัดสินใจที่จะสนับสนุนฉันด้วยการแสดงความคิดเห็นในบทความ ไปยังบทความของฉันเกี่ยวกับการก้าวไปสู่เป้าหมาย ขอให้โชคดีและเติมเต็มความฝันของคุณ!

คุณนึกภาพออกไหมว่าสถานีโคจรถูกเปิดตัวเพื่อบินสู่อวกาศ และเรือเดินสมุทรที่ส่งให้เดินทางเพียงเพื่อลอย? แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ทั้งสถานีอวกาศและเรือมีเป้าหมายที่ชัดเจน และพวกมันเป็นที่รู้จักมานานก่อนจะปล่อยสู่อวกาศหรือยกเลิกแนวจอดเรือ หากพูดถึงธุรกิจแล้ว โชคไม่ดีที่บริษัทมักจะไม่กำหนดเป้าหมายเลย หรือดำเนินการกับสิ่งที่ไม่เฉพาะเจาะจง เช่น "เพิ่มผลกำไร" "ทำงานเร็วกว่าคู่แข่ง" "ปรับปรุงการผลิต" เป็นต้น ผลลัพธ์ก็คือ หากเราย้อนกลับไปเปรียบเทียบกับเรือลำนั้น เรือเดินสมุทรจะแล่นไปในมหาสมุทรเปิดด้วยความเร็วเต็มที่ ขณะที่พยายามเคลื่อนที่ให้เร็วและเร็วกว่าคนอื่น “อย่างชาญฉลาด” คุณต้องสร้างระบบการวางแผนในบริษัท และบทความนี้จะบอกวิธีการทำ

เป้าหมายควรเป็นอย่างไร

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจให้ชัดเจนว่าที่ไหน ความเร็วเท่าใด และควรเคลื่อนที่อย่างไร หากนักแม่นปืนแทนที่จะเป็นสิบคนถูกเสนอให้ยิง "ไปในทิศทางนั้น" ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตีเป้าหมายอย่างแม่นยำ นั่นคือเหตุผลที่เป้าหมายใดๆ ควรมีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง และวัดผลได้ ในการฝึกอบรมและการสัมมนา ฉันมักจะใช้รูปสัญลักษณ์ในรูปแบบของเป้าหมายเพื่อระบุเป้าหมาย ตามที่ฉันได้เห็นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สัญลักษณ์กราฟิกนี้สร้างจุดยึดที่มองเห็นในผู้คนเพื่อเตือนพวกเขาว่าเป้าหมายควรมีความชัดเจนและเฉพาะเจาะจง

ข้าว. หนึ่ง
ภาพกราฟิกของเป้าหมายในรูปแบบของเป้าหมายการยิง

มีการเขียนหนังสือและบทความมากมายเกี่ยวกับวิธีการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ การสัมมนาทั้งในระดับองค์กรและแบบเปิด การฝึกอบรม และการสัมมนาทางเว็บที่อุทิศให้กับการกำหนดเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพนั้นจัดขึ้นทุกวันในพื้นที่ต่างๆ ของรัสเซีย แม้จะมีทั้งหมดนี้ ปัญหาของการกำหนดเป้าหมายที่มีความสามารถในธุรกิจยังคงมีความเกี่ยวข้อง

ในขณะที่ผู้คนกำลังอ่านบทความหรือเข้าร่วมการฝึกอบรม พวกเขาจำได้ว่าแต่ละเป้าหมายควรมีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง วัดผลได้ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกิจกรรมประจำวันที่เร่งรีบและคึกคัก พวกเขามักจะลืมไป

การสื่อสารในหัวข้อนี้กับพนักงานและผู้จัดการของ บริษัท ต่างๆ ฉันได้ยินมาหลายครั้งแล้วว่าจำเกณฑ์ SMART ทั้งหมดได้ (เป้าหมายต้องเจาะจง (Specific) วัดได้ (Measurable) น่าดึงดูด (น่าดึงดูด) สมจริง (Realistic) กำหนดไว้ตามเวลา (Time framed), CHIRKORYA (เช่น ชัดเจน วัดผลได้ สมจริง เจาะจง กำหนดไว้ในเวลาและพื้นที่ กำหนดขึ้นในแง่ของผลลัพธ์ในภาษาของนักแสดง)และสิ่งที่คล้ายกันค่อนข้างยาก

สิ่งนี้สามารถเอาชนะได้โดยใช้อะนาล็อกรัสเซียของเทคโนโลยีการกำหนดเป้าหมายเหล่านี้ - หลักการของ "VODKA" ชื่อของมันมีความหมายแฝงจากแอลกอฮอล์และในตอนแรกอาจทำให้เกิดการปฏิเสธ แต่มันคือความนิยมของเครื่องดื่มที่สอดคล้องกับหลักการที่ช่วยให้ผู้คนจดจำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพว่าเป้าหมายควรเป็นอย่างไร ในระหว่างการฝึกอบรม การสัมมนา และการให้คำปรึกษา ฉันเชื่อมั่นในสิ่งนี้มากกว่าหนึ่งครั้ง

ตามหลักการดังกล่าว เป้าหมายควรเป็น:

• สร้างแรงบันดาลใจ;
• กำหนดเวลา;
• เข้าถึงได้;
• เฉพาะเจาะจง;
• วัดได้

เมื่อใช้หลักการเหล่านี้ เป้าหมายอสัณฐานใดๆ สามารถกำหนดได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น เป้าหมายที่คลุมเครือในการ "ค้นหาคลังสินค้า" โดยใช้หลักการเหล่านี้สามารถกำหนดได้ในรูปแบบต่อไปนี้: “ ภายในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2013 ค้นหาคลังสินค้า (จาก 500 ถึง 550 m2) ที่ตั้งอยู่ในเขตเซ็นทรัลของเมือง Ensk และสรุปสัญญาเช่าสำหรับสถานที่นี้ด้วยค่าเช่าไม่เกิน 100,000 รูเบิล ต่อเดือน ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม.

ขอบฟ้าการวางแผน

เป้าหมายของบริษัททั้งหมดสามารถแบ่งออกเป็นระยะยาว (สามถึงห้าปี) ระยะกลาง (หนึ่งถึงสามปี) ระยะสั้น (ตั้งแต่หนึ่งเดือนถึงหนึ่งปี) บางครั้งเรียกว่ายุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และการปฏิบัติงาน ตามลำดับ การวางแผนดำเนินการในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนดนั้นเป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม ในความคิดของฉัน เป้าหมายเชิงกลยุทธ์มีความสำคัญเป็นพิเศษ

หากขอบฟ้าการวางแผนของบริษัทมีแนวทางสำหรับอีกหลายปีข้างหน้า การสะสมและการใช้ทรัพยากรจะดำเนินการตามเป้าหมายระยะยาวขององค์กร หากไม่มีเป้าหมายระยะยาว ทรัพยากรของบริษัทก็ถูกใช้ไปอย่างวุ่นวายและตามอำเภอใจ - เพื่อประโยชน์ของแฟชั่นในปัจจุบันหรือเพื่อผลประโยชน์ของปัจเจกบุคคล ผลลัพธ์ในเคสแรกและเคสที่สองจะแตกต่างกันมาก เช่นเดียวกับความสำเร็จของคนหนุ่มสาวสองคนที่มักจะแตกต่างกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นเชื่อในความสำคัญของการวางแผนและมีเป้าหมาย (เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย เรียนภาษาต่างประเทศ ผ่านการทดสอบใบขับขี่ ฯลฯ ) เป็นต้น) และข้อที่สองเชื่อว่าคุณต้องมีชีวิตอยู่เพื่อวันนี้ "ออกไปเที่ยว" และไม่ "รบกวน" อะไรเลย

การมีอยู่ของเป้าหมายเชิงกลยุทธ์จะสร้างโอกาสในการกำหนดเป้าหมายทางยุทธวิธีและเป้าหมายในการปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับที่กฎหมายของรัฐทั้งหมดพัฒนาและควบคุมในรายละเอียดเพิ่มเติมประเด็นสำคัญที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ด้วยความช่วยเหลือของเป้าหมายทางยุทธวิธีและการดำเนินงาน สะพานระดับกลางจะถูกสร้างขึ้นระหว่างตำแหน่งปัจจุบันและอนาคต (ตามเวลาที่บรรลุเป้าหมายระยะยาว) ของ บริษัท.

นอกจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรแล้ว การมีเป้าหมายระยะยาวและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ยังช่วยให้องค์กรมีเสถียรภาพและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น เนื่องจากการวางแผนระยะยาวเกี่ยวข้องกับการประเมินความเสี่ยงที่เป็นไปได้ของบริษัทในการบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และการพัฒนามาตรการที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรือลดโอกาสที่จะเกิดขึ้น

พื้นที่ของการกำหนดเป้าหมายและการวางแผน

บ่อยครั้ง เป้าหมายของบริษัทเกี่ยวข้องกับการขายเท่านั้น: เพิ่มจำนวนธุรกรรม, ควบคุมตลาดภูมิภาคใกล้เคียง, ดึงดูดลูกค้าใหม่, คู่แข่งที่ไม่ได้แข่งขัน ฯลฯ แน่นอนว่าการขายเป็นหนึ่งในแง่มุมที่สำคัญที่สุดของธุรกิจ แต่ มันคงผิดที่จะจำกัดตัวเองให้อยู่กับพวกเขาเท่านั้น . ในธุรกิจใด ๆ มีพื้นที่อื่นที่ต้องให้ความสนใจ กล่าวคือ ไม่ควรกำหนดเป้าหมายเฉพาะในด้านการขาย แต่ยังรวมถึงในด้านการเงิน การผลิต การบริการ การบริหารงานบุคคล เป็นต้น

การตั้งเป้าหมายที่หลากหลายช่วยให้คุณสร้างภาพหลายมิติของผลลัพธ์ที่บริษัทมุ่งหมายได้ เจ้าของส่วนใหญ่มีวิสัยทัศน์ของตนเอง ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับจำนวนเงินที่พวกเขาต้องการจะได้รับจากธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับวิธีที่บริษัทที่พวกเขาเป็นเจ้าของควรเป็นที่รับรู้ของลูกค้าและคู่ค้า หลักการที่พนักงานควรปฏิบัติตาม มีประโยชน์อย่างไร ของบริษัทให้กับลูกค้าและสังคม และอื่นๆ เพื่อให้วิสัยทัศน์ของเจ้าของบริษัทเป็นจริง คุณต้องกำหนดเป้าหมายทั้งในด้านการขายและในด้านอื่นๆ ของธุรกิจ ในบางกรณี การมุ่งเน้นเฉพาะที่การขายและการเพิกเฉยในด้านอื่น ๆ อาจเป็นภัยคุกคามต่อการทำงานปกติของบริษัท

ตัวอย่างการปฏิบัติบริษัทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการค้าวัสดุก่อสร้างได้ตั้งเป้าหมายที่จะจัดการขายผลิตภัณฑ์ของตนให้ได้จำนวนหนึ่ง (ที่มีความทะเยอทะยานสูง) ต่อเดือน หัวหน้าแผนกการค้าได้รับแต่งตั้งให้รับผิดชอบในการบรรลุเป้าหมาย เขาใช้ความพยายามอย่างมาก และจำนวนสัญญาการจัดหาที่สรุปโดยพนักงานของเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่นอกจากนี้ บริษัทต้องเผชิญกับความจริงที่ว่าพนักงานของคลังสินค้าและแผนกจัดส่งมีงานทำเนื่องจากจำนวนภาระผูกพันที่ บริษัท ให้กับลูกค้าภายใต้สัญญาจัดหาไม่สอดคล้องกับความสามารถในแง่ของการขนส่ง การเงิน ฯลฯ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งกับซัพพลายเออร์ ลูกค้า และบริษัทขนส่ง นอกจากนี้ลูกหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นหลายเท่า (รวมทั้งหนี้ค้างชำระและหนี้สงสัยจะสูญ)

นอกจากนี้ การกำหนดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ธุรกิจต่างๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้บรรลุผลลัพธ์ทางการเงินบางอย่างเท่านั้น แต่ยังสร้างระบบธุรกิจที่แต่ละองค์ประกอบมีเวกเตอร์การพัฒนาที่ชัดเจนซึ่งช่วยให้บริษัทก้าวไปข้างหน้า หากเจ้าของและผู้บริหารตั้งเป้าหมายที่เป็นทางการไว้เฉพาะในด้านการขาย พื้นที่ธุรกิจอื่น ๆ ทั้งหมดก็อยู่ในความเมตตาของพนักงาน ซึ่งสามารถตั้งเป้าหมายที่ขัดแย้งกันหรือไม่ได้ตั้งไว้เลยและสร้าง เลียนแบบกิจกรรมที่มีพลังโดยไม่เน้นที่การบรรลุเป้าหมายใด ๆ หรือผลลัพธ์ที่แท้จริงและเป็นประโยชน์สำหรับ บริษัท

ข้อผิดพลาดทั่วไปในการตั้งเป้าหมาย

หากเจ้าของและผู้บริหารตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน วัดได้ ฯลฯ ตลอดจนแนะนำระบบการวางแผน กระบวนการกำหนดเป้าหมายจะเริ่มขึ้นในบริษัท

บ่อยครั้ง องค์กรที่เพิ่งเริ่มตั้งเป้าหมายให้เป็นทางการมักมีข้อผิดพลาดทั่วไปหลายประการ ในบรรดาเป้าหมายที่พบบ่อยที่สุด (นอกเหนือจากการตั้งเป้าหมายที่คลุมเครือ ประเมินค่าไม่ได้ ฯลฯ) สามารถแยกแยะได้สามแบบ

ข้อผิดพลาดที่หนึ่ง:บริษัทตั้งเป้าหมายที่เกือบจะสำเร็จแล้ว คุณค่าของการวางแผนดังกล่าวเป็นเพียงที่คุณสามารถทำเครื่องหมายได้ - บรรลุเป้าหมายแล้ว อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ช่วยธุรกิจจริงๆ เหตุผลที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งสำหรับแนวทางในการกำหนดเป้าหมายนี้คือความไม่ไว้วางใจของผู้บริหารในการบรรลุเป้าหมาย นั่นคือ การขาดศรัทธาในจุดแข็งของตนเองและความสามารถของพนักงาน

ข้อผิดพลาดที่สอง:บริษัทกำหนดเป้าหมายที่ขัดแย้งกันเอง (ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมายหลายข้อในคราวเดียว หรือตั้งเวกเตอร์หลายทิศทางของการเคลื่อนไหวของบริษัท) เหตุผลสำหรับสถานการณ์นี้ตามกฎอยู่ที่ความปรารถนาที่จะบรรลุทุกสิ่งในทันทีหรือไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญได้ หากบริษัทกำหนดเป้าหมายจำนวนมากเพียงพอสำหรับตัวเอง ความจำเป็นในการจัดลำดับความสำคัญ (นั่นคือ กำหนดเป้าหมายที่สำคัญที่สุด) จะกลายเป็นเรื่องสำคัญ มิฉะนั้นองค์กรสามารถบรรลุเป้าหมายเล็กน้อยโหล แต่ในขณะเดียวกันก็พลาดสองหรือสามเป้าหมายหลักซึ่งการทำงานปกติและการพัฒนาของ บริษัท ขึ้นอยู่กับ

ข้อผิดพลาดที่สาม:ตั้งเป้าหมายที่ไม่มีใครทำสำเร็จ เป้าหมายทั้งหมดของบริษัทจะต้องเปลี่ยนเป็นเป้าหมายย่อยและภารกิจ และเป็นสิ่งสำคัญที่หน่วยโครงสร้างหรือเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานเพื่อให้บรรลุตามแต่ละเป้าหมาย หากเป้าหมายถูกทำให้เป็นทางการ แต่ไม่มีผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามนั้น 99% ของกรณีจะไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อ “ทีมงานทั้งหมด”, “ทั้งบริษัท”, “พนักงานทุกคน” ฯลฯ เป็นผู้รับผิดชอบกระบวนการนี้ สถานการณ์ก็พัฒนาขึ้น เช่นเดียวกับสุภาษิตที่รู้จักกันดีว่า “พี่เลี้ยงทั้งเจ็ดมีลูกโดยไม่มีตา” นอกจากนี้ จำเป็นต้องปรับระบบแรงจูงใจที่มีอยู่ในบริษัทเพื่อแนะนำระบบการตั้งเป้าหมายและการวางแผนอย่างสม่ำเสมอ จำเป็นต้องใช้ทั้งเงิน (การจ่ายโบนัส) และรูปแบบทางศีลธรรมในการกระตุ้นบุคลากรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย (การนำเสนอใบรับรองและประกาศนียบัตรแก่พนักงานที่มีชื่อเสียง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จของเป้าหมายของ บริษัท และพนักงานที่โดดเด่นในสิ่งพิมพ์ขององค์กร การโพสต์ข้อมูล เกี่ยวกับพนักงานที่บรรลุเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ บนกระดานผู้นำ ฯลฯ)

การตั้งเป้าหมายไม่ใช่จุดสิ้นสุดของกระบวนการวางแผน แต่เป็นจุดเริ่มต้น

เมื่อแน่ใจในการกำหนดเป้าหมายแล้ว ผู้จัดการและเจ้าของหลายคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดพวกเขาก็พูดว่า "การปฏิวัติที่พวกบอลเชวิคพูดถึงมากมายได้เกิดขึ้นจริงแล้ว" อย่างไรก็ตาม อันที่จริง การทำให้เป้าหมายของบริษัทเป็นทางการนั้นไม่ใช่จุดสิ้นสุดของกระบวนการวางแผน แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ด้วยเหตุผลอย่างน้อยสองประการ

ประการแรก กระบวนการบรรลุเป้าหมายไม่ได้เกิดขึ้นทันที ดังนั้น บริษัทจำเป็นต้องจัดสรรทรัพยากรเป็นระยะ ตรวจสอบการดำเนินการตามแผนงาน ติดตามความก้าวหน้าไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ ฯลฯ นอกจากนี้ ขึ้นอยู่กับภายในและต่อเนื่องที่ดำเนินอยู่ การเปลี่ยนแปลงภายนอก จำเป็นต้องแนะนำการปรับเปลี่ยนที่อาจเกี่ยวข้องกับลักษณะของเป้าหมายเอง (ตัวชี้วัดเชิงปริมาณและ / หรือเชิงคุณภาพ ระยะเวลาของความสำเร็จ ฯลฯ) หรือวิธีการบรรลุผล นอกจากนี้ เป็นผลมาจากเหตุการณ์ใดๆ ความจำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเฉพาะอาจหายไปโดยสิ้นเชิง และเป็นสิ่งสำคัญที่จะยกเลิกการดำเนินกิจกรรมตามแผนให้ทันเวลาเพื่อไม่ให้เสียทรัพยากรของบริษัท หนึ่งในเครื่องหมายที่เป็นพยานถึงสถานการณ์ดังกล่าวคือการเลื่อนกำหนดเส้นตายอย่างไม่สิ้นสุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเฉพาะ

ตัวอย่างการปฏิบัติในบริษัทแห่งหนึ่ง มีการประชุมย่อยเป็นระยะๆ เพื่อปรับปัญหาองค์กรให้เหมาะสม ปรับปรุงการจัดหาทรัพยากร ฯลฯ ตามผลลัพธ์ของการประชุมแต่ละครั้ง โปรโตคอลถูกร่างขึ้นเพื่อระบุการตัดสินใจและเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ในการประชุมครั้งต่อไป เป้าหมายคือการซื้อคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่มีการกำหนดค่าบางอย่างสำหรับผู้เก็บเอกสาร ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวได้รับการแนะนำในรายชื่อพนักงานของบริษัทก่อนหน้านี้ไม่นาน กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุเป้าหมายนี้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งต่อไป ปรากฏว่าบรรลุเป้าหมายทั้งหมดที่กำหนดไว้ในกิจกรรมก่อนหน้านี้ ยกเว้นการซื้อคอมพิวเตอร์สำหรับผู้เก็บเอกสาร เนื่องจากกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุเป้าหมายนี้มีขึ้น แต่ไม่ได้ซื้อคอมพิวเตอร์เนื่องจากขาดงบประมาณในงบประมาณของบริษัท เราจึงตัดสินใจย้ายวันที่ซื้อเป็นไตรมาสถัดไป เป็นผลให้หนึ่งปีต่อมาไม่ได้ซื้อคอมพิวเตอร์ แต่ฝ่ายบริหารดึงความสนใจไปที่ข้อเท็จจริงของการเลื่อนที่ไม่มีที่สิ้นสุดและตัดสินใจที่จะปฏิเสธที่จะบรรลุเป้าหมายนี้

ประการที่สอง สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าผลของการบรรลุผลตามแผนที่วางไว้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้คือความจำเป็นในการกำหนดเป้าหมายต่อไปนี้ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะรับประกันการเคลื่อนไหวและการพัฒนาของบริษัทอย่างต่อเนื่อง

ตามแนวคิดของกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จซึ่งฝังอยู่ในมาตรฐานของตระกูล ISO เช่นเดียวกับในระบบการจัดการอื่น ๆ งานทั้งหมดควรเป็นไปตามอัลกอริธึม PDCA ซึ่งเป็นวงจรสี่ขั้นตอน: แผน (แผน) - ทำ (ดำเนินการ) - ตรวจสอบ (ตรวจสอบ) - ทำ (ตอบสนอง) เมื่อคิดตามนี้หมายความว่าถ้าขั้นตอนที่ 3 Check (Check) กลายเป็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยและบรรลุเป้าหมายแล้ว ขั้นตอนที่สี่ Act (React) ก็คือให้ไปที่ขั้นตอนที่ 1 Plan (Plan) แล้วตั้งค่าใหม่ เป้าหมาย หากในขั้นตอนที่ 3 การตรวจสอบ (Check) พบว่าพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น ขั้นที่ 4 พระราชบัญญัติ (ถูกต้อง) ให้ไปที่ขั้นตอนที่ 1 แผน (Plan) และทำการปรับเปลี่ยน กล่าวคือ ชี้แจงให้กระจ่าง ก่อนหน้านี้ตั้งเป้าหมายและวางแผนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ด้านล่าง ข้าว. 2แผนภาพกราฟิกแสดงอัลกอริทึม PDCA ถูกนำเสนอ

ข้าว. 2
แผนผังกราฟิกของอัลกอริธึมวงจรความสำเร็จ PDCA

กลไกทีละขั้นตอนสำหรับการดำเนินการตามระบบการกำหนดเป้าหมายและการวางแผน

สิ่งสำคัญคือต้องไม่เพียงแค่เตรียมนวัตกรรมใดๆ ในบริษัทเท่านั้น แต่ยังต้องดำเนินการให้ถูกต้องด้วย กระบวนการตั้งเป้าหมายและการวางแผนอย่างสม่ำเสมอก็ไม่มีข้อยกเว้น

ในทุกทีมมีพนักงานที่สนับสนุนนวัตกรรมและผู้ที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงด้วยสุดความสามารถ ในเรื่องนี้ สิ่งสำคัญคือต้องคิดทบทวนและดำเนินการตามกระบวนการกำหนดเป้าหมายและแนะนำระบบการวางแผนปกติล่วงหน้า โดยสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นในบริษัทอย่างรอบคอบ

บ่อยครั้งที่พนักงานที่ต่อต้านนวัตกรรมมีพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ใช่เพราะอนุรักษ์นิยมของตนเอง แต่เพราะพวกเขากลัวงานไม่รู้หรือตกงาน (เนื่องจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่บริษัทกำหนดได้ ). บ่อยครั้ง ความกลัวดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องมากนักกับผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถต่ำ แต่กับความนับถือตนเองในระดับต่ำของพนักงานแต่ละคน ในการนี้ การทำงานที่มีความสามารถกับบุคลากรเพื่อขจัดสถานการณ์ความไม่แน่นอน ตลอดจนสร้างและรักษาบรรยากาศทางศีลธรรมและจิตใจที่จำเป็นในทีม สามารถช่วยให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นในบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างการปฏิบัติในบริษัทแห่งหนึ่งที่เจ้าของตัดสินใจสั่งการโดยแนะนำระบบการวางแผนและการตั้งเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ ข่าวลือแพร่สะพัดไปในหมู่พนักงานว่าตั้งแต่ผู้ก่อตั้งบริษัทดึงดูดที่ปรึกษาและเริ่มศึกษาอย่างแข็งขันว่าใครจากพนักงานทำอะไรและอย่างไร บริษัท ทรัพยากรถูกใช้ไปสิ่งต่าง ๆ ไม่เป็นไปด้วยดี . คลื่นความวิตกกังวลที่กระฉับกระเฉงที่สุดได้รับการเลี้ยงดูและสนับสนุนในทีมโดยผู้ที่ไม่ได้ทำงาน แต่เป็นการเลียนแบบกิจกรรมรุนแรง สิ่งนี้นำไปสู่ความจริงที่ว่าพนักงานส่วนหนึ่งเริ่มมองหางานใหม่ ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งลดความเข้มข้นของงานลง รอให้สิ่งที่จะเกิดขึ้นในบริษัทต่อไป ต้องขอบคุณการกระทำที่มีอำนาจของผู้บริหาร เจ้าของ และที่ปรึกษาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การอธิบายขั้นตอนและเหตุผลในการนำเสนอการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนการเน้นย้ำด้านบวกสำหรับทีม จึงเป็นไปได้ที่จะสร้างบรรยากาศปกติในบริษัทและ ดำเนินการเปลี่ยนแปลงตามแผน เป็นผลให้มีเพียงผู้ลอกเลียนแบบกิจกรรมรุนแรงเท่านั้นที่ลาออกจาก บริษัท และทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่าการแนะนำการวางแผนอย่างสม่ำเสมอและการกำหนดเป้าหมายในแนวปฏิบัติของบริษัทโดยรวมจะส่งผลดีต่องานและมีคุณสมบัติเพียงพอและ ประสบการณ์ทำงานต่อไปได้สำเร็จ

เพื่อให้มั่นใจว่าการกำหนดเป้าหมายที่เป็นทางการและการดำเนินการตามระบบการวางแผนจะประสบความสำเร็จ จำเป็นต้องมี:

1) พัฒนาแผนที่ชัดเจนและสม่ำเสมอสำหรับการดำเนินการเปลี่ยนแปลงในบริษัท (จำเป็นต้องมีกำหนดเวลาสำหรับการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ระบุผู้รับผิดชอบ ฯลฯ )

2) แจ้งพนักงานทุกคนว่าจะเกิดอะไรขึ้นในบริษัทในอนาคตอันใกล้นี้ เหตุใดจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามแผน จะดำเนินการเมื่อใดและในลำดับใด วิธีการแจ้งอาจแตกต่างกันได้ ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของทีม ภูมิศาสตร์ของบริษัท ตลอดจนวัฒนธรรมองค์กร ในกรณีหนึ่งจะสะดวกและมีประสิทธิภาพในการจัดประชุมสามัญพนักงาน ในอีกกรณีหนึ่ง ตีพิมพ์ในสิ่งพิมพ์ของบริษัท ในครั้งที่สาม การส่งจดหมายไปยังที่อยู่อีเมลของพนักงาน และครั้งที่สี่ เป็นการดีที่สุดที่จะใช้หลายวิธี ของการแจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าช่องทางใดของการสื่อสารภายในจะถูกเลือก สิ่งสำคัญคือต้องนำเสนอแง่มุมเชิงบวกของนวัตกรรมให้กับพนักงานอย่างมีสีสันและให้คำตอบสำหรับคำถามที่เกี่ยวข้องกับพนักงานมากที่สุด

3) ควบคุมกระบวนการแนะนำนวัตกรรมและหากจำเป็นให้ปรับเปลี่ยน ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่บริษัทเตรียมการและเริ่มต้นกระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างรอบคอบ แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเอง เกือบตลอดเวลา สิ่งที่เหลืออยู่ในความเมตตาของโอกาสไม่ได้เกิดขึ้นอย่างที่เราต้องการ นอกจากนี้ กระบวนการของการนำระบบการวางแผนปกติไปใช้ในบริษัทนั้น แท้จริงแล้วคือการทดสอบการตั้งเป้าหมายที่มีความสามารถและการบรรลุเป้าหมายนั้น

ในที่สุดฉันจะบอกคุณ ...

ในการสรุปบทความ แทนที่จะสรุปแบบย่อมาตรฐานของวิทยานิพนธ์หลักที่อธิบายไว้ในนั้น ฉันต้องการมอบส่วนเล็กๆ จากหนังสือ "Alice in Wonderland" โดย Lewis Carroll:

“แมวเชสเชียร์” เธอพูดกับแมวอย่างระมัดระวัง เพราะเธอไม่รู้ว่ามันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อคำพูดของเธอ เจ้าแมวยิ้มกว้างขึ้นอีก
- วุ้ย! พอใจจนถึงตอนนี้ อลิซคิดและเดินต่อไปอย่างมั่นใจมากขึ้น “บอกได้ไหมว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไร”
“มันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการไปที่ไหน” แมวตอบด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่สน” อลิซถอนหายใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะไปไหน” แคทบ่น

หากเจ้าของและ/หรือผู้จัดการไม่ตั้งเป้าหมาย เขาก็ไม่รู้ว่าจะนำบริษัทไปที่ใด หรือไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท ฉันเชื่อว่าในกรณีของคุณทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง: บริษัท เป็นที่รักของคุณและคุณต้องการอนาคตที่ดี ถ้าเป็นเช่นนั้น อย่าลืมตั้งเป้าหมายและทำมันอย่างฉลาด

ขอพลังจงสถิตอยู่กับคุณ เช่นเดียวกับธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ!

บทนำ 3

1. ลักษณะทางทฤษฎีของการค้นหาเป้าหมายชีวิต 4

1.1. ความสำคัญของการตั้งเป้าหมายชีวิต 4

1.2. วิเคราะห์ความรู้เรื่องการตั้งเป้าหมายชีวิต 7

1.3. บทบาทของการจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนบุคคลในการกำหนดเป้าหมายชีวิต 10

2. เทคโนโลยีการค้นหาเป้าหมายชีวิต 14

2.1. ขั้นตอนหลักของการหาเป้าหมายชีวิต14

2.2. กระบวนการหาเป้าหมาย L.Seivert 18

2.3. เทคโนโลยีสำหรับสร้างและดำเนินกลยุทธ์ชีวิต 23

3. การกำหนดเป้าหมายชีวิตเป็นขั้นตอนสุดท้ายของคำชี้แจง 27

สรุป 34

ข้อมูลอ้างอิง 35

ภาคผนวก 36

การแนะนำ

สำหรับการพัฒนาที่ครอบคลุมและกลมกลืนของแต่ละบุคคล ความสำเร็จในชีวิตของเธอในทุกด้านของชีวิต องค์ประกอบที่สำคัญคือการตั้งและความสำเร็จของเป้าหมายที่คู่ควร ในสังคมปัจจุบัน มีคนไม่กี่คนที่ตั้งเป้าหมายและไม่กี่คนเห็นคุณค่าของการตั้งเป้าหมายในชีวิต แต่สำหรับทุกคน ความมุ่งมั่นในตนเองและการยืนยันตนเองในชีวิตมีความสำคัญมากเสมอ ดังนั้นคนที่รู้ว่า “จะทำอย่างไรและอย่างไร” จึงเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด นั่นคือเหตุผลที่การศึกษาเทคโนโลยีการค้นหาเป้าหมายชีวิตได้รับความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษ

วัตถุประสงค์ของงานคือเพื่อศึกษาด้านทฤษฎีและการปฏิบัติของเทคโนโลยีการค้นหาเป้าหมายชีวิต

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ มีการกำหนดช่วงของงาน:

1. การศึกษาด้านทฤษฎีการค้นหาเป้าหมายชีวิต

2. วิจัยเทคโนโลยีเพื่อค้นหาเป้าหมายชีวิต

3. การพิจารณาการกำหนดเป้าหมายชีวิตเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตั้งค่า

เป้าหมายของหลักสูตรคือเป้าหมายชีวิต

วิชาของงานคือเทคโนโลยีในการหาเป้าหมายชีวิต

งานของหลักสูตรประกอบด้วยการแนะนำ เนื้อหาหลัก รวมถึงสามบท บทสรุป และการประยุกต์ใช้ งานหลักสูตรประกอบด้วย 5 ตารางและ 1 ภาพประกอบ รายชื่อวรรณกรรมที่ใช้แล้วมี 15 ชื่อ

1. แง่มุมทางทฤษฎีของการค้นหาเป้าหมายชีวิต

1.1. ความสำคัญของการตั้งเป้าหมายชีวิต

สำหรับแต่ละคน ความมุ่งมั่นในตนเองและการยืนยันตนเองในชีวิตมีความสำคัญมากเสมอ ดังนั้นคนที่รู้ว่า “จะทำอย่างไรและอย่างไร” จึงเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด

Lee Iacocca ผู้จัดการผู้มีชื่อเสียงกล่าวว่า “การประสบความสำเร็จในธุรกิจ เช่นเดียวกับในเกือบทุกอย่าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความสามารถในการมุ่งเน้นและจัดการเวลาของคุณอย่างชาญฉลาด และเพื่อที่จะใช้เวลาของคุณอย่างฉลาด คุณต้องตระหนักให้แน่ชัดว่าอะไรคือสิ่งสำคัญในงานของคุณ จากนั้นให้ทุ่มเทอย่างเต็มที่กับการนำสิ่งสำคัญนี้ไปปฏิบัติ

คนที่มองเห็นเป้าหมายของเขาอย่างชัดเจนจะบรรลุเป้าหมายด้วยความพยายามและความสามารถที่พัฒนาแล้วอย่างแน่นอน

เมื่อเราต้องการบรรลุบางสิ่งบางอย่าง ไม่ช้าก็เร็ว เราจะทำมัน ถ้าไม่ลังเล ให้เกียจคร้าน เราถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายที่ไม่ยอมให้เราผ่อนคลาย เป้าหมายคือแนวทางของเราซึ่งชี้นำกิจกรรมชีวิตของเราซึ่งนำเราผ่านความยากลำบากและอุปสรรคของความเป็นจริง เป้าหมายเป็นตัวกระตุ้นการกระทำของเรา แรงจูงใจที่กำหนดกิจกรรมของเรา

การตั้งเป้าหมายหมายถึงการมองไปสู่อนาคต การมุ่งเน้นและมุ่งเน้นที่พลังงานและกิจกรรมของเราในสิ่งที่จะต้องทำให้สำเร็จ เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเศรษฐกิจ แต่ละคนจำเป็นต้องประเมินเป้าหมายของตนเองอย่างรอบคอบและสม่ำเสมอ ทุกคนมีความแตกต่างกัน แต่ละคนทำงานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ดังนั้นงานในการกำหนดเป้าหมายควรเป็นรายบุคคล

การตั้งเป้าหมายต้องการการแสดงความต้องการ ความสนใจ ความปรารถนา และภารกิจที่ชัดเจนและซ่อนเร้น ในรูปแบบของความตั้งใจที่ชัดเจนและการกำหนดสูตรที่แม่นยำ ตลอดจนการกำหนดทิศทางการดำเนินการและการกระทำไปสู่เป้าหมายเหล่านี้และการนำไปปฏิบัติ หากไม่มีเป้าหมาย ก็ไม่มีการเปรียบเทียบใดที่คุณสามารถวัดผลงานของคุณได้ เป้าหมายยังเป็นเกณฑ์ในการประเมินสิ่งที่บรรลุผลสำเร็จอีกด้วย แม้แต่วิธีการทำงานที่ดีที่สุดก็ไร้ค่าหากคุณไม่ได้กำหนดสิ่งที่คุณต้องการล่วงหน้าอย่างชัดเจนและไม่น่าสงสัย

เป้าหมายไม่ได้ตั้งไว้ครั้งเดียวและสำหรับทั้งหมด การตั้งเป้าหมายเป็นกระบวนการต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ตัวอย่างเช่น หากปรากฏว่าในระหว่างกระบวนการควบคุมการใช้งานพบว่าการรับรู้ก่อนหน้านี้ไม่ถูกต้อง หรือคำขอนั้นสูงเกินไปหรือในทางกลับกัน ต่ำเกินไป

การตั้งเป้าหมายเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการวางแผน การตัดสินใจ และการทำงานประจำวัน

ดังนั้น การตั้งเป้าหมายส่วนบุคคลจะช่วยให้คุณ:

ตระหนักถึงทางเลือกอาชีพของคุณมากขึ้น

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเส้นทางที่เลือกนั้นถูกต้อง

การประเมินประสิทธิผลของการกระทำและประสบการณ์จะดีกว่า

โน้มน้าวผู้อื่นให้เชื่อในความคิดเห็นของคุณอย่างถูกต้อง

รับแรงกระตุ้นพิเศษ

เพิ่มโอกาสในการบรรลุผลตามที่ต้องการ

มุ่งความสนใจไปที่ทิศทางยุทธศาสตร์ เป้าหมายทำหน้าที่รวมกองกำลังในพื้นที่สำคัญ

การรู้เป้าหมายและมุ่งมั่นเพื่อสิ่งนั้นอย่างต่อเนื่องหมายถึงการจดจ่ออยู่กับสิ่งที่สำคัญจริงๆ แทนที่จะต้องเสียพลังงานไปเปล่าๆ ความตระหนักในเป้าหมายสามารถกำหนดแรงจูงใจในตนเองที่สำคัญสำหรับการทำงาน

คนที่ไม่มีเป้าหมายส่วนตัวที่ชัดเจนมักถูกครอบงำโดยความต้องการในขณะนั้น พวกเขายุ่งอยู่กับความคล่องแคล่วมากกว่าปัญหาที่สำคัญและมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้น

การตั้งเป้าหมายช่วยให้เราป้องกันตัวเองจากความต้องการของสถานการณ์หรือผู้อื่นด้วยการบรรลุเป้าหมายที่สำคัญสำหรับเราเป็นการส่วนตัว

มีช่วงต่างๆ ในชีวิตของผู้จัดการเมื่อเขาต้องการชี้แจงเป้าหมายส่วนตัวของเขาให้กระจ่างเป็นพิเศษ โดยปกติขั้นตอนเหล่านี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับการจำกัดอายุ ตัวอย่างเช่น

ระยะที่ 1: อายุ 20-24 ปี - จุดเริ่มต้นของอาชีพ

ขั้นตอนที่ 2: อายุประมาณ 30 ปี - การได้มาซึ่งความสามารถบางอย่าง

ระยะที่ 3: ประมาณ 40 ปี - ทบทวนความสำเร็จและพิจารณาโอกาสในการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

ระยะที่ 4: อายุประมาณ 50 ปี - สรุปผลงานอาชีพและเตรียมพร้อมสำหรับการสำเร็จ

ระยะที่ 5: อายุประมาณ 60-65 ปี - เปลี่ยนไปทำงานนอก

ความสำคัญของการตั้งเป้าหมายส่วนตัวจะเพิ่มขึ้นเมื่อคุณก้าวผ่านช่วงชีวิตช่วงใดช่วงหนึ่งเหล่านี้ ในขณะเดียวกัน แนวทางการใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์นั้นต้องการความเปิดกว้างอย่างต่อเนื่องต่อทุกสิ่งที่ไม่คาดคิด และความเต็มใจที่จะวิเคราะห์และค้นหาแนวทางแก้ไขที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้ในช่วงเวลาที่กำหนด

การตั้งเป้าหมายเฉพาะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ เนื่องจากบุคคลในแง่นี้มีความคาดหวังที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลลัพธ์ ตามทฤษฎีความน่าจะเป็น ถ้าคนมีความคิดที่ชัดเจนว่าคาดหวังผลลัพธ์อะไรจากพวกเขา และหากพวกเขารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าด้วยความพยายามบางอย่าง พวกเขาจะสามารถบรรลุผลการปฏิบัติงานในระดับที่กำหนดและได้รับรางวัลที่เหมาะสม จากนั้นแรงจูงใจในการทำงานให้สำเร็จจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก หากคุณเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณทำจริงๆ คุณควรพากเพียรแม้ต้องเผชิญกับอุปสรรค

การตั้งเป้าหมายหมายถึงการมองไปสู่อนาคต การกำหนดทิศทางและมุ่งเน้นที่พลังงานและกิจกรรมของเราในสิ่งที่จะต้องบรรลุ มีความแตกต่างอย่างมากระหว่างตัวตนที่แข็งกระด้าง ซึ่งจำเป็น กับตัวตนที่ใหญ่เกินตัว ซึ่งสามารถทำลายล้างได้ คนที่มีความแข็งแกร่ง "ฉัน" รู้จุดแข็งของเขา เขามีความมั่นใจ เขามีความคิดที่ชัดเจนว่าเขาสามารถบรรลุอะไรได้และมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายของเขา

ดังนั้น เป้าหมายจึงอธิบายผลลัพธ์สุดท้าย กล่าวคือ มันไม่ได้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณทำ แต่เกี่ยวกับสาเหตุและสิ่งที่คุณทำ

1.2. วิเคราะห์ความรู้เชิงทฤษฎีในการตั้งเป้าหมายชีวิต

ให้เราพิจารณาว่าความรู้ประเภทใดที่มีอยู่ในสังคมของเราในแง่ของเป้าหมาย การถ่ายทอดความรู้สู่ผู้คน และการเข้าถึงของทุกคนเป็นอย่างไร

มาเรียนวิทยาศาสตร์กันเถอะ ปรัชญาควรจัดการกับประเด็นของเป้าหมาย หมวดของมัน - จริยธรรม ตามกฎแล้ว ไม่ได้พิจารณาเป้าหมายดังกล่าว แต่เป็นส่วนหนึ่งของหมวดหมู่ของ "การตั้งเป้าหมาย" นอกจากนี้ ในแง่ประวัติศาสตร์หรือจากมุมมองของ ทิศทางปรัชญาบางอย่างเช่นการกำหนด หากคุณดูวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเป้าหมายและตำราเกี่ยวกับจริยธรรม วิทยานิพนธ์เหล่านี้เขียนขึ้นในภาษามืออาชีพที่ซับซ้อนพร้อมคำศัพท์ทางเทคนิคจำนวนมาก ซึ่งแทบไม่สามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ชมจำนวนมาก และสิ่งที่เขียนในนั้นไม่ได้ให้ความรู้ที่สำคัญแก่ผู้คนเกี่ยวกับวิธีการ แนวทางในการตั้งเป้าหมายและวิธีบรรลุเป้าหมาย ในหนังสือเรียนปรัชญาสำหรับมหาวิทยาลัย ประเด็นของการตั้งและการบรรลุเป้าหมายจะไม่ได้รับการพิจารณาด้วย นั่นคือบทความเชิงปรัชญาให้บริการนักปรัชญาเอง แต่ไม่ได้นำความรู้เชิงปฏิบัติไปสู่สังคม นักจิตวิทยาไม่ได้แยกเป้าหมายออกจากกัน แต่ให้พิจารณาในส่วนแรงจูงใจ โดยให้ความสนใจมากขึ้นกับการศึกษาความต้องการและแรงจูงใจของพฤติกรรมและกิจกรรมของมนุษย์ โดยไม่ต้องให้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์แก่บุคคลเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมาย แม้แต่ในคู่มือระเบียบวิธีปฏิบัติที่เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เช่น "The ABC of Psychology" ซึ่งมีไว้สำหรับเด็กนักเรียนและเสนอหลักสูตรเบื้องต้นเกี่ยวกับจิตวิทยาเป็นชั้นเรียนเสริมในโรงเรียน ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาบุคลิกภาพได้รับการพิจารณา: อารมณ์ อุปนิสัย ความสามารถ ปฐมนิเทศน์ อาชีพ ฯลฯ และไม่ให้ความสนใจประเด็นเรื่องการตั้งเป้าหมาย ในขณะที่การตั้งเป้าหมายเป็นงานที่ยากที่สุดในการคิด ผลลัพธ์ของการรู้จักตนเองและโลกนี้ และคำถามหลักที่ทุกคน ต้องตอบเป็นความหมายแห่งชีวิตของเขา ดังนั้นวิทยาศาสตร์ไม่ได้ให้ความรู้เชิงปฏิบัติเฉพาะเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่สำคัญสำหรับทุกคนในขณะที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่ควรนำความรู้ที่แท้จริงเกี่ยวกับโลกมาสู่การศึกษา (ในทุกระดับ) มนุษย์ให้คำตอบสำหรับคำถามหลัก - สิ่งที่ควรค่าแก่การมีชีวิตอยู่ สิ่งที่ควรเชื่อ สิ่งที่ต้องดิ้นรน เป้าหมายที่นำไปสู่ชีวิตที่ดี การให้ความเคารพต่อผู้คน และการยอมรับของสังคม การพัฒนาตนเอง และการเปิดเผยศักยภาพของตนอย่างเต็มที่

ในวรรณคดีวิทยาศาสตร์ที่ได้รับความนิยม ประเด็นของการตั้งและการบรรลุเป้าหมายส่วนใหญ่จะกล่าวถึงในหนังสือเกี่ยวกับการจัดการ พวกเขาจะแก้ปัญหาในทางปฏิบัติของ "เทคโนโลยีการค้นหา" และบรรลุเป้าหมายสำหรับการจัดการอาชีพและการประสบความสำเร็จในชีวิตในกิจกรรมทางวิชาชีพ - ในด้านของตนเอง การตระหนักรู้ และคำถามเกี่ยวกับเป้าหมาย ตามปกติแล้วจะใช้เนื้อหาประมาณ 1/100 ของเนื้อหาทั้งหมด

มีโรงเรียนและศูนย์ความสำเร็จหลายแห่ง โรงเรียนความเป็นผู้นำ ศูนย์จิตวิทยาเชิงบวก สถาบันฝึกอบรม ฯลฯ ที่พัฒนาการฝึกจิตศาสตร์ เทคโนโลยีทางธุรกิจ ดำเนินการให้คำปรึกษาและตามกฎแล้วเสนอให้เป็นผู้นำจากบุคคลธรรมดา ในชั้นเรียนสองสามวัน ซึ่งในตอนแรกไม่ได้สร้างความมั่นใจ เนื่องจากกระบวนการสร้างคุณสมบัติใหม่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในทันทีและขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ การทำงานกับเป้าหมายเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของโปรแกรมโดยรวม และไม่ได้ครอบคลุมประเด็นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายอย่างครบถ้วน

การทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายของสื่อ - หนังสือพิมพ์ นิตยสาร โทรทัศน์ ทุ่มเทและทุ่มเทเวลาให้กับการทำงานมากเพียงใด เป็นการยากที่จะจำรายการอย่างน้อยหนึ่งรายการบนหน้าจอทีวี ซึ่งประเด็นของการตั้งค่าและการบรรลุเป้าหมายในชีวิตได้รับการสัมผัสอย่างน้อยเล็กน้อย และในระบบการศึกษาไม่มีแผนงานสำหรับเป้าหมาย โรงเรียนและมหาวิทยาลัยสมัยใหม่ให้ความรู้ทางวิชาชีพอย่างลึกซึ้ง แต่พวกเขาไม่ได้สอนศิลปะแห่งชีวิตบนโลกแม้ว่าความสำเร็จของผู้คนจะไม่ถูกกำหนดโดยอาชีพของพวกเขา แต่โดยความสำเร็จของพวกเขาในนั้นและทัศนคติต่อชีวิตโดยทั่วไป ระบบการศึกษาในทางปฏิบัติไม่ได้สอนพลเมืองในอนาคตของสังคมถึงสิ่งที่ควรค่าแก่การใช้ชีวิต อุดมคติทางศีลธรรม วัฒนธรรมทางจิตวิญญาณ จริยธรรมของความสัมพันธ์ การตั้งและบรรลุเป้าหมาย วิธีเปิดเผยศักยภาพและพัฒนาความสามารถของตนเอง ในขณะเดียวกัน โครงการกำหนดและบรรลุเป้าหมายมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต้องสร้างและดำเนินการในทุกระดับของระบบการศึกษาและการอบรมเลี้ยงดูคนรุ่นใหม่ หากเราต้องการให้คนรุ่นใหม่มีการพัฒนาทางจิตวิญญาณในอนาคตและใช้ชีวิตใน สวยงามประเทศพัฒนาแล้ว การสอนเรื่องจิตวิญญาณการก่อตัวของระบบค่านิยมทางจิตวิญญาณบรรทัดฐานอุดมคติความทะเยอทะยานควรเป็นหนึ่งในงานหลักของการศึกษา

ให้เราสรุปสิ่งที่ได้กล่าวไปแล้วและสรุปปัญหาระดับโลกหลายประการที่มีอยู่ในสังคมในแง่ของเป้าหมาย

ปัญหามากมายของสังคม (การติดยา ความมึนเมา ฯลฯ) เกี่ยวข้องโดยตรงกับความไร้จุดหมายของการดำรงอยู่ของผู้คน ความเห็นแก่ตัว ทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อชีวิต

มีคนไม่กี่คนในสังคมในสมัยของเราที่ชื่นชมความสำคัญของการตั้งเป้าหมายในชีวิตเพื่อสร้างบุคลิกภาพที่พัฒนาอย่างกลมกลืน มีคุณธรรมสูง มีความสุข และการพัฒนาสังคมต่อไปอย่างมีจุดมุ่งหมาย

สื่อ หนังสือ ไม่ค่อยสนใจประเด็นเรื่องเป้าหมาย มักพูดถึงแต่เรื่องเป้าหมายเพื่อการตระหนักรู้ในตนเอง ไม่มีเป้าหมายที่สมบูรณ์ - ครอบคลุมทุกด้านของชีวิตมนุษย์ในข้อมูลที่มีอยู่ เป้าหมายคือการพัฒนา เป้าหมายคือการรับใช้ (ต่อพระเจ้า สังคม) เป้าหมายคือความสัมพันธ์ - น้อยคนนักที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย นับประสาอะไรกับพวกเขาเป็นเป้าหมาย

แทบไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการตั้งและการบรรลุเป้าหมาย สมบูรณ์ มีโครงสร้าง และเข้าถึงได้สำหรับผู้ชมในวงกว้าง

ในระบบการศึกษา ไม่มีโปรแกรมการฝึกอบรมสำหรับการตั้งเป้าหมายและการบรรลุเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างตนเองในฐานะบุคคล พลเมือง

วิธีแก้ปัญหา - แนะนำโปรแกรมการศึกษา (ทุกระดับ) เพื่อสอนการตั้งค่าและความสำเร็จของเป้าหมายชีวิต

สิ่งนี้จะให้อะไรแก่บุคคล - ค้นหาความหมายของชีวิต แทนที่จะเป็นความสิ้นหวัง ความซึมเศร้า และการพึ่งพาสถานการณ์ภายนอก - การก่อตัวของตนเองและชีวิต - ความรู้สึกถึงความบริบูรณ์และความอุดมสมบูรณ์ แรงบันดาลใจและความพึงพอใจในใจ ความรู้นี้จะช่วยให้บุคคลไม่กลัวชีวิต แต่ให้สนุกกับมัน - "เป็นเจ้าแห่งโชคชะตา"

สิ่งนี้จะมอบให้กับสังคมคือความก้าวหน้า การเติบโตของแง่บวก การเกิดขึ้นของสังคมสู่การพัฒนาระดับใหม่ สังคมไม่ได้มีอยู่โดยตัวมันเอง สังคมคือชุดของบุคลิกภาพของมนุษย์ที่มีอิทธิพลโดยตรงหรือโดยอ้อมต่อการพัฒนาของตน มีการสำแดงบุคคลจำนวนมากซึ่งเป็นทิศทางของการพัฒนาสังคมสุขภาพจิตและความเจริญรุ่งเรืองชีวิตทางจิตวิญญาณและวัตถุ ดังนั้นความกังวลที่สำคัญมากของสังคมจึงควรเป็นเรื่องสุขภาพทางจิตวิญญาณและการพัฒนาของสมาชิก สังคมควรสร้างระบบคุณค่าชีวิตซึ่งเป็นฐานปล่อยวิญญาณมนุษย์ให้เปิดเผยสูงสุดศักยภาพ - ความคิดสร้างสรรค์ ปัญญา สังคม ก่อร่างเป็นสมาชิกใหม่ของสังคมที่สามารถมีอิทธิพลต่อการพัฒนาต่อไป ของสังคมนั้นเอง บุคคลต้องได้รับการสอนให้ตั้งเป้าหมาย รวมทั้งเป้าหมายที่สำคัญทางสังคม เพื่อปลุกความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ไม่เพียงเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังต้องทำสิ่งที่สำคัญสำหรับโลกนี้ด้วย

1.3. บทบาทของการจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนบุคคลในการกำหนดเป้าหมายชีวิต

การจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนบุคคลเป็นชุดของวิธีการ รูปแบบ และวิธีการเพื่อให้บุคคลบรรลุเป้าหมายในชีวิต การใช้ชุดเครื่องมือนี้ บุคคลสามารถพยายามสร้างอย่างเหมาะสมและใช้กลยุทธ์ชีวิตส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หัวใจของอุดมการณ์การจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนบุคคล (PSM) คือแนวคิดที่ว่าทุกคนต้องการบรรลุบางสิ่งบางอย่างในชีวิต เมื่อตระหนักถึงความต้องการของเขา เขาจึงกำหนดและแก้ไขงานบางอย่างจึงบรรลุเป้าหมายของเขา

ธรรมชาติของการกระทำเพื่อกำหนดและบรรลุเป้าหมายนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคน และจะเปลี่ยนแปลงไปสำหรับบุคคลหนึ่งๆ เมื่อเวลาผ่านไป แต่ถึงกระนั้น กระบวนการเหล่านี้ก็มีลักษณะและรูปแบบร่วมกัน ซึ่งช่วยให้เราสามารถกำหนดชุดเครื่องมือที่เหมือนกันโดยอิงจากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงประจักษ์เกี่ยวกับวิธีการแต่ละอย่างของการพัฒนาและการนำกลยุทธ์ชีวิตไปใช้

ดังนั้น นักวิจัยชาวตะวันตกหลายคนจึงพูดถึงแบบจำลองสามเฟสของวงจรชีวิตมนุษย์ และผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นแยกแยะสี่ขั้นตอน (ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียน ไปทำงานและเลี้ยงดูครอบครัว ชีวิตการทำงาน วัยชรา) ด้วยการจัดการพารามิเตอร์เชิงคุณภาพและเชิงปริมาณของการเปลี่ยนแปลงเฟสอย่างตั้งใจ บุคคลจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลตอบแทนจากแต่ละขั้นตอน

เนื้อหาการจัดการตนเองในระยะต่าง ๆ ของวงจรชีวิตมีเนื้อหาต่างกัน ในวัยเด็กบุคคลต้องพึ่งพาพ่อแม่ของเขาโดยสมบูรณ์เขาไม่สามารถตัดสินใจที่สำคัญที่สุดด้วยตัวเองได้ ในวัยผู้ใหญ่จะได้รับอิสรภาพและระดับความรับผิดชอบในการตัดสินใจก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยทั่วไป PSM ควรแบ่งออกเป็นภายนอก (exo-PSM) เมื่อบุคคลที่สามช่วยบุคคลในการพัฒนาและใช้กลยุทธ์ชีวิต (โดยปกติพ่อแม่ในระยะเริ่มต้น ภายหลังเพื่อน ครู ผู้นำ และบุคคลที่เคารพนับถือเข้าร่วม) และ ภายนอก (endo- PSM) เมื่อบุคคลมีส่วนร่วมในงานนี้ค่อนข้างอิสระ

ปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมายในชีวิตส่วนตัวคือปัจจัยต่อไปนี้:

การปรากฏตัวของกลยุทธ์ชีวิต;

ครอบครองเทคโนโลยีเพื่อการนำไปใช้;

ความสามารถในการทำงานกับเครื่องมือการจัดการเพื่อสร้างทุนมนุษย์ส่วนบุคคล

การมีอยู่ของกลยุทธ์ชีวิตมีความสำคัญเพราะเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในชีวิตบางอย่าง จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนต่อเนื่องกันเป็นลำดับ และบางครั้งต้องเสียสละการบริโภคสินค้าบางประเภทในปัจจุบันเพื่อรับสินค้าจำนวนมากขึ้นและหลากหลายขึ้น อนาคต.

การลงทุนในทุนมนุษย์มักจะให้ผลกำไรสูง ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งมีการพัฒนามากเท่าไรก็ยิ่งมีทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้นที่จะช่วยให้มีส่วนร่วมในกระบวนการลงทุนส่วนบุคคล นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน W. Bowen กล่าวว่า “การลงทุนในทุนมนุษย์นั้นคล้ายคลึงกับการลงทุนในทุนจริงในประเด็นสำคัญหลายประการ ทั้งสองสะสมเป็นผลมาจากการใช้ทรัพยากรทางเศรษฐกิจที่สามารถนำมาใช้ในการผลิตสินค้าและบริการอื่น ๆ สำหรับการบริโภคในปัจจุบัน เป็นเวลานานทั้งคู่สร้างผลกำไร ในที่สุด ทั้งคู่ก็ถูกจำกัดด้วยอายุขัย: เครื่องจักรเสื่อมสภาพ คนตาย

นักสังคมวิทยากำหนดแนวคิดของ "กลยุทธ์ของชีวิต" ว่าเป็นสื่อกลางเชิงสัญลักษณ์และอยู่นอกเหนือขอบเขตของจิตสำนึกของการศึกษาในอุดมคติที่นำแนวทางและลำดับความสำคัญของพฤติกรรมไปใช้ในพฤติกรรมมนุษย์ กลยุทธ์สามประเภทดังกล่าวพบได้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน:

ความเป็นอยู่ที่ดี มันขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่เปิดกว้าง (ได้มา) ของแต่ละบุคคลโดยมุ่งเป้าไปที่การให้ผลประโยชน์ที่จำเป็นอย่างเต็มที่ความสงบสบายชีวิตที่วัดได้และมั่นคง

ความสำเร็จ. กลยุทธ์นี้ออกแบบมาเพื่อให้สาธารณชนรับรู้ถึงกิจกรรมของผู้ดำเนินการ และเกี่ยวข้องกับชีวิตที่กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา และเจริญรุ่งเรือง

การตระหนักรู้ในตนเอง โดดเด่นด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์ที่มุ่งสร้างรูปแบบชีวิตใหม่โดยไม่คำนึงถึงการรับรู้ภายนอก (ไม่รับรู้) และบ่งบอกถึงเนื้อหาที่สวยงามกลมกลืนกับศิลปะและชีวิตอิสระ

แบบจำลองทั่วไปของกลไกสำหรับการพัฒนาและการนำกลยุทธ์ชีวิตมนุษย์ไปใช้แสดงในรูปที่ 1. สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างขั้นตอนหลักของวงจรการจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนบุคคล

ข้าว. 1. ขั้นตอนหลักของวงจรการจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนบุคคล

2. เทคโนโลยีการค้นหาเป้าหมายชีวิต

2.1. ขั้นตอนหลักของการค้นหาเป้าหมายชีวิต

ดังนั้น คุณจึงต้องการประสบความสำเร็จมากขึ้นในชีวิตของคุณ คุณทราบหรือไม่ว่าการบรรลุถึงความตั้งใจของคุณจะทำให้คุณต้องทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่าง ละทิ้งสิ่งที่คุ้นเคย และใช้กำลังกายและวิญญาณทั้งหมดของคุณ บางทีอาจเป็นเวลานาน? นี่คือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆเหรอ? มิฉะนั้น ความพยายามทั้งหมดของคุณอาจไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาที่จะทำงานด้วยความทุ่มเทอย่างเต็มที่อย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณจะต้องเผชิญกับคำถามมากมายที่คุณต้องตอบทันที อย่างน้อยก็สิ่งแรกเหล่านี้:

คุณต้องการบรรลุเป้าหมายอะไร

พวกเขาเห็นด้วยหรือไม่?

มีเป้าหมายที่สูงกว่าและเป้าหมายระดับกลางระหว่างทางไปสู่เป้าหมายหลักหรือไม่?

คุณรู้หรือไม่ว่าคุณสามารถทำอะไรเพื่อสิ่งนี้ได้ด้วยตัวเอง (จุดแข็ง) และสิ่งที่คุณยังต้องแก้ไข (จุดอ่อน)?

ในการค้นหาจุดอ้างอิงส่วนบุคคลและในเชิงอาชีพ ก่อนอื่นให้ค้นหาว่าคุณต้องการอะไร นั่นคือ บรรลุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน นี่เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับความสำเร็จในธุรกิจและชีวิตส่วนตัว การค้นหาเป้าหมายชีวิตส่วนตัวและการกำหนดเป้าหมายหมายถึงการกำหนดทิศทางชีวิตของคุณ ตัวอย่างเช่น เงื่อนไขประการหนึ่งสำหรับอาชีพที่ประสบความสำเร็จคือการเลือกอาชีพที่เหมาะสม ในกรณีนี้ คุณสามารถแปลงค่านิยมของคุณเองให้เป็นจริงได้

การล่มสลายหรือไม่มีเป้าหมายชีวิตเป็นอาการทางจิตที่แข็งแกร่งที่สุด ผู้ที่ไม่รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่เพื่ออะไรและเพื่อใครไม่พอใจในโชคชะตา อย่างไรก็ตาม ความผิดหวังมักเกิดขึ้นกับผู้ที่ตั้งเป้าหมายที่ไม่เป็นจริงและไม่สามารถบรรลุได้ด้วยเหตุผลส่วนตัวและวัตถุประสงค์

ลำดับที่ชัดเจนในการเขียนความคิดใดๆ ก็ตามเป็นขั้นตอนแรกในการดำเนินการ ในการสนทนา เรามักจะสามารถแสดงความคิดที่คลุมเครือและไร้สาระได้ทุกประเภทโดยไม่รู้ตัว เมื่อคุณเขียนความคิดลงบนกระดาษ จะเกิดบางอย่างขึ้นเพื่อให้คุณเจาะลึกรายละเอียดเฉพาะ มันยากกว่ามากที่จะหลอกลวงตัวเองหรือใครๆ

โดยปกติเป้าหมายจะถูกตั้งไว้สำหรับช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ที่จะสังเกตกระบวนการของคำจำกัดความ การอนุมัติ และการดำเนินการตามลำดับต่อไปนี้

ขั้นตอนแรกคือการชี้แจงความต้องการ

คุณต้องตั้งเป้าหมายในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้คุณพอใจหรืออาจกลายเป็นหนึ่งเดียว การตั้งเป้าหมายส่วนตัวต้องวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันและตอบคำถามว่าคุณต้องการบรรลุอะไร สิ่งนี้ต้องใช้จินตนาการและเสรีภาพบางอย่างจากข้อจำกัดที่ไม่สมเหตุผลซึ่งก่อนหน้านี้ยอมรับโดยไม่มีการคัดค้านใดๆ

ขั้นตอนที่สองคือการชี้แจงความเป็นไปได้

ผู้นำส่วนใหญ่เลือกจากตัวเลือกที่หลากหลายในทุกด้านของชีวิต โอกาสเหล่านี้บางส่วนอาจขัดแย้งกับค่านิยมของคุณหรือสร้างปัญหาให้กับคนรอบข้าง ขั้นตอนแรกในการชี้แจงโอกาสคือการระบุโอกาสให้ได้มากที่สุด ส่วนหนึ่งสามารถทำได้โดยใช้ความคิดของคุณเอง แต่คุณสามารถขยายรายการได้โดยศึกษาสถานการณ์และดึงดูดผู้อื่น ไม่สามารถทำการเลือกที่สมเหตุสมผลได้จนกว่าจะสร้างตัวเลือกที่มีอยู่ทั้งหมด

ขั้นตอนที่สามคือการตัดสินใจสิ่งที่คุณต้องการ

รายการความเป็นไปได้ไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องรู้ว่าคุณกำลังดิ้นรนเพื่ออะไรและต้องการบรรลุอะไร อาจดูเหมือนชัดเจน แต่การกำหนดสิ่งที่คุณต้องการนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป คุณต้องตอบคำถามสำคัญ 3 ข้อ:

อะไรสำคัญสำหรับคุณ?

คุณยินดีที่จะเสี่ยงอะไร

การตัดสินใจของคุณจะส่งผลต่อคนรอบข้างคุณอย่างไร?

ในกรณีนี้ คำถามแรกเกี่ยวข้องกับคำจำกัดความของค่านิยมและตำแหน่งส่วนบุคคลของคุณ ที่นี่จำเป็นต้องเน้นว่าคุณภาพของการตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความลึกของการศึกษาด้วยตนเองเป็นส่วนใหญ่

คำถามที่สองจะช่วยคุณระบุขอบเขตและขอบเขตส่วนบุคคลที่ส่งผลต่อการเลือกของคุณ คุณอาจตัดสินใจว่าความเป็นไปได้บางอย่างนั้นเสี่ยงเกินไป และเป็นการดีกว่าที่จะหันไปใช้วิธีการดำเนินการที่ให้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงโอกาสเสี่ยงโดยไม่ได้ประเมินระดับความเสี่ยงที่แท้จริง

คำถามที่สามมีจุดมุ่งหมายเพื่อสำรวจว่าใครและอย่างไรที่จะได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจของคุณ ควรพิจารณาว่าผลลัพธ์นั้นคุ้มค่ากับต้นทุนที่เกิดจากอิทธิพลนี้ต่อผู้อื่นหรือไม่ การอภิปรายความคิดและการกระทำที่เป็นไปได้กับผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบ รวมถึงการสังเกตปฏิกิริยาของพวกเขา จะช่วยให้การตัดสินใจที่ยากลำบากมีความถูกต้องมากขึ้น

ขั้นตอนที่สี่คือทางเลือก

เมื่อกำหนดช่วงของตัวเลือกที่มีและความต้องการและความปรารถนาชัดเจนแล้ว ต้องทำการเลือก การตั้งเป้าหมายเป็นขั้นตอนที่กระตือรือร้น ดังนั้นในขณะที่เลือก คุณให้คำมั่นว่าแนวทางปฏิบัติที่เลือกจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ นอกจากนี้ยังสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้ได้

ขั้นตอนที่ห้าคือการชี้แจงเป้าหมาย

เป้าหมายมีประโยชน์ในการย้ำเตือนถึงสิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ บ่อยครั้งที่จำเป็นต้องมีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน คุณอาจมองไม่เห็นผลลัพธ์ที่ต้องการและพุ่งเข้าสู่การหมุนเวียน หากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผู้จัดการมักจะทำงานเป็นชั่วโมง ใช้กำลังทั้งหมดเพื่อบรรลุความสำเร็จ แต่เขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ การทำแผนที่ความสัมพันธ์เชิงตรรกะระหว่างงานทั่วไปและเวิร์กโฟลว์เฉพาะสามารถลดความพยายามที่ไม่จำเป็นในการปรับแต่งเป้าหมาย

ขั้นตอนที่หกคือการกำหนดเวลา

เวลาเป็นทรัพยากรที่ควรใช้อย่างชาญฉลาด แต่ก็สามารถนำมาใช้ในทางที่ผิดได้เช่นกัน การทำมากเกินไปในเวลาเดียวกัน เป็นเรื่องยากที่จะบรรลุผลในทุกสิ่ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดสรรเวลาอย่างมีเหตุผล กระบวนการนี้ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ได้แก่ :

ข้อกำหนดงานปกติ

ข้อกำหนดพิเศษหรือเพิ่มเติมที่เกิดจากการทำงาน

ความคาดหวังของผู้อื่น

ความหวังและความทะเยอทะยานส่วนตัว

สำนึกในหน้าที่และคำมั่นสัญญาที่ทำไว้แล้ว

การปฏิบัติเป็นนิสัย

เนื่องจากการตัดสินใจหลายครั้งเกี่ยวกับสิ่งนี้หรือการใช้เวลานั้นเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เวลามักจะสูญเปล่าโดยไม่ได้ประเมินประโยชน์ที่แท้จริงของการลงทุนดังกล่าว

ผู้คนควรถือว่าเวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่า เช่น เงินในธนาคาร เวลาให้โอกาส และการบริหารเวลาจะขยายโอกาสเหล่านั้น

ขั้นตอนที่เจ็ดคือการควบคุมความสำเร็จของคุณ

มีประโยชน์ดังต่อไปนี้ของการติดตามความสำเร็จส่วนบุคคล:

ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลงานปรากฏขึ้น

มีความรู้สึกพึงพอใจเมื่อคุณก้าวไปสู่เป้าหมาย

สร้างโอกาสในการคิดใหม่เกี่ยวกับกลยุทธ์ที่เลือกและวางแผนวิธีการดำเนินการใหม่

เจ็ดขั้นตอนที่กล่าวถึงข้างต้นสามารถใช้เป็นด่านเพื่อชี้แจงเป้าหมายได้

2.2. กระบวนการหาเป้าหมายโดย L. Seivert

1. การพัฒนาแนวคิดทั่วไปเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในชีวิต

4. เป้าหมายสินค้าคงคลัง ลองพิจารณากระบวนการนี้โดยละเอียด

1. การพัฒนาความคิดเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในชีวิต

พยายามวาดภาพชีวิตของคุณในปัจจุบันและที่เป็นไปได้ (อนาคต) เช่น ในรูปแบบของ "เส้นโค้ง" ของชีวิต สังเกตความสำเร็จและความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในด้านส่วนตัวและในวิชาชีพ ทำเครื่องหมายว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนบนเส้นโค้ง และเขียนคำสำคัญที่ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวใกล้กับจุดสุดขีดของเส้นโค้งชีวิตของคุณ พยายามจินตนาการถึงอนาคตของคุณและไปต่อที่ "เส้นโค้ง" ต่อไป

จากนั้นระบุห้าประเด็นที่สำคัญที่สุด (เป้าหมาย) ที่คุณต้องการบรรลุ

2. ความแตกต่างในเวลาเป้าหมายชีวิต

แบ่งเป้าหมายชีวิตของคุณตามเกณฑ์เวลา ซึ่งคุณสามารถใช้อนุกรมเวลาได้ (ตารางที่ 1) สิ่งนี้ควรคำนึงถึงผู้คนจากสภาพแวดล้อมใกล้เคียงของคุณ (คู่ครอง ลูก พ่อแม่ เจ้านาย เพื่อน ฯลฯ) และกิจกรรมที่คุณต้องคำนึงถึง

ตารางที่ 1

อนุกรมเวลาสำหรับค้นหาเป้าหมายส่วนตัว

3. การพัฒนาแนวคิดหลักในสาขาวิชาชีพ

กำหนดเป้าหมายส่วนบุคคลและอาชีพของคุณ (จุดสังเกต) ตามโครงการ:

ความปรารถนาส่วนตัว:

ระยะกลาง (5 ปี);

ระยะสั้น (12 เดือนข้างหน้า); เป้าหมายทางอาชีพ:

ระยะยาว (เป้าหมายชีวิต);

ระยะกลาง (5 ปี);

ระยะสั้น (อีก 12 เดือนข้างหน้า)

ด้วยวิธีนี้ คุณจะจัดรายการความคิดของคุณ ในขณะที่กรองตำแหน่งที่สำคัญที่สุดออกไป เช่น เป้าหมายชีวิตส่วนตัวและอาชีพ

อย่าลืมเน้นแนวปฏิบัติทางวิชาชีพของคุณ เพราะหากมีสิ่งที่สำคัญในชีวิต มันคือการเลือกอาชีพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเงื่อนไขหลักสำหรับอาชีพที่ประสบความสำเร็จ

ลองตอบคำถามต่อไปนี้:

อาชีพอะไรที่คุณอยากทำมากที่สุด?

ถ้าคุณสามารถเลือกตำแหน่ง ตำแหน่ง อุตสาหกรรม องค์กร องค์กร หรือสถาบันได้อย่างอิสระ คุณอยากเป็นอะไรมากที่สุด

สิ่งสำคัญคือต้องให้คำตอบอย่างเป็นกลาง เพราะเกณฑ์มาตรฐานทางวิชาชีพเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในวิชาชีพและส่วนบุคคล เนื่องจาก:

เสริมสร้างแรงจูงใจเพื่อความสำเร็จของแรงงาน

ชี้นำกิจกรรมของคุณไปในทิศทางที่แน่นอน ความทะเยอทะยานทางวิชาชีพเมื่อเลือกอาชีพ

เป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ราชการต่อไป

เมื่อคุณตั้งเป้าหมายส่วนตัวและเป้าหมายทางอาชีพสำหรับตัวคุณเองแล้ว ให้ดูแลทรัพยากรส่วนบุคคลของคุณ เช่น วิธีที่จะบรรลุเป้าหมายของคุณ L. Seivert เรียกกระบวนการนี้ว่าการวิเคราะห์สถานการณ์

ความสามารถของบุคคลนั้นพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ รวมกัน ได้แก่ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม การเลี้ยงดู สุขภาพ สิ่งแวดล้อม ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขาสามารถพัฒนาได้ แต่ก็สามารถสูญเสียได้เช่นกัน

คุณควรกำหนดว่าขณะนี้คุณอยู่ที่ไหนใน "เส้นโค้งแห่งชีวิต" ของคุณ โดยสังเกตความสำเร็จและความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ พร้อมระบุคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับสิ่งนี้และสิ่งที่ขาดหายไป เมื่อคุณระบุตำแหน่งปัจจุบันของคุณแล้ว ให้ตอบคำถาม

ในพื้นที่ส่วนบุคคล:

เส้นทางชีวิตของฉัน: อะไรคือความสำเร็จและความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน?

อิทธิพลของครอบครัว (วัยเด็ก วัยรุ่น พ่อแม่ พี่น้อง คนที่รัก) คืออะไร?

มิตรภาพคืออะไร? ความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตร?

ภายใต้สถานการณ์ใดที่ฉันรู้สึกแข็งแกร่ง พ่ายแพ้ อ่อนแอ?

ฉันต้องการใช้มาตรการใดเพื่อป้องกันอันตราย อุปสรรค ปัญหา?

ความเป็นไปได้ของฉันคืออะไร? พวกเขาทำอะไรไม่ได้? ฉันจะทำอย่างไร?

ฉันต้องการทำอะไรโดยเฉพาะเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น?

ในสาขาอาชีพ:

ฉันรู้งานในตำแหน่งของฉันหรือไม่?

ฉันรู้ว่าสิ่งที่คาดหวังจากฉัน?

ฉันรู้กิจวัตรประจำวัน สิ่งที่น่าเบื่อหน่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของฉันหรือไม่? ฉันวางแผนพวกเขาหรือไม่

ฉันจัดลำดับความสำคัญ?

ฉันทำงานเสร็จตรงเวลาหรือไม่

อะไรคือประโยชน์หลักของงานของฉัน?

4. เป้าหมายสินค้าคงคลัง

ขั้นตอนต่อไปคือการจัดกลุ่มจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณและเน้นจุดแข็งและจุดอ่อนหลักสองหรือสามจุด (ตารางที่ 2)

ตารางที่ 2

ความสมดุลของความสำเร็จและความล้มเหลวส่วนบุคคล

การวิเคราะห์คุณสมบัติส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการวางแผนขั้นตอนและมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

การประเมินตนเองอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญมาก ซึ่งสามารถช่วยได้ด้วยระบบทดสอบพิเศษที่ช่วยให้เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ (ตารางที่ 3)

ในกระบวนการวิเคราะห์ วิธีการ (ทรัพยากรส่วนบุคคล การเงิน เวลา) ที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายที่ต้องการจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์จริง ตัวอย่างเช่น เลือกห้าเป้าหมายหลักและกำหนดวิธีการที่จำเป็นสำหรับพวกเขา (ตารางที่ 4)

ตารางที่ 3

ทดสอบ "ความสามารถของฉัน"

ตรวจสอบสิ่งอื่นที่คุณต้องบรรลุหรือเริ่มเข้าใกล้เป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ระบุคุณสมบัติที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตอนนี้ให้ตั้งเป้าหมายที่ใช้งานได้จริงโดยเฉพาะเพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์และความสามารถที่คุณยังขาดอยู่

ตารางที่ 4

การวิเคราะห์ปลายหมายถึง

เมื่อใช้แบบฟอร์มตารางเหล่านี้ คุณสามารถกำหนดอัตราส่วนของความต้องการและคุณสมบัติและความสามารถส่วนบุคคลของคุณ และพัฒนาอัลกอริธึมของคุณเองสำหรับเทคโนโลยีการค้นหาเป้าหมายส่วนบุคคลและในอาชีพตามผลลัพธ์

2.2. เทคโนโลยีสร้างและดำเนินกลยุทธ์ชีวิต

การวิเคราะห์สิ่งแวดล้อมมักจะถือเป็นกระบวนการเริ่มต้นของการจัดการเชิงกลยุทธ์ เนื่องจากเป็นพื้นฐานสำหรับการกำหนดภารกิจและเป้าหมาย และยังช่วยให้คุณพัฒนากลยุทธ์ด้านพฤติกรรมที่ทำให้สามารถบรรลุภารกิจและบรรลุเป้าหมายได้

ในระหว่างการวิเคราะห์นั้น ควรจะศึกษาสององค์ประกอบ:

สภาพแวดล้อมมหภาค

ความเป็นไปได้ภายในของแต่ละบุคคล

ศึกษาแง่มุมต่าง ๆ ของสภาพแวดล้อมภายนอก บุคคลจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าโอกาสใดที่ชีวิตเปิดขึ้นสำหรับเขา หน้าที่ทางสังคมและเศรษฐกิจด้านใดที่ดึงดูดเขา อุปสรรคใดที่เขาสามารถพบเจอบนเส้นทางแห่งชีวิต และผลที่ตามมาจากขั้นตอนที่เขาทำ ชีวิตสามารถมี ชีวิต.

โดยการวิเคราะห์ความสามารถภายในของเขา บุคคลจำเป็นต้องค้นหาข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ในการแข่งขันที่เขาสามารถไว้วางใจได้ในอนาคต พัฒนาศักยภาพที่เขามีในขณะนี้

ภารกิจของบุคคลสามารถเรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายหลักในชีวิตของเขา ซึ่งตาม A. Thompson และ A. Strickland ควรจะกำหนด "โดยพื้นฐานแล้วจากมุมมองของการเพิ่มบทบาททางสังคม" ของบุคคลนี้

วิสัยทัศน์เป็นภาพในอุดมคติของสภาวะชีวิตในอนาคตที่บุคคลสามารถบรรลุได้ภายใต้สภาวะที่เอื้ออำนวยที่สุด จากข้อมูลของ B. Karlof "สามารถใช้เป็นพื้นฐานในการกำหนดระดับการเรียกร้องในกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์"

ในแนวคิด PSM ปัจจัยสำคัญที่สามารถมีอิทธิพลอย่างรุนแรงต่อการก่อตัวของกลยุทธ์ทั้งชีวิต ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม คือการมีอยู่ของบุคคลของอุดมการณ์ส่วนบุคคลที่ก่อตัวขึ้น คำนี้มักจะเข้าใจว่าเป็น "ระบบของความคิดและมุมมอง: การเมือง กฎหมาย ปรัชญา คุณธรรม ศาสนา สุนทรียศาสตร์ ซึ่งทัศนคติของผู้คนต่อความเป็นจริงได้รับการยอมรับและประเมินผล" ใน PSM ความถูกต้องของการยอมรับและการดำเนินการตามการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงานขึ้นอยู่กับคุณภาพของอุดมการณ์ส่วนบุคคล

ในขั้นตอนของการกำหนดเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ การแยกส่วนหลัก (การแบ่งส่วน) ของภารกิจออกเป็นสองกลุ่มที่แยกจากกันทางตรรกะ ขึ้นอยู่กับขอบเขตของชีวิต - มืออาชีพและสังคม การสลายตัวเพิ่มเติมและการดำเนินงานของภารกิจชีวิตอยู่ในกรอบของพื้นที่เหล่านี้ เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในแนวคิด PSM มีลักษณะในระยะยาวและเกิดขึ้นจากสภาวะของชีวิตมนุษย์ภายในขอบเขตเวลาสูงสุดที่เป็นไปได้

โดยทั่วไป กระบวนการกำหนดเป้าหมายชีวิตเชิงกลยุทธ์ของบุคคลตามแนวคิดของ PSM นั้นอธิบายโดยโครงการที่พัฒนาบนพื้นฐานของอัลกอริทึมสำหรับการสร้างกลยุทธ์ชีวิตของบุคคลเป็นระยะ ๆ ในรูปแบบของ "การอัพเดทชีวิตทีละน้อย กลยุทธ์ผ่าน "การพัฒนา" และ "การประกอบ" ที่สอดคล้องกันขององค์ประกอบเริ่มต้น - รูปภาพ ความหมายของชีวิต คุณค่าชีวิต บรรทัดฐานและเป้าหมาย" (ภาคผนวก)

ในภาพ ขั้นตอนของการสร้างเป้าหมายถูกนำเสนอเป็นชุดของขั้นตอนที่เกี่ยวข้องเชิงโครงสร้างที่คล้ายกับลำดับขององค์ประกอบของระบบการวางแนวเชิงกลยุทธ์:

การเปลี่ยนแปลง - ผสมผสานการรับรู้ทางอารมณ์ของชีวิตจริงและการค้นหาภาพใหม่ ในขั้นตอนนี้ การเลือกเชิงกลยุทธ์ของปัจเจกบุคคลจะมีลักษณะเฉพาะโดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการรับรู้ชีวิตและการเป็นตัวแทนเปรียบเทียบที่สอดคล้องกัน

การคิดใหม่ - พร้อมกับการปฏิเสธบุคลิกภาพ (บางส่วนหรือทั้งหมด) จากทิศทางชีวิตที่มีความหมายก่อนหน้านี้และการก่อตัวของแนวคิดใหม่เกี่ยวกับความหมายของชีวิต

การประเมินค่าสูงไป - มีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของค่าที่นำมาใช้ในระยะยาว ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ด้านคุณค่าของบุคลิกภาพ ทัศนคติที่สูงขึ้น

การปรับทิศทางเชิงบรรทัดฐาน ("renormalization") - โดดเด่นด้วยการแก้ไขบรรทัดฐานชีวิตตลอดจนหลักการและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

การปรับเป้าหมายใหม่ ("การกำหนดเป้าหมายใหม่") - หมายถึงการเลือกและการพัฒนาเป้าหมายชีวิตเชิงกลยุทธ์ กล่าวคือ การก่อตัวของทิศทางเป้าหมายใหม่

ในขั้นตอนการพัฒนา การก่อตัวของเครื่องมือทั่วไปและเฉพาะสำหรับการดำเนินการตามกลยุทธ์ชีวิตกำลังดำเนินการอยู่ ประการแรก มีการสร้างแนวคิดสำหรับการบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ (เป็นการนำเสนอโดยทั่วไปของแนวทาง หลักการ และวิธีการ) จากนั้นจึงพัฒนากลยุทธ์ทั่วไปสำหรับชีวิต หลังจากนั้นจะแบ่งออกเป็นกลยุทธ์องค์ประกอบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกันซึ่งดำเนินการตามเป้าหมาย ดังนั้นจึงมีการดำเนินการที่สอดคล้องกันของขั้นตอนของกลยุทธ์ส่วนประกอบทั้งหมดด้วยการเชื่อมต่อโครงข่ายชั่วคราวและเชิงคุณภาพเพียงครั้งเดียว บนพื้นฐานนี้มีการสร้างโปรแกรมทั่วไปสำหรับการดำเนินการตามกลยุทธ์ชีวิต นอกจากนี้ โปรแกรมย่อยของคอมโพเนนต์ทำงานด้วยเทคโนโลยี PSM เฉพาะและทั่วไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งใช้ทั้งในการจัดการเชิงกลยุทธ์ส่วนบุคคลจากภายนอกและภายใน

ในขั้นตอนนี้ การดำเนินงานของสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์หลักสามประการของบุคคลที่เขามีในขณะพัฒนากลยุทธ์ก็ดำเนินการเช่นกัน ได้แก่ ทุนมนุษย์ ทรัพยากรทางการเงิน เวลา. ด้วยเหตุนี้ ในบรรดาโปรแกรมย่อยที่พัฒนาขึ้นในเวที ฉันต้องการทราบสิ่งต่อไปนี้:

การลงทุนในทุนมนุษย์ส่วนบุคคล

การกระจายเวลาส่วนตัวอย่างมีประสิทธิภาพโดยพิจารณาจากค่าเสียโอกาส

การเพิ่มประสิทธิภาพของการเงินส่วนบุคคล

การศึกษาและแรงงาน (ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพค่าใช้จ่ายในการได้รับการศึกษาที่จำเป็นและการประกอบอาชีพ)

การดำเนินการตามกลยุทธ์ที่พัฒนาขึ้นในขั้นตอนก่อนหน้าเกิดขึ้นจากการใช้งานโปรแกรมย่อยส่วนประกอบตรงเวลาพร้อมกับความสำเร็จพร้อมกันของพารามิเตอร์ที่กำหนดโดยเป้าหมายเชิงกลยุทธ์

ในขั้นตอนของการปรับกลยุทธ์ชีวิต จะปรับให้เข้ากับแนวทางกลยุทธ์ใหม่ ข้อกำหนดที่ทันสมัย ​​และความท้าทายของสภาพแวดล้อมภายนอกตลอดจนคุณสมบัติที่บุคคลค้นพบในตัวเอง

บุคคลที่ตระหนักถึงความสามารถของเขาโดยใช้แง่บวกของธรรมชาติและแก้ไขคุณสมบัติส่วนบุคคลอย่างมีสติในทิศทางเดียวหรืออีกทางหนึ่งสามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขาไปในทิศทางที่ต้องการได้อย่างสิ้นเชิง

3. การกำหนดเป้าหมายชีวิต AS

ขั้นตอนสุดท้ายของการตั้งเป้าหมาย

ขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการตั้งเป้าหมายคือการกำหนดเป้าหมายในทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมสำหรับขั้นตอนการวางแผนที่ตามมา "เป้าหมาย" ในสาระสำคัญที่ลึกที่สุดคือการคาดการณ์เหตุการณ์จริงของความเป็นจริง แต่ละเป้าหมายได้รับการแปลเป็นการกระทำ ในขณะเดียวกัน การดำเนินการตามเป้าหมายเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน

อธิบายการกระทำของเขา บุคคลมักจะอ้างถึงเหตุผลบางประการที่บังคับให้เขาทำเช่นนี้ไม่ใช่อย่างอื่น และบอกตัวเองและทุกคนที่สนใจในเรื่องนี้ว่าเขาพยายามบรรลุเป้าหมายบางอย่าง

การวิเคราะห์พฤติกรรมของมนุษย์แสดงให้เห็นว่าไม่มีการโต้ตอบแบบหนึ่งต่อหนึ่งระหว่างเป้าหมายและการกระทำ สามารถบรรลุเป้าหมายเดียวกันได้หลายวิธี และวิธีหนึ่งนำไปสู่เป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่ละคนควรมีระบบเป้าหมายที่มั่นคงไม่มากก็น้อย: เป้าหมายบางอย่างดีกว่า อื่น ๆ จะถูกผลักไสให้ตกชั้น ในจำนวนรวมของเป้าหมายของแต่ละคนพบเป้าหมายหลักและเป้าหมายระดับกลางรองจากเป้าหมายหลัก แต่ไม่มีเป้าหมายสุดท้ายจะเป็นไปไม่ได้ บุคคลแสดงความสนใจอย่างสุดโต่งในบางเป้าหมายและพร้อมที่จะเสียสละสิ่งที่แพงที่สุดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ในขณะที่เป้าหมายอื่นๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขามากนัก โดยไม่กระทบต่อขอบเขตทางอารมณ์ ในภาษาของทฤษฎีการจัดการ ระบบเป้าหมายรองดังกล่าวเรียกว่าต้นไม้แห่งเป้าหมาย

นักสังคมวิทยาชาวฝรั่งเศส B. Gurney ระบุเป้าหมายส่วนบุคคลสี่ประเภทสำหรับผู้ที่เข้าร่วมองค์กรการจัดการ:

1. มุ่งมั่นเพื่อความมั่นคง ยกเว้นภัยคุกคามต่อตนเองโดยส่วนตัว

2. ความปรารถนาที่จะปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพ เพื่อให้เข้าใจเป้าหมายนี้ พึงระลึกไว้เสมอว่าความพึงพอใจของพนักงานที่มีต่อเงินเดือนไม่เพียงแต่ขึ้นกับมูลค่าที่แน่นอนของค่าตอบแทนเท่านั้น แต่ยังขึ้นกับอัตราส่วนกับเงินเดือนของเพื่อนร่วมงานด้วย

3. ความปรารถนาในอำนาจ เป้าหมายนี้แบ่งออกเป็นเป้าหมายย่อยที่เกี่ยวข้องกันหลายประการ: ความปรารถนาที่จะขยายขอบเขตอำนาจของตน บรรลุเอกราช และก้าวขึ้นสู่ขั้นในอาชีพ

๔. ปรารถนาจะเพิ่มพูนบารมี เป้าหมายนี้แบ่งออกเป็นสองเป้าหมายย่อย: การเสริมสร้างศักดิ์ศรีส่วนตัวและศักดิ์ศรีขององค์กรเอง

การตั้งเป้าหมายมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าหากหลีกเลี่ยงจุดอ่อนที่อาจเกิดขึ้นดังต่อไปนี้:

1. ขาดความสมจริง เป้าหมายควรบรรลุได้แม้ว่าจะต้องการความพยายามจากความสามารถของมนุษย์บ้าง

2. กรอบเวลาไม่แน่นอน เป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างดีมีกรอบเวลาสำหรับการบรรลุเป้าหมายนั้น หลังอาจได้รับการตรวจสอบเป็นระยะ

3. ขาดความสามารถในการวัด เมื่อใดก็ตามที่เป็นไปได้ เป้าหมายควรแสดงในรูปแบบที่วัดได้ ซึ่งช่วยให้สามารถประเมินผลสำเร็จได้อย่างชัดเจน

4. ไร้ประสิทธิภาพ วัตถุประสงค์จะสมเหตุสมผลก็ต่อเมื่อมีความสอดคล้องกับเป้าหมายที่กว้างขึ้นของงานอย่างชัดเจน ดังนั้นเกณฑ์หลักในที่นี้คือประสิทธิภาพ ไม่ใช่ความฉูดฉาด และเป้าหมายดังกล่าวควรมีตำแหน่งในงานขององค์กร

5. ขาดส่วนได้ส่วนเสีย คนที่มาทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันจะได้รับพลังเพิ่มเติมจากการทำงานเป็นกลุ่ม

6. ขัดแย้งกับผู้อื่น เป้าหมายของงานเดี่ยวหรืองานกลุ่มถูกกำหนดในลักษณะที่ขัดแย้งกันเอง มีสองสามวิธีในการเอาชนะความขัดแย้งเหล่านี้ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากโดยสูญเปล่า

7. ขาดความตระหนัก องค์กรขนาดใหญ่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อความล้มเหลวในการเผยแพร่ข้อมูล คณะกรรมการบริษัทกำหนดเป้าหมายซึ่งมักแสดงเป็นเงื่อนไขทางการเงิน แต่ไม่ได้แจ้งให้ทราบ บางทีข่าวที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันอาจรั่วไหลไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา แต่พวกเขาขาดเป้าหมายที่น่าเชื่อถือซึ่งแสดงออกมาในแง่สากล

8. ใช้เป็นการลงโทษ การตั้งค่าเป้าหมายสามารถใช้เพื่อก่อกวนและลงโทษผู้คนได้ เมื่อมีการเผยแพร่ปรัชญาดังกล่าวอย่างกว้างขวาง กระบวนการกำหนดเป้าหมายจะถูกมองว่าเป็นบ่อนทำลายและก่อวินาศกรรมอย่างมีศิลปะ

9. ขาดการวิเคราะห์ ข้อได้เปรียบที่ดีของการตั้งเป้าหมายคือการจัดเตรียมพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ การปรึกษาหารือทำให้ประชาชนได้รับการศึกษา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรและระบบ

โดยปกติจะมีตำแหน่งหลัก 5-8 ตำแหน่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ตำแหน่งหลักในแง่หนึ่งคือเป้าหมายที่มีรายละเอียดมากขึ้น เพื่อความสำเร็จสูงสุดในการบรรลุเป้าหมาย ให้จดเป้าหมายทั่วไปของคุณและตำแหน่งหลักในการบรรลุเป้าหมาย

เป้าหมายกำหนดทิศทางของการเคลื่อนไหว เราสามารถจินตนาการถึงเรือเดินทะเลขนาดใหญ่ได้ แม้ว่าจะมีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อบรรทุกของหนักจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้หากไม่มีหางเสือ เป้าหมายคือหางเสือในการเคลื่อนไหวรายบุคคลและกลุ่ม หากไม่มีความสามารถที่มีอยู่จะถูกชี้ทางผิดและสิ้นเปลืองตามไปด้วย

แต่ละเป้าหมายเหมาะสมเมื่อกำหนดเวลาสำหรับการดำเนินการและกำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการ พยายามกำหนดให้สัมพันธ์กับเป้าหมายที่คุณต้องการและนำไปใช้ได้จริง และตรวจสอบแผนของคุณเพื่อความสมจริง

ตัวอย่างคือแผนชีวิตต่อไปนี้ (ตารางที่ 5)

ตารางที่ 5

แผนชีวิต

เมื่อกำหนดเป้าหมายเชิงปฏิบัติโดยเฉพาะ จำเป็นต้องคำนึงถึงแง่มุมต่างๆ เช่น สภาพร่างกาย เนื่องจากการมีสุขภาพที่ดีเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตที่กระฉับกระเฉงและการจัดการตนเองที่ประสบความสำเร็จ ในการทำเช่นนี้ คุณจำเป็นต้องรวมกิจกรรมตามแผนเป็นระยะ (รายปี รายเดือน รายสัปดาห์ และรายวัน) เพื่อปรับปรุงสุขภาพ: การวิ่งจ็อกกิ้งทุกวันในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์ ทรีตเมนต์ ว่ายน้ำ ลานสกี การตรวจป้องกัน ฯลฯ

เราไม่ควรลืมเกี่ยวกับการศึกษาด้วยตนเอง การยกระดับความรู้และทักษะ และการตรัสรู้ทางวัฒนธรรม (การเดินทาง การมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรม ฯลฯ)

ผู้จัดการหลายคนพบว่าเป้าหมายส่วนบุคคลสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมากหากพวกเขามีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ต่อไปนี้:

บุคคลนั้นรู้สึกสนใจเป็นการส่วนตัวในความสำเร็จของพวกเขา

บางทีอาจประสบความสำเร็จในการก้าวไปสู่พวกเขาในขั้นเล็กๆ

กำหนดขีดจำกัดเวลาแล้ว

มีการกำหนดผลลัพธ์สุดท้ายไว้อย่างชัดเจน

ลักษณะสำคัญของเป้าหมาย: ความแม่นยำในการตัดสินใจ ความสามารถในการวัด ความสำเร็จ ความสมจริง การบ่งชี้ช่วงเวลาสำหรับการใช้งาน

มาดูส่วนประกอบแต่ละอย่างคร่าวๆ กัน

ความแม่นยำของเป้าหมาย นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง

ความเป็นไปได้ในการวัด ควรใช้ตัวเลขและมาตรฐานอื่นๆ ที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ซึ่งช่วยให้เปรียบเทียบได้อย่างชัดเจนว่าสิ่งใดเกิดขึ้นก่อนการดำเนินการตามเป้าหมายและหลังจากนั้น

การเข้าถึงได้ คำถามเกิดขึ้น: จะบรรลุเป้าหมายนี้ได้อย่างไร หากคุณมีประสบการณ์น้อยหรือคุณวุฒิต่ำ คุณควรคิดถึงเรื่องนี้และลงทะเบียนเรียนในหลักสูตรพิเศษ

ความสมจริง จำไว้ว่าจะใช้เวลามากกว่าหนึ่งเย็นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

การระบุช่วงเวลา กำหนดระยะเวลาที่แน่นอนของเป้าหมายของคุณ

ความคงเส้นคงวาและความสำคัญของเป้าหมายในชีวิตของบุคคลนั้นแตกต่างกัน เป้าหมายเหล่านี้บางส่วนเป็นเป้าหมายพื้นฐานและคงอยู่ต่อไปหลายชั่วอายุคน (เช่น ความปรารถนาที่จะทำกำไร) เป้าหมายอื่นๆ เป็นเพียงผิวเผินและชั่วคราว (เช่น ความปรารถนาที่จะมีคริสต์มาสที่ดี)

ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คุณจะคิดเกี่ยวกับเป้าหมายชีวิตของคุณตลอดชีวิต ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อย่างไรก็ตาม การคิดถึงพวกเขาและเขียนลงบนกระดาษเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกัน เป้าหมายที่ไม่ได้เขียนไว้มักจะคลุมเครือและเป็นความฝันแบบยูโทเปีย เช่น ความคิดเช่น "น่าเที่ยว" "คงจะดีถ้าได้เป็นเศรษฐี" ในทางกลับกัน การบันทึกต้องการให้คุณมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นในการแสดงออก เป้าหมายแคบลง คุณต้องแสดงแรงบันดาลใจของคุณออกมาสองสามคำ และไม่ใช่ในหลายๆ คำที่ผ่านเข้ามาในความคิดของคุณ

เอกสารที่จะช่วยให้คุณกำหนดได้ว่าต้องการบรรลุผลอะไรจริง ๆ คือการประกาศเป้าหมายตลอดชีพ มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีทิศทางที่เด็ดเดี่ยว ช่วยให้คุณรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าแห่งโชคชะตาของคุณเอง

ทุกคนรู้ดีว่าการตั้งเป้าหมายง่ายกว่าการบรรลุเป้าหมาย หลายคนเลอะเทอะและไม่สมจริงในการกำหนดเป้าหมายเพราะพวกเขาใช้ภาระหน้าที่เบาเกินไปและพร้อมที่จะลืมเกี่ยวกับพวกเขาได้ทุกเมื่อ พฤติกรรมของบุคคลที่มีประสิทธิภาพในการตั้งเป้าหมายนั้นมีลักษณะเฉพาะโดยการศึกษาภาระหน้าที่ที่เป็นไปได้และความเป็นจริงของการนำไปปฏิบัติอย่างรอบคอบก่อนที่เขาจะรับภาระเหล่านี้ บุคคลดังกล่าวมีหน้าที่รับผิดชอบต่อภาระหน้าที่และความพยายามที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายไม่ว่าเขาจะประสบปัญหาอะไรก็ตาม ทัศนคตินี้มีค่าเช่นกันหากขยายไปสู่เป้าหมายที่แบ่งปันกับผู้อื่น

เป้าหมายในแง่ทั่วไปสามารถใช้เป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์ได้ แต่อาจไม่ได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่ต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จเสมอไป

ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนของเป้าหมายส่วนบุคคลที่กำหนดขึ้นโดยทั่วไป:

ขอให้โชคดีในการทำงาน

มีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มงานของคุณ

เรียนรู้ที่จะผ่อนคลายที่บ้าน

เพลิดเพลินกับกีฬา

ถ้อยแถลงเหล่านี้ไม่สามารถกล่าวได้อย่างแน่ชัดและมีเวลาจำกัด แม้ว่าจะชี้ไปที่เป้าหมายร่วมกันและพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อให้ข้อความดังกล่าวมีประโยชน์ จำเป็นต้องสร้างสิ่งที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นโดยถามว่าจะบรรลุเป้าหมายทั่วไปเหล่านี้ได้อย่างไร และโดยการกำหนดเป้าหมายเฉพาะด้วยกรอบเวลาที่ชัดเจน

คุณควรตั้งเป้าหมายที่เป็นจริง ในเวลาเดียวกัน อย่าทำมากเกินไป เพราะในกรณีนี้ งานส่วนตัวมีโอกาสน้อยที่จะเสร็จ ยิ่งตั้งเป้าหมายให้ตัวเองมากเท่าไหร่ ชีวิตก่อนหน้านี้ยิ่งต้องเปลี่ยนแปลงมาก ยิ่งต้องพัฒนากิจกรรม

คุณต้องตั้งเป้าหมายระยะสั้นให้สอดคล้องกับความสำเร็จของเป้าหมายระดับโลกในระยะยาวด้วย ในการมุ่งสู่เป้าหมายระยะยาว คุณต้องคำนึงถึงสภาวะภายนอกที่เปลี่ยนแปลงไปและการเกิดขึ้นของแนวโน้มใหม่ ดังนั้น ควบคู่ไปกับเป้าหมายร่วมกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญจากมุมมองของแรงจูงใจทางจิตวิทยาในการกำหนดเป้าหมายย่อยที่ทำได้ในระยะสั้นและบรรลุความสำเร็จระดับกลาง

การตั้งเป้าหมายนำองค์ประกอบของการวางแผนสั่งการเข้ามาในชีวิตของผู้คน ความพยายามในการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนต้องไม่ได้รับอนุญาตให้ยับยั้งความฉับไวและจำกัดเสรีภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ใหม่ เป้าหมายที่กำหนดไว้ดีที่สุดคือเป้าหมายที่เปิดโอกาสให้คุณเปิดรับความเป็นไปได้มากขึ้น

หากคุณพบว่าไม่สามารถเอาชนะอุปสรรคในการบรรลุเป้าหมายได้ คุณต้องถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้:

เป้าหมายของคุณมีความสำคัญกับคุณจริงหรือ? เป้าหมายที่ไม่สนใจจริงๆ มักจะไม่สำเร็จ

เป้าหมายของคุณเป็นจริงหรือไม่? มันเกิดขึ้นที่ผู้คนตั้งเป้าหมายที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุ จากนั้นก็ประหลาดใจกับความล้มเหลวของพวกเขา

คุณได้ทุ่มเทและตั้งใจมากพอในการบรรลุเป้าหมายของคุณหรือไม่?

เป้าหมายที่ค่อนข้างบรรลุผลอาจไม่เป็นจริงเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีความพยายามเพียงพอที่จะเอาชนะอุปสรรค

เป้าหมายของคุณยังคงมีความเกี่ยวข้องหรือไม่? การเกิดขึ้นของสถานการณ์ใหม่อาจทำให้เป้าหมายบางอย่างของคุณล้าสมัย

คุณดึงดูดผู้คนมามากพอแล้วหรือยัง? หากปราศจากความช่วยเหลือและการสนับสนุน หลายโครงการอาจถึงวาระที่จะล้มเหลว การสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้คุณก้าวไปข้างหน้า

ยังเร็วเกินไปที่คุณจะยอมแพ้? ในหลายกรณี ผู้คน "ยอมรับความพ่ายแพ้" เร็วเกินไป เมื่อความพากเพียรสามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้

การเลือกเป้าหมายที่ชัดเจน ชัดเจน และที่สำคัญที่สุดคือกระบวนการที่สำคัญมากสำหรับผู้นำทุกคน ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถระบุแรงบันดาลใจหลักในชีวิตและอาชีพของเขาได้อย่างชัดเจน สำหรับสิ่งนี้ จำเป็นต้องมีความคิดบางประเภทเพื่อกำหนดเป้าหมายส่วนตัวในการให้บริการของคนทั่วไป

บทสรุป

ดังนั้นจากการทำงานของหลักสูตรจึงมีการตรวจสอบแง่มุมทางทฤษฎีและการปฏิบัติของเทคโนโลยีในการค้นหาเป้าหมายชีวิต

โดยสรุปควรสังเกตสิ่งต่อไปนี้

การตั้งเป้าหมายไม่ได้เป็นเพียงแบบฝึกหัดที่มีประโยชน์ แต่เป็นองค์ประกอบที่จำเป็นอย่างยิ่งของกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จ ผู้ชนะในชีวิตรู้ว่าพวกเขากำลังจะไปที่ไหน ผู้แพ้จะไปในที่ที่พวกเขาถูกส่งไปเท่านั้นหรืออยู่ในที่ที่พวกเขาอยู่ พวกเขาใช้ชีวิตทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายของผู้อื่น วัตถุประสงค์จัดระเบียบความพยายาม การตั้งสติในจิตใจและแทรกซึมเข้าไปในจิตใต้สำนึกทั้งหมด จะเริ่มมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของคุณโดยอัตโนมัติ ชี้นำให้บรรลุผล ผลทางจิตวิทยาของสิ่งนี้คืองานจะได้รับการแก้ไขในจิตใต้สำนึกของคุณมากจนจะเป็นแบบอย่างและแผนปฏิบัติการซึ่งในที่สุดจะครอบงำชีวิตของคุณและนำคุณไปสู่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง

มีเทคโนโลยีต่างๆ ในการค้นหาเป้าหมายชีวิต แต่ละคนเลือกสิทธิ์ในการเลือกใด ๆ ของพวกเขา ดังคำกล่าวที่ว่า "ชีวิตของคุณอยู่ในกำมือของคุณ และคุณสามารถทำให้มันเป็นไปตามที่คุณต้องการ"

เทคโนโลยีที่กล่าวถึงข้างต้นจะช่วยให้คุณมีสมาธิ ความแข็งแกร่ง และพลังงานทั้งหมดของคุณในการบรรลุเป้าหมาย และจะช่วยให้คุณพิสูจน์ตัวเองจากด้านที่ดีที่สุด

รายชื่อวรรณคดีใช้แล้ว

1. Vikhansky O.S. การจัดการเชิงกลยุทธ์. – M.: Prospekt, 2003. – 405 p.

2. Glukhov V.V. การจัดการ. ฉบับที่ 3 - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก: ปีเตอร์ 2551 - 608 Dorofeeva L.I. การจัดการ. – M .: Eksmo, 2007. – 192p.

3. Gurney B. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การจัดการ แปล: Yakovlev G.S. , Ed.: Piskotin M.I. – ม.: ความคืบหน้า, 1969. – 430.

4. Seivert L. เวลาของคุณอยู่ในมือคุณ เคล็ดลับสำหรับนักธุรกิจในการใช้เวลาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ: ต่อ กับเขา. – M.: INFRA-M, 1995. – 265 p.

5. ลี ไอเอค็อกคา อาชีพผู้จัดการ (แปลโดย R.I. Stoller) // ทรัพยากรอิเล็กทรอนิกส์ โหมดการเข้าถึง: http://lib.rus.ec/b/76377/read

6. McKay H. วิธีเอาตัวรอดท่ามกลางฉลาม กลยุทธ์ทางธุรกิจ: แนวคิด เนื้อหา สัญลักษณ์ / บี. คาร์ลอฟ. – ม.: สามัคคี. - 2546. - 338.

7. มิคาเลวา E.P. การจัดการ. บันทึกบรรยาย. – M.: Yurayt-Izdat, 2009. – 192p.

8. พลังการผลิตของมนุษย์: โครงสร้างและรูปแบบของการสำแดง - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก 2536 - 120p

9. Reznik T.E. , Reznik Yu.M. ปฐมนิเทศชีวิตส่วนตัว: การวิเคราะห์และการให้คำปรึกษา// การวิจัยทางสังคมวิทยา. - 2549. - ลำดับที่ 6.-ส. 112-119.

10. Reznik T.E. , Reznik Yu.M. กลยุทธ์ชีวิตของแต่ละบุคคล // การวิจัยทางสังคมวิทยา. - 2548. - ลำดับที่ 12. - ส. 101, 103-104.

11. Rogov E.I. จิตวิทยาของมนุษย์. - M.: Humanit ed. Center VLADOS, 2001. - 320 p.

12. พจนานุกรมสมัยใหม่ของคำต่างประเทศ – ม.: YuraytIzdat. - 2552. - 714p.

13. Stolyarenko L.D. จิตวิทยา: หนังสือเรียนสำหรับมหาวิทยาลัย - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก: ผู้นำ 2549 - 592 หน้า

14. Thompson A.A., Strickland A.J. การจัดการเชิงกลยุทธ์ ศิลปะแห่งการพัฒนาและการนำกลยุทธ์ไปใช้ - ม. - 2551. - ส. 562.

Seivert L. เวลาของคุณอยู่ในมือของคุณ เคล็ดลับสำหรับนักธุรกิจในการใช้เวลาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ: ต่อ กับเขา. - ม.: INFRA-M, 1995. - ส. 48.

Vikhansky O.S. การจัดการเชิงกลยุทธ์. – ม.: ผู้มุ่งหวัง. - 2546. - ส. 40.

Thompson A.A., Strickland A.J. การจัดการเชิงกลยุทธ์ ศิลปะแห่งการพัฒนาและการนำกลยุทธ์ไปใช้ - ม. - 2551. - ส. 562.

McKay H. วิธีเอาตัวรอดท่ามกลางฉลาม กลยุทธ์ทางธุรกิจ: แนวคิด เนื้อหา สัญลักษณ์ / บี. คาร์ลอฟ. – ม.: สามัคคี. - 2546. - ส. 244.

พจนานุกรมสมัยใหม่ของคำต่างประเทศ – ม.: YuraytIzdat. - 2552. - ส. 223.

Reznik T.E. , Reznik Yu.M. ปฐมนิเทศชีวิตส่วนตัว: การวิเคราะห์และการให้คำปรึกษา// การวิจัยทางสังคมวิทยา. - 2549. - ลำดับที่ 6 - หน้า 119.

Reznik T.E. , Reznik Yu.M. ปฐมนิเทศชีวิตส่วนตัว: การวิเคราะห์และการให้คำปรึกษา// การวิจัยทางสังคมวิทยา. - 2549. - ลำดับที่ 6 - หน้า 112.

Gurney B. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การจัดการ แปล: Yakovlev G.S. , Ed.: Piskotin M.I. - ม.: ก้าวหน้า, 2512. - ส. 16.

Glukhov V.V. การจัดการ. ฉบับที่ 3 - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก: ปีเตอร์ 2551 - ส. 359 - 360.

Dorofeeva L.I. การจัดการ. - M.: Eksmo, 2007. - S. 97.

วัตถุประสงค์ของ บริษัท ในความเป็นจริงคือการสรุปภารกิจขององค์กร ระบบเป้าหมายของบริษัทประกอบด้วยหลักการ ค่านิยมทางจิตวิญญาณ เป้าหมายระยะยาว ทั้งหมดนี้กำหนดภารกิจขององค์กรในสังคม โดยมีหลักการดังนี้ 1) การเติบโตของบริษัทเนื่องจากผลประโยชน์ร่วมกันของบริษัทและผู้บริโภค 2) การทำกำไรเนื่องจากผลประโยชน์ร่วมกันของบริษัทและผู้บริโภค

เป้าหมาย- นี่คือสถานะเฉพาะของลักษณะเฉพาะขององค์กรความสำเร็จของแมว เป็นที่พึงปรารถนาสำหรับเธอและเพื่อให้ได้แมว กำกับกิจกรรมของมัน

การจำแนกเป้าหมายขององค์กร

องค์กรสามารถมีเป้าหมายที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงองค์กรประเภทต่างๆ

1. ตามระดับ:

ภารกิจ เป้าหมาย เชิงกลยุทธ์ ยุทธวิธี การปฏิบัติงาน

2. จำแนกตามทิศทาง ในกรณีนี้ เป้าหมายจะแบ่งตามลักษณะของการกระทำที่พวกเขาตั้งใจจะทำเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ü เป้าหมายของการทำงานมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาสภาพการทำงานขององค์กรและแผนกต่างๆ โปรแกรมเป้าหมายเพื่อให้แน่ใจว่าการทำงานประกอบด้วยงานในการสร้างกระแสทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง, การบำรุงรักษา, การตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของกิจกรรมของสมาชิกในองค์กร ตามกฎแล้วงานดังกล่าวได้รับการออกแบบมาเป็นเวลานาน เป้าหมายดังกล่าวอาจทำให้เกิดปัญหาในการจูงใจพฤติกรรมของสมาชิกในองค์กร เนื่องจากความสำเร็จของพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับความพยายามเพียงครั้งเดียว แต่ต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่อง

ü เป้าหมายการปรับปรุง เป้าหมายใด ๆ ที่มีการดำเนินการที่ใช้งานอยู่ถือได้ว่าเป็นเป้าหมายการปรับปรุง เป้าหมายดังกล่าวรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน การเพิ่มส่วนแบ่งสินค้าขององค์กรในตลาด ฯลฯ โดยปกติแล้ว พนักงานจะเข้าใจเป้าหมายดังกล่าวเป็นอย่างดี แต่การนำไปปฏิบัตินั้นไม่สามารถจัดหาทรัพยากรที่เหมาะสมได้เสมอไป (โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเป้าหมายที่สูงเกินจริงโดยเจตนา) หากเป้าหมายของการปรับปรุงไม่สามารถบรรลุได้ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากพวกเขาได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในแผนกต่างๆขององค์กร) ผลกระทบด้านลบก็เป็นไปได้ซึ่งแสดงออกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสูญเสียอำนาจของผู้จัดการแรงจูงใจของสมาชิกลดลง ขององค์กร เป็นต้น

ü เป้าหมายการพัฒนาคล้ายกับเป้าหมายการปรับปรุง แต่หมายถึงรูปแบบเฉพาะของการเติบโต การขยายตัว การเรียนรู้ และความก้าวหน้า เป้าหมายเหล่านี้อาจรวมถึงการเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ใหม่ที่นำมาใช้ในการผลิต การแนะนำแนวคิดใหม่ในด้านการจัดการ คาร์ดินัล

3. การจำแนกประเภทในโดเมนเวลา กิจกรรมการจัดการในองค์กรต้องมีความตรงต่อเวลาอย่างชัดเจน กล่าวคือ จำเป็นต้องระบุเป้าหมายที่มีลำดับความสำคัญ เฝ้าติดตามวิธีการดำเนินการตามเป้าหมายระยะกลางและระยะยาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการของเป้าหมายที่ซับซ้อนทั้งหมด ผู้จัดการจำเป็นต้องจัดสรรทรัพยากรอย่างเหมาะสมในเวลา ซึ่งทำให้สามารถมุ่งความสนใจไปที่จุดที่ถูกต้องและบรรลุการดำเนินการอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าของสมาชิกในองค์กร โอกาสในการนี้มาจากการจำแนกประเภทของเป้าหมายในโดเมนเวลา

เป้าหมายปัจจุบันมักจะอ้างถึงงานที่ควรจะแล้วเสร็จภายในหนึ่งปี เป้าหมายเหล่านี้เป็นที่รับรู้อย่างดีจากสมาชิกในองค์กรในกรณีที่ทำได้จริง โดยได้รับการสนับสนุนจากแรงจูงใจที่เหมาะสม โดยทั่วไป เป้าหมายปัจจุบันเป็นแนวทางในการดำเนินการสำหรับองค์กรที่ผลิตผลิตภัณฑ์

เป้าหมายระยะกลางครอบคลุมระยะเวลาหนึ่งถึงสามปี เป้าหมายซึ่งได้รับการออกแบบสำหรับข้อกำหนดดังกล่าวจำเป็นต้องมีการวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับสภาพการดำเนินงาน (โดยพื้นฐานคือสภาพแวดล้อมของตลาด) ทรัพยากรที่มีอยู่ขององค์กรและความเป็นไปได้ในการดึงดูดพวกเขา

เป้าหมายระยะยาวมักจะหมายถึงระยะเวลาการวางแผนขององค์กรมากกว่าสามปี การทำงานเพื่ออนาคตไม่เกี่ยวข้องกับทุกองค์กร

1. ตามพื้นที่ของกิจกรรม:

ü เทคโนโลยี อุตสาหกรรม การตลาด เศรษฐกิจ

ฉลาด.

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้สำเร็จต้องกำหนดไว้อย่างถูกต้อง ในการทำเช่นนี้ มีเทคนิคมากมายที่คุณสามารถกำหนดเป้าหมาย "คุณภาพ" ได้อย่างแท้จริง วิธีหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปและมีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการตั้ง "ฉลาด" ( จากอังกฤษ. "ฉลาด") เป้าหมาย กล่าวคือ การกำหนดเป้าหมายโดยใช้ S.M.A.R.T. เกณฑ์...

ดังนั้นเป้าหมายควรเป็น:

• เฉพาะเจาะจง
• วัดได้
• ทำได้
• เน้นผลลัพธ์
• ตามเวลาที่กำหนด (Timed)

เป้าหมายเฉพาะ (S)ต้องระบุเป้าหมายให้ชัดเจน มิฉะนั้นในท้ายที่สุดอาจบรรลุผลที่แตกต่างจากที่วางแผนไว้

เป้าหมายที่วัดได้ (M)หากเป้าหมายไม่มีพารามิเตอร์ที่วัดได้ จะไม่สามารถระบุได้ว่าบรรลุผลสำเร็จหรือไม่

เป้าหมายที่ทำได้ (A)เป้าหมายถูกใช้เป็นสิ่งจูงใจเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและก้าวไปข้างหน้าผ่านความสำเร็จ คุณไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายที่จะนำไปสู่ความเครียดในชีวิตที่เพิ่มขึ้น การกำหนดเป้าหมายที่ค่อนข้างยากซึ่งต้องใช้ความพยายามนั้นคุ้มค่า แต่ในขณะเดียวกัน พึงระลึกไว้เสมอว่าต้องทำให้สำเร็จ

เป้าหมายเป้าหมาย (R)วัตถุประสงค์ควรมีลักษณะในแง่ของผลลัพธ์ ไม่ใช่งานที่ทำ นี่คือวิธีการบรรลุประสิทธิภาพ คุณสามารถตั้งเป้าหมายที่จะมาทำงานเร็วขึ้นได้หนึ่งชั่วโมง แต่ถ้าคุณไม่ทราบผลลัพธ์ที่คาดหวังจากสิ่งนี้ ชั่วโมงนี้สามารถใช้เวลาดื่มกาแฟหรือเพียงแค่พูดคุย

เป้าหมายระยะเวลา (T)เป้าหมายใด ๆ จะต้องทำได้ในเวลาที่กำหนด

ระบบเป้าหมายทั้งหมดขององค์กรควรเป็นระบบที่เชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งทำได้โดยการเชื่อมโยงเป้าหมาย การสร้าง ต้นไม้เป้าหมายในระยะแรกของการกำหนดเป้าหมายในองค์กร เป้าหมายของกิจกรรมจะถูกกำหนด จากนั้น (ระยะการสลายตัว แบ่งเป็นเป้าหมายย่อย) เป้าหมายหนึ่งจะถูกย่อยสลายเป็นระบบเป้าหมายสำหรับทุกพื้นที่และทุกระดับของการจัดการและกิจกรรม ที่ "สูงสุด" เป็นเป้าหมายร่วมกัน (ภารกิจ) ใน "รากฐาน" - งาน งานที่สามารถทำได้ในลักษณะที่ทราบและภายในกรอบเวลาที่กำหนด

บนพื้นฐานของเป้าหมายหลัก - ภารกิจ - เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ขององค์กรถูกกำหนดขึ้นนั่นคือความเข้าใจโดยละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่องค์กรต้องการบรรลุในอนาคต พันธกิจที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนจะอธิบายว่าองค์กรคืออะไรและปรารถนาจะเป็นอะไร และแยกแยะองค์กรออกจากองค์กรอื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน นอกจากนี้ ภายในกรอบของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การจัดสรรทรัพยากร การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอก การประสานงานภายใน และการจัดระเบียบการมองการณ์ไกลเชิงกลยุทธ์

ภารกิจ ---- เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ---- เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ---- เป้าหมายการปฏิบัติงาน

ข้อมูลที่คล้ายกัน

“เป้าหมายคือความฝันที่มีเส้นตาย” - Tony Robbins (หนึ่งในวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจชั้นนำของโลก)

Tony Robbins ตั้งเป้าหมายอย่างไร?

เขาได้พัฒนาระบบที่เรียบง่ายซึ่งเขาใช้มานานหลายปีเพื่อฝันให้ใหญ่และตั้งเป้าหมายที่ช่วยสร้างความมั่นใจในตนเอง

กระบวนการทั้งหมดใช้เวลามากกว่า 30 นาทีเล็กน้อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือสี่เป้าหมายที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากสำหรับปีหน้าในด้านหลักๆ ในชีวิตของคุณ

การตั้งเป้าหมายเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งในการจูงใจและกระตุ้นตัวเองให้ดำเนินการ ดังนั้น หากคุณรู้สึกหดหู่ใจหรือต้องการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต แนวทางนี้สามารถช่วยคุณได้

ในหนังสือของเขาชื่อ Awaken the Giant Within: How to Take Control of Your Mental, Emotional, Physical, and Financial Areas of Life โทนี่ ร็อบบินส์ แบ่งปันประสบการณ์ของเขา ซึ่งเขาใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาเอง นี่คือวิธีที่เขาแบ่งปันกับผู้อื่นในการฝึกอบรมการกำหนดเป้าหมายของเขา

กฎข้อแรก

Tony Robbins แบ่งปันกฎสำคัญอันดับแรกบางประการสำหรับการใช้ประโยชน์สูงสุดจากแบบฝึกหัดการกำหนดเป้าหมายของเขา:

• บันทึกได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะใช้เวลาสักครู่และจดความคิดและความคิดทั้งหมดที่คุณมีอย่างรวดเร็ว ตามที่ร็อบบินส์ชี้ให้เห็นว่า “คุณยังมีเวลาคิดเกี่ยวกับวิธีการบรรลุเป้าหมายของคุณ และตอนนี้เขียนความคิดของคุณอย่างรวดเร็วและอย่าพยายาม จำกัด ตัวเองในบางสิ่งเพียงแค่ใส่ความคิดของคุณลงบนกระดาษ ถามตัวเองอยู่เสมอว่าคุณต้องการอะไรจากชีวิตของคุณ หากคุณมีโอกาสที่จะบรรลุทุกสิ่งอย่างแท้จริง คุณจะเริ่มทำอะไรถ้าคุณแน่ใจว่าคุณจะบรรลุสิ่งที่คุณต้องการอย่างแน่นอน? ในขั้นตอนนี้ คุณไม่ควรคิดว่าคุณจะบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร ตอนนี้คุณต้องตัดสินใจเกี่ยวกับความต้องการที่แท้จริงของคุณ แค่ทำมัน และอย่าสงสัยในความสามารถของคุณ”
• อย่าซับซ้อน Robbins เขียนว่า: “อย่าเสียเวลากับแผนที่เจาะจงเกินไป เช่น บ้านในย่านหรูของเมืองที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ทันสมัยและการปรับปรุงใหม่อย่างทันสมัย ​​และสวนสไตล์วิคตอเรียน ให้เขียนว่า "บ้านในฝันของฉันที่มีสวน" รายละเอียดเพิ่มเติมในภายหลัง"
• อยู่นิ่งๆนะลูกร็อบบินส์ชี้ให้เห็นว่า “ให้ตัวคุณเองสำรวจความเป็นไปได้ของชีวิตอย่างไร้ขีดจำกัด ขอให้มีความสุขและกล้าหาญในกระบวนการนี้”

สี่พื้นที่ในการทำงาน

Tony ระบุสี่ด้านสำหรับการกำหนดเป้าหมาย:

1. การพัฒนาตนเอง
2. อาชีพ ธุรกิจ การเงิน
3. บันเทิง ผจญภัย
4. ชีวิตสาธารณะ

แนวคิดหลักคือใช้เวลา 5 นาทีสร้างรายการเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ 1 นาทีเพื่อกำหนดกรอบเวลาเพื่อให้บรรลุแต่ละเป้าหมาย จากนั้นเลือกงานหลักหนึ่งงานจากแต่ละพื้นที่ และใน 2 นาทีอธิบายว่าเหตุใดจึงสำคัญที่ต้องไปให้ถึง ของเธอ. ดังนั้น คุณจะใช้เวลาเพียง 8 นาทีในแต่ละทรงกลมและ 32 นาทีสำหรับทรงกลมทั้งสี่

1. การพัฒนาตนเอง

ตอนนี้เขียนเป้าหมายการพัฒนาส่วนบุคคลของคุณ

ระยะแรก. เขียนทุกสิ่งที่คุณต้องการปรับปรุงในด้านการเติบโตส่วนบุคคล (5 นาที)

“เขียนทุกสิ่งที่คุณต้องการปรับปรุงในชีวิตในแง่ของการเติบโตส่วนบุคคล คุณต้องการปรับปรุงร่างกายของคุณอย่างไร? อะไรคือความปรารถนาของคุณในการพัฒนาจิตใจและสังคม? ตัวอย่างเช่น คุณต้องการที่จะเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ? หรือเรียนรู้การสะกดคำ? บางทีคุณควรอ่านผลงานทั้งหมดของเช็คสเปียร์? อะไรที่คุณอยากจะสัมผัส บรรลุ หรือเชี่ยวชาญเพื่อให้ได้อารมณ์เชิงบวก? คุณ​อาจ​ต้องการ​เห็น​อก​เห็น​ใจ​คน​ที่​คุณ​โกรธ? เป้าหมายทางจิตวิญญาณของคุณคืออะไร?

การตอบคำถามต่อไปนี้จะช่วยได้เช่นกัน:

• คุณต้องการเรียนรู้อะไร
• ทักษะอะไรที่คุณอยากจะเชี่ยวชาญ?
• คุณต้องการพัฒนาลักษณะนิสัยอะไร
• คุณอยากเป็นเพื่อนกับใคร
• คุณอยากเป็นอะไร
• คุณทำอะไรได้บ้างเพื่อปรับปรุงสภาพร่างกายของคุณ? ตัวอย่างเช่น ไปนวดทุกสัปดาห์? หรือทุกวัน? สร้างร่างกายในฝันของคุณ? ลงทะเบียนสำหรับโรงยิมและไปที่มัน? กลายเป็นมังสวิรัติ? เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาไตรกีฬา?
• คุณต้องการเอาชนะความกลัวในการบินหรือไม่? หรือการพูดในที่สาธารณะ? หรือกลัวการว่ายน้ำ?
• คุณอยากเรียนอะไร ภาษาฝรั่งเศส? เรียนเต้นและ/หรือร้องเพลง? เรียนรู้ที่จะเล่นไวโอลิน?

ระยะที่สอง. กำหนดวันครบกำหนดสำหรับเป้าหมายการเติบโตส่วนบุคคล (1 นาที)

คำพูดจากหนังสือ "ปลุกยักษ์ภายใน":

“หลังจากทำรายการเป้าหมายการพัฒนาส่วนบุคคลที่คุณสนใจแล้ว ให้ใช้เวลาหนึ่งนาทีเพื่อกำหนดเวลาที่ใช้ในการบรรลุเป้าหมายแต่ละข้อ ในขั้นตอนนี้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าคุณจะบรรลุสิ่งที่คุณต้องการได้อย่างไร กำหนดกรอบเวลาให้ตัวเอง จำไว้ว่าเป้าหมายคือความฝันที่มีเส้นตาย ทันทีที่คุณกำหนดเวลาเพื่อให้บรรลุผล พลังของจิตใต้สำนึกและจิตใต้สำนึกของคุณจะเริ่มทำงาน และเป้าหมายจะกลายเป็นความจริง ดังนั้น หากคุณกำลังจะบรรลุเป้าหมายภายในหนึ่งปีหรือน้อยกว่านั้น ให้เขียน 1 ข้างเป้าหมายของคุณ หากใช้เวลาถึงสามปี เขียนว่า 3 ทำเช่นเดียวกันสำหรับเป้าหมายห้า สิบปี หรือยี่สิบปี”

ขั้นตอนที่สาม เลือกงานที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณในปีหน้าและเขียนว่าเหตุใดจึงสำคัญสำหรับคุณ (2 นาที)

จากหนังสือ "ปลุกยักษ์ภายใน":

“เลือกเป้าหมายที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำได้ในหนึ่งปี การรับรู้จะทำให้คุณมีความสุขอย่างยิ่งคุณจะรู้สึกว่าปีนั้นไม่ได้อยู่เปล่า ๆ ใช้เวลาสองนาทีเขียนย่อหน้าว่าเหตุใดคุณจึงต้องการบรรลุผลสำเร็จภายในหนึ่งปี เหตุใดคุณจึงเชื่อว่าเป้าหมายนี้มีความสำคัญ คุณจะได้อะไรหลังจากไปถึง? ถ้าไปไม่ถึงจะเสียอะไร? เหตุผลเหล่านี้กระตุ้นให้คุณบรรลุเป้าหมายจริงหรือ ถ้าไม่ ให้มองหาสิ่งที่ปรารถนาหรือเหตุผลจูงใจอื่นๆ”

2. อาชีพ ธุรกิจ การเงิน

ตอนนี้คุณต้องตั้งเป้าหมายด้านอาชีพ ธุรกิจ และการเงิน

ระยะแรก. เขียนเป้าหมายในพื้นที่เหล่านี้ (5 นาที)

จากหนังสือ "ปลุกยักษ์ภายใน":

“เขียนทุกสิ่งที่คุณต้องการบรรลุในอาชีพการงาน ธุรกิจ หรือชีวิตทางการเงินของคุณ คุณต้องการบรรลุความมั่งคั่งทางการเงินระดับใด คุณอยากโตเป็นตำแหน่งไหน?

• คุณต้องการหารายได้เท่าไหร่? 50,000 ดอลลาร์ต่อปี? 100,000? ครึ่งล้าน? ล้านต่อปี? ปีละสิบล้าน? หรือมากมายจนนับไม่ถ้วน?
• เป้าหมายธุรกิจของคุณคืออะไร? คุณต้องการให้บริษัทของคุณเป็นสาธารณะหรือไม่? คุณต้องการที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้หรือไม่?
• คุณต้องการบรรลุมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเท่าใด คุณต้องการเลิกเมื่อไหร่? ต้องมีรายได้ลงทุนเท่าไหร่ถึงจะได้ไม่ต้องทำงานอีก? คุณอยากมีอิสระภาพทางการเงินตอนอายุเท่าไหร่?
• เป้าหมายของคุณในการจัดการเงินคืออะไร? คุณต้องการดุลงบประมาณหรือสมุดเช็คของคุณเองหรือไม่? บางทีคุณอาจต้องการโค้ชทางการเงิน?
• คุณต้องการลงทุนอะไร คุณจะสามารถลงทุนในธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจได้หรือไม่? รับซื้อเหรียญเก่าสะสม? เปิดบริการใหม่? ลงทุนในกองทุนรวม? ประหยัดเงินสำหรับการเกษียณอายุของคุณเอง?
• คุณต้องการประหยัดเงินเท่าไรสำหรับการศึกษาระดับอุดมศึกษาของบุตรหลานของคุณ?
• คุณต้องการใช้จ่ายเท่าไหร่ในการเดินทางและการผจญภัย?
• คุณต้องการใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงมากแค่ไหน?
• เป้าหมายในอาชีพของคุณคืออะไร? คุณอยากมีบทบาทอะไรในบริษัท? คุณต้องการพัฒนาอะไรในการทำงานของคุณ?
• คุณอยากได้ตำแหน่งอะไร ผู้จัดการระดับล่าง? ผู้จัดการ? กรรมการบริษัท? คุณอยากเป็นคนดังในอาชีพอะไร? คุณต้องการสร้างชื่อเสียงอะไรให้ตัวเอง?

ระยะที่สอง. กำหนดวันครบกำหนดสำหรับแต่ละเป้าหมายในพื้นที่นั้น (1 นาที)

เขียน 1 ถ้าจะใช้เวลาหนึ่งปีหรือน้อยกว่า 2 ถ้าสองปี 3 ถ้าสามปี ฯลฯ

ขั้นตอนที่สาม เลือกเป้าหมายทางการเงินที่สำคัญที่สุดของคุณสำหรับปีหน้าและเขียนย่อหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ (2 นาที)

จากหนังสือ "ปลุกยักษ์ภายใน":

“ต่อไป เลือกธุรกิจหลักและเป้าหมายทางการเงินหนึ่งข้อ แล้วใช้เวลาสองนาทีในการเขียนย่อหน้าเพื่ออธิบายว่าเหตุใดคุณจึงต้องการบรรลุเป้าหมายภายในหนึ่งปี หาเหตุผลให้ได้มากที่สุด เลือกเฉพาะเหตุผลที่จะทำให้คุณรู้สึกกระตือรือร้นและตื่นเต้นกับกระบวนการทั้งหมด และอีกครั้ง หากเหตุผลเหล่านี้ไม่น่าเชื่อถือเพียงพอ ควรหาเหตุผลอื่นหรือเปลี่ยนเหตุผลที่มีอยู่

3. บันเทิง ผจญภัย

ตอนนี้ตั้งเป้าหมายความบันเทิงและการผจญภัยของคุณ

ระยะแรก. เขียนเป้าหมายความบันเทิงและการผจญภัยของคุณ (5 นาที)

จากหนังสือ "ปลุกยักษ์ภายใน":

“คุณอยากได้อะไรถ้าคุณมีอิสระทางการเงินอย่างสมบูรณ์? คุณอยากจะทำอะไร? ถ้ามารปรากฏตัวต่อหน้าคุณและทำตามความปรารถนาในทันที คุณจะถามอะไรเขา? ใช้เวลาห้านาทีเพื่อจดทุกสิ่งที่คุณต้องการมี มี ทำ หรือมีประสบการณ์ในชีวิตของคุณเอง"

Tony Robbins แบ่งปันตัวอย่างง่ายๆ:

• คุณต้องการสร้าง สร้าง หรือซื้อกระท่อมหรือไม่? หรือวังของคุณเอง? บ้านริมหาด? บางทีคุณอาจต้องการซื้อเรือใบ? หรืออาจจะเป็นเรือยอทช์? หรือแม้แต่เกาะ? รถสปอร์ตแลมโบกินี่? ตู้เสื้อผ้าชาแนล? เฮลิคอปเตอร์? เครื่องบินปฏิกิริยา? สตูดิโอเพลง? สะสมงานศิลปะ? สวนสัตว์ส่วนตัวที่มียีราฟ จระเข้ และฮิปโป? หรือเครื่องเสมือนจริง?
• คุณต้องการที่จะเข้าร่วมการเปิดโรงละครบรอดเวย์? ฉายรอบปฐมทัศน์ที่ Cannes? บรูซ สปริงสตีน คอนเสิร์ต? หรือโรงละครคาบูกิในโอซาก้าประเทศญี่ปุ่น?
• คุณต้องการเล่นเทนนิสคู่กับ Monika Seles และ Steffi Graf หรือกับ Boris Becker และ Ivan Lendl หรือไม่? เข้าร่วมเบสบอลเวิลด์ซีรีส์? พกเปลวไฟโอลิมปิก? เล่นบาสเก็ตบอลกับ Michael Jordan? ว่ายน้ำกับโลมาสีชมพูในมหาสมุทรของเปรู? ปีนเขาหิมาลัยกับเชอร์ปาส?
• คุณต้องการที่จะอยู่ในละคร? ไปดูหนัง?
• สถานที่แปลกใหม่ที่คุณอยากไป? บางทีคุณอาจต้องการแล่นเรือไปทั่วโลกบน Kon-Tiki เหมือน Thor Heyerdahl? เยี่ยมชมแทนซาเนียเพื่อศึกษาชิมแปนซี? ล่องเรือบนเรือ Calypso กับ Jacques-Yves Cousteau? เยี่ยมชมชายหาดของ French Riviera? ล่องเรือรอบเกาะกรีก? เข้าร่วมเทศกาลแข่งเรือมังกรที่ประเทศจีน? มีส่วนร่วมในการเต้นรำเงาในกรุงเทพฯ? ดำน้ำลึกในฟิจิ? นั่งสมาธิในวัดพุทธ? เดินผ่านพิพิธภัณฑ์ปราโดของมาดริด? จองที่นั่งบนรถรับส่งเพื่อบินสู่อวกาศ?

เขียน 1 ถ้าจะใช้เวลาหนึ่งปีหรือน้อยกว่า 2 ถ้าสองปี 3 ถ้าสามปี ฯลฯ

ขั้นตอนที่สาม เลือกเป้าหมายความบันเทิงและการผจญภัยที่สำคัญที่สุดสำหรับปีหน้าและเขียนประโยคสองสามประโยคเกี่ยวกับเรื่องนี้ (2 นาที)

ให้เธอได้โน้มน้าวใจ เขียนเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมคุณถึงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายนี้อย่างเต็มที่ในปีหน้า หากเป้าหมายดูเหมือนไม่น่าสนใจเพียงพอ ให้เลือกเป้าหมายอื่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณมากกว่า

4. ชีวิตสาธารณะ

ตอนนี้ตั้งเป้าหมายในด้านชีวิตสังคม

ระยะแรก. เขียนเป้าหมายของชุมชน (5 นาที)

จากหนังสือ "ปลุกยักษ์ภายใน":

“เป้าหมายเหล่านี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจและน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากเป็นโอกาสในการทิ้งร่องรอยของคุณไว้ เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อชีวิตมนุษย์ อาจเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น การจ่ายส่วนสิบที่โบสถ์ การมีส่วนร่วมในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม หรือสิ่งที่สำคัญกว่านั้น เช่น การเริ่มต้นองค์กรเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส”

Tony Robbins แบ่งปันตัวอย่างง่ายๆ:

• คุณสามารถทำอะไรให้กับสังคมได้บ้าง? คุณช่วยสร้างที่พักพิงคนไร้บ้านได้ไหม รับเลี้ยงเด็ก? อาสาสมัครที่ครัวซุปเพื่อคนจน?
• คุณสามารถทำอะไรที่เป็นประโยชน์เพื่อปกป้องชั้นโอโซนได้หรือไม่? หรือทำความสะอาดมหาสมุทร? ต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ? ช่วยหยุดการตัดไม้ทำลายป่า?
• คุณประดิษฐ์อะไรได้บ้าง บางทีคุณอาจประดิษฐ์เครื่องเคลื่อนไหวตลอดเวลา? หรือสร้างรถที่วิ่งบนขยะ? พัฒนาระบบจำหน่ายอาหารให้ทุกท่านที่หิวโหย?

ระยะที่สอง. กำหนดวันครบกำหนดสำหรับแต่ละเป้าหมาย (1 นาที)

เขียน 1 ถ้าจะใช้เวลาหนึ่งปีหรือน้อยกว่า 2 ถ้าสองปี 3 ถ้าสามปี ฯลฯ

ขั้นตอนที่สาม เลือกเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของคุณในด้านนี้สำหรับปีหน้าและเขียนย่อหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ (2 นาที)

คุณเข้าใจแล้วว่าเป้าหมายต้องน่าเชื่อถือ เขียนเหตุผลทั้งหมดว่าทำไมคุณจึงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในปีหน้า หากเป้าหมายไม่น่าสนใจเพียงพอ ให้เลือกเป้าหมายอื่นที่สร้างแรงบันดาลใจให้คุณมากกว่า

ให้ 4 เป้าหมายหลักเป็นแรงบันดาลใจให้คุณตลอดทั้งปี

จากการฝึกหัดนี้ คุณมีเป้าหมายสี่ประการที่จะกระตุ้นให้คุณลงมือปฏิบัติ และช่วยให้คุณจดจ่อกับสิ่งที่สำคัญที่สุดได้ตลอดทั้งปี

จากหนังสือ "ปลุกยักษ์ภายใน":

“ตอนนี้คุณควรมีเป้าหมายสำคัญประจำปีสี่เป้าหมายที่กระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ และเหตุผลที่น่าสนใจในการสนับสนุน คุณจะรู้สึกอย่างไรถ้าคุณเชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จทั้งหมดนี้ในหนึ่งปี? คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับตัวเอง? คุณจะรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับชีวิตของคุณเอง? เป็นการยากสำหรับฉันที่จะพูดเกินจริงถึงความสำคัญของเหตุผลดีๆ เหล่านั้นว่าทำไมคุณจะบรรลุเป้าหมาย หากคุณเข้าใจดีว่าทำไมคุณถึงต้องการบางสิ่งบางอย่าง ในไม่ช้าคุณจะเข้าใจวิธีการทำให้สำเร็จ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเห็นสี่เป้าหมายเหล่านี้ทุกวัน ปักหมุดเป้าหมายของคุณในที่ที่คุณจะเห็นทุกวันอาจเป็นไดอารี่ โต๊ะทำงาน หรือพื้นที่เหนือกระจกห้องน้ำ และคุณจะดูรายการขณะโกนหนวดหรือแต่งหน้า หากคุณสำรองเป้าหมายด้วยความมั่นใจในตนเองและ ทำงานอย่างต่อเนื่องในแต่ละพื้นที่เหล่านี้คุณจะได้รับการรับประกันความคืบหน้ารายวัน ตัดสินใจทำตามเป้าหมายทันที ทำเลย”

อย่างที่เขาพูดกัน ความฝันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่คุณมี เป้าหมายคือความฝันที่มีเส้นตาย

ใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความฝัน ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกับคุณ และใช้ความฝันเหล่านั้นเพื่อท้าทายโชคชะตาและเปลี่ยนเรื่องราวในชีวิตของคุณ