สิ่งที่Dürerทำเป็นอันดับแรกในการวาดภาพ Albrecht Dürer - ชีวประวัติและภาพวาดของศิลปิน

) ที่เข้ามายังเมืองเยอรมันแห่งนี้จากฮังการีในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 และ Barbara Holper Durers มีลูกสิบแปดคนซึ่งรอดชีวิตมาได้แปดคน ศิลปินในอนาคตคือลูกคนที่สามและลูกชายคนที่สอง พ่อของเขา Albrecht Durer Sr. ช่างทอง แปลตามตัวอักษรว่านามสกุลของฮังการี Aitosi (Hungarian Ajtósi จากชื่อหมู่บ้าน Ajtós จากคำว่า ajtó - "door") เป็นภาษาเยอรมันว่า Türer; ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงภายใต้อิทธิพลของการออกเสียงส่งและเริ่มสะกดDürer Albrecht Durer Jr. จำได้ว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่เคร่งศาสนาซึ่งลงโทษลูก ๆ ของเธอ "อย่างขยันขันแข็ง" และบ่อยครั้ง บางทีอาจจะอ่อนแอจากการตั้งครรภ์บ่อยครั้ง เธอป่วยหนักมาก Anton Koberger ผู้จัดพิมพ์ชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียงกลายเป็นพ่อทูนหัวของDürer: 6.

ตั้งแต่ปี 1477 Albrecht เข้าเรียนที่โรงเรียนละติน ตอนแรกพ่อดึงดูดลูกชายให้มาทำงานในโรงงานเครื่องประดับ อย่างไรก็ตาม Albrecht ต้องการทาสี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้สร้างภาพเหมือนตนเอง (1484, Albertina, Vienna) และ "Madonna with two angels" (1485, สำนักงานแกะสลัก, เบอร์ลิน) ผู้เฒ่าดูเรอร์แม้จะเสียใจที่ต้องเสียเวลาสอนลูกชาย แต่ก็ยอมทำตามที่ร้องขอ และเมื่ออายุได้ 15 ปี อัลเบรชต์ก็ถูกส่งไปที่เวิร์กช็อปของไมเคิล โวลเกมุท ศิลปินชั้นนำของนูเรมเบิร์กในขณะนั้น Dürer บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ใน "Family Chronicle" ซึ่งสร้างขึ้นโดยเขาเมื่อสิ้นสุดชีวิต: 5.

ด้วย Wolgemut Durer ไม่เพียง แต่เชี่ยวชาญในการวาดภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแกะสลักบนไม้และทองแดงด้วย Wolgemuth ร่วมกับลูกเลี้ยง Wilhelm Pleidenwurf ทำการแกะสลักสำหรับ Book of Chronicles ของ Hartmann Schedel ในงานเกี่ยวกับหนังสือที่มีภาพประกอบมากที่สุดของศตวรรษที่ 15 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า "หนังสือพงศาวดาร" โวลเกมุทได้รับความช่วยเหลือจากนักเรียนของเขา หนึ่งในภาพพิมพ์สำหรับฉบับนี้คือ The Dance of Death มาจาก Albrecht Dürer: 97-98

เที่ยวแรก. การแต่งงาน

ก. ดูเรอร์. แอกเนส ดูเรอร์. ปากกาวาด. 1494

เที่ยวอิตาลี

เชื่อกันว่าในปี 1494 หรือก่อนหน้านั้น Dürer ได้เดินทางไปอิตาลี ใน "Family Chronicle" Durer ไม่ได้เขียนอะไรเกี่ยวกับการเดินทางครั้งนี้นักวิจัยบางคนแนะนำว่าศิลปินสร้างขึ้นในปี 1493 / 1494-1495 (มีความเห็นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น) ซึ่งบางทีเขาอาจคุ้นเคย ด้วยผลงานของ Mantegna, Polaiolo, Lorenzo di Credi, Giovanni Bellini และปรมาจารย์คนอื่นๆ

นักวิจัยบางคนเห็นการยืนยันว่า Dürer ได้เดินทางไปอิตาลีในปี 1493 / 1494-1495 ในจดหมายจากเวนิสถึง Pirkheimer เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1506 ซึ่งศิลปินพูดถึงผลงานของชาวอิตาลีที่เขาชอบ "เมื่อสิบเอ็ดปีที่แล้ว" แต่ ตอนนี้ "พวกเขาไม่ชอบมันอีกต่อไป" ผู้สนับสนุนการเดินทางไปอิตาลีครั้งแรกยังดึงความสนใจไปที่บันทึกความทรงจำของคริสตอฟ ไชร์ล ทนายความของนูเรมเบิร์ก ซึ่งใน "หนังสือสรรเสริญเยอรมนี" (ค.ศ. 1508) เรียกการมาเยือนอิตาลีของดูเรร์ในปี ค.ศ. 1506 ว่า "ครั้งที่สอง" ภาพสเก็ตช์ภูมิทัศน์ที่ไม่ระบุวันที่ทั้งหมดโดย Dürer ซึ่งกลายเป็นสีน้ำภาพแรกในทัศนศิลป์ของยุโรปตะวันตกในประเภทนี้ เป็นของผู้สนับสนุนเวอร์ชันนี้อย่างแม่นยำเพื่อการเดินทางของอิตาลีในปี 1493 / 1494-1495 ต่อมา ดูเรอร์ใช้แรงจูงใจเหล่านี้ เช่นเดียวกับภาพร่างบริเวณโดยรอบของนูเรมเบิร์กในการแกะสลักของเขา 27.

เริ่มต้นได้ด้วยตัวเอง

ในทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 15 ศิลปินได้สร้างภาพเหมือนหลายภาพ: พ่อของเขา, ตัวแทนขาย Oswald Krel (1499, Alte Pinakothek, มิวนิก), Saxon Elector Frederick III (1494/97) และภาพเหมือนตนเอง (1498) , ปราโด, มาดริด). หนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดและสำคัญที่สุดของ Dürer ในช่วงระหว่าง 1494/5 ถึง 1505 (การเดินทางครั้งแรกและครั้งที่สองของศิลปินไปยังอิตาลี) ถือเป็น "Adoration of the Magi" ซึ่งเขียนโดยDürerสำหรับ Frederick III ก่อนหน้านี้ Dürer ซึ่งอาจจะเป็นผู้ช่วยก็ได้ทำ polyptych "Seven Sorrows" (ประมาณ 1500) ให้เสร็จสำหรับผู้มีสิทธิเลือกตั้งแห่งแซกโซนี

เวนิส

นูเรมเบิร์ก 1506-1520

แท่นบูชาของ Landauer 1511. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศิลปะ. หลอดเลือดดำ

ในปี ค.ศ. 1509 Dürerได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ Grand Council of Nuremberg เป็นไปได้ว่าในฐานะนี้เขามีส่วนร่วมในโครงการศิลปะของเมือง ในปีเดียวกันนั้น เขาซื้อบ้านใน Zisselgasse (ปัจจุบันคือพิพิธภัณฑ์บ้านดูเรอร์): 8.

ในปี ค.ศ. 1511 ดูเรอร์ซึ่งได้รับมอบหมายจากพ่อค้านูเรมเบิร์ก Matthias Landauer ทาสีแท่นบูชา "ความรักของพระตรีเอกภาพ" ("แท่นบูชาของ Landauer" พิพิธภัณฑ์ Kunsthistorisches เวียนนา): 106-107 โปรแกรมรูปเคารพของแท่นบูชาซึ่งประกอบด้วยรูปภาพและกรอบไม้แกะสลักที่สร้างโดยปรมาจารย์นูเรมเบิร์กที่ไม่รู้จัก ในส่วนบนซึ่งแกะสลักเป็นฉากของการพิพากษาครั้งสุดท้าย ได้รับการพัฒนาโดยดูเรอร์ มันขึ้นอยู่กับบทความของออกัสตินเรื่องเมืองแห่งพระเจ้า ในปี ค.ศ. 1585 เมื่อรูดอล์ฟที่ 2 ได้รับภาพวาดโดยดูเรอร์ เฟรมยังคงอยู่ในนูเรมเบิร์ก: 106 แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดัง (Jacob Wimpfeling ใน "German History" ของเขาเขียนว่าภาพวาดของDürerมีคุณค่าในอิตาลี "... สูงเท่ากับภาพวาดของ Parrasius และ Apelles") ศิลปินยังคงตระหนักว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทัศนคติของเขา ลูกค้าของพวกเขาซึ่งตามประเพณีที่หยั่งรากในเยอรมนีถือว่าจิตรกรเป็นเพียงช่างฝีมือ ดังนั้นการตัดสินโดยจดหมายถึงจาค็อบเกลเลอร์ซึ่งดูเรอร์แสดงแท่นบูชา "The Ascension of Mary" พ่อค้าแฟรงค์เฟิร์ตรายนี้ไม่พอใจกับการเพิ่มขึ้นของงานและศิลปินต้องอธิบายว่างานที่มีคุณภาพสูงไม่เหมือน ภาพวาดธรรมดาต้องใช้เวลามากขึ้น ในที่สุด Geller ก็พอใจกับงานที่ทำ แต่รางวัลที่Dürerได้รับจากการทำงานนั้นแทบจะไม่ครอบคลุมต้นทุนของวัสดุที่ใช้ไป

Dürer มุ่งเน้นความพยายามของเขาในการบรรลุทักษะสูงสุดในการแกะสลักโดยเห็นเส้นทางที่ถูกต้องในการจดจำและความเป็นอยู่ที่ดีของวัสดุ: ก่อนเดินทางไปเวนิส รายได้หลักของดูเรอร์คือรายได้จากการขายภาพพิมพ์ แม่และภรรยาของศิลปินมีส่วนร่วมในการดำเนินการในงานแสดงสินค้าในนูเรมเบิร์ก เอาก์สบูร์ก และแฟรงก์เฟิร์ต อัมไมน์ งานแกะสลักของDürerถูกส่งไปยังเมืองและประเทศอื่น ๆ พร้อมกับสินค้าของพ่อค้า Imgofs และ Tucher

จากปี ค.ศ. 1507 ถึงปี ค.ศ. 1512 Dürerได้ผลิตภาพพิมพ์แบบกำหนดเองจำนวนมากรวมถึงชุดภาพพิมพ์ทางศาสนา (Life of Mary, Great Passion, Small Passion, Passion on copper) เพื่อขาย ในปี ค.ศ. 1515-1518 Durer พยายามทำงานในเทคนิคที่ใหม่ในขณะนั้น - การแกะสลัก เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีการระบุกรดสำหรับการกัดทองแดง Dürer จึงทำการแกะสลักบนกระดานเหล็ก ก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 1512 ดูเรอร์ใช้การแกะสลักประเภทนี้เป็นจุดที่แห้ง แต่ไม่นานก็ละทิ้งไป

ในฤดูร้อนปี 1518 ดูเรอร์เป็นตัวแทนของเมืองนูเรมเบิร์กที่ Reichstag ในเอาก์สบวร์ก ซึ่งเขาวาดภาพเหมือนของมักซีมีเลียนที่ 1 เจค็อบ ฟุกเกอร์ และผู้เข้าร่วมที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ ในการประชุม

ผลงานของ Maximilian I

ก. ดูเรอร์. ภาพเหมือนของแมกซีมีเลียน I

ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1512 จักรพรรดิแมกซีมีเลียนที่ 1 กลายเป็นผู้อุปถัมภ์หลักของศิลปิน เมื่อถึงเวลานั้น Dürer ผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลักที่มีชื่อเสียงพร้อมกับนักเรียนของเวิร์กช็อปของเขาได้มีส่วนร่วมในงานตามคำสั่งของจักรพรรดิ: "Arc de Triomphe" ซึ่งเป็นแม่พิมพ์ไม้ขนาดมหึมา (3.5 x 3 ม.) ทำ การแสดงผลเพิ่มขึ้นจาก 192 แผ่น: 8 องค์ประกอบที่ยิ่งใหญ่ซึ่งคิดและดำเนินการเพื่อเป็นเกียรติแก่ Maximilian นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อตกแต่งผนัง ซุ้มประตูชัยโรมันโบราณเป็นแบบอย่างให้กับเธอ Pirkheimer และ Johann Staby (แนวคิดและสัญลักษณ์) จิตรกรศาลJörg Kölderer ช่างแกะสลัก Hieronymus Andrea มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการนี้: 76 นอกจาก Arc de Triomphe แล้ว Marx Treitzsaurwein ยังได้พัฒนาร่างการแกะสลัก Triumphal Procession ซึ่งเป็นงานแกะสลักไม้ที่Dürerแสดงร่วมกับ Albrecht Altdorfer และ Hans Springinklee ในปี ค.ศ. 1513 ศิลปินร่วมกับอาจารย์ชาวเยอรมันชั้นนำคนอื่น ๆ ได้มีส่วนร่วมในภาพประกอบ (ภาพวาดด้วยปากกา) ของหนึ่งในห้าสำเนาของ The Prayer Book of Emperor Maximilian ปัญหาทางการเงินที่จักรพรรดิประสบอย่างต่อเนื่องไม่อนุญาตให้เขาชำระ Durer ตรงเวลา แมกซีมีเลียนเสนอให้ศิลปินยกเว้นภาษีเมือง แต่สภานูเรมเบิร์กคัดค้านเรื่องนี้ Dürerยังได้รับจดหมายจาก Maximilian (Freibrief) ซึ่งปกป้องเขาจากการคัดลอกงานแกะสลักของเขาบนไม้และทองแดง ในปี ค.ศ. 1515 ตามคำร้องขอของDürer จักรพรรดิได้มอบบำเหน็จบำนาญชีวิตให้เขา 100 กิลเดอร์ต่อปี จากจำนวนเงินที่เมืองนูเรมเบิร์กมอบให้กับคลังสมบัติของจักรวรรดิ

Durer และการปฏิรูป

ในปี ค.ศ. 1517 ดูเรอร์เข้าร่วมกลุ่มนักปฏิรูปเมืองนูเรมเบิร์ก นำโดยโยฮันน์ สเตาปิตซ์ พระสังฆราชออกัสติเนียน และเวนเซสลาส ลิงค์ ผู้ร่วมงานของเขา ทำความคุ้นเคยกับผลงานของ Martin Luther ซึ่งตามที่ศิลปิน "ช่วยเขาได้มาก" ( der mir aus großen engsten geholfen hat) อาจเกิดขึ้นประมาณปี ค.ศ. 1518 ศิลปินรักษาความสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญของการปฏิรูป: Zwingli (ซึ่งเขาได้รับคำสอนมาระยะหนึ่ง), Karlstadt, Melanchthon, Cornelius Grapheus, Nicholas Kratzer หลังจากการเสียชีวิตของดูเรอร์ Pirkheimer จำเพื่อนของเขาได้ พูดถึงเขาว่าเป็น “ลูเธอรันที่ดี” ในตอนต้นของปี ค.ศ. 1518 ดูเรอร์ส่งภาพพิมพ์ของเขาไปให้ลูเทอร์ ศิลปินหวังว่าจะแกะสลักรูปเหมือนของลูเทอร์ด้วยตัวเอง แต่การพบปะส่วนตัวของพวกเขาไม่เคยเกิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1521 เมื่อมีข่าวลือเท็จแพร่กระจายว่าลูเธอร์ถูกจับหลังจากเวิร์มไรชส์ทาก ดูเรอร์เขียนในไดอารี่การเดินทางไปยังเนเธอร์แลนด์ว่า "โอ้ พระเจ้า ถ้าลูเธอร์ตาย ใครจะเล่าให้เราฟังพระกิตติคุณอันศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างชัดเจนจากนี้ไป" Dürer ยึดมั่นในมุมมองของ "เหล่าไอคอน" ที่ต่อต้านการทำให้ภาพ "มหัศจรรย์" กลายเป็นภาพเหมือนที่เห็นได้ชัดเจนจาก "การอุทิศให้กับ Pirkheimer" ในบทความ "คู่มือการวัด ... " ไม่ได้ยืนยันว่าได้ผล ศิลปะจะถูกลบออกจากคริสตจักร

ในผลงานชิ้นหลังของดูเรร์ นักวิจัยบางคนพบเห็นอกเห็นใจต่อนิกายโปรเตสแตนต์ ตัวอย่างเช่น ในการแกะสลัก "กระยาหารมื้อสุดท้าย" (1523) การรวมชามศีลมหาสนิทในองค์ประกอบถือเป็นการแสดงออกถึงแนวคิดของ Calixtins แม้ว่าการตีความนี้จะถูกตั้งคำถามก็ตาม ความล่าช้าในการเปิดตัวการแกะสลักของนักบุญฟิลิป ซึ่งเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1523 แต่พิมพ์เพียงในปี ค.ศ. 1526 อาจเป็นเพราะความสงสัยของดูเรร์เกี่ยวกับการพรรณนาภาพของนักบุญ แม้ว่าดูเรอร์จะไม่ใช่ผู้นับถือศาสนา เขาก็ประเมินบทบาทของศิลปะในศาสนาอีกครั้งในช่วงหลายปีสุดท้ายของชีวิต

เที่ยวเนเธอร์แลนด์

ก. ดูเรอร์. ภาพเหมือนของอีราสมุส ชอล์กสีดำบนกระดาษ ตกลง. 1520

เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1520 ชาร์ลส์ที่ 5 ได้ยืนยันสิทธิ์ของดูเรอร์ในการได้รับเงินบำนาญ 100 กิลเดอร์ต่อปี รายการใน "ไดอารี่" สิ้นสุดที่นั่น การเดินทางขากลับ ตัดสินโดยภาพสเก็ตช์ในอัลบั้มท่องเที่ยว ศิลปินสร้างตามแม่น้ำไรน์และเมน ศิลปินกลับมาที่นูเรมเบิร์กในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1521

ปีที่แล้ว

หลุมฝังศพของDürerที่สุสานของ John ใน Nuremberg

ในตอนท้ายของชีวิต Dürer ทำงานเป็นจิตรกรเป็นจำนวนมาก ในช่วงเวลานี้เขาได้สร้างผลงานที่ลึกซึ้งที่สุดซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคุ้นเคยกับศิลปะดัตช์ของเขา ภาพวาดที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ "สี่อัครสาวก" ซึ่งศิลปินนำเสนอต่อสภาเทศบาลเมืองในปี ค.ศ. 1526 ในบรรดานักวิจัยของงานของDürerมีความขัดแย้งในการตีความของ diptych นี้ - บางคนตามผู้ประดิษฐ์ตัวอักษร Johann Neiderfer ( ) ผู้ดำเนินการจารึกบนภาพวาดตามคำแนะนำของศิลปิน (คำพูดจากพระคัมภีร์ในการแปลของลูเธอร์) ดูในสี่อัครสาวกเพียงภาพสี่อารมณ์อื่น ๆ - การตอบสนองของอาจารย์ต่อความแตกต่างทางศาสนาที่เขย่าเยอรมนีและภาพสะท้อน ของแนวคิดเรื่อง "ความแตกต่างระหว่างยูโทเปียที่มีมนุษยนิยมกับความเป็นจริง": 105.

ในเนเธอร์แลนด์ ดูเรอร์ตกเป็นเหยื่อของโรคที่ไม่ทราบสาเหตุ (อาจเป็นมาลาเรีย) จากการโจมตีที่เขาต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต: 92 อาการของโรค - รวมถึงการขยายตัวของม้ามอย่างรุนแรง - เขารายงานในจดหมายถึงแพทย์ของเขา Dürer ชี้ไปที่ม้ามเพื่ออธิบายภาพวาดที่เขาเขียนว่า: "ที่ใดมีจุดสีเหลือง และสิ่งที่ฉันใช้นิ้วชี้ ฉันรู้สึกเจ็บปวดที่นั่น"

จนกระทั่งวันสุดท้ายของเขา Dürer กำลังเตรียมบทความเชิงทฤษฎีเกี่ยวกับสัดส่วนสำหรับการตีพิมพ์ Albrecht Durer เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1528 ในบ้านเกิดของเขาในนูเรมเบิร์ก: 11

จัตุรัสมายากลของDürer

เศษของการแกะสลัก "ความเศร้าโศก" ของDürer

Magic Square ของDürerยังคงเป็นปริศนาที่ซับซ้อน หากเราพิจารณาช่องสี่เหลี่ยมตรงกลางของแนวตั้งแรก การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในนั้นเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง - ตัวเลขได้รับการแก้ไขแล้ว: 6 ถูกแก้ไขเป็น 5 และ 9 มาจาก 5 ไม่ต้องสงสัย Dürerไม่ได้เพิ่มคุณค่าของเขาโดยบังเอิญ " จตุรัสมหัศจรรย์” กับรายละเอียดที่ไม่อาจมองข้าม

แผนที่ดาวและภูมิศาสตร์ของDürer

ภาพวาด

"คู่มือการวัดด้วยเข็มทิศและไม้บรรทัด"

ส่วนอื่น ๆ ของแผนระยะสั้น (ปัญหาของการวาดภาพสถาปัตยกรรม มุมมอง และ chiaroscuro) รวมอยู่ในบทความ "คู่มือการวัดด้วยเข็มทิศและไม้บรรทัด" ( Vnderweysung der messung mit dem zirckel vnd richtsheytตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1525 ฉบับที่สองพร้อมการแก้ไขและเพิ่มเติมโดยดูเรอร์ ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1538): 11

คู่มือเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเมือง ปราสาท และหุบเขา

ในปีสุดท้ายของชีวิต Albrecht Durer ให้ความสนใจอย่างมากกับการปรับปรุงป้อมปราการป้องกันซึ่งเกิดจากการพัฒนาอาวุธปืนอันเป็นผลมาจากโครงสร้างในยุคกลางจำนวนมากไม่ได้ผล ในงานของเขา "คู่มือการสร้างป้อมปราการของเมือง ปราสาท และช่องเขา" ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1527 ดูเรอร์อธิบายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ป้อมปราการรูปแบบใหม่ซึ่งเขาเรียกว่าบาสเทีย การสร้างทฤษฎีป้อมปราการใหม่ ตามความเห็นของ Dürer เป็นเพราะความกังวลของเขาในการปกป้องประชากร "จากความรุนแรงและการกดขี่ที่ไม่เป็นธรรม" อ้างอิงจากส Dürer การสร้างป้อมปราการจะช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสทำงาน และช่วยพวกเขาให้พ้นจากความหิวโหยและความยากจน ในเวลาเดียวกันเขาตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งสำคัญในการป้องกันคือความยืดหยุ่นของผู้พิทักษ์

หน่วยความจำ

ความคิดเห็น (1)

หมายเหตุ (แก้ไข)

1. พจนานุกรมสารานุกรมมนุษยธรรมรัสเซีย แม่พิมพ์
2. Albrecht Dürer // จิตรกรและประติมากรผู้มีอิทธิพลมากที่สุดหนึ่งร้อยคนของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา - สำนักพิมพ์เพื่อการศึกษาบริแทนนิกา - The Rosen Publishing Group, 2552 .-- 376 น. - ISBN 9781615300433
3. โกโลวิน วี Durer และ German Renaissance // M. Brion ดูเรอร์ - M.: Molodaya gvardiya, 2006. - S. 9 - (ชีวิตของคนที่ยอดเยี่ยม)
4. บาร์ตรัม ดี. Durer / ต่อ จากภาษาอังกฤษ .. - M.: Niola-Press, 2010. - 96 p. - (จากการสะสมของบริติชมิวเซียม). - 3000 เล่ม - ไอ 978-5-366-00421-3
5. ดูเรอร์ เอมรดกวรรณกรรมของDürer // บทความ. ไดอารี่ จดหมาย / การแปลโดย Nesselstrauss C. - ม.: ศิลป์, 2500 .-- ต. 1
6. เนมิรอฟสกี อี.โลกของหนังสือ ตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงต้นศตวรรษที่ XX / ผู้วิจารณ์ A. A. Govorov, E. A. Dinershtein, V. G. Utkov - มอสโก: หนังสือ 2529 - 50,000 เล่ม
7. Giulia Bartrum, "Albrecht Dürer and his Legacy", British Museum Press, 2002, ISBN 0-7141-2633-0
8. กบฏอี Albrecht Dürer, Maler und Humanist - C. Bertelsmann, 1996. - S. 457.
9. เบอนัว เอประวัติจิตรกรรมของทุกสมัยและทุกชนชาติ - เอสพีบี : Publishing House "Neva", 2002. - T. 1 - S. 307. - 544 p. - ISBN 5-7654-1889-9
10. , จาก. สามสิบ
11. ดือเรอร์ ฟามีเลียนแวปเพิน (เยอรมัน). พิพิธภัณฑ์ Kloster Asbach เก็บถาวรจากต้นฉบับเมื่อ 30 พฤษภาคม 2555 สืบค้นเมื่อ 19 มีนาคม 2555.
12. โวล์ฟลิน เอช. Die Kunst Albrecht Durers - München: F Bruckmann, 1905. - S. 154-55.
13. Costantino Porcu (เอ็ด), Dürer, Rizzoli, Milan 2004. p. 112
14. ซุฟฟี่ เอส Atlas อันยิ่งใหญ่แห่งจิตรกรรม วิจิตรศิลป์ 1,000 ปี / บรรณาธิการวิทยาศาสตร์ S.I. Kozlova - มอสโก: OLMA-PRESS, 2002 .-- ISBN 5-224-03922-3
15. โคโรเลวา เอ.ดูเรอร์ - M.: Olma Press, 2007 .-- P. 82 .-- 128 p. - (คลังภาพอัจฉริยะ). - ISBN 5-373-00880-X
16. วิป บีบทความเกี่ยวกับศิลปะ / Enter. บทความโดย G.N. Livanova - M.: Art, 1970 .-- P. 107 .-- 591 p.
17. รุพพริช เอช. Durer: Schrifilicher Nachlass, 3 เล่ม - เบอร์ลิน: Deutscher Verein fur Kunstvvissenschaft, 1956-69 - ต. 1 - หน้า 221.
18. จดหมายของ Pirkheimer ถึงสถาปนิก Johannes Cherta
19. สเตราส์, วอลเตอร์ แอล. (เอ็ด.). การแกะสลัก การแกะสลัก และจุดแห้งที่สมบูรณ์ของ Albrecht Durer สิ่งพิมพ์โดเวอร์ พ.ศ. 2516 ISBN 0-486-22851-7
20. ฮอตช์คิส ไพรซ์, เดวิด. ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของ Albrecht Dürer: มนุษยนิยม การปฏิรูป และศิลปะแห่งศรัทธา มิชิแกน, 2546.

A. Dürer (1471-1528) - ศิลปินชาวเยอรมันผู้ยิ่งใหญ่และในปีสุดท้ายของชีวิตและนักทฤษฎีศิลปะ ชีวประวัติและผลงานของเขามีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา ผลงานของ Albrecht Dürer ยังคงดึงดูดผู้ชื่นชอบการวาดภาพหลายคน ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเขา? ชีวิตและผลงานของ Albrecht Durer นำเสนอในบทความนี้

ชีวประวัติสั้น

พ่อของเขาเป็นชาวฮังการี เป็นช่างเงิน Albrecht ศึกษาครั้งแรกกับพ่อของเขา และจากนั้นกับ Michael Wolgemuth จิตรกรและช่างพิมพ์จากนูเรมเบิร์ก ค.ศ. 1490-1494 - "ปีแห่งการพเนจร" บังคับเพื่อรับตำแหน่งอาจารย์ Albrecht ใช้เวลานี้ในเมืองต่างๆ ของ Upper Rhine (Strasbourg, Colmar, Basel) ที่นี่เขาเข้าสู่แวดวงเครื่องพิมพ์หนังสือและนักมนุษยนิยม เป็นที่ทราบกันดีว่าDürerต้องการปรับปรุงการแกะสลักโลหะด้วย M. Shogauer ในเมืองกอลมาร์ แต่ไม่พบเขายังมีชีวิตอยู่ จากนั้นอัลเบรชท์ก็เริ่มศึกษาผลงานของอาจารย์ท่านนี้โดยสื่อสารกับลูกชายของเขาซึ่งเป็นศิลปินด้วย

ในปี ค.ศ. 1494 Albrecht Durer ได้กลับไปยังนูเรมเบิร์ก ชีวประวัติและงานของเขาถูกทำเครื่องหมายด้วยเหตุการณ์สำคัญในเวลานี้ ตอนนั้นเองที่การแต่งงานกับ Agnes Frey เกิดขึ้นรวมถึงการเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการของเขาเอง หลังจากนั้นไม่นาน Albrecht ตัดสินใจเดินทางครั้งใหม่ คราวนี้เลือกภาคเหนือของอิตาลี ทรงเสด็จเยือนปาดัวและเวนิสในปี ค.ศ. 1494-95 Durer ยังเดินทางไปเวนิสในปี ค.ศ. 1505 อยู่ที่นั่นจนถึงปี 1507 ความคุ้นเคยของ Albrecht กับ I มีอายุย้อนไปถึงปี 1512 เห็นได้ชัดว่าในเวลาเดียวกันDürerเริ่มทำงานให้กับเขาจนกระทั่งการตายของ Maximilian ซึ่งเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1519 เป็นที่ทราบกันว่า Albrecht ได้ไปเยือนเนเธอร์แลนด์ด้วยเช่นกัน ในช่วงปี ค.ศ. 1520 ถึงปี ค.ศ. 1521 เขาได้ไปเยือนเมืองต่างๆ เช่น บรัสเซลส์ แอนต์เวิร์ป เกนต์ บรูจส์ มาลิน และอื่นๆ

งานของDürer

และผลงานของเขาตรงกับยุครุ่งเรืองของเยอรมันยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เขาไม่สามารถอยู่ห่างจากแนวโน้มของเวลาของเขาได้ มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากและไม่สามัคคีกันเป็นส่วนใหญ่ ตัวละครของเขาได้ทิ้งรอยประทับไว้บนงานศิลปะทุกรูปแบบ การฟื้นคืนชีพในผลงานของ Albrecht ได้รวบรวมความคิดริเริ่มและความสมบูรณ์ของประเพณีทางศิลปะของเยอรมัน สิ่งเหล่านี้ปรากฏเป็นหน้ากากของตัวละครของDürerซึ่งห่างไกลจากความสวยงามจากมุมมองของอุดมคติแบบคลาสสิก นอกจากนี้อาจารย์ชอบทุกอย่างที่เผ็ดร้อนใส่ใจในรายละเอียดของแต่ละบุคคล ในขณะเดียวกัน การติดต่อกับศิลปะอิตาลีก็มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Albrecht ผลงานของ Albrecht Dürer โดดเด่นด้วยความจริงที่ว่าเขาพยายามเข้าใจความลับของความสมบูรณ์แบบและความกลมกลืนของเขา Dürerเป็นตัวแทนเพียงคนเดียวที่ในแง่ของความเก่งกาจและการมุ่งเน้นความสนใจความปรารถนาที่จะเข้าใจกฎของศิลปะเพื่อสร้างสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบของร่างมนุษย์สามารถเทียบได้กับปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอิตาลี .

ภาพวาด

งานของ Albrecht Durer มีความหลากหลาย เขามีพรสวรรค์เป็นช่างเขียนแบบ ช่างพิมพ์ และจิตรกร ในเวลาเดียวกัน การแกะสลักและการวาดภาพบางครั้งถึงกับเป็นผู้นำ มากกว่า 900 แผ่นมีมรดกของ Dürer นักเขียนแบบร่าง ในแง่ของความหลากหลายและความกว้างใหญ่ เปรียบได้กับการสร้างสรรค์ของเลโอนาร์โด ดา วินชีเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าการวาดภาพเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของอาจารย์ ดูเรอร์ใช้เทคนิคกราฟิคทั้งหมดในยุคนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว ตั้งแต่ถ่าน สีน้ำ ไปจนถึงปากกากกและเข็มหมุดสีเงิน สำหรับปรมาจารย์ชาวอิตาลี การวาดภาพกลายเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดสำหรับ Dürer ในการสร้างองค์ประกอบ ขั้นตอนนี้รวมถึงการศึกษา การสเก็ตช์ศีรษะ ขา แขน และผ้าม่าน

สำหรับDürerการวาดภาพเป็นเครื่องมือที่เขาศึกษาประเภทลักษณะ - นูเรมเบิร์กแฟชั่นนิสต้าสุภาพบุรุษที่ฉลาดและชาวนา ผลงานที่มีชื่อเสียงของ Albrecht Durer คือภาพวาดสีน้ำของปรมาจารย์ "Hare" (ภาพด้านบน) และ "Piece of turf" พวกเขาถูกประหารชีวิตด้วยความเยือกเย็นและความตั้งใจเช่นนั้นที่พวกเขาสามารถกลายเป็นภาพประกอบสำหรับรหัสทางวิทยาศาสตร์

ชุดภูมิทัศน์ Landscape

งานสำคัญชิ้นแรกของอาจารย์คือชุดภูมิทัศน์ระหว่างปี 1494-95 งานเหล่านี้โดย Albrecht Durer ถูกประหารชีวิตด้วยสีน้ำและ gouache ระหว่างการเดินทางไปอิตาลี เป็นองค์ประกอบที่สมดุลและรอบคอบอย่างรอบคอบ โดยมีแผนพื้นที่ที่สลับกันไปมาอย่างราบรื่น ผลงานเหล่านี้โดย Albrecht Dürer เป็นภูมิทัศน์ที่ "บริสุทธิ์" แรกในประวัติศาสตร์ศิลปะยุโรป

"คริสต์มาส", "ความรักของพวกโหราจารย์", "อดัมและอีฟ"

อารมณ์ที่ชัดเจนและสม่ำเสมอ ความปรารถนาของผู้เขียนสำหรับความสมดุลของจังหวะและรูปแบบที่กลมกลืนกัน นี่คือลักษณะเฉพาะของภาพวาดของดูเรร์ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 จนถึงต้นทศวรรษที่สองของศตวรรษที่ 16 นี่คือแท่นบูชา "การประสูติ" ซึ่งสร้างขึ้นราวปี 1498 และงาน "ความรักของพวกโหราจารย์" ย้อนหลังไปถึงปี 1504 ซึ่ง Durer ได้รวมกลุ่มของ Magi และ Madonna เข้าด้วยกันด้วยเงาที่ลื่นไหล จังหวะวงกลมที่สงบ และโค้ง ลวดลายซ้ำหลายครั้งในการตกแต่งสถาปัตยกรรม ในช่วงทศวรรษที่ 1500 หัวข้อหลักของงานของ Albrecht คือความปรารถนาที่จะค้นหาสัดส่วนในอุดมคติของร่างกายมนุษย์ เขาค้นหาความลับของพวกเขาด้วยการวาดรูปผู้หญิงและผู้ชายเปลือย โปรดทราบว่า Albrecht เป็นคนแรกในเยอรมนีที่เริ่มศึกษาภาพเปลือย การค้นหาเหล่านี้สรุปได้จากการแกะสลัก "อดัมและอีฟ" ค.ศ. 1504 เช่นเดียวกับในภาพตัวอย่างขนาดใหญ่ที่มีชื่อเดียวกัน ซึ่งดำเนินการประมาณปี ค.ศ. 1507

"การบูชาพระตรีเอกภาพ" และ "งานฉลองสายประคำ"

งานที่ซับซ้อนที่สุดซึ่งได้รับคำสั่งอย่างกลมกลืนเป็นภาพประกอบของตัวเลขจำนวนมากเสร็จสมบูรณ์แล้วในช่วงหลายปีของการเจริญเติบโตเชิงสร้างสรรค์ Albrecht Durer ผลงานที่มีชื่อเสียงของเขา ได้แก่ "Feast of the Rosary" ซึ่งสร้างขึ้นในปี 1506 และ "The Adoration of the Holy Trinity" ในปี ค.ศ. 1511 "งานเลี้ยงลูกประคำ" เป็นหนึ่งในผลงานที่ใหญ่ที่สุดของDürer (161.5 x 192 ซม.) นอกจากนี้ นี่เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่สื่อถึงอารมณ์มากที่สุด งานนี้ใกล้เคียงกับศิลปะของปรมาจารย์ชาวอิตาลีไม่เพียงแต่ในแรงจูงใจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความมีชีวิตชีวา เสียงสีเต็ม ภาพเต็มเลือด (ส่วนใหญ่เป็นภาพบุคคล) ความสมดุลขององค์ประกอบ ความกว้างของการเขียน ในภาพวาดชื่อ "การบูชาพระตรีเอกภาพ" ซึ่งเป็นแท่นบูชาขนาดเล็ก ครึ่งวงกลมเป็นจังหวะที่สะท้อนปลายโค้งของแท่นบูชารวมทูตสวรรค์ที่ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พระบิดาของพระศาสนจักร และบริวารของนักบุญ ภาพนี้ชวนให้นึกถึง "ข้อพิพาท" ของราฟาเอล

ภาพเหมือนตอนต้น

เป็นการยากที่จะจินตนาการถึงผลงานของ Albrecht Durer ที่ไม่มีภาพเหมือน ภาพวาดของเขาในประเภทนี้มีมากมายและน่าสนใจมาก Albrecht อยู่ในงานแรกของเขาแล้วเสร็จประมาณ 1499 (ภาพเหมือนของ Oswald Krel) ปรากฏเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เป็นที่ยอมรับ ถ่ายทอดพลังภายในของโมเดลได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความแปลกใหม่ของตัวละคร เอกลักษณ์ของ Albrecht Dürer คือการถ่ายภาพเหมือนตนเองเป็นผู้นำในช่วงแรกๆ ของงานภาพเหมือนของเขา ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1484 เขาได้สร้างภาพวาดพินเงินที่นำเสนอในตอนต้นของบทความ ที่นี่ภาพ Albrecht เป็นเด็กอายุ 13 ปี เมื่อถึงเวลานั้น มือของ Dürer ได้รับการชี้นำโดยความปรารถนาที่จะเรียนรู้ในตนเอง ซึ่งได้รับการพัฒนาเพิ่มเติมในภาพถ่ายตนเองสามภาพแรกของเขา เรากำลังพูดถึงผลงานของ 1493, 1498 และ 1500 ในงานล่าสุด (ภาพของเธอถูกนำเสนอด้านบน) Albrecht แสดงให้เห็นแบบตัวต่อตัวอย่างเคร่งครัด ใบหน้าปกติของเขาล้อมรอบด้วยเคราขนาดเล็กและผมยาว ทำให้เรานึกถึงภาพของพระคริสต์ แพนโทเครเตอร์

แกะสลัก

ผลงานของ Albrecht Dürer (1471-1528) เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะเขาสามารถแกะสลักทองแดงและไม้ได้สำเร็จอย่างเท่าเทียมกัน Albrecht เปลี่ยนการแกะสลักตาม Schongauer ให้เป็นหนึ่งในรูปแบบหลักของศิลปะ ในงานของDürerจิตวิญญาณที่กระสับกระส่ายและกระสับกระส่ายของธรรมชาติที่สร้างสรรค์ของเขาได้แสดงออกถึงการปะทะกันทางศีลธรรมอันน่าทึ่งซึ่งทำให้เขากังวล ซีรีส์กราฟิกขนาดใหญ่ชุดแรกซึ่งประกอบด้วยภาพแกะสลัก 15 ภาพในธีมของคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ กลายเป็นความแตกต่างที่คมชัดกับภาพเขียนยุคแรกๆ ที่ชัดเจนและสงบของอาจารย์ งานเหล่านี้ทำจากไม้ สร้างโดย Albrecht ในปี 1498 Dürerในงานแกะสลักของเขามากกว่าในภาพวาดอาศัยประเพณีของเยอรมัน สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นในความตึงเครียดของการเคลื่อนไหวเชิงมุม การเคลื่อนไหวที่เฉียบแหลม การแสดงภาพมากเกินไป จังหวะการหมุนวน เส้นเร็ว และรอยพับที่แตกหัก ภาพของ Fortuna จากการแกะสลัก "Nemesis" ย้อนหลังไปถึงช่วงต้นทศวรรษ 1500 มีบุคลิกที่น่าเกรงขาม การแกะสลักนี้ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของDürer

"ชีวิตของแมรี่", "ความหลงใหลที่ยิ่งใหญ่" และ "ความหลงใหลเล็กน้อย"

ในวงจรกราฟิก "The Life of Mary" ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อราวปีค.ศ. 1502-05 ความสนใจของผู้เขียนในรายละเอียดของประเภทนั้นสังเกตได้ชัดเจน เช่นเดียวกับรายละเอียดมากมาย - คุณสมบัติที่มีอยู่ในประเพณีศิลปะของเยอรมัน วงจรกราฟิกนี้เป็นอารมณ์ที่ชัดเจนและผ่อนคลายที่สุด อีกสองคนที่อุทิศตนเพื่อความรักในพระคริสต์ มีความแตกต่างจากการแสดงออกอันน่าทึ่งของพวกเขา สิ่งเหล่านี้คือ "Big Passions" ที่ทำจากไม้ (ประมาณ 1498-1510) เช่นเดียวกับการแกะสลักทองแดงสองชุด "Small Passions" (ปีแห่งการสร้างสรรค์ - 1507-13 และ 1509-11) งานเหล่านี้โดยDürerเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนรุ่นเดียวกันของเขา

อันมีค่า 1513-1514

การแกะสลัก "อัศวิน ความตาย และปีศาจ" ในปี ค.ศ. 1513 รวมถึงผลงานสองชิ้นในปี ค.ศ. 1514 ("เจอโรมในห้องขังของเขา" และ "ความเศร้าโศก") ครอบครองสถานที่สำคัญในมรดกของอัลเบรชต์ พวกมันก่อตัวเป็นอันมีค่า งานเหล่านี้ดำเนินการโดยปรมาจารย์ที่มีความละเอียดอ่อนอย่างเชี่ยวชาญ พวกเขาโดดเด่นด้วยความเข้มข้นที่เป็นรูปเป็นร่างที่หายากและพูดน้อย เห็นได้ชัดว่า Dürer ไม่ได้ตั้งใจที่จะสร้างเป็นวงจรเดียว อย่างไรก็ตาม งานเหล่านี้รวมกันเป็นเนื้อหาย่อยทางศีลธรรมและปรัชญาที่ซับซ้อนมาก (งานจำนวนมากทุ่มเทให้กับการตีความในปัจจุบัน) เห็นได้ชัดว่าบทความ "The Guide to the Christian Warrior" โดย E. Rotterdam เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้เขียนด้วยภาพของนักรบที่เข้มงวดสูงอายุซึ่งกำลังก้าวไปสู่เป้าหมายที่ไม่รู้จักแม้ว่ามารจะตามหลังเขารวมถึงการคุกคามของความตาย . นักรบถูกนำเสนอในฉากหลังของภูมิประเทศที่เป็นหิน ผลงานของ Albrecht Durer นั้นไม่สามารถเข้าใจได้ง่ายเสมอไป บทสรุปของบทความข้างต้นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้เพื่อให้เข้าใจภาพลักษณ์ของนักรบ

นักบุญเจอโรม (ภาพข้างบน) ล้วนแต่แสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เป็นตัวตนของชีวิตที่ครุ่นคิดและการซึมซับตนเองทางวิญญาณ ความเศร้าโศกที่มีปีกคู่บารมีซึ่งหมกมุ่นอยู่กับการทำสมาธิที่มืดมนของเธอถูกนำเสนอโดยเทียบกับพื้นหลังของกองสัญลักษณ์ที่วุ่นวายของเวลาที่ไหลเร็วและวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นเครื่องมือของงานฝีมือ

เธอมักจะถูกตีความว่าเป็นตัวตนของจิตวิญญาณที่สร้างสรรค์และกระสับกระส่ายของบุคคล โปรดทราบว่านักมานุษยวิทยาแห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาพบในคนที่มีอารมณ์เศร้าโศก "ความหลงใหลในพระเจ้า" ของอัจฉริยะซึ่งเป็นศูนย์รวมของหลักการสร้างสรรค์ ดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ว่างานของ Albrecht Durer ก็อยู่ในกรอบของแนวโน้มทั่วไปเช่นกัน ให้เราอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับผลงานของเขาในภายหลัง

ทำงานดึก

หลังปี ค.ศ. 1514 Durer ทำงานที่ศาลของ Maximilian I (ด้านบนเป็นภาพเหมือนของเขาโดย Albrecht) ในเวลานี้ Albrecht Durer ได้ดำเนินการตามคำสั่งอย่างเป็นทางการหลายครั้ง งานที่เขาสร้างขึ้นต้องใช้ทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่งานที่ยากที่สุดคือภาพพิมพ์หินที่ทาสีแล้วซึ่งดำเนินการบนกระดาน 192 แผ่น งานนี้มีชื่อว่า "The Arch of Maximilian I" นอกจากDürerแล้ว ศิลปินกลุ่มใหญ่ยังทำงานเกี่ยวกับการสร้างสรรค์อีกด้วย หลังจากการเดินทางไปเนเธอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 1520-21 Albrecht ได้เริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา ในเวลานี้ มีภาพร่างคร่าวๆ ปรากฏขึ้นมากมาย นอกจากนี้ ผลงานของ Albrecht Durer ยังได้รับการเติมเต็มด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมมากมาย รายการของพวกเขามีดังนี้: ดำเนินการในปี 1520 ด้วยถ่านหินและผลงานของ 1521 "Luke of Leyden" (ทำด้วยดินสอเงิน), "Agnes Durer" ซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้ดินสอโลหะและอื่น ๆ

ภาพเหมือนของยุค 1520

ในยุค 1520 ภาพเหมือนกลายเป็นแนวหลักในงานของDürer ในเวลานี้ Albrecht Durer ได้สร้างภาพแกะสลักบนทองแดงของนักมนุษยนิยมที่โดดเด่นที่สุดในยุคของเขา งานหลักมีดังนี้: ในปี ค.ศ. 1526 - ภาพเหมือนของ Philip Melanchthon ในปี ค.ศ. 1524 - Willibald Pirkheim ในปี ค.ศ. 1526 - Erasmus of Rotterdam ในภาพวาดในปี ค.ศ. 1521 ปรากฏว่า "Portrait of a Young Man" ในปี ค.ศ. 1524 - "Portrait of a Man" ในปี ค.ศ. 1526 - "Jerome Holzschuer" และผลงานอื่น ๆ ชิ้นเล็กๆ เหล่านี้โดดเด่นด้วยองค์ประกอบที่ไร้ที่ติ ความสมบูรณ์แบบคลาสสิก และเงาแบบนูน พวกเขามีความซับซ้อนอย่างมากจากโครงร่างของหมวกเบเร่ต์กำมะหยี่ขนาดใหญ่หรือหมวกปีกกว้าง ศูนย์ข้อมูลการจัดองค์ประกอบของผลงานเป็นใบหน้าระยะใกล้ที่สร้างขึ้นโดยการเปลี่ยนผ่านของเงาและแสงที่ละเอียดอ่อน ในการแสดงออกทางสีหน้าที่แทบจะสังเกตไม่เห็น ในการจ้องมองของดวงตาที่เปิดกว้าง ในโครงร่างที่โค้งเล็กน้อยในรอยยิ้มหรือริมฝีปากที่เปิดครึ่งเดียว ในการวาดโหนกแก้มที่มีพลังและการเคลื่อนไหวของคิ้วขมวดคิ้ว เราสามารถเห็นร่องรอยของ ชีวิตจิตวิญญาณที่ตึงเครียด ความแข็งแกร่งของจิตใจที่ Albrecht ค้นพบในโคตรของเขานั้นมีขนาดใหญ่มากใน Diptych "The Four Apostles" (ภาพด้านล่าง) ภาพวาดสุดท้ายของอาจารย์ (1525) มันถูกเขียนโดยDürerสำหรับศาลากลางนูเรมเบิร์ก มีการนำเสนอร่างขนาดใหญ่ของผู้เผยแพร่ศาสนา Paul, Peter และ John ซึ่งเป็นตัวเป็นตนตามนิสัยของอาจารย์ 4 อารมณ์

งานเชิงทฤษฎี ความหมายของความคิดสร้างสรรค์

ในปีสุดท้ายของชีวิต Albrecht ตีพิมพ์ผลงานเชิงทฤษฎี: คู่มือการวัดด้วยไม้บรรทัดและวงเวียน (ในปี ค.ศ. 1525) เรื่องการเสริมความแข็งแกร่งของป้อมปราการ ปราสาทและเมือง (1527) และในปี ค.ศ. 1528 งาน "หนังสือสี่เล่มเกี่ยวกับสัดส่วนมนุษย์" ปรากฏขึ้น Albrecht Durer ซึ่งเราตรวจสอบงานและชะตากรรมของเรา เสียชีวิตในนูเรมเบิร์กเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1528

ดูเรอร์มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาศิลปะเยอรมันทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 16 การแกะสลักของเขาประสบความสำเร็จอย่างมากในอิตาลี - แม้แต่การปลอมแปลงก็เกิดขึ้น ศิลปินชาวอิตาลีหลายคนได้รับอิทธิพลจากผลงานของเขา รวมทั้ง Pordenone และ Pontormo

Albrecht Durer เป็นปรมาจารย์ที่มีหลายแง่มุม บุคคลสากลอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็น "ลีโอนาร์โด ดา วินชีทางเหนือ"

เขาแสดงตนในภาพวาด ภาพวาด แกะสลัก แผ่นหนังสือ กระจกสี Dürerมีชื่อเสียงในฐานะนักคณิตศาสตร์ (อย่างแรกคือ geometer) เขาแสดงภาพแกะไม้ที่มีชื่อเสียงสามชิ้น โดยแสดงแผนที่ของซีกโลกใต้และซีกโลกเหนือของท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวและซีกโลกตะวันออก เขาสร้างบทความหลายฉบับซึ่งกลายเป็นผลงานชิ้นแรกในภาคเหนือของยุโรปที่อุทิศให้กับการจัดระบบความรู้ทางทฤษฎีเกี่ยวกับศิลปะ สร้างผลงาน "คู่มือการวัดด้วยเข็มทิศและเส้นตรง" สำหรับศิลปินโดยเฉพาะ ในปีสุดท้ายของชีวิต Albrecht Durer ให้ความสนใจอย่างมากกับการปรับปรุงป้อมปราการป้องกันซึ่งเกิดจากการพัฒนาอาวุธปืน
ในสาขาการพิมพ์กราฟิก Dürer ก็รู้ว่าไม่เท่าเทียมกัน - เขาได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับยุโรปในด้านงานแกะสลักไม้
อัลเบรทช์ ดูเรอร์ (1471-1528)- จิตรกรและศิลปินกราฟิคชาวเยอรมัน หนึ่งในปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Northern Renaissance

อัลเบรทช์ ดูเรอร์. ภาพเหมือนตนเอง (1500) Alte Pinakothek (มิวนิก)

ปีแรกและวัยรุ่น

A. Durer เกิดที่เมือง Nuremberg ในปี 1471 ในครอบครัวของ Albrecht Durer นักอัญมณีชาวฮังการี ครอบครัวมีลูก 18 คน Albrecht Jr. เป็นลูกคนที่สามและลูกชายคนที่สองในครอบครัว

ก. ดูเรอร์. Barbara Durer, née Holper แม่ของศิลปิน พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเยอรมัน (นูเรมเบิร์ก)

ก. ดูเรอร์. Albrecht Durer the Elder พ่อของศิลปิน อุฟฟีซี (ฟลอเรนซ์)

ในขั้นต้น Durers เช่าบ้านครึ่งหนึ่งจากทนายความและนักการทูต Johann Pirkheimer โยฮันน์ วิลลิบาลด์ ลูกชายของเขากลายเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความรู้แจ้งมากที่สุดในเยอรมนี ดูเรอร์เป็นเพื่อนกับเขามาตลอดชีวิต
Albrecht เข้าเรียนที่โรงเรียนละติน เขาไม่ได้สนใจเครื่องประดับ เขาเลือกวาดภาพ เมื่ออายุได้ 15 ปี Albrecht เข้าไปในสตูดิโอของ Michael Wolgemuth ศิลปินชื่อดังของ Nuremberg ในขณะนั้น ที่นั่นเขายังเชี่ยวชาญการแกะสลักไม้

การเดินทาง

ในปี ค.ศ. 1490 การเดินทางของDürerเริ่มต้นขึ้นโดยมีจุดประสงค์เพื่อรับทักษะจากผู้เชี่ยวชาญจากเยอรมนีและประเทศอื่น ๆ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์เนเธอร์แลนด์ ใน Alsace เขาเชี่ยวชาญเทคนิคการแกะสลักทองแดงกับ Ludwig Schongauer ในเมืองบาเซิล เขาทำงานร่วมกับ Georg Schongauer เพื่อสร้างภาพประกอบหนังสือรูปแบบใหม่ เชื่อกันว่าที่นี่ Dürer มีส่วนร่วมในการสร้างไม้แกะสลักที่มีชื่อเสียงสำหรับ "Ship of Fools" โดย Sebastian Brunt

ภาพประกอบโดย A. Durer

ในสตราสบูร์ก A. Durer ได้สร้าง "ภาพเหมือนตนเองด้วยไม้หนาม" (1493) และส่งไปยังบ้านเกิดของเขา

บางทีภาพเหมือนตนเองนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเวทีใหม่ในชีวิตส่วนตัวของศิลปินและตั้งใจให้เป็นของขวัญแก่เจ้าสาวเพราะ ในปี ค.ศ. 1494 เขากลับไปที่นูเรมเบิร์กและในไม่ช้าก็แต่งงานกับลูกสาวของเพื่อนของพ่อ ซึ่งเป็นช่างทองแดง นักดนตรี และช่างเครื่อง แอกเนส เฟรย์

ก. ดูเรอร์. แอกเนส ดูเรอร์. ปากกาวาดภาพ (1494)

เมื่อแต่งงาน สถานะทางสังคมของDürerก็เพิ่มขึ้น - ตอนนี้เขามีสิทธิ์ที่จะเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง แต่ชีวิตครอบครัวของศิลปินไม่มีความสุขเพราะความแตกต่างในตัวละครและมุมมองของคู่สมรส พวกเขาไม่มีลูก
ในปี 1494 ดูเรอร์ไปอิตาลี และในปี 1495 เขาได้เปิดโรงงานของตนเองในนูเรมเบิร์ก และในอีก 10 ปีข้างหน้าเขาทำงานด้านการแกะสลัก ต่อมาเขาได้งานแกะสลักทองแดง Dürerสร้างแม่พิมพ์ 15 ชิ้นสำหรับหนังสือ Apocalypse พวกเขาทำให้เขามีชื่อเสียงในยุโรป ภาพประกอบถูกสร้างขึ้นสำหรับงานอื่น ๆ รวมถึงของนักเขียนโบราณ
ในทศวรรษสุดท้ายของศตวรรษที่ 15 ศิลปินสร้างภาพบุคคลหลายภาพและภาพเหมือนตนเอง

ก. ดูเรอร์. ภาพเหมือนตนเอง (1498) พิพิธภัณฑ์ปราโด (มาดริด)

ในปี ค.ศ. 1502 พ่อของเขาเสียชีวิต และ Albrecht เข้ามาดูแลแม่ของเขาและน้องชายสองคนของเขา (Endres และ Hans)
ในปี ค.ศ. 1505 ดูเรอร์ไปเวนิสและอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 2 ปี เขาคุ้นเคยกับงานของศิลปินของโรงเรียนเวนิส และสิ่งนี้มีอิทธิพลต่อรูปแบบการวาดภาพของเขา เขาประทับใจภาพวาดของจิโอวานนี เบลลินีเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ศิลปินได้ไปเยี่ยมโบโลญญา ปาดัว โรม

พิพิธภัณฑ์บ้านดูเรอร์

เมื่อกลับมาที่นูเรมเบิร์ก ดูเรอร์ซื้อบ้านในซิสเซลกาสเซอ ตอนนี้เป็นพิพิธภัณฑ์บ้านของดูเรอร์
ตามคำสั่งของพ่อค้านูเรมเบิร์ก Matthias Landauer เขาทาสีแท่นบูชา "ความรักของพระตรีเอกภาพ"

แท่นบูชาของ Landauer (1511) พิพิธภัณฑ์ศิลปะประวัติศาสตร์ (เวียนนา)

แต่ความพยายามหลักของเขามีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาทักษะการแกะสลักและตั้งแต่ปี ค.ศ. 1515 - การแกะสลัก (การแกะสลักบนโลหะ)
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1512 จักรพรรดิแมกซีมีเลียนที่ 1 ได้กลายเป็นผู้มีพระคุณหลักของศิลปิน

A. Durer "ภาพเหมือนของ Maximilian I"

Dürerเริ่มทำงานตามคำสั่งของเขา: เขาแสดง "Arc de Triomphe" มีส่วนร่วมในงานแกะสลักไม้ขนาดมหึมา (3.5 ม. x 3 ม.) ซึ่งประกอบด้วยภาพพิมพ์จาก 192 แผ่น องค์ประกอบที่ยิ่งใหญ่เพื่อเป็นเกียรติแก่ Maximilian นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อตกแต่งผนัง ซุ้มประตูชัยโรมันโบราณเป็นแบบอย่างให้กับเธอ ในปี ค.ศ. 1513 ร่วมกับศิลปินคนอื่น ๆ เขาเข้าร่วมในภาพประกอบ (ภาพวาดด้วยปากกา) ของหนึ่งในห้าเล่มของ The Prayer Book of Emperor Maximilian

หน้าจากหนังสือสวดมนต์

ในปี ค.ศ. 1520 ศิลปินและภรรยาของเขาเดินทางไปเนเธอร์แลนด์ ที่นี่เขาทำงานในรูปแบบของภาพกราฟิก พบกับศิลปินท้องถิ่น และช่วยพวกเขาในการทำงานบนประตูชัยสำหรับการเข้าพิธีของจักรพรรดิชาร์ลส์ ในเนเธอร์แลนด์ Dürer จิตรกรชื่อดัง เป็นแขกรับเชิญในทุกที่ ผู้พิพากษาในแอนต์เวิร์ปยังต้องการให้เขาอยู่ในเมือง โดยเสนอเบี้ยเลี้ยงประจำปี 300 กิลเดอร์ บ้านเพื่อเป็นของขวัญ การสนับสนุน การชำระภาษีทั้งหมดของเขา แต่ในปี ค.ศ. 1521 ดูเรอร์ก็กลับไปยังนูเรมเบิร์ก

ปีสุดท้ายของชีวิต

ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต Dürer ทำงานเป็นจิตรกรเป็นจำนวนมาก ภาพเขียนที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือ "สี่อัครสาวก" ซึ่งเขานำเสนอต่อสภาเทศบาลเมืองในปี ค.ศ. 1526 นี่เป็นงานสุดท้ายของเขา ย้อนกลับไปที่เนเธอร์แลนด์ ดูเรอร์ล้มป่วยด้วยโรคที่ไม่รู้จัก บางทีอาจเป็นมาลาเรีย เขาทนทุกข์ทรมานจากการโจมตีของโรคนี้จนสิ้นชีวิตของเขา จนกระทั่งวันสุดท้ายของเขา Dürer กำลังเตรียมบทความเชิงทฤษฎีเกี่ยวกับสัดส่วนสำหรับการตีพิมพ์ Albrecht Durer เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1528 ในนูเรมเบิร์กบ้านเกิดของเขา

งานศิลปะของ Albrecht Durer

จิตรกรรม

Dürer ใฝ่ฝันที่จะวาดภาพตั้งแต่เด็ก ภาพวาดของเขาโดดเด่นในเรื่องความคิดที่ไม่ได้มาตรฐาน การค้นหาวิธีการแสดงออกอย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่อยู่ในเวนิส ศิลปินได้สร้างภาพวาด "พระคริสต์ท่ามกลางครู" (1506)

น้ำมันบนเรือ พิพิธภัณฑ์ Thyssen-Bornemisza 65x80 ซม. (มาดริด)

ดูเรอร์ในภาพนี้แสดงโครงเรื่องจากพระกิตติคุณ ซึ่งบอกว่าโจเซฟ มารีย์ และพระเยซูอายุ 12 ปีมาถึงกรุงเยรูซาเล็มเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์ได้อย่างไร เมื่อถึงเวลากลับบ้าน พระเยซูยังประทับอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม เป็นเวลาสามวัน พ่อแม่ที่เป็นกังวลตามหาเขาและในที่สุดก็พบเขาในพระวิหารเยรูซาเล็มเพื่อโต้เถียงกับปราชญ์ผู้รอบรู้ “สามวันต่อมาพวกเขาพบพระองค์ในพระวิหาร นั่งอยู่ท่ามกลางพวกครู ฟังและถามพวกเขา ทุกคนที่ได้ยินเขาก็ประหลาดใจในความเข้าใจและคำตอบของเขา "
ศิลปินปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดและวาดภาพใบหน้าของนักปราชญ์และพระคริสต์อย่างใกล้ชิด ทำให้คุณรู้สึกถึง "ความตึงเครียดของข้อพิพาท" ตรงกลางขององค์ประกอบคือพระหัตถ์ของพระเยซู คอยติดตามข้อโต้แย้งของเขาในการสนทนา และมือของครูคนหนึ่งซึ่งระบุว่า "ความกระวนกระวายและความลำบากใจ" นักปราชญ์คนนี้มีรูปลักษณ์ล้อเลียนที่สดใส ซึ่งทำให้เกิดการตีความหลายอย่าง มีการคาดเดากันว่า Dürer ได้แสดงให้เห็นทฤษฎีของอุปนิสัยทั้งสี่ที่เป็นรากฐานของตัวละครมนุษย์
พระองค์ทรงสร้างแท่นบูชามากมาย

แท่นบูชาเกลเลอร์ (1507-1511)

"แท่นบูชาแห่งเกลเลอร์" ("แท่นบูชาแห่งการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของมารีย์") - รูปแท่นบูชาในรูปแบบของอันมีค่า Albrecht Durer ที่สร้างขึ้นพร้อมกับ Matthias Grunewald ตามคำสั่งของจาค็อบเกลเลอร์ผู้ดีสำหรับโบสถ์ของอารามโดมินิกันในแฟรงค์เฟิร์ตอัมไมน์ . บางส่วนรอดมาได้เฉพาะในสำเนาที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยศิลปิน Iobst Harrich

Albrecht Durer อัครสาวกทั้งสี่ (1526) เนย. 215x76 ซม. เก่า Pinakothek (มิวนิก)

ภาพวาด (diptych) ประกอบด้วยประตูแคบแนวตั้งสองบานที่ยึดเข้าด้วยกัน ที่ปีกซ้ายมีภาพอัครสาวกยอห์นและเปโตรทางด้านขวา - มาระโกและเปาโล อัครสาวกอยู่ในที่เดียวกัน พวกเขายืนอยู่บนชั้นเดียวกัน องค์ประกอบและจิตวิญญาณเป็นหนึ่งเดียว Dürerสร้างตัวอย่างศิลปะของตัวละครและจิตใจของมนุษย์โดยมุ่งสู่ขอบเขตที่สูงขึ้นของจิตวิญญาณ - นี่คือความคิดของอาจารย์เกี่ยวกับบุคคลดังกล่าวอย่างที่เขาควรจะเป็น
ดูเรอร์มอบภาพวาดให้นูเรมเบิร์กซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ซึ่งอยู่ในห้องโถงของศาลากลาง ซึ่งเป็นที่ตัดสินเรื่องที่สำคัญที่สุดของรัฐบาลในเมือง Maximilian I เรียกร้องให้ส่งภาพวาดไปที่มิวนิก
ในวัยผู้ใหญ่ Dürer ทำงานอย่างหนักกับภาพเหมือนและสานต่อประเพณีที่พัฒนาขึ้นในภาพวาดของยุโรปเหนือ: แบบจำลองถูกวาดในสามในสี่ที่แผ่ออกไปกับพื้นหลังของภูมิทัศน์ รายละเอียดทั้งหมดได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบและสมจริง .
การพัฒนาภาพเหมือนตนเองของยุโรปเหนือในฐานะประเภทอิสระนั้นสัมพันธ์กับชื่อดูเรอร์

ภาพวาดโดย Albrecht Durer

Durer ในฐานะศิลปินเปิดเผยตัวเองอย่างแม่นยำที่สุดในการวาดภาพตั้งแต่ งานวาดภาพของเขาส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับความเด็ดขาดของลูกค้าและในการวาดภาพเขาเป็นอิสระ
ภาพวาดของDürerประมาณหนึ่งพันภาพยังคงหลงเหลืออยู่ รวมทั้งผลงานของนักเรียนด้วย ภาพวาดของศิลปินวาดภาพทิวทัศน์ ภาพบุคคล ภาพร่างของคน สัตว์ และพืช ภาพวาดสัตว์และพฤกษศาสตร์ถูกทำเครื่องหมายโดยการสังเกต ความซื่อสัตย์ต่อการถ่ายโอนรูปแบบธรรมชาติของวัตถุของภาพ

A. Durer "กระต่าย" สีน้ำ gouache ปูนขาวบนกระดาษ 25.1x22.6 cm.Gallery Albertina (เวียนนา)

กราฟิกโดย Albrecht Durer

หลังจากการตีพิมพ์ "คัมภีร์ของศาสนาคริสต์" Durer กลายเป็นที่รู้จักในยุโรปในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแกะสลัก
Albrecht Dürerผลิตแม่พิมพ์ไม้ 374 ชิ้นและภาพพิมพ์ทองแดง 83 ชิ้น ภาพพิมพ์กลายเป็นแหล่งรายได้หลักของเขา นอกเหนือจากพระคัมภีร์โบราณและโบราณวัตถุใหม่แล้ว Dürer ยังพัฒนาหัวข้อในชีวิตประจำวันในการแกะสลัก
การแกะสลัก "Adam and Eve" ของDürer (1504) ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของการแกะสลักบนโลหะ

A. Durer "อดัมและอีฟ" (1504)

ในปี ค.ศ. 1513-1514 Durer สร้างแผ่นกราฟิกสามแผ่นซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของการแกะสลักซึ่งเข้าสู่ประวัติศาสตร์ศิลปะภายใต้ชื่อ "Workshops of Engravs": "The Knight, Death and the Devil", "Saint Jerome in the Cell" และ "Melancholy"

A. Durer "ความเศร้าโศก" ทองแดง, กรีดฟัน. 23.9x18.8 ซม. สเตท เฮอร์มิเทจ (ปีเตอร์สเบิร์ก)

"ความเศร้าโศก" ถือเป็นหนึ่งในผลงานที่ลึกลับที่สุดของDürer โดดเด่นด้วยความซับซ้อนและความไม่ชัดเจนของแนวคิด ความสว่างของสัญลักษณ์และสัญลักษณ์เปรียบเทียบ

อดีตบรรณารักษ์โดย Albrecht Durer

อดีตบรรณารักษ์- เครื่องหมายหนังสือรับรองเจ้าของหนังสือ ex-libris ถูกวางหรือประทับตราบนกระดาษด้านซ้ายของหนังสือ
โดยรวมแล้วรู้จักอดีตบรรณารักษ์ 20 เล่มโดยDürerซึ่ง 7 รายการอยู่ในโครงการและ 13 รายการเป็นแบบสำเร็จรูป Dürer สร้างป้ายชื่อแรกสำหรับ Willibald Pirkheimer เพื่อน นักเขียน และนักรักหนังสือของเขา ศิลปินสร้างป้ายชื่อของเขาเองด้วยตราอาร์ม Durer ในปี ค.ศ. 1523 ภาพประตูที่เปิดอยู่บนโล่ระบุชื่อ "ดูเรอร์" ปีกอินทรีและผิวสีดำของมนุษย์เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลเยอรมันใต้ พวกเขายังถูกใช้โดยครอบครัวนูเรมเบิร์กของแม่ของDürer

แขนเสื้อของ Albrecht Durer (1523)

Dürerเป็นศิลปินคนแรกที่สร้างและใช้เสื้อคลุมแขนและพระปรมาภิไธยย่อที่มีชื่อเสียง (เมืองหลวง A และ D ที่จารึกไว้) หลังจากนั้นเขาก็มีผู้ลอกเลียนแบบหลายคน

พระปรมาภิไธยย่อของDürer

หน้าต่างกระจกสีโดย Albrecht Durer

ไม่มีใครรู้ว่าDürerมีส่วนร่วมในงานกระจกหรือไม่ แต่หลายคนถูกสร้างขึ้นจากภาพร่างของเขา

“โมเสสได้รับบัญญัติสิบประการ” หน้าต่างกระจกสีหลังจากวาดโดย Albrecht Durer สำหรับโบสถ์ St. เจคอบในสโตรบิง (1500)

Albrecht Durer เป็นนักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียง (geometer) สร้างตารางเวทย์มนตร์: เขาจัดเรียงตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 16 เพื่อให้ได้ผลรวมของ 34 ไม่เพียง แต่เมื่อเพิ่มในแนวตั้งแนวนอนและแนวทแยงมุม แต่ยังอยู่ในทั้งสี่ไตรมาสด้วย ในจตุภาคกลางและแม้กระทั่งเมื่อบวกตัวเลขจากเซลล์สี่มุม ผลรวมของตัวเลขคู่ใด ๆ ที่สมมาตรรอบจุดศูนย์กลางของสี่เหลี่ยมจัตุรัสคือ 17

จัตุรัสมายากลของDürer (ชิ้นส่วนของการแกะสลัก "Melancholy")

Albrecht Durer เกิดที่นูเรมเบิร์กเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1471... Durers มีลูก 18 คนในครอบครัว (Albrecht เกิดที่สาม) พ่อของเขาเป็นช่างทอง ดังนั้นตั้งแต่เด็กปฐมวัย Durer จึงช่วยพ่อของเขาในธุรกิจเครื่องประดับ พรสวรรค์ทางศิลปะของ Albrecht แสดงออกอย่างรวดเร็วและพ่อของเขาลาออกจากความจริงที่ว่าเด็กจะไม่เป็นช่างอัญมณี ดังนั้นDürerจึงถูกส่งไปศึกษา Michael Wolgemut (ศิลปินท้องถิ่น)

Wolgemuth เป็นที่รู้จักไม่เพียง แต่เป็นศิลปินที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นปรมาจารย์ด้านการแกะสลักที่ยอดเยี่ยมซึ่งนักเรียนของเขาเชี่ยวชาญอย่างเต็มที่

สิ้นสุดการฝึกของดูเรอร์

ในปี 1492 Dürer ลงเอยที่ Colmar ซึ่ง Martin Schongauer จิตรกรชื่อดังอาศัยอยู่ในเวลานั้น แต่ดูเรอร์ไม่เคยพบกับมาร์ตินเลย เนื่องจากเขาเสียชีวิตไปหนึ่งปีก่อนที่อัลเบรชต์จะมาถึง แต่ดูเรอร์ได้พบกับพี่น้องชองเกาเออร์คนหนึ่งซึ่งเชิญเขาไปที่บาเซิล ในเมืองบาเซิล Dürer ได้รู้จักกับผลงานที่มีชื่อเสียงมากมาย นอกจากนี้ พี่ชายของ Schongauer มีเวิร์คช็อปเครื่องประดับของเขาเอง ดังนั้นพวกเขาจึงพบภาษากลาง

ในปี 1493 Dürer มาที่สตราสบูร์ก... ที่นั่น Albrecht ได้รับจดหมายจากพ่อของเขาซึ่งตกลงที่จะแต่งงานกับลูกชายของเขา "ไม่อยู่" การแต่งงานดังกล่าวเป็นเรื่องปกติธรรมดาในขณะนั้น

การแต่งงานของดูเรอร์กับอักเนส

วันที่ 7 กรกฎาคม ดูเรอร์แต่งงานกับลูกสาวของแพทย์ชื่อดัง แอกเนส เฟรย์ ความจริงที่ว่าการแต่งงานไม่มีความสุขมากก็ไม่น่าแปลกใจ แต่พวกเขาอยู่ด้วยกันจนตาย ในปี ค.ศ. 1495 ดูเรอร์ยังวาดภาพเหมือนภรรยาของเขา - "แอกเนสของฉัน" ภรรยาสนใจในสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แต่ไม่ใช่ศิลปะและวัฒนธรรม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พบการประนีประนอมเสมอไป พวกเขาไม่มีลูก

ดูเรอร์มีชื่อเสียงอย่างแท้จริงเมื่อเขาเดินทางมาจากอิตาลีในปี 1494 ซึ่งเขาอาศัยอยู่เป็นเวลาหกเดือน ความสำเร็จครั้งแรกทำให้เขาได้รับงานแกะสลักไม้และทองแดงซึ่งออกมาเป็นสำเนาจำนวนมาก ในไม่ช้าDürerก็มีชื่อเสียงนอกประเทศเยอรมนี

หลังจากเดินทางไปอิตาลีอีกครั้งในปี ค.ศ. 1505 ดูเรอร์ได้รับเกียรติอย่างสูง รวมทั้งจิโอวานนี เบลลินี วัย 75 ปีด้วย ในเวนิส Albrecht Durer ได้แสดงให้กับโบสถ์เยอรมัน German แท่นบูชาซานบาร์โตโลเมโอที่เรียกว่า "งานเลี้ยงลูกประคำ".

ชื่อเสียงของดูเรอร์เติบโตขึ้นทุกปี งานของเขาเป็นที่ยอมรับและเป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง ในปี ค.ศ. 1507 เขากลับบ้านเกิด และในปี ค.ศ. 1509 เขาได้ซื้อบ้านหลังใหญ่ซึ่งรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์Dürer

ในฤดูหนาวปี ค.ศ. 1512 จักรพรรดิแมกซีมีเลียนที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์เสด็จเยือนเมืองนูเรมเบิร์ก เมื่อถึงเวลานี้ อัลเบรทช์ ดูเรอร์ได้วาดภาพเหมือนของพระราชวงศ์แม็กซิมิเลียนสองภาพบนบัลลังก์ จักรพรรดิชอบภาพเหล่านี้มาก และเขาสั่งรูปเหมือนของเขาจากดูเรอร์ทันที แต่ไม่สามารถชำระด้วยรูปนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงสั่งให้คลังของนูเรมเบิร์กจ่ายเบี้ยประกันภัยให้กับศิลปินทุกปี

หลังจากการเสียชีวิตของแมกซีมีเลียนในปี ค.ศ. 1519 เบี้ยประกันภัยก็ไม่จ่ายให้กับดูเรอร์อีกต่อไป ออกเดินทางในปี ค.ศ. 1520 ถึงจักรพรรดิชาร์ลส์ที่ 5 องค์ใหม่ Durer พยายามฟื้นฟูความยุติธรรมและเขาก็ประสบความสำเร็จ

ในตอนท้ายของการเดินทาง Dürer ป่วยด้วยโรคมาลาเรียซึ่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1528 ในเมืองนูเรมเบิร์กเมื่อวันที่ 6 เมษายน

Albrecht Durer เกิดที่นูเรมเบิร์กเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 1471 พ่อของเขาย้ายจากฮังการีในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 และเป็นที่รู้จักในฐานะนักอัญมณีที่ดีที่สุด ครอบครัวมีลูกสิบแปดคนศิลปินในอนาคตเกิดคนที่สาม

Dürer ช่วยพ่อของเขาในโรงงานผลิตเครื่องประดับตั้งแต่ยังเด็ก และเขาก็ตั้งความหวังไว้กับลูกชายไว้มาก แต่ความฝันเหล่านี้ไม่เป็นจริงเพราะความสามารถของDürer the Younger แสดงออกตั้งแต่เนิ่นๆ และพ่อก็ลาออกว่าเด็กจะไม่กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องประดับ ในเวลานั้น สตูดิโอของ Michael Wolgemut ศิลปินของ Nuremberg ได้รับความนิยมอย่างมากและมีชื่อเสียงที่ไร้ที่ติ ซึ่งเป็นเหตุให้ Albrecht ถูกส่งไปที่นั่นเมื่ออายุ 15 ปี Wolgemuth ไม่เพียง แต่เป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังทำงานอย่างเชี่ยวชาญในการแกะสลักบนไม้ทองแดงและถ่ายทอดความรู้ของเขาให้กับนักเรียนที่ขยันอย่างสมบูรณ์แบบ

หลังจากจบการศึกษาในปี ค.ศ. 1490 ดูเรอร์วาดภาพแรกของเขาว่า "Portrait of the Father" และออกเดินทางเพื่อเรียนรู้ทักษะของปรมาจารย์คนอื่นๆ และได้รับความประทับใจใหม่ๆ เขาได้ไปเยือนหลายเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ เพื่อพัฒนาระดับของเขาในด้านทัศนศิลป์ เมื่ออยู่ใน Colmar Albrecht มีโอกาสทำงานในสตูดิโอของ Martin Schongauer จิตรกรชื่อดัง แต่เขาไม่สามารถพบกับศิลปินที่มีชื่อเสียงได้ด้วยตนเองเพราะ Martin เสียชีวิตเมื่อปีก่อน แต่ผลงานที่น่าทึ่งของ M. Schongauer นั้นมีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปินรุ่นเยาว์และสะท้อนให้เห็นในภาพวาดใหม่ในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา

ขณะอยู่ในสตราสบูร์กในปี ค.ศ. 1493 ดูเรอร์ได้รับจดหมายจากพ่อของเขา ซึ่งเขาได้แจ้งเกี่ยวกับข้อตกลงที่จะแต่งงานกับลูกชายของเขากับลูกสาวของเพื่อนคนหนึ่ง กลับมาที่นูเรมเบิร์ก ศิลปินหนุ่มแต่งงานกับแอกเนส เฟรย์ ลูกสาวของช่างทองแดง ช่างเครื่อง และนักดนตรี ขอบคุณการแต่งงานของเขา Albrecht เพิ่มสถานะทางสังคมของเขาและตอนนี้สามารถมีธุรกิจของตัวเองได้เนื่องจากครอบครัวของภรรยาของเขาเป็นที่เคารพนับถือ ศิลปินวาดภาพเหมือนภรรยาของเขาชื่อ "แอกเนสของฉัน" ในปี ค.ศ. 1495 ไม่สามารถเรียกการแต่งงานที่มีความสุขได้เพราะภรรยาไม่สนใจศิลปะ แต่อยู่ด้วยกันไปจนตาย คู่สมรสไม่มีบุตรและไม่ทิ้งลูกหลานไว้ข้างหลัง

ความนิยมนอกเยอรมนีมาถึงอัลเบรทช์ด้วยความช่วยเหลือของทองแดงและงานแกะสลักไม้ในสำเนาจำนวนมากเมื่อเขากลับมาจากอิตาลี ศิลปินเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการของตัวเองซึ่งเขาได้ตีพิมพ์งานแกะสลักในซีรีส์แรก Anton Koberger เป็นผู้ช่วยของเขา ช่างฝีมือมีอิสระมากมายในนูเรมเบิร์กซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา และอัลเบรชท์ใช้เทคนิคใหม่ๆ ในการสร้างภาพพิมพ์และเริ่มขาย จิตรกรผู้มากความสามารถได้ร่วมมือกับศิลปินที่มีชื่อเสียงและแสดงผลงานสิ่งพิมพ์ที่มีชื่อเสียงของนูเรมเบิร์ก และในปี ค.ศ. 1498 Albrecht ได้สร้างแม่พิมพ์สำหรับสิ่งพิมพ์ "Apocalypse" และได้รับชื่อเสียงในยุโรปแล้ว ในช่วงเวลานี้ศิลปินได้เข้าร่วมกลุ่มนักมนุษยนิยมนูเรมเบิร์กซึ่งนำโดย Kondrat Zeltis

ต่อมาในปี ค.ศ. 1505 ในเมืองเวนิส ดูเรอร์ได้รับการต้อนรับและต้อนรับด้วยความเคารพและให้เกียรติ และศิลปินได้แสดงแท่นบูชา "งานฉลองสายประคำ" สำหรับโบสถ์ในเยอรมัน เมื่อได้รู้จักกับโรงเรียนเวเนเชียนที่นี่แล้ว จิตรกรก็เปลี่ยนรูปแบบการทำงานของเขา งานของ Albrecht ได้รับการชื่นชมอย่างสูงในเมืองเวนิส และสภาได้เสนอเงินสำหรับการบำรุงรักษา แต่ศิลปินที่มีความสามารถยังคงเดินทางกลับบ้านเกิดของเขา

ชื่อเสียงของ Albrecht Dürer เติบโตขึ้นทุกปี ผลงานของเขาเป็นที่เคารพนับถือและเป็นที่จดจำ ในนูเรมเบิร์ก เขาซื้อบ้านหลังใหญ่ใน Zisselgasse ให้ตัวเอง ซึ่งสามารถเข้าชมได้ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์บ้านดูเรอร์ เมื่อได้พบกับจักรพรรดิแม็กซิมิเลียนที่ 1 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ศิลปินได้แสดงภาพเหมือนของบรรพบุรุษของเขาสองภาพล่วงหน้า จักรพรรดิรู้สึกยินดีกับภาพวาดและสั่งทำภาพเหมือนของเขาทันที แต่ไม่สามารถชำระ ณ จุดนั้นได้ ดังนั้นเขาจึงเริ่มจ่ายโบนัสที่เหมาะสมทุกปีให้กับดูเรอร์ เมื่อแม็กซิมิเลียนเสียชีวิต พวกเขาหยุดจ่ายรางวัล และศิลปินเดินทางเพื่อฟื้นฟูความยุติธรรม แต่เขาล้มเหลว และเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง อัลเบรชต์ล้มป่วยด้วยอาการป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นมาลาเรีย และมีอาการชักในช่วงหลายปีที่เหลือ

ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต Dürer ทำงานเป็นจิตรกร หนึ่งในภาพเขียนที่สำคัญได้รับการพิจารณาให้เสนอต่อสภาเทศบาลเมือง "Four Apostles" นักวิจัยของผลงานของศิลปินชื่อดังต่างพบกับความขัดแย้ง มีคนเห็นสี่อารมณ์ในภาพนี้ และบางคนเห็นการตอบสนองของดูเรร์ต่อความไม่ลงรอยกันในศาสนา แต่ Albrecht นำความคิดของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปที่หลุมฝังศพ แปดปีหลังจากการเจ็บป่วย A. Durer เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1528 ในเมืองที่เขาเกิด