ความคิดสร้างสรรค์ของแชมเบอร์-แกนนำของรัคมานินอฟ: ลักษณะทั่วไป Sergei Vasilievich Rachmaninov - ชีวประวัติสร้างสรรค์, ภาพถ่าย, ชีวิตส่วนตัว, ครอบครัว, เด็ก ๆ: "สิ่งที่ต้องใช้ชีวิต, ดนตรีคืน" เรื่องราวของหนึ่งในผลงานของ Rachmaninoff

Rachmaninov Sergei Vasilievich (1873-1943) นักแต่งเพลงนักเปียโนและผู้ควบคุมวง

เกิดเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2416 ในที่ดินเซเมียนอฟของจังหวัดโนฟโกรอดในตระกูลผู้สูงศักดิ์ ในปี พ.ศ. 2425 Rachmaninoffs ได้ย้ายไปอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในปีเดียวกันนั้น Sergei เข้าไปในเรือนกระจก

ในฤดูใบไม้ร่วงปี พ.ศ. 2429 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ดีที่สุดและได้รับทุนการศึกษาตั้งชื่อตาม A.G. Rubinstein

ในการสอบปลายภาคอย่างกลมกลืน P.I.Tchaikovsky ชอบบทนำที่ Rachmaninov แต่งขึ้นมากจนเขาให้ A. ล้อมรอบด้วยข้อดีสี่ประการ

งานที่สำคัญที่สุดในยุคแรกคือโอเปร่า "Aleko" หนึ่งองก์ตามพล็อตของ Alexander Pushkin สร้างเสร็จในเวลาอันสั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน - เพียงสองสัปดาห์เท่านั้น การสอบเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2435; ค่าคอมมิชชั่นให้คะแนนสูงสุด Rachmaninov เขาได้รับรางวัลเหรียญทองอันยิ่งใหญ่ รอบปฐมทัศน์ของ Aleko ที่โรงละคร Bolshoi เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2436 และประสบความสำเร็จอย่างมาก

ในฤดูใบไม้ผลิปี 2442 รัคมานินอฟจบคอนแชร์โต้ที่สองสำหรับเปียโนและออร์เคสตราที่มีชื่อเสียง ในปี 1904 นักแต่งเพลงได้รับรางวัล Glinkin Prize สำหรับเขา

ในปี 1902 cantata "Spring" ตามบทกวี "Green Noise" โดย N. A. Nekrasov ถูกสร้างขึ้น สำหรับเธอ นักแต่งเพลงยังได้รับรางวัล Glinkin Prize ในปี 1906

เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ดนตรีรัสเซียคือการมาถึงของรัคมานินอฟในฤดูใบไม้ร่วงปี 2447 ที่โรงละครบอลชอยในฐานะวาทยกรและผู้กำกับละครรัสเซีย ในปีเดียวกัน นักแต่งเพลงได้เสร็จสิ้นการแสดงโอเปร่า The Miserly Knight และ Francesca da Rimini หลังจากสองฤดูกาล Rachmaninov ออกจากโรงละครและตั้งรกรากในอิตาลีก่อนแล้วจึงไปที่เดรสเดน

บทกวีไพเราะ "Isle of the Dead" ถูกเขียนขึ้นที่นี่ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2451 Sergei Vasilievich กลายเป็นสมาชิกของคณะกรรมการมอสโกของสมาคมดนตรีรัสเซียและในฤดูใบไม้ร่วงปี 2452 ร่วมกับ A. N. Scriabin และ N. K. Medtner เขาได้เข้าร่วมสภาสำนักพิมพ์ดนตรีรัสเซีย
ในเวลาเดียวกันเขาได้สร้างวงประสานเสียง "พิธีกรรมของเซนต์จอห์น Chrysostom" และ "Vigil"

ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2458 "Vocalise" ปรากฏตัวขึ้นเพื่ออุทิศให้กับนักร้อง A. V. Nezhdanova โดยรวมแล้วรัคมานินอฟเขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ประมาณ 80 เรื่อง

ในปี พ.ศ. 2460 สถานการณ์ในประเทศเริ่มแย่ลงและนักแต่งเพลงใช้ประโยชน์จากคำเชิญไปทัวร์ที่สตอกโฮล์มไปต่างประเทศเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม เขาไม่คิดว่าเขาจะออกจากรัสเซียตลอดไป หลังจากเที่ยวสแกนดิเนเวียแล้ว Rachmaninov ก็มาถึงนิวยอร์ก

ในฤดูร้อนปี 1940 เขาทำงานสำคัญชิ้นสุดท้ายของเขาเสร็จคือ Symphonic Dances
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ได้เกิดขึ้น

บทนำ

Rachmaninov นักแต่งเพลง เปียโน ซิมโฟนี

จุดเปลี่ยนของศตวรรษ Х1Х - ХХ - ช่วงเวลาที่น่าทึ่งในประวัติศาสตร์รัสเซีย นี่คือความซับซ้อนทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญ โดยประการหนึ่งโดยการค้นพบและความสำเร็จที่โดดเด่น บุคคลและความสามารถที่แข็งแกร่ง ความทันสมัยทางเศรษฐกิจและการฟื้นตัว และในทางกลับกัน จากภัยพิบัติทางสังคม สงคราม และการปฏิวัติ นี่คือช่วงเวลาของวัฒนธรรมรัสเซียขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วผิดปกติในเวทีระหว่างประเทศ ช่วงเวลาของการพัฒนาอย่างรวดเร็วและความก้าวหน้าของพลังและแนวโน้มใหม่ วัฒนธรรมรัสเซียที่เรียกว่า "ยุคเงิน" ด้วยระยะเวลาเปรียบเทียบสั้น ๆ ประมาณต้นทศวรรษ 1890 ถึง 1917 ช่วงเวลาดังกล่าวมีศักยภาพสูงสำหรับพลังงานสร้างสรรค์ และทิ้งมรดกอันยาวนานในทุกด้านของศิลปะ ดนตรีรัสเซียในช่วงเวลานี้เข้าสู่เปรี้ยวจี๊ดของวัฒนธรรมดนตรีโลก

ไอ.เอ. Ilyin เคยกล่าวไว้ว่า: “ไม่มีศิลปะรัสเซียใดที่ปราศจากหัวใจที่เร่าร้อน ไม่มีมันหากไม่มีแรงบันดาลใจฟรี ... " คำเหล่านี้สามารถนำมาประกอบกับผลงานของนักประพันธ์เพลงชาวรัสเซีย นักเปียโน และผู้ควบคุมวงอัจฉริยะชาวรัสเซียในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 - ต้นศตวรรษที่ 20 Sergei Vasilievich Rachmaninoff ดนตรีของเขามีหลากหลายแง่มุมและรวบรวมทุกช่วงของการค้นหาทางจิตวิญญาณของศิลปินยุคเงิน - ความกระหายในความอิ่มเอมทางอารมณ์รูปแบบใหม่ ความปรารถนาที่จะ "ใช้ชีวิตเป็นสิบเท่า" (AA Blok) Rachmaninov สังเคราะห์หลักการของโรงเรียนองค์ประกอบเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและมอสโกในงานของเขาผสมผสานประเพณีของศิลปะรัสเซียและยุโรปอย่างกลมกลืนสร้างสไตล์ดั้งเดิมของเขาเองซึ่งต่อมามีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อดนตรีรัสเซียและโลกของศตวรรษที่ 20 และในขณะเดียวกันก็ยืนยันความสำคัญระดับโลกของโรงเรียนเปียโนรัสเซีย

และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่การปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว XXII ในโซซีจัดขึ้นโดยดนตรีของ Rachmaninov ซึ่งมีการแสดงเปียโนคอนแชร์โต้ Second Piano อันโด่งดังของเขา

... Sergey Vasilievich Rachmaninov - ข้อมูลชีวประวัติโดยย่อ

Rachmaninov Sergei Vasilievich (1873-1943) - นักแต่งเพลงที่เก่งกาจนักเปียโนและผู้ควบคุมวงอัจฉริยะที่มีชื่อซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมดนตรีระดับชาติและระดับโลกของรัสเซีย

Rachmaninov เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2416 ในตระกูลขุนนางบนที่ดิน Oneg ซึ่งเป็นเจ้าของโดยแม่ของเขาใกล้กับโนฟโกรอด วัยเด็กตอนต้นของนักแต่งเพลงในอนาคตผ่านไปที่นี่ ความผูกพันกับธรรมชาติของบทกวีของรัสเซียกับภาพที่เขาหันกลับมาทำงานซ้ำแล้วซ้ำอีกเกิดขึ้นในวัยเด็กและวัยรุ่น ในปีเดียวกันนั้น Rachmaninov มีโอกาสฟังเพลงพื้นบ้านรัสเซียบ่อยครั้งซึ่งเขารักมากตลอดชีวิต ขณะเยี่ยมชมอาราม Novgorod กับคุณยาย Sergei Vasilyevich ได้ฟังเสียงระฆังของ Novgorod ที่มีชื่อเสียงและเพลงประกอบพิธีกรรมของรัสเซียโบราณ ซึ่งเขามักจะสังเกตที่มาของเพลงพื้นบ้านระดับชาติ ในอนาคตสิ่งนี้จะสะท้อนให้เห็นในงานของเขา

Rachmaninoff เติบโตขึ้นมาในครอบครัวนักดนตรี อาร์ดี อเล็กซานโดรวิช ปู่ของเขาซึ่งศึกษาภายใต้จอห์น ฟิลด์ เป็นนักเปียโนและนักแต่งเพลงมือสมัครเล่น นักเขียนนิยายรักซาลอนที่มีชื่อเสียง งานเขียนหลายชิ้นของเขาถูกตีพิมพ์ในศตวรรษที่ 18 พ่อของนักแต่งเพลงผู้ยิ่งใหญ่ Vasily Arkadievich Rachmaninov เป็นคนที่มีความสามารถทางดนตรีที่ยอดเยี่ยม

ความสนใจของ S.V. รัชมานินอฟกับดนตรีปรากฏตัวขึ้นในวัยเด็ก แม่ของเขาให้บทเรียนเปียโนครั้งแรกแก่เขา จากนั้นครูสอนดนตรี A.D. อรัตสกายา. ตามความทรงจำของนักแต่งเพลงเองบทเรียนทำให้เขา "ไม่พอใจอย่างมาก" แต่เมื่ออายุสี่ขวบเขาสามารถเล่นสี่มือกับคุณปู่ของเขาได้แล้ว

เมื่อนักแต่งเพลงในอนาคตอายุ 8 ขวบครอบครัวของเขาย้ายไปที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อถึงเวลานั้นความสามารถทางดนตรีของเขาค่อนข้างชัดเจนและในปี 2425 เขาเข้ารับการรักษาที่ St. Petersburg Conservatory ในชั้นเรียนเปียโนจูเนียร์ของ V.V. เดเมียนสกี้

ในปี พ.ศ. 2428 Rachmaninoff ถูกฟังโดยนักดนตรีอายุน้อย แต่มีชื่อเสียงซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของ Sergei Vasilievich, A.I. เซโลติ. ความเชื่อมั่นในความสามารถของลูกพี่ลูกน้องของเขา Ziloti พาเขาไปที่มอสโก Conservatory ไปที่ชั้นเรียนของนักเปียโน - ครูชื่อดัง Nikolai Sergeevich Zverev (ซึ่งนักเรียนเป็น Scriabin ด้วย)

Rachmaninov ใช้เวลาหลายปีในโรงเรียนประจำเอกชนชื่อดังของมอสโก Nikolai Zverev ที่นี่เมื่ออายุ 13 ปี Rachmaninoff ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ Pyotr Ilyich Tchaikovsky ซึ่งต่อมามีส่วนสำคัญในชะตากรรมของนักดนตรีหนุ่ม นักแต่งเพลงชื่อดังสังเกตเห็นนักเรียนที่มีความสามารถและติดตามความก้าวหน้าของเขาอย่างใกล้ชิด หลังจากนั้นไม่นาน ไชคอฟสกีกล่าวว่า: "ฉันทำนายอนาคตที่ดีสำหรับเขา"

หลังจากเรียนกับ Zverev แล้วกับ Ziloti (เนื่องจาก Zverev ทำงานกับเด็กเท่านั้น) ที่แผนกอาวุโสของเรือนกระจก Rachmaninov เริ่มศึกษาภายใต้การแนะนำของ S.I. Taneeva (ความแตกต่าง) และ A.S. อาเรนสกี้ (องค์ประกอบ) ในฤดูใบไม้ร่วงปี พ.ศ. 2429 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในนักเรียนที่ดีที่สุดและได้รับทุนการศึกษาตั้งชื่อตาม N.G. รูบินสไตน์

ผลงานที่เขียนขึ้นในระหว่างปีการศึกษา: คอนเสิร์ตครั้งแรกสำหรับเปียโนและวงออเคสตราและบทกวีไพเราะ "Prince Rostislav" (หลังจาก AK Tolstoy) รัชมานินอฟมีหูพิเศษด้านดนตรีและความทรงจำในปี พ.ศ. 2434 เมื่ออายุได้ 18 ปี จบการศึกษาจากโรงเรียนสอนดนตรีด้วยเหรียญทองในฐานะนักเปียโนในชั้นเรียนเปียโน อีกหนึ่งปีต่อมาในปี พ.ศ. 2435 เมื่อเขาสำเร็จการศึกษาจากมอสโกคอนเซอร์วาทอรีในประเภทการประพันธ์เพลง เขาได้รับรางวัลเหรียญทองขนาดใหญ่สำหรับการแสดงที่โดดเด่นและความสำเร็จของนักแต่งเพลง เขาจบการศึกษาจากเรือนกระจกและ Scriabin ร่วมกับเขาซึ่งได้รับเหรียญทองเล็ก ๆ tk รางวัลใหญ่มอบให้เฉพาะนักเรียนที่จบการศึกษาจากเรือนกระจกในสองสาขาพิเศษ (Scriabin จบการศึกษาเป็นนักเปียโน)

ผลงานที่สำคัญที่สุดในยุคแรก ๆ ของเขาคืองานรับปริญญา - ละครโอเปร่าเรื่องเดียวที่อิงจากบทกวีของพุชกินเรื่อง The Gypsies สร้างเสร็จในเวลาอันสั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน - เพียงสองสัปดาห์ - ในเวลาเพียง 17 วัน การสอบเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2435; ค่าคอมมิชชั่นให้คะแนนสูงสุด Rachmaninov

สำหรับเธอ ไชคอฟสกีซึ่งเข้าร่วมการสอบได้มอบ "หลานชายทางดนตรี" ของเขา (รัคมานินอฟศึกษากับทานีฟ ลูกศิษย์อันเป็นที่รักของ Pyotr Ilyich) และ A ล้อมรอบด้วยข้อดีสี่ประการ

รอบปฐมทัศน์ของ Aleko ที่โรงละคร Bolshoi เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2436 และประสบความสำเร็จอย่างมาก ดนตรีของโอเปร่าที่น่าหลงใหลด้วยความหลงใหลในวัยเยาว์ พลังอันน่าทึ่ง ความสมบูรณ์และท่วงทำนองที่ไพเราะ ได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากนักดนตรี นักวิจารณ์ และผู้ฟังที่ใหญ่ที่สุด โลกดนตรีถือว่า Aleko ไม่ใช่งานโรงเรียน แต่เป็นการสร้างปรมาจารย์สูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งชื่นชมโอเปร่าโดย P.I. ไชคอฟสกี: “ฉันชอบสิ่งที่น่ารักนี้มาก” เขาเขียนถึงพี่ชายของเขา

ในปีสุดท้ายของชีวิตของไชคอฟสกี Rachmaninov มักจะสื่อสารกับเขา เขาชื่นชมผู้สร้าง The Queen of Spades อย่างมาก ได้รับการสนับสนุนจากความสำเร็จครั้งแรกและการสนับสนุนทางศีลธรรมของไชคอฟสกี Rachmaninov หลังจากจบการศึกษาจากเรือนกระจก ประกอบการจำนวนงาน ในหมู่พวกเขา - ซิมโฟนิกแฟนตาซี "Cliff" ซึ่งเป็นชุดแรกสำหรับเปียโนสองตัว "Musical Moments", C โหมโรงย่อยที่คมชัดซึ่งต่อมากลายเป็นหนึ่งในผลงานที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ชื่นชอบที่สุดของ Rachmaninoff ความรัก: "อย่าร้องเพลงความงามกับฉัน", "ในความเงียบของคืนลับ", "เกาะ", "น้ำพุ"

ตอนอายุ 20 เขาเป็นครูสอนเปียโนที่โรงเรียนมอสโก Mariinsky สำหรับผู้หญิงตอนอายุ 24 - ผู้ควบคุมวงของมอสโกรัสเซียส่วนตัวโอเปร่าของ Savva Mamontov ซึ่งเขาทำงานเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาล แต่สามารถสร้างความสำคัญได้ มีส่วนร่วมในการพัฒนาโอเปร่ารัสเซีย

ดังนั้นรัคมานินอฟจึงมีชื่อเสียงในฐานะนักแต่งเพลง นักเปียโน และผู้ควบคุมวง

อย่างไรก็ตาม อาชีพที่ประสบความสำเร็จของเขาถูกขัดจังหวะในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2440 โดยการแสดงรอบปฐมทัศน์ของ First Symphony ที่ไม่ประสบความสำเร็จ (นำแสดงโดย A.K. Glazunov) ซึ่งจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทั้งเนื่องจากการแสดงที่ไม่ดีและธรรมชาติที่สร้างสรรค์ของดนตรี อ้างอิงจาก A.V. Ossovsky เล่นบทบาทบางอย่างโดยขาดประสบการณ์ของ Glazunov ในฐานะหัวหน้าวงออเคสตราในระหว่างการซ้อม

การช็อกอย่างรุนแรงทำให้รัคมานินอฟเกิดวิกฤตเชิงสร้างสรรค์ ระหว่างปี พ.ศ. 2440-2444 ทรงเขียนไม่ได้ เน้นไปที่การทำกิจกรรม

ในปี พ.ศ. 2440-2441 Rachmaninoff ได้แสดงที่มอสโกโอเปร่ารัสเซียส่วนตัวของ Savva Mamontov ในเวลาเดียวกันเขาเริ่มอาชีพการแสดงระดับนานาชาติของเขา การแสดงในต่างประเทศครั้งแรกของรัคมานินอฟเกิดขึ้นที่ลอนดอนในปี พ.ศ. 2442 ในปี 1900 เขาได้ไปเยือนอิตาลี

ในปี พ.ศ. 2441-2443 เขาได้แสดงร่วมกับ Fyodor Chaliapin ซ้ำแล้วซ้ำอีก

ในช่วงต้นทศวรรษ 1900 รัคมานินอฟสามารถเอาชนะวิกฤตสร้างสรรค์ของเขาได้ งานสำคัญชิ้นแรกในยุคนี้คือคอนแชร์โต้ที่สองสำหรับเปียโนและวงออเคสตรา (1901) ซึ่งผู้แต่งได้รับรางวัลกลินกิ้นสำหรับเขา

การสร้างเปียโนคอนแชร์โต้ครั้งที่สองไม่ได้เป็นเพียงการออกจากวิกฤตของรัคมานินอฟเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการเข้าสู่ยุคต่อไปของความคิดสร้างสรรค์ที่เติบโตเต็มที่ ทศวรรษครึ่งต่อมากลายเป็นผลงานที่มีผลมากที่สุดในชีวประวัติของเขา: โซนาตาสำหรับเชลโลและเปียโน (1901); Cantata "Spring" (1902) ในข้อของ Nekrasov "Green noise" ซึ่งนักแต่งเพลงยังได้รับรางวัล Glinkin Prize ในปี 1906 นั้นเต็มไปด้วยความสนุกสนานและมองโลกในแง่ดี

เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ดนตรีรัสเซียคือการมาถึงของรัคมานินอฟในฤดูใบไม้ร่วงปี 2447 ที่โรงละครบอลชอยในฐานะวาทยกรและผู้กำกับละครรัสเซีย ในปีเดียวกัน นักแต่งเพลงได้เสร็จสิ้นการแสดงโอเปร่า The Miserly Knight และ Francesca da Rimini หลังจากผ่านไปสองฤดูกาล รัคมานินอฟก็ออกจากโรงละครและไปตั้งรกรากในอิตาลีก่อน จากนั้นจึงไปที่เดรสเดน บทกวีไพเราะ "Isle of the Dead" ถูกเขียนขึ้นที่นี่

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2451 Sergei Vasilievich กลายเป็นสมาชิกของคณะกรรมการมอสโกของสมาคมดนตรีรัสเซียและในฤดูใบไม้ร่วงปี 2452 ร่วมกับ A.N. Scriabin และ N.K. Medtner - ถึงสภาสำนักพิมพ์เพลงรัสเซีย ในเวลาเดียวกันเขาได้สร้างวงประสานเสียง "พิธีกรรมของเซนต์จอห์น Chrysostom" และ "Vigil"

ยุคมอสโกของรัคมานินอฟสิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2460 เมื่อการปฏิวัติสังคมนิยมครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคมเกิดขึ้น ในตอนท้ายของปี 1917 เขาได้รับเชิญให้ไปแสดงคอนเสิร์ตหลายครั้งในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย เขาไปกับครอบครัวและไม่เคยกลับไปรัสเซีย เขาออกจากบ้านเกิดของเขาแยกตัวออกจากดินที่งานของเขาเติบโตขึ้น Rachmaninov จนถึงจุดสิ้นสุดของวันของเขาประสบกับละครที่ลึกล้ำ “หลังจากออกจากรัสเซีย ฉันก็หมดความปรารถนาที่จะแต่งเพลง เมื่อสูญเสียบ้านเกิดของฉันฉันก็สูญเสียตัวเอง ... ” - เขากล่าว

ในตอนแรก Rachmaninov อาศัยอยู่ในเดนมาร์กซึ่งเขาได้แสดงคอนเสิร์ตมากมายหาเลี้ยงชีพจากนั้นในปี 1918 เขาย้ายไปอเมริกา จากคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองเล็กๆ แห่งโพรวิเดนซ์ในโรดไอแลนด์ กิจกรรมคอนเสิร์ตของรัคมานินอฟเริ่มต้นขึ้น ซึ่งดำเนินไปอย่างต่อเนื่องมาเกือบ 25 ปีโดยไม่หยุดชะงัก ในอเมริกา Sergei Rachmaninoff ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งที่นักแสดงต่างชาติเคยมาที่นี่ Rachmaninoff นักเปียโนเป็นไอดอลของผู้ชมคอนเสิร์ตที่พิชิตโลกทั้งใบ ให้ 25 ฤดูกาลคอนเสิร์ต ผู้ชมไม่เพียงแต่ดึงดูดผู้ชมด้วยทักษะการแสดงระดับสูงของรัคมานินอฟเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลักษณะการเล่นของเขาและการบำเพ็ญตบะภายนอกด้วย ซึ่งเบื้องหลังลักษณะอันสดใสของนักดนตรีที่เก่งกาจถูกซ่อนไว้

เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่คนอเมริกันมองว่า Sergei Rachmaninoff เป็นนักแต่งเพลงชาวอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่

ระหว่างลี้ภัย รัคมานินอฟเกือบจะหยุดการแสดงของเขา แม้ว่าในอเมริกาเขาได้รับเชิญให้รับตำแหน่งผู้อำนวยการวง Boston Symphony Orchestra และต่อมาคือ Cincinnati City Orchestra แต่เขาไม่เห็นด้วย และมีเพียงบางครั้งที่ยืนขึ้นที่สแตนด์ของวาทยกรเมื่อเรียบเรียงเพลงของเขาเอง

การใช้ชีวิตในต่างประเทศ Rachmaninov ไม่ลืมบ้านเกิดของเขา เขาติดตามการพัฒนาวัฒนธรรมโซเวียตอย่างใกล้ชิด ในปีพ.ศ. 2484 เขาทำงานชิ้นสุดท้ายเสร็จ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นผลงานสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา - "Symphonic Dances"

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง Rachmaninov ได้จัดคอนเสิร์ตหลายครั้งในสหรัฐอเมริกาและส่งเงินทั้งหมดไปยังกองทุนของกองทัพโซเวียตซึ่งให้ความช่วยเหลืออย่างมาก “ผมเชื่อในชัยชนะที่สมบูรณ์” เขาเขียน เห็นได้ชัดว่าสิ่งนี้มีอิทธิพลต่อความภักดีของรัฐบาลโซเวียตต่อความทรงจำและมรดกของนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่

เพียงหกสัปดาห์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต Rachmaninoff ได้แสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกของ Beethoven และ Rhapsody on a Theme of Paganini การโจมตีของความเจ็บป่วยถูกบังคับให้ขัดจังหวะการเดินทางคอนเสิร์ต รัคมานินอฟถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2486 ที่เบเวอร์ลีฮิลส์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

นักแต่งเพลงชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิต แต่ดนตรีของเขายังคงอยู่กับเรา

นักเปียโนระดับเดียวกับรัชมานินอฟจะเกิดทุกๆ 100 ปี

ปีของ S.V. รัชมานินอฟใกล้เคียงกับช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ส่งผลต่อชีวิตและเส้นทางสร้างสรรค์ของเขาเองทั้งที่ยอดเยี่ยมและน่าเศร้า เขาได้เห็นสงครามโลกครั้งที่สองและการปฏิวัติรัสเซียสามครั้ง เขายินดีกับการล่มสลายของระบอบเผด็จการของรัสเซีย แต่ไม่ยอมรับตุลาคม รัคมานินอฟอาศัยอยู่ต่างประเทศเกือบครึ่งชีวิตรู้สึกเหมือนเป็นคนรัสเซียมาจนวันสุดท้าย ภารกิจของเขาในประวัติศาสตร์ศิลปะโลกไม่สามารถกำหนดและประเมินผลได้อย่างอื่นนอกจากภารกิจของนักร้องชาวรัสเซีย

2. นักเปียโนและนักแต่งเพลงชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ S.V. รัชมานีนอฟ

2.1 ลักษณะสร้างสรรค์ทั่วไป

สำหรับนักดนตรีและผู้ฟังส่วนใหญ่ การประพันธ์เพลงของรัคมานินอฟเป็นสัญลักษณ์ทางศิลปะของรัสเซีย นี่คือลูกชายที่แท้จริงของ "ยุคเงิน" ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของวัฒนธรรมรัสเซียในช่วงเปลี่ยนศตวรรษ

ภาพลักษณ์ที่สร้างสรรค์ของรัคมานินอฟในฐานะนักแต่งเพลงมักถูกกำหนดโดยคำว่า "นักแต่งเพลงชาวรัสเซียมากที่สุด" คำอธิบายสั้น ๆ และไม่สมบูรณ์นี้เป็นการแสดงออกถึงทั้งคุณสมบัติวัตถุประสงค์ของสไตล์ของรัคมานินอฟและสถานที่ที่เป็นมรดกของเขาในมุมมองทางประวัติศาสตร์ของดนตรีโลก เป็นงานของรัคมานินอฟที่เป็นตัวส่วนการสังเคราะห์ที่หลอมรวมและหลอมรวมหลักการสร้างสรรค์ของโรงเรียนมอสโก (พี. ไชคอฟสกี) และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ("กองมหึมา") ให้เป็นรูปแบบชาติเดียวของรัสเซีย

ชุดรูปแบบ "รัสเซียและชะตากรรมของมัน" ซึ่งเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับศิลปะรัสเซียทุกประเภทและทุกประเภท พบในงานของ Rachmaninov ที่มีลักษณะพิเศษและศูนย์รวมที่สมบูรณ์ ในแง่นี้ Rachmaninov เป็นทั้งผู้สืบสานประเพณีโอเปร่าโดย Mussorgsky, Rimsky-Korsakov, Tchaikovsky Symphonies และการเชื่อมโยงกันในสายโซ่แห่งประเพณีประจำชาติที่ไม่ขาดสาย (หัวข้อนี้ยังคงดำเนินต่อไปในผลงานของ S. Prokofiev, D. Shostakovich, G. Sviridov, A. Schnittke และอื่น ๆ )

บทบาทพิเศษของรัคมานินอฟในการพัฒนาประเพณีของชาติอธิบายได้จากตำแหน่งทางประวัติศาสตร์ของงานของรัคมานินอฟซึ่งเป็นการปฏิวัติรัสเซียร่วมสมัย: มันคือการปฏิวัติซึ่งสะท้อนให้เห็นในศิลปะรัสเซียว่าเป็น "หายนะ" "จุดจบของ โลก” นั่นคือความหมายของธีม“ รัสเซียและชะตากรรมของมัน” เสมอ

งานของรัคมานินอฟตามลำดับเวลาหมายถึงศิลปะรัสเซียในยุคนั้น ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า "ยุคเงิน" วิธีการสร้างสรรค์หลักของศิลปะในยุคนี้คือสัญลักษณ์ซึ่งเป็นลักษณะที่ปรากฏอย่างชัดเจนในผลงานของรัคมานินอฟ ผลงานของรัคมานินอฟเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งแสดงออกด้วยความช่วยเหลือของสัญลักษณ์-สัญลักษณ์ ซึ่งหลัก ๆ นั้นเป็นแรงจูงใจของนักร้องประสานเสียงยุคกลาง Dies Irae แรงจูงใจนี้เป็นสัญลักษณ์ในการนำเสนอของ Rachmaninov ภัยพิบัติ "จุดจบของโลก", "การแก้แค้น"

แรงจูงใจของคริสเตียนมีความสำคัญมากในงานของรัคมานินอฟ เนื่องจากรัชมานินอฟเป็นคนเคร่งศาสนาอย่างยิ่ง รัชมานินอฟไม่เพียงแต่มีส่วนสนับสนุนอย่างโดดเด่นในการพัฒนาดนตรีศักดิ์สิทธิ์ของรัสเซีย แต่ยังรวมเอาความคิดและสัญลักษณ์ของคริสเตียนไว้ในผลงานอื่นๆ ของเขาด้วย สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับดนตรีรัสเซียทางจิตวิญญาณคือการประพันธ์เพลงของเขา - พิธีสวดของนักบุญ John Chrysostom (1910) และ All-night Vigil (1915) ในปี ค.ศ. 1913 กวีนิพนธ์ "The Bells" ที่ยิ่งใหญ่เขียนขึ้นจากบทกวีของ Edgar Poe สำหรับศิลปินเดี่ยว นักร้องประสานเสียง และวงออเคสตรา

หลายกระทู้เชื่อมโยงดนตรีของรัคมานินอฟกับปรากฏการณ์ต่างๆ ในวรรณคดีและศิลปะในสมัยนั้น กับ Bely, Balmont, Merezhkovsky, Gippius Rachmaninoff แบ่งปันมุมมองด้านสุนทรียศาสตร์และปรัชญาทั่วไป Rachmaninov เข้าใจศิลปะว่าเป็นการแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่ของการแสวงหาของมนุษย์ การแสดงออกถึงความสวยงามในความคิดทางจิตวิญญาณของบุคคล ดนตรีคือการแสดงออกถึงความงดงามตระการตา รัคมานินอฟยังใกล้ชิดกับผู้ที่พยายามเปิดเผยรากเหง้าทางจิตวิญญาณของรัสเซีย เพื่อรื้อฟื้นดนตรีรัสเซียเก่า คอนเสิร์ตศักดิ์สิทธิ์ของศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการร้องเพลง จุดสุดยอดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาคือ All-Night Vigil ของเขา

โดยธรรมชาติของความสามารถของพวกเขา Rachmaninoffs เป็นผู้แต่งบทเพลงที่มีอารมณ์อ่อนไหว เขามีลักษณะเฉพาะด้วยการผสมผสานระหว่างวิธีการพูดที่มีโคลงสั้น ๆ สองประเภท: 1) สิ่งที่น่าสมเพช อารมณ์; 2) ความซับซ้อนเสียงเงียบ

เนื้อเพลงของรัคมานินอฟแสดงถึงความรักที่มีต่อมนุษย์และธรรมชาติ และในขณะเดียวกันก็กลัวการเปลี่ยนแปลงและการกบฏที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ความงามในการแสดงออกทางความคิดในอุดมคติและการเต้นที่รุนแรง - ในขั้วนี้ Rachmaninov ปรากฏเป็นคนในสมัยของเขา แต่รัคมานินอฟไม่ได้เป็นเพียงผู้แต่งบทเพลงเท่านั้น แต่ยังแสดงคุณลักษณะที่ยิ่งใหญ่ในงานของเขาอย่างชัดเจน Rachmaninov เป็นนักเล่าเรื่องศิลปินของ Rus และระฆังไม้ ตัวละครที่ยิ่งใหญ่ของเขาเป็นแบบฮีโร่ (วิธีทางอารมณ์ในการทำความเข้าใจความเป็นจริงรวมกับมหากาพย์และการเล่าเรื่อง)

เมโลดี้... Rachmaninov จากการประพันธ์เพลงแรกๆ ต่างจาก Scriabin ร่วมสมัยของเขา ซึ่งมักจะคิดเกี่ยวกับดนตรีในรูปแบบต่างๆ เสียงร้องของเมโลดี้ได้กลายเป็นคุณลักษณะชั้นนำของแนวเพลงทั้งหมดของเขา รวมทั้งแนวบรรเลงด้วย ดนตรีของรัชมานินอฟโดยรวมเป็นพลีเมโลดี้ นี่คือหนึ่งในความลับของความชัดเจน ท่วงทำนองของเขาโดดเด่นด้วยความกว้างของลมหายใจปั้นความยืดหยุ่น ต้นกำเนิดมีมากมาย: เพลงเมืองและชาวนา, โรแมนติกในเมือง, บทสวด znamenny ท่วงทำนองของเขามีลักษณะเฉพาะ: พายุที่สาดกระเซ็นด้วยการย้อนกลับทีละน้อย

ความสามัคคี... เขาอาศัยชัยชนะของความโรแมนติก โดดเด่นด้วยคอร์ดแบบหลายขูด การขยายตัวของรูปแบบย่อย วิธีการหลัก-รอง คอร์ดที่เปลี่ยนแปลง ความสามัคคี จุดอวัยวะ "Rachmaninoff Harmony" เป็นคอร์ด tertskvart เบื้องต้นที่ลดน้อยลงซึ่งกลมกลืนกับหนึ่งในสี่ (ในคีย์ย่อย) การใช้งานที่หลากหลายของ sonorities ของกระดิ่งเป็นลักษณะเฉพาะ ภาษาที่กลมกลืนกันมีวิวัฒนาการไปตามกาลเวลา

โพลีโฟนี... แต่ละชิ้นประกอบด้วยเสียงย่อยหรือโพลีโฟนีเลียนแบบ

จังหวะเมโทร... โดดเด่นด้วย barcarole จังหวะไหลหรือเดินตามไล่ จังหวะทำหน้าที่สองอย่าง: 1) ช่วยในการสร้างภาพ (มักจะเป็นจังหวะยาว ostinato); 2) การก่อสร้าง

แบบฟอร์มและประเภทเริ่มต้นจากการเป็นนักดนตรีดั้งเดิม เขาเขียนเปียโนขนาดเล็กในรูปแบบสามส่วน คอนแชร์โตเปียโน ควบคุมกฎของวงจรพิธีกรรม ในยุค 900 แนวโน้มต่อการสังเคราะห์รูปแบบถูกเปิดเผยและจากนั้น - ต่อการสังเคราะห์ประเภท

.2 วิวัฒนาการของรูปแบบสร้างสรรค์ ภาษาดนตรี

ต้นกำเนิดของงานของ Rachmaninoff อยู่ใน Chopin, Schumann, Grieg - ผู้แต่งบทเพลงที่โดดเด่นของศตวรรษที่ 19 ในวัฒนธรรมออร์โธดอกซ์ทางจิตวิญญาณในผลงานของ Mussorgsky และ Borodin เมื่อเวลาผ่านไป งานศิลปะของรัคมานินอฟได้ซึมซับสิ่งใหม่ๆ มากมาย ภาษาดนตรีก็พัฒนาขึ้น

สไตล์ของรัคมานินอฟซึ่งงอกออกมาจากแนวโรแมนติกตอนปลาย ต่อมาก็มีวิวัฒนาการที่สำคัญ: เช่นเดียวกับผู้ร่วมสมัยของเขา - A. Scriabin และ I. Stravinsky - Rachmaninoff อย่างน้อยสองครั้ง (ค. 1900 และ 1926) ได้ต่ออายุรูปแบบดนตรีของเขาอย่างรุนแรง รัชมานินอฟสไตล์ที่โตเต็มที่และช่วงปลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งไปไกลกว่าประเพณีหลังโรแมนติก ("การเอาชนะ" ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงแรก) และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้อยู่ในแนวโน้มโวหารของเปรี้ยวจี๊ดทางดนตรี ของศตวรรษที่ 20 ดังนั้นงานของรัคมานินอฟจึงโดดเด่นในวิวัฒนาการของดนตรีโลกของศตวรรษที่ 20: หลังจากซึมซับความสำเร็จมากมายของอิมเพรสชั่นนิสม์และเปรี้ยวจี๊ด รูปแบบของรัคมานินอฟยังคงมีความเฉพาะตัวและแปลกประหลาด ไม่มีความคล้ายคลึงในศิลปะโลก ). ดนตรีวิทยาสมัยใหม่มักใช้คู่ขนานกับแอล. ฟาน เบโธเฟน เช่นเดียวกับรัคมานินอฟ เบโธเฟนไปไกลกว่าสไตล์ที่นำเขามาสู่งานของเขา โดยไม่ยึดติดกับความโรแมนติกและมนุษย์ต่างดาวที่หลงเหลืออยู่ในมุมมองที่โรแมนติก

งานของรัคมานินอฟแบ่งตามอัตภาพออกเป็นสามหรือสี่ช่วง: ช่วงต้น (พ.ศ. 2432 - พ.ศ. 2440) ที่โตเต็มที่ (บางครั้งแบ่งออกเป็นสองช่วงคือ พ.ศ. 2443-2452 และ พ.ศ. 2453-2460) และช่วงปลาย (พ.ศ. 2461-2484)

ครั้งแรก - ช่วงแรก - เริ่มต้นภายใต้สัญลักษณ์ของแนวโรแมนติกตอนปลายซึ่งหลอมรวมผ่านรูปแบบของ Tchaikovsky เป็นหลัก (First Concerto ชิ้นแรก) อย่างไรก็ตามแล้วใน Trio in D minor (1893) ซึ่งเขียนในปีที่ Tchaikovsky เสียชีวิตและอุทิศให้กับความทรงจำของเขา Rachmaninov ให้ตัวอย่างของการสังเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ที่กล้าหาญของประเพณีแนวโรแมนติก (Tchaikovsky), "Kuchkists", รัสเซียโบราณ ประเพณีของคริสตจักรและดนตรีสมัยใหม่ทุกวันและยิปซี งานนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างแรกของ polystylists ในดนตรีโลก - ราวกับว่าเป็นสัญลักษณ์ของความต่อเนื่องของประเพณีจาก Tchaikovsky ถึง Rachmaninoff และการเข้าสู่เวทีใหม่ของการพัฒนาดนตรีรัสเซีย ใน First Symphony หลักการของการสังเคราะห์โวหารได้รับการพัฒนาอย่างกล้าหาญยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของความล้มเหลวในรอบปฐมทัศน์

ระยะเวลาของวุฒิภาวะถูกทำเครื่องหมายด้วยการก่อตัวของรูปแบบส่วนบุคคลที่เป็นผู้ใหญ่ตามสัมภาระสูงต่ำของบทสวด znamenny การแต่งเพลงรัสเซียและรูปแบบของแนวโรแมนติกยุโรปตอนปลาย คุณสมบัติเหล่านี้แสดงออกอย่างชัดเจนในเพลง Second Concerto และ Second Symphony อันโด่งดัง ในบทนำของเปียโน op 23. อย่างไรก็ตาม เริ่มต้นด้วยบทกวีไพเราะ "Isle of the Dead" สไตล์ของ Rachmaninov กลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากขึ้นซึ่งเกิดจากการดึงดูดใจในธีมของสัญลักษณ์และความทันสมัยและในทางกลับกันโดย การนำความสำเร็จของดนตรีสมัยใหม่ไปใช้: อิมเพรสชั่นนิสม์, นีโอคลาสสิก, วงดนตรีใหม่, พื้นผิว, เทคนิคฮาร์โมนิก

ช่วงปลายของความคิดสร้างสรรค์ในต่างประเทศ - โดดเด่นด้วยความคิดริเริ่มที่ยอดเยี่ยม สไตล์ของรัคมานินอฟประกอบด้วยส่วนผสมที่ลงตัวขององค์ประกอบโวหารที่มีความหลากหลายมากที่สุด ซึ่งบางครั้งก็ตรงกันข้าม: ประเพณีของดนตรีและแจ๊สของรัสเซีย เพลงสเนมนีของรัสเซียโบราณ และศิลปะวาไรตี้ "ร้านอาหาร" ในช่วงทศวรรษที่ 1930 สไตล์อัจฉริยะของศตวรรษที่ 19 - และ toccata ที่รุนแรงของเปรี้ยวจี๊ด ความแตกต่างอย่างมากของข้อกำหนดเบื้องต้นเกี่ยวกับโวหารมีความหมายทางปรัชญา - ความไร้สาระ, ความโหดร้ายของการอยู่ในโลกสมัยใหม่, การสูญเสียคุณค่าทางจิตวิญญาณ ผลงานของยุคนี้โดดเด่นด้วยสัญลักษณ์ลึกลับ, ความหมายหลายเสียง, หวือหวาทางปรัชญาที่ลึกล้ำ งานสุดท้ายของรัคมานินอฟคือ Symphonic Dances (1941) ที่รวบรวมคุณลักษณะทั้งหมดเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน หลายชิ้นเมื่อเปรียบเทียบกับนวนิยายเรื่อง The Master และ Margarita ของ M. Bulgakov ที่เสร็จสมบูรณ์ในเวลาเดียวกัน

.3 ความคิดสร้างสรรค์เปียโน

งานของรัคมานินอฟมีหลายแง่มุม ผลงานของเขามีหลากหลายแนว ดนตรีเปียโนครอบครองสถานที่พิเศษในงานของรัชมานินอฟ เขาเขียนผลงานที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องดนตรีที่เขาโปรดปราน - เปียโน เหล่านี้คือ 24 preludes, 15 etudes-painting, 4 concertos สำหรับเปียโนและออเคสตรา, "Rhapsody on a Theme of Paganini" สำหรับเปียโนและออเคสตรา ฯลฯ

รัคมานินอฟในฐานะนักเปียโนและนักประพันธ์เปียโน ได้นำฮีโร่ตัวใหม่มา - กล้าหาญ เข้มแข็ง เจตจำนง เข้มงวด และเข้มงวด โดยสรุปคุณลักษณะที่ดีที่สุดของสติปัญญาในสมัยนั้น ฮีโร่ตัวนี้ปราศจากความเป็นคู่, เวทย์มนต์, เขาแสดงออกถึงความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน, สูงส่ง, สูงส่ง รัคมานินอฟยังเสริมแต่งเพลงเปียโนรัสเซียด้วยธีมใหม่: เนื้อเพลงโศกนาฏกรรม มหากาพย์แห่งชาติ เนื้อเพลงแนวภูมิทัศน์ แนวเพลงที่หลากหลายมาก และเสียงกริ่งของรัสเซีย

มรดกของรัคมานินอฟมีทั้งโอเปร่าและซิมโฟนี แชมเบอร์โวคอล และเพลงประสานเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ แต่ผู้แต่งได้แต่งขึ้นเพื่อเปียโนโดยเฉพาะ งานของรัคมานินอฟถือได้ว่าเป็นความสมบูรณ์ของประเพณีดนตรีเปียโนโรแมนติกของยุโรป มรดกของผู้แต่งในประเภทเปียโนสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มตามเงื่อนไข:

กลุ่ม - ผลงานสำคัญ: 4 คอนแชร์โต, "Rhapsody on a Theme of Paganini" สำหรับเปียโนและออเคสตรา, 2 โซนาตา, Variations on a Theme โดย Corelli

กลุ่ม - ชิ้นสำหรับโซโลเปียโน ต้น: op. 3 ชิ้นแฟนตาซี, แย้มยิ้ม 10 ชิ้นร้านเสริมสวย ช่วงเวลาดนตรี op. 16. ผู้ใหญ่: โหมโรง op. 23 และ อปท. 32, etudes-ภาพวาด, แย้มยิ้ม 33 และ อปท. 39, คอนเสิร์ต polka, การถอดความเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ของเขาเองและผลงานของผู้เขียนคนอื่น

มีความแตกต่างพื้นฐานระหว่างงานทั้งสองกลุ่ม: Rachmaninov เสร็จสิ้นการเขียนงานของกลุ่มที่ 2 ในรัสเซีย (จนถึงปี 1917) และองค์ประกอบของกลุ่มที่ 1 ที่เขาเขียนจาก 2434 ถึง 2477 พวกเขาครอบคลุมทั้งชีวิตของนักแต่งเพลง ดังนั้นงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเผยให้เห็นวิวัฒนาการของความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่และผลงานเดี่ยวช่วยให้เข้าใจการก่อตัว นอกจากนี้ Rachmaninov ยังหันไปใช้แนวโอเปร่า เขาเป็นนักเขียนโอเปร่า 3 เรื่อง "Aleko", "The Covetous Knight", "Francesca da Rimini"

รวมผลงานของ S.V. Rachmaninov สะท้อนให้เห็นในภาคผนวก

การแสดงเปียโนของรัคมานินอฟสะท้อนถึงรูปแบบของเวทีคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ซึ่งโดดเด่นด้วยขนาดของรูปแบบ ความสามารถ พลวัต พลัง ความโล่งใจ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังมีชิ้นงานที่ละเอียดและประณีตที่สุด

เทคนิคเปียโนของ Rachmaninov อยู่ในสไตล์ของเปียโนโรแมนติกของ Liszt, Rubinstein: โน้ตคู่, คอร์ดอ็อกเทฟ - คอร์ด, การกระโดดที่ยากลำบาก, เนื้อเรื่องของโน้ตเล็ก ๆ , คอร์ดโพลีโฟนิกที่มีความยาว ฯลฯ

ภาพที่สร้างขึ้นแต่ละภาพมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเสียงต่ำ เสียงเบสครอบงำ “เบสแห่งชีวิต” (T. Mann) รากฐานของการเป็นอยู่ซึ่งความคิดของศิลปินเชื่อมโยงกันซึ่งโลกทางอารมณ์ของเขามีความสัมพันธ์กัน เสียงที่ต่ำกว่าแบบไดนามิกและชัดเจนก่อให้เกิดแผนการเสียงที่แสดงออกมากที่สุดและมีลักษณะเฉพาะมากที่สุด

เขาชอบที่จะวางท่วงทำนองไว้ตรงกลาง เปียโนของรัคมานินอฟเปรียบเสมือนเชลโลในความช้า ความสามารถในการแสดงเวลาที่ผ่านไปอย่างช้าๆ

การเคลื่อนที่ลงจะมีชัยเหนือการเคลื่อนไหวขึ้น การสลายแบบไดนามิกสามารถทำเครื่องหมายทั้งส่วนของแบบฟอร์ม ธีมสร้างสรรค์ของรัคมานินอฟคือการจากไป ศิลปะแห่งรูปแบบคือศิลปะแห่งการจากไปเสมอ ในบทละครที่มีขนาดเล็ก Rachmaninov ได้แสดงหัวข้อนี้อย่างครบถ้วน อารมณ์มักจะเอาชนะ เชื้อสายไม่ถูกขัดจังหวะ รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่นุ่มนวลในทุกส่วน ในทุกวลี

ดนตรีของรัชมานินอฟสร้างความประทับใจด้วยความกล้าหาญ ความน่าสมเพช การแสดงออกถึงความยินดีและความสุขที่ไร้ขอบเขต ในเวลาเดียวกัน ผลงานของรัคมานินอฟจำนวนหนึ่งเต็มไปด้วยดราม่าที่รุนแรง ที่นี่เราสามารถได้ยินความเศร้าโศกที่น่าเบื่อและเจ็บปวด เราสามารถสัมผัสได้ถึงความโกลาหลที่น่าสลดใจและน่าสลดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความรุนแรงนี้ไม่ได้ตั้งใจ เช่นเดียวกับผู้ร่วมสมัยของเขา - Scriabin, Blok, Vrubel, Rachmaninov เป็นตัวแทนของแนวโน้มที่โรแมนติกของศิลปะรัสเซียในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 งานศิลปะของรัคมานินอฟมีอารมณ์ร่าเริง Rachmaninov เป็นนักร้องที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของรัสเซีย

สถานที่สำคัญในผลงานของรัคมานินอฟเป็นของรัสเซีย มาตุภูมิ ลักษณะดนตรีประจำชาติแสดงออกถึงความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับเพลงลูกทุ่งรัสเซีย ด้วยน้ำเสียงสูงต่ำของการร้องเพลงของโบสถ์รัสเซียโบราณ (การสวดมนต์ znamenny) เช่นเดียวกับการนำเสียงระฆังมาใช้อย่างกว้างขวางในดนตรี: เสียงระฆังอันเคร่งขรึม การปลุก Rachmaninov เปิดพื้นที่ของเสียงกริ่งสำหรับเพลงเปียโน - เสียงกริ่งเป็นสภาพแวดล้อมทางเสียงที่นักดนตรีของรัสเซียอยู่ Rachmaninov พบว่าเสียงกริ่งดังขึ้นทีละน้อยเสียงกริ่งกลายเป็น "การสอบสวนเกี่ยวกับความว่างเปล่า" ผลลัพธ์ที่ได้คือ ภาพอันไพเราะของเปียโนที่สร้างโดยรัคมานินอฟ จึงเป็นประสบการณ์ที่รวมเอาประสบการณ์ด้านความกว้างและความสง่างามขององค์ประกอบทางโลก ของการดำรงอยู่ของวัตถุ โซลูชั่นพื้นผิว ไดนามิก รีจิสเตอร์ และคันเหยียบของรัคมานินอฟ ใช้เพื่อถ่ายทอดคุณสมบัติทั้งหมด แข็งแกร่ง เติมเต็ม และเพื่อรวบรวมความเป็นอยู่

เทคนิคปรากฎการณ์ ทักษะอัจฉริยะนั้นด้อยกว่าในการเล่นของรัคมานินอฟถึงจิตวิญญาณที่สูงส่งและภาพที่แสดงออกอย่างชัดเจน ท่วงทำนอง พลัง และความสมบูรณ์ของ "การร้องเพลง" เป็นลักษณะเฉพาะของนักเปียโนของเขา เหล็กและในขณะเดียวกันจังหวะที่ยืดหยุ่นและไดนามิกพิเศษทำให้การเล่นของรัคมานินอฟมีเฉดสีที่เข้มข้นอย่างไม่สิ้นสุด - จากพลังที่เกือบจะเป็นวงออร์เคสตราไปจนถึงเปียโนที่นุ่มนวลที่สุดและการแสดงออกของคำพูดของมนุษย์ที่มีชีวิตชีวา

ผลงานที่โด่งดังที่สุดชิ้นหนึ่งของรัคมานินอฟคือคอนแชร์โต้ที่สองสำหรับเปียโนและออร์เคสตรา ซึ่งเขียนขึ้นในปี 1901 เป็นการผสมผสานลักษณะเสียงกริ่งของผู้แต่งเข้ากับการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของพายุ นี่คือลักษณะสีประจำชาติของภาษาฮาร์โมนิกของรัคมานินอฟ ท่วงทำนองของรัสเซียที่ไพเราะและกว้างใหญ่ท่วมท้นองค์ประกอบของจังหวะที่ใช้งานความสามารถที่ยอดเยี่ยมรองจากเนื้อหาแยกแยะดนตรีของคอนแชร์โต้ที่สาม เผยให้เห็นหนึ่งในรากฐานดั้งเดิมของสไตล์ดนตรีของรัคมานินอฟ - การผสมผสานที่เป็นธรรมชาติของความกว้างและอิสระของการหายใจอันไพเราะด้วยพลังงานจังหวะ

.4 ความคิดสร้างสรรค์ไพเราะ "ระฆัง"

Rachmaninoff กลายเป็นหนึ่งในนักซิมโฟนีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 คอนเสิร์ตครั้งที่ 2 ถือเป็นการเปิดช่วงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาชีพแต่งเพลงของรัชมานินอฟ ผลงานที่สวยงามที่สุดปรากฏขึ้น: โหมโรง, etudes, ภาพวาด งานไพเราะที่ใหญ่ที่สุดของปีเหล่านี้ถูกสร้างขึ้น - ซิมโฟนีที่สอง, บทกวีไพเราะ "เกาะแห่งความตาย" ในปีเดียวกันนั้น ผลงานที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักร้องประสานเสียงแคปเปลลา "All-night Vigil" โอเปร่า "The Covetous Knight" โดย A.S. Pushkin และ Francesca da Rimini หลังจาก Dante มรดกไพเราะยังรวมถึงสอง cantatas - "Spring" และ "Bells" - สไตล์ของพวกเขาถูกกำหนดโดยการตีความเครื่องมือของคณะนักร้องประสานเสียง บทบาทที่โดดเด่นของวงออเคสตราและลักษณะการนำเสนอไพเราะล้วนๆ

"ระฆัง" - บทกวีสำหรับคอรัส วงออเคสตรา และศิลปินเดี่ยว (1913) - หนึ่งในผลงานที่สำคัญของรัคมานินอฟ โดดเด่นด้วยความลึกของแนวความคิดเชิงปรัชญา ทักษะอันงดงาม ความสมบูรณ์และความหลากหลายของสีวงดุริยางค์ ความกว้างของรูปแบบไพเราะอย่างแท้จริง สร้างสรรค์อย่างสดใส อิ่มตัวด้วยเทคนิคการร้องประสานเสียงและออเคสตราแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน งานนี้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อดนตรีประสานเสียงและไพเราะของศตวรรษที่ 20 จากบทกวีของเอ็ดการ์ โพ แปลโดยเค. บัลมอนต์ ในระดับปรัชญาทั่วไป ภาพลักษณ์ของบุคคลและพลังแห่งโชคชะตาที่หลอกหลอนเขาถูกเปิดเผย

ส่วน - 4 ขั้นตอนของชีวิตของบุคคลซึ่ง Rachmaninov เปิดเผยผ่านเสียงเรียกเข้าแบบต่างๆ ส่วน - "เสียงกระดิ่งสีเงิน" ของระฆังถนนแสดงความฝันที่อ่อนเยาว์เต็มไปด้วยแสงสว่างและความสุข ส่วนหนึ่ง - "เสียงกริ่งทอง" เรียกไปงานแต่งงานและ ประกาศความสุขของมนุษย์ ภาค - "เสียงกริ่งทองเหลือง" ทำซ้ำเสียงเตือนที่คุกคามประกาศไฟ

ดังนั้น สองส่วนแรกวาดภาพของความหวัง แสงสว่าง ความสุข สองส่วนถัดไป - ภาพแห่งความตาย การคุกคาม

ธีมของงานนี้มีลักษณะเฉพาะของศิลปะการแสดงสัญลักษณ์ สำหรับระยะนี้ของศิลปะรัสเซียและผลงานของรัคมานินอฟ: เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตมนุษย์ นำไปสู่ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเวลาเดียวกัน Rachmaninov ไม่ยอมรับการสิ้นสุดบทกวีของ Poe ในแง่ร้าย - บทสรุปของวงดุริยางค์ของเขาสร้างขึ้นจากรุ่นหลักของธีมเศร้าของตอนจบมีบุคลิกที่รู้แจ้งอย่างประเสริฐ

Rachmaninov เองเกี่ยวกับประเภทของงานกล่าวว่ามันสามารถเรียกได้ว่าเป็นซิมโฟนีประสานเสียง สิ่งนี้ได้รับการสนับสนุนโดยสเกล ความยิ่งใหญ่ของแนวคิด การมีอยู่ของ 4 ส่วนที่ตัดกัน บทบาทสำคัญของวงออเคสตรา

2.5 คุณค่าความคิดสร้างสรรค์ของรัชมานินอฟ

ความสำคัญของงานแต่งของรัชมานินอฟนั้นยิ่งใหญ่มาก

Rachmaninov สังเคราะห์แนวโน้มต่าง ๆ ในศิลปะรัสเซีย แนวโน้มเฉพาะเรื่องและโวหารต่างๆ และรวมเข้าด้วยกันภายใต้ตัวส่วนเดียว - สไตล์ประจำชาติรัสเซีย

รัคมานินอฟช่วยเสริมคุณค่าดนตรีรัสเซียด้วยความสำเร็จของศิลปะในศตวรรษที่ 20 และเป็นหนึ่งในผู้ที่นำประเพณีของชาติมาสู่เวทีใหม่

รัคมานินอฟ เสริมคุณค่ากองทุนเสียงสูงต่ำของดนตรีรัสเซียและดนตรีโลกด้วยสัมภาระสูงต่ำของบทเพลง Znamenny ของรัสเซียโบราณ

Rachmaninov เป็นครั้งแรก (พร้อมกับ Scriabin) นำเพลงเปียโนรัสเซียไปสู่ระดับโลก กลายเป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงชาวรัสเซียคนแรกที่มีผลงานเปียโนรวมอยู่ในเพลงของนักเปียโนทุกคนในโลก

ความสำคัญของศิลปะการแสดงของรัคมานินอฟก็ไม่น้อยหน้า

Rachmaninoff ในฐานะนักเปียโนได้กลายเป็นมาตรฐานสำหรับนักเปียโนหลายชั่วอายุคนจากประเทศและโรงเรียนต่าง ๆ เขาอนุมัติให้โรงเรียนเปียโนรัสเซียให้ความสำคัญกับโลก โดยมีลักษณะเด่น ได้แก่:

) ความหมายเชิงลึกของประสิทธิภาพ;

) ให้ความสนใจกับความร่ำรวยของดนตรี

) "ร้องเพลงบนเปียโน" - เลียนแบบเสียงร้องและโทนเสียงร้องโดยใช้เปียโน

Rachmaninoff นักเปียโนออกจากการบันทึกมาตรฐานของงานดนตรีระดับโลกหลายงานซึ่งนักดนตรีหลายชั่วอายุคนศึกษา

บทสรุป

ดังนั้น เมื่อเสร็จสิ้นงานนี้ ให้เราเน้นสั้น ๆ เกี่ยวกับสิ่งสำคัญ

Rachmaninov เป็นนักแต่งเพลง นักเปียโน และผู้ควบคุมวงชาวรัสเซียที่ใหญ่ที่สุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 - ต้นศตวรรษที่ 20

ดนตรีของรัคมานินอฟในปัจจุบันสร้างความตื่นเต้นและสนุกสนานให้กับผู้ฟังหลายล้านคน มันดึงดูดใจด้วยความแข็งแกร่งและความจริงใจของความรู้สึกที่แสดงออกมา ความงดงามและความกว้างของท่วงทำนองของรัสเซียอย่างแท้จริง

มรดกของรัชมานินอฟ:

ฉันระยะเวลา - ต้นนักเรียน (ปลายยุค 80 - 90): เปียโนเพชรประดับ, คอนเสิร์ตเปียโนครั้งแรกและครั้งที่สอง, บทกวีไพเราะ "Prince Rostislav", "Cliff" แฟนตาซี, โอเปร่า "Aleko"

ยุคที่สอง - สุก (900 - จนถึง 1917): เสียงร้องและเปียโนย่อส่วน, เปียโนคอนแชร์โต้ที่สาม, "เกาะแห่งความตาย", "ฤดูใบไม้ผลิ" cantata, "ระฆัง", "พิธีสวดของ John Chrysostom", "All-night Vigil ". ช่วงเวลานี้มีลักษณะของอารมณ์ ภาพ รูปแบบและประเภทที่ตัดกัน หลังจากออกนอกประเทศมาเกือบ 10 ปีแล้ว เขาไม่ได้เขียนอะไรเลย จัดคอนเสิร์ตและกิจกรรมการแสดงเท่านั้น

ยุคที่สาม - ปลาย (พ.ศ. 2470-2486) ได้สร้างผลงานชิ้นเอกจำนวนหนึ่ง: "Variations on a Corelli Theme", เปียโนคอนแชร์โต้ที่สี่, ซิมโฟนีที่สาม, "Rhapsody on a Theme of Paganini", การเต้นรำไพเราะ จุดเริ่มต้นที่น่าเศร้าค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น

เมื่อเสียงเพลงของรัคมานินอฟฟัง ดูเหมือนว่าคุณจะได้ยินคำพูดที่ดึงดูดใจ เป็นรูปเป็นร่าง และน่าเชื่อ นักแต่งเพลงสื่อถึงความปีติยินดีของชีวิต - และเสียงเพลงก็ไหลในแม่น้ำกว้างที่ไม่มีที่สิ้นสุด (Second Concerto) บางครั้งก็ไหลเชี่ยวเหมือนกระแสน้ำในฤดูใบไม้ผลิ (โรแมนติก "Spring Waters") Rachmaninov พูดถึงนาทีเหล่านั้นเมื่อบุคคลเพลิดเพลินกับความสงบของธรรมชาติหรือชื่นชมยินดีในความงามของที่ราบกว้างใหญ่ป่าทะเลสาบและเสียงเพลงจะอ่อนโยนเป็นพิเศษเบาโปร่งใสและเปราะบาง (ความรัก "ที่นี่ดี", "เกาะเล็ก ๆ ","ไลแลค") ... ใน "ภูมิทัศน์ทางดนตรี" ของ Rachmaninov เช่นเดียวกับคำอธิบายของธรรมชาติโดยนักเขียนที่รักของเขา A.P. Chekhov หรือในภาพวาดของศิลปิน I.I. เลวีแทนสื่อถึงเสน่ห์ของธรรมชาติรัสเซียอย่างละเอียดถี่ถ้วนและจิตวิญญาณเจียมเนื้อเจียมตัวน่าเบื่อ แต่มีบทกวีที่ไม่มีที่สิ้นสุด รัชมานินอฟยังมีหลายหน้าที่เต็มไปด้วยละคร ความวิตกกังวล และแรงกระตุ้นที่ก่อกบฏ

ศิลปะของเขาโดดเด่นด้วยความจริงที่สำคัญ การวางแนวประชาธิปไตย ความจริงใจ และความสมบูรณ์ทางอารมณ์ของการแสดงออกทางศิลปะ ในผลงานของเขา การประท้วงอย่างไม่ปรองดองและการไตร่ตรองอย่างเงียบ ๆ การตื่นตัวที่สั่นเทาและความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า โศกนาฏกรรมที่มืดมนและความกระตือรือร้นของเพลงชาติอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด แก่นเรื่องบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งเป็นศูนย์กลางของงานผู้ใหญ่ของรัคมานินอฟ ถูกรวบรวมไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในงานบรรเลงที่สำคัญของเขา

ผู้ร่วมสมัยยอมรับว่า Rachmaninov เป็นนักเปียโนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบ รัคมานินอฟจัดคอนเสิร์ตในรัสเซียและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ในปีพ.ศ. 2442 เขาได้ไปเที่ยวฝรั่งเศสซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ในปี 1909 เขาได้แสดงร่วมกับผลงานของเขาในสหรัฐอเมริกา การแสดงของเขายอดเยี่ยม การแสดงของเขาเป็นอัจฉริยะ โดดเด่นด้วยความสามัคคีและความสมบูรณ์ภายใน

รัคมานินอฟยังเป็นที่รู้จักในฐานะวาทยกรโอเปร่าและซิมโฟนีที่ใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในยุคของเขา ผู้ให้การตีความผลงานคลาสสิกมากมายที่เขียนขึ้นต่อหน้าเขาอย่างมีเอกลักษณ์และหลากหลายแง่มุม เป็นครั้งแรกที่เขาดำรงตำแหน่งผู้ควบคุมวงเมื่ออายุเพียงยี่สิบปี ในปี 1893 ในเคียฟ ในฐานะผู้เขียนโอเปร่า Aleko ในปี 1897 เขาเริ่มทำงานเป็นวาทยากรคนที่สองที่ Moscow Private Russian Opera S.I. Mamontov ที่ Rachmaninov ได้รับการฝึกฝนและประสบการณ์ที่จำเป็นในการแสดง

ความเข้าใจในศิลปะอย่างลึกซึ้งและหลากหลาย ความเชี่ยวชาญอันละเอียดอ่อนของรูปแบบของผู้เขียนที่เขาถ่ายทอด รสนิยม การควบคุมตนเอง วินัยในการทำงาน เบื้องต้นและขั้นสุดท้าย ทั้งหมดนี้รวมกับความจริงใจและความเรียบง่าย พร้อมด้วยพรสวรรค์ทางดนตรีที่หายากที่สุด และความทุ่มเทอย่างไม่เห็นแก่ตัวเพื่อเป้าหมายอันสูงส่ง ทำให้ผลงานของรัคมานินอฟอยู่ในระดับที่แทบจะทำไม่ได้

บรรณานุกรม

1.Vysotskaya L.N. ประวัติศิลปะดนตรี: ตำรา / คอมพ์: แอล.เอ็น. Vysotskaya, V.V. อาโมซอฟ - วลาดิเมียร์: สำนักพิมพ์ Vladim สถานะ มหาวิทยาลัย, 2555 .-- 138 น.

2.อีโมโฮโนว่า แอล.จี. วัฒนธรรมศิลปะโลก: ตำรา / L.G. อีโมโฮนอฟ - อ.: อคาเดมี่, 2551 .-- 240 น.

.คอนสแตนติโนว่า S.V. ประวัติศาสตร์โลกและวัฒนธรรมในประเทศ / S.V. คอนสแตนตินอฟ - M.: Eksmo, 2008 .-- 32 น.

.Mozheiko L.M. ประวัติดนตรีรัสเซีย / L.M. โมไซโก้. - Grodno: GrSU, 2012 .-- 470 p.

.Rapatskaya L.A. ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมศิลปะของรัสเซีย (ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปลายศตวรรษที่ XX): หนังสือเรียน เบี้ยเลี้ยง / แอล.เอ. ราพัทสกายา - อ.: อคาเดมี่, 2551 .-- 384 น.

.Rapatskaya L.A. ศิลปะโลก. ชั้นประถมศึกษาปีที่ 11 ส่วนที่ 2: ตำราวัฒนธรรมศิลปะรัสเซีย - ใน 2 ส่วน / L.A. ราพัทสกายา - M.: Vlados, 2008 .-- 319 p.

.Sergei Rachmaninov: ประวัติศาสตร์และความทันสมัย: ส. บทความ - Rostov-on-Don, 2548 .-- 488 น.

กวดวิชา

ต้องการความช่วยเหลือในการสำรวจหัวข้อหรือไม่?

ผู้เชี่ยวชาญของเราจะแนะนำหรือให้บริการกวดวิชาในหัวข้อที่คุณสนใจ
ส่งคำขอพร้อมระบุหัวข้อทันทีเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการขอรับคำปรึกษา

Sergei Vasilievich Rachmaninoff (1873-1943) เป็นนักแต่งเพลงนักเปียโนและผู้ควบคุมวงชาวรัสเซียที่โดดเด่น ในกิจกรรมทางดนตรีของเขาเขาได้นำหลักการของดนตรียุโรปตะวันตกมาใช้ใหม่อย่างสร้างสรรค์โดยผสมผสานประเพณีของโรงเรียนการแต่งเพลงมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเข้าด้วยกันได้สำเร็จ

ผลงานของเขาโดดเด่นด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง ความรู้สึกที่ไพเราะของชีวิต ความรักชาติ และประชาธิปไตย ในผลงานของเขา นักแต่งเพลงพยายามที่จะถ่ายทอดความยิ่งใหญ่ของจิตวิญญาณรัสเซียโดยใช้ภาษาของเพลงพื้นบ้านและเสียงกริ่ง ชื่อของรัชมานินอฟในฐานะนักเปียโนเป็นหนึ่งในนักแสดงที่โดดเด่นที่สุดในโลก

วัยเด็กและเยาวชน

Sergei Rachmaninov เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม (1 เมษายน พ.ศ. 2416) ในที่ดินของครอบครัวของแม่โอเนกซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดโนฟโกรอด ในสถานที่เหล่านี้เขาใช้เวลาในวัยเด็กของเขา ธรรมชาติที่สวยงามของรัสเซียตะวันตกเฉียงเหนือตลอดกาลจมดิ่งสู่จิตวิญญาณของนักแต่งเพลงในอนาคตและจะพบภาพของเขามากกว่าหนึ่งครั้งในผลงานของเขา ขอบคุณคุณยายของเขาที่ Sergei หนุ่มไปเยี่ยมชมอารามในท้องถิ่นเขาตกหลุมรักเพลงพิธีกรรมรัสเซียเก่าและเพลงพื้นบ้านตลอดไป

ความรักในดนตรีถูกส่งไปยังนักแต่งเพลงด้วยเลือดของแม่เพราะญาติผู้ใหญ่ของเขาเกี่ยวข้องโดยตรงกับเธอ ปู่ของรัคมานินอฟศึกษากับดี. ฟิลด์ และต่อมาได้กลายเป็นนักเปียโน แต่งเพลงและจัดคอนเสิร์ตในเมืองต่างๆ พ่อ Vasily Arkadievich มีความสามารถทางดนตรีตามธรรมชาติและแม่ Lyubov Petrovna สอนลูกชายของเธอให้เล่นเปียโนตั้งแต่อายุยังน้อย

ต่อมา A. Ornatskaya กลายเป็นครูคนใหม่ของเขาซึ่งสนับสนุนการจัดวางวอร์ดของเธอใน St. Petersburg Conservatory อย่างไรก็ตามการศึกษาที่นี่ไม่ได้ผลอย่างชัดเจนและที่สภาครอบครัวก็ตัดสินใจส่ง Sergei ไปมอสโคว์ไปที่โรงเรียนประจำส่วนตัวของศาสตราจารย์ N. Zverev เรือนกระจกในท้องถิ่น ต่อมา A. Ziloti และ S. Taneyev ก็กลายเป็นที่ปรึกษาของเขาด้วย ในเวลานี้ Sergei ได้พบกับ P. Tchaikovsky ผู้ทำนายอนาคตที่ดีสำหรับเขา

เปิดตัวนักแต่งเพลง

ในปี พ.ศ. 2435 รัคมานินอฟจบการศึกษาจากโรงเรียนสอนดนตรีมอสโกในฐานะนักแต่งเพลงและนักเปียโน และในปีหน้าเขาได้รับเหรียญทองจากการแสดงโอเปร่า Aleko ซึ่งเขียนเป็นบทให้กับนักเรียนทุกคนที่จบการศึกษาในชั้นเรียนประพันธ์เพลงฟรี P. Tchaikovsky ชอบงานนี้มากซึ่งอยู่ในการสอบปลายภาคและให้ Sergei A พร้อมข้อดีสามประการ ตามคำแนะนำของเขา โอเปร่าได้รับการยอมรับสำหรับการแสดงละครที่โรงละครอิมพีเรียลบอลชอย เธอประสบความสำเร็จอย่างมากกับประชาชนทั่วไป นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตถึงละครที่ไม่ธรรมดาของงานความสมบูรณ์ภายในและความไพเราะของท่วงทำนอง

การสนับสนุนอย่างมากของไชคอฟสกีผู้มีอำนาจสูงสุดในโลกดนตรีเป็นแรงบันดาลใจให้รัคมานินอฟประสบความสำเร็จครั้งใหม่ ในเวลานี้ซิมโฟนี "Cliff" วัฏจักร "Musical Moments" รวมถึงความรักมากมายรวมถึง "In the Silence of the Secret Night" และ "Spring Waters" ปรากฏขึ้น การเสียชีวิตของนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ทำให้รัคมานินอฟประทับใจมากจนเขาเขียน The Ellegic Trio ซึ่งเขาถ่ายทอดความเจ็บปวดจากการจากลากับที่ปรึกษาได้อย่างยอดเยี่ยม

ผลงานชิ้นแรกของนักแต่งเพลงทำให้เขามีชื่อเสียงมาก แต่ไม่ได้เพิ่มความมั่งคั่งให้กับเขา Rachmaninov ถูกบังคับให้หางานทำที่ Mariinsky Women's School ในปีพ.ศ. 2440 เขาทำงานเป็นเวลาหนึ่งฤดูกาลในฐานะวาทยกรที่โอเปร่ารัสเซียส่วนตัว S. Mamontov และพยายามยกระดับแนวเพลงนี้ให้สูงขึ้นไปอีก ในไม่ช้า Sergei Vasilievich ก็ประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหม่: รอบปฐมทัศน์ของ First Symphony ของเขาพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการกระทำที่ผิดพลาดของนักดนตรีที่แสดงภายใต้การดูแลของตัวนำที่ไม่มีประสบการณ์ A. Glazunov เขามีส่วนทำให้เกิดความล้มเหลวและตัวละครที่เป็นนวัตกรรมของเนื้อหาดนตรีที่นำเสนอ ความล้มเหลวนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจของรัคมานินอฟมากจนทำให้เขาหยุดเขียนเพลงเป็นเวลาหลายปีและยังต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตเวชอีกด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ป้องกันเขาจากการทำอย่างอื่น ในปี 1899 Sergei Vasilievich ได้ไปทัวร์ต่างประเทศครั้งแรกในฐานะนักแสดงโดยจัดคอนเสิร์ตที่ลอนดอน ในเวลาเดียวกัน เขาได้แสดงร่วมกับ เอฟ. ชเลียพิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สู่ความสำเร็จครั้งใหม่

เฉพาะในปี 1900 เท่านั้นที่นักแต่งเพลงได้บรรเลงเปียโนคอนแชร์โต้ครั้งที่สอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาใหม่ในงานของเขา ในปีพ. ศ. 2444 งานนี้ได้ดำเนินการในมอสโกในการแสดงของผู้เขียนร่วมกับวงออเคสตราภายใต้การดูแลของ A. Ziloti คอนเสิร์ตครั้งที่สองได้รับความนิยมอย่างมากในทันทีและกลายเป็นส่วนสำคัญของบทเพลงของนักเปียโนที่เก่งที่สุดในโลก ต่อมาเศษของงานจะดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในภาพยนตร์ต่างๆ ทันทีหลังจากนั้น รัคมานินอฟก็เขียนเพลงโซนาตาสำหรับเชลโลและเปียโน ซึ่งกลับกลายเป็นว่าเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นในบทกวี หัวข้อการสวดมนต์ของงานทำให้ตื่นตาตื่นใจกับความสมบูรณ์ทางอารมณ์และความสมบูรณ์ของเสียงที่ไม่ธรรมดา

การรับรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอัจฉริยะของนักแต่งเพลงของ Rachmaninoff นำเขาไปสู่เวทีของโรงละคร Bolshoi ซึ่งเขาทำหน้าที่เป็นเวลาสองฤดูกาล ในช่วงเวลานี้เขาเขียนโอเปร่าสององก์เรื่อง "The Miserly Knight" และ "Francesco de Rimini" ซึ่งไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก ไม่เหมือน Aleko โอเปร่าอีกเรื่องหนึ่งคือ Monna Vanna ยังไม่เสร็จ ในปี 1906 Sergei Vasilyevich เดินทางไปที่ Apennines จากนั้นย้ายไปเยอรมนีและอาศัยอยู่ในเดรสเดนเป็นเวลาสามปี

ในปี ค.ศ. 1909 รัคมานินอฟเขียนเปียโนคอนแชร์โต้ที่สามซึ่งไม่ได้ด้อยกว่าในด้านท่วงทำนองและความสดใหม่ของแรงบันดาลใจสำหรับคอนแชร์โต้ที่สอง เหนือกว่าความเป็นผู้ใหญ่และความแน่วแน่ของความคิด ตามที่ Asafiev จากงานนี้ว่า "สไตล์ไททานิคของเพลงเปียโนของ Rachmaninov" เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง ในไม่ช้าเขาก็ไปทัวร์ต่างประเทศและหลังจากกลับมาเขาได้รับตำแหน่งผู้ตรวจสอบดนตรีรัสเซีย

เพลงใหม่

ตั้งแต่ต้นทศวรรษที่สองของศตวรรษที่ 20 รัคมานินอฟเริ่มสนใจรูปแบบการร้องประสานเสียงขนาดใหญ่ ทำให้เกิดองค์ประกอบทางพิธีกรรมที่ยอดเยี่ยม “พิธีกรรมของนักบุญ John Chrysostom "และ" เฝ้าตลอดทั้งคืน " ในจดหมายถึงเพื่อนของเขา ศาสตราจารย์ของ Moscow Conservatory เขาบรรยายงานเกี่ยวกับพิธีสวดดังนี้: "ฉันไม่ได้เขียนอะไรเลยเป็นเวลานาน ... ด้วยความยินดี"การแสดงครั้งแรกของงานโดย Synodal Choir เกิดขึ้นที่กรุงมอสโกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2453

ในปีพ. ศ. 2456 มีการเผยแพร่ผลงานที่ยิ่งใหญ่อีกชิ้นหนึ่ง - บทกวีดนตรี "Bells" ซึ่งเขียนถึงบทกวีโดย E. Poe แปลโดย K. Balmont รัคมานินอฟได้รับแจ้งให้เขียนเพลงด้วยจดหมายนิรนาม ซึ่งแนบคำแปลของบทกวีของโพเป็นภาษารัสเซียพร้อมความคิดเห็นว่าเขาน่าจะเหมาะกับดนตรีอย่างยิ่ง งานกวีนิพนธ์นี้จมดิ่งลงไปในจิตวิญญาณของ Sergei Vasilyevich ทันที และเขาเริ่ม "ด้วยความร้อนรนอันเป็นไข้" เพื่อทำงานในองค์ประกอบของเขา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาเขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หลายเรื่อง: "Lilac", "Daisies" (ในข้อของ I. Severyanin), "มันดีที่นี่" รวมถึงชิ้นส่วนเล็ก ๆ สำหรับเปียโน ชีวประวัติเชิงสร้างสรรค์ของรัคมานินอฟมีเรื่องราวความรักประมาณ 80 เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เขาอุทิศให้กับผู้หญิง ดังนั้นในปี 1916 เขาจึงสร้างผลงานหกชิ้นเพื่ออุทิศให้กับนักแสดงยอดเยี่ยม Nina Koshyts Sergei Vasilievich มากับเธอในคอนเสิร์ตซ้ำแล้วซ้ำอีกและแสดงความรักที่กระตือรือร้นของเขา หลังจากออกจากประเทศ Rachmaninov จะไม่เขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อีกต่อไป

ชีวิตพลัดถิ่น

ในปี ค.ศ. 1917 ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของการปฏิวัติ เมื่อพวกบอลเชวิคเข้าสู่อำนาจ Rachmaninov ไปทัวร์กับครอบครัวของเขาที่สแกนดิเนเวียและไม่เคยกลับไปบ้านเกิดของเขาอีกเลย ขั้นตอนนี้เป็นเรื่องยากมากสำหรับเขา เพราะในช่วงเวลาหนึ่ง การเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงเขากับประเทศของเขาถูกขัดจังหวะ “เมื่อออกนอกประเทศ ฉันหมดความปรารถนาที่จะแต่ง”- Rachmaninov จะพูดในภายหลัง ในปี 1918 เขาเดินทางไปสหรัฐอเมริกาพร้อมกับภรรยาและลูกๆ ที่นี่เขาแสดงตัวเองก่อนอื่นในฐานะนักเปียโนที่มีความสามารถซึ่งจัดคอนเสิร์ตหลายครั้งเป็นเวลาหนึ่งในสี่ของศตวรรษ เหนือสิ่งอื่นใดเขาสามารถแสดงผลงานของตัวเองได้เช่นเดียวกับการตีความผลงานของนักประพันธ์เพลงโรแมนติก - Liszt, Chopin, Schumann เขายังไม่ค่อยแสดงที่นี่ในฐานะวาทยกร แม้ว่าเขาจะได้รับเชิญให้เป็นผู้นำวง Boston Symphony Orchestra และ Orchestra ในซินซินนาติ

การยุ่งในหลาย ๆ ด้านอธิบายถึงความซบเซาที่สร้างสรรค์ในระยะยาวของ Sergei Vasilievich เฉพาะในช่วงปี 1926/27 หลังจากหยุดไปเกือบสิบปี เขาได้เขียนคอนแชร์โต้ที่สี่ของเขา ยิ่งกว่านั้นผู้เขียนได้ปรับปรุงงานนี้ซึ่งอุทิศให้กับ N. Metner หลายครั้ง การแสดงคอนเสิร์ตครั้งแรกเกิดขึ้นที่ฟิลาเดลเฟียในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2470 ในปีพ.ศ. 2477 รัคมานินอฟเขียนเรื่องแรพโซดีในหัวข้อปากานินี งานนี้รวมถึง 24 รูปแบบที่อุทิศให้กับ 24 caprice ของชาวอิตาลีผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้นักแต่งเพลงมากกว่าหนึ่งคน Rhapsody มักดำเนินการโดยไม่หยุดชะงัก แต่ภายในจะแบ่งออกเป็นสามส่วน

ในปีพ.ศ. 2484 รัชมานินอฟเขียนงานสุดท้ายของเขาคือ Symphonic Dances ในชุดไพเราะนี้ เราได้ยินอย่างชัดเจนถึงลวดลายของโบสถ์อันเป็นที่รักของผู้เขียน เช่นเดียวกับโน้ตดนตรีของ The Golden Cockerel ของ Rimsky-Korsakov โดยทั่วไป ผลงานต่างประเทศทั้งหมดของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม เวทย์มนต์ การรับรู้ถึงการพลัดพรากจากดิน แม้จะป่วยหนัก (มะเร็งปอด) Sergei Vasilievich ยังคงทำกิจกรรมคอนเสิร์ตต่อไป เพียงหนึ่งเดือนครึ่งก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกของเบโธเฟนด้วยแรงบันดาลใจ และมีเพียงอาการป่วยร้ายแรงที่ทำให้เขาต้องหยุดการเดินทาง Sergei Rachmaninoff เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1943 ใน Bererly Hills และถูกฝังในสุสาน Kensiko

ชีวิตส่วนตัว

ในชีวิตของนักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ มีผู้หญิงหลายคนที่ทำหน้าที่เป็นรำพึงของเขาในเวลาต่างกัน ในหมู่พวกเขาคือ Verochka Skalon ซึ่งเขาเขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ให้กับบทกวีของ A. Fet "ในความเงียบของคืนลับ" จากนั้นความรักครั้งใหม่ก็ปรากฏขึ้นในชีวิตของเขา - ภรรยาของเพื่อนสนิทของเขา P. Ladyzhensky ─ Anna เธอเอาชนะเขาด้วยดวงตาสีดำของยิปซีและความเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา เพื่อเป็นการสักการะเธอ ความโรแมนติก "โอ้ ไม่ ฉันภาวนาอย่าจากไป" ปรากฏขึ้น ในปี 1893 Rachmaninov มีงานอดิเรกใหม่ - Natalya Satina ซึ่งเขารู้จักดีตั้งแต่วัยรุ่นเพราะครั้งหนึ่งเขาอาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่ของเธอ ตามประเพณีผู้แต่งเขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ให้กับเธอ คราวนี้ "อย่าร้องเพลงความงามกับฉัน" ความสัมพันธ์ของพวกเขาเติบโตขึ้นสู่การแต่งงานซึ่งทั้งคู่เข้ามาในปี 2445 หนึ่งปีต่อมา Irina ลูกสาวคนโตของพวกเขาเกิด และในปี 1907 น้องคนสุดท้องชื่อ Tatiana

Sergei Vasilievich Rachmaninoff เป็นนักแต่งเพลงชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักในฐานะนักเปียโนและผู้ควบคุมวง เขาได้รับชื่อเสียงเป็นครั้งแรกในขณะที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ ขณะที่เขาเขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ยอดนิยมหลายเรื่อง เช่น พรีลูด เปียโนคอนแชร์โต้ตัวแรก และโอเปร่า Aleko ซึ่งจัดแสดงที่โรงละครบอลชอย ในงานของเขา เขาได้สังเคราะห์โรงเรียนนักแต่งเพลงชาวรัสเซียหลักสองแห่ง คือ มอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และสร้างสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งได้กลายเป็นไข่มุกแห่งดนตรีคลาสสิก

Sergei เกิดในที่ดิน Semyonovo ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัด Novgorod แต่เติบโตขึ้นมาในที่ดิน Oneg ซึ่งเป็นของพ่อของเขาซึ่งเป็นขุนนาง Vasily Arkadyevich แม่ของนักแต่งเพลง Lyubov Petrovna เป็นลูกสาวของผู้อำนวยการคณะนักเรียนนายร้อย Arakcheevsky เห็นได้ชัดว่า Rachmaninov สืบทอดความสามารถทางดนตรีของเขาผ่านทางสายชาย ปู่ของเขาเป็นนักเปียโนและได้แสดงคอนเสิร์ตในหลายเมืองของจักรวรรดิรัสเซีย พ่อยังเป็นที่รู้จักในฐานะนักดนตรีที่ยอดเยี่ยม แต่เขาเล่นในบริษัทที่เป็นมิตรเท่านั้น

ดนตรีโดย Sergei Rachmaninoff สนใจในช่วงปีแรก ๆ ครูคนแรกของเขาคือแม่ของเขาซึ่งแนะนำเด็กให้รู้จักกับพื้นฐานของการรู้หนังสือทางดนตรี จากนั้นเขาก็ศึกษากับนักเปียโนรับเชิญ และเมื่ออายุได้ 9 ขวบเขาเข้าเรียนในชั้นเรียนจูเนียร์ของโรงเรียนสอนดนตรีเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่เมื่อพบว่าตัวเองอายุยังน้อยเพื่อเป็นนายของตัวเอง เด็กชายไม่สามารถรับมือกับสิ่งล่อใจและเริ่มโดดเรียน ที่สภาครอบครัว Sergei Rachmaninov อธิบายสั้น ๆ กับครอบครัวของเขาว่าเขาขาดระเบียบวินัยและพ่อของเขาย้ายลูกชายไปมอสโคว์ไปที่โรงเรียนประจำเอกชนสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์ทางดนตรี นักศึกษาของสถาบันนี้อยู่ภายใต้การดูแลอย่างต่อเนื่อง เล่นเครื่องดนตรีหกชั่วโมงต่อวันและไป Philharmonic และ Opera House โดยไม่ล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม สี่ปีต่อมา เมื่อทะเลาะกับพี่เลี้ยง วัยรุ่นที่มีความสามารถก็ลาออกจากโรงเรียน เขายังคงอาศัยอยู่ในมอสโกเนื่องจากญาติของเขาพาเขาเข้ามาและในปี 1988 เขายังคงศึกษาอยู่ที่แผนกอาวุโสของมอสโก Conservatory ซึ่งเขาสำเร็จการศึกษาด้วยเหรียญทองเมื่ออายุ 19 ในสองทิศทาง - ในฐานะนักเปียโนและนักแต่งเพลง อย่างไรก็ตาม Sergei Rachmaninov ซึ่งมีประวัติสั้น ๆ เชื่อมโยงกับนักดนตรีชาวรัสเซียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่แยกไม่ออกแม้ในวัยที่อ่อนโยนได้พบกับ Pyotr Ilyich Tchaikovsky ต้องขอบคุณเขาที่โอเปร่าครั้งแรกของพรสวรรค์รุ่นเยาว์ "Aleko" จากผลงานของ Alexander Pushkin ถูกจัดแสดงบนเวทีของโรงละครมอสโกบอลชอย

หลังจากจบการศึกษาจากเรือนกระจก ชายหนุ่มก็เริ่มฝึกหญิงสาวในสถาบันสตรี Sergei Rachmaninov ยังสอนเปียโนเป็นการส่วนตัวด้วย แม้ว่าเขาจะไม่เคยชอบที่จะเป็นครูก็ตาม ต่อมานักแต่งเพลงได้เข้ารับตำแหน่งผู้ควบคุมวงที่โรงละครมอสโกบอลชอยและกำกับวงออเคสตราเมื่อพวกเขาแสดงการแสดงจากละครรัสเซีย วาทยากรอีกคนหนึ่งคือ IK Altani ชาวอิตาลีรับผิดชอบการแสดงต่างประเทศ เมื่อเกิดการปฏิวัติเดือนตุลาคมปี 1917 Rachmaninov ไม่ยอมรับ ดังนั้นเขาจึงอพยพจากรัสเซียในโอกาสแรก เขาใช้ประโยชน์จากคำเชิญให้ไปแสดงคอนเสิร์ตที่สตอกโฮล์มและไม่เคยกลับมาจากที่นั่นอีก

ควรสังเกตว่าในยุโรป Sergei Vasilyevich ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีเงินและทรัพย์สินเพราะไม่เช่นนั้นเขาจะไม่ได้รับการปล่อยตัวในต่างประเทศ เขาตัดสินใจที่จะแสดงเป็นนักเปียโน Sergei Rachmaninoff แสดงคอนเสิร์ตหลังคอนเสิร์ตและชำระหนี้อย่างรวดเร็วและยังได้รับชื่อเสียงอย่างมาก ในตอนท้ายของปี 2461 นักดนตรีแล่นเรือกลไฟไปยังนิวยอร์กซึ่งเขาได้รับการต้อนรับในฐานะวีรบุรุษและเป็นดาราระดับแรก ในสหรัฐอเมริกา Rachmaninov ยังคงออกทัวร์ในฐานะนักเปียโน และบางครั้งก็เป็นผู้ควบคุมวง และไม่หยุดกิจกรรมนี้จนกว่าจะสิ้นสุดชีวิตของเขา ชาวอเมริกันเทิดทูนนักแต่งเพลงชาวรัสเซียอย่างแท้จริงมีช่างภาพจำนวนมากติดตามเขาเสมอ Sergei ต้องใช้เคล็ดลับเพื่อกำจัดความสนใจที่น่ารำคาญ ตัวอย่างเช่น เขามักจะเช่าห้องพักในโรงแรม แต่นอนในรถไฟส่วนตัวเพื่อสร้างความสับสนให้นักข่าว

งานศิลปะ

ในขณะที่ยังเป็นนักเรียนอยู่ที่เรือนกระจก รัคมานินอฟก็มีชื่อเสียงในระดับมอสโก ตอนนั้นเองที่เขาเขียนเปียโนคอนแชร์โต้ตัวแรก พรีลูดในซี ชาร์ปไมเนอร์ ซึ่งกลายมาเป็นจุดเด่นของเขาเป็นเวลาหลายปี แต่อาชีพของเขาซึ่งเริ่มต้นได้ดี ถูกขัดจังหวะด้วยความล้มเหลวของเฟิร์สซิมโฟนี หลังจากการแสดงในคอนเสิร์ตฮอลล์ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นักแต่งเพลงก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และทำลายล้างอย่างรุนแรง เป็นเวลากว่าสามปีที่ Sergei Vasilyevich ไม่ได้เขียนอะไรเลยรู้สึกหดหู่ใจและนอนบนโซฟาที่บ้านเกือบตลอดเวลา โดยอาศัยความช่วยเหลือของหมอสะกดจิตเท่านั้นชายหนุ่มก็สามารถเอาชนะวิกฤติสร้างสรรค์ได้

ในปี 1901 Rachmaninov ได้เขียนงานใหม่ที่ยอดเยี่ยม "The Second Piano Concerto" และผลงานชิ้นนี้ก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งในผลงานดนตรีคลาสสิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แม้แต่นักดนตรีร่วมสมัยก็ยังทราบถึงอิทธิพลของการสร้างสรรค์นี้ ตัวอย่างเช่น Matthew Bellamy หัวหน้ากลุ่ม "Muse" ได้สร้างองค์ประกอบเช่น "Space Dementia", "Megalomania" และ "Ruled by Secrecy" บนพื้นฐานของมัน ทำนองของนักแต่งเพลงชาวรัสเซียก็รู้สึกได้ในเพลง "The Fallen Priest", "All by Myself" และ "I Think of You" โดย Frank Sinatra

บทกวีไพเราะ "Isle of the Dead", "Symphony No. 2" ซึ่งแตกต่างจากครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับสาธารณชนและโครงสร้างที่ซับซ้อนมาก "Piano Sonata No. 2" กลายเป็น น่าทึ่งอย่างแน่นอน ในนั้น Rachmaninov ใช้ประโยชน์จากผลกระทบของความไม่ลงรอยกันอย่างกว้างขวางและพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้อยู่ในระดับสูงสุด เมื่อพูดถึงงานของนักแต่งเพลงชาวรัสเซียเราไม่สามารถตั้งชื่อความงามที่มีมนต์ขลัง "Vocalise" ได้ งานชิ้นนี้จัดพิมพ์เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่น Fourteen Songs แต่โดยปกติแล้วจะทำแยกกันและเป็นการบ่งชี้ประสิทธิภาพ วันนี้มี "โวคาลิส" เวอร์ชันต่างๆ ไม่เพียงแต่สำหรับเสียงเท่านั้น แต่ยังสำหรับเปียโน ไวโอลิน และเครื่องดนตรีอื่นๆ รวมถึงวงออเคสตราด้วย

หลังจากการอพยพ Sergei Vasilievich ไม่ได้เขียนงานสำคัญมาเป็นเวลานาน เฉพาะในปี 1927 เขาเผยแพร่คอนแชร์โต้สำหรับเปียโนและออร์เคสตราหมายเลข 4 และเพลงรัสเซียหลายเพลง ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต รัคมานินอฟสร้างผลงานดนตรีเพียงสามชิ้นเท่านั้น - "Symphony No. 3", "Rhapsody on a Paganini Theme for Piano and Orchestra" และ "Symphonic Dances" แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งสามอยู่ในความสูงของดนตรีคลาสสิกระดับโลก

ชีวิตส่วนตัว

Rachmaninov เป็นคนที่มีความรักใคร่มากซึ่งความรู้สึกในใจที่มีต่อผู้หญิงรอบตัวเขาวูบวาบซ้ำแล้วซ้ำเล่า และต้องขอบคุณอารมณ์นี้ที่ทำให้ความรักของผู้แต่งกลายเป็นโคลงสั้น ๆ Sergei อายุประมาณ 17 ปีเมื่อเขาได้พบกับพี่สาวของ Skalon ชายหนุ่มเลือกหนึ่งในนั้นโดยเฉพาะคือ Vera ซึ่งเขาเรียกว่า Vera หรือ "My Psychopathushka" ความรู้สึกโรแมนติกของรัคมานินอฟกลายเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ในขณะเดียวกันก็สงบสุขอย่างหมดจด ชายหนุ่มอุทิศเพลง "In the Silence of the Secret Night" ให้กับ Vera Skalon ความรักสำหรับเชลโลและเปียโนตลอดจนส่วนที่สองของเปียโนคอนแชร์โต้ครั้งแรกของเขา

หลังจากกลับมาที่มอสโคว์ Sergei เขียนจดหมายรักจำนวนมากให้กับหญิงสาวซึ่งรอดชีวิตมาได้ประมาณร้อยคน แต่ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มผู้กระตือรือร้นก็ตกหลุมรัก Anna Lodyzhenskaya ภรรยาของเพื่อนของเขา สำหรับเธอ เขาแต่งเรื่องโรแมนติก "โอ้ ไม่ ได้โปรด อย่าไป!" ซึ่งกลายเป็นเรื่องคลาสสิกไปแล้ว และกับภรรยาในอนาคตของเขา Natalya Alexandrovna Satina Rachmaninov พบกันก่อนหน้านี้มากเพราะเธอเป็นลูกสาวของญาติสนิทที่ปกป้องเขาเมื่อ Sergei ออกจากหอพักของเขา

ในปี พ.ศ. 2436 รัคมานินอฟตระหนักว่าเขากำลังมีความรักและมอบความรักครั้งใหม่ให้กับคนรักของเขาว่า "อย่าร้องเพลงความงามกับฉัน" ชีวิตส่วนตัวของ Sergei Rachmaninoff เปลี่ยนไปหลังจากเก้าปี - Natalya กลายเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการของนักแต่งเพลงหนุ่มและอีกหนึ่งปีต่อมา - แม่ของ Irina ลูกสาวคนโตของเขา รัคมานินอฟมีลูกสาวคนที่สองชื่อทัตยานาซึ่งเกิดในปี 2450 แต่ในเรื่องนี้ความรักของ Sergei Vasilyevich ไม่ได้ทำให้หมดไป หนึ่งใน "รำพึง" ของตำนานคลาสสิกของรัสเซียคือนักร้องสาว Nina Koshits ซึ่งเขาได้เขียนส่วนเสียงร้องเป็นพิเศษ แต่หลังจากการอพยพของ Sergei Vasilyevich ออกทัวร์เขามาพร้อมกับภรรยาของเขาเท่านั้นซึ่ง Rachmaninov เรียกว่า "อัจฉริยะตลอดชีวิตของฉัน"

แม้ว่านักประพันธ์เพลงและนักเปียโนจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่เขามักจะไปเยือนสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเขาได้สร้างวิลล่า Senar อันหรูหรา ซึ่งมองเห็นทิวทัศน์อันน่าทึ่งของทะเลสาบลูเซิร์นและภูเขา Pilatus ชื่อของวิลล่าเป็นตัวย่อของชื่อเจ้าของ - Sergei และ Natalia Rachmaninov ในบ้านหลังนี้ ชายผู้นี้ได้ตระหนักถึงความหลงใหลในเทคโนโลยีที่มีมาอย่างยาวนานอย่างเต็มที่ มีลิฟต์ รางของเล่น และของใหม่อย่างหนึ่งในสมัยนั้น - เครื่องดูดฝุ่น เขาเป็นนักแต่งเพลงและผู้ถือสิทธิบัตรการประดิษฐ์: เขาสร้างปลอกแขนพิเศษที่มีแผ่นทำความร้อนติดอยู่ ซึ่งนักเปียโนสามารถอุ่นมือก่อนคอนเสิร์ตได้ นอกจากนี้ในโรงรถของดารายังมี "คาดิลแลค" หรือ "คอนติเนนตัล" ใหม่ล่าสุดอยู่เสมอซึ่งเขาเปลี่ยนทุกปี

ชีวประวัติของ Sergei Vasilyevich Rachmaninov จะไม่สมบูรณ์หากไม่พูดถึงความรักที่เขามีต่อรัสเซีย นักแต่งเพลงยังคงรักชาติมาตลอดชีวิตล้อมรอบด้วยเพื่อนรัสเซียคนรับใช้รัสเซียและหนังสือรัสเซีย แต่เขาปฏิเสธที่จะกลับมาเพราะเขาไม่รู้จักอำนาจของสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม เมื่อนาซีเยอรมนีโจมตีสหภาพโซเวียต Rachmaninov เกือบจะตื่นตระหนก เขาเริ่มส่งของสะสมจากคอนเสิร์ตหลายๆ ครั้งไปที่กองทุน Red Army และกระตุ้นให้คนรู้จักหลายคนทำตามแบบอย่างของเขา

ความตาย

ตลอดชีวิตของเขา Sergei Vasilyevich สูบบุหรี่มากแทบไม่เคยเลิกบุหรี่เลย เป็นไปได้มากว่าการเสพติดนี้ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังในนักแต่งเพลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จริงอยู่ Rachmaninov เองไม่สงสัยเกี่ยวกับโรคมะเร็งเขาทำงานจนถึงวันสุดท้ายของเขาและเพียงหนึ่งเดือนครึ่งก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเขาได้แสดงคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของเขา

นักแต่งเพลงชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อดูวันเกิดครบรอบ 70 ปีของเขาเพียงสามวัน เขาเสียชีวิตในอพาร์ตเมนต์แคลิฟอร์เนียของเขาในเบเวอร์ลีฮิลส์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2486

Sergei Vasilievich Rachmaninov เกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม (1 เมษายนรูปแบบใหม่), 2416 ในที่ดิน Semyonovo ของเขต Starorussky ของจังหวัด Novgorod

ตระกูล Rachmaninov มีต้นกำเนิดอันสูงส่งในสมัยโบราณและได้สืบเชื้อสายมาจากผู้ปกครองชาวมอลโดวา Dragos ผู้ก่อตั้งรัฐมอลโดวาและปกครองมานานกว่าสองร้อยปี (ศตวรรษที่ XIV-XVI) จากหนึ่งในทายาทของตระกูลโบราณนี้ Vasily ชื่อเล่น Rakhmanin ตระกูล Rachmaninov เริ่มต้นขึ้น

พ่อ Vasily Arkadievich อายุสิบหกปีเข้ารับราชการทหารในฐานะอาสาสมัครและต่อสู้ในคอเคซัส เมื่อเกษียณอายุแล้วเขาแต่งงานกับ Lyubov Petrovna Butakova และตกลงกับเธอในที่ดินของพ่อแม่ของเธอ Oneg

Vasily Arkadievich เป็นคนที่มีเสน่ห์ทางโลกไม่ใช่คนต่างด้าวที่มีความสนใจทางศิลปะ: เขาเล่นเปียโนอย่างกะทันหันเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพ้อฝันบอกเรื่องราวที่ไม่ธรรมดาในคำเดียวเขาเป็นจิตวิญญาณของสังคม เห็นได้ชัดว่า Vasily Arkadievich สืบทอดความสามารถทางดนตรีของเขาจากพ่อของเขา แม้ว่า Arkady Aleksandrovich เป็นทหารในวัยหนุ่มของเขา แต่ในชีวิตของเขาเขามีงานอดิเรกที่แข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคือดนตรี เขาเล่นเปียโนได้อย่างยอดเยี่ยม ศึกษากับ John Field ในวัยหนุ่ม แต่งเพลงเปียโนและเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ

Lyubov Petrovna แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง - มืดมนอยู่เสมอหมกมุ่นอยู่กับบางสิ่งบางอย่างอารมณ์เสีย

Vasily Arkadievich และ Lyubov Petrovna มีลูกห้าคน: ลูกสาวสองคน - Elena และ Sophia ลูกชายสองคน - Vladimir และ Sergei ลูกสาวอีกคน - Varya - เสียชีวิตน้อยมาก

ที่ดิน Oneg ซึ่ง Sergei Rachmaninoff ใช้เวลาในวัยเด็กของเขาอยู่ห่างจาก Novgorod 30 ไมล์บนฝั่งซ้ายของ Volkhov

ตัวบ้านเป็นไม้ชั้นเดียว มีชั้นลอยมองเห็น Volkhov พร้อมหน้าต่างสามบาน ทางด้านทิศเหนือติดกับครัว โรงนา คอกวัว คอกม้า มีสวนผลไม้อยู่รอบบ้าน ล้อมรอบด้วย “รั้ว” ต้นสนหนาทึบ บ่อน้ำสามสระส่องประกายอยู่ในสวน ซึ่งพบปลาคาร์พไม้กางเขน นอกจากนี้ยังมีสวนร่มรื่น ซอยกว้าง

เรียงรายไปด้วยต้นไม้ดอกเหลืองและต้นเมเปิล ไหลลงมายังริมฝั่งแม่น้ำ

ธรรมชาติที่สุขุมของทางเหนือของรัสเซียยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของ Sergei Rachmaninoff ตลอดกาล

ในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของบ้าน Onega มีเปียโนหางยาว เมื่อ Seryozha ยังเด็กมาก ผู้เฒ่าเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง มีเพียงคนเดียวที่ได้ยินการเล่นเปียโนหรือร้องเพลง เด็กชาย "ตัวแข็ง": เขาหยุดนิ่งอยู่กับที่และไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาเลย จากการสังเกตนี้ ผู้ปกครองได้ข้อสรุปที่แตกต่างกันสองประการ หนึ่งในนั้นคือพวกเขาตัดสินใจสอนการเล่นเปียโนของ Seryozha เขาอายุไม่ถึงห้าขวบเมื่อ Lyubov Petrovna ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเรียนดนตรีที่หอพักได้ทำธุรกิจนี้

เด็กชายก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าก็เริ่มแสดงท่าง่ายๆ ในไม่ช้ามันก็ชัดเจนว่าเขามีความทรงจำทางดนตรีที่ยอดเยี่ยม

ต่อมาเพื่อศึกษากับ Serezha เพื่อนของแม่ซึ่งเป็นครูสอนดนตรี A.D. Ornatskaya ได้รับเชิญให้เข้าร่วมที่ดิน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความโน้มเอียงทางศิลปะที่ชัดเจน ตามประเพณีในครอบครัว Seryozha ควรถูกส่งไปยัง Corps of Pages

แต่โชคชะตากำหนดไว้เป็นอย่างอื่น เมื่อรัคมานินอฟอายุได้เจ็ดขวบ พ่อของเขาล้มละลาย ที่ดินถูกขายไปเป็นหนี้ให้เคานต์มูราวีอฟ และครอบครัวย้ายไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก Seryozha เข้าสู่แผนกจูเนียร์ของ St. Petersburg Conservatory ในชั้นเรียนเปียโนภายใต้ครู V. Demyansky

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 80 ความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัวพังทลายลง พ่อทิ้งครอบครัว ทิ้งภรรยาไว้กับลูก

ไม่มีใครคอยดูแลการเลี้ยงดูของรัชมานินอฟ เขาเรียนได้ไม่ดี มักเกียจคร้านและขาดเรียน กิจการอนุรักษ์นิยมของ Seryozha ไม่เป็นลางดี ในเวลานั้นบุคคลที่ใกล้ชิดที่สุดสำหรับนักดนตรีรุ่นเยาว์คือคุณยาย Sofya Aleksandrovna Butakova สำหรับเธอแล้วเขาเป็นหนี้การแสดงทางดนตรีของเด็กที่แข็งแกร่งที่สุดชิ้นหนึ่ง ด้วยความเคร่งศาสนา S. A. Butakova มักพาหลานชายของเธอไปที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ความรักในการร้องเพลงของโบสถ์ของรัคมานินอฟยังคงอยู่ตลอดไป: "เฝ้ายามทุกคืน" อันโด่งดังและ "พิธีสวดของนักบุญยอห์น" John Chrysostom” มีรากฐานมาจากวัยเด็กอันห่างไกล อย่างไรก็ตาม ความสนใจทางดนตรีของ Seryozha นั้นจำกัดอยู่แค่การร้องเพลงในโบสถ์ การเรียนที่เรือนกระจกยังไม่ค่อยสนใจเขานัก ในช่วงสามปีของการศึกษาเขาจัดการกับวิชาดนตรีเท่านั้น - ด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเขา แต่เขาได้เปิดตัวการศึกษาทั่วไปอย่างสมบูรณ์

สามปีต่อมา มารดาหันไปหาญาติของเธอ อเล็กซานเดอร์ ซิโลตี ลูกพี่ลูกน้องของเซเรชาเพื่อขอความช่วยเหลือ ในเวลานั้น Ziloti ยังเด็กมาก แต่นักเปียโนที่มีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว เมื่อประเมินความสามารถพิเศษของน้องชายของเขา Ziloti เสนอให้พาเขาไปมอสโคว์ทันทีและมอบหมายให้เขาเข้าเรียนในชั้นเรียนของ Nikolai Sergeevich Zverev ซึ่งเขาศึกษาด้วยตัวเอง

2. ปีอนุรักษ์นิยม:

ในปี พ.ศ. 2428 Rachmaninoff ถูกย้ายไปเรียนในปีที่สี่ของแผนกจูเนียร์ของมอสโก Conservatory Zverev ไม่เพียงแต่นำ Seryozha เข้ามาในชั้นเรียนของเขาเท่านั้น แต่ยังพาเขาไปที่กระดานเต็มรูปแบบด้วย

NS Zverev ปฏิบัติต่อลูกศิษย์ของเขาเหมือนลูก ๆ ของเขา - พวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านของเขาศึกษาด้วยค่าใช้จ่ายของเขา ระบอบการฝึกอบรมค่อนข้างเข้มงวด มันควรจะเริ่มเล่นตอนหกโมงเช้า หากคืนก่อน Zverev ขับลูกศิษย์ของเขาไปที่โรงละคร - และสิ่งนี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยในตอนเช้าชั้นเรียนก็เริ่มขึ้นตามเวลาที่กำหนด

ในปี พ.ศ. 2431 รัคมานินอฟย้ายไปที่แผนกอาวุโสของมอสโกคอนเซอร์วาทอรีและลงทะเบียนเรียนที่ Zverev ในชั้นเรียนของ A. Ziloti Rachmaninov ศึกษาสาขาวิชาทฤษฎีกับ Taneyev (ทฤษฎีและองค์ประกอบ) และต่อมากับ Arensky (คลาสของความทรงจำและองค์ประกอบอิสระ) Rachmaninov ผ่านการสอบปลายภาคอย่างปรองดอง ก่อนที่จะย้ายไปเรียนหลักสูตรระดับสูงที่ Conservatory มากกว่าที่ประสบความสำเร็จ PI Tchaikovsky ชอบบทโหมโรงที่เขาแต่งมากจนล้อมรอบห้าอันดับแรกด้วยข้อดีสี่ประการและแนะนำให้นักดนตรีหนุ่มใช้องค์ประกอบอย่างจริงจัง

การศึกษาในวัยเรียนของเรือนกระจกเป็นเรื่องง่ายสำหรับรัคมานินอฟ เขาศึกษามามาก เข้าร่วมคอนเสิร์ตในเรือนกระจก และเรียบเรียงอย่างต่อเนื่อง ผลงานชิ้นแรกที่รอดตายเขียนโดยเขาในปี พ.ศ. 2430-2431 ทั้งสามคืนคือ Melody และ Gavotte ในปี พ.ศ. 2433 นักแต่งเพลงหนุ่มได้เปลี่ยนแนวเพลงที่จะเข้ามาแทนที่งานพิเศษของเขา นั่นคือเปียโนคอนแชร์โต้

คอนแชร์โต้แรกของรัคมานินอฟเขียนขึ้นตามประเพณีเปียโนคอนแชร์โตแสนโรแมนติก มีความโดดเด่นในเรื่องความสดของภาษาฮาร์โมนิกที่สดใหม่เป็นพิเศษ แรงดึงดูดต่อภาพ "ตะวันออก" ที่เผ็ดร้อน ต่อจากนั้น ผู้แต่งได้ออกแบบคอนแชร์โต้ใหม่ ทำให้เกิดเป็นฉบับที่สองที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น คอนเสิร์ตนี้เป็นผลงานชิ้นสำคัญชิ้นแรกของนักแต่งเพลงรุ่นเยาว์

ในปี พ.ศ. 2434 เมื่ออายุได้สิบแปดปี รัชมานินอฟได้รับประกาศนียบัตรนักเปียโน

อีกหนึ่งปีต่อมามีการสอบปลายภาคในการจัดองค์ประกอบ การจบหลักสูตร S. Rachmaninov ต้องแต่งโอเปร่าหนึ่งบทในบทเพลงที่แต่งโดย V. Nemirovich-Danchenko ตามบทกวี "Gypsies" ของ A. Pushkin Aleko เขียนขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อวันที่ 27 มีนาคม ชุดรูปแบบกลายเป็นที่รู้จักและในวันที่ 13 เมษายน โอเปร่าในบทเพลงที่เขียนใหม่ทั้งหมดตกแต่งด้วยสีแดงเข้มที่ผูกด้วยลายนูนสีทองถูกนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการ

โอเปร่าของ Rachmaninov ไม่เพียง แต่ได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากคณะกรรมาธิการเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับจากโรงละคร Bolshoi และ Gutheil ผู้จัดพิมพ์เพลงชื่อดังได้ลงนามในสัญญากับผู้เขียนเพื่อเผยแพร่ Aleko ทันที เมื่อสำเร็จการศึกษาจาก Conservatory Rachmaninov ได้รับรางวัลเหรียญทองอันยิ่งใหญ่

Pyotr Ilyich Tchaikovsky ผลงานของนักประพันธ์เพลงอายุสิบเก้าปีที่ยังเด็กมาก

อีกหนึ่งปีต่อมา Aleko ฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงละครบอลชอย

3. ปีแห่งความคิดสร้างสรรค์:

หลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนสอนดนตรีมอสโกในฐานะนักแต่งเพลงและนักเปียโน รัคมานินอฟได้รับตำแหน่งศิลปินอิสระ แต่สถานการณ์ทางการเงินของเขายังคงเป็นที่ต้องการอย่างมาก แม้จะได้เหรียญทองใหญ่และมีการวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยมในการสอบปลายภาค แต่เขาไม่ได้รับข้อเสนอให้สอนที่ Conservatory และถูกบังคับให้ต้องเรียนแบบตัวต่อตัว รายได้ส่วนหนึ่งมาจากผลงานตีพิมพ์ครั้งแรก ในฤดูใบไม้ผลิปี 1893 Fantasy Pieces, opus 3 (Elegy, Prelude, Melody, Punchinelle, Serenade) ได้รับการตีพิมพ์ Prelude in C sharp minor ประสบความสำเร็จเป็นพิเศษ
ในผลงานชิ้นเล็กๆ สามส่วนนี้ สไตล์ดนตรีของนักแต่งเพลงรุ่นเยาว์ได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มที่ เสียงที่หนักแน่นและทรงพลังเปิดโหมโรง: แน่นอนว่าเสียงสะท้อนของระฆังรัสเซียซึ่งเขาได้ยินบ่อยในวัยเด็ก เสียงเบสที่ทุ้มลึกตอบด้วยเสียง "ระฆัง" สูงและดูเหมือนว่าเสียงกริ่งนี้จะลอยอยู่เหนือที่ราบรัสเซียตอนกลางอันกว้างใหญ่

ฤดูร้อนปี 1893 Rachmaninoff ใช้เวลาร่วมกับ M. Slonov เพื่อนของเขาในที่ดินแห่งหนึ่งของจังหวัด Kharkov แฟนตาซีไพเราะ "Cliff" ในรูปแบบของบทกวีของ Lermontov, Fantasy สำหรับเปียโนสองตัวในสี่การเคลื่อนไหวและงานอื่น ๆ เกิดขึ้นที่นั่น

4. ซิมโฟนีแรก วิกฤตสร้างสรรค์:

ในปี พ.ศ. 2438 รัคมานินอฟได้คิดแนวคิดเรื่องซิมโฟนีที่หนึ่ง นี่เป็นงานสำคัญชิ้นแรกของนักเขียนรุ่นเยาว์ คะแนนเสร็จสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2439

รัชมานินอฟได้เลือกข้อความอ้างอิงจากพระคัมภีร์ว่า "การแก้แค้นเป็นของฉัน และฉันจะตอบแทน" ในฐานะที่เป็นบทสรุปของซิมโฟนี

ขณะแต่งเพลงซิมโฟนี รัคมานินอฟหวังว่าจะได้แสดงใน Russian Symphony Concerts และมีความหวังสูงสำหรับมัน อย่างไรก็ตามความหวังเหล่านี้ไม่เป็นธรรมและเป็นครั้งแรกที่การแสดงซิมโฟนีในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2440 ภายใต้การดูแลของ A. Glazunov ตอนนี้ เป็นการยากที่จะตัดสินว่าอะไรเป็นสาเหตุของความล้มเหลวที่สมบูรณ์และน่าสะอิดสะเอียนของ "ลูกหัวปีไพเราะ" ของรัคมานินอฟ

“ ตอนนี้ฉันเห็นบรรยากาศของคอนเสิร์ต - เขียน L. Skalon - Glazunov ยืนเฉย ๆ ที่ขาตั้งของผู้ควบคุมวงและยังแสดงซิมโฟนีอย่างเฉยเมย เขาทำให้เธอผิดหวัง”

“ระหว่างการแสดง ฉันไม่สามารถพาตัวเองไปที่ห้องโถงได้” รัคมานินอฟบอกกับไรเซอร์แมนในภายหลัง - ฉันออกจากห้องศิลปะและซ่อนตัวอยู่ในบันได นั่งบนขั้นบันไดเหล็กของบันไดที่นำไปสู่คณะนักร้องประสานเสียง ที่นี่ฉันซุกซนนั่งตลอดเวลาในขณะที่กำลังแสดงซิมโฟนีซึ่งปลุกความหวังอันยิ่งใหญ่มากมายในตัวฉัน ฉันจะไม่มีวันลืมความปวดร้าวนี้ มันเป็นชั่วโมงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของฉัน "

ความล้มเหลวนี้สร้างความประทับใจให้กับนักแต่งเพลงรุ่นเยาว์มากที่สุด หลังจากการแสดงซิมโฟนีนี้ รัคมานินอฟไม่ได้แต่งอะไรเลยเป็นเวลาประมาณสามปี

5. ทำความคุ้นเคยกับชเลียพิน:

ในปี พ.ศ. 2440 รัคมานินอฟยินดีรับข้อเสนอจากซาวา มามอนตอฟ ผู้ใจบุญผู้มีชื่อเสียงให้รับตำแหน่งวาทยกรคนที่สองที่โรงอุปรากรส่วนตัวของเขา Rachmaninov เข้าสู่ บริษัท แมมมอ ธ ได้อย่างง่ายดายโดยไม่คาดคิดโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ Chaliapin นี่คือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพที่ทั้งนักร้องและนักแต่งเพลงมีมาตลอดชีวิต

ความทรงจำมากมายของผู้ร่วมสมัยที่ได้ยินคู่ Rachmaninov-Chaliapin รอดชีวิตมาได้ พวกเขาทั้งหมดพูดเป็นเสียงเดียว รัสเซียไม่เคยได้ยินคู่นี้มาก่อน “ เมื่อรัคมานินอฟมากับฉัน” ฟีโอดอร์เคยพูดว่า“ ฉันต้องบอกว่าไม่ใช่“ ฉันร้องเพลง” แต่“ เราร้องเพลง”!

ในฤดูกาล 1897/98 ที่โรงอุปรากรส่วนตัวของ Mamontov Rakhma-ninov จะต้องแสดงสิบรายการ

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2441 เขาได้รับคำเชิญจากสมาคมลอนดอนซิมโฟนีให้แสดงในคอนเสิร์ตของเขา ทัวร์ได้รับชัยชนะ รัคมานินอฟแสดงดนตรีแนวแฟนตาซี "The Cliff" และเล่นเปียโนบางชิ้นเป็นครั้งคราว รวมถึง Prelude ที่โด่งดังใน C Sharp minor ในรายการ รัคมานินอฟได้รับแรงบันดาลใจจากผู้ชมและวิจารณ์เกี่ยวกับการสร้างเปียโนคอนแชร์โต้ตัวที่สอง

6. ที่โรงละครบอลชอย:

ในปี พ.ศ. 2447 รัคมานินอฟหันไปดำเนินการอีกครั้งคราวนี้ดำรงตำแหน่งผู้ควบคุมวงของโรงละครบอลชอย การผลิตทั้งหมดที่กำกับโดย Rachmaninov - Mermaid ของ Dargomyzhsky, Prince Igor ของ Borodin, Boris Godunov ของ Mussorsky กลายเป็นมาตรฐาน แต่สิ่งที่ดีที่สุดในการตีความของเขาคือผลงานของ Tchaikovsky - "Eugene Onegin", "The Queen of Spades", "Iolanta" และ "Oprichnik"

ในระหว่างที่เขาทำงานที่ Bolshoi Rachmaninov ได้แสดงโอเปร่าหนึ่งองก์สองเรื่องของเขาที่นั่น - "The Covetous Knight" บนข้อความของโศกนาฏกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ Pushkin และ "Francesca da Rimini" บนโครงเรื่องจาก Dante

7. ความเฟื่องฟูของความคิดสร้างสรรค์:

ในปี พ.ศ. 2449 รัคมานินอฟออกจากโรงละครบอลชอยและออกจากมอสโกกับครอบครัวและย้ายไปต่างประเทศ: ครั้งแรกที่ฟลอเรนซ์จากนั้นไปที่เดรสเดน

ในปี 1907 ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียง Sergei Pavlovich Diaghilev เชิญรัคมานินอฟให้เข้าร่วม Russian Symphony Concerts ในปารีสที่ Sergei Vasilievich แสดงคอนแชร์โต้ครั้งที่สองของเขาและดำเนินการ Vesna cantata ในตอนท้ายของปีเดียวกัน ผู้แต่งได้เสร็จสิ้นการซิมโฟนีที่สองของเขา ต่างจากซิมโฟนีครั้งก่อน เพลงที่สองประสบความสำเร็จ และด้วยเหตุนี้ นักแต่งเพลงจึงได้รับรางวัล Glinkin Prize เป็นครั้งที่สอง (เขาได้รับรางวัลเปียโนคอนแชร์โต้ครั้งที่สองในปี 1904)

ในปีพ.ศ. 2453 เขาได้ออกทัวร์เมืองต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นเวลานาน - เล่นในฟิลาเดลเฟีย นิวยอร์ก บอสตัน ชิคาโก โตรอนโต ที่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการเล่นงานใหม่ของเขาคือ Third Concerto for Piano and Orchestra (จนถึงทุกวันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในงานที่ยากที่สุดในประเภทนี้)

ช่วงก่อนสงครามกลายเป็นว่าเต็มไปด้วยองค์ประกอบใหม่ๆ ในปี พ.ศ. 2453 ทรงเสร็จพิธีสวดของนักบุญ John Chrysostom ” หนึ่งในผลงานทางจิตวิญญาณที่ใหญ่ที่สุดของเขา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัคมานินอฟทำงานอย่างเข้มข้นในการแต่งเพลงเปียโนและแชมเบอร์แชมเบอร์ โหมโรง, Op. 32 ภาพเขียน etudes หกภาพ ความรักมากมาย ในปี ค.ศ. 1912-1913 รัคมานินอฟเขียน The Bells ซึ่งเป็นบทกวีสำหรับวงซิมโฟนีออร์เคสตรา นักร้องประสานเสียง และศิลปินเดี่ยว บนโองการของ K. Balmont ในระฆังต่าง ๆ ที่ดังขึ้น - งานรื่นเริง, งานแต่งงาน, งานศพ - เขาสร้างชีวิตมนุษย์ทั้งชีวิตตั้งแต่แรกเกิดถึงตาย

ในปี พ.ศ. 2458 มีงานทางจิตวิญญาณที่สำคัญครั้งที่สองปรากฏขึ้น -

"เฝ้าทั้งคืน". ท่วงทำนองของโบสถ์เก่าที่เรียกว่าบทสวด znamenny ซึ่งครั้งหนึ่งเด็กชายได้รวบรวมอย่างระมัดระวังใน "กระปุกออมสินดนตรี" ของเขาได้กลายเป็นชีวิตใหม่ ใน All-night Vigil Rachmaninoff ใช้บทสวดเหล่านี้ซึ่งรวมอยู่ใน "Obikhod" และยังคงได้ยินในบริการศักดิ์สิทธิ์ของออร์โธดอกซ์

บทประพันธ์สุดท้ายที่เขียนในมาตุภูมิคือวัฏจักรของความรัก 38 ถึงบทกวีของกวีสัญลักษณ์ A. Blok, A. Bely, I. Severyanin, V. Bryusov และคนอื่น ๆ รวมถึงภาพวาดหกภาพ

8. ห่างไกลจากบ้านเกิด:

ในวันคริสต์มาสปี 1917 รัคมานินอฟและครอบครัวได้ข้ามพรมแดนฟินแลนด์ ดังนั้นเขาจึงเริ่มเดินทางไปต่างประเทศซึ่งยืดเยื้อไปตลอดชีวิต Rachmaninoffs ไม่ได้อยู่ในสแกนดิเนเวียเป็นเวลานาน เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2461 พวกเขาขึ้นเรือกลไฟและออกจากยุโรป เส้นทางของพวกเขาทอดยาวข้ามมหาสมุทรไปยังสหรัฐอเมริกา - "ประเทศที่มีความเป็นไปได้ไม่จำกัด"

นี่เป็นจุดเปลี่ยนที่ยากที่สุดในชีวิตที่ยืนยาวของรัชมานินอฟ เขาเป็น - และเขาตระหนักดีถึงเรื่องนี้ - ศิลปินชาวรัสเซีย งานทั้งหมดของเขาเชื่อมโยงกับรัสเซียอย่างแยกไม่ออก ธรรมชาติและวัฒนธรรมของมัน มันยากอย่างเหลือเชื่อสำหรับเขาที่จะแต่งเพลงให้ห่างไกลจากบ้านเกิดของเขา นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องจัดหาชีวิตครอบครัวของเขา - ภรรยาและลูกสาวที่รักสองคนคือตาเตียนาและไอริน่า

และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาชีพหลักของรัชมานินอฟคือกิจกรรมการแสดงคอนเสิร์ตของนักเปียโนอัจฉริยะ เป็นเวลาหลายปีที่เขาออกทัวร์ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้นและในปี 1923 เขาก็กลับไปยุโรป ในฐานะนักเปียโน รัชมานินอฟประสบความสำเร็จอย่างมาก ซึ่งบางทีอาจไม่เคยเป็นนักแต่งเพลงมาก่อน

ในอเมริกา รัชมานินอฟคือ "ดารา" ที่ไม่มีเงื่อนไข

ละครของเขายิ่งใหญ่มาก สถานที่หลักในนั้นถูกครอบครองนอกเหนือจากการแต่งเปียโนของพวกเขางานโรแมนติก - โชแปง, ชูมันน์, ลิซท์; เขาเล่นไชคอฟสกีเป็นจำนวนมากซึ่งเขาชื่นชอบและแม้ว่าเขาจะไม่ชอบดนตรีสมัยใหม่ แต่ก็แสดง Debussy เป็นครั้งคราว

การตีความของเขาเป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือน เทคนิคอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยม เสียงทรงพลังและนุ่มนวล การอ่านองค์ประกอบใด ๆ ที่เป็นรายบุคคลอย่างแน่นอนไม่เพียงแต่จะจดจำได้ยาวนานเท่านั้น - ตลอดไป

และแม้ว่ากิจกรรมการแต่งเพลงของเขาจะเข้มข้นน้อยลง รัชมานินอฟก็กลับมาแต่งเพลงอีกครั้ง

ในปี 1926 คอนแชร์โต้ที่สี่สำหรับเปียโนและวงออเคสตราปรากฏตัวในฤดูร้อนปี 1932 - "Variations on a Theme of Corelli" ตามด้วย Rhapsody on a Theme of Paganini ในปี 1934 ในปี พ.ศ. 2478 - 2479 - ซิมโฟนีที่สาม งานสำคัญชิ้นสุดท้ายของรัคมานินอฟคือ Symphonic Dances เขียนขึ้นในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1940

รัคมานินอฟคิดถึงบ้านมากตลอดชีวิตที่เหลือของเขา

ในปี 1931 ตามคำแนะนำของรีสมัน รัคมานินอฟซื้อที่ดินแห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ริมทะเลสาบลูเซิร์น

และสร้างวิลล่าบนนั้น ที่ดินที่คิดอย่างรอบคอบและวางแผนอย่างรอบคอบมีความคล้ายคลึงกับรัสเซีย Ivanovka อันเป็นที่รัก Rachmaninoff ตั้งชื่อวิลล่าว่า "Senar" - ย่อมาจาก "Sergei and Natalia Rachmaninov" ใน Senard ผลงานต่อมาของเขาปรากฏขึ้น - "Rhapsody on a Theme of Paganini" และสามซิมโฟนี "Rhapsody" มักถูกเรียกว่า "เปียโนคอนแชร์โต้ที่ห้า" ของรัคมานินอฟ แม้ว่าจะเขียนในรูปแบบของเพลงที่มีชื่อเสียงหลากหลาย

บรรยากาศใน Senar ชวนให้นึกถึงชีวิตเก่าใน Ivanovka - Rachmaninoff ได้รับการเยี่ยมเยียนจากเพื่อนร่วมชาติอย่างต่อเนื่องมีคนหนุ่มสาว - เพื่อนและแฟนสาวของลูกสาว Tatyana และ Irina และถ้าพวกเขาเริ่มเต้นรำแบบรัสเซียแบบเก่า ตัวเขาเองก็นั่งที่เปียโนและเตรียมการเรียบเรียงเพลงพื้นบ้านรัสเซียอย่างยอดเยี่ยม แต่เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น สวิตเซอร์แลนด์ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ Rachmaninov ถูกบังคับให้ออกจากอเมริกาอีกครั้ง: จนกระทั่งสิ้นสุดชีวิตของเขาเขาไม่เคยกลับไปยุโรป

นักแต่งเพลงได้ผ่านสงครามระหว่างรัสเซียและนาซีเยอรมนีอย่างหนัก ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2484 เขาได้ยื่นอุทธรณ์เพื่อสนับสนุนรัสเซียและค่าธรรมเนียมทั้งหมดจากคอนเสิร์ตแรกของฤดูกาล - 3920 ดอลลาร์ - โอนไปยังกงสุลใหญ่ของสหภาพโซเวียตในสหรัฐอเมริกา V. Fedyushin อย่างสมบูรณ์ ในช่วงสองปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขา Rachmaninov ช่วยเพื่อนร่วมชาติของเขาอย่างสุดความสามารถ โอนเงินจำนวนมากไปยังกองทุนต่างๆ และส่งพัสดุพร้อมอาหารและสิ่งของไปให้เพื่อนและแค่คนรู้จักที่อยู่ในสหภาพโซเวียต รัคมานินอฟจัดคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่นอกซ์วิลล์ เขาป่วย รู้สึกแย่ แต่เขาพยายามจะทัวร์ต่อไป อย่างไรก็ตาม อาการป่วยที่กำเริบทำให้เขาต้องหยุดการเดินทาง

ในวันเกิดอายุเจ็ดสิบของเขา โทรเลขแสดงความยินดีมาจากมอสโก ซึ่งลงนามโดยนักประพันธ์เพลงชาวโซเวียต แต่ Sergei Vasilyevich หมดสติไปแล้ว

Rachmaninov เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 1943 ที่บ้านของเขาใน Beverly Hill รัฐแคลิฟอร์เนีย บริการของรัคมานินอฟอยู่ที่โบสถ์รัสเซียในเขตชานเมืองลอสแองเจลิส เขาถูกฝังอยู่ในสุสานรัสเซียใน Kensiko

II. วิเคราะห์ผลงาน

1. คอนแชร์โต้ที่สองสำหรับเปียโนและวงออเคสตรา:

ผลงานที่ดีที่สุดชิ้นหนึ่งของรัคมานินอฟคือคอนแชร์โต้ที่สองสำหรับเปียโนและวงออเคสตรา

เนื้อหาที่สร้างแรงบันดาลใจและลึกซึ้งในขณะเดียวกัน ดนตรีประกอบภาพต่างๆ - บางครั้งก็สว่าง สนุกสนาน - ร่าเริง และตื่นเต้น - น่าสมเพช น่าเศร้า และโลกอันประเสริฐและกวีนิพนธ์ทั้งหมดนี้มีสัดส่วนที่เข้มงวดและกลมกลืนกัน อะไรที่ทำให้คอนเสิร์ตเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของดนตรีสากลที่สว่างไสวที่สุด

การเคลื่อนไหวครั้งแรกของคอนแชร์โต้มีความสำคัญและน่าทึ่งที่สุด ตัวละครดังกล่าวได้รับจากธีมแรก - กล้าหาญและเข้มงวดฟังดูเหมือนระฆังเตือนของระฆังอันยิ่งใหญ่ การครอบงำของความรู้สึกบทกวีได้รับการยืนยันในหัวข้อที่สอง

ธีมหลักสองส่วนนี้ของส่วนแรกนั้นสดใส มีจินตนาการ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในหัวข้อแรกฉันพบการแสดงออกที่สดใส

ตัวละครเพลงพื้นบ้านรัสเซีย มีอารมณ์วิตกกังวล คาดหวังวิตกกังวลอยู่ในนั้น นี่เป็นภาพทั่วไปของทั้งรัสเซียเก่าและนักประพันธ์เพลงร่วมสมัยของรัสเซีย กำลังมองหาเส้นทางของตัวเอง ธีมหลักมีความโดดเด่นในด้านความสามารถและความลึก และจบลงด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ องค์ประกอบแต่ละองค์ประกอบเหล่านี้ได้รับการเน้นในบทบรรเลง โดยที่ธีมหลักจะใช้ในมหากาพย์ จากนั้นเป็นตัวละครเดินขบวน ตามด้วยลักษณะของเพลงสวด การพัฒนานั้นพูดน้อยภาพหลักของนิทรรศการได้รับการพัฒนาแบบไดนามิก ที่นี่อารมณ์ตึงเครียดเต็มไปด้วยละคร ส่วนนี้มีพื้นฐานมาจากแรงจูงใจสั้นๆ และใกล้เคียงกับแต่ละองค์ประกอบของส่วนหลักและส่วนรอง ได้รับอิสรภาพกลายเป็นไดนามิกมากขึ้นเรื่อย ๆ มันแทรกซึมการบรรเลงซึ่งฟังพร้อมกันกับธีมหลักซึ่งสร้างความประทับใจของความเป็นปึกแผ่นการทำงานร่วมกันของแต่ละส่วนของนิทรรศการ

ส่วนด้านข้างในการบรรเลงซ้ำมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก - ลักษณะของมันจะสงบมากขึ้น สงบลงเนื่องจากจังหวะที่ช้าลง เสียงที่นุ่มนวลของสาย และมีคอร์ดสุดท้ายเพียงไม่กี่คอร์ดที่ทำให้ตอนจบของบทมีบุคลิกที่กระตือรือร้น

ธีมหลักของส่วนที่สองของคอนแชร์โต้ในตัวละครและเข้าถึงธีมโคลงสั้น ๆ ของส่วนแรกในระดับสากล เธอยังเป็นโคลงสั้น ๆ ครุ่นคิดและกำหนดลักษณะของการเคลื่อนไหวที่สองทั้งหมด ต้องขอบคุณเสียงขลุ่ยที่เย็นยะเยือกซึ่งร้องเพลงนี้ในตอนเริ่มต้น ความประทับใจของความกระตือรือร้นและความรู้สึกสั่นไหวสูงจึงถูกสร้างขึ้น

คอนเสิร์ตครั้งที่สองจบลงด้วยความรุนแรง ตอนจบที่ร้อนรน สองธีมหลัก - มีพลัง - เจตจำนงและกระตือรือร้นในบทเพลง - สร้างอารมณ์ของการเฉลิมฉลองพิเศษ ความอิ่มเอมใจ ซึ่งในตอนท้ายส่งผลให้เกิดเพลงสรรเสริญอย่างเคร่งขรึม