Igor Stravinsky: ประวัติ, ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ, ความคิดสร้างสรรค์ ประวัติสั้น ๆ ของ Igor Stravinsky ระยะเวลาการสร้างสรรค์ครั้งสุดท้ายของ Stravinsky ได้รับการตั้งชื่อว่า

4.7.1. ลักษณะทั่วไปของความคิดสร้างสรรค์

1. Asafiev, B. Book ของ Stravinsky / B. Asafiev - L. , 1977
2. Vershinina, I. บัลเล่ต์ต้นของ Stravinsky / I. Vershinin - ม., 1967
3. Druskin, M. Igor Stravinsky / M. Druskin - M. , 1982
4. Yarustovsky, B.I. Stravinsky / B. Yarustovsky - M. , 1962
5. Zaderatsky, V. ความคิดโพลีโฟนิคของ I. Stravinsky / V. Zaderatsky - M. , 1980
6. Smirnov, V. การสร้างสรรค์ของ I.F. Stravinsky / V. Smirnov - L. , 1970
7. Stravinsky, I. พงศาวดารของชีวิตของฉัน / I. Stravinsky - L. , 1963
8. Stravinsky, I. บทสนทนา / I. Stravinsky - L. , 1971
9. I.F. Stravinsky: บทความและวัสดุ - ม., 1973
10. I.F. Stravinsky: บทความบันทึกความทรงจำ - M. , 1985
11. I.F. Stravinsky เป็นนักประชาสัมพันธ์และคู่สนทนา - M. , 1988

Igor Fedorovich Stravinsky ออกจากโรงเรียนของ Rimsky-Korsakov ซึมซับขนบธรรมเนียมประเพณีของรัสเซียคลาสสิก - Glinka, The Mighty Handful, Tchaikovsky ถูกเลี้ยงดูมาในยุคสังคมที่รุ่งเรืองและความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของรัสเซียในยุค 900 หนึ่งในตัวแทนที่โดดเด่นที่สุดของดนตรีรัสเซียในช่วงทศวรรษก่อนการปฏิวัติ Stravinsky หลังจากที่เขาจากรัสเซีย (1913) กลายเป็นผู้นำทางด้านดนตรีต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับและกำหนดกระบวนการทางดนตรีของศตวรรษที่ 20

หลังจากหกสิบปีแห่งการสร้างสรรค์ผลงานสตราวินสกีได้ทิ้งความคิดสร้างสรรค์อันมหึมาไว้มรดก ; วิวัฒนาการของมันซับซ้อนมาก

– อุปรากร:“ ไนติงเกล”,“ มัวร์”,“ โอดิปัสเร็กซ์”,“ การผจญภัยของแฮงค์”

– บัลเล่(10): Firebird, Parsley, Holy Spring, Pulcinella, Apollon Musaguet, Fairy Kiss, เล่นไพ่, ฉากบัลเล่ต์, Orpheus, Agon "

– งานดนตรีและการแสดงละครประเภทต่าง ๆ:“ เรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอก, ไก่, แมวและแกะ”,“ งานแต่งงาน”,“ Persephone” ฯลฯ

– ทำงานสำหรับวงออเคสตรา: Symphony Es-dur, Symphony in C, Symphony ในสามรูปแบบ, Fantastic scherzo, Fireworks, fantasy

– คอนเสิร์ตสำหรับเปียโน, เครื่องเป่าลม, ดับเบิลเบสและเครื่องเคาะ สำหรับไวโอลินและวงออเคสตรา สำหรับเปียโนสองอัน ใน Es สำหรับแชมเบอร์ออร์เคสตร้า; สำหรับวงเครื่องสายออร์เคสตราใน D; การเคลื่อนไหวของเปียโนและวงออเคสตรา ฯลฯ

– เกี่ยวกับเสียงพูดงานไพเราะ:“ รูปดาว” (“ ความสุขของนกพิราบขาว”), บทเพลงสำหรับนักร้องชายและวงออเคสตรา, สดุดีซิมโฟนีซิมโฟนีสำหรับนักร้องและวงออเคสตรา,“ บาบิโลน”, บทเพลงสำหรับนักร้องประสานเสียงชายและวงออเคสตรา .

– การแต่งเพลงประกอบเสียงเปียโนบรรเลงบรรเลงและวงประสานเสียง:“ Faun and the Shepherdess,” ชุดเสียงและวงออเคสตรา, 2 เพลงสำหรับเสียงและเปียโนตามคำพูดของ S. Gorodetsky, 2 เรื่องรักเสียงและเปียโน 2 เรื่องสำหรับบทเพลงและเปียโนตามคำพูดของ P. Verlaine, บทกวี 3 บทจากญี่ปุ่น ", การ์ตูนเพลงสำหรับเสียงและเครื่องดนตรีแปดเล่มจากตำรานิทานจาก A. Afanasyev และอื่น ๆ

– เครื่องมือบรรเลง: 3 ชิ้นสำหรับเครื่องสายสี่, Ragtime สำหรับเครื่องดนตรีสิบเอ็ด, Octet สำหรับเครื่องเป่าลม, Septet

– เปียโนเป็นชิ้น ๆ: 4 ชิ้น, สามชิ้นง่าย ๆ ในสามมือ, 5 ชิ้นง่ายในสี่มือ, "ห้านิ้ว" - 8 ชิ้นง่ายมากในห้าโน้ต, 3 ชิ้นจากบัลเล่ต์ "Parsley", โซนาตา, เซเรเนดใน A, โซนาต้าสำหรับเปียโนสองคน

– บรรณาธิการ, การประมวลผล, การประพันธ์ดนตรี: ผลงานของ Mussorgsky, Tchaikovsky, Chopin, Grieg, Sibelius, Gesualdo di Venoz, Bach, Wolf และอื่น ๆ

– ทางวรรณคดี   โรงงาน: "พงศาวดารแห่งชีวิตของฉัน" (2478), "บทกวีดนตรี" (2485), "บทสนทนากับพีคราฟท์" (หกเล่ม 2502-2512)

มีหลายวิธีที่จะperiodization   ผลงานของ Stravinsky:

1. ภูมิศาสตร์: รัสเซีย, สวิสเซอร์แลนด์, ปารีส, อเมริกา
2. ตามสไตล์: อิมเพรสชั่นนีโอคลาสสิกเปรี้ยวจี๊ด
3. การสังเคราะห์: รัสเซีย (2446-2466) นีโอคลาสสิก (2466-2496) สาย dodecaphone (2496-2511)

วิวัฒนาการ

• เส้นทางของสตราวินสกีนั้นบ่อยครั้งมาก การปรับ: จากซิมโฟนีอ่อนเยาว์ที่ถูกทำเครื่องหมายด้วยอิทธิพลของ Glazunov และ Brahms ไปจนถึงฤษีการเขียนแบบรัสเซียของไฟร์เบิร์ดและจากนั้นไปสู่ความรุนแรงแบบใหม่ของลัทธิฤดูใบไม้ผลิอันศักดิ์สิทธิ์ ออคเต็ตลมนำไปสู่การเปลี่ยนเป็นแบบนีโอคลาสซิซิสซึ่มซึ่งมีแนวโน้มขนานกันหลายครั้งในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา กันยายน 2495 เปิดบทใหม่อีกครั้ง - ระยะเวลาของ "อนุกรม"
• งานอดิเรกที่รุนแรงมากมาย ออร์เคสตรา timbres. ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1920 เขาทดลองอย่างดื้อรั้นกับสายลมในเวลาเดียวกันก็ตกหลุมรักกับฉาบหลังจากนั้นในจุดสนใจของความสนใจไม่ว่าจะเป็นไวโอลินอังกฤษ google หรือแมนโดลิน
• ต่าง ประเภทแกน ตะเข็บ   งานเขียนของเขา: รัสเซียไซเธียนนิสม์, แดกดัน, ตำนานมหากาพย์และพระ, งานเขียนคาทอลิกในพระคัมภีร์ไบเบิล, epitaphs และเฉลิมฉลองวโรกาส
• ทำงานในที่มีอยู่เกือบทั้งหมด ประเภท. ในช่วงเวลาที่แตกต่างกันของความคิดสร้างสรรค์ภาพของประเภทเปลี่ยนไป ในช่วงต้น (จนถึง 1,908), การเลือกประเภทถูกกำหนดโดยการเลียนแบบของครู - Rimsky-Korsakov. ในปี 1909 - 1913 บัลเล่ต์ครอบครองตำแหน่งพิเศษ ต่อมาจากยุค 10 ละครเพลงอื่น ๆ ถูกหยิบยกขึ้นมา ในยุคนีโอคลาสซิซิสต์พร้อมกับบัลเล่ต์และโอเปร่าการประพันธ์ดนตรีมีบทบาทสำคัญ ในปีก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองเขาหันไปหาซิมโฟนีซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความทะเยอทะยานทั่วไปสำหรับแนวคิดซิมโฟนีซึ่งเป็นลักษณะในปีที่ผ่านมาสำหรับนักแต่งเพลงชั้นนำในยุโรป ในช่วงปลายของการทำงานเรียงความ cantata-oratorio ได้รับชัยชนะ

ดูสวยงาม

สตราวินสกี้ออกจากการสัมภาษณ์จำนวนมากหนังสือหลายเล่มที่มีความเห็นเกี่ยวกับศิลปะของเขา เขาเป็นคนที่ได้รับการศึกษามากที่สุดคนหนึ่งในสมัยของเขามีความทรงจำที่หวงแหนปรากฎการณ์จิตใจของเขาอุดมไปด้วยการศึกษาด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องการสื่อสารกับตัวแทนที่โดดเด่นของวัฒนธรรมศิลปะนักปรัชญา

• ลักษณะครอบครองในเวลานั้น ป้องกันโรแมนติก ตำแหน่ง วิพากษ์วิจารณ์เรื่องแนวโรแมนติกสำหรับผู้กระทำความรู้สึกอนาธิปไตยอารมณ์เชื่อว่าแนวโน้มเหล่านี้นำไปสู่ความคิดที่ถูกต้องของโลก จุดอ้างอิงสำหรับยุคสตราวินสกีก่อนยวนใจ; ในหมู่พวกเขาเขาพิสดารโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักแต่งเพลงมาจากความหลากหลายของประเพณีโวหารและระดับชาติผสมผสานเทคนิคการประพันธ์ของ Bach, Lully และ Rameau, Pergolesi, Rossini และ Verdi, Tchaikovsky, Weber, Mozart, Delib ... ดังนั้นนีโอคลาสซิซิสซึ่มของเขาจึงเป็นสากล ประเพณีหนึ่งชาติ
• สตราวินสกี้ทำลายผ้าคลุมแสนโรแมนติกทุกชนิดด้วย บุคลิกภาพของศิลปิน   เป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าระเบิดแรงบันดาลใจในการสร้างลางสังหรณ์จากด้านบน เขาหลีกเลี่ยงคำว่า "ผู้สร้าง" ซึ่งขัดแย้งกับแนวคิดของ "ปรมาจารย์", "ช่างฝีมือ" ในแง่ที่พวกเขาใช้ในยุคกลาง เขาไม่ชอบการแสดงออก "สร้าง" เลือกเขา - "สร้าง", "สร้าง" สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อตำแหน่งทั่วไปที่ต่อต้านความโรแมนติกของสตราวินสกีซึ่งดนตรีคือ "ไม่ใช่วัตถุสำหรับความฝันที่น่ารื่นรมย์" แต่ "วิธีสร้างงานตามวิธีการบางอย่าง"
• ความงามสานุศิษย์ ศิลปะ "บริสุทธิ์" . ในรูปแบบของโอเปร่าเขาปฏิเสธประเภทของละครเพลงที่มีความหมายชัดเจนโดยเลือกประเภทที่มีวัตถุประสงค์และแบบดั้งเดิมของโอเปร่าตัวเลขมากกว่า ในประเภทไพเราะเขาหลีกเลี่ยงละครไพเราะความขัดแย้งรุนแรงของแผนเบโธเฟนปฏิเสธที่จะเขียนโปรแกรมจากการอนุมัติที่สอดคล้องกับแนวคิดของงาน เป็นผลให้เขาละทิ้งแผนการละครของศตวรรษที่ 19 ผ่านการพัฒนาแบบฟอร์มโซนาต้า
• หมวดหมู่ "คำสั่งซื้อ"   - หนึ่งในหมวดสุนทรียศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในความสวยงามของ Stravinsky “ เราอยู่ในช่วงเวลาที่มนุษย์มีประสบการณ์ความวุ่นวายอย่างมาก คนสมัยใหม่สูญเสียแนวคิดและความรู้สึกมั่นคงความหมายของความสัมพันธ์ " ศิลปินมีหน้าที่ฟื้นฟูและรวมความมั่นคงที่หายไปความหมายของความสัมพันธ์และการคืนค่า "ระเบียบ" ดังนั้น Stravinsky คัดค้านความหลากหลายของรสนิยมความโกลาหลทางปัญญาในการทำงานของทั้งคู่รักและผู้ร่วมสมัยของเขา
• ทำความเข้าใจกับสตราวินสกี ประเพณี –   คิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่นิ่งเฉยแช่แข็ง แต่อยู่ในการพัฒนาเคลื่อนไหว “ ประเพณีเป็นแนวคิดทั่วไป มันไม่ได้เป็นเพียง“ ส่งผ่าน” จากพ่อสู่ลูก แต่ยังผ่านกระบวนการชีวิต: เกิดเติบโตเติบโตจนครบกำหนดไปสู่ความเสื่อมโทรมและบางครั้งก็เกิดใหม่” สำหรับเขาสิ่งสำคัญคือกิจกรรมของทัศนคติต่อประเพณี

สไตล์ดนตรีภาษา

สตราวินสกีเปลี่ยนทัศนคติเพลงลูกทุ่ง   แล้วใน Firebird เขาออกจากการเสนอราคาโดยตรงโดยสรุปวิธีการขยายและบีบอัดเพลง ใน "Petrushka" เป็นที่น่าประหลาดใจว่ามันแยกตัวออกจากประเพณี Kuchkist ของการพึ่งพาทำนองของเพลงชาวนา เขาเลือกเพลงที่มีอยู่ในเมืองและยิ่งไปกว่านั้นรวมเข้าด้วยกันอย่างอิสระทำให้พวกเขาอยู่ใน "สภาพแวดล้อมทางเสียง" ของเสียงขรมของฝูงชนปฏิเสธชาติพันธุ์วิทยาและยืนยันสิทธิ์ของศิลปินต่อวิสัยทัศน์ของชาวบ้าน ในประเพณี "ฤดูใบไม้ผลิศักดิ์สิทธิ์"จังหวะ   ฝูงชนออกมา สำเนียงที่ผิดปกติหยั่งรากลึกในคำพูดของชาวรัสเซียกลอนเต้นรำ เป็นกิจวัตรคลังสินค้าประสาน   หายไป พระพุทธศาสนาและคอร์ดเติบโตขึ้นดูดซับเสียงที่ซับซ้อนฝังเสียงหรือแยกย้ายกันเผยให้เห็นสายไพเราะ ปลดปล่อยพลังงานที่ทำให้ไม่สบายใจบทสวด "หายใจ" ยิงท่วงทำนองอันไพเราะรวมกันในชั้นโพลีตัลและโพลีลาดิคที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะของวัสดุ intonational ที่ใช้ Stravinsky พบและเทคนิคการพัฒนา   - เด่นตัวแปรด้วยการใช้งานของนาโต. มันสอดคล้องกับภาพคงที่ของภาพดนตรีที่เขาสร้าง สำหรับการสร้าง สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่มีคุณลักษณะ อย่างไรก็ตามเขาหลีกเลี่ยงรูปทรงสี่เหลี่ยม เซลล์ขนาดเล็กมีความหลากหลายมากในจำนวนของมาตรการมักไม่สมมาตร ลักษณะคือการยึดเกาะขององค์ประกอบที่ตัดกันมากที่สุดผ่าน "ตะเข็บ" ที่เป็นตัวหนา นอกจากนี้การเกาะติดกันของเซลล์ยังถูกยึดด้วยตัวเลข ostulate

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พูดเกี่ยวกับการค้นพบของสตราวินสกีในภูมิภาคการประพันธ์ดนตรี. ความสามารถที่โดดเด่นและคุณสมบัติเสียงต่ำแบบใหม่ของวงออเคสตราของเขาล้วนมาจากการเขียนบทเพลงของนักแต่งเพลง: นี่คือการเชื่อมต่อเสียงต่ำที่ไม่สามารถแยกออกได้ของเสียงดนตรีกับธรรมชาติของทำนองเพลงเน้นเสียงออร์เคสตราในความหนาแน่นของเนื้อผ้าฮาร์มอนิก กำหนดวิธีแก้ปัญหาเสียงของเธอเขาหลีกเลี่ยงการแต่งเพลงแบบไม่มีตัวตน ในสถานที่แรกในวงออเคสตราของเขานำลมและกระทบ

คำถามเพื่อความปลอดภัย:

1. งานสำคัญของ Stravinsky คืออะไร
2. รายการมรดกของผู้แต่ง
3. ให้ระยะเวลาการทำงานของนักแต่งเพลง
4. อะไรคือคุณสมบัติของวิวัฒนาการของสตราวินสกี
5. ค้นพบมุมมองที่สวยงามของนักแต่งเพลง
6. นวัตกรรมของภาษาดนตรีของสตราวินสกี้คืออะไร?

Igor Fedorovich Stravinsky   (1882 - 1971) นักแต่งเพลงชาวรัสเซียผู้ควบคุมวงและนักเปียโน

“ คนหนึ่งในพันสไตล์”,“ นักแต่งเพลง Chameleon”,“ Musical Modifier” Igor Stravinsky - นักแต่งเพลงที่ใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ยี่สิบ

มรดกของเขาในวันนี้เป็นของคลาสสิกของเวลาของเรา เขาเป็นคนที่จัดการเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของยุคความขัดแย้งของมันพลวัต ความหลากหลายของรูปแบบแผนการและความคล่องตัวในการสร้างสรรค์เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสไตล์สากลของเขาซึ่งสามารถรวบรวมและรวบรวมกระบวนการทางจิตวิญญาณของความทันสมัยด้วยความกว้างของสารานุกรม

Igor Fyodorovich Stravinsky เกิดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน (17), 1882 ใน Oranienbaum ในครอบครัวของนักร้องชื่อดัง, ศิลปินเดี่ยวของ Mariinsky Theatre Fyodor Ignatievich Stravinsky Anna Kirillovna Kholodovskaya แม่ของนักแต่งเพลงเป็นนักเปียโนที่ดี

ตั้งแต่อายุเก้าขวบอิกอร์ศึกษาดนตรี แต่ในขณะที่เขาจำได้ว่า "ตั้งแต่อายุสามขวบเขาจำได้ว่าตัวเองเป็นนักดนตรี" ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนในหมู่บ้านเขาฟังและเลียนแบบการร้องเพลงของหญิงสาวชาวนาตั้งแต่วัยเด็กความทรงจำเกี่ยวกับเพลงทองเหลืองที่มาจากค่ายทหารซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนท์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของ Stravinsky ใกล้คลอง Kryukov

เมื่อนักประพันธ์จำได้ว่าในประวัติศาสตร์ของชีวิตหนึ่งในความประทับใจไม่รู้ลืมคือ 2435 เมื่อเขาโชคดีที่ได้เห็น Pyotr Ilyich Tchaikovsky วัตถุแห่งความรักพิเศษของเขาในวันครบรอบการแสดงของ Ruslan และ Lyudmila: นักดนตรีหนุ่มได้ชื่นชมความแข็งแกร่งในการประพันธ์ของเขา เครื่องมือสร้างภาพ " ต่อมารูปถ่ายของ Tchaikovsky ที่มีลายเซ็นอุทิศให้กับ Fyodor Ignatievich ถูกเก็บไว้ในบ้านของนักแต่งเพลงในอนาคตในฐานะมรดกสืบทอดของครอบครัว

ฉันต้องบอกว่าพ่อของอิกอร์ไม่ต้องการให้ลูกชายของเขามีอาชีพเป็นนักดนตรีมืออาชีพและมอบหมายให้เขาเป็นคณะนิติศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชั้นเรียนกฎหมายไม่ได้ดำเนินการโดยชายหนุ่มและควบคู่ไปกับการเรียนดนตรีอย่างต่อเนื่อง Stravinsky เข้าใกล้ครอบครัวของ N. A. Rimsky-Korsakov ซึ่งได้รับการยอมรับว่าพรสวรรค์ของเขาในฐานะนักแต่งเพลง แต่แนะนำให้เขาพัฒนาการได้ยินที่กลมกลืนกันและอนุญาตให้เขาแสวงหาคำแนะนำเป็นระยะ ในอีกห้าปีข้างหน้าการสื่อสารระหว่างพวกเขาใกล้ชิดและเกินกว่าดนตรี

เมื่อเข้าสู่วงเวียนของกระบวนการดนตรีที่มีชีวิตหนุ่มสาว Stravinsky ได้เยี่ยมชม“ สภาพแวดล้อม” ทางดนตรีที่ซึ่งนักดนตรีที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ V.V. Stasov รวมตัวกัน นอกจากนี้ยังมีรอบปฐมทัศน์ของงานของ Stravinsky ตัวเอง (fis - moll sonatas และ Pastoral ร้องซึ่งดำเนินการโดยลูกสาวของ Nikolai Andreyevich, Nadezhda) ภายใต้การแนะนำอย่างเข้มงวดของ N. A. Rimsky-Korsakov สตราวินสกีเขียนซิมโฟนีแรกของเขาด้วยการอุทิศให้กับ "Dear Teacher" เป็นที่น่าสังเกตว่าการฝึกอบรมภายใต้ Rimsky-Korsakov กลายเป็นโรงเรียนสอนแต่งเพลงเพียงแห่งเดียวของ Stravinsky ขอบคุณที่เขาเชี่ยวชาญในอาชีพนักแต่งเพลงเพื่อความสมบูรณ์แบบ

รอบ 2446-2547 เขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของชมรมดนตรีร่วมสมัยตอนเย็นแอบจากครูของเขาและหลังจากนั้นไม่นานในขณะที่ริมสกี - คอร์ชาคอฟพบว่านักเรียนของเขา "โกง" ในโรงเรียนของเขา “ อิกอร์ Fedorovich กระทบสมัยใหม่โดยไม่จำเป็น” Nikolai Andreevich กล่าวด้วยความเสียใจ “ เนื้อเพลงที่เสื่อมสลายทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยหมอกและหมอก” “ ดอกไม้ไฟ”,“ Fantastic Scherzo” (อ้างอิงจากมิเตอร์ลิงค์), โอเปร่า“ The Nightingale”, (อิงจากเทพนิยายแอนเดอร์เซ็นในชื่อเดียวกัน) - ทั้งหมดนี้คืออิทธิพลของอิมเพรสชั่นนิสม์และสัญลักษณ์

2448 ใน Stravinsky จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอีกหนึ่งปีต่อมาเขาแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขา Yekaterina Nosenko หลังจากเลิกอาชีพนักกฎหมายของเขาแล้วเขาจึงตัดสินใจอุทิศตนเพื่อดนตรีอย่างสมบูรณ์

รอบปฐมทัศน์ของ "ดอกไม้ไฟ" (1908) เข้าร่วมโดย Sergei Diaghilev ในเวลานั้นผู้ใจบุญที่รู้จักกันดีและเป็นผู้ก่อตั้งนิตยสาร "World of Art" ซึ่งเป็นตัวกำหนดเสียงสำหรับศิลปะ "ใหม่" ในเวลานั้น ชายผู้นี้ถูกกำหนดให้เล่นบทบาทพิเศษในชะตากรรมในอนาคตของ Stravinsky

ชื่นชมความสามารถของนักประพันธ์หนุ่มอย่างสูง Diaghilev เชิญให้เขาสร้างบัลเล่ต์สำหรับการแสดงละครใน "Russian Seasons" ในปารีส องค์กรนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนแรกแนะนำให้ประชาชนชาวยุโรปได้ชมตัวอย่างศิลปะรัสเซียร่วมสมัยที่ยอดเยี่ยม ต้องขอบคุณ Diaghilev ที่ปารีสได้ยินโอเปร่าของ Mussorgsky ทั้งหมดและเห็นบัลเล่ต์รัสเซีย ความคิดของบัลเล่ต์เทพนิยายรัสเซียนั้นมี Diaghilev หลอกหลอนมานาน ในขณะที่นักออกแบบท่าเต้น M. Fokin เล่าว่า“ การสร้างนิทานพื้นบ้านที่ยอดเยี่ยมที่สุดและในเวลาเดียวกันก็เหมาะที่สุดสำหรับการเต้นรำชาติคือ Firebird!”

ไม่กี่เดือนหลังจากเริ่มทำงานผู้แต่งก. Lyadov ส่งบทบัลเลต์ส่งถึงเขาและ Diaghilev ก็ตัดสินใจเลือก Stravinsky ในที่สุด ในปี 1910 คะแนนก็มีความพร้อมเสียงต่ำและน่าประทับใจในจิตวิญญาณ ความรู้สึกบัลเล่ต์นี้ถูกจัดทำขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปโดยนักออกแบบท่าเต้น M. Fokin นักแสดงนำในอนาคต T. Karsavina, V. Nizhinsky, ศิลปิน A. Golovin รวมถึงที่ปรึกษาถาวรของ A. Benoit และ L. Bakst Stravinsky และ Fokin นั่งที่เปียโนเป็นเวลานานเพื่อค้นหาการเคลื่อนไหวและดนตรีที่ประสานกัน “ ฉันเลียนแบบฉากของเขา” นักออกแบบท่าเต้นเล่า - ตามคำขอของฉันเขาแบ่งธีมของตัวเองหรือของเขาเป็นวลีสั้น ๆ ตามช่วงเวลาของท่าทางท่าทาง สตราวินสกีดูฉันและสะท้อนฉันด้วยท่วงทำนองทำนองของ Tsarevich กับพื้นหลังของความกังวลใจอย่างลึกลับที่แสดงถึงสวนแห่งความชั่วร้าย Kashchei "

ไม่กี่ปีต่อมาสตราวินสกีได้เปิดตัววงดนตรีแนวใหม่ที่เล่นดนตรีบัลเล่ต์แก้ไขข้อความและกำจัดเสียงต่ำเกินความจำเป็นทั้งหมด ในเวอร์ชั่นใหม่ชุดจาก Firebird ได้รับความนิยมทั่วโลก

ในช่วงระยะเวลาสามปีของการร่วมมือกับคณะของ Diaghilev Stravinsky ได้สร้างบัลเล่ต์อีกสองแห่งที่ทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลกรวมถึง "Parsley" และ "Holy Spring" ครั้งแรกของเหล่านี้คือ "ฉากตลก" ได้รับการสนับสนุนจากสตราวินสกีตัวเองเบอนัวต์และ Diaghilev (2454) หลังจากรอบปฐมทัศน์บัลเล่ต์ในปารีส Debussy ตอบสนองด้วยความกระตือรือร้นในเพลง "Parsley" เรียกผู้เขียนว่า "อัจฉริยะแห่งสีสันและจังหวะ"

บัลเล่ต์ "The Rite of Spring" - "ภาพวาดของคนป่าเถื่อนรัสเซีย" บนบทประพันธ์ Roerich หลังจากเล่นสกอร์ที่เพิ่งเสร็จของ“ ฤดูใบไม้ผลิ” ในมือทั้งสี่ Lalua เล่าว่า“ เราโง่เขลาไปที่แก่นกลางหลังพายุเฮอริเคนที่มาจากส่วนลึกของศตวรรษและหยั่งรากในชีวิตของเรา” (1913)

ไม่นานหลังจากรอบปฐมทัศน์สตราวินสกีในขณะที่อยู่ในสวิตเซอร์แลนด์มีไข้ไทฟอยด์หดตัวและในคราวเดียวเกือบจะตาย ผู้ป่วยเยี่ยมชมโดย Debussy, M. de Falla, A. Casella, Ravel การพบกันเพียงครั้งเดียวระหว่าง Stravinsky และ Scriabin ควรกล่าวถึง นักดนตรีทั้งสองในรูปแบบที่ถูก จำกัด แสดงความสนใจร่วมกัน Stravinsky ถามผู้แต่ง The Poem of Ecstasy ส่ง sonatas เปียโนตัวสุดท้ายของเขาให้เขา ที่นี่เขาได้พบกับ expressionism "Lunar Pierrot" โดย A. Schoenberg

ยุค“ สวิส” มีบทบาทพิเศษในชีวิตและการทำงานของสตราวินสกี รู้สึกถึงความสนใจในภาพประจำชาติของรัสเซียในความแปลกใหม่ของรัสเซียในเทพนิยายในนิทานพื้นบ้าน นี่เป็นหลักฐานอย่างน้อยรายการงานที่สร้างขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา: "ตลก", "นิทานของสุนัขจิ้งจอก, ไก่, แมวและแกะ", "ประวัติศาสตร์ของทหาร"

ในเดือนกรกฎาคมปี 1914 สตราวินสกีเริ่มทำงานกับ "งานแต่งงาน" ซึ่งเดิมทีมีการวางแผนในฐานะนักบัลเล่ต์ นักแต่งเพลงไปเคียฟโดยหวังว่าจะได้พบกับคอลเล็กชั่นบทกวีของเพลงลูกทุ่งรัสเซียโดย P. Kireyevsky และวัสดุอื่น ๆ จากนั้นเขาก็ขับรถไปที่ Ustilug ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัวเขาตั้งใจจะกลับไปที่เคียฟในฤดูใบไม้ร่วงเดียวกันสำหรับวัสดุ แต่ชีวิตละเมิดแผนการของเขา: สองสามวันหลังจากกลับไปสวิตเซอร์แลนด์สงครามเกิดขึ้น สตราวินสกีตัดสินใจที่จะไม่กลับไปปารีสหรือไปบ้านเกิดของเขา แต่จะอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ที่เป็นกลาง เขาตั้งรกรากอยู่ใน Klaran และในอีกเจ็ดปีข้างหน้าการเดินทางเกือบทั้งหมดของสวิตเซอร์แลนด์ฝรั่งเศส - Claran, Salvan, Walrus

ในปี 1917 สตราวินสกีเข้าเยี่ยมชมกรุงโรมและเนเปิลส์ ที่นั่นเขาได้พบกับปาโบลปีกัสโซซึ่งเขาสนิทสนมกับเขา ในสวิตเซอร์แลนด์เขาได้เดบิวต์ในฐานะผู้ควบคุมวงดนตรีของตัวเองมิตรภาพที่สนิทสนมกับกวีเอสรามัสและผู้ควบคุมวง Ernest Anserme

ในปี 1919 สตราวินสกีไปปารีส มีกลุ่มเพื่อนสนิทล้อมรอบตัวเขาซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ เหล่านี้คือนักโมเดิร์นยุคใหม่: "ปารีสที่ทันสมัยที่สุด", Jean Cocteau, Pablo Picasso, Ravel, Benoit, Nizhinsky, ศิลปิน Matisse, Goncharova, Larionov ในห้องโถงของผู้ใจบุญอี. Polignac ผู้ได้รับการสนับสนุนโดยเฉพาะสตราวินสกีเขาก็ใกล้กับมานูเอลเดอ Falla กาเบรียล Foret เอริค Satie หกหนุ่มชาวฝรั่งเศส (J. Orik, F. Pulenck, D. Millau และคนอื่น ๆ ) ก็เห็นแรงบันดาลใจของพวกเขาใน Stravinsky ต่อมาสตราวินสกีพูดคุยกับผู้เขียน Andre Gide, Charlie Chaplin มาก

ในปีแรกหลังจากกลับมาที่ฝรั่งเศสนักแต่งเพลงก็ยังคงเกี่ยวข้องกับ Diaghilev ในยุโรปบัลเล่ต์ของเขาประสบความสำเร็จโดยเฉพาะผักชีฝรั่ง ในปี 1921 เขาได้ไปเที่ยวที่สเปนเบลเยี่ยมฮอลแลนด์เยอรมนี วันที่ 22 พฤษภาคม 1924 คอนเสิร์ตเปิดตัวของ Stravinsky ในฐานะนักเปียโนเกิดขึ้น ด้วยวงออร์เคสตรา S. Kusevitsky เขาแสดงคอนเสิร์ตของเขาสำหรับเปียโน

ในปี 1925 เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ทัวร์อเมริกาที่ตามมาในปี 1937, 1939 ได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์กับประเทศนี้มากขึ้น ในช่วงกลางทศวรรษ 1920 งานอดิเรกชิ้นต่อไปของ Stravinsky คือความสนใจในเปียโนเชิงกลที่ออกแบบโดย Playel บริษัท ฝรั่งเศส นักแต่งเพลงรู้สึกทึ่งกับความเป็นไปได้ในการสร้างบันทึกของผู้เขียนสารคดีซึ่งสามารถใช้เป็นมาตรฐานได้ เขาได้ศึกษาหลักการเกี่ยวกับการบันทึกเสียงและลักษณะพิเศษของความกลมกลืนและเสียงที่เกี่ยวข้องเป็นพิเศษซึ่งพวกเขาได้กำหนดปรับคะแนนดนตรีของวงเปียโนให้เป็นเปียโนและยังได้สร้างวงออเคสตราใหม่ Weddings ออกแบบมาเพื่อใช้เปียโนเชิงกล

สตราวินสกีกี้อาศัยอยู่ในบ้านของหัวหน้า บริษัท เพลเพล และโดยวิธีการที่เขาได้พบกับ V. Mayakovsky ซึ่งมาถึงปารีสในปี 1923 ความหลงใหลที่มีเปียโนผ่านไปในทันทีที่ความสนใจอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างเช่นในสวิตเซอร์แลนด์เขาชอบปั่นจักรยานในฝรั่งเศสเขากลายเป็นนักขับที่หลงใหล หลังจากเรียนรู้วิธีขับรถอย่างรวดเร็วเขาเดินทางไปทั่ว Cote d'Azur บน Renault-Hotchkiss ของเขา

ในปี 1939 ภรรยาของนักแต่งเพลง E. Nosenko เสียชีวิตในฝรั่งเศส ก่อนหน้านี้เขาสูญเสียแม่และลูกสาวคนโตไปแล้ว นักแต่งเพลงรู้สึกกระตือรือร้นกับการตายของญาติ ๆ เป็นครั้งแรกที่มีความปรารถนาที่จะย้ายไปยังประเทศอื่น แต่มีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้ ในปี 1936 เพื่อนเล่นเรื่องตลกที่โหดร้ายกับ Stravinsky: พวกเขาชักชวนให้เขายืนเป็นผู้สมัคร“ อมตะ” ที่สถาบันวิจิตรศิลป์ฝรั่งเศส ในการเลือกตั้งอย่างไรเขาล้มเหลวอย่างน่าอับอายและนักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศสโดยเฉลี่ย Florent Schmidt ได้รับเลือกแทน เหตุการณ์นี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แม้กระทั่งก่อนหน้านั้นชาวฝรั่งเศสจำนวนมากโดยเฉพาะเยาวชนดนตรีฝรั่งเศสเริ่มเปลี่ยนไอดอลในอดีตของพวกเขา: ได้ยินเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อโค่น "ปรมาจารย์" ต่างชาติจากแท่น

ทั้งหมดนี้ดำเนินไปอย่างไร้ร่องรอยถึงความเป็นอยู่ที่ดีของ Stravinsky จากนั้นเป็นพลเมืองของฝรั่งเศสแล้ว ในเวลาเดียวกันการเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาช่วยกระชับความสัมพันธ์กับ บริษัท อเมริกันออเคสตร้าและผู้ใจบุญ ตามคำสั่งของพวกเขาเขาเขียนงานจำนวนหนึ่ง ในปี 1939 ตามคำเชิญของ Harvard University เขาได้บรรยายเกี่ยวกับสุนทรียภาพทางดนตรีของเขา

การระบาดของสงครามโลกครั้งที่สองทำหน้าที่เป็นแรงผลักดันสุดท้ายและทันทีสำหรับการตัดสินใจขั้นสุดท้าย: เรือ "Mauntbatten" ส่งนักแต่งเพลงไปยังชายฝั่งของ "บ้านเกิดที่สาม" ของเขา สตราวินสกีอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสในช่วงปี 1920 ถึง 1940 ในปารีสรอบปฐมทัศน์ของโอเปร่า Mavra (2465) งานแต่งงาน (2466) งานสุดท้ายของยุครัสเซียพอ ๆ กับโอเปร่า - oratorio Oedipus เร็กซ์ (2470) เป็นจุดเริ่มต้นของยุคในงานแต่งเพลงซึ่งมักเรียกกันว่า " นีโอคลาสสิก "

ในช่วงอายุสี่สิบต้นช่วงเวลาใหม่ของชีวประวัติที่สร้างสรรค์ของ Stravinsky เปิดขึ้นซึ่งเรียกว่า "อเมริกัน" ในเดือนธันวาคมปี 1939 เขาได้ออกเดินทางไปยังเวสต์แบงก์แห่งสหรัฐอเมริกา - ในซานฟรานซิสโกและลอสแองเจลิส เมืองในชายฝั่งแคลิฟอร์เนียเตือนนักแต่งเพลงของ French Riviera มันตัดสินใจที่จะตั้งถิ่นฐานที่นี่ในแคลิฟอร์เนียในฮอลลีวูด ในปีที่ผ่านมานักเขียนและนักดนตรีขนาดใหญ่จำนวนมากตั้งรกรากอยู่บนชายฝั่งแปซิฟิกซึ่งอพยพมาจากเปลวไฟแห่งสงครามพร้อมกับลัทธิฟาสซิสต์ในยุโรป

อาศัยอยู่ในศูนย์กลางของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อเมริกันสตราวินสกีปฏิเสธข้อเสนอใด ๆ ในการทำงานให้กับโรงภาพยนตร์อย่างสม่ำเสมอโดยอ้างว่าเขาไม่พอใจกับหลักการของการสุ่มซึ่งกำหนดองค์ประกอบของดนตรีภาพยนตร์ การอยู่ในศูนย์กลางของดนตรีแจ๊สนักแต่งเพลงก็ไม่ละเลยทิศทางนี้เช่นกัน ในปี 1945 เขาเขียน Black Concerto ให้กับวง Negro Orchestra ของ Woody Herman ด้วยเอฟเฟ็กต์แจ๊สทั่วไปเดี่ยวคลาริเน็ตเดี่ยวและ "คะแนนสี" (การแสดงของเขามาพร้อมกับเอฟเฟกต์แสงโดยใช้ไฟสปอร์ตไลท์หลากสี)

ภาษาดนตรีของ Stravinsky ค่อยๆเพิ่มขึ้นนักพรต แทนที่จะมีพลวัตมาขัดขวาง นักแต่งเพลงหันไปใช้เทคโนโลยีแบบอนุกรมและต่อจากนี้ไปจะกลายเป็นที่โดดเด่นในการจัดโครงสร้างทางดนตรีของการแต่งเพลงของเขา งานผลิตชิ้นแรก - เซ็ต (1953) Threni กลายเป็นองค์ประกอบเรียงลำดับที่สมบูรณ์ซึ่ง Stravinsky ได้ละทิ้งโทนเสียงอย่างสมบูรณ์เช่นนี้ (การคร่ำครวญของศาสดาเยเรมีย์; 1958) งานที่หลักการต่อเนื่องสมบูรณ์คือ“ การเคลื่อนไหว” สำหรับเปียโนและวงออเคสตรา (1959) เพลงสุดท้ายของช่วงเวลาอนุกรม - การเปลี่ยนแปลงในความทรงจำของ Aldous Huxley สำหรับวงออเคสตรา

ในปีพ. ศ. 2490 สตราวินสกีพบกับโรเบิร์ตคราฟท์นักดนตรีรุ่นเยาว์ ในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นผู้ช่วยดนตรีและลูกจ้างของสตราวินสกีผู้แปลเรียงความของเขา การสื่อสารระยะยาวปกติระหว่างคราฟท์และสตราวินสกีทำหน้าที่เป็นพื้นฐานสำหรับการตีพิมพ์ "บทสนทนา" ของพวกเขา

กลุ่มที่สำคัญประกอบด้วยงานซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการให้หน่วยความจำของเพื่อนและญาติที่จากไป สภาพแวดล้อมของ Stravinsky ผอมบางและในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขารู้สึกเหงามากขึ้นเรื่อย ๆ :“ วันนี้ฉันไม่มีคู่สนทนาที่จะมองโลกด้วยสายตาของฉัน”

ตัวเลือกที่ระลึกรวมถึงการไว้ทุกข์และเพลงในความทรงจำของดีแลนโทมัส (l954), Epitaph (l959), Elegy กับ John F. Kennedy (1964), การเปลี่ยนแปลงในความทรงจำของ Aldous Huxley (l964), Introitus ในความทรงจำของ Thomas Eliot องค์ประกอบหลักสุดท้ายคือ Requiem Canticles สำหรับนักร้องเดี่ยวและเบสนักร้องและวงออเคสตร้า (l966) “ เพลงสวดที่ระลึก” ทำให้ภาพสร้างสรรค์ทั้งหมดของฉันสมบูรณ์”,“ บังสุกุลที่อายุของฉันเจ็บปวดเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิต”,“ ฉันแต่งผลงานชิ้นเอกในช่วงปีที่ผ่านมาของฉัน” - ยอมรับ I. สตราวินสกี

อย่างไรก็ตามความเข้มข้นของการแต่งและการแสดงยังไม่หยุดแม้กระทั่งในวัยชราจนถึงอายุ 85 มีการกำหนดตารางงานที่เข้มงวดไว้: ครึ่งปี - งานสร้างสรรค์รายวัน, ทัวร์คอนเสิร์ตครึ่งปี ในปีพ. ศ. 2505 สตราวินสกีเข้าเยี่ยมชมมอสโกและเลนินกราด การเดินทางไปยังบ้านเกิดของเขาตามที่นักแต่งเพลงเองเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอย่างมาก

หนึ่งในผลงานที่เสร็จสมบูรณ์ล่าสุดของเขาคือการประมวลผลสำหรับวงออเคสตร้าแชมเบอร์ของสองเพลงจิตวิญญาณโดย Hugo Wolf (1968) แต่เขายังมีเวลาที่จะคิดและเริ่มต้นบทเพลงสี่โหมโรงและ fugues จาก Artistic Workshop ของ I. S. Bach

แต่กิจกรรมนี้ความคิดสร้างสรรค์ของอาจารย์ก็จบลง 6 เมษายน 2514, 2 เดือนก่อนวันเกิดปีที่ 89 ของเขา Igor Fedorovich Stravinsky เสียชีวิต เขาถูกฝังอยู่ในสุสานซานมิเคเล่ในเวนิส (อิตาลี) ในส่วนที่เรียกว่า "รัสเซีย" พร้อมกับภรรยาเวราซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพของ Sergei Diaghilev

เส้นทางของสตราวินสกีนั้นเต็มไปด้วยการปรับเปลี่ยนบ่อยครั้ง: จากซิมโฟนีอ่อนเยาว์ที่ถูกทำเครื่องหมายด้วยอิทธิพลของ Glazunov และ Brahms ไปจนถึงฤทธิภาพของรัสเซีย "The Firebird" และ "The Nightingale" จากนั้นสู่ความไม่ใช่ดั้งเดิมของ "The Sacred Spring" octet ลมนำในการหันไปทางนีโอคลาสซิซิสซึ่งในช่วงสามสิบปีที่ผ่านมาแนวโน้มแบบขนานหลายอย่างก็มีการระบุไว้

และในที่สุด Septet ของปี 1952 ก็เปิดฉากอีกบทหนึ่งในประวัติความคิดสร้างสรรค์ของ Stravinsky - ช่วงเวลาของอนุกรม ความเห็นอกเห็นใจทางศิลปะของเขาขยายจากบาคสู่บูเอลซ์จากตำแหน่งงานแต่งงานของรัสเซียไปจนถึงความทันสมัยของฝรั่งเศสตั้งแต่บทกวีโบราณที่เข้มงวดไปจนถึงจังหวะดนตรีแจ๊สที่คมชัด - เช่นวงดนตรีที่เห็นอกเห็นใจศิลปะของเขา เกือบทุกบทใหม่ในชีวประวัติของ Stravinsky เป็นบทหนึ่งในประวัติศาสตร์ของดนตรียุโรปตะวันตกในศตวรรษที่ยี่สิบ

ความคิดสร้างสรรค์ Stravinsky ในสาระสำคัญห่างไกลจากเหตุการณ์ของความเป็นจริง นักแต่งเพลงจะเปรียบเทียบความรู้สึกทางสุนทรียะของผู้ฟังเพลงกับความรู้สึกที่ประสบการณ์หนึ่งขณะที่คิดว่า "เล่นในรูปแบบสถาปัตยกรรม" ดังนั้นเขาจึงหนีจากความทันสมัยหันหลังให้กับวีรบุรุษและบางครั้งก็มีเพียงลมพายุอันทรงพลังของชีวิตที่บุกเข้าสู่โลกแห่งดนตรีของเขา

ในดนตรีสตราวินสกีนั้นกลัวที่สุดในเรื่อง "ความเด็ดขาด" ของนักแสดงทุกคนก็เหมือนกัน - นักเปียโนผู้ควบคุมวงนักแสดง ศิลปะแห่งการแสดง - การเติมเต็มความตั้งใจด้านลิขสิทธิ์อย่างแท้จริง - นั่นคืออุดมคติของมัน! วีรบุรุษควรถูกกีดกันจากประสบการณ์ "โรแมนติก" depersonalization ของตัวละครหลัก (เจ้าสาวใน "งานแต่งงาน", Chosen One ใน "Sacred Spring", ใน "Bike" ในตัวละครหลักเป็นตัวละครที่เลียนแบบและศิลปินอื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่ในวงออเคสตราหรือนักร้องทั้งคณะ) มีความสำคัญมาก

ปรากฏการณ์ของดนตรีนั้นถูกมอบให้กับเราเพียงอย่างเดียวเพื่อที่จะนำพาทุกสิ่งที่มีอยู่รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง“ มนุษย์กับเวลา” เป็นหลัก คุณสมบัติของนักแต่งเพลงนั้นทิ้งความประทับใจไว้ในผลงานของเขาเช่นคุณภาพของความแม่นยำความตรงต่อเวลาความสุขุมและสัญชาตญาณ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ Stravinsky ถูกเรียกว่านักแต่งเพลง - เที่ยงตรง, นักแต่งเพลง - วิศวกรและเพื่อนของเขาเจ Cocteau มั่นใจได้ว่าสถานที่ทำงานของนักแต่งเพลงนี้คล้ายกับ

ความคิดสร้างสรรค์ Stravinsky ยังคงมีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่ง เขาเป็นคนที่สามารถผ่านศตวรรษที่ยี่สิบเกือบทั้งหมดในขณะที่สวมหน้ากากรูปแบบที่แตกต่างกันเพื่อให้เป็นจริงกับตัวเอง นักแต่งเพลงเองที่จบโครนิเคิลเขียนว่า“ ฉันไม่ได้อยู่ในอดีตหรือในอนาคต ฉันอยู่ในปัจจุบัน พรุ่งนี้ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น สำหรับฉันมีเพียงความจริงของวันนี้ ฉันถูกเรียกให้รับใช้ความจริงนี้และรับใช้ด้วยความสำนึกอย่างเต็มที่”

Igor Fedorovich Stravinsky ประวัติโดยย่อจะบอกคุณเกี่ยวกับชีวิตและการทำงานของนักแต่งเพลงและผู้ควบคุมวงรัสเซีย รายงาน "Stravinsky Igor" สามารถเสริมด้วยข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ

Igor Stravinsky ประวัติสั้น

Stravinsky Igor Fedorovich เกิดที่ Oraniembaum เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน (5 มิถุนายน), 1882 ในครอบครัวของนักร้องโอเปร่าและนักเปียโน ครอบครัวนี้สืบเชื้อสายมาจากเจ้าของที่ดินชาวโปแลนด์และในตอนแรกนามสกุลดูเหมือนจะเป็นแบบนี้ - Sulima-Stravinsky ตอนอายุ 9 เขาเริ่มหัดเล่นเปียโน

Stravinsky ในปี 1905 เข้าร่วมหลักสูตรการบรรยายที่คณะนิติศาสตร์ แต่ไม่ได้สอบครั้งสุดท้าย หลังจากหนึ่งปีเขาได้รับประกาศนียบัตรหลักสูตรที่เข้าร่วม ควรสังเกตว่า Igor Fedorovich เริ่มสนใจดนตรีอย่างมืออาชีพหลังจากเรียนที่มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก จากนั้นเป็นเวลา 5 ปีเขาได้ทำงานร่วมกับ Nikolai Rimsky-Korsakov ในขณะเดียวกันก็เติมเต็มความรู้ในทุกด้านของดนตรี

นักแต่งเพลงในอนาคตจะเข้าใกล้ Sergei Diaghilev เข้าร่วมตอนเย็นของดนตรีสมัยใหม่คอนเสิร์ตเพลงใหม่โดยนักเปียโนและนักดนตรี Alexander Ziloti เพลงแรกของ Igor Stravinsky ถูกเขียนขึ้นเพื่อเล่นเปียโน มันตรวจสอบอิทธิพลของอิมเพรสชั่นนิสต์ฝรั่งเศสและโรงเรียนโรมันคอร์ชาคอฟ

เริ่มต้นในปี 1910 นักแต่งเพลงอาศัยอยู่ที่ปารีสในฝรั่งเศสจากนั้นในรัสเซียหรือในสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงปี 1914-1920 เขาอาศัยอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ งานของ Igor Stravinsky หันไปเป็นนิทานพื้นบ้านของรัสเซียซึ่ง Stravinsky ได้รวมเข้ากับความทันสมัย เพลงของเขาได้รับคำสั่งจาก Diaghilev สำหรับบัลเล่ต์รัสเซียซีซั่นส์ นักบัลเล่ต์คนแรกของผู้เขียน“ Firebird” ถูกแสดงที่ปารีสบนเวทีแกรนด์โอเปร่าเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 1910 ดังนั้นเขาจึงเริ่มเส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์

ในปี 1920 Igor Fedorovich ย้ายไปฝรั่งเศสและ 14 ปีต่อมาก็กลายเป็นพลเมือง ช่วงเวลาที่ปารีสมีผลมาก เขาเขียนโอเปร่าควาย Mavra บัลเล่ต์ Fairy Kiss, Apollon Musaguet, Orpheus และไพ่ นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของโอเปร่า The Adventures of the Hang, โอเปร่า oratorio King Oedipus, Symphony of Psalms, the melodrama Persephone, คอนเสิร์ตสำหรับไวโอลินและวงออเคสตร้าและออคเต็ตสำหรับลม

ชีวิตของ Igor Stravinsky เปลี่ยนไปในปี 1939: นักแต่งเพลงย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและเริ่มให้การบรรยายเรื่อง "Musical Poetics" ที่ Harvard University ในปี 1945 ยอมรับการเป็นพลเมืองอเมริกัน ในช่วงทศวรรษ 1950 เขาหันไปใช้วิชาพระคัมภีร์ในงานของเขา ผลงานที่สำคัญที่สุดคือ "อนุสาวรีย์ Gesualdo di Venosa เนื่องในโอกาสครบรอบ 400 ปี", "Agon", "Flood", "สวดมนต์อันศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นเกียรติแก่ Apostle Mark" สไตล์ของเขาได้กลายเป็นโครงสร้างที่เป็นกลางและเป็นนักพรต

ในปี 1962 กระทรวงวัฒนธรรมของสหภาพโซเวียตเชิญผู้เขียนผลงานที่โด่งดังมาจัดคอนเสิร์ตหลายครั้งในเลนินกราดและมอสโก ในปี 1966 เขาป่วยหนัก ในช่วงเวลานี้อิกอร์สตราวินสกีเขียน "Memorial Chants" สำหรับแชมเบอร์ออร์เคสตร้านักร้องและศิลปินเดี่ยว

นอกจากดนตรี Igor Fedorovich ยังมีส่วนร่วมในการวิจารณ์วรรณกรรม เขาเป็นผู้แต่งหนังสืออัตชีวประวัติเช่น "บทสนทนา" และ "พงศาวดารของชีวิต" คอลเลกชัน "บทกวีดนตรี" เขาเขียนงานชิ้นสุดท้ายเป็นภาษาเยอรมัน

ผลงานดนตรี Igor Stravinsky: เปียโนโซนาต้า, ซิมโฟนีในอีแฟลตเมเจอร์, ชุด“ Faun and Cowgirl”,“ ดอกไม้ไฟ”,“ Fantastic Scherzo”, บัลเล่ต์“ Firebird”,“ Parsley” และ“ Sacred Spring”, โอเปร่า“ ไนติงเกล”,“ เรื่อง ทหาร "," Bike about the Fox, Rooster, Cat and the Baran ", ฉากการออกแบบท่าเต้น“ Weddings”,“ Pulcinella”

ชีวิตส่วนตัวของ Igor Stravinsky

แต่งงานสองครั้ง. ในปี 1906 นักแต่งเพลงแต่งงานกับ Ekaterina Nosenko ลูกพี่ลูกน้องของเธอ ในการแต่งงานเด็ก 4 คนเกิด - Fedor, Lyudmila, Svyatoslav และ Milena Lyudmila ภรรยาและลูกสาวเสียชีวิตจากวัณโรค สตราวินสกียังเป็นวัณโรค แต่ก็สามารถรับมือกับโรคนี้ได้ ในปี 1940 เขาได้แต่งงานกับ Vera de Bosse ศิลปินและนักแสดงอีกเป็นครั้งที่สอง

• เขาเป็นนักแต่งเพลงที่มีการศึกษามากที่สุดแห่งศตวรรษมีจิตใจที่มีชีวิตชีวาและรวดเร็ว นอกจากนี้ Igor Fedorovich ยังมีความอุตสาหะมากมาย เขาสามารถทำงานได้ 18 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก   ตอนอายุ 75 วันทำงานของเขาคือ 10 ชั่วโมงก่อนอาหารกลางวันสตราวินสกีมีส่วนร่วมในการแต่งเพลง 4-5 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเขาอุทิศเวลา 5-6 ชั่วโมงในการเตรียมการหรือเตรียมการ
• ในยูเครนพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในเมือง Ustilug ที่อุทิศให้กับนักแต่งเพลง
• เขาได้เป็นเพื่อนกับคนดังเช่น Debussy, Ravel, Proust, Picasso, Charlie Chaplin, Coco Chanel, Sati, Aldous Huxley, Walt Disney
• Panicky กลัวหวัด   ดังนั้นเขามักสวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและบางครั้งก็เข้านอนด้วยหมวกเบเร่ต์
• พูดได้ 4 ภาษา   และเขียนใน 7: เยอรมัน, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ฮิบรู, ละตินและรัสเซีย
• ฉันชอบดื่ม   และมักพูดติดตลกว่านามสกุลของเขาควรจะเขียนเป็น "Straviski"
• เขากลัวคนที่พูดเสียงดังและการวิจารณ์ของเขาทำให้โกรธเคือง

Igor Fedorovich Stravinsky (1882–1971) เป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาศิลปะดนตรีในศตวรรษที่ยี่สิบ ในงานของเขามีการผสมผสานคุณสมบัติหลายอย่างเข้าด้วยกัน การเปลี่ยนแปลงและความแปรปรวนของรูปแบบที่เฉียบคมของ "มารยาทสไตล์" คือความคิดริเริ่มของบุคลิกภาพนักแต่งเพลงของสตราวินสกี

"ยุครัสเซีย" - "Firebird", "Parsley", "Sacred Spring", "Nightingale" (1908-1914), "งานแต่งงาน" (1917), "Tale about the Fox, The Rooster, Cat and the Baran" (1915- 2459) ประวัติศาสตร์ของทหาร (2460)

"Neoclassicist ประจำเดือน" - "Pulcinella" (2462-2463), "Mavra" (2464-2465), "จูบของนางฟ้า" (2471), "เอดิปุสเร็กซ์" (2469-2470), สดุดีซิมโฟนี "(193О)," Apollon Musaget "(1927-1921)," Adventures of the Hang "(1948-1951)

"ยุค Dodecaphone" - "เพลงศักดิ์สิทธิ์" (2498-2499), "การคร่ำครวญของท่านศาสดาเยเรมีย์" (1957-1958), "เพลงแห่งความทรงจำ" (1965-1961) - วิชาศาสนา ความขัดแย้ง (2496-2500)

ใน First Symphony ของ Stravinsky ดำเนินการในปี 1907 มันง่ายที่จะสังเกตเห็นร่องรอยของผลกระทบของสไตล์การเขียนที่ยิ่งใหญ่ของ Glazunov ดังนั้นเริ่มต้น "ต้น" Stravinsky

แล้วในงานต่อไป - วัฏจักรเสียง "Faun และ Cowgirl" ถึงบทกวีของ Pushkin - Stravinsky "ลิ้มรสผลไม้ต้องห้าม" ซึ่งดูเหมือนจะละเอียดอ่อนเสียงสีน้ำที่มาจาก Debussy และใน Fantastic Scherzo ซึ่งเป็นไปตาม Faun และ Cowgirl ลักษณะอิมเพรสชันนิสต์ของการตีความชุดเสียงนั้นแสดงออกอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับในบทกวีไพเราะ "ดอกไม้ไฟ" ซึ่งเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับการแสดงผลภาพ

มันควรจะจำได้ว่าโรงเรียนรัสเซียและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Rimsky-Korsakov, Mussorgsky และ Borodin เป็น "ดินแดนแห่งสัญญา" สำหรับนักประพันธ์เพลงชาวฝรั่งเศสในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Debussy รู้ศึกษาดนตรีรัสเซียและการค้นพบของเขามากมาย ดังนั้นส่วนมากที่ได้รับจากฝรั่งเศสจึงถูกใช้โดย Stravinsky“ มือสอง”

เขาตกตะลึงกับการตายของ Rimsky-Korsakov (1908) ซึ่งเขาได้รับการรักษาด้วยความรักกตัญญู ในความทรงจำของครูเขาอุทิศเพลงงานศพให้กับวงออเคสตรา ชะตากรรมของงานนี้เป็นเรื่องน่าเศร้า ดำเนินการเพียงครั้งเดียวมันได้หายไป จนถึงขณะนี้ยังไม่พบคะแนนหรือวงดนตรีประกอบ

เหตุการณ์ที่กำหนดระยะเวลาทั้งหมดในชีวิตของ Stravinsky คือการรู้จักกับ S. Diaghilev ชายผู้อุทิศตนเพื่อการส่งเสริมศิลปะรัสเซีย มุ่งหน้านิตยสารและวงที่เรียกว่าโลกแห่งศิลปะ Diaghilev เชื่อว่ามีความไม่ตรงกันระหว่างคุณค่าและความสำคัญของวัฒนธรรมศิลปะของรัสเซียในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 บนมือข้างหนึ่งและความนิยมในตะวันตก ในความคิดริเริ่มของเขา "ฤดูกาลรัสเซีย" จัดขึ้นในปารีส: ไพเราะโอเปร่าบัลเล่ต์ ชื่นชมวัฒนธรรมศิลปะรัสเซียอย่างลึกซึ้งจากไอคอนของ Rublev ไปจนถึงภาพวาด, โรงละคร, เพลงของโคตร, Diaghilev จัดนิทรรศการ, รวบรวมกลุ่มโอเปร่าและบัลเล่ต์ที่งดงาม, ปารีสและผู้ชมโรงละครในปารีสด้วยศิลปะของ Chaliapin, Ershov, Anna Pavlova เขา“ เปิด” มิคาอิลฟอคินและพิชิตสาธารณชนและสื่อมวลชนที่ Fokin กำหนดใน“ เจ้าชายอิกอร์” โดยการเต้นรำของโปลฟอเซียน เพื่อยกระดับชื่อเสียงบัลเลต์รัสเซียต่อไปตาม Diaghilev จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพบัลเล่ต์ - สดใสและแปลกประหลาดในคำอื่น ๆ ก็จำเป็นต้องแสดงเทพนิยายบัลเล่ต์รัสเซียในปารีส แต่อย่าแสดง "The Little Humpbacked Horse" ด้วยเสียงเพลงที่น่าสงสัยพร้อมกับท่าเต้นที่ทรุดโทรมเมื่อครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา Fokine เสนอ Lyadov ซึ่งมีคะแนนของ "Magic Lake" และ "Kikimory" หลงใหลไปกับจินตนาการอันงดงามของพวกเขาบทเพลงที่ออกแบบมาอย่างประณีตสำหรับเนื้อเรื่องของ "Firebird" แน่นอนว่า Lyadov ยังเขียน“ The Firebird” หากไม่ใช่เพราะความเกียจคร้านที่ไม่อาจต้านทานซึ่งก่อกวนเขามาตลอดชีวิตของเขา Lyadov เห็นด้วยและ ... ล้มเหลว เหลือเวลาน้อยมาก สถานการณ์สิ้นหวัง จากนั้น Diaghilev ก็จำ Stravinsky ความเสี่ยงนั้นยอดเยี่ยม แต่ Diaghilev เชื่อใน Stravinsky

25 มิถุนายน 1910 - วันที่แน่นอนของการเริ่มต้นของชื่อเสียงระดับโลกของ Igor Stravinsky วันที่รอบปฐมทัศน์ของ "The Firebird" บนเวทีของ Paris Grand Opera ประเพณีของ“ โรมันสาย” แพร่กระจายไปทั่วทั้งบัลเล่ต์ของสตราวินสกีโดยกำเนิดตั้งแต่แรก ทั้ง "Kashchei the Immortal" และ "Golden Cockerel" ทำให้ตัวเองรู้สึก และในเวลาเดียวกันมันคือสตราวินสกีซึ่งตกตะลึงด้วยความสามารถอันน่าทึ่งของจานสีเทาซึ่งถูกมองด้วยความสว่างอันน่าทึ่ง

ปีหน้า - "Parsley" บัลเล่ต์นี้ Stravinsky เขียนบนบทของ Alexandre Benois Blok ปรากฏตัวที่นี่ด้วย "ตัวแทนจำหน่าย" ของเขากับ Pierrot น้องชายของ Petrushka พร้อมด้วยกระดาษแข็งเจ้าสาวที่ชวนให้นึกถึง Ballerina นางเอกบัลเล่ต์ซึ่งตกอยู่ในห้วงรักกับ Petrushka และเพราะเขาเสียชีวิตจากอิทธิพลของดาบกระบี่

สำหรับปีที่แยกพาร์สลีย์ออกจากไฟร์เบิร์ดนักแต่งเพลงจะได้รับการปลดปล่อยจากเปลือกรังที่ผูกไว้กับเขา ที่นี่เขาเป็น Stravinsky ทั้งหมด ทุกอย่างเป็นของใหม่ที่นี่: คฤหาสน์ "ต่ำ - ต่ำ" ชาวบ้านและเทคนิคการประสานเสียงใหม่ที่ไม่เคยมีใครใช้มาก่อนและฟรีพฤกษ์บนพื้นฐานของการผสมผสานกันไม่เพียง แต่หลายสายไพเราะ แต่ชั้นทั้งหมดรวมทั้งประสานกันซึ่งแต่ละสี ขนาดต่ำแตกต่างกัน ใน "Petrushka" Stravinsky พูดในภาษาดนตรีที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนและในเวลาเดียวกันที่ทุกคนเข้าใจได้เนื่องจากภาพละครของเขาซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแห่งชาติโดยตรงจากชีวิตดนตรีรัสเซียในยุค 30 และ 10 ของศตวรรษที่ 19

ในฤดูร้อนปี 1913 "เรื่องอื้อฉาวการแสดงละครที่ยิ่งใหญ่" ปะทุขึ้นในปารีสในขณะที่หนังสือพิมพ์เขียนด้วยกัน ผู้กระทำผิดคืออิกอร์สตราวินสกี แต่เหตุผลของเรื่องอื้อฉาวก็คือบัลเล่ต์ "The Rite of Spring" ซึ่งมีชื่อว่า "Pictures of Pagan Russia" ความสนใจในยุคก่อนคริสเตียนในประวัติศาสตร์ของชนชาติสลาฟนำไปสู่การปรากฏตัวของภาพวาดโดย N. Roerich, โอเปร่า "Mlada" โดย Rimsky-Korsakov และการออกแบบของบัลเล่ต์ "Al and Lolli" โดย Prokofiev แต่งานที่กล่าวมาข้างต้นนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าเป็น "พิธีกรรมแห่งฤดูใบไม้ผลิ" สตราวินสกีเริ่มจากเพลงที่อยู่ใกล้กับตัวอย่างเพลงรัสเซียและพิธีกรรมที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซียยูเครนเบลารุสและอาจย้อนหลังไปถึง "ฤดูใบไม้ผลิ" ของแท้ฟังตามริมฝั่ง Dniep \u200b\u200ber, Tesna, Berezina และในกาลเวลา เรามีข้อมูลที่สตราวินสกีบันทึกเพลงเก่าที่ที่ดิน Ustilug ในโวลินผู้รู้ว่าคนรุ่นต่อ ๆ มาจากปากต่อปากมีกี่ชั่วอายุคน

นักแต่งเพลงฟื้นคืนชีพในเพลงความรุนแรงดั่งเดิมของประเพณีของชนเผ่านำโดยผู้อาวุโส - ปรีชาญาณฟื้นคืนชีพด้วยพิธีกรรมของการทำนายโชคชะตาในฤดูใบไม้ผลิคาถาพลังแห่งธรรมชาติฉากการลักพาตัวของหญิงสาวพิธีกรรมโบราณแห่งจูบแห่งแผ่นดินโลก เพลงของ "Sacred Spring" นั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่เป็นองค์ประกอบของความไม่ลงรอยกันซึ่งไม่เคยปรากฏในคะแนนของนักแต่งเพลงใด ๆ สถานที่ขนาดใหญ่ในเพลงของ "Spring" ถูกครอบครองโดยกองกำลัง polytonal ความซับซ้อนของภาษาฮาร์มอนิกที่มาจากความซับซ้อนของจังหวะที่เปลี่ยนโครงร่างตลอดเวลาเช่นเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงการผสมผสานไพเราะของกระแสทั้งหมดนี้ทำให้เกิดความประทับใจในความหายนะดั้งเดิมโลกแห่งบรรพบุรุษซึ่งธรรมชาติและมนุษย์แยกกันไม่ออก

ในเรื่องอื้อฉาวที่โพล่งออกมาในตอนเย็นของรอบปฐมทัศน์สตราวินสกีเป็นครั้งแรกที่ถูกตำหนิ แต่เพลงของเวสนากำลังฟื้นฟูเมื่อเมื่อดำเนินการในคอนเสิร์ตซิมโฟนีมันทำให้เกิดการโห่ร้องยืน ส่วนสำคัญของความผิดควรส่งถึง Vaclav Nijinsky นักเต้นที่มีความสามารถอย่างไรก็ตามปราศจากพรสวรรค์และประสบการณ์ของนักออกแบบท่าเต้น ต่อมานักวิจารณ์คนหนึ่งเขียนว่า: "การเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ของ" Rite of Spring "ของปารีสนั้นถูกจดจำว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเช่นการต่อสู้ของวอเตอร์ลู

ในบัลเล่ต์สามแห่งแรกที่สร้างแก่นแท้ของ "ยุครัสเซีย" ของสตราวินสกี้ลักษณะประจำชาติของความคิดทางดนตรีของเขานั้นหักเหผ่านใบหน้าที่แตกต่างกัน และในสามงานถัดไป - "เรื่องราวของทหาร", "งานแต่งงาน" และ "Mavre" - เขาพบการตีความที่แตกต่างกันของลักษณะประจำชาติของเพลงรัสเซีย

เนื้อเรื่องของ "เรื่องราวของทหาร" (1918) มีพื้นฐานมาจากเทพนิยายจากการสะสมของ A. Afanasyev เกี่ยวกับทหารหนีที่พบปีศาจ ประเภทของ "เรื่องราวของทหาร" สตราวินสกีกำหนดดังต่อไปนี้: "เรื่องราวของทหารหนีและลักษณะอ่านง่ายเล่นและเต้นรำ" เทพนิยายหลายสายพันธุ์มีอยู่ในยุคนิโคเลฟซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของทหารที่กินเวลานานหลายสิบปี

ฉีกออกจากบ้านเกิดของเขาอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสหรือสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่ปี 2456 สตราวินสกีเขียนเรื่องราวแปลก ๆ และน่ากลัวเกี่ยวกับการที่ทหารขายวิญญาณของเขาให้ตกนรกและแลกเปลี่ยนไวโอลินของเขาเป็นหนังสือนักมายากล และถึงแม้ว่าพระเอกรักษาเจ้าหญิงจากม้ามเต้นรำกับเธอและแทงโก้และ ragtime ในที่สุดก็แต่งงานกับเธอเขายังคงเป็นทหารของรัสเซีย มีเพียงฟังความเศร้าโศกของไวโอลินเมื่อเขานั่งลงที่ลำธารเขาก็พาวิญญาณของเขาออกไปเพื่อที่จะรู้สึกว่าทหารมีความปรารถนาในดินแดนบ้านเกิดของเขาที่กระท่อมของแม่และเจ้าสาวและสุสาน ... บางสิ่งแปลก ๆ ใน "เรื่องราวของทหาร" สัญลักษณ์ย่อยที่ฉีกขาดเป็นสัญลักษณ์ . . คนหนึ่งนึกถึงความวุ่นวายทางอารมณ์โดยไม่ได้ตั้งใจของ Rachmaninoff ซึ่งก่อให้เกิด Symphony ที่สามของเขา

"งานแต่งงาน" (1923) รวมองค์ประกอบของการประสานเสียงละครใบ้และพิธีกรรมโบราณของการแต่งงานของรัสเซีย นักแสดงผิดปกติ: "วงออเคสตรา" ประกอบด้วยเปียโนสี่ตัวและชุดเครื่องเพอร์คัชชั่นถูกเพิ่มเข้ากับคณะนักร้องประสานเสียงและนักร้องเดี่ยว มันไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าสนใจเลยที่งานเปิดตัว "Wedding" ในปี 1926 นักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศส Orik และ Pulenk นักแต่งเพลงชาวอิตาลี Rieti และนักเปียโน Dukelsky เล่นบทเปียโน

ชุดเครื่องดนตรีนี้มีลักษณะคล้ายกับพิสดารที่ทำให้เกิดเสียงที่คมชัดและทรงพลัง

Stravinsky ศึกษาวัสดุทางดนตรีและข้อความอย่างพิถีพิถัน "พิธีกรรม" ทั้งหมดของพิธีแต่งงาน "ทิศทาง" ของทางออก, ขาออก, การละเว้นของตัวละครในพิธีแต่งงาน แต่แต่งเนื้อผ้าที่ใช้ดนตรีโดยอ้างข้อความเพลง "ฉันโอบแขนด้วยทองคำ กับพื้น " Polyphony มีความแปลกใหม่ต่อเสียงดนตรีพื้นบ้านของรัสเซียในทุก ๆ การวัดของคะแนนที่น่าทึ่งนี้

ใน "Mavra" (1922) สตราวินสกีที่อยู่พุชกิน "บ้านในโคลอมนา" ของเขาเขียนใหม่ในเพลงแฟชั่นโดยกวีบอริส Kokhno "Mavra" ไม่จำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นงานที่ก่อให้เกิดปัญหาอย่างลึกซึ้ง Mavra เป็นมุขตลก มันถูกครอบงำโดยการ์ตูนพิลึก, ล้อเลียน แต่ไม่ใช่ถ้อยคำเพราะ "Mavra" ไม่ได้เกิดจากการเยาะเย้ย แต่โดยความเห็นอกเห็นใจสำหรับชีวิตของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กน้ำนิ่งของรูขุมขนพุชกิน เพลงทั้งหมดของเธอได้รับแรงบันดาลใจจากเนื้อเพลงกีตาร์และเสียงสะท้อนของเธอ ไม่น่าแปลกใจที่ Stravinsky ชอบเพลง Parasha ของเพลง "You Don't Sing, Kinareechka, ในสวน" สตราวินสกีกี้อุทิศ "โอเปร่า" ของเขาให้กับพุชกิน, กลิคา, ไชคอฟสกีซึ่งภาพบุคคลประดับหน้าชื่อเรื่องของคะแนน

ในหนังสือ "Chronicle of My Life" Stravinsky เล่าถึงการพบกันเพียงครั้งเดียวกับ Tchaikovsky: "... ฉันโชคดีที่ได้เห็น Pyotr Ilyich Tchaikovsky ในล็อบบี้ซึ่งเป็นไอดอลของรัสเซียที่ฉันไม่เคยพบมาก่อนและผู้ที่ฉันไม่เคยพบมาก่อน "ฉันไม่สามารถจินตนาการได้แน่นอนว่าสิ่งนี้ถึงแม้ว่าจะหายวับไปการพบกับ Tchaikovsky ที่มีชีวิตก็จะกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่ฉันรักที่สุด"

เมื่อมองไปข้างหน้าเราจะชี้ให้เห็นถึงดนตรีที่แสดงออกถึงความสร้างสรรค์ของ Stravinsky ในเรื่องความรักที่มีต่อ Tchaikovsky, บัลเล่ต์ของเขา“ Fairy Kiss”, เขียนในปี 1928 และเรียกโดยผู้แต่ง“ Allegorical Ballet แรงบันดาลใจจาก Tchaikovsky's Music” ในบัลเล่ต์สตราวินสกีใช้ผลงานของ Tchaikovsky เป็นสาระสำคัญ: "เพลงกล่อมเด็กในพายุ", "Humorescu", "Nata-Waltz", "Nocturne", "Scherzo", "Album Leaf", ความรัก "ไม่เพียงเท่านั้น ใครจะรู้ " บทแต่งโดยนักแต่งเพลงเองผู้วางรากฐานสำหรับเทพนิยาย G. Andersen ของ "The Ice Maiden"

ในปีที่ผ่านมาเมื่อการแสดงออกทางอารมณ์กับยั่วยวนของอารมณ์มีการพัฒนามากขึ้นและมากขึ้นในศิลปะยุโรปในทางตรงกันข้ามสตราวินสกีหันไปสู่ศิลปะแห่งศตวรรษที่ผ่านมาและไม่เพียง แต่แปลงวัสดุดนตรีเทคนิคการประพันธ์ดนตรีจากที่นั่น ที่จะตีออก ดังนั้นจึงมีบัลเล่ต์ Pulcinella (1919), Apollo Musaget (1928) และ Fairy Kiss ที่กล่าวถึงแล้ว โอเปร่า oratorio Oedipus ราชา (2470) สดุดีซิมโฟนี (2473), Persephone melodrama (2477), ออคเต็ตสำหรับขลุ่ยปี่คลาริเน็ต 2 bassoons 2 ทรัมเป็ตและ 2 trombones (2465-2466)

วรรณกรรมเกี่ยวกับสตราวินสกี้ใช้การจำแนกช่วงเวลาสร้างสรรค์ของเขา: รัสเซียซึ่งลงท้ายด้วย "งานแต่งงาน" นั่นคือ 1923; นีโอคลาสสิกซึ่งประกอบไปด้วยครบรอบสามสิบปีจนถึงปี 1953; และ dodecafonic ซึ่งเริ่มในปี 2496 และถูกสร้างโดยการสร้างเซ็ตซึ่งเป็นงานชิ้นแรกที่คู่ต่อสู้ของ dodecaphony ที่กระตือรือร้นหันมาใช้เทคนิค Schoenberg - Webern (เราจะกำหนดเงื่อนไขในการแบ่งความบาปแบบแผนผังและให้แนวคิดคร่าวๆเกี่ยวกับวิวัฒนาการของ Igor Stravinsky .

ในส่วนของการทำงานในช่วงเวลาของ "นีโอคลาสซิซิสซึ่ม" Stravinsky ยังคงรักษา "มหากาพย์สงบ" และใน "Pulcinella" และความเบิกบานใจ บัลเล่ต์นี้เกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มของ S. Diaghilev ผู้ค้นพบโอเปร่าการ์ตูนโดย J. Pergolesi ที่ไม่รู้จักสองคนและโซนาต้า 12 ตัวของเขาสำหรับไวโอลินและเบสสองตัว Cantata ชุดเครื่องดนตรี gavotte และซิมโฟนีสำหรับเชลโลและดับเบิลเบสในหอจดหมายเหตุของอังกฤษ นอกจากนี้ยังพบต้นฉบับของสคริปต์ตลกศตวรรษที่ 18 ในเนเปิลส์ บนพื้นฐานของมันละครของบัลเล่ต์ได้เติบโตขึ้นเกี่ยวกับฮีโร่ที่รักของถนนเนเปิลลีตัน Pulcinella เกี่ยวกับแฟน ๆ ของเขา Rosetta และ Prudente เกี่ยวกับสุภาพบุรุษอิจฉาของความงามที่หนุ่มสาวเกี่ยวกับความตายในจินตนาการของ Pulcinella และการแต่งงานที่สนุกสนาน ฉากในปารีสโดย Leonid Myasin ในทิวทัศน์ของ Pablo Picasso, บัลเล่ต์ Pulcinella เกิดขึ้นอย่างเข้มแข็งในละครของโรงละครและในรูปแบบของห้องชุดไพเราะบนเวทีดนตรี

และอีกครั้งที่สตราวินสกีกี้หันไปสู่อดีตอันไกลโพ้นครั้งนี้ไต่ลึกเข้าไปในศตวรรษลึก ๆ กลายเป็นตำนานโบราณที่ซึ่งเขาพบวงจรแห่งตำนานเกี่ยวกับลูกชายของซุสอพอลโลผู้นำของคณะนักร้องประสานเสียงเก้าคน สตราวินสกีนั้นประกอบไปด้วยผืนผ้าใบบัลเล่ต์ ในใจกลางของบัลเล่ต์คือการประกวดสามแรงบันดาลใจ: แรงบันดาลใจจากการร้องเพลงของ Polygynia, แรงบันดาลใจของ Kalliope มหากาพย์และแรงบันดาลใจของการเต้นรำของ Terpsichore สรุปได้ว่าอพอลโลชื่นชมเทอร์ปซิคอร์และเต้นรำด้วยตัวเองซึ่งแสดงให้เห็นถึงอุดมคติของความเป็นสัดส่วนกับความกลมกลืนของการเคลื่อนไหวทั้งหมดซึ่งควรจะแสวงหาในศิลปะใด ๆ

สตราวินสกีนั้นเต็มไปด้วยของขวัญที่น่าอัศจรรย์ของการกลับชาติมาเกิด นี้ไม่ได้สังเกตเห็นโดยผู้ตำหนิติเตียน Stravinsky สำหรับการจัดแต่งทรงผม ไม่ว่าจะเป็น Pulcinella หรือ Mavra หรือ Apollon Musaget Stravinsky ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งดนตรีอิตาเลียนเพลงในยุคพุชกินหรือแม้กระทั่งดนตรีกรีกโบราณข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ถูก จำกัด ด้วยข้อมูลเชิงทฤษฎีและหลักฐานทางวรรณกรรม การรักษาสไตล์การเขียนของเขาลักษณะและรูปแบบของนักแต่งเพลงศตวรรษที่ 20 ภาษาสีอุปกรณ์ดนตรีเทคนิคประสานเสียงและโพลีโฟนิค Stravinsky ด้วยจังหวะสองหรือสามครั้งลักษณะเฉพาะของเพลงไพเราะและลักษณะของเครื่องดนตรี "กลายเป็น" พุชกินร่วมสมัยของชาว Apollo เฉพาะที่ Pulcinella ตามที่ระบุไว้เท่านั้นเขาใช้วัสดุ Pergolesi หรือไม่ แต่เขา "ตอบโต้พวกเขาด้วยคำพูดของเขาเอง" และถ้าที่นี่เราสามารถพูดถึง stylization แล้วเกี่ยวกับรูปแบบพิเศษ: Pergolesi "ภายใต้ Stravinsky"

หลายครั้งหลังจาก Apollo Stravinsky ดึงดูดความโบราณ ใน 1,927 เขาเขียนโอเปร่า -oratorio Oedipus พระมหากษัตริย์เจ็ดปีต่อมา - Perseotta ประโลมโลกและใน 1,948 บัลเล่ต์ Orpheus. งานเหล่านี้เหมาะสมกับกรอบของช่วงเวลา "นีโอคลาสสิก" แต่ในบัลเล่ต์ "Agon" ซึ่งปรากฏในปี 1957 ตัดสินโดยชื่อ ("Agon" ในภาษากรีกหมายถึงการแข่งขันการแข่งขัน) เราสามารถรู้สึกถึงจิตวิญญาณของสมัยโบราณแม้ว่าบัลเล่ต์จะไม่มีจุด

ผลงานชิ้นแรกที่กล่าวถึงในที่นี้คือ Oedipus Rex โศกนาฏกรรมของ Sophocles ถูกแปลโดย Stravinsky เป็นโรงละครโอเปร่า - oratorio ของรูปแบบอนุสาวรีย์อันศักดิ์สิทธิ์ โครงร่างสถานการณ์ของการกระทำนั้นได้รับการเก็บรักษาไว้ในนั้น แต่การกระทำของตัวเองเสียงพูด, เสียงพูดของน้ำเสียงของนักร้องนั้นปราศจากความน่าสมเพชแรงบันดาลใจหลงใหลที่วีรบุรุษแห่งโศกนาฏกรรมกรีกตกตะลึงกับอัฒจันทร์ขนาดใหญ่ B. Yarustovsky ถูกต้องชี้ให้เห็นว่า "สตราวินสกีส่งกองกำลังของเขาไปที่" คัดค้าน "ของโศกนาฏกรรม Sophocles" แต่ถึงแม้จะอยู่ในรูปแบบ "คัดค้าน" โอดิพุสก็ยังแสดงความประทับใจอย่างมากต่อความรุนแรงอันเยือกเย็นของรูปทรงอันไพเราะความยิ่งใหญ่ของรูปแบบที่มีความรุนแรงการพูดน้อยของเรื่องโศกนาฏกรรมและบรรยากาศทั่วไปของความสำคัญของเหตุการณ์ เป็นเวลาสี่สิบปีที่ชีวิตของเขาอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตและเวทีโอเปร่าโอดิพุสเดอะคิงกลายเป็นผลงานยอดนิยมของอิกอร์สตราวินสกี้

สิ่งใหม่ที่ดึงดูดความสนใจในสมัยโบราณนั้นเกี่ยวข้องกับการแต่งเพลงโดยนักบัลเล่ต์ชาวรัสเซีย Ida Rubinstein (1885-1960), "Persephone" (1934) ตีความในรูปแบบของละครประโลมโลกเช่นละครเพลงร้องเพลงบรรเลงดนตรีและการเต้นรำในยุคกลาง ในบัลเล่ต์วงจรนิรันดร์ของธรรมชาติพบว่าศูนย์รวมของมันในตำนานโบราณเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางของเพอร์เซโฟนีลูกสาวของเทพธิดาแห่งความอุดมสมบูรณ์เพื่อพลูโตสามีของเธอในนรกและเธอกลับสู่โลก ธรรมชาติดื่มด่ำไปกับความเศร้าโศกและอาการมึนงงและชื่นชมธรรมชาติอย่างฤดูใบไม้ผลิที่มีความละเอียดอ่อนเป็นพิเศษถ่ายทอดโดยวงออเคสตร้านักร้องประสานเสียงเด็กและนักร้องเดี่ยวและนักร้องเดี่ยว การกระทำนั้นดำเนินการในโขนเกือบคงที่ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยท่าทางและไม่เคลื่อนไหวไปรอบ ๆ เวที เพลงของ Persephopes เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสตรูวิสกี้ที่เรียกว่า "การแยกวัตถุ" ที่ทำให้เกิดการแสดงออกทางอารมณ์โดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Stravinsky eschews คำสั่งคนแรกกลัว "แสดงออก" ซึ่งก็คือ "การเปิดรับตนเอง" เชื่อว่างานของนักแต่งเพลงคือการสร้างเพลงและไม่เปิดเผยตัวเองผ่านเพลง และถ้าเพลงที่เขาสร้างขึ้นสร้างความตื่นเต้นให้กับสภาวะทางอารมณ์ที่หลากหลายในหมู่ผู้ฟังนี่คือผลของการติดต่อที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ฟังและเพลง ในกระบวนการนี้บุคลิกภาพของผู้แต่งไม่มีบทบาทใด ๆ นักแต่งเพลงกัน

แนวคิดนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจาก Psalm Symphony ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2473 "In Glory to God และอุทิศให้กับ Boston Orchestra เพื่อเป็นเกียรติแก่วันครบรอบ 50 ปีของมัน" ในชีวประวัติที่สร้างสรรค์ของ Stravinsky Psalms Symphony มีสถานที่ใกล้เคียงกันซึ่งมีความสำคัญกับสถานที่ซึ่งครอบครองโดย "The Sacred Spring" คะแนนดนตรีทั้งสองนี้ของ Stravinsky มีและยังคงมีผลอย่างลึกซึ้งต่อตัวละครแห่งความคิดทางดนตรีของศตวรรษที่ 20

ในการเขียน "The Rite of Spring" สตราวินสกีไม่จำเป็นต้องกลายเป็นคนป่าเถื่อนเลย ในทำนองเดียวกันสำหรับองค์ประกอบของ Symphony of Psalms และแม้กระทั่งการอุทิศที่ได้กล่าวมาข้างต้นก็ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในการสั่งซื้อทางสงฆ์ มันก็พอที่จะจินตนาการว่าตัวเองอยู่ในวัดเสื้อคลุม นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่น่าทึ่งที่สุดของ "การกลับชาติมาเกิด" ซึ่งถูกกล่าวถึงข้างต้น

ใน Symphony แบบสามส่วนจะใช้ข้อความสามบทเพลงสดุดี แต่ - สิ่งที่แปลก - นักแต่งเพลงตอบโต้ด้วยความเฉยเมยกับเนื้อหาของพวกเขาเนื่องจากงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงได้รับการแก้ไข แรกของพวกเขาคือการยอมจำนนถึงวินัยโพลีโฟนิคที่เข้มงวดขององค์ประกอบทั้งหมดของซิมโฟนีแม้กระบวนการของการปรับตัวเอง ดังนั้นใน Psalms Symphony ความคลาดเคลื่อนโดยตรงจึงเกิดขึ้นระหว่าง "ความหมาย" ของข้อความและเสียงดนตรี "ที่ทำให้เกิดเสียง" สิ่งนี้ได้รับการแก้ไขซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิจัยคนหนึ่งเขียน: "ความจริงก็คือบทเพลงที่สนุกสนานที่สุดของบทเพลงสดุดีได้รับในการใช้เครื่องมือที่รุนแรงและในการร้องเพลงหมู่ที่มืดมนและตอนที่น่าประทับใจที่สุดซึ่งตรงกันข้ามกับธรรมชาติของข้อความ (" Laudate ") เป็นพยานถึงวิธีการที่เพลงเล็ก ๆ น้อย ๆ สอดคล้องกับงานที่เขียนว่า“ เพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า” ในบทเพลงสดุดีซิมโฟนีซิมโฟนีครองราชย์อย่างเข้มงวดและมีเหตุผลโดยใช้เสียงดนตรีที่ไพเราะทุกครั้งและถึงการแสดงออกสูงสุดในตอนที่สอง

นักแต่งเพลง จำกัด ตัวเองเพื่อแสดงวิธีการของนักร้องประสานเสียงและวงดุริยางค์ซิมโฟนีผสมซึ่งเขาเอาไวโอลินและ violas การบำเพ็ญตบะเท่านั้นเน้นความรุนแรงของการออกแบบ ที่ Psalms Symphony วิวัฒนาการของการเขียนออเคสตร้าจากแนวโรแมนติกไปจนถึงการสร้างลัทธิคอนตรัคติวิสต์ สำหรับ romantics บรรยากาศเสียงถูกย่อและสำหรับ neo-romantics (Wagner, Rich. Strauss) มันกลายเป็น "over-condensed": "พื้น" ทั้งหมดของคะแนนเต็มไปด้วยพื้นผิวที่เคลื่อนไหวที่หนาแน่น ประพันธ์อิมเพรสชั่นนิสต์ว่า "ตัดผ่านทุ่งหญ้า" มีอากาศมากขึ้นในป่าเสียงและแต่ละสาขาถูกสืบจากลำต้นถึงใบสุดท้าย สแตรนสกี้เดินไปไกลกว่านี้: เขา“ ขว้าง” เนื้อเยื่อเสียงออกและทุกโน้ตกลายเป็นเหตุการณ์ในบรรยากาศที่หายาก

นักวิจารณ์หลายคนมีความถูกต้องซึ่งเป็นอิสระจากกันแสดงความคิดเห็นว่าไม่ควรมองข้ามประเภทรูปแบบลักษณะการเขียนการวางแนวของงานต่อไปของ Stravinsky แต่ละบทของเขามีความพิเศษมาก สตราวินสกีนั้นมีลักษณะที่หายากที่เรียกว่า "pepovoryamosti" ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาถูกเรียกว่า "นักแต่งเพลงในหนึ่งพันรูปแบบ"

ในบรรดาผลงานของทศวรรษก่อนสงคราม - รวมถึงคอนเสิร์ตสำหรับไวโอลินและวงออเคสตรา (1931), Persephone ที่กล่าวถึงแล้ว, คอนเสิร์ตสำหรับแชมเบอร์ออร์เคสตร้า (1937), บัลเล่ต์ฉาก (1938) - บัลเล่ต์การ์ดเกม 2480) เพลงบัลเล่ต์นี้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและมีเสน่ห์และถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรในระนาบดนตรีล้วน ๆ คล้ายกับ "Pulcinella" พวกเขาเกี่ยวข้องกับปัญญาความสว่างความขี้เล่นดูเหมือนมาจาก "ความไม่เที่ยงธรรม" ของสิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที ไพ่สำรับสำหรับเล่นโป๊กเกอร์

ที่เกิดเหตุเป็นตาราง ombre ปกคลุมด้วยผ้าสีเขียว - สนามรบของการ์ด ไพ่ชั้นนำของแต่ละชุด: Ace, King, Queen และ Jack เป็นศิลปินเดี่ยวพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยบัลเล่ต์เดอบัลเล่ต์ซึ่งรวมถึงไพ่ที่ต่ำกว่า ตัวละครหลักฤดูใบไม้ผลิที่ซ่อนเร้นและชัดเจน - ตัวตลกไพ่สับตามดุลยพินิจของเขาสร้าง "ชุดค่าผสม" ใด ๆ ทันทีที่เขาสังเกตเห็นว่า Jack of Clubs ใช้ประโยชน์จากการสนทนาลับของกษัตริย์กับ Ace รัฐมนตรีศาลเริ่มเจ้าชู้กับ Dama ของสโมสรเขาสร้างชุดที่แยบยลทันที บัลเล่ต์ประกอบด้วย "ยอมจำนน" สามคนและจบลงด้วยชัยชนะของ "สัมพันธมิตร" ซึ่งต่อสู้กับโจ๊กเกอร์

เพลงของมาตรการสุดท้ายของบัลเล่ต์ซึ่งสตราวินสกีคาดหมายราคาจากการทาบทามไปยัง "เซบียาตัดผม" โดย Rossini ทำให้เกิดข่าวลือความฉงนสนเท่ห์และเวอร์ชั่นต่าง ๆ มากมาย ดูเหมือนว่าที่นี่นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่เพียงแค่ "แข่งขัน" เพื่อทำให้เกิดปฏิกิริยาร่าเริงจากผู้ชม มองไปข้างหน้าเราชี้ให้เห็นว่าใน Circus Polka เขียนสิบเจ็ดปีต่อมาในบริบทที่ไม่คาดคิดที่สุดและอย่างร่าเริงเขาพูดชูเบิร์ต Military March ซึ่งไม่มีทาง "ตก" จังหวะของโปแลนด์

"เกมไพ่" ถูกกำหนดให้เป็นคะแนนไพเราะสุดท้ายที่เขียนในยุโรป ซิมโฟนีที่ตามมาในซีเมเจอร์สิ้นสุดแล้วในสหรัฐอเมริกาที่สตราวินสกีไปในปี 2482 นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่จากโลกเก่าประสบกับความเศร้าโศกในช่วงสองปีที่ผ่านมาฝังลูกสาวคนโตแม่และภรรยาของเขา ประสบการณ์ที่รุนแรงส่งผลต่อสุขภาพของเขากระบวนการของปอดเริ่มบังคับให้เขาต้องใช้เวลาห้าเดือนในโรงพยาบาล

เหตุผลในการเดินทางไปอเมริกาคือคำเชิญของ Harvard University ให้บรรยายเกี่ยวกับสุนทรียภาพทางดนตรี ผลที่ได้จากการบรรยายครั้งนี้เป็นหนังสือที่น่าสนใจส่วนใหญ่ขัดแย้งโดยจัดพิมพ์โดยสตราวินสกีภายใต้ชื่อบทกวีดนตรี ในความเป็นจริงการย้ายไปยังสหรัฐอเมริกาทำให้เกิดเหตุผลที่น่าสนใจมากกว่ารอบการบรรยายที่จะเกิดขึ้น - สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น การอยู่ในยุโรปนั้นไม่ปลอดภัย สตราวินสกีตั้งรกรากอยู่ในฮอลลีวูดที่ซึ่งเขาได้รับบ้านพักตากอากาศจนเกือบจะตายซึ่งเป็นที่พำนักของเขาตลอดเวลา

ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหลังจากการเคลื่อนไหวดูเหมือนจะไม่ได้รับอิทธิพลจาก "บรรยากาศทางศิลปะ" ของชาวอเมริกันแวดวงความสนใจของ Stravinsky ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นจึงมี: Tango ในสองรุ่น - สำหรับหนึ่งและสำหรับสองเปียโน, Circus polka สำหรับ "ย้ายช้าง", "Scherzo a la Russe" สำหรับซิมโฟนีแจ๊สโดย Paul Whiteman, "คอนเสิร์ต Ebony" หรือคอนแชร์โต้สำหรับคลาริเน็ตและแจ๊สที่มีชื่อเสียง คลาริเน็ตแจ๊สวู้ดดี้เฮอร์แมน; ในที่สุดเพลงของบรอดเวย์ที่มีต่อบทวิจารณ์ของ Seven Fine Arts

เพื่อแสดงถึงบรรยากาศและศีลธรรมโดยรอบผู้แต่งเพลงสดุดีซิมโฟนีในโลกใหม่เราให้บทหนึ่งพร้อมกับการแสดงดนตรีของเขาในชุด สตราวินสกีได้รับโทรเลขจากฟิลาเดลเฟียซึ่งการแสดงรอบปฐมทัศน์เกิดขึ้น: "ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่อาจเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นถ้าคุณสั่งให้นายเอ็กซ์ทำการแก้ไขในจุดประสานงานมิสเตอร์เอ็กซ์แม้แต่ประมวลผลงานของจุดโคลพอร์เตอร์ โทรเลขสตราวินสกี: "ฉันพอใจกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ Igor Stravinsky"

จากเพลงนี้ "ฉากบัลเล่ต์" มาฉากต่อมาโดยนักออกแบบท่าเต้นชาวอังกฤษ F. Ashton กับการมีส่วนร่วมของ Margo Fontaine

แต่นอกเหนือจากเพลงที่กล่าวมาข้างต้นแล้วไม่ใช่เพลงที่เป็นของแข็งมาก Stravinsky ยังแต่งเพลงในปีเดียวกันนั้น Elegian triptych ในความทรงจำของ Natalia Kusevitskaya ("Elohium", "Ekloga" และ "Epitaph") และ Symphony ในสามส่วน (2485-2488) ชิ้นสุดท้ายมีค่าหยุด ซิมโฟนีถูกสร้างขึ้นในบรรยากาศที่วุ่นวายของสงครามระหว่างปี 2485 ถึง 2488 ในส่วนแรกที่เขียนในรูปแบบของ toccata ด้วยความต่อเนื่องของการเคลื่อนไหวมีภาพที่ทำให้เรานึกถึง Onegger Liturgical Symphony และ Shostakovich Seventh Symphony เพราะภาพเหล่านี้อิ่มตัวด้วยการเคลื่อนไหวของมนุษย์ที่ชั่วร้าย นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของชุดรูปแบบ "การบุกรุก" เป็นหัวข้อ "โปรแกรม" โดยผู้เขียนหรือไม่ ในเรื่องนี้ในสูตรทั่วไป B. Yarustovsky แสดงออกอย่างน่าสนใจในงานที่อ้างถึงแล้ว:“ I. Stravinsky เป็นตัวแทนทั่วไปของงานศิลปะ“ บริสุทธิ์” ทุกชีวิตของเขาเขายอมรับหลักการของ“ ศิลปะเพื่อศิลปะ” ตลอดชีวิตของเขาเขาหลีกเลี่ยงหน้าที่ทางสังคมของเขา จากเหตุการณ์ที่ร้อนแรงของเวลาของเขา ... และในเวลาเดียวกันในฐานะศิลปินที่ใหญ่ที่สุดเขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อบรรยากาศที่ไม่สงบในยุคของเขาได้ "

Stravinsky กล่าวว่าตัวเองเกี่ยวกับ Symphony:“ ไม่มีโปรแกรมที่เป็นหัวใจของ Symphony และมันจะไม่มีประโยชน์ที่จะมองหามันในการทำงานของฉันอย่างไรก็ตามมันเป็นไปได้ที่ความประทับใจในเวลาที่ยากลำบากเหตุการณ์ความสงสัยความหวังความทรมานอย่างต่อเนื่อง detente ทำไม่ได้ แต่ทิ้งเครื่องหมายไว้บนซิมโฟนีนี้ "

ผลงานของปลายยุค 40 และต้นยุค 50 ใกล้เคียงกับซิมโฟนี: บัลเล่ต์ Orpheus และโอเปร่า Career Mota ถูกเขียนด้วยมารยาทที่แตกต่างกัน "Orpheus" ยังคงเป็นแนวนีโอคลาสสิกของ "วงจรโบราณ" (Apollon Musaget, Oedipus Rex, Persephone); Mota's Career เป็นโอเปร่าที่ได้รับแรงบันดาลใจจากงานแกะสลักโดยศิลปินชาวอังกฤษ Hogarth (1697-1764) เรื่องราวของฮีโร่แห่งโอเปร่าเป็นเรื่องราวที่จรรโลงใจ มันมีมรดกที่คาดไม่ถึงและการล่อลวงบาปของเมืองหลวงอังกฤษและผู้ล่อลวงและปีศาจเพื่อช่วยเหลือซึ่งคนร่ำรวยที่ร่ำรวยได้สูญเสียทรัพย์สมบัติไปแล้ว

ก่อนที่เราจะกลับมาที่ Stravinsky อีกครั้ง: อาชีพของ Mota เป็นโอเปร่าที่น่านับถือโดยไม่มีเงาแห่งการทดลองและภาษาของมันอยู่ใกล้กับ Mozart, Rossini และในบางแห่ง ... Puccini อย่างไรก็ตามนี่คือ Stravinsky ตัวจริง คุณจะจำเขาได้ทันที

ในปี 1954 โลกแห่งดนตรีตื่นเต้นไปกับข้อความที่เร้าใจ: สตราวินสกีเข้าร่วมกับ dodecafony มีการตั้งสมมติฐานมากมายเกี่ยวกับสาเหตุของมุมมองเกี่ยวกับสุนทรียศาสตร์ของบุคคลที่พูดถึงการทอดทิ้งด้วยความดูถูก; และการคาดเดาอยู่ในช่วงจากสมมติฐานทางจิตวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งไปจนถึงความเห็นถากถางดูถูกชาวฟิลิสเตีย แต่ในงบทั้งหมดคำว่า "กะทันหัน" ถูกเน้น เป็นอย่างนั้นเหรอ? การฟังเพลงที่สร้างขึ้นโดย Stravinsky ในช่วงสองทศวรรษครึ่งที่ผ่านมานั้นเพียงพอแล้วที่จะสังเกตกระบวนการที่ค่อยเป็นค่อยไปแทนที่จะทำให้ผู้แต่งสุกงอมสำหรับการตก "pre-decafonic" อย่างฉับพลัน เรื่องนี้เกิดจากความล้าสมัยยาวนานของความสัมพันธ์กับความเป็นจริง (ซิมโฟนีในสามส่วนเป็นข้อยกเว้นที่หายาก!) และการสูญเสียคุณสมบัติระดับชาติในงานหลายอย่างและแม้กระทั่งการรวมกันของเพลงสั้น ๆ ใน "การก่อสร้าง" ของดนตรี มันอยากรู้ว่าการประชุม Schoenberg, Stravinsky คิดถึงเขาบนท้องถนนสำหรับผู้ก่อตั้ง dodecaphony ในผลงานล่าสุดของเขาเช่นสดุดีใหม่ "รอดชีวิตจากกรุงวอร์ซอ" ได้ย้ายไปไกลจากความเศร้าโศกของมนุษย์ดั้งเดิมลัทธิฟาสซิสต์ในลัทธิฟาสซิสต์ เจ้าแห่งพระเจ้าผู้ซึ่งเชินเบิร์กเปลี่ยนคำสดุดีด้วยความโกรธและดูถูก มันแม่นยำเกี่ยวกับสิ่งนี้ที่ Schoenberg พูดด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ในดนตรีที่สร้างขึ้นในปีสุดท้ายของชีวิตของเขา Stravinsky เริ่มต้นด้วย Septet (1954) เปลี่ยนเป็น "ซีรีส์" จริงนี่คือความตั้งใจของเขา ซีรีย์ Septet ไม่ได้ประกอบด้วย 12 แต่มีเพียง 8 เสียงเท่านั้นและใน Canons ในความทรงจำของ Dylan Thomas มีการใช้ชุดเสียง 5 คู่

หลายงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสตราวินสกีอ้างถึงหัวข้อและข้อความในพันธสัญญาเดิม: "การคร่ำครวญของศาสดาเยเรมีย์" (1958), ความลึกลับ "น้ำท่วม", บทสวด "เทศนาเรื่องและการภาวนา" (1960) บัลเล่ต์ "Agon" โดดเด่นจากสิ่งที่ถูกเขียนขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมาซึ่ง Stravinsky มีอิสระมากที่จะจัดการกับความเชื่อของดนตรีอนุกรมและสร้างงานสีอ่อนโดดเด่นด้วยความเฉลียวฉลาดแปรปรวนความชัดเจนของความคิดและการค้นพบใหม่

และอีกครั้งเช่นเดียวกับใน Symphony ในสามส่วนชีวิตจริงทำให้นักดนตรีที่มีชื่อเสียงตอบสนองลืมเรื่อง "หลักการไม่แทรกแซง" ในเหตุการณ์ที่ไม่ใช่ดนตรี: ในปี 1964 เขาเขียน Elegy ที่เห็นอกเห็นใจอย่างรุนแรงสำหรับเสียงและคลาริเน็ตสามคนในความทรงจำของประธานาธิบดีเคนเนดี้

ในปี 1962 หลังจากขาดไปสี่สิบเก้าปี Igor Fedorovich Stravinsky ได้ไปเยี่ยมบ้านเกิดของเขา เขาได้รับการต้อนรับจากชุมชนดนตรีโซเวียตและผู้ชมคอนเสิร์ตที่เขาแสดงด้วยความเคารพและความอบอุ่น เมื่อนักแต่งเพลงอายุแปดสิบปีขึ้นไปที่โต๊ะของผู้ควบคุมวงและการเคลื่อนไหวของมือก็นำเสียงที่เปล่งประกายของไฟร์เบิร์ดออกมาเสียงพึมพำของฝูงชน Pancake Week ฉากตลกและโศกนาฏกรรมของพาร์สลีย์ทุกคนเข้าใจว่าเขาเป็นพยานเหตุการณ์สำคัญ ศตวรรษ

ครึ่งศตวรรษผ่านไปตั้งแต่เด็กนักเรียนของ Rimsky-Korsakov จับภาพชาวปารีสด้วยภาพเทพนิยายรัสเซียเกี่ยวกับ Ivan Tsarevich, Firebird และ Kashchey the Immortal หลงใหลเธอด้วยพลังของของขวัญที่ยอดเยี่ยมของเขา

การจำแนกขั้นตอนของเส้นทางของ Stravinsky นั้นคือนักวิชาการ (รัสเซีย, นีโอคลาสซิซิสซึม, โดเดคาโฟนิก) นักวิชาการส่วนใหญ่เป็นเพราะการจัดตั้งเขตแดนของ "ยุครัสเซีย" ในช่วงเปลี่ยนทศวรรษที่ 1920 เมื่อ "นางฟ้าจูบ" ถูกสร้างขึ้น ให้ Scherzo a la Russe เป็นผลงานการทดลองและการโต้เถียงเนื่องจากการผสมผสานระหว่างเพลงรัสเซียกับลักษณะเฉพาะของ sympho-jazz แต่มันก็ยากที่จะปฏิเสธว่าที่นี่เช่นกันนักแต่งเพลงรักสานกระทู้ intonational ของความทรงจำของบ้านเกิดของเขา อย่าลืมว่า Scherzo เขียนขึ้นในปี 2487 และเดิมทีมีไว้สำหรับภาพยนตร์ในหัวข้อสงครามโลกครั้งที่สอง และในโซนาต้าสำหรับเปียโน 2 ตัวรากของรัสเซียจะได้ยินชัดเจน สิบห้าปีต่อมามีการเขียน“ การเคลื่อนไหว” สำหรับเปียโน และที่นี่ผ่านมุมของการก่อสร้าง dodecaphonic รูปทรงของเมโลดี้เปล่งประกายผ่านไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีต้นกำเนิดจากรัสเซีย หกปีต่อมาในปี 1965 ใน Canon นักแต่งเพลงก็หันไปหาทำนองของเพลงลูกทุ่งรัสเซียซึ่งเขาระบุไว้ในชื่อของงาน

แต่ไม่เพียงตัวอย่างเหล่านี้เท่านั้นที่ทำให้เราเชื่อว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้ติดต่อกับวัฒนธรรมรัสเซียอย่างแม่นยำเหมือนกับความรักที่เขามีต่อภาษารัสเซียซึ่งเขาคิดเสมอแม้จะคล่องแคล่วในหลายภาษา

เส้นทางของอิกอร์สตราวินสกี้นักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ "ปรมาจารย์แห่งความประหลาดใจ" จบลงเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2514 ถูกวาง ... บุคคลนี้มอบให้โลกมากน้อยเพียงใดในขณะที่ยังคงความสามารถในการรับความคิดใหม่ ๆ จนกระทั่งวันสุดท้ายนี้เขายังคงรักในศิลปะของเขาต่อไปด้วยประสบการณ์และภูมิปัญญาที่สะสมมานานกว่า 88 ปีในชีวิตของเขาซึ่งเป็นชีวิตในตำนานอย่างแท้จริง

Igor Fyodorovich Stravinsky อาชีพสร้างสรรค์ Igor Fyodorovich Stravinsky (เกิด 5 มิถุนายน (17), 1882, Oranienbaum - เสียชีวิต 6 เมษายน 1971, New York; ฝังในเวนิสที่สุสาน San Michele) - นักแต่งเพลงชาวรัสเซียผู้ควบคุมวงและนักเปียโน วัฒนธรรมดนตรีของศตวรรษที่ XX

ชีวประวัติ Igor Fyodorovich Stravinsky เกิดในปี 1882 บนถนนสวิสใน Oranienbaum ในบ้านชนบทซึ่งพ่อของเขาซื้อ - นักร้องชาวโปแลนด์เชื้อสายรัสเซียศิลปินเดี่ยวของโรงละคร Mariinsky ตามที่นักวิจัยชาวยูเครนบางคนกลุ่ม Stravinsky มาจาก Volyn ในยูเครน

ตอนอายุเก้าขวบสตราวินสกีเริ่มเรียนเปียโนเป็นการส่วนตัวและเมื่ออายุสิบแปดปีที่พ่อแม่ของเขายืนกรานที่จะเข้าเรียนคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กรัฐในขณะเดียวกันก็เริ่มศึกษาวิชาดนตรีและทฤษฎีอิสระพร้อมกัน จากปีพ. ศ. 2447 ถึง 2449 สตราวินสกีใช้บทเรียนส่วนตัวจาก Nikolai Andreevich Rimsky-Korsakov ผู้เสนอชั้นเรียนนักแต่งเพลงสองครั้งต่อสัปดาห์ควบคู่กับบทเรียนของเขากับ Kalafati Vasily Pavlovich

ภายใต้การแนะนำของ Rimsky-Korsakov นักแต่งเพลงคนแรกได้เขียน - scherzo และ sonata สำหรับเปียโน, ชุดเสียงและวงออเคสตรา“ Faun and Cowgirl”, ฯลฯ Sergey Pavlovich Diaghilev ปรากฏตัวในรอบปฐมทัศน์หลังซึ่งชื่นชมความสามารถของนักประพันธ์หนุ่ม หลังจากนั้นไม่นาน Diaghilev เชิญเขาสร้างบัลเล่ต์สำหรับการแสดงละครใน "Russian Seasons" ในปารีส ในช่วงสามปีของการทำงานร่วมกับคณะ Diaghilev สตราวินสกีเขียนบัลเล่ต์สามแห่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียงระดับโลก - บัลเล่ต์ Firebird 1910, Petrushka บัลเล่ต์ 1911 และบัลเล่ต์ Spring Spring 1913

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสตราวินสกีเดินทางเป็นระยะจากรัสเซียไปปารีสและในทางกลับกันและในปี 1914 ก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเขาจะเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์เป็นเวลาหลายชั่วโมงซึ่งเขาอยู่ต่อไปอีกสี่ปี ในบรรดาผลงานในครั้งนี้คือโอเปร่าเดอะไนติงเกลตามเรื่องราวของฮันส์คริสเตียนแอนเดอร์เซ่น (1914) และประวัติศาสตร์ของทหาร (2461)

หลังสงครามสตราวินสกีตัดสินใจที่จะไม่กลับไปรัสเซียและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ย้ายไปฝรั่งเศส ในปี 1919 นักแต่งเพลงมอบหมายให้ Diaghilev เขียนบัลเล่ต์ Pulcinella จัดแสดงอีกหนึ่งปีต่อมา

สตราวินสกีอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสในช่วงปี 1920 ถึง 1940 รอบปฐมทัศน์ของโอเปร่า Mavra (2465) งานแต่งงาน (2466) งานสุดท้ายของยุครัสเซียเช่นเดียวกับ oratorio Oedipus ที่เธซัสเอดิปุส (2470) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในงานแต่งเพลงซึ่งมักเรียกว่า นีโอคลาสสิก "

ในปี 1928 บัลเล่ต์ใหม่ปรากฏขึ้น - Apollo Musaguet และ Kiss of the Fairy และอีกสองปีต่อมา - Symphony of Psalms ที่มีชื่อเสียงและยิ่งใหญ่สำหรับตำราภาษาละตินของพันธสัญญาเดิม ในช่วงต้นทศวรรษ 1930S Stravinsky หันไปหาประเภทของคอนเสิร์ต - เขาสร้างคอนเสิร์ตสำหรับไวโอลินและวงออร์เคสตราและคอนเสิร์ตสำหรับเปียโนสองคน ในปี 1933-1934 รับหน้าที่โดย Ida Rubinstein ร่วมกับ Andre Zhid Stravinsky เขียน melodrama Persephone ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจรับสัญชาติฝรั่งเศส (ได้รับในปี 1934) และเขียนหนังสืออัตชีวประวัติ, Chronicle of My Life

Igor Fedorovich Stravinsky เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เมษายน 1971 ถูกฝังในสุสาน San Michele ในเวนิส (อิตาลี) ที่เรียกว่า "รัสเซีย" ส่วนหนึ่งพร้อมกับภรรยาของเขา Vera ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพของ Sergei Diaghilev

งานนำเสนอนี้จัดทำขึ้นโดย Anastasia Timofeeva อาจารย์: Natalia Efimovna Borodkina 2011