ปฏิบัติการรุกเบลารุสที่พัฒนาโดยกองบัญชาการโซเวียต ปฏิบัติการ Bagration

ปฏิบัติการรุกของหน่วยกองทัพแดงในเบลารุสตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 ได้รับการขนานนามว่า "Bagration" นักประวัติศาสตร์การทหารที่มีชื่อเสียงระดับโลกเกือบทั้งหมดยอมรับว่าปฏิบัติการนี้เป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สงคราม

ผลลัพธ์และความสำคัญของการดำเนินการ

ในระหว่างการรุกรานอันทรงพลังนี้ซึ่งครอบคลุมอาณาเขตอันกว้างใหญ่ เบลารุสทั้งหมด ส่วนหนึ่งของโปแลนด์ตะวันออกและส่วนสำคัญของรัฐบอลติกได้รับการปลดปล่อยจากผู้รุกรานของนาซี อันเป็นผลมาจากการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างรวดเร็วของกองทัพแดง มันเป็นไปได้ที่จะเอาชนะ Army Group Center เกือบทั้งหมด ในอาณาเขตของเบลารุส การสูญเสียมนุษย์และวัสดุของแวร์มัคท์เป็นสิ่งที่จับต้องได้มากจนกลไกทางทหารของนาซีไม่สามารถชดเชยพวกมันได้จนกว่าจะสิ้นสุดสงคราม

ความต้องการเชิงกลยุทธ์สำหรับการดำเนินงาน

สถานการณ์การดำเนินงานในภาคส่วนหน้าตามแนว Vitebsk - Orsha - Mogilev - Zhlobin เรียกร้องให้มีการกำจัดลิ่มที่เร็วที่สุดโดยทหาร "ระเบียงเบลารุส" จากอาณาเขตของหิ้งนี้ กองบัญชาการเยอรมันมีโอกาสที่ดีในการตีโต้ทางทิศใต้ การกระทำดังกล่าวของพวกนาซีอาจนำไปสู่การสูญเสียความคิดริเริ่มและการล้อมกลุ่มกองทัพแดงทางตอนเหนือของยูเครน

แรงและองค์ประกอบของฝ่ายตรงข้าม

ความแข็งแกร่งเชิงตัวเลขของทุกหน่วยของกองทัพแดงที่เข้าร่วมในปฏิบัติการ "Bagration" มีจำนวนทหารมากกว่า 1 ล้านคน 200,000 นาย ข้อมูลเหล่านี้ได้รับโดยไม่คำนึงถึงจำนวนของหน่วยเสริมและหน่วยด้านหลังรวมทั้งโดยไม่คำนึงถึงจำนวนนักสู้จากกลุ่มพรรคพวกที่ปฏิบัติการในอาณาเขตของเบลารุส

ตามการประมาณการต่างๆ ชาวเยอรมันในแนวรบนี้มีประมาณ 900,000 คนจาก Army Group Center

ในระหว่างการปฏิบัติการเชิงรุกในเบลารุส 4 แนวรบของกองทัพแดงถูกต่อต้านโดยกองทัพเยอรมัน 4 แห่ง การใช้งานของชาวเยอรมันมีดังนี้:

2 กองทัพป้องกันตัวเองบนแนว Pinsk และ Pripyat
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Bobruisk กองทัพเยอรมันที่ 9 ถูกรวมเข้าด้วยกัน
กองทัพรถถังที่ 3 และ 4 ประจำการในแนวขวางของ Dnieper และ Berezina ในเวลาเดียวกันครอบคลุมหัวสะพาน Bykhov ไปยัง Orsha

แผนสำหรับการโจมตีภาคฤดูร้อนในเบลารุสได้รับการพัฒนาโดยเสนาธิการกองทัพแดงในเดือนเมษายน ค.ศ. 1944 แนวความคิดของการปฏิบัติการเชิงรุกคือการส่งการโจมตีด้านข้างอันทรงพลังต่อ Army Group Center ล้อมรอบกองกำลังศัตรูหลักในภูมิภาคมินสค์

ปฏิบัติการเตรียมการดำเนินการโดยกองทหารโซเวียตจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม แผนปฏิบัติการดั้งเดิมเปลี่ยนไปเนื่องจากการแทรกแซงของจอมพล Rokossovsky ผู้ซึ่งยืนยันในการส่งมอบการโจมตีสองครั้งต่อกลุ่มนาซีพร้อมกัน ตามความเห็นของผู้บัญชาการโซเวียตรายนี้ การนัดหยุดงานควรจะถูกส่งไปยัง Osipovichi และ Slutsk ด้วยการล้อมชาวเยอรมันในพื้นที่ของเมือง Bobruisk ที่สำนักงานใหญ่ Rokossovsky มีฝ่ายตรงข้ามมากมาย แต่ด้วยการสนับสนุนทางศีลธรรมของผู้บัญชาการทหารสูงสุด IV Stalin แผนการโจมตีที่โดดเด่นที่เสนอโดยผู้บัญชาการของแนวรบเบลารุสที่ 1 KK Rokossovsky ได้รับการอนุมัติในที่สุด

ตลอดระยะเวลาของการเตรียมการสำหรับ Operation Bagration ข้อมูลที่ได้รับจากการปฏิบัติการสอดแนม ตลอดจนข้อมูลเกี่ยวกับการวางกำลังหน่วยข้าศึกที่ได้รับจากการปลดกองกำลัง ได้ถูกนำมาใช้และตรวจสอบอีกครั้งอย่างรอบคอบ ตลอดช่วงเวลาก่อนการโจมตี หน่วยข่าวกรองของแนวรบที่แตกต่างกันจับทหาร Wehrmacht มากกว่า 80 นายเป็น "ลิ้น" มีการระบุจุดยิงมากกว่าหนึ่งพันจุดและปืนใหญ่ 300 กระบอก

งานหลักในขั้นตอนแรกของการดำเนินการคือเพื่อให้แน่ใจว่าผลของความประหลาดใจอย่างสมบูรณ์ เพื่อจุดประสงค์นี้ หน่วยย่อยจู่โจมโจมตีของแนวรบได้ย้ายไปยังตำแหน่งเริ่มต้นก่อนที่จะทำการจู่โจมอย่างเด็ดขาดในตอนกลางคืนเท่านั้น

การเตรียมการสำหรับการปฏิบัติการเชิงรุกได้ดำเนินการเป็นความลับที่เข้มงวดที่สุด เพื่อที่ว่าหน่วยย่อยจู่โจมที่พุ่งทะยานอย่างเร่งรีบต่อไปจะจับศัตรูได้ทันท่วงที

ในระหว่างช่วงเตรียมการสำหรับการฝึกปฏิบัติการรบ หน่วยแนวหน้าเพื่อจุดประสงค์นี้ถูกถอนออกเป็นพิเศษไปทางด้านหลังเพื่อคงการสอดแนมของศัตรูไว้อย่างไม่รู้จบ ข้อควรระวังและการป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลใด ๆ ที่รุนแรงดังกล่าวได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่

การคาดการณ์ของคำสั่งของ Hitlerite ของกองทัพของกลุ่ม Center ตกลงกันว่ากองทัพแดงจะโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนของประเทศยูเครนทางใต้ของเมือง Kovel ในทิศทางของชายฝั่งทะเลบอลติกเพื่อตัด กลุ่มกองทัพเหนือและกลาง ดังนั้น ในภาคส่วนนี้ พวกนาซีจึงได้รวบรวมกลุ่มกองกำลังยับยั้งอันทรงพลัง "ยูเครนตอนเหนือ" ซึ่งประกอบด้วย 9 แผนก รวมถึงรถถัง 7 คันและ 2 แผนกที่ใช้เครื่องยนต์ ในการปฏิบัติการของกองบัญชาการเยอรมันมี 4 กองพันรถถัง "เสือ" เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มกองทัพเดียวกัน "ศูนย์" มีเพียงรถถังเดียว สองกองพลรถถัง - ทหารบกและกองพัน "เสือ" เพียงหนึ่งกองพัน ความขัดสนของกองกำลังกักกันในภาคส่วนนี้ของแนวรบนาซียังนำไปสู่ความจริงที่ว่าผู้บัญชาการของกองทัพกลุ่มเซ็นเตอร์บุชหันไปหาฮิตเลอร์เป็นการส่วนตัวซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยขอให้หน่วยทหารบางหน่วยถอนตัวไปยังแนวป้องกันที่สะดวกยิ่งขึ้นตามแนว แนวชายฝั่งของแม่น้ำเบเรซินา Fuhrer ปฏิเสธแผนของนายพลทันทีเพื่อป้องกันตัวเองจากแนวป้องกันเดิมของ Vitebsk, Orsha, Mogilev และ Bobruisk แต่ละเมืองเหล่านี้กลายเป็นป้อมปราการป้องกันอันทรงพลัง อย่างที่ดูเหมือนกับคำสั่งของเยอรมัน

ตำแหน่งของกองทหารของฮิตเลอร์ได้รับการเสริมกำลังอย่างจริงจังตลอดแนวรบด้วยโครงสร้างการป้องกันที่ซับซ้อนซึ่งประกอบด้วยทุ่นระเบิด รังปืนกล คูต่อต้านรถถัง และลวดหนาม ผู้อยู่อาศัยประมาณ 20,000 คนในภูมิภาคที่ถูกยึดครองของเบลารุสถูกบังคับให้ทำงานเพื่อสร้างระบบป้องกัน

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ นักยุทธศาสตร์จากเจ้าหน้าที่ทั่วไปของ Wehrmacht ไม่เชื่อในความเป็นไปได้ที่โซเวียตจะโจมตีครั้งใหญ่ในดินแดนเบลารุส กองบัญชาการของฮิตเลอร์เชื่อในความเป็นไปไม่ได้ของการโจมตีของกองทัพแดงในส่วนนี้ของแนวรบว่า จอมพล บุช ผู้บัญชาการกลุ่มกองทัพบก ไปพักร้อนสามวันก่อนเริ่มปฏิบัติการ Bagration

รูปแบบต่อไปนี้ของกองทัพแดงเข้ามามีส่วนร่วมในการปฏิบัติการเชิงรุกภายใต้กรอบปฏิบัติการ Bagration: 1, 2, 3 แนวรบเบลารุส 1 แนวรบบอลติก หน่วยของพรรคพวกเบลารุสมีบทบาทสำคัญในการรุก การก่อตัวของ Wehrmacht เข้าไปในหม้อไอน้ำเชิงกลยุทธ์ใกล้กับที่ตั้งถิ่นฐานของ Vitebsk, Bobruisk, Vilnius, Brest และ Minsk มินสค์ได้รับอิสรภาพจากกองทัพแดงเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม วิลนีอุสเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม

กองบัญชาการโซเวียตพัฒนาแผนการรุกซึ่งประกอบด้วยสองขั้นตอน ขั้นตอนแรกของการปฏิบัติการซึ่งกินเวลาตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนถึง 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ประกอบด้วยการโจมตีพร้อมกันในห้าทิศทาง: ทิศทาง Vitebsk, Mogilev, Bobruisk, Polotsk และ Minsk

ในขั้นตอนที่สองของการปฏิบัติการ ซึ่งสิ้นสุดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม มีการนัดหยุดงานในทิศทางวิลนีอุส เซียวไล เบียลีสตอก ลูบลิน คอนัส และโอโซเวตส์

ความสำเร็จเชิงกลยุทธ์ทางการทหารของ Operation Bagration นั้นยอดเยี่ยมมาก ภายในสองเดือนของการสู้รบเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง อาณาเขตของเบลารุส ส่วนหนึ่งของรัฐบอลติก และหลายภูมิภาคของโปแลนด์ตะวันออกได้รับการปลดปล่อยอย่างสมบูรณ์ อันเป็นผลมาจากการโจมตีที่ประสบความสำเร็จอาณาเขตที่มีพื้นที่รวมมากกว่า 650,000 ตารางเมตรได้รับการปลดปล่อย กม. การก่อตัวขั้นสูงของกองทัพแดงได้ยึดหัวสะพานแม็กนูเชฟสกีและพูลอสกีในโปแลนด์ตะวันออก จากหัวสะพานเหล่านี้ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2488 กองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 1 ได้ปล่อยการรุกซึ่งหยุดเฉพาะทางเข้าสู่กรุงเบอร์ลินเท่านั้น

กว่า 60 ปีมาแล้วที่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารและนักประวัติศาสตร์เน้นย้ำว่าความพ่ายแพ้ทางทหารของกองทัพนาซีเยอรมนีเป็นจุดเริ่มต้นของความพ่ายแพ้ทางทหารครั้งสำคัญในสนามรบในเยอรมนีตะวันออก ส่วนใหญ่เนื่องจากประสิทธิภาพทางทหารของ Operation Bagration กองกำลัง Wehrmacht ถูกสังหารอย่างมีนัยสำคัญในโรงละครแห่งอื่น ๆ ของการปฏิบัติการทางทหารในยุโรปอันเป็นผลมาจากการถ่ายโอนโดยผู้บังคับบัญชาของเยอรมันในรูปแบบทางทหารที่เตรียมการทางทหารมากที่สุดไปยังเบลารุสจำนวนมาก กองพลทหารราบที่ใช้เครื่องยนต์ของ Great Germany และกองยานเกราะ SS Panzer Hermann Goering คนแรกออกจากสถานที่ของการวางกำลังทหารในแม่น้ำ Dniester ส่วนที่สองถูกย้ายไปยังเบลารุสจากภาคเหนือของอิตาลี

การสูญเสียของกองทัพแดงมีจำนวนมากกว่า 178,000 คนเสียชีวิต จำนวนผู้บาดเจ็บระหว่างการผ่าตัดเกิน 587,000 คน ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เรายืนยันว่าปฏิบัติการ "Bagration" กลายเป็นหน่วยรบที่นองเลือดที่สุดสำหรับหน่วยของกองทัพแดงในช่วงปี 1943-1945 โดยเริ่มจากการต่อสู้ที่ Kursk Bulge เพื่อเป็นการยืนยันข้อสรุปเหล่านี้ เพียงพอที่จะกล่าวได้ว่าในระหว่างการปฏิบัติการในกรุงเบอร์ลิน ความสูญเสียที่ไม่อาจกู้คืนของหน่วยกองทัพแดงมีจำนวนถึง 81,000 นายและทหาร นี่เป็นการพิสูจน์อีกครั้งถึงขนาดและความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ Operation Bagration ในการปลดปล่อยดินแดนของสหภาพโซเวียตจากผู้รุกรานชาวเยอรมัน

ตามข้อมูลอย่างเป็นทางการของกองบัญชาการทหารโซเวียต การสูญเสียมวลมนุษย์ทั้งหมดของกองทัพเยอรมันในช่วงปฏิบัติการบาเกรชั่นระหว่างเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม 2487 มีผู้เสียชีวิตประมาณ 381,000 คน และนักโทษมากกว่า 158,000 คน การสูญเสียอุปกรณ์ทางทหารทั้งหมดมากกว่า 60,000 หน่วย รวมถึงรถถัง 2,735 ลำ เครื่องบินทหาร 631 ลำ และยานพาหนะมากกว่า 57,000 คัน

เชลยศึก ทหาร และเจ้าหน้าที่ชาวเยอรมันประมาณ 58,000 คน ถูกจับระหว่างปฏิบัติการ Bagration ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1944 ถูกนำตัวไปตามถนนในมอสโก ขบวนพาเหรดของทหาร Wehrmacht หลายหมื่นนายถูกลากไปเป็นเวลาสามชั่วโมง

โดยธรรมชาติแล้ว ทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการรณรงค์ภาคฤดูร้อนปี 1944 กองบัญชาการของเยอรมัน นำโดยฮิตเลอร์ พิจารณาว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขาจะโจมตีอย่างรุนแรงจากยูเครน จากดินแดนที่ได้รับการปลดปล่อยในฤดูหนาวปี 2486-2487 และตัดกองทัพสองกลุ่มในคราวเดียว ไม่สามารถพูดได้ว่าแผนการอันยิ่งใหญ่ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยคำสั่งของสหภาพโซเวียต ตัวอย่างเช่นมีแผน "Polar Star" ในระหว่างที่พวกเขากำลังจะตัดกองทัพกลุ่ม "North" ทั้งหมด ในทำนองเดียวกัน ระหว่างปฏิบัติการบิ๊กแซทเทิร์น กองทัพสองกลุ่มสามารถถูกตัดขาดได้ในทันทีด้วยการโจมตี Rostov หลังจากสตาลินกราด อย่างไรก็ตาม ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1944 กองบัญชาการโซเวียตมีแผนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

สังเกตว่าในตอนแรกสถานการณ์พัฒนาขึ้นอย่างที่พวกเขาพูดไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตาม ในยูเครนประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่การก่อตัวยานยนต์ขนาดใหญ่ของศัตรู รถถังจำนวนมาก ได้รวมตัวกันที่นี่เช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้น T-34-85s ใหม่มีไม่มากนักและโอกาสในการพัฒนาการโจมตีที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ค่อนข้างคลุมเครือ (นายพลคนสำคัญของกองทัพโซเวียต Sergei Shtemenko เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา) ในเบลารุสสถานการณ์ก็ไม่ใช่น้ำตาลเช่นกันซึ่งเรียกว่า "ระเบียงเบลารุส" ซึ่งไม่สามารถสัมผัสได้ แต่อย่างใด ตลอดช่วงการรณรงค์ฤดูหนาว เขาถูกทุบตีจากทุกทิศทุกทาง แต่ผลลัพธ์ก็น่าผิดหวัง ตรงไปตรงมา ยิ่งไปกว่านั้นในฤดูใบไม้ผลิปี 2487 คณะกรรมการป้องกันประเทศได้ผ่านพ้นไปอันเป็นผลมาจากการที่หัวหน้าบินไป นั่นคือผู้คนถูกลบออกจากคำสั่งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Vasily Sokolovsky ถูกถอดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการของแนวรบด้านตะวันตกและดูเหมือนจะไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะทุบหน้าผากของเขาไปที่ "ระเบียงเบลารุส" ต่อไป แต่ถึงกระนั้น มันก็ตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้น: เพื่อพยายามทำลายหิ้งขนาดยักษ์นี้ ซึ่งแขวนอยู่เหนือยูเครนและป้องกันไม่ให้มันบุกเข้าไปในรัฐบอลติก

ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1944 ฮิตเลอร์คาดว่าโซเวียตจะโจมตียูเครน

เพื่อเป็นการเสริมกำลังกองทหารเหล่านั้นที่ควรโจมตี "ระเบียงเบลารุส" ผู้บัญชาการคนใหม่ถูกส่งไปแทนที่จะถูกย้ายออกไปหลังจากผลการรณรงค์ฤดูหนาว ดังนั้นนายพล Ivan Chernyakhovsky วัย 37 ปีจึงกลายเป็นผู้บัญชาการของแนวรบเบลารุสที่ 3 โดยทั่วไป เป็นที่น่าสังเกตว่าแนวรบถูกตัดให้ละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาสามารถนั่งใกล้ชิดกับกองทหารมากขึ้น และดูว่าเกิดอะไรขึ้น

พวกเขาส่งผู้พิชิตแหลมไครเมียนายพล Georgy Zakharov คนที่มีธรรมชาติค่อนข้างซับซ้อนซึ่งก่อนอื่นเมื่อมาถึงแนวรบเบลารุสที่ 2 เริ่มสอนทุกคนถึงวิธีโจมตีตามมาตรฐานไครเมีย แต่มันอธิบายได้อย่างรวดเร็วว่าในป่าเบลารุสเทคนิคเหล่านี้ซึ่งเขาเสนอนั้นไร้ประโยชน์อย่างสมบูรณ์ และโดยทั่วไปแล้ว Sergei Shtemenko ที่กล่าวถึงข้างต้นก็ถูกส่งโดยผู้สังเกตการณ์จากสำนักงานใหญ่ด้วยเช่นกัน เขาเป็นคนที่ถ่วงดุลกับคนที่ค่อนข้างกระฉับกระเฉง บางคนอาจพูดว่า Zakharov เผด็จการและดึงเขากลับมาตลอดเวลา ที่จริงแล้ว พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน พูดง่าย ๆ ว่า ผู้บัญชาการกองทัพและแม้กระทั่งฝ่ายต่าง ๆ โดยบังเอิญ ดังนั้นการวางแผนจึงดำเนินไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากภารกิจหลักไม่ได้ทำให้ศัตรูหวาดกลัว เป็นที่ชัดเจนว่าการก่อตัวยานยนต์ส่วนใหญ่อยู่ในยูเครน แต่ถ้าชาวเยอรมันได้รับบางสิ่งบางอย่างแล้วทุกอย่าง ความเสี่ยงนั้นมหาศาล

มีการใช้มาตรการปกปิดอย่างกว้างขวาง อย่างแรก มีความเงียบทางวิทยุที่รุนแรง ชาวเยอรมันบางคนถึงกับพูดออกมาว่า "ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเพราะวิทยุเงียบสนิท" การเดินขบวนทั้งหมดเกิดขึ้นในตอนกลางคืน เมื่อต้องการทำเช่นนี้ ส่วนท้ายของรถและฝากระโปรงหน้าถูกทาสีขาว ห้ามแซงโดยเด็ดขาด ดังนั้นในไฟล์เดียว เช่นเดียวกับคนตาบอด การตามป้ายสีขาวสว่างๆ อีกครั้ง รถก็เคลื่อนตัวในเวลากลางคืน เมื่อเช้ามาถึง ทุกคนก็หยุดและซ่อนตัวอยู่ในป่า เครื่องบิน Po-2, "Kukuruzniki" บินไปทั่วบริเวณที่มีกองกำลังเข้มข้น และบรรดาผู้ที่ฝ่าฝืนลายพรางจะถูกปลดธงทันที อาจกล่าวได้ว่าน่าขายหน้า และในเวลากลางวัน - การเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามเท่านั้น และมีรถอยู่ด้านหน้าประมาณร้อยคัน ซึ่งอนุญาตให้เดินทางได้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่สิ่งนี้กลับถูกควบคุมอย่างเข้มงวดอีกครั้ง

ผู้บัญชาการกองทัพรถถังที่ 5 Pavel Rotmistrov ที่กองบัญชาการ 1944

แต่กลับไปวางแผน มีการตัดสินใจที่จะโจมตีในหลายสถานที่ ทำไม? ความจริงก็คือภูมิประเทศนั้นยากมาก มันอันตรายที่จะเคลื่อนทัพจำนวนมาก นอกจากนี้ความเข้มข้นของกองทัพรถถังในที่เดียว - ก็คงเป็นที่สังเกตอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงกระจายการโจมตีไปด้านหน้าโดยตัดสินใจที่จะนำแนวรบเยอรมันลงมาทีละน้อย

มีเรื่องราวที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับการที่ Zhukov ยืนยันว่ามีการโจมตีเพียงครั้งเดียวและ Rokossovsky กล่าวว่า: "ให้เราตี Bobruisk จากทั้งสองฝ่าย" และฉันต้องบอกว่าไม่นานก่อนปฏิบัติการ Zhukov ซึ่งไปที่พื้นที่ที่ควรจะเป็นการระเบิดหลักจากทางตะวันออกไปยัง Bobruisk กล่าวว่า: "ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร คุณจะบุกเข้าไปใน Bobruisk เราจะให้ยืมมือคุณ . เราจะดึงคุณออกจากหนองน้ำที่คุณจะโจมตี " และ Rokossovsky ยังคงอยู่ทางใต้ของ Bobruisk เขามั่นใจว่าที่ที่เขาตี เยอรมันจะอ่อนแอกว่า แม้ว่าภูมิประเทศจะแย่กว่านั้น และเขาจะประสบความสำเร็จมากขึ้น เขาสามารถเรียกร้องได้และในการสนทนากับสตาลินเป็นการส่วนตัว เมื่อพวกเขาพูดกับเขาว่า: “คุณแน่ใจหรือว่าคุณควรโจมตีสองครั้ง? ออกไปที่ห้องอื่นคิดแล้วกลับมา " ดังนั้นเขาจึงกลับมาสามครั้ง (นี่เป็นหนึ่งในเรื่องราวที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับการที่เขาถูกชักชวนให้ทำตามที่ Zhukov แนะนำ) แต่ถึงกระนั้น เขาปกป้องการตัดสินใจของเขา และสตาลินก็พูดว่า: "ใช่ ปล่อยให้เขาทำแบบนี้" และสิ่งนี้ช่วยได้ในอนาคต

Operation Bagration เริ่มขึ้นในวันครบรอบปีที่สามของการโจมตี USSR

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการถูกเลื่อนออกไปเมื่อเทียบกับเวลาที่ควรจะเริ่มตามแผน สตาลินเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรลงจอดในนอร์มังดีเขียนถึงเชอร์ชิลล์ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ กลางเดือนมิถุนายนจะเริ่มมีการโจมตี แต่นั่นไม่ได้เกิดขึ้น อันที่จริง ปฏิบัติการเริ่มเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน แต่ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มักปรากฏในวันที่ 23 นับตั้งแต่วันที่ 22 เริ่มการลาดตระเวน

น่าเสียดายที่บันทึกความทรงจำของสหภาพโซเวียตเกี่ยวกับ "Bagration" นั้นเขียนเหมือนพิมพ์เขียว เรามีหนองน้ำที่ต่อเนื่องกัน แต่เราได้ค้นพบวิธีที่จะฝ่าฟันมันออกไป อันที่จริงแล้ว ทุกอย่างไม่ได้เลวร้ายนัก และการฝึกอบรมด้านวิศวกรรมนี้ก็มีบทบาทสนับสนุน ประการแรก มันคือการระบุระบบการป้องกันของศัตรูอย่างแม่นยำ การสะสมกำลังที่เพียงพอเพื่อโจมตีที่จะไม่ถูกไล่ออก และที่สำคัญที่สุด ชาวเยอรมันได้รวบรวมหมัดรถถังในยูเครน พวกเขามีกองพลยานเกราะเจ็ดหน่วยในกลุ่มกองทัพบกตอนเหนือของยูเครน ในเบลารุส กองทัพทุกกลุ่ม "ศูนย์" มีหนึ่งกองพลรถถัง และที่จริงแล้ว พวกเขาไม่มีเงินสำรองที่จะผนึกความก้าวหน้า สิ่งที่พวกเขาทำได้ก่อนหน้านี้ อีกครั้งในฤดูหนาวปี 1943 - 1944 ก่อนหน้านั้นใกล้ Rzhev - ทั้งหมดนี้เป็นค่าใช้จ่ายของแผนกรถถัง ที่ไหนสักแห่งที่กองทหารโซเวียตบุกทะลุ - Panzerwaffe รีบไปที่นั่นและยืนขึ้นเป็นกำแพง และการทะลุกำแพงนี้ไปได้ยากมาก และในเบลารุส ที่จริงแล้ว Army Group Center นั้นเป็นยักษ์ใหญ่ที่มีเท้าเป็นดินเหนียว แต่ยักษ์ใหญ่นี้ต้องถูกกระแทกอย่างแรงพอที่จะตกลงมาจากดินเหนียว และประเด็นก็คือในการโจมตีที่รุนแรงนี้

ศูนย์กลุ่มกองทัพบกได้รับคำสั่งจากจอมพลเอิร์นส์ บุช โมเดลอัจฉริยะด้านการป้องกันอยู่ในกลุ่มกองทัพบกยูเครนตอนเหนือ เชื่อกันว่าเป็นผู้ที่จะโจมตีกองทัพแดง ความเชื่อมั่นมีมากจนเมื่อสองวันก่อนการรุกรานของสหภาพโซเวียต บุชก็ลาพักร้อน (ซึ่งฮิตเลอร์เล่าให้เขาฟังในภายหลัง)

ผู้บัญชาการศูนย์กลุ่มกองทัพบก จอมพล วอลเตอร์ โมเดล (ข้างคนขับ) พ.ศ. 2487

ทีนี้มาดูสถิติกัน ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินการ กองบินทางอากาศของ Reich ประกอบด้วยเครื่องบินเกือบ 1,400 ลำ กองบินที่ 3 ทางตะวันตกมีเครื่องบินมากกว่า 500 ลำ กองบินที่ 6 ในเบลารุส - มากกว่า 600 ลำ ในฝั่งโซเวียต พวกเขาถูกต่อต้านโดยเครื่องบินมากกว่า 5,330 ลำ รวมถึงเครื่องบินจู่โจม 1,800 ลำ Po-2 แบบเบา 400 ลำ และ 2,500 ลำ นักสู้

สำหรับรถถัง เยอรมันมีรถถัง 530 คันและปืนอัตตาจร จริงๆแล้วมีรถถังน้อยกว่า รถหุ้มเกราะส่วนใหญ่ถูกแจกจ่ายให้กับกองพลทหารราบ เรามีรถถัง 4,000 คัน นั่นคืออัตราส่วนกำลัง 1: 8

แต่สิ่งสำคัญที่ต้องประเมินคือจำนวนการเชื่อมต่อมือถือ ชาวเยอรมันมีรถถังหนึ่งคันและกองพลทหารราบสองรถถัง กลุ่มยานยนต์ม้าของ Pliev ถูกปลดออกจากใกล้ Odessa ซึ่งถูกส่งไปยังที่ที่ Rokossovsky ได้เลือกไว้สำหรับตัวเขาเอง กองทัพรถถังของ Rotmistrov ก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกันซึ่งก่อนหน้านี้ได้รุกไปในทิศทางตะวันตกเฉียงใต้

ทุกอย่างเริ่มต้นที่ปีกขวาของกองทหารที่กำลังรุก (ตามลำดับ ทางด้านซ้ายของพวกเยอรมัน) ตามคำสั่งของฮิตเลอร์ เมืองใหญ่ในโซน Army Group Center ได้รับการประกาศให้เป็น "ป้อมปราการ" (รวมถึง Vitebsk) ซึ่งจะต้องถูกยึดไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม อันที่จริง แนวคิดนี้ไม่ได้โง่เขลานัก แต่ถึงกระนั้น ผู้นำทางทหารของเยอรมนีในตอนนั้น ก็อาจกล่าวได้ว่า บ่อนทำลายมัน ดังนั้น Vitebsk ซึ่งจัดขึ้นในฤดูหนาวก่อนหน้านี้ก็พ่ายแพ้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน เราเปลี่ยนทิศทางของการระเบิดตีต่อไปอีกเล็กน้อย และภายในสองวันพวกเขาก็สามารถสร้างภัยคุกคามจากการล้อมได้ แน่นอน ผู้บัญชาการกองทัพแพนเซอร์ที่ 3 Reinhardt กล่าวว่า: "เอามันออกไปให้หมด" พวกเขาตอบเขาว่า: "ไม่" นั่นคือ บุชเล่นบทบาทของผู้แปลคำสั่งของฮิตเลอร์อย่างง่ายๆ แม้ว่าเขาจะพยายามพูดอย่างสุภาพบนชั้นบนว่า “บางทีเราอาจจะทำให้มันเหมือนกันหมด?” แต่ถึงกระนั้น เมื่อเขาได้รับแจ้งว่า "ไม่" เขาก็เห็นด้วยและประกาศให้ทราบ และด้วยเหตุนี้ Vitebsk จึงถูกล้อมรอบอย่างรวดเร็ว พวกเขาพยายามจะแหกมัน แต่ฮิตเลอร์สั่งให้นั่งอยู่ที่นั่นจนจบ นอกจากนี้ เขาต้องการส่งเจ้าหน้าที่ทั่วไปไปที่ "ป้อมปราการ" ด้วยข่าวนี้ ซึ่ง Reinhardt บอกเขาอย่างกระตือรือร้นว่า: "คำสั่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ Fuhrer ของฉัน ฉันต้องส่งมอบเป็นการส่วนตัว ตัวฉันเองจะกระโดดด้วยร่มชูชีพไปที่ Vitebsk " โดยธรรมชาติแล้วฮิตเลอร์ต้องผงะและคำถามของใครบางคนที่กระโดดด้วยร่มชูชีพไปที่ Vitebsk ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคำสั่งที่สำคัญได้ถูกปิดลง แต่กระนั้นวิทยุก็พูดกับกองทหารว่า “กองทหารต้องคงอยู่ในป้อมปราการนี้ ผู้บัญชาการชื่ออะไร”

นักโทษชาวเยอรมัน 57,600 คนเข้าร่วมปฏิบัติการ Big Waltz

ผู้บัญชาการชื่ออัลฟองส์ ฮิตเตอร์ หลังจากใช้เวลาเกือบสิบสองชั่วโมง เขาตัดสินใจว่าเขาไม่มีโอกาส และรีบเข้าไปในป่าทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมือง ในความเป็นจริง เศษของแผนกและกองทหารของเขาภายใต้คำสั่งของนายพล Gollwitzer ถูกล้อมไว้ ต่อจากนั้นพวกเขาอยู่ในหมู่ผู้ที่เดินผ่านมอสโก

สมาชิกสภาทหารแห่งแนวรบเบลารุสที่ 3 Vasily Makarov, Alexander Vasilevsky และ Ivan Chernyakhovsky สอบปากคำผู้บัญชาการกองทหารราบที่ 206 Alphonse Hitter, 1944

ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง "ป้อมปราการ" ของ Vitebsk ล่มสลาย ช่องว่าง 150 กิโลเมตรก่อตัวขึ้นในแนวรบเยอรมัน มันเป็นความก้าวหน้าทางปีกซ้ายของพวกเขา ในขณะเดียวกัน Rokossovsky ก็ทำได้ดี แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ Zhukov สัญญาว่า:“ เราจะให้ยืมมือคุณ แต่เราจะดึงคุณออกจากหนองน้ำ” การรุกรานซึ่งอันที่จริงเขาเฝ้าดูและกองทัพของ Gorbatov ดำเนินการโดยไม่ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว

แต่ความคิดของ Rokossovsky ที่จะทำลายหนองน้ำนั้นได้ผล การป้องกันนั้นอ่อนแอลง ดังนั้นกลุ่มทหารม้ายานยนต์ของ Pliev กองพลรถถัง ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับการบุกทะลวงอย่างรวดเร็ว และ Rokossovsky ยื่นมือออกมา (เขาบุกเข้าไปใน Bobruisk อย่างรวดเร็ว) ดังนั้น กองยานเกราะเยอรมันเพียงหน่วยเดียวนี้ เมื่อเกิดวิกฤตร้ายแรงขึ้นทางใต้ของเมือง เลี้ยว 180 องศา และรีบเร่งดับไฟที่นั่น ขณะที่เธอวิ่งจากใต้สู่เหนือ จากเหนือจรดใต้ ด้านหน้าก็แตก หม้ออีกใบก่อตัวขึ้น คราวนี้อยู่ใกล้ Bobruisk กองทัพที่ 9 ล้มลง กองทัพที่ปกป้อง Rzhev ซึ่งกำลังรุกใกล้ Kursk ชะตากรรมของเธอเศร้า - เธอแตกสลาย ในขณะนี้ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน บุชถูกถอดออกจากการบังคับบัญชา และนายแบบก็เข้ามาแทนที่เขา ต้องบอกว่าโมเดลไม่ได้ช่วยกองทัพที่ 9 ของเขาไว้ อันที่จริงเขาปล่อยให้เธอดูแลตัวเองโดยตระหนักว่าจำเป็นต้องฟื้นฟูแนวหน้า

Bagration เป็นหนึ่งในปฏิบัติการทางทหารที่ใหญ่ที่สุด

มีความก้าวหน้าสองครั้งด้วยความยาวด้านหน้าทั้งหมด 700 กิโลเมตร เมื่อเห็นหน่วยยานยนต์ของโซเวียตที่ก้าวหน้า ชาวเยอรมันถูกบังคับให้หนีไปมินสค์อย่างสุดกำลัง ทีแรกนึกว่าจะยึดแนวรบไว้ที่บริเวณแม่น้ำเบเรซินา โดยทั่วไปแล้ว Berezina เป็นสถานที่ที่สาปแช่ง: ในปี 1812 นโปเลียนพยายามล่าถอยที่นั่นไม่ประสบความสำเร็จอย่างมากสิ่งเดียวกันก็เกิดขึ้นกับกองทัพเยอรมันที่ 4

เทียบกับแนวรถถังโซเวียตที่เดินทัพไปยังมินสค์ โมเดลได้โยนกองยานเกราะที่ 5 ซึ่งเป็นหนึ่งในสองดิวิชั่นที่มีอุปกรณ์ครบครัน มีรถถังประมาณ 200 คัน: มากกว่าครึ่งเป็นเสือและเสือดำ Rotmistrov ไม่มี T-34-85 เพียงตัวเดียวในเดือนกรกฎาคม 1944

และตอนนี้สองกองพลรถถังของกองทัพ Rotmistrov พุ่งชนด้วยความเร็วเต็มที่ในดิวิชั่นรถถังที่ 5 ที่มี "Tigers" และ "Panthers" แน่นอนว่าการต่อสู้ไม่ได้ผลเพื่อคนแรก แต่เนื่องจาก Rotmistrov ไม่ใช่คู่แข่งเพียงคนเดียวของ Minsk ฝ่ายเยอรมันจึงไม่สามารถสร้างแนวรบที่แข็งแกร่งได้ และกองทหารรักษาการณ์ Tatsinsky ที่ 2 แห่ง Burdeyny รุกไปตามเส้นทางถัดไปเข้าสู่มินสค์ จากทางใต้ตามลำดับเข้าสู่ 1st Guards Tank Corps จากแนวหน้า Rokossovsky เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม และกองทหารราบชาวเยอรมันจำนวนนี้ซึ่งกำลังรีบไปที่เบเรซินาก่อนแล้วค่อยไปยังมินสค์ถูกล้อมรอบ ภายในวันที่ 11 กรกฎาคม มันถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์

Operation Bagration ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของกองทหารนาซีในสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม การสูญเสียของชาวเยอรมันมีจำนวนประมาณ 500,000 คน ในจำนวนนี้ มีผู้สูญหายเกือบ 300,000 คน และ 150,000 คนถูกจับเข้าคุก

"บิ๊กวอลซ์" ในมอสโก 17 กรกฎาคม 2487

และสุดท้าย มาพูดกันสองสามคำเกี่ยวกับการเดินขบวนของเชลยศึกชาวเยอรมันผ่านถนนในมอสโก ความจริงก็คือในตะวันตกที่ซึ่งสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาสงสัยว่ากองทัพโซเวียตจะประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ จากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะดำเนินการที่เรียกว่า "The Big Waltz" (เป็นภาพยนตร์อเมริกันยอดนิยม) มีนักโทษชาวเยอรมันมากกว่า 57,000 คนมารวมตัวกันที่สนามมอสโคว์ฮิปโปโดรมและไดนาโมสเตเดียม และในวันที่ 17 กรกฎาคม การประกาศในหนังสือพิมพ์ตอนเช้าและทางวิทยุ (พวกเขาไม่ได้พูดอะไรกับใครล่วงหน้า) พวกเขาถูกขับไล่ออกไปในเดือนมีนาคมตามถนน Tverskaya และตาม Garden Ring เริ่มจากสนามแข่งม้าและสนามกีฬาไดนาโม นักโทษเดินไปที่จัตุรัสมายาคอฟสกี จากนั้นแยกออกเป็นสองสาย: ข้ามสะพานไครเมีย สถานี Kanatchikovo และสถานีรถไฟ Kursk

ขบวนนี้นำโดยนายพล 19 นายที่ถูกจับตัวไป และมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่โกนหนวด นั่นคือในตอนเช้าพวกเขาให้อาหารทหารและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดด้วยอาหารเช้าและมีเพียงนายพลเท่านั้นที่ได้รับการโกน และข้างหลังพวกเขา (นายพล) เป็นกลุ่มคนที่ก่อนหน้านี้หนีจากสตอร์มทรูปเปอร์ผ่านป่า พวกเขาดูน่าสังเวชพอสมควร ที่ต้องเดินเตร่อยู่ในป่าเป็นเวลาหลายสัปดาห์ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจที่รุนแรง เมื่อสหายของคุณกำลังตัดหญ้าอยู่ข้างๆ คุณ สิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมสำหรับพวกเขาไปตลอดชีวิตที่เหลือของพวกเขา

การแบ่งเขตของแนวรบเบโลรุสที่ 3 กำลังข้ามแม่น้ำลูเชซา
มิถุนายน 2487

ปีนี้เป็นวันครบรอบ 70 ปีนับตั้งแต่กองทัพแดงได้ดำเนินการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของมหาสงครามแห่งความรักชาติ - Operation Bagration ในระหว่างนั้นกองทัพแดงไม่เพียง แต่ปลดปล่อยผู้คนในเบลารุสจากการยึดครอง แต่ยังบ่อนทำลายกองกำลังของศัตรูอย่างมีนัยสำคัญนำการล่มสลายของลัทธิฟาสซิสต์เข้ามาใกล้ - ชัยชนะของเรา

การปฏิบัติการเชิงรุกของเบลารุสนั้นไม่มีใครเทียบได้ในแง่ของขอบเขตเชิงพื้นที่ ถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศิลปะการทหารระดับชาติ เป็นผลให้กลุ่มที่มีอำนาจมากที่สุดของ Wehrmacht พ่ายแพ้ สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความกล้าหาญที่หาตัวจับยาก ความกล้าหาญของความมุ่งมั่น และการเสียสละตนเองของทหารโซเวียตหลายแสนนายและพรรคพวกของเบลารุส หลายคนเสียชีวิตอย่างกล้าหาญบนดินเบลารุสในนามของชัยชนะเหนือศัตรู

แผนที่ปฏิบัติการเบลารุส

หลังจากเริ่มฤดูหนาวปี 2486-2487 แนวหน้าในเบลารุสก่อตัวเป็นหิ้งขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่ประมาณ 250,000 ตารางเมตร กม. ด้านบนหันไปทางทิศตะวันออก มันแทรกซึมลึกเข้าไปในการจัดการของกองทหารโซเวียตและมีความสำคัญทางปฏิบัติการและยุทธศาสตร์ที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย การกำจัดหิ้งนี้และการปลดปล่อยเบลารุสได้เปิดเส้นทางที่สั้นที่สุดสำหรับกองทัพแดงไปยังโปแลนด์และเยอรมนี และคุกคามการโจมตีด้านข้างของกลุ่มกองทัพศัตรู "เหนือ" และ "ยูเครนตอนเหนือ"

ในทิศทางกลาง กองทหารโซเวียตถูกต่อต้านโดย Army Group Center (ยานเกราะที่ 3, กองทัพที่ 4, 9 และ 2) ภายใต้คำสั่งของจอมพล อี. บุช ได้รับการสนับสนุนโดยการบินของกองบินที่ 6 และบางส่วนของกองบินที่ 1 และ 4 โดยรวมแล้ว การจัดกลุ่มศัตรูประกอบด้วย 63 ดิวิชั่น และ 3 กองพันทหารราบ ซึ่งมีจำนวนคน 800,000 คน ปืนและครก 7.6,000 กระบอก รถถังและปืนจู่โจม 900 คัน และเครื่องบินรบมากกว่า 1,300 ลำ ในเขตสำรองของกองทัพบกมี 11 หน่วยงานซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับพรรคพวก

ระหว่างการรณรงค์ช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ. 1944 กองบัญชาการทหารสูงสุดวางแผนที่จะดำเนินการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์เพื่อการปลดปล่อยเบลารุสครั้งสุดท้าย ซึ่งกองทหารของ 4 แนวรบควรจะแสดงร่วมกัน กองทหารของทะเลบอลติกที่ 1 (บัญชาการโดยนายพลกองทัพ), ที่ 3 (บัญชาการโดยนายพันเอก), ที่ 2 (บัญชาการโดยนายพล GF Zakharov) และแนวรบเบโลรุสที่ 1 (บัญชาการโดยนายพลกองทัพบก) มีส่วนร่วมใน การดำเนินงาน , การบินระยะไกล, กองเรือทหาร Dnieper เช่นเดียวกับการก่อตัวและการแยกตัวของพรรคพวกเบลารุสจำนวนมาก

ผู้บัญชาการกองพลทะเลบอลติกที่ 1 แห่งกองทัพบก
ของพวกเขา. Baghramyan และเสนาธิการด้านหน้าพลโท
วี.วี. คูราซอฟระหว่างปฏิบัติการเบลารุส

แนวรบรวม 20 อาวุธ รถถัง 2 คัน และกองทัพอากาศ 5 ลำ โดยรวมแล้ว กลุ่มประกอบด้วยกองปืนไรเฟิล 178 กอง, รถถัง 12 กองและกองยานยนต์และ 21 กองพล การสนับสนุนทางอากาศและที่กำบังของกองกำลังด้านหน้านั้นจัดทำโดยกองทัพอากาศ 5 แห่ง

แนวความคิดของการปฏิบัติการจัดให้มีการโจมตีลึกจาก 4 แนวรบเพื่อบุกทะลวงแนวป้องกันของศัตรูใน 6 ทิศทาง ล้อมและทำลายกลุ่มศัตรูที่ด้านข้างของเบลารุสเด่น - ในภูมิภาค Vitebsk และ Bobruisk หลังจากนั้นก็รุกเข้ามา ทิศทางที่บรรจบกับมินสค์ ล้อมและกำจัดกองกำลังหลักของกองทัพกลุ่มศูนย์กลางทางตะวันออกของเมืองหลวงเบลารุส ในอนาคตเพิ่มพลังของการระเบิดไปถึงเส้น Kaunas - Bialystok - Lublin

เมื่อเลือกทิศทางของการโจมตีหลัก แนวคิดเรื่องการมุ่งความสนใจไปที่ทิศทางมินสค์ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน การบุกทะลวงแนวรบพร้อมกันใน 6 ส่วนนำไปสู่การผ่ากองกำลังของศัตรู ทำให้เขาใช้กำลังสำรองในการขับไล่กองกำลังของเราได้ยาก

เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับการจัดกลุ่ม Stavka ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปี 1944 ได้เติมเต็มแนวรบด้วยสี่แขนผสม กองทัพรถถังสองกอง กองปืนใหญ่บุกทะลวงสี่แห่ง กองปืนใหญ่ต่อต้านอากาศยานสองกอง และกองพลน้อยวิศวกรสี่กอง ในช่วง 1.5 เดือนก่อนการปฏิบัติการ กองกำลังโซเวียตในเบลารุสมีกำลังเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าในรถถัง ปืนใหญ่เกือบ 2 เท่า และสองในสามในเครื่องบิน

ศัตรูที่ไม่คาดหวังการกระทำขนาดใหญ่ในทิศทางนี้หวังว่าจะขับไล่กองกำลังโซเวียตที่น่ารังเกียจด้วยกองกำลังและวิธีการของ Army Group Center ซึ่งตั้งอยู่ในระดับเดียวส่วนใหญ่อยู่ในเขตป้องกันทางยุทธวิธีซึ่งประกอบด้วย 2 แนวรับ โซนที่มีความลึก 8 ถึง 12 กม. ... ในเวลาเดียวกัน ด้วยการใช้ภูมิประเทศที่เอื้ออำนวยต่อการป้องกัน เขาได้สร้างการป้องกันเชิงลึกแบบหลายเลน ซึ่งประกอบด้วยหลายแนว โดยมีความลึกรวมสูงสุด 250 กม. แนวป้องกันถูกสร้างขึ้นตามริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ เมือง Vitebsk, Orsha, Mogilev, Bobruisk, Borisov, Minsk กลายเป็นศูนย์ป้องกันที่ทรงพลัง

เมื่อเริ่มปฏิบัติการ กองกำลังจู่โจมมีจำนวน 1.2 ล้านคน ปืนและครก 34,000 กระบอก รถถัง 4,070 คันและแท่นปืนใหญ่อัตตาจร มีเครื่องบินรบประมาณ 5,000 ลำ กองทหารโซเวียตมีกำลังคนมากกว่าศัตรู 1.5 เท่า ปืนและครก 4.4 เท่า รถถังและปืนใหญ่อัตตาจร 4.5 เท่า และโดยเครื่องบิน 3.6 เท่า

ในการปฏิบัติการเชิงรุกครั้งก่อนๆ นั้น กองทัพแดงไม่มีปืนใหญ่ รถถัง และเครื่องบินรบจำนวนดังกล่าว และกองกำลังที่เหนือกว่าเช่นในเบลารุส

โดยคำสั่งของกองบัญชาการสูงสุด ภารกิจสำหรับแนวรบถูกกำหนดดังนี้:

กองกำลังของแนวรบบอลติกที่ 1 เพื่อบุกทะลวงแนวป้องกันของศัตรูทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Vitebsk ยึดครองภูมิภาค Beshenkovichi และส่วนหนึ่งของกองกำลังโดยร่วมมือกับกองทัพปีกขวาของแนวรบเบลารุสที่ 3 ล้อมและทำลายศัตรูใน Vitebsk ภาค. ต่อจากนั้น พัฒนาความไม่พอใจต่อ Lepel;

กองกำลังของแนวรบเบโลรุสที่ 3 โดยร่วมมือกับปีกซ้ายของแนวรบบอลติกที่ 1 และแนวรบเบโลรุสที่ 2 เอาชนะกลุ่ม Vitebsk-Orsha ของศัตรูและไปถึง Berezina เพื่อให้บรรลุภารกิจนี้ แนวรบต้องโจมตีในสองทิศทาง (แต่ละกองกำลังมี 2 กองทัพ): บน Senno และตามทางหลวง Minsk ไปยัง Borisov และส่วนหนึ่งของกองกำลังไปยัง Orsha กองกำลังหลักของแนวหน้าต้องพัฒนาแนวรุกต่อแม่น้ำเบเรซินา

กองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 2 โดยร่วมมือกับปีกซ้ายของแนวรบที่ 3 และปีกขวาของแนวรบเบลารุสที่ 1 เอาชนะกลุ่ม Mogilev ปลดปล่อย Mogilev และไปถึงแม่น้ำ Berezina

กองกำลังของแนวรบเบลารุสที่ 1 เข้าบดขยี้กลุ่ม Bobruisk ของศัตรู ด้วยเหตุนี้ แนวรบจึงต้องส่งการโจมตีสองครั้ง: หนึ่งครั้งจากพื้นที่ Rogachev ในทิศทางของ Bobruisk, Osipovichi, ครั้งที่สองจากพื้นที่ของเส้นทางล่างของ Berezina ถึง Starye Dorogi และ Slutsk ในเวลาเดียวกัน กองทหารของปีกขวาของแนวรบต้องช่วยแนวรบเบลารุสที่ 2 ในการเอาชนะกลุ่ม Mogilev ของศัตรู

หลังจากความพ่ายแพ้ของกลุ่มสีข้างของศัตรู กองทหารของแนวรบที่ 3 และที่ 1 ของเบลารุสต้องพัฒนาแนวรุกในการบรรจบกับมินสค์ และด้วยความร่วมมือกับแนวรบเบลารุสที่ 2 และพรรคพวก ล้อมกองกำลังหลักทางตะวันออกของมินสค์

พรรคพวกยังได้รับมอบหมายให้ขัดขวางการทำงานของกองหลังของศัตรู ขัดขวางการจัดหากำลังสำรอง ยึดแนวเส้นสำคัญ การข้ามแม่น้ำและหัวสะพาน และจับพวกมันไว้จนกว่าจะเข้าใกล้กองทหารที่กำลังรุกคืบ ควรทำการระเบิดรางรถไฟครั้งแรกในคืนวันที่ 20 มิถุนายน

ให้ความสนใจอย่างมากกับการมุ่งเน้นความพยายามด้านการบินไปในทิศทางของการโจมตีหลักของแนวรบและการรักษาอำนาจสูงสุดทางอากาศ ในช่วงก่อนการบุก การบินได้ก่อกวน 2,700 ครั้ง และทำการฝึกทางอากาศอันทรงพลังในส่วนการบุกทะลวงแนวหน้า

ระยะเวลาของการเตรียมปืนใหญ่ถูกวางแผนไว้ตั้งแต่ 2 ชั่วโมง ถึง 2 ชั่วโมง 20 นาที การสนับสนุนสำหรับการโจมตีนั้นวางแผนโดยใช้วิธีการของเขื่อนกั้นน้ำ ความเข้มข้นของไฟที่สม่ำเสมอ และทั้งสองวิธีรวมกัน ในเขตรุกของกองทัพ 2 แห่งของแนวรบเบโลรุสที่ 1 ซึ่งปฏิบัติการในทิศทางของการโจมตีหลัก การโจมตีของทหารราบและรถถังได้รับการสนับสนุนเป็นครั้งแรกโดยวิธีการทำการโจมตีสองครั้ง

ที่สำนักงานใหญ่ของแนวรบเบลารุสที่ 1 เสนาธิการ พ.ต.ท. มาลินิน ซ้ายสุด ผบ.ทบ. โรคอสซอฟสกี พื้นที่ Bobruisk ฤดูร้อน 1944

การประสานงานของการกระทำของกองกำลังด้านหน้าได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนของสำนักงานใหญ่ - เสนาธิการทั่วไปของจอมพลแห่งสหภาพโซเวียตและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน หัวหน้าคณะกรรมการปฏิบัติการของเสนาธิการทั่วไป พล.อ. การกระทำของกองทัพอากาศได้รับการประสานงานโดยผู้บัญชาการกองบินเอเอ Novikov และ Air Marshal F.Ya. ฟาลาเลฟ จอมพลปืนใหญ่ N.D. Yakovlev และพันเอก - นายพลแห่งปืนใหญ่ M.N. ชิสท์ยาคอฟ

การดำเนินการนี้ต้องใช้กระสุน 400,000 ตัน เชื้อเพลิงประมาณ 300,000 ตัน อาหารและอาหารสัตว์มากกว่า 500,000 ตัน ซึ่งจัดหาให้อย่างทันท่วงที

โดยธรรมชาติของการสู้รบและเนื้อหาของภารกิจ Operation Bagration แบ่งออกเป็นสองขั้นตอน: ครั้งแรก - ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนถึง 4 กรกฎาคม 1944 ในระหว่างที่มีการปฏิบัติการแนวหน้า 5 ครั้ง: Vitebsk-Orshansk, Mogilev, Bobruisk, Polotsk และ Minsk และครั้งที่สอง - ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมถึง 29 สิงหาคม 1944 ซึ่งรวมถึงปฏิบัติการแนวหน้าอีก 5 ครั้ง: Siauliai, Vilnius, Kaunas, Bialystok และ Lublin-Brest

ด่านแรกของปฏิบัติการ Bagration รวมถึงการบุกทะลวงแนวป้องกันของศัตรูจนถึงระดับความลึกทางยุทธวิธีทั้งหมด ขยายการบุกทะลวงไปยังด้านข้างของสีข้าง และกำหนดเส้นทางสำรองปฏิบัติการที่ใกล้ที่สุด และยึดเมืองจำนวนหนึ่ง รวมทั้ง การปลดปล่อยเมืองหลวงของเบลารุส - มินสค์; ขั้นตอนที่ 2 - การพัฒนาความสำเร็จในเชิงลึก เอาชนะแนวป้องกันระดับกลาง กำหนดเส้นทางสำรองปฏิบัติการหลักของศัตรู ยึดแนวเส้นสำคัญและหัวสะพานในแม่น้ำ วิสทูล่า. งานเฉพาะสำหรับแนวรบถูกกำหนดไว้ที่ความลึก 160 กม.

การรุกของกองทหารของแนวรบทะเลบอลติกที่ 1, 3 และ 2 เบโลรุสเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน วันต่อมา กองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 1 เข้าร่วมการต่อสู้ การรุกนำหน้าด้วยการลาดตระเวนในบังคับ

การกระทำของกองทหารระหว่างปฏิบัติการ Bagration เช่นเดียวกับการปฏิบัติการอื่น ๆ ของกองทหารโซเวียตก่อนหน้านั้นเกือบจะสอดคล้องกับความตั้งใจและงานที่ได้รับ ในช่วง 12 วันของการต่อสู้ที่รุนแรงในระยะแรกของการปฏิบัติการ กองกำลังหลักของศูนย์กลุ่มกองทัพบกก็พ่ายแพ้

เชลยศึกชาวเยอรมันของกลุ่มกองทัพ "ศูนย์" ดำเนินการในมอสโก
17 กรกฎาคม 2487

กองกำลังทหารซึ่งมีระยะทาง 225-280 กม. ในอัตราเฉลี่ย 20-25 กม. ต่อวัน ได้ปลดปล่อยเบลารุสส่วนใหญ่ ในเขตวีเต็บสค์ โบบรุยสก์ และมินสค์ กองทหารเยอรมันประมาณ 30 กองถูกล้อมและปราบ แนวรบของศัตรูที่อยู่ตรงกลางถูกบดขยี้ ผลลัพธ์ที่ได้ได้สร้างเงื่อนไขสำหรับการรุกที่ตามมาในทิศทางของ Shauliai, Vilnius, Grodno และ Brest เช่นเดียวกับการเปลี่ยนไปใช้การปฏิบัติการในภาคอื่น ๆ ของแนวรบโซเวียต - เยอรมัน

ทหาร ปลดปล่อยเบลารุสของคุณ โปสเตอร์โดย V. Koretsky 1944 กรัม

บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับแนวรบอย่างเต็มที่ Stavka ใช้ความสำเร็จของปฏิบัติการ Byelorussian อย่างทันท่วงทีเพื่อปฏิบัติการชี้ขาดในภาคอื่น ๆ ของแนวรบโซเวียต-เยอรมัน เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม กองทหารของแนวรบยูเครนที่ 1 เข้าโจมตี แนวรบทั่วไปขยายจากทะเลบอลติกไปยังคาร์พาเทียน กองทหารโซเวียตข้ามพรมแดนรัฐของสหภาพโซเวียตกับโปแลนด์เมื่อวันที่ 17-18 กรกฎาคม เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พวกเขามาถึงเส้น - Jelgava, Dobele, Augustow และแม่น้ำ Narew และ Vistula

แม่น้ำวิสทูล่า ข้ามถัง. 1944 กรัม

การพัฒนาต่อไปของการรุกด้วยการขาดแคลนกระสุนอย่างเฉียบพลันและความเหนื่อยล้าของกองทหารโซเวียตจะไม่ประสบความสำเร็จและพวกเขาก็ยังคงป้องกันตามคำสั่งของสำนักงานใหญ่

2nd Belorussian Front: Front Commander Army General
จีเอฟ Zakharov สมาชิกสภาทหาร พล.ท. N.E. Subbotin และ พันเอก K.A. Vershinin กำลังหารือเกี่ยวกับแผนการโจมตีทางอากาศกับศัตรู สิงหาคม 1944

อันเป็นผลมาจากปฏิบัติการของเบลารุส เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยได้ถูกสร้างขึ้นไม่เพียงแต่สำหรับการทำการโจมตีครั้งใหม่ที่ทรงพลังต่อกลุ่มศัตรูที่ปฏิบัติการในแนวรบโซเวียต-เยอรมันในรัฐบอลติก ปรัสเซียตะวันออก และโปแลนด์ ในทิศทางของวอร์ซอ-เบอร์ลินเท่านั้น แต่ยังสำหรับการปรับใช้ ปฏิบัติการเชิงรุกโดยกองทหารแองโกล-อเมริกัน ลงจอดที่นอร์มังดี

การปฏิบัติการเชิงรุกของกลุ่มแนวรบในเบลารุสซึ่งกินเวลานาน 68 วัน เป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่โดดเด่นไม่เฉพาะในมหาสงครามแห่งความรักชาติเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสงครามโลกครั้งที่สองทั้งหมดด้วย คุณลักษณะที่โดดเด่นของมันคือขอบเขตเชิงพื้นที่มหาศาลและผลการปฏิบัติงานและกลยุทธ์ที่น่าประทับใจ

สภาทหารของแนวรบเบลารุสที่ 3 จากซ้ายไปขวา : ผบ.ทบ. Pokrovsky สมาชิกสภาทหารแนวหน้า พลโท V.E. Makarov ผู้บัญชาการกองกำลังแนวหน้า General of the Army I.D. เชอร์เนียคอฟสกี กันยายน 2487

หลังจากเปิดฉากโจมตีเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ด้านหน้า 700 กม. กองทหารกองทัพแดงได้เคลื่อนทัพไปทางทิศตะวันตก 550 - 600 กม. ภายในสิ้นเดือนสิงหาคม ขยายแนวรบเป็น 1,100 กม. ดินแดนอันกว้างใหญ่ของเบลารุสและส่วนสำคัญของโปแลนด์ตะวันออกถูกกวาดล้างจากผู้รุกรานชาวเยอรมัน กองทหารโซเวียตไปถึง Vistula ระหว่างทางไปยังกรุงวอร์ซอและชายแดนกับปรัสเซียตะวันออก

ผู้บัญชาการกองพันของกรมทหารราบที่ 297 ของกองพลที่ 184 ของกองทัพที่ 5 แห่งแนวรบเบโลรุสที่ 3 กัปตัน G.N. Gubkin (ขวา) กับเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 1944 กองพันของเขาเป็นกองพันแรกในกองทัพแดงที่บุกทะลุชายแดนปรัสเซียตะวันออก

ระหว่างปฏิบัติการ กลุ่มชาวเยอรมันที่ใหญ่ที่สุดประสบความพ่ายแพ้อย่างยับเยิน จาก 179 แผนกและ 5 กองพลน้อยของ Wehrmacht จากนั้นปฏิบัติการในแนวรบโซเวียต - เยอรมัน 17 ดิวิชั่นและ 3 กองพลน้อยถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ในเบลารุสและ 50 ดิวิชั่นซึ่งสูญเสียบุคลากรมากกว่า 50% สูญเสียประสิทธิภาพการต่อสู้ กองทหารเยอรมันสูญเสียทหารและเจ้าหน้าที่ประมาณ 500,000 นาย

ปฏิบัติการ Bagration แสดงให้เห็นตัวอย่างที่ชัดเจนของทักษะระดับสูงของผู้บัญชาการทหารโซเวียตและผู้นำทางทหาร เธอมีส่วนสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์ ศิลปะการปฏิบัติงาน และยุทธวิธี เสริมศิลปะการทำสงครามด้วยประสบการณ์ในการล้อมและทำลายกลุ่มศัตรูขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้นและในสภาวะที่หลากหลายที่สุดของสถานการณ์ ภารกิจบุกทะลวงการป้องกันอันทรงพลังของศัตรูได้รับการแก้ไขอย่างประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับการพัฒนาอย่างรวดเร็วของความสำเร็จในเชิงลึกในการปฏิบัติงานอันเนื่องมาจากการใช้รูปแบบและรูปแบบของรถถังขนาดใหญ่อย่างชำนาญ

ในการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยเบลารุส ทหารโซเวียตได้แสดงความกล้าหาญและทักษะการต่อสู้ที่สูง ผู้เข้าร่วม 1,500 คนกลายเป็นวีรบุรุษของสหภาพโซเวียต หลายแสนคนได้รับคำสั่งและเหรียญตราของสหภาพโซเวียต ในบรรดาวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตและผู้ที่ได้รับรางวัลคือทหารทุกสัญชาติของสหภาพโซเวียต

การก่อตัวของพรรคพวกมีบทบาทสำคัญในการปลดปล่อยเบลารุส

ขบวนพาเหรดกองพลน้อยหลังการปลดปล่อย
เมืองหลวงของเบลารุส - มินสค์

การแก้ปัญหาด้วยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกองกำลังของกองทัพแดง พวกเขาทำลายมากกว่า 15,000 และจับทหารและเจ้าหน้าที่ของศัตรูมากกว่า 17,000 นาย มาตุภูมิชื่นชมความสำเร็จของพรรคพวกและนักสู้ใต้ดิน หลายคนได้รับคำสั่งและเหรียญรางวัล และ 87 คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังกลายเป็นวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต

แต่ชัยชนะมาในราคาที่สูง ในเวลาเดียวกัน ความรุนแรงสูงของการสู้รบ การเปลี่ยนแปลงในช่วงต้นของศัตรูไปสู่การป้องกัน สภาพที่ยากลำบากของภูมิประเทศที่เป็นป่าและแอ่งน้ำ ความจำเป็นในการเอาชนะอุปสรรคน้ำขนาดใหญ่และอุปสรรคทางธรรมชาติอื่น ๆ ทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ในระหว่างการรุก กองทหารของสี่แนวรบสูญเสียผู้เสียชีวิต 765,815 คน บาดเจ็บ สูญหาย และสูญหายเนื่องจากการเจ็บป่วย ซึ่งเกือบ 50% ของจำนวนทั้งหมดเมื่อเริ่มปฏิบัติการ และการสูญเสียที่ไม่สามารถกู้คืนได้มีจำนวน 178,507 คน กองทหารของเราประสบการสูญเสียอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างหนัก

ประชาคมโลกชื่นชมเหตุการณ์ในภาคกลางของแนวรบโซเวียต - เยอรมัน ผู้นำทางการเมืองและการทหารของชาติตะวันตก นักการทูต และนักข่าวสังเกตเห็นอิทธิพลที่สำคัญของพวกเขาต่อแนวทางสงครามโลกครั้งที่สองต่อไป “ความรวดเร็วในการบุกโจมตีกองทัพของคุณนั้นยอดเยี่ยมมาก” เอฟ. รูสเวลต์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เขียนเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1944 I.V. สตาลิน. ในโทรเลขถึงหัวหน้ารัฐบาลโซเวียตเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นายกรัฐมนตรีอังกฤษ W. Churchill เรียกเหตุการณ์ในเบลารุสว่า "ชัยชนะที่สำคัญยิ่ง" เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม หนังสือพิมพ์ตุรกีฉบับหนึ่งระบุว่า: "หากความก้าวหน้าของรัสเซียก้าวหน้าไปในจังหวะเดียวกัน กองทหารรัสเซียจะเข้าสู่กรุงเบอร์ลินเร็วกว่าที่กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรจะเสร็จสิ้นการปฏิบัติการในนอร์มังดี"

ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเอดินบะระ ผู้เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับปัญหาเชิงกลยุทธ์ทางทหาร J. Erickson ในหนังสือของเขา "The Road to Berlin" เน้นย้ำว่า: "ความพ่ายแพ้ของ Army Group Center โดยกองทหารโซเวียตนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี...จากการปฏิบัติการครั้งเดียว สำหรับกองทัพเยอรมัน ... มันเป็นความหายนะในสัดส่วนที่คาดไม่ถึง ยิ่งใหญ่กว่าสตาลินกราด "

ปฏิบัติการ Bagration เป็นการโจมตีครั้งใหญ่ครั้งแรกของกองทัพแดงในช่วงที่กองกำลังติดอาวุธของสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่เริ่มทำสงครามในยุโรปตะวันตก อย่างไรก็ตาม 70% ของกองกำลังภาคพื้นดินของ Wehrmacht ยังคงต่อสู้ในแนวรบโซเวียต-เยอรมัน ภัยพิบัติในเบลารุสบังคับให้คำสั่งของเยอรมันต้องโอนกองหนุนเชิงกลยุทธ์ขนาดใหญ่จากทางตะวันตกซึ่งแน่นอนว่าสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยสำหรับการกระทำที่น่ารังเกียจโดยพันธมิตรหลังจากการลงจอดของกองทหารในนอร์มังดีและการทำสงครามพันธมิตรในยุโรป

การโจมตีที่ประสบความสำเร็จของแนวรบบอลติกที่ 1, 3, 2 และ 1 เบลารุสในทิศทางตะวันตกในฤดูร้อนปี 2487 ได้เปลี่ยนสถานการณ์อย่างรุนแรงในแนวรบโซเวียต - เยอรมันทั้งหมดทำให้ศักยภาพการต่อสู้ของ Wehrmacht ลดลงอย่างมาก หลังจากกำจัดหิ้งเบลารุสแล้วพวกเขาก็กำจัดภัยคุกคามของการโจมตีด้านข้างจากทางเหนือสำหรับกองทัพของแนวรบยูเครนที่ 1 ซึ่งโจมตีในทิศทาง Lvov และ Rava-Russian การจับกุมและการเก็บรักษาหัวสะพานบน Vistula โดยกองทหารโซเวียตในพื้นที่ Pulawy และ Magnushev เปิดโอกาสสำหรับการปฏิบัติการใหม่เพื่อเอาชนะศัตรูโดยมีเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยโปแลนด์อย่างสมบูรณ์และโจมตีเมืองหลวงของเยอรมัน

อนุสรณ์สถาน "กองแห่งความรุ่งโรจน์"

ประติมากร A. Bembel และ A. Artimovich สถาปนิก O. Stakhovich และ L. Mitskevich วิศวกร B. Laptsevich ความสูงรวมของอนุสรณ์คือ 70.6 ม. เนินดินสูง 35 ม. สวมมงกุฎด้วยองค์ประกอบประติมากรรมของดาบปลายปืนสี่อันที่ต้องเผชิญกับไทเทเนียม สูง 35.6 ม. ดาบปลายปืนเป็นสัญลักษณ์ของแนวรบที่ 1, 2, 3 เบลารุสและบอลติกที่ 1 ที่ปลดปล่อยเบลารุส ฐานของพวกเขาล้อมรอบด้วยวงแหวนที่มีรูปปั้นนูนต่ำนูนของทหารโซเวียตและพรรคพวก ด้านในของวงแหวน ทำด้วยเทคนิคโมเสค ข้อความถูกทุบทิ้ง: "Glory to the Soviet Army, the Liberator Army!"

เซอร์เกย์ ลิปาตอฟ,
นักวิจัยด้านการวิจัย
สถาบันประวัติศาสตร์การทหารของวิทยาลัยการทหาร
เสนาธิการทหารบก
สหพันธรัฐรัสเซีย .

ปฏิบัติการ Bagration

ตามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 ได้มีการกำหนดภารกิจของกองทัพแดงสำหรับฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง มันควรจะเสร็จสิ้นการขับไล่ผู้ครอบครองจากดินแดนโซเวียตฟื้นฟูชายแดนของสหภาพโซเวียตตลอดความยาวดึงพันธมิตรยุโรปออกจากสงครามที่ด้านข้างของเยอรมนีและโปแลนด์ฟรีเช็กสโลวักและประชาชนอื่น ๆ ของตะวันตก ยุโรปจากการถูกจองจำของฟาสซิสต์ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ระหว่างการรณรงค์ช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ได้มีการวางแผนเพื่อเตรียมการและดำเนินการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์เชิงกลยุทธ์ทั้งหมดอย่างต่อเนื่องในพื้นที่กว้างใหญ่ ตั้งแต่อาร์กติกไปจนถึงทะเลดำ ที่มีความสำคัญเบื้องต้นในแผนของสำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการสูงสุดในฤดูร้อนปี 2487 ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานในเบลารุส

ในฤดูร้อนปี 2487 แนวหน้าในทิศทางเบลารุสโค้งงอเพื่อให้มีหิ้งขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นซึ่งเจาะลึกเข้าไปในที่ตั้งของกองทหารโซเวียต หิ้งนี้เป็นที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับชาวเยอรมัน ต้องขอบคุณเขา กองทหารเยอรมันครอบคลุมแนวทางไปยังโปแลนด์และปรัสเซียตะวันออก และรักษาตำแหน่งที่มั่นคงในรัฐบอลติกและยูเครนตะวันตก กองบัญชาการ Wehrmacht ยังคำนึงถึงความจริงที่ว่าเครือข่ายทางรถไฟและทางหลวงของเบลารุสทำให้สามารถเคลื่อนกำลังและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อรักษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกลุ่ม "เหนือ" "กลาง" และ "ยูเครนตอนเหนือ"

นอกจากนี้หิ้งห้อยลงมาจากทางเหนือเหนือกองทหารของแนวรบยูเครนที่ 1 และสร้างภัยคุกคามจากการโจมตีด้านข้าง นอกจากนี้ การบินของเยอรมนียังสามารถดำเนินการโจมตีศูนย์การสื่อสารและอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียต โดยอิงตามสนามบินในเบลารุส

ดังนั้นคำสั่งของเยอรมันจึงพยายามรักษาหิ้งเบลารุสในทุกวิถีทาง มันเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับการป้องกันที่ดื้อรั้น ซึ่งบทบาทหลักที่ได้รับมอบหมายให้เป็นศูนย์กลุ่มกองทัพบก นำโดยจอมพลอี. บุช

ที่ทางแยกทางเหนือของ Army Group Center การป้องกันถูกยึดโดยการก่อตัวของกองทัพเยอรมันที่ 16 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพกลุ่มเหนือ และที่ทางแยกทางใต้ โดยการก่อตัวของกองทัพแพนเซอร์ที่ 4 จากกองทัพกลุ่มภาคเหนือของยูเครน กองกำลังศัตรูหลักรวมตัวกันอยู่ในพื้นที่ของ Polotsk, Vitebsk, Orsha, Mogilev, Bobruisk และ Kovel ซึ่งพวกเขาครอบคลุมทิศทางที่สะดวกที่สุดสำหรับการรุก

กองกำลังของสี่แนวรบจะเข้าร่วมในการปฏิบัติการของ Byelorussian แนวรบบอลติกที่ 1 ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพล I. Kh. Baghramyan เริ่มรุกจากพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ Vitebsk ซึ่งเป็นแนวรบที่ 3 ของ Byelorussian Front of General I.D. Chernyakhovsky - ทางใต้ของ Vitebsk บน Borisov ในทิศทาง Mogilev แนวรบที่ 2 เบลารุสของนายพล G.F. ซาคาโรว่า กองทหารของแนวรบเบลารุสที่ 1 ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลเค.เค. Rokossovsky เล็งไปที่ Bobruisk, Minsk

ปฏิบัติการเชิงรุกเชิงกลยุทธ์ของเบลารุสที่พัฒนาแล้วได้รับชื่อรหัสว่า "Bagration" - เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการรัสเซียที่โดดเด่น วีรบุรุษแห่งสงครามผู้รักชาติในปี ค.ศ. 1812 นายพลทหารราบ Pyotr Ivanovich Bagration

ในแง่ของธรรมชาติของการสู้รบและเนื้อหาของภารกิจ ปฏิบัติการของเบลารุสแบ่งออกเป็นสองขั้นตอน ในระยะแรก ปฏิบัติการแนวหน้าของ Vitebsk-Orshansk, Mogilev, Bobruisk และ Polotsk ได้ดำเนินไป และการล้อมกลุ่ม Minsk ของศัตรูได้เสร็จสิ้นลง ในแง่ของระยะเวลา ขั้นตอนนี้ใช้ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม

แนวทางการต่อสู้มีดังนี้ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน กองทหารของแนวรบทะเลบอลติกที่ 1, 2 และ 3 เบโลรุสได้เข้าโจมตี วันรุ่งขึ้น กองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 1 เข้าสู่การต่อสู้ การรุกรานของกองกำลังหลักนำหน้าด้วยการลาดตระเวนในกำลังดำเนินการในเช้าวันที่ 22 มิถุนายนบนแนวรบเบโลรุสที่ 1, 2 และ 3 เบโลรุสและในวันที่ 23 มิถุนายน - ที่แนวรบเบลารุสที่ 1

กองทหารของแนวรบบอลติกที่ 1 ร่วมกับกองทัพของแนวรบเบโลรุสที่ 3 ซึ่งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน ได้ล้อม 5 กองพลของเยอรมันในภูมิภาควิเต็บสค์และทางตะวันตกของมัน และในวันที่ 27 มิถุนายน ก็ได้กำจัดกองทหารเหล่านั้น ในวันนี้ Orsha ได้รับอิสรภาพในวันที่ 28 มิถุนายน - Lepel และในวันที่ 1 กรกฎาคม - Borisov ส่งผลให้กองทัพยานเกราะเยอรมันที่ 3 ถูกตัดขาดจากกองทัพที่ 4

กองกำลังของแนวรบเบลารุสที่ 2 หลังจากทะลวงแนวป้องกันของศัตรูไปตามแม่น้ำ Pronya, Basya และ Dnepr ปลดปล่อย Mogilev เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน กองทหารที่ขอบด้านขวาของแนวรบเบโลรุสที่ 1 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ล้อมกองทหารเยอรมัน 6 แห่งในภูมิภาค Bobruisk และในวันที่ 29 มิถุนายนได้กำจัดทิ้ง ในเวลาเดียวกันกองกำลังด้านหน้าก็มาถึงแนว Svisloch - Osipovichi - Starye Dorogi เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมมินสค์ตะวันออกได้รับการปลดปล่อยจากการที่การก่อตัวของกองทัพที่ 4 และ 9 ของเยอรมัน (มากกว่า 100,000 คน) ถูกล้อมรอบ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน จอมพล อี. บุช ผู้บัญชาการกองทัพกลุ่มเซ็นเตอร์ ถูกถอดออกจากตำแหน่ง จอมพล วี. โมเดล ได้รับการแต่งตั้งแทน เหตุการณ์นี้ไม่มีผลกระทบต่อสภาพการณ์ที่อยู่เบื้องหน้า กองทหารโซเวียตยังคงเดินหน้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม กองทหารของแนวรบบอลติกที่ 1 ได้ปลดปล่อย Polotsk และยังคงโจมตี Siauliai ต่อไป ใน 12 วัน กองทหารโซเวียตเคลื่อนพล 225-280 กม. ที่อัตราเฉลี่ย 20-25 กม. ต่อวัน ปลดปล่อยเบลารุสส่วนใหญ่

ศูนย์กลุ่มกองทัพฟาสซิสต์เยอรมันพ่ายแพ้ - กองกำลังหลักถูกล้อมและพ่ายแพ้ ด้วยการออกจากกองทหารของเราไปยังแนว Polotsk - Lake Naroch - Molodechno - ทางตะวันตกของเมือง Nesvizh มีช่องว่าง 400 กม. ก่อตัวขึ้นในแนวรบด้านยุทธศาสตร์ของศัตรู ความพยายามโดยคำสั่งของเยอรมันในการปิดไม่ประสบความสำเร็จ

ในขั้นตอนที่ 2 ของปฏิบัติการเบลารุสซึ่งกินเวลาตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคมถึง 29 สิงหาคม แนวรบที่มีปฏิสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างกัน ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการเชิงรุก 5 ครั้ง ได้แก่ Siauliai, Vilnius, Kaunas, Belostok และ Lublin-Brest

กองพลของเยอรมัน ซึ่งติดอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของมินสค์ พยายามบุกทะลวงไปทางทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่ระหว่างการสู้รบ ทหารและเจ้าหน้าที่ของศัตรูส่วนใหญ่ถูกจับหรือถูกทำลาย

กองกำลังของแนวรบยังคงทุบซากของการก่อตัวของศูนย์กลุ่มกองทัพบก และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อบุคลากรและอุปกรณ์ของศัตรู

กองบัญชาการของเยอรมันได้ย้ายหน่วยใหม่จากเยอรมนี นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และจากกองทัพกลุ่มเหนือ ยูเครนใต้ และยูเครนเหนือไปยังส่วนแนวรบนี้อย่างเข้มข้น

เป็นผลมาจากการรุกรานของสหภาพโซเวียต เบลารุสทั้งหมดได้รับอิสรภาพ เช่นเดียวกับบางส่วนของลิทัวเนียและลัตเวีย กองทหารของเราเข้ามาในดินแดนของโปแลนด์ เราเข้าใกล้พรมแดนของปรัสเซียตะวันออก กองทัพเยอรมันกลุ่มเหนือพบว่าตนเองโดดเดี่ยวในทะเลบอลติก

Stavka ได้ใช้ความสำเร็จที่ประสบความสำเร็จในระหว่างปฏิบัติการของ Byelorussian สำหรับการดำเนินการที่เด็ดขาดในทิศทางอื่น แนวรุกเชิงยุทธศาสตร์ขยายจากทะเลบอลติกไปจนถึงคาร์พาเทียน กองทหารโซเวียตซึ่งรวมถึงกองทัพที่ 1 ของกองทัพโปแลนด์ได้ข้ามพรมแดนของสหภาพโซเวียตกับโปแลนด์ในวันที่ 17-18 กรกฎาคม

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม กองทหารที่กำลังเคลื่อนตัวไปถึง Jelgava - Dobele - Augustow - rr นเรศและวิสตูลา. ความก้าวหน้าต่อไปของกองทัพโซเวียตหยุดโดยศัตรู สาเหตุมาจากความอ่อนล้าของกองทหารและการขาดกระสุนปืน กองทัพแดงในแนวรบนี้ถูกบังคับให้ต้องข้ามไปยังแนวรับ

68 วันของการรุกอย่างต่อเนื่อง กองทหารโซเวียตในแนวยาว 1,100 กม. รุกไปทางตะวันตก 550-600 กม.

วรรณกรรม

1. "ปฏิบัติการ" Bagration "การปลดปล่อยเบลารุส" มอสโก, OLMA-PRESS, 2004

แถลงการณ์ของ Academy of Military Sciences 03-2004

ปฏิบัติการรุกเชิงกลยุทธ์ของเบลารุส ("BAGRATION ")

นายพลแห่งกองทัพบก M.A. GAREEV, Doctor of Military Sciences, Doctor of Historical Sciences, ศาสตราจารย์, ประธาน AVN

บทเรียนและบทสรุป

Operation Bagration เป็นหนึ่งในการปฏิบัติการเชิงรุกที่ให้คำแนะนำและโดดเด่นที่สุดของมหาสงครามแห่งความรักชาติ ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนถึง 28 สิงหาคม พ.ศ. 2487 โดยมีเป้าหมายหลักในการเอาชนะกองกำลังฟาสซิสต์เยอรมันที่แข็งแกร่งและใหญ่ที่สุด - Army Group Center การปลดปล่อยเบลารุสซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนลิทัวเนียและโปแลนด์

การตั้งค่าเชิงกลยุทธ์เมื่อเริ่มดำเนินการ

เพื่อให้เข้าใจคุณลักษณะและบทเรียนที่ตามมาจากประสบการณ์ของปฏิบัติการนี้ได้ดียิ่งขึ้น จำเป็นต้องจำไว้ว่าสถานการณ์ทางทหาร-การเมืองและยุทธศาสตร์ที่มันเกิดขึ้นนั้นมีสภาพอย่างไร อะไรมาก่อนปฏิบัติการนี้

หลังจากการพ่ายแพ้ที่สตาลินกราดและเคิร์สต์ เมื่อต้นปี ค.ศ. 1944 กองทัพฟาสซิสต์ของเยอรมันก็เปลี่ยนมาใช้การป้องกันเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ในระยะต่อมาของสงคราม มันยังทำการตอบโต้อย่างรุนแรง แยกปฏิบัติการเชิงรุก (เช่น ในพื้นที่ของทะเลสาบบาลาทอน อาร์เดนส์ เมื่อต้นปี 2488) แต่การกระทำเชิงรุกเหล่านี้เป็นของเอกชนอยู่แล้ว ธรรมชาติรองจากผลประโยชน์ของการดำเนินการป้องกันเพื่อยืดเวลาสงครามและสรุปสันติภาพแยกหรือพหุภาคีตามเงื่อนไขที่ยอมรับได้ของเยอรมนี ความพยายามในการใช้ชีวิตของฮิตเลอร์ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1944 ก็ถูกคำนวณด้วยเช่นกัน

ในช่วงต้นปี 1944 กองกำลังติดอาวุธของเยอรมันมีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน พวกเขายังคงยึดครองรัฐบอลติก Karelia ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเบลารุส ยูเครน คาลินินและภูมิภาคเลนินกราด ไครเมีย และมอลโดวา เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพประจำการ พวกเขามี 6.7 ล้านคน ซึ่งในแนวรบโซเวียต - เยอรมัน มีประมาณ 5 ล้านคน - 198 แผนก (จาก 314 แผนกและกองพลน้อย) 56.6 พันปืนและครก 5,400 รถถังและปืนจู่โจม เพิ่มเติม เครื่องบินรบมากกว่า 3000 ลำ จนถึงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2487 การเติบโตของการผลิตทางทหารยังคงดำเนินต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งของเยอรมนีเสื่อมลง ความพ่ายแพ้ของเธอในแนวรบโซเวียต-เยอรมันทำให้เกิดสถานการณ์ทางการเมืองภายในที่เลวร้ายยิ่งขึ้นในเยอรมนีเองและในค่ายของพันธมิตร สถานการณ์ด้านทรัพยากรบุคคลเลวร้ายลงเป็นพิเศษ

โดยรวมแล้ว สถานการณ์ทางการทหาร การเมือง และยุทธศาสตร์ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเพื่อสนับสนุนสหภาพโซเวียตและพันธมิตร ในปี พ.ศ. 2485-2487 2,250 ถูกสร้างขึ้นใหม่ในภูมิภาคตะวันออกของประเทศของเรา และสถานประกอบการมากกว่า 6,000 แห่งได้รับการฟื้นฟูในภูมิภาคที่ได้รับอิสรภาพ อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศในปี พ.ศ. 2487 ผลิตรถถังและเครื่องบินต่อเดือนมากกว่าปี พ.ศ. 2484 ถึง 5 เท่า

เมื่อต้นปี 2487 กองทัพโซเวียตใช้งานอยู่มากกว่า 6.3 ล้านคนมากกว่า 86.6,000 ปืนและครก (ไม่รวมปืนต่อต้านอากาศยานและครก 50 มม.) ประมาณ 5.3 พันรถถังและปืนอัตตาจร 10 , 2 พัน อากาศยาน.

มาถึงตอนนี้ ความเหนือกว่าอย่างท่วมท้นของกองทัพโซเวียตเหนือกองทัพเยอรมันไม่มีอยู่จริง ปรากฏเมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรลงจอดขนาดใหญ่ในนอร์มังดีในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1944 และแนวรบที่สองถูกเปิดขึ้นในยุโรป ซึ่งทำให้กองบัญชาการของเยอรมันเคลื่อนกำลังและยุทโธปกรณ์จากแนวรบด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้ยากขึ้น

กองทัพโซเวียตต้องเผชิญกับภารกิจในการป้องกันกองทัพฟาสซิสต์ของเยอรมันไม่ให้ตั้งหลักบนพรมแดนที่ถูกยึดครองและยืดเวลาสงคราม เสร็จสิ้นการปลดปล่อยดินแดนของประเทศของตน ปลดปล่อยประชาชนอื่น ๆ ในยุโรปจากการยึดครองของนาซีและยุติสงคราม ด้วยความพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ของนาซีเยอรมนีร่วมกับพันธมิตรตะวันตก งานเหล่านี้สามารถทำได้โดยการกระทำที่ไม่เหมาะสมเท่านั้น

ตามข้อตกลงกับบรรดาพันธมิตรในการประชุมเตหะราน การโจมตีทางยุทธศาสตร์ครั้งใหม่ที่ทรงพลังได้เปิดตัวในปี 1944 เมื่อกองทัพแดงดำเนินการปฏิบัติการเชิงรุกที่สำคัญ 10 ครั้ง เริ่มด้วยการโจมตีเพื่อปลดปล่อยยูเครนฝั่งขวาและยกเลิกการปิดล้อมเลนินกราด ในฤดูหนาวปี ค.ศ. 1944 ดำเนินการ Vyborg-Petrozavodsk, Belorussian, Lvov-Sandomir, Yassy-Kishinev

พันธมิตรของเราดึงการเปิดแนวรบที่สองออกไปเป็นเวลาสามปี และหลังจากเห็นว่ากองกำลังโซเวียตสามารถบดขยี้กองทัพนาซีได้โดยไม่มีพวกเขา ในที่สุดเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 พวกเขาก็เริ่มปฏิบัติการยกพลขึ้นบกที่นอร์มังดี

นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มสงครามโลกครั้งที่สอง เยอรมนีฟาสซิสต์พบว่าตนเองอยู่ภายใต้การโจมตีที่มีการประสานงานจากตะวันออกและตะวันตก การโจมตีพันธมิตรที่ประสบความสำเร็จในฝรั่งเศสยังได้รับการอำนวยความสะดวกอย่างมากจากการดำเนินการของปฏิบัติการ Byelorussian

การปฏิบัติการเชิงรุกต่อเนื่องที่ดำเนินการโดยกองทหารโซเวียตในทิศทางต่างๆ (การปฏิบัติการในทิศทางใหม่เริ่มต้นขึ้นในช่วงเวลาที่ปฏิบัติการในทิศทางอื่นยังคงดำเนินต่อไป) ทำให้คำสั่งของเยอรมันสับสน บังคับให้พวกเขากระจายกองกำลังและทำให้เป็นไปไม่ได้ เพื่อขับไล่หรือขัดขวางการกระทำที่น่ารังเกียจของกองทหารโซเวียต ยิ่งกว่านั้น ปฏิบัติการเชิงรุกต่อเนื่องสลับกันไม่เพียงแค่แนวหน้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในเชิงลึกด้วย เมื่อจากช่วงเวลาที่เสร็จสิ้นบางส่วนโดยไม่มีการหยุดปฏิบัติการที่สำคัญ ปฏิบัติการเชิงรุกครั้งใหม่ได้ดำเนินการโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาต่อไป

สิ่งเหล่านี้ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในการปฏิบัติการเชิงรุกในระดับที่นำไปใช้กับแนวหน้าจาก 2 ถึง 4.5,000 กม. และถึงความลึก 800 กม. ซึ่งจาก 8 ถึง 11 แนวหน้าที่มีส่วนร่วมกับกองทัพเรือการบินระยะไกลและ กองกำลังป้องกันทางอากาศของประเทศ ระดับความเป็นผู้นำเชิงกลยุทธ์ ทักษะการปฏิบัติงานและยุทธวิธีของผู้บังคับบัญชาและพนักงานเพิ่มขึ้น โดยรวมแล้วศิลปะการทำสงครามในกองทัพโซเวียตถึงจุดสูงสุด ความมั่นใจและขวัญกำลังใจของกองทัพเราเพิ่มมากขึ้น

เมื่อเริ่มปฏิบัติการ Byelorussian แนวหน้าใน Byelorussia ที่มีความยาวกว่า 1,100 กม. ผ่านไปตามแนว: ทะเลสาบ Nescherda ทางตะวันออกของ Vitebsk, Mogilev, Zhlobin ริมแม่น้ำ Pripyat สร้างหิ้งขนาดใหญ่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก จากหิ้งนี้ กองบัญชาการของเยอรมันยังคงคุกคามมอสโก จากสนามบินที่ตั้งอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ที่จะส่งการโจมตีทางอากาศตามเส้นทางที่สั้นที่สุดในทิศตะวันตก เหนือ และใต้

การรวมกลุ่มของกองทหารฟาสซิสต์เยอรมันซึ่งครอบครองระเบียงที่เรียกว่า Byelorussian ที่มีเครือข่ายถนนที่ได้รับการพัฒนามาอย่างดีสามารถเคลื่อนพลอย่างกว้างขวางตามแนวภายในสร้างภัยคุกคามจากการโจมตีด้านข้างในแนวรบบอลติกและ Byelorussian ขวางทางสำหรับ กองทหารโซเวียตไปวอร์ซอ

บนหิ้งนี้กองทหารของกองทัพกลุ่ม "ศูนย์" (บัญชาการโดยจอมพลอี. บุชตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม - จอมพล V. รุ่น) ได้รับการปกป้องโดยเป็นส่วนหนึ่งของรถถังที่ 3 กองทัพที่ 4, 9 และ 2 ที่สนับสนุน กองบินที่ 6 และบางส่วนของกองบินที่ 1 และ 4 โดยรวมแล้วกลุ่มประกอบด้วย 63 แผนกและ 3 กองพล, I, 2 ล้านคน, ปืนและครกประมาณ 10,000 กระบอก, รถถังและปืนจู่โจม 900 คัน, เครื่องบินรบ 1,350 ลำ

นอกจากนี้ ควรสังเกตด้วยว่ากองทหารฟาสซิสต์ของเยอรมันยึดครองการป้องกันที่เตรียมการไว้ก่อนหน้านี้อย่างล้ำลึกด้วยระบบป้อมปราการภาคสนามและแนวธรรมชาติที่พัฒนาขึ้น ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติการป้องกัน

แนวคิดและการจัดเตรียม Operation Bagration

แนวความคิดของการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ของ Byelorussian ที่คาดการณ์ไว้: การตรึงศัตรูจากด้านหน้าด้วยกองกำลังของแนวรบ Byelorussian ที่ 2 และก่อให้เกิดการโจมตีหลักด้วยกองกำลังของแนวรบที่ 3 และที่ 1 ของทะเลบอลติกจากทางเหนือและแนวรบที่ 1 ของ Byelorussian จาก ทางใต้ อันดับแรก เอาชนะกลุ่มศัตรูด้านข้างที่แข็งแกร่งที่สุด ล้อมและทำลายพวกเขาในพื้นที่ Vitebsk และ Bobruisk จากนั้นจึงพัฒนาแนวรุกในเชิงลึก ล้อมกลุ่ม Minsk ของศัตรู และด้วยเหตุนี้จึงป้องกันไม่ให้เขาถอยไปทางทิศตะวันตก

เป็นที่น่าสนใจที่จะสังเกตว่าในขั้นต้นการดำเนินการด้านหน้ามีการวางแผนไว้ที่ความลึก 200-250 กม. เมื่อกำหนดภารกิจที่ค่อนข้างจำกัดดังกล่าวไปยังแนวรบ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มอาการของการปฏิบัติการเชิงรุกที่ไม่ประสบความสำเร็จของแนวรบด้านตะวันตกในการรณรงค์ฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาวปี 2486-2487 ได้ปรากฏออกมา เหตุการณ์นี้ยังส่งผลต่อการตัดสินใจของกองบัญชาการเยอรมันด้วย เมื่อเชื่อจากประสบการณ์ของการสู้รบครั้งก่อนในด้านความแข็งแกร่งของการป้องกันในดินแดนเบลารุสก็เชื่อว่าคำสั่งของสหภาพโซเวียตจะไม่กล้าโจมตีหลักในเบลารุสในฤดูร้อนปี 2487 และรอทางใต้ ในทิศทาง Lvov กองบัญชาการและกลุ่มต่างๆ ของกองทัพบกมีกองพลสำรองทั้งหมด 11 กองพล ในตอนต้นของการโจมตีภาคฤดูร้อนของกองทหารโซเวียต 24 จาก 34 กองพลรถถังและยานยนต์ถูกยึดไว้ทางใต้ของ Polesie มองไปข้างหน้า สมมุติว่าเมื่อปฏิบัติการเบลารุสเริ่มต้นขึ้น คำสั่งของกองทหารฟาสซิสต์เยอรมันเริ่มโอนรูปแบบรถถังส่วนใหญ่ไปยังเบลารุส แต่ในเวลานี้ ปฏิบัติการลวอฟ-ซานโดเมียร์ซ ครั้งที่ 1 ด้วยห้วงเวลาที่แน่นอน แนวรบยูเครนเริ่มต้นขึ้น และส่วนหนึ่งของฝ่ายเยอรมันเหล่านี้ต้องกลับไปทางใต้ แผนการของเยอรมันที่ขัดขวางแผนการนี้สำหรับการใช้กองกำลังติดอาวุธจำนวนมากเพื่อตอบโต้การโจมตีอย่างต่อเนื่องและการหยุดชะงักของการโจมตีของโซเวียตในทิศทางของลวอฟและเบลารุส นี่เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าคำสั่งของโซเวียตเลือกจังหวะและลำดับของการโจมตีศัตรูอย่างชำนาญและรอบคอบเพียงใด

เพื่อดำเนินการปฏิบัติการเบลารุสมีการสร้างกลุ่มกองกำลังต่อไปนี้:

แนวรบบอลติกที่ 1 (บัญชาการโดยนายพลแห่งกองทัพบก I.Kh.Bagramyan): ช็อตที่ 4, การ์ดที่ 6, 43 กองทัพ, 1 กองรถถัง;

แนวรบเบลารุสที่ 3 (บัญชาการโดยพันเอกทั่วไป I.D. Chernyakhovsky): 39, 5, 11 Guards., 31 กองทัพ, 5 Guards TA, กลุ่มยานยนต์ทหารม้า, กองพลรถถังที่ 2;

แนวรบเบลารุสที่ 2 (บัญชาการโดยพันเอก G.V. Zakharov): 33, 49, 50 กองทัพ, กองพลรถถังที่ 1;

แนวรบเบลารุสที่ 1 (บัญชาการโดยนายพลแห่งกองทัพบก KK Rokossovsky): 3, 48, 65, 28, 61, 70, 47, K การ์ด, 69 กองทัพ, ระหว่างปฏิบัติการ - กองทัพที่ 1 แห่งกองทัพโปแลนด์ (นายพล Berling ), Dnieper กองเรือทหาร (พลเรือตรี VV Grigoriev) รองรับกองกำลังด้านหน้า: 3, 1, 4, 6, 16 กองทัพอากาศ การบินป้องกันภัยทางอากาศยังดึงดูดการบินระยะไกลด้วย

โดยรวมแล้วการจัดกลุ่มประกอบด้วย: 20 อาวุธรวมและ 2 กองทัพรถถัง, 166 กองปืนไรเฟิล, 12 รถถังและกองกำลังยานยนต์, 21 กองพล, 2.4 ล้านคนบุคลากร, 36,000 ปืนและครก, 5.2 พันรถถังและปืนอัตตาจร , 5.3 พัน เครื่องบินรบ. อัตราส่วนกำลัง: ชั้น / s 2: 1; ปืนใหญ่ 3.8: 1; รถถัง 5.8: 1; เครื่องบิน 3.9: 1 ในความโปรดปรานของเรา กองกำลังและทรัพย์สินประมาณ 20% ถูกย้ายไปยังแนวรบระหว่างการปฏิบัติการ

การประสานงานของการกระทำของ PF ที่ 1 และ BF ที่ 3 ดำเนินการโดยจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต AM Vasilevsky "และ BF ที่ 1 - โดยจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต GK Zhukov นอกจากนี้หากในการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ก่อนหน้านี้ตัวแทนของกองบัญชาการสูงสุด สำนักงานใหญ่ได้รับความไว้วางใจให้ประสานงานกับ GOLKO ในการดำเนินการและควบคุมงานการดำเนินการ จากนั้นในปฏิบัติการ Byelorussian สิทธิ์ของพวกเขาก็ขยายออกไป พวกเขาได้รับสิทธิ์ในการชี้แจงงานและควบคุมการดำเนินการต่อสู้ของแนวรบโดยตรงในระหว่างการปฏิบัติการ

พรรคพวกเบลารุสได้ให้ความช่วยเหลืออย่างมากแก่กองทหารในระหว่างการปฏิบัติการ ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1944 กองพลพรรคพวก 150 กองและกองทหารแยก 49 กองทหารที่มีจำนวนรวม 143,000 นายกำลังปฏิบัติการบนดินเบลารุส ในคืนวันที่ 20 มิถุนายนเพียงลำพัง พวกเขาระเบิดรางรถไฟ 40,000 ราง

กองบัญชาการของ Army Group Center ตัดสินใจทิ้งกองพลสำรองและหน่วยรักษาความปลอดภัยทั้งหมดเพื่อทำลาย ■ กองกำลังพรรคพวกหลักและปิดล้อมหน่วยที่เหลืออยู่ในป่าลึกและพื้นที่แอ่งน้ำ | นอกเหนือจากการสื่อสารที่สำคัญที่สุด รูปแบบและหน่วยของพรรคพวกหลักอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างยิ่ง และมีการส่งสัญญาณที่น่าตกใจเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากพวกเขา ในแง่นี้ กองทหารของเราเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดไว้หลายวัน

เพื่อช่วยเหลือพวกพ้อง จึงมีการเตรียมยานพาหนะ 10 เสาจำนวน 50-60 คันพร้อมอาหารและเวชภัณฑ์ไว้ล่วงหน้า ซึ่งเริ่มเคลื่อนไปยังพื้นที่ที่พรรคพวกได้ยึดตามหน่วยเดินหน้าทันทีหลังจากบุกทะลวงแนวป้องกันของศัตรู ผู้เขียนบรรทัดเหล่านี้ได้เป็นผู้นำคอลัมน์หนึ่งซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ทะเลสาบปาลิก

แผนปฏิบัติการเชิงรุกเชิงกลยุทธ์ของเบลารุสโดยรวมและแผนปฏิบัติการของแนวรบได้รับการอนุมัติที่กองบัญชาการสูงสุดเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม คำสั่งไปยังแนวหน้าออกเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ลงนามโดย J.V. Stalin และ G.K. Zhukov ในขั้นต้น ตามแผนของเสนาธิการทหาร แนวรบเบลารุสที่ 1 จะต้องส่งระเบิดหนึ่งครั้งในทิศทาง Bobruisk ในระหว่างการรายงานต่อ I. Stalin เกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา K. Rokossovsky เสนอว่าจะไม่ทำดาเมจ แต่เป็นการจู่โจมที่ทรงพลังพอ ๆ กันสองครั้งโดยประมาณโดยมีจุดประสงค์เพื่อล้อมและทำลายกลุ่ม Bobruisk ของศัตรู แต่ในทางทฤษฎี มักสันนิษฐานว่าหนึ่งในการโจมตีควรเป็นการโจมตีหลัก และ J.V. Stalin ให้ความสำคัญกับการเลือกทิศทางของการโจมตีหลัก ดังนั้นเขาจึงเชิญ Rokossovsky ถึงสองครั้งให้ออกมาและคิดอีกครั้งเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขา

คอนสแตนติน คอนสแตนติโนวิช ยืนกรานด้วยตัวเขาเอง และในท้ายที่สุด ด้วยการสนับสนุนของ จี.เค. ซูคอฟ เขาจึงสามารถอนุมัติการตัดสินใจของเขาได้ แน่นอนว่ามันสมเหตุสมผล แนวรบเบลารุสที่ 1 มีกองทัพรวม 10 กองทัพ - 50% ของกองกำลังและทรัพย์สินทั้งหมดที่เข้าร่วมในการปฏิบัติการของเบลารุส และไม่สมเหตุสมผลที่จะใช้กองกำลังทั้งหมดเหล่านี้ในทิศทางเดียว โดยที่ศัตรูสามารถโอนกำลังสำรองและกองทหารทั้งหมดของเขาจากที่อื่น ไม่โจมตีทิศทาง

ผู้บังคับบัญชาของแนวรบที่ 3 ของเบลารุสและแนวรบทะเลบอลติกที่ 1 ยังได้บรรลุการชี้แจงแผนงานที่ร่างไว้ในเจ้าหน้าที่ทั่วไป ID Chernyakhovsky ยังเสนอแทนที่จะโจมตีเพียงครั้งเดียวเพื่อทำการโจมตีสองครั้งบนทิศทาง Bogushevsky และ Orsha ของการป้องกันของศัตรู I.Kh Baghramyan โน้มน้าวสำนักงานใหญ่ว่าหลังจากการบุกทะลวงกองทหารของเขาได้ดีกว่าที่จะพัฒนาการโจมตีที่ไม่อยู่ใน ทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่ทิศตะวันตก จากนี้เราจะเห็นว่าคำกล่าวของนักประวัติศาสตร์บางคนที่ I.V. สตาลินไม่ได้นับกับใคร ในความเป็นจริง กระบวนการตัดสินใจและการดำเนินการวางแผนมีลักษณะเชิงธุรกิจที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริง เมื่อแผนของเสนาธิการทั่วไปและแนวหน้าที่ดูเหมือนจะทับซ้อนกัน และการตัดสินใจที่มีเหตุผลที่สุดได้ดำเนินการภายใต้การนำของศาลฎีกา ผู้บัญชาการทหารบก.

เมื่อกองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 1 ทำการล้อมและทำลายล้างกลุ่ม Bobruisk ของศัตรู แม้แต่สตาลินที่ยับยั้งชั่งใจก็ถูกบังคับให้พูดว่า: "ช่างดีเหลือเกิน! ... เขายืนยันและบรรลุเป้าหมาย ... " ก่อนสิ้นสุดปฏิบัติการของเบลารุส เค. โรคอสซอฟสกีได้รับยศจอมพล และไอ. เชอร์เนียคอฟสกี ได้รับการเลื่อนยศเป็นนายพลของกองทัพ

ในทางปฏิบัติ การเตรียมกองทหารของแนวรบทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วสำหรับการรุกเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน พ.ศ. 2487 ได้คุณลักษณะที่มีจุดมุ่งหมายมากที่สุดหลังจากได้รับอนุมัติแผนปฏิบัติการที่กองบัญชาการทหารสูงสุด (23-25 ​​พ.ค.) และมอบหมายให้ ภารกิจต่อสู้กับการก่อตัวและการก่อตัวขนาดใหญ่ ในทุกกรณี มีการดำเนินการเตรียมการครั้งใหญ่: ในการลาดตระเวน การวางแผนการสู้รบ การจัดการต่อสู้ ปฏิสัมพันธ์ของอาวุธต่อสู้ อุปกรณ์วิศวกรรมของตำแหน่งเริ่มต้น เส้นทางการสื่อสาร การฝึกรบของแต่ละหน่วย โดยคำนึงถึงงานเฉพาะที่รออยู่ข้างหน้า ส่วนที่เหลือ กองทหารพร้อมบุคลากรและอุปกรณ์ ลายพรางปฏิบัติการ การส่งมอบกระสุนปืน เชื้อเพลิงและสารหล่อลื่น และยุทโธปกรณ์อื่น ๆ ตามคำสั่งของกองบัญชาการทหารสูงสุด กองทหารได้รวบรวมชุดกระสุน 4 ชุด, เติมเชื้อเพลิง 10-20 ชุด, เสบียงอาหาร 30 วัน - กระสุนทั้งหมด 400,000 ตัน, เชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น 300,000 ตัน, อาหาร 500,000 ตันและ อาหารสัตว์ สำหรับการส่งมอบชุดกระสุนหนึ่งชุดเท่านั้น จำเป็นต้องมีรถราง 130 คัน

การฝึกอบรมด้านศีลธรรมและจิตใจดำเนินการอย่างมีจุดมุ่งหมายโดยการสร้างแรงกระตุ้นที่น่ารังเกียจของบุคลากร มีการเตรียมวิธีการชั่วคราวจำนวนมากสำหรับการเอาชนะหนองน้ำโดยบุคลากรและอุปกรณ์ (ขั้นบันไดเปียก พื้น ฯลฯ)

คุณสมบัติของการพัฒนาปฏิบัติการที่น่ารังเกียจ

เมื่อพิจารณาว่าเมื่อกองทหารของเราปฏิบัติการโจมตีครั้งก่อน กองทหารนาซี ก่อนเตรียมปืนใหญ่ของเรา จู่ๆ ก็ถอนหน่วยย่อยไปข้างหน้าของพวกเขาเข้าไปในส่วนลึก มีการตัดสินใจที่จะทำการลาดตระเวนโดยกองพันข้างหน้าหนึ่งวันก่อนที่กองกำลังหลักจะเข้าโจมตีเพื่อชี้แจงโครงร่างของแนวหน้า ระบบการยิงของข้าศึก และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการเตรียมปืนใหญ่ เพื่อปกปิดทิศทางของการโจมตีของกลุ่มการโจมตี การลาดตระเวนได้ดำเนินการในแนวหน้ากว้าง - 450 กม. ในวันแรก กองพันเหล่านี้บุกเข้าไปในแนวป้องกันของศัตรูในระดับความลึก 2-4 กม.

ศัตรูที่เข้าใจผิดการโจมตีของกองพันข้างหน้าสำหรับการรุกรานของกองกำลังหลักได้นำกองกำลังหลักเข้ามาดำเนินการซึ่งเมื่อเริ่มการรุกทั่วไปในตอนเช้าของวันที่ 23 กรกฎาคมอยู่ภายใต้อิทธิพลของปืนใหญ่อันทรงพลังของเรา ไฟไหม้และการโจมตีทางอากาศ ทั้งหมดนี้จากจุดเริ่มต้นได้กำหนดไว้ล่วงหน้าว่าการบุกทะลวงที่ประสบความสำเร็จและการพัฒนาแนวรุกในแนวรุกของแนวรุกของแนวรบบอลติกที่ 1, เบโลรุสที่ 3 และแนวหน้าที่ 2 เบโลรุสเซียน แนวรบเบโลรุสที่ 1 เริ่มการรุกในอีกหนึ่งวันต่อมา - วันที่ 24 มิถุนายน ในตอนเริ่มต้น การบุกทะลวงการป้องกันได้ยากมาก เมื่อถึงเวลา 12.00 น. หน่วยย่อยโจมตีสามารถไปถึงร่องลึกที่สองของศัตรูได้เท่านั้น G.K. Zhukov อธิบายสิ่งนี้ด้วยการลาดตระเวนที่อ่อนแอ ประเมินพื้นที่การบุกทะลวงในกองทัพที่ 3 และ 48 ที่สูงเกินไป และเหตุผลอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์เหล่านี้มีความสำคัญบางอย่าง แต่ก็ไม่ยากที่จะเดาว่าเมื่อเริ่มการรุกในวันที่ 23 มิถุนายนในแนวรบอื่นๆ ศัตรูในเขตแนวรบเบลารุสที่ 1 ได้เตรียมที่จะขับไล่การโจมตี และองค์ประกอบของการเซอร์ไพรส์ทางยุทธวิธีก็หายไป ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้บัญชาการแนวหน้าได้สั่งการผู้บังคับบัญชา A.V. Gorbatov และ N.A. Romanenko จัดกลุ่มกองกำลังใหม่ไปทางทิศเหนือของทิศทางของการโจมตีหลักและดำเนินการรุกต่อไปโดยแนะนำกองหนุน

ในวันที่ 26 กรกฎาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่กองยานเกราะที่ 9 เข้าสู่การรบ จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้น และกองทหารที่ทะลวงแนวป้องกันของศัตรูได้เริ่มพัฒนาแนวรุกในระดับปฏิบัติการ

ในอดีต การดำเนินการของเบลารุสแบ่งออกเป็นสองขั้นตอน ในระยะแรก (ตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1944) ที่ Polotsk, Bobruisk, Vitebsk-Orshansk, Mogilev ได้ดำเนินการและการล้อมกลุ่ม Minsk ของศัตรูเสร็จสมบูรณ์ ในภูมิภาค Vitebsk การกระทำร่วมกันของแนวรบทะเลบอลติกที่ 1 และแนวรบเบลารุสที่ 3 ล้อมรอบและเอาชนะฝ่ายศัตรู 5 ฝ่าย ในขั้นต้น ศัตรูบุกทะลวงวงล้อมในเขตกองทัพที่ 39 และเริ่มไปทางด้านหลังของกองทัพที่ 5 ผู้บัญชาการ 5. นายพล N.I. Krylov ด้วยความคิดริเริ่มของเขาเอง ได้โยนหน่วยของกองปืนไรเฟิลที่ 45 เข้าไปในพื้นที่อันตรายนี้ และกลุ่มที่บุกทะลุถูกทำลายหรือถูกจับกุม

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม กองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 3 ได้ปลดปล่อยเมืองบอริซอฟ กองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 2 บุกทะลวงแนวป้องกันของศัตรูข้ามแม่น้ำ Pronya, Basya, Dnieper และปลดปล่อยเมือง Mogilev เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน

กองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 1 ล้อมและทำลาย 6 ฝ่ายศัตรูในภูมิภาค Bobruisk และไปถึงแนว Svisloch, Osipovichi, Old Roads กลุ่มศัตรูที่ล้อมรอบใน Bobruisk พยายามเจาะทะลุจากการล้อม แต่การกระทำนี้ถูกขัดขวางโดยการโจมตีด้วย VA จำนวน 16 ครั้ง

อันเป็นผลมาจากปฏิบัติการมินสค์ มินสค์ได้รับอิสรภาพเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ไปทางตะวันออกซึ่งมีการจัดกลุ่มกองกำลังหลักที่แข็งแกร่ง 100,000 คนของกองทัพเยอรมันที่ 4 และ 9 ล้อมรอบ

ภารกิจในการทำลายล้างกลุ่มมินสค์และจับกุมนั้นได้รับมอบหมายให้กองทหารของแนวรบเบลารุสที่ 2 และกองทัพที่ 31 ของแนวรบเบลารุสที่ 3

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม เชลยศึกชาวเยอรมันกว่า 57,000 คนที่ยอมจำนนต่อกองทหารโซเวียตถูกนำตัวไปตามถนนในมอสโก

แนวรบบอลติกที่ 1 ปลดปล่อย Polotsk และพัฒนาแนวรุก Shauliai ใน 12 วัน กองทหารของแนวรบเคลื่อนไปที่ระดับความลึก 225-280 กม. ด้วยอัตราการรุก 20-25 กม. ต่อวัน

ดังนั้นศูนย์กลุ่มกองทัพบกประสบความพ่ายแพ้อย่างรุนแรง จอมพล บุช ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ด้วยการออกจากกองทหารของเราไปยังแนว Polotsk ทะเลสาบ Naroch, Molodechno, Nesvizh มีช่องว่างมากถึง 400 กม. ที่ด้านหน้ายุทธศาสตร์ของกองทหารฮิตเลอร์ การใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยเหล่านี้ กองทหารของเราได้พัฒนาการไล่ตามศัตรูอย่างรวดเร็ว

กองบัญชาการเยอรมันเริ่มโอนทุนสำรองจากส่วนลึกอย่างเร่งด่วน (รวมถึงจากดินแดนของฝรั่งเศส อิตาลี โปแลนด์ ฮังการี ที่ซึ่งปฏิบัติการนอร์มังดีกำลังเกิดขึ้น) จากลวอฟและทิศทางเชิงกลยุทธ์อื่นๆ เฉพาะตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนถึง 16 กรกฎาคม 46 แผนกและ 4 กองพลน้อยถูกย้ายไปเบลารุส

ตามที่ G.K. Zhukov ตั้งข้อสังเกต ในสถานการณ์นี้ ผู้บัญชาการคนใหม่ของ Army Group Center จอมพล V.Model แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการปฏิบัติงาน เขาไม่ได้กลายเป็นกำลังสำรองที่เหมาะสมทั่วทั้งโซนเพื่อยึดตำแหน่งป้องกัน แต่รวมกองกำลังของเขาให้เป็นหมัดโจมตีอันทรงพลังหนึ่งหมัด และทำดาเมจตอบโต้ที่ค่อนข้างรุนแรงกับกองกำลังที่รุกเข้ามาของเรา ซึ่งจะทำให้การพัฒนาแนวรุกของเราล่าช้าหรือไปในทิศทางของวอร์ซอว์ เราต้องคุยกันเรื่องนี้เพื่อเตือนอีกครั้งว่าเรากำลังเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งมาก เก่งกาจ เด็ดขาด และแม้กระทั่งปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จโดยทั่วไป ชัยชนะไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องได้มาจากการสู้รบที่ดุเดือด ในขั้นตอนที่สองของปฏิบัติการเบลารุส (ตั้งแต่วันที่ 5-1 มิถุนายนถึง 29 สิงหาคม) แนวรบที่ก้าวหน้าซึ่งให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดสามารถดำเนินการ Shauliai, Vilnius, Kaunas, Belostok และ Lyublino-Brest ได้สำเร็จ

เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม Grodno ได้รับอิสรภาพในวันที่ 26 กรกฎาคม - เบรสต์ กองทหารของเราเสร็จสิ้นการปลดปล่อยเบลารุส ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนลิทัวเนีย โปแลนด์ และเข้าใกล้กรุงวอร์ซอ และเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม พวกเขาก็มาถึงชายแดนปรัสเซียตะวันออก ขณะเคลื่อนพลในแนวรบสูงสุด 1,100 กม. แนวรบ กองทหารของเราเคลื่อนตัวไปที่พื้น 550-600 กม. และสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยสำหรับการปฏิบัติการเชิงรุกในทิศทาง Lvov-Sandomierz และการรุกที่ตามมาในทิศทางวอร์ซอ-เบอร์ลิน

ไม่เพียงแต่ในการเตรียมการ แต่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาปฏิบัติการรุกที่ประสบความสำเร็จ ปัญหาและปัญหามากมายก็เกิดขึ้น ระหว่างการรุก งานทั้งหมดไม่ได้รับการแก้ไขง่ายๆ สำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการสูงสุดและผู้บังคับบัญชาของกองกำลังแนวหน้าประสบความสำเร็จอย่างมากในการบรรลุภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เมื่อบังคับแม่น้ำ. Berezina และต่อมากองทัพรถถังที่ 5 ทำหน้าที่ไม่ประสบความสำเร็จอันเป็นผลมาจากการที่ผู้บัญชาการกองทัพ P.A. Rotmistrov ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หลังสงคราม พวกเขาเขียนว่าเขาถูกถอดออกอย่างไม่สมเหตุผล เนื่องจากกองทัพไม่สามารถรุกคืบหน้าได้เนื่องจากขาดเชื้อเพลิง แต่เมื่อแต่งตั้งนายพล เอ็ม. โซโลมาตินแทนเขา เขาได้รับคำสั่งให้รวบรวมเชื้อเพลิงที่เหลือจากรถถังทั้งหมด เติมด้วยรถถัง 7O จำนวน 80 คัน และหน่วยเดินหน้าเริ่มการโจมตีอีกครั้ง ปรากฎว่าคุณสามารถหาทางออกได้เสมอถ้าคุณไม่หยุดที่ปัญหาและมองหาวิธีที่จะเอาชนะมันอย่างต่อเนื่อง

ความคิดสร้างสรรค์ ความเฉลียวฉลาดทางยุทธวิธี และความอุตสาหะในการปฏิบัติงานแสดงโดยผู้บังคับบัญชาของกองทัพ ผู้บัญชาการกองกำลัง ยูนิตและหน่วยย่อย การจัดปฏิบัติการรบ การสนับสนุนรอบด้านต้องได้รับการจัดการอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ก่อนเริ่มปฏิบัติการ แต่ยังรวมถึงระหว่างการพัฒนาการรุกด้วย สำหรับงานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเกิดขึ้นและเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแต่ละงานจำเป็นต้องมีงานองค์กรจำนวนมาก

บุคลากรส่วนใหญ่ทำภารกิจต่อสู้อย่างไม่เห็นแก่ตัวและชำนาญ แสดงความกล้าหาญและความกล้าหาญ ทุกคนรู้ดีถึงความสำเร็จของ Yu. Smirnov จาก Guards ที่ 11 กองทัพและนักรบอื่นๆ

ในหลายกรณี หน่วยรถถังที่นำหน้าได้นำกองกำลังของพรรคพวกไปเป็นทหารราบ

ทหาร 1,500 นายได้รับรางวัลฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียตในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว ทหารกว่า 400,000 นายได้รับคำสั่งและเหรียญตรา รูปแบบและหน่วยงานจำนวนมากได้รับชื่อกิตติมศักดิ์ของ Minsk, Bobruisk, Vitebsk, ชื่อเมืองอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้พิทักษ์ที่ 120 ในตำนาน กองปืนไรเฟิลกลายเป็น Rogachev

จอมพล G.K. Zhukov ได้รับรางวัลฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียตเป็นครั้งที่สอง Marshal A.M. Vasilevsky ได้รับรางวัลฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียต

ในระหว่างการปฏิบัติการในเบลารุส กองกำลังหลักของ Army Group Center พ่ายแพ้ กองทหารเยอรมันสูญเสียทหารและเจ้าหน้าที่ 409.4 พันนาย รวมทั้ง 255,4 พันนาย - ทหารเยอรมัน 200,000 นายถูกจับเข้าคุกโดยทหารของเราอย่างไม่อาจแก้ไขได้

การสูญเสียของเราก็หนักเช่นกัน มีผู้เสียชีวิต 765813 คน บาดเจ็บ สูญหาย และเสียชีวิตเนื่องจากการเจ็บป่วย ซึ่ง 178507 คนไม่สามารถกู้คืนได้ ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมถึง 29 สิงหาคม กองทหารของสี่แนวรบได้สูญเสียรถถังและปืนอัตตาจร 2,957 คัน ปืนและครก 2,447 ลำ และเครื่องบินรบ 822 ลำ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม เมื่อการต่อสู้เพื่อการปลดปล่อยเบลารุสยังคงดำเนินต่อไป ความสูญเสียของเรามีจำนวน 440,879 คน ซึ่งรวมถึง สังหาร 97,233 คน (6.6% ของจำนวนทหารทั้งหมด) ในการตอบโต้ใกล้มอสโก การสูญเสียที่ไม่สามารถกู้คืนได้สูงถึง 12-14 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นชาวโซเวียตเกือบ 100,000 คน - รัสเซีย, เบลารุส, ยูเครนและตัวแทนของประเทศอื่น ๆ - ได้สละชีวิตเพื่อการปลดปล่อยเบลารุส

ความสูญเสียที่ค่อนข้างมากของกองทหารของเราในปฏิบัติการของ Byelorussian นอกเหนือจากเหตุผลทั่วไปที่มีลักษณะเฉพาะของการปฏิบัติการอื่น ๆ ได้รับการอธิบายก่อนอื่นโดยข้อเท็จจริงที่ว่า Army Group Center ประกอบด้วยรูปแบบและหน่วยของเยอรมันที่ได้รับการคัดเลือกซึ่งเป็นเวลาเกือบสองปี ประสบความสำเร็จในการปกป้องดินแดนของภูมิภาค Smolensk ประเทศเบลารุส และสร้างการป้องกันที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา

นอกจากนี้ ไม่เหมือนกับแนวรบของทางใต้ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้ดำเนินการโจมตีครั้งใหญ่หลายครั้ง กองทหารทางทิศตะวันตกมีหลักการป้องกันตนเองหรือดำเนินการโจมตีที่มีขอบเขตจำกัดเป็นหลัก และพวกเขาไม่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติการเชิงรุกครั้งใหญ่ ในระยะที่สองของปฏิบัติการเบลารุส ปืนไรเฟิลและหน่วยอื่น ๆ บางส่วนได้รับการเติมเต็มโดยส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายของประชากรในท้องถิ่นของภูมิภาคที่ได้รับการปลดปล่อยซึ่งรวมอยู่ในหน่วยรบโดยไม่มีการฝึกทหารมาก่อน และโดยทั่วไปแล้ว ภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้กองกำลังสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

ดังนั้น อย่างแรกเลย ในระดับยุทธศาสตร์การปฏิบัติงาน แต่ละองค์ประกอบของการแก้ปัญหา แต่ละขั้นตอนการปฏิบัติในการเตรียมการปฏิบัติการได้รับการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ด้วยการมองการณ์ไกลดังกล่าว จึงมีการกำหนดทางเลือกที่เป็นไปได้สำหรับแนวทางปฏิบัติ และความจำเป็น มาตรการในกรณีที่เหตุการณ์ไม่เอื้ออำนวยซึ่งกองทหารรองถูกวางไว้ในเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยที่สุดสำหรับการปฏิบัติตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย

สิ่งสำคัญคือแนวคิดและขอบเขตของ Operation Bagration งานสร้างสรรค์และองค์กรที่มีจุดมุ่งหมายและเป็นรูปธรรมของผู้บังคับบัญชาและพนักงานสร้างบรรยากาศทั่วไปของความกระตือรือร้นและความมั่นใจซึ่งมักจะทำให้เป็นกลางทำให้ไม่มีข้อบกพร่องที่สำคัญ ในการกระทำของผู้บัญชาการและกองกำลังยุทธวิธี ( เยนและสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยให้พวกเขาปฏิบัติงานในกรณีหนึ่งเช่นเดียวกับในแนวรบตะวันตกและไครเมียผู้บังคับบัญชาระดับสูงไม่ได้ใช้ความพยายามที่จำเป็นทั้งหมดขึ้นอยู่กับมัน ย้ายภาระทั้งหมดของความเป็นปรปักษ์ไปยังกองทหารรองโดยหวังว่าจะกดดันอย่างหนักเพื่อบีบทุกสิ่งที่เป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ออกจากพวกเขาและบังคับให้พวกเขาทำภารกิจให้สำเร็จโดยเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ โทษพวกเขาสำหรับความล้มเหลวเพื่อที่จะนำกองทหารรองใน เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยที่สุดสำหรับการดำเนินการรบ ออกงาน ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวจะไม่เปลี่ยนโทษให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่จะรับผิดชอบตนเองอย่างเต็มที่

สิ่งเหล่านี้เป็นข้อสรุปเชิงกลยุทธ์เชิงปฏิบัติการที่สำคัญที่สุดจากประสบการณ์ของปฏิบัติการในเบลารุส ซึ่งมีความสำคัญในปัจจุบันในสภาพปัจจุบัน

ใหม่ในศิลปะแห่งสงคราม

ในระหว่างการปฏิบัติการของ Byelorussian ศิลปะการทหารของสหภาพโซเวียตได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม ประการแรก ตรงกันข้ามกับการรณรงค์ฤดูหนาวปี 2486-2487 เมื่อตะวันตก แนวรบเบลารุสดำเนินการปฏิบัติการแนวหน้ากระจัดกระจาย ในฤดูร้อนปี 2487 กองบัญชาการทหารสูงสุดได้จัดตั้งและดำเนินการปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์เดียวที่สำคัญ แนวความคิด ซึ่งรวมความพยายามและการประสานงานของกองกำลังสี่แนวรบ การบินระยะไกลและรูปแบบการป้องกันทางอากาศซึ่งทำให้ศัตรูสามารถซ้อมรบด้วยกำลังและเครื่องมือได้ยาก ในส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเบลารุส มีการดำเนินการหลายอย่างเพื่อล้อมและทำลายศัตรู (วีเต็บสค์, โบบรุยสค์, มินสค์) ยิ่งไปกว่านั้น ในปฏิบัติการมินสค์ เป็นครั้งแรกที่กลุ่มศัตรูขนาดใหญ่ไม่ได้ล้อมรอบอยู่ในตำแหน่งเริ่มต้น เหมือนที่สตาลินกราด แต่ในระหว่างการพัฒนาการรุกในระดับปฏิบัติการ และหากที่ตาลินกราด กองทัพที่ 6 ของกองทหารฟาสซิสต์เยอรมันถูกล้อมไว้ก่อนแล้วจึงเข้าไปทำลายล้างเป็นเวลา 2.5 เดือน การล้อม การตัดอวัยวะ และการทำลายล้างของกลุ่มศัตรูทางตะวันออกของมินสค์ก็ดำเนินไปพร้อม ๆ กันเป็นกระบวนการปฏิบัติการเดียว ในเวลาเดียวกัน การไล่ตามข้าศึกทั้งด้านหน้าและคู่ขนานได้ดำเนินไป โดยมีหน่วยเคลื่อนที่ไปถึงด้านข้างและด้านหลังของข้าศึก นี่เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในศิลปะแห่งสงคราม

ปฏิบัติการของชาวเบลารุสยังมีลักษณะเฉพาะด้วยการรวมกำลังและอุปกรณ์ที่เด็ดขาดและชัดเจนยิ่งขึ้นในทิศทางของการโจมตีหลัก บุคลากรมากถึง 50% ปืนใหญ่และรถถัง 60-65% และการบินส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1/3 ของความยาวทั้งหมดของแนวรบ โดยคำนึงถึงความลึกและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของการป้องกันของศัตรู กองกำลังและทรัพย์สินที่มีความหนาแน่นสูงจึงถูกสร้างขึ้น ดังนั้น ในพื้นที่ของการพัฒนาซึ่งคิดเป็น 10-15% ของพื้นที่ทั้งหมดของแนวรบ, มากถึง 50% ของกองปืนไรเฟิล, 50-80% ของปืนใหญ่, มากกว่า 80% ของรถถังและขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ปืนและการบินเกือบทั้งหมดมีความเข้มข้นซึ่งทำให้มั่นใจได้ถึงความหนาแน่นของปืนและครกสูงถึง 250-300 , รถถัง 20-30 คันและปืนอัตตาจร (โดยคำนึงถึงกองกำลังรถถังและกองทัพที่แนะนำในภาคเหล่านี้ - มากถึง 80 หน่วยหุ้มเกราะ ) บนกิโลเมตรที่ 1 ของด้านหน้า ดังนั้นความเหนือกว่าอย่างเด็ดขาดเหนือศัตรูจึงประสบความสำเร็จในพื้นที่ของการฝ่าฟัน: ในทหารราบ - 3-5 ครั้งในปืนใหญ่และรถถัง - 6-8 ครั้ง, การบิน - 3-5 ครั้ง การฝึกปืนใหญ่และทางอากาศมีพลังมากขึ้น ความเสียหายจากอัคคีภัยเกิดขึ้นที่ระดับความลึก 8-10 กม. สำหรับการเปรียบเทียบ โปรดจำไว้ว่าในการปฏิบัติการเชิงรุกในปี 2484-2485 ความหนาแน่นของกองกำลังและทรัพย์สินไม่เกิน 20-80 ในปืนและครกและ 3-12 สำหรับรถถังและปืนอัตตาจรต่อ 1 กม. ของด้านหน้า การรวมกองกำลังและวิธีการอย่างกล้าหาญและซ่อนเร้นทำให้มั่นใจถึงพลังมหาศาลของการโจมตีครั้งแรกและการพัฒนาอย่างรวดเร็วของความสำเร็จในเชิงลึกและด้านข้างของสีข้าง

ในระหว่างการปฏิบัติการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลุ่มศัตรู Vitebsk, Bobruisk และ Minsk พ่ายแพ้มีการใช้การบินจำนวนมากซึ่งทำให้สามารถบรรลุการทำลายกลุ่มที่สำคัญที่สุดของศัตรูและความพ่ายแพ้ของกองหนุนที่เหมาะสมในเวลาสั้น ๆ เวลา. ในระหว่างการปฏิบัติการของเบลารุส กองทัพอากาศได้ทำการก่อกวน 153,000 ครั้ง

ในสภาพที่จำเป็นต้องบุกทะลวงแนวป้องกันที่ลึกล้ำของศัตรูในเบลารุส จำเป็นต้องละทิ้งการเติมเต็มอย่างเป็นทางการของข้อกำหนดของคำสั่ง NKO หมายเลข 306 และข้อบังคับการต่อสู้ของปี 1942 เกี่ยวกับรูปแบบหนึ่งระดับของ คำสั่งทหารจนถึงและรวมถึงกอง ในกองทัพ กองพล ดิวิชั่น และกองทหารที่ปฏิบัติการในทิศทางหลัก มีการจัดรูปแบบการต่อสู้สองระดับหรือจัดสรรกำลังสำรองที่แข็งแกร่ง

วิธีการใหม่ในการสนับสนุนปืนใหญ่ถูกนำไปใช้กับการโจมตีของทหารราบและรถถังในรูปแบบของการโจมตีสองครั้ง

ผู้บัญชาการแนวหน้าทั้งหมดและผู้บัญชาการกองทัพส่วนใหญ่แสดงการมองการณ์ไกลอย่างยิ่ง โดยคาดการณ์ถึงมาตรการที่จำเป็นล่วงหน้าในกรณีที่มีการกระทำของศัตรูที่คาดไม่ถึงและการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ในสถานการณ์

มากเป็นคำแนะนำในการตรวจสอบความลับของการเตรียมการของปฏิบัติการและความประหลาดใจของการกระทำ

ตัวอย่างเช่น K. Rokossovsky และ I. Baghramyan โจมตีในบางทิศทางในพื้นที่ที่ยากลำบากที่สุดของภูมิประเทศและประสบความสำเร็จเพียงเพราะศัตรูไม่ได้คาดหวังสิ่งนี้ผู้บัญชาการที่อายุน้อยที่สุดของกองกำลังด้านหน้า I. Chernyakhovsky โดดเด่นด้วยผู้ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ ความคิดสร้างสรรค์และความเฉลียวฉลาด เขาไม่ได้ทำทุกอย่างตามปกติ ไม่ใช่ตามกฎมาตรฐานของศิลปะการทหาร แต่ในลักษณะที่การกระทำของเขาคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของสถานการณ์ปัจจุบันในระดับสูงสุดและไม่คาดคิดสำหรับศัตรู

โดยปกติ ก่อนเริ่มการบุก จะมีการดำเนินมาตรการบิดเบือนข้อมูลในการปฏิบัติการพรางตัวเพื่อแสดงการเตรียมพร้อมสำหรับการป้องกัน

แต่ Chernyakhovsky ซึ่งตรงกันข้ามกับกฎที่ถูกแฮ็กนี้เริ่มแสดงถึงการรวมกองกำลังที่ผิดพลาดโดยใช้หุ่นไม้อย่างแม่นยำในพื้นที่เหล่านั้นซึ่งมีการมองเห็นความเข้มข้นที่แท้จริงของกลุ่มช็อตสำหรับการรุกราน ชาวเยอรมันเป็นสัญญาณว่าพวกเขา "เปิดเผย" แผนการบัญชาการของเรา ระเบิดพื้นที่เหล่านี้ด้วยระเบิดไม้หลายครั้ง หลังจากนี้ ผู้บัญชาการแนวหน้าจะย้ายกองทหารของเขาไปยังพื้นที่เริ่มต้นสำหรับการบุก เป็นผลให้การโจมตีของแนวรบเบลารุสที่ 3 นั้นไม่คาดคิดสำหรับศัตรู

โดยทั่วไปแล้ว การตัดสินใจของนายพล ID Chernyakhovsky สำหรับปฏิบัติการกลายเป็นว่าไม่เพียงแต่เป็นต้นฉบับ ฉลาดหลักแหลม มีความคิดที่ดีมาก โดยคำนึงถึงด้านที่อ่อนแอและแข็งแกร่งของศัตรูและการค้นหา สภาพภูมิประเทศ แต่ยังมีความยืดหยุ่นมาก ซึ่งรับรองได้ว่ามีความพร้อมที่จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์แต่เนิ่นๆ และรับประกันการพัฒนาการรุกที่ประสบความสำเร็จในทุกสถานการณ์ ดังนั้นการล้อมกลุ่ม Vitebsk ของศัตรูจากทางใต้จึงได้รับมอบหมายให้กองทัพที่ 39 แต่ในขณะเดียวกัน ในกรณีที่เกิดการทะลุทะลวงจากการล้อม กองพลที่ 2 ของกองปืนไรเฟิลที่ 45 ของกองทัพที่ 5 ได้เล็งไปที่ทิศทางนี้ เมื่อมันปรากฏออกมาในภายหลัง หากไม่มีกองกำลังเพิ่มเติมเหล่านี้ ศัตรูที่ล้อมรอบสามารถบุกไปทางทิศใต้ได้

กองทัพรถถังที่ 5 - กลุ่มเคลื่อนที่ของแนวหน้า - มีไว้สำหรับปฏิบัติการในทิศทาง Orsha ในเขตของกองทัพองครักษ์ที่ 11 แต่ในขณะเดียวกัน ประเด็นในการเข้าสู่กองทัพรถถังองครักษ์ที่ 5 ในเขตกองทัพที่ 5 ได้ดำเนินการไปอย่างทั่วถึง ซึ่งมีประโยชน์มาก เนื่องจากการโจมตีของกองทัพทหารองครักษ์ที่ 11 ในตอนแรกพัฒนาช้าและกองทัพรถถังต้อง ได้รับการแนะนำตรงตามตัวเลือกที่สอง

การบังคับบัญชาและการควบคุมในระดับปฏิบัติการและยุทธวิธีมีลักษณะเฉพาะด้วยการเข้าใกล้สูงสุดในกองกำลังปฏิบัติการที่อยู่ด้านหน้า หากดำเนินการในปี พ.ศ. 2484-2485 เสาบัญชาการของแนวรบอยู่ห่างจากขอบด้านหน้า 60-80 กม. (บนแนวรบด้านตะวันตกและในปี 2486 - 100 กม.) เสาบัญชาการของกองทัพอยู่ห่างออกไป 40-80 กม. และไม่ได้สร้างเสาสังเกตการณ์ถาวรเสมอไป ปฏิบัติการ Byelorussian คำสั่ง จุดด้านหน้าตั้งอยู่บนแนวปฏิบัติการของกลุ่มหลักที่ระยะ 25-40 กม. กองทัพ - 8-15 กม. จากขอบไปข้างหน้า ในช่วงเวลานี้ เสาสังเกตการณ์เริ่มทำหน้าที่เป็นเสาบัญชาการไปข้างหน้า และอยู่ห่างจากขอบไปข้างหน้า 2-3 กม. สิ่งนี้เพิ่มประสิทธิภาพของการบังคับบัญชาและการควบคุมกองทหาร ทำให้ผู้บังคับบัญชาสามารถสังเกตสนามรบได้โดยตรง สื่อสารอย่างใกล้ชิดกับผู้ใต้บังคับบัญชา และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เสาบัญชาการของรูปแบบและหน่วยตั้งอยู่โดยตรงในรูปแบบการต่อสู้ของหน่วยย่อยไปข้างหน้า

ในระหว่างการปฏิบัติการเชิงรุก ผู้บังคับการแนวรบ กองทัพ ผู้บังคับการรูปแบบและหน่วยต่างๆ ได้ใช้กำลังและเครื่องมือของตนอย่างกว้างขวาง และเพิ่มพลังของการรุกอย่างรวดเร็วในทิศทางที่วางแผนไว้ซึ่งความสำเร็จสูงสุด

อัตราการโจมตีที่สูง ความคล่องแคล่วที่เพิ่มขึ้นของกองทัพ และประสิทธิภาพในการควบคุมได้รับการอำนวยความสะดวกโดยการจัดเตรียมปืนใหญ่ รถถัง และหน่วยยานยนต์ สำนักงานใหญ่ที่มียานพาหนะที่สามารถผ่านได้สูงซึ่งจัดหาให้ภายใต้ Lend-Lease

บทเรียนสำหรับการฝึกอบรมบุคลากรในสภาวะที่ทันสมัย

บทเรียนที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจข้อเท็จจริงที่ว่า บุคลิกภาพของผู้บังคับบัญชา ผู้นำทหาร ผู้บังคับบัญชา กองบัญชาการที่ทำงานเชิงรุกอย่างสร้างสรรค์และกระตือรือร้นมีความสำคัญอย่างยิ่งและบางครั้งก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง

ตัวอย่างภาพประกอบ แนวรบเบลารุสและตะวันตกในการรณรงค์ฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาวปี 2486-2487 ดำเนินการในสภาวะเดียวกันโดยประมาณ แต่กับ Rokossovsky - การดำเนินการค่อนข้างประสบความสำเร็จและกับ Sokolovsky - ความล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ เราจะดึงบทเรียนจากประสบการณ์เชิงบวกและขมขื่นสำหรับวันนี้ได้อย่างไรจากมุมมองของการฝึกอบรม การศึกษา และการเลือกบุคลากรทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาประสิทธิภาพในกิจกรรมของพวกเขา การกำจัดพิธีการอย่างเด็ดขาด การปรับปรุงวิธีการสั่งการและ เจ้าหน้าที่ในการบังคับบัญชาและควบคุมกำลังทหารโดยคำนึงถึงข้อกำหนดที่ทันสมัย?

จากประสบการณ์ของปฏิบัติการของชาวเบลารุส เราจะพูดถึงช่วงเวลาที่ผู้เขียนบทเหล่านี้ต้องพบเห็นเป็นหลัก ซึ่งมีโอกาสได้เห็นผลงานของผู้บัญชาการกองกำลังแนวหน้า นายพล ID Chernyakhovsky ผู้บัญชาการกองกำลังแนวหน้า กองทัพที่ 5, นายพล NI Krylov, ผู้บัญชาการกองปืนไรเฟิลที่ 45, นายพล S. G. Poplavsky และผู้บัญชาการคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง กิจกรรมทั้งหมดของพวกเขาตื้นตันใจอย่างมากกับความสนใจในการดำเนินการตามแนวคิดของการดำเนินการ ดังนั้นการผสานแบบอินทรีย์กับคุณลักษณะที่ละเอียดอ่อนที่สุดของสถานการณ์ และวิธีการในการจัดการปฏิบัติการรบจึงมีความเฉพาะเจาะจงและเป็นรูปธรรมมากจนในกระบวนการสร้างสรรค์และองค์กรทั้งหมดนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับพิธีการ บทสนทนาเชิงนามธรรม และวาทศิลป์เชิงทฤษฎี เฉพาะสิ่งที่จำเป็นสำหรับการต่อสู้และการปฏิบัติการที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น นายพล Chernyakhovsky ทำงานในแผนกปืนไรเฟิล 184 ของพลตรี B. Gorodovikov แทนที่จะฟังการตัดสินใจอย่างละเอียดเหมือนเมื่อก่อน เขาได้ศึกษาไพ่ตัดสินใจอย่างระมัดระวัง (อย่างเงียบๆ ด้วยสมาธิ) จากนั้นจึงถามคำถามหลายข้อว่า แนวหน้าของศัตรูอยู่ที่ไหน แนวการเคลื่อนตัวของศิลปะไฟระหว่างการโจมตี การคำนวณเวลาสำหรับการเคลื่อนตัวของรถถังจากตำแหน่งเริ่มต้น จากตำแหน่งที่สามารถตอบโต้และกองกำลังได้ หมายถึงการขับไล่พวกมัน

เมื่อได้ฟังคำตอบแล้ว ข้าพเจ้าจึงระบุขั้นตอนการแก้ปัญหาบางอย่างสั้นๆ และชัดเจน เมื่อทำงานในแนวหน้า เขาต้องการระบุสถานที่สำหรับสร้างทางผ่านในทุ่นระเบิดของศัตรูและขั้นตอนในการเอาชนะพวกเขา เปรียบเทียบการยิงปืนใหญ่ที่วางแผนไว้บนแผนที่ของผู้บังคับกองพันปืนไรเฟิลและกองพันทหารปืนใหญ่ เมื่อพบความไม่ถูกต้องประการหนึ่ง เขาจึงสั่งให้ผู้บัญชาการกองตรวจดูไพ่ของผู้บังคับกองปืนไรเฟิลและปืนใหญ่ทั้งหมด เขาได้รับคำสั่งให้ปล่อยกระสุนสองนัดที่บริเวณที่เตรียมยิง ฉันแน่ใจว่าได้เตรียมไฟไว้อย่างถูกต้องแล้ว เมื่อมาถึงพื้นที่ความเข้มข้นเริ่มต้นของรถถัง NPP เขาฟังรายงานของเจ้าหน้าที่ของบริการทางเทคนิครถถังด้านหน้าอย่างกระชับเกี่ยวกับความพร้อมของรถถังสำหรับการต่อสู้และหลังจากนั้นก็สั่งผู้บังคับกองร้อยและช่างซ่อมของ นำรถถังเพื่อนำเขาไปตามเส้นทางของรถถัง NPP ล่วงหน้า เมื่อไปถึงแนวการวางกำลังและตรวจดูให้แน่ใจว่าผู้บังคับกองร้อยรู้ช่องทางผ่านในเขตทุ่นระเบิดของเขาแล้ว เขาจึงขับรถไปยังตำแหน่งของกลุ่มปืนใหญ่ของกองร้อย ไม่มีเรื่องราวหรือคำอธิบายด้วยวาจาเกี่ยวกับความก้าวหน้า การเปลี่ยนตำแหน่ง หรืองานอื่น ๆ ทุกอย่างได้รับการตรวจสอบในทางปฏิบัติเท่านั้นในทางปฏิบัติ มีความต้องการที่เข้มงวดที่สุดสำหรับการทำงานผิดพลาดและข้อผิดพลาดในการเตรียมการสู้รบ กำหนดเส้นตายเพื่อขจัดข้อบกพร่อง เมื่อเกิดข้อผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้บังคับบัญชาบางคนถูกถอดออกจากตำแหน่งและแทนที่ด้วยผู้บัญชาการที่มีพลังและมีประสบการณ์มากกว่าเข้ามาแทนที่

ผู้นำทางทหารเช่น K. K. Rokossovsky, I. D. Chernyakhovsky เอ็น.ไอ. Krylov, P.I. Batov, I.I. Lyudnikov, S.G. Poplavsky และอื่น ๆ อีกมากมายโดยคำนึงถึงประสบการณ์การต่อสู้ที่ได้รับโดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าใจอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่สำคัญและเด็ดขาดที่สุดสำหรับการพัฒนาการป้องกันที่ประสบความสำเร็จนั้นเป็นเงื่อนไขที่สำคัญที่สุดสองประการ: ประการแรกคือการลาดตระเวนระบบป้องกันและอาวุธของศัตรูอย่างละเอียด ประการที่สองคือการกำหนดที่แม่นยำของการยิงปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศบนเป้าหมายที่ระบุโดยเฉพาะโดยมีจุดประสงค์เพื่อการทำลายและการปราบปรามที่เชื่อถือได้ หากเราพูดเกินจริงถึงปัญหานี้เล็กน้อย จากการฝึกการโจมตีและการรบเชิงรุกทั้งหมดจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าหากภารกิจทั้งสองนี้ - การลาดตระเวนและความเสียหายจากไฟนั้นดำเนินการได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้ แม้ว่าจะเป็นการโจมตีที่ไม่เป็นระเบียบมากก็ตาม บุกทะลวงกองกำลังสำเร็จและทะลุทะลวงการป้องกันของศัตรูได้สำเร็จ ... แน่นอนว่าสิ่งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการประเมินความจำเป็นในการดำเนินการที่ประสบความสำเร็จของทหารราบ รถถัง และกองกำลังประเภทอื่น ๆ ในระหว่างการโจมตีและการพัฒนาของการโจมตี หากปราศจากสิ่งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ผลการยิงของศัตรูอย่างเต็มที่ แต่ก็เป็นความจริงเช่นกันว่าไม่มีการโจมตีที่เฉียบแหลมและ "สวยงาม" ใดจะทำให้สามารถเอาชนะการต่อต้านของศัตรูได้หากพลังยิงของเขาไม่ถูกระงับ สิ่งนี้มีความสำคัญเท่าเทียมกันในสงครามขนาดใหญ่และขนาดเล็ก และในการต่อสู้กับการก่อการร้าย

ทัศนคติต่อประเด็นนี้ยังกำหนดทิศทางของการฝึกรบก่อนเริ่มปฏิบัติการเชิงรุก ในบางกรณี ดังที่ระบุไว้ในกองทหารของแนวรบด้านตะวันตกในฤดูหนาวปี 2486-2487 ทั้งหมดนี้รวมถึงการฝึกในการปรับใช้และการเคลื่อนไหวของหน่วยย่อยในการโจมตี และมีเพียงทางการ (โดยปกติด้วยวาจา) เท่านั้นที่เป็นภารกิจในการลาดตระเวน และฝึกดับไฟ ในกรณีอื่นๆ เช่นเดียวกับในกองทหารของแนวรบเบโลรุสที่ 3 พร้อมกับการฝึกปฏิบัติการของกองทหารในการโจมตีและระหว่างการรุก เน้นหลักที่ผู้บังคับบัญชาการฝึก เจ้าหน้าที่เสนาธิการ หน่วยลาดตระเวน ปืนใหญ่ และผู้สังเกตการณ์ทหารราบ เพื่อระบุอาวุธยิงของศัตรูและการใช้อาวุธยิงทั้งหมดอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ จุดแข็งก็ถูกตั้งไว้ที่ด้านหลัง คล้ายกับจุดแข็งที่จะพบในส่วนลึกของแนวรับของศัตรู

ในห้องเรียนและแบบฝึกหัด ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อกำหนดตำแหน่งของอาวุธยิงศัตรูทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเปรียบเทียบรูปแบบ (แผนที่) ของการป้องกันที่กำหนดและผลการลาดตระเวน วิธีการเรียก โอนย้าย และหยุดยิงและ ประเด็นอื่น ๆ อีกมากมายของการโต้ตอบระหว่างหน่วยปืนไรเฟิล รถถัง ปืนใหญ่ และทหารช่าง คลาสและแบบฝึกหัดดังกล่าวไม่ได้ติดหูและน่าดึงดูดเท่าการโจมตีของรถถังและทหารราบ เราสามารถพูดได้ว่ามันเป็นกิจวัตรจากภายนอกและดูเหมือนน่าเบื่อสำหรับผู้บังคับบัญชาบางคน แต่จริงๆ แล้วพวกมันเต็มไปด้วยเนื้อหาภายในที่ยอดเยี่ยม ทำซ้ำที่ซับซ้อนที่สุด และคำถามที่ยากลำบากในการต่อสู้ซึ่งในตอนแรกขึ้นอยู่กับความสำเร็จของเขา

ต้องใช้เวลาและการทำงานมากจนกระทั่งผู้บังคับบัญชาและหน่วยสอดแนมเชี่ยวชาญศิลปะในการระบุตัว ทำเครื่องหมาย และทำแผนที่อาวุธยิงของศัตรูอย่างแม่นยำ ฉันใช้ความละเอียดถี่ถ้วนในการทำงานร่วมกับผู้บังคับบัญชาทุกระดับและประเด็นอื่นๆ ในการจัดการต่อสู้ ทั้งหมดนี้รับประกันความสำเร็จของปฏิบัติการเบลารุส

จากที่กล่าวมาทั้งหมด สรุปได้ว่า การตัดสินใจ การวางแผนปฏิบัติการมีความสำคัญเพียงใด ไม่เพียงแต่กำหนดการจัดกลุ่มเท่านั้น แต่ยังต้องเปิดเผยแผนปฏิบัติการที่เป็นไปได้ของศัตรู คาดการณ์ และพิจารณาความเป็นไปได้ เงื่อนไขสำหรับการพัฒนาของปฏิบัติการ, คำนวณความสมดุลของกองกำลังอย่างระมัดระวัง, เพื่อสร้างกลุ่มกองกำลังที่จำเป็น, กำหนดวิธีการที่เหมาะสมที่สุดและวิธีการปฏิบัติที่ไม่คาดคิดสำหรับศัตรู, รับรองอย่างครอบคลุมและเตรียมการปฏิบัติการในด้านศีลธรรม - การเมือง, การปฏิบัติงาน เงื่อนไขด้านลอจิสติกส์และทางเทคนิค

การตัดสินใจ การวางแผนการดำเนินงานถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่เป็นเพียงส่วนเริ่มต้นของการเตรียมการเท่านั้น หลังจากนั้น บนพื้นดินโดยตรง กองทหารยังคงทำงานอย่างเข้มข้นในการศึกษาศัตรู ชี้แจงภารกิจ จัดระเบียบปฏิสัมพันธ์ ส่งมอบยุทโธปกรณ์ อุปกรณ์วิศวกรรมสำหรับตำแหน่งเริ่มต้น การพรางตัว การบิดเบือนข้อมูล และมาตรการอื่น ๆ สำหรับการปฏิบัติงาน โลจิสติกส์ และเทคนิคทุกประเภท การสนับสนุนการฝึกรบของกองกำลังโดยคำนึงถึงภารกิจการต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น กับผู้บังคับบัญชาและสำนักงานใหญ่ของระดับปฏิบัติการ แนวทางปฏิบัติที่เสนอได้ดำเนินการในการฝึกบังคับบัญชาและการฝึกเจ้าหน้าที่

G.K. Zhukov, A.V. Vasilevsky ผู้บัญชาการของแนวรบและกองทัพในระหว่างการเตรียมปฏิบัติการไม่เพียงพบกับผู้บังคับบัญชา ผู้บังคับบัญชา แต่ยังมีเจ้าหน้าที่และทหารในแนวหน้าด้วย และโดยทั่วไปแล้วในทั้งระบบของมาตรการสำหรับการเตรียมการปฏิบัติงานเดือน -10 ที่สำคัญอย่างยิ่งถูกครอบครองโดยงานการศึกษาโดยมีเป้าหมายเพื่อให้บรรลุทัศนคติทางการเมืองความกล้าหาญความกล้าหาญและแรงกระตุ้นที่น่ารังเกียจของบุคลากร เพื่อการบรรลุภารกิจการรบที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ กิจกรรมที่ซับซ้อนและหลากหลายของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ในการเตรียมปฏิบัติการได้ดำเนินการด้วยความรับผิดชอบอย่างสูง และความพยายามอย่างสุดความสามารถของมนุษย์

การฝึกอบรมผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และกองทหารมีความสำคัญอย่างยิ่ง ลักษณะเด่นของการฝึกซ้อมและการฝึกทั้งหมดเหล่านี้คือความมีจุดมุ่งหมาย ความเป็นรูปธรรม และการประมาณสูงสุดของการฝึกให้เข้ากับสภาพจริงของภารกิจการต่อสู้ที่กองทหารดำเนินการโดยตรง ในพื้นที่ที่มีการก่อตัวของระดับที่สองนั้น จะมีการจัดตั้งจุดแข็งประมาณเดียวกันกับตำแหน่งของศัตรู และกองทหารก็ฝึกการโจมตีและการเอาชนะ

กองพัน กองร้อย และการซ้อมรบอื่นที่คล้ายคลึงกันทั้งหมดเกี่ยวข้องกับปืนใหญ่ หน่วยวิศวกร และวิธีการเสริมกำลังอื่น ๆ ซึ่งควรจะร่วมกันปฏิบัติภารกิจการต่อสู้ การฝึกหัดและการฝึกในตอนแรกดำเนินการโดยใช้วิธีการต่อสู้ทางยุทธวิธีเป็นหลัก และจากนั้นก็จบลงด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่องในประเด็นด้านการศึกษาทั้งหมดและการประสานงานการต่อสู้ของหน่วยย่อยและหน่วยต่างๆ

ไม่ใช่ว่าผู้บังคับบัญชาทุกคนจะสามารถเข้าใจ "ความลับ" ได้ทันทีและเชี่ยวชาญศิลปะของงานเตรียมการที่สำคัญดังกล่าว ในการฝึกและการฝึกซ้อม คำถามและวิธีการดำเนินการที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของการรุกนั้นไม่ได้ดำเนินการอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสมอไป นายทหารและนายพลที่เพิ่งมาถึงแนวรบไม่เชื่อว่านี่เป็นวิธีการจัดระเบียบปฏิบัติการรบ เพราะพวกเขาแตกต่างจากที่พวกเขาสอนมากเกินไป ในระหว่างการปฏิบัติการของเบลารุสเมื่อปฏิบัติการทางทหารพร้อมที่จะบังคับแม่น้ำ Neman รองเสนาธิการของกองทัพที่ 5 ที่เพิ่งมาจากสถาบันการศึกษามาที่กองปืนไรเฟิลที่ 184 "เพื่อควบคุมและช่วยเหลือ" . เป็นเวลานานที่เขาเฝ้าดูด้วยความงุนงงในฐานะผู้บัญชาการกองพล พล.ต. บี. โกโรโดวิคอฟ ทำงานร่วมกับผู้บัญชาการกรมทหารหนึ่งคนหรือหลายคนที่ NP หรือพูดตรงๆ ว่าคิดกับพวกเขา ปรึกษา โต้เถียง คงจะถูกต้องกว่า จากนั้นจึงตัดสินใจบางอย่างและกำหนดงาน ลำดับการเตรียมปืนใหญ่ การข้ามแม่น้ำและการกระทำบนหัวสะพาน (การพิจารณาที่ละเอียดที่สุดคือการข้ามถังและชิ้นส่วนปืนใหญ่ที่ก้นแม่น้ำ) B. Gorodovikov มีบุคลิกที่ครอบงำและแน่นอนว่าสามารถจัดหมวดหมู่ได้มากขึ้นเมื่อตั้งค่างาน แต่ความรับผิดชอบนั้นยิ่งใหญ่มากจนในกระบวนการสื่อสารสดกับผู้บัญชาการกองทหาร เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการตรวจสอบอีกครั้งถึงความถูกต้องของการตัดสินใจของเขา และไม่เพียงแต่เป็นระเบียบอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันก็โน้มน้าวผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาว่านี่คือ วิธีการดำเนินการ

ประมาณ 1-1.5 ชั่วโมงต่อมา นายพลตรวจสอบซึ่งมีความอดทนถึงขีด จำกัด แล้วหันไปหาผู้บัญชาการกอง: "สหาย Gorodovikov! ฉันกำลังรอให้คุณออกคำสั่งรบ " “ตอนนี้ฉันจะอธิบายให้ผู้บังคับกองร้อยรู้วิธีบังคับแม่น้ำ วิธีการใช้ฝั่งนั้น มีเวลา ฉันจะสั่งทหารให้” ผู้บัญชาการกองพลตอบ

ตอนเล็กๆ นี้สะท้อนให้เห็นถึงยุคที่แตกต่างกันสองยุคในด้านการควบคุมและบังคับบัญชา สองแนวทางที่แตกต่างกันในการแก้ปัญหาภารกิจทางทหารที่เฉพาะเจาะจง ตัวแทนของโรงเรียนวิชาการยอมรับเพียงคนเดียวเมื่อออกคำสั่งรบและจัดระเบียบปฏิสัมพันธ์กับรายการบังคับของประเด็นทั้งหมดและข้อกำหนดทางกฎหมาย ผู้บังคับบัญชาผู้ซึ่งเคยโลดโผนด้วยประสบการณ์การต่อสู้อย่างเต็มที่ ถูกดูดซึมเฉพาะในวิธีที่ดีที่สุดที่จะนำภารกิจไปให้ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อให้บรรลุความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ผู้บัญชาการที่มีประสบการณ์คนใดในระหว่างสงครามรู้ว่าเขาจะไม่ถูกตัดสินโดยวิธีที่เขาจัดการต่อสู้ "อย่างถูกต้อง" จากภายนอก แต่เพียงโดยวิธีการทำภารกิจการต่อสู้ให้สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์สำหรับเขาที่จะใส่ใจกับเรื่องภายนอก

ทั้งหมดนี้ต้องจำได้มากกว่าหนึ่งครั้งในการฝึกซ้อมหลังสงครามเมื่อหลังจากเสียงดังและด้วยความน่าสมเพชประกาศคำสั่งรบที่ยาวนานและคำแนะนำเกี่ยวกับการโต้ตอบหลายชั่วโมงผู้บังคับบัญชารองและหัวหน้าอาวุธต่อสู้ไม่เข้าใจจริงๆ งานถูกกำหนดไว้แล้วและควรปฏิบัติอย่างไร สำหรับกระบวนการทั้งหมดในการพัฒนาวิธีแก้ปัญหา การกำหนดภารกิจ การจัดการปฏิบัติการรบนั้นเต็มไปด้วยความเป็นทางการ และความกังวลหลักของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ก็คือการไม่ปฏิบัติงานให้ดีขึ้น (การฝึกซ้อมมักจะเป็นไปตามแผนและความเป็นผู้นำ ใส่ใจเรื่องนี้มากกว่าเด็กฝึกหัด) แต่ในความพยายามที่จะ "แสดง" ตัวเองให้ดีขึ้น และผู้บังคับบัญชาได้รับการตัดสินตามวิธีที่พวกเขารายงานเป็นหลัก ภายนอกดูเหมือนว่าทุกอย่างจะ "ถูกต้อง" แต่แยกออกจากสาระสำคัญของเรื่องโดยสิ้นเชิง งานที่ยากที่สุดในการเตรียมการสู้รบและการปฏิบัติการเริ่มลดลงโดยพื้นฐานจนถึงการพัฒนาเอกสารที่ยุ่งยากจำนวนมาก ซึ่งงานที่เป็นรูปธรรมและสาระสำคัญของเรื่องถูกฝังไว้ท่ามกลางข้อเสนอเชิงทฤษฎีที่เป็นนามธรรมมากมาย ส่วนหลักของงานของผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่ในการจัดการต่อสู้เริ่มถูกผลักไสให้อยู่ด้านหลัง ประสบการณ์อันล้ำค่าที่ได้รับระหว่างสงครามค่อยๆ หายไป แบบฝึกหัดทำอันตรายอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งซึ่งผู้บัญชาการของรูปแบบและผู้บังคับบัญชาของรูปแบบเองทำหน้าที่เป็นผู้นำของแบบฝึกหัดที่ดำเนินการกับรูปแบบการก่อตัวและการกระทำเหล่านี้โดยรู้สถานการณ์ล่วงหน้าของทั้งสองฝ่ายและ หลักสูตรการพัฒนา

ดังนั้นระบบการฝึกปฏิบัติการและการต่อสู้ที่ผิดเพี้ยนทำให้เกิดผู้นำทางทหารของคาลิเบอร์ต่าง ๆ ซึ่งกลายเป็นเหมือนนักโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่ดีในกิจการทหารมากกว่าผู้บัญชาการทหาร

ข้อบกพร่องในการฝึกอบรมและการศึกษาของบุคลากรส่งผลกระทบต่อคุณภาพโดยรวมของการฝึกรบของกองทัพ ยิ่งพวกเขาพูดถึงแนวทางสูงสุดของการฝึกทหารกับสิ่งที่จำเป็นในสงครามมากเท่าไร ก็ยิ่งแยกออกจากผลประโยชน์ของความเป็นจริงในการต่อสู้มากขึ้นเท่านั้น

ในยุค 60 เมื่อเขาเป็นเสนาธิการของกองทัพที่ 28 ของเขตการทหารเบลารุสผู้เขียนมีโอกาสทำการฝึกยุทธวิธีของกองร้อยซึ่งเน้นหลักในการแก้ไขปัญหาการลาดตระเวนและการทำลายไฟของ ศัตรู กล่าวคือ งานซึ่งตามประสบการณ์ของสงครามขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการต่อสู้และการปฏิบัติการ หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนของรูปแบบและหน่วยทั้งหมดมีส่วนร่วมในการฝึกซ้อม เช่นเดียวกับวิธีการลาดตระเวนของแผนกทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับช่วงสงคราม ในตำแหน่งฝ่ายป้องกัน อาวุธยิงของศัตรูทั้งหมดถูกกำหนดและเลียนแบบจริง ๆ ซึ่งเปลี่ยนตำแหน่งเป็นระยะ แม้จะมีทรัพย์สินการลาดตระเวนที่รัฐกำหนดและก้าวหน้ากว่าในช่วงสงคราม ในช่วงสามวันของการเตรียมการเชิงรุก มีเพียง 15-18% ของเป้าหมายทั้งหมดในการป้องกันของศัตรูถูกระบุและตรวจพบอย่างแม่นยำ จากนั้น เมื่อได้รับอนุญาตจากสำนักงานใหญ่ของเขต เราขอให้ผู้บัญชาการทหารระดับภูมิภาค Grodno เรียกปืนใหญ่ 30 คันและหน่วยสอดแนมอื่นๆ ที่มีประสบการณ์การต่อสู้จากกองหนุน แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียทักษะก่อนหน้านี้ไปมาก แต่หลังจากสองวันผ่านไป 50-60% ของพลังยิงของศัตรูก็เปิดออก ในตัวอย่างนี้ เราสามารถเห็นได้อีกครั้งว่ามันยากแค่ไหน - ความฉลาดที่แท้จริง สำหรับความประพฤติที่มีประสิทธิภาพซึ่งไม่เพียงพออย่างสมบูรณ์ต่อการศึกษากองทัพต่างประเทศ ที่นี่จำเป็นต้องมีทักษะการปฏิบัติที่สมบูรณ์แบบซึ่งได้มาจากการฝึกอบรมซ้ำ ๆ ในการลาดตระเวน

หัวหน้าอาวุโสที่มาที่การฝึกรู้สึกไม่มีความสุขอย่างยิ่งที่ใช้เวลาเรียนมากไปกับการตั้งคำถามเพื่อการศึกษาเพียงคำถามเดียว "ในช่วงเวลานี้" เขากล่าว "มันเป็นไปได้ที่จะโจมตี 5-6 ครั้ง" และต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า ภาพที่น่าเศร้าของการโจมตีไม่รู้จบของเราในการปฏิบัติการของแนวรบด้านตะวันตก และความสำเร็จของการรุกที่พัฒนาขึ้นในฤดูร้อนปี ค.ศ. 1944 และการฝึกฝนหลังสงครามหลายครั้งเราลดทุกอย่างลงเหลือเพียงการโจมตีที่ไม่ได้เตรียมไว้อย่างสมบูรณ์เท่านั้น และ ว่ากองทหารประสบความสำเร็จอย่างไรขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ไม่ว่าศัตรูจะถูกลาดตระเวนและปราบปรามหรือไม่ก็ตาม และด้วยความเจ็บปวดทางจิตใจ ฉันคิดว่าในกรณีของสงคราม เราจะต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากอีกครั้ง

เกิดขึ้นได้อย่างไรในกองทัพที่ประกอบด้วยผู้คนจำนวนมากและต่อสู้มาอย่างดี ประสบการณ์การต่อสู้ที่ได้รับระหว่างสงครามนั้นสูญเสียไปอย่างง่ายดาย นี่เป็นหนึ่งในความลึกลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้คำตอบที่ชัดเจน แต่เหตุผลหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่าห่างไกลจากผู้ปฏิบัติงานที่ดีที่สุดมาสู่ความเป็นผู้นำ มีครูจำนวนมากที่เหลืออยู่ในโรงเรียนการทหารและสถาบันการศึกษาที่ไม่ได้รับประสบการณ์การเป็นผู้นำอย่างเหมาะสมและไม่เข้าใจแก่นแท้ภายในอย่างลึกซึ้ง ทหารแนวหน้าที่เข้ามาศึกษาในสถาบันการศึกษาทางการทหาร ทั้งในฐานะนักศึกษาและครู ทั้งที่ยังไม่มีความรู้ด้านทฤษฎีมากนัก ตอนแรกมองดูด้วยความเกรงขามมากกว่าในแง่ของประสบการณ์วิพากษ์วิจารณ์ ในเวลาเดียวกันด้วยเหตุผลบางอย่างเชื่อกันว่าวิทยาศาสตร์การทหารเป็นกิจกรรมสูงสุดที่คนพิเศษควรมีส่วนร่วมแม้ว่าตอนนี้จะชัดเจนแล้วว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้ที่ควรให้อาหารวิทยาศาสตร์ ด้วยแนวคิดและความคิดใหม่ๆ และทั้งระบบของเอิกเกริกและการแสดง, ไม่สนใจธุรกิจ, ส่งเสริมความโง่เขลาและการปราบปรามของความคิดสร้างสรรค์ซึ่งก่อตั้งขึ้นหลังสงคราม, ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดการผสมผสานอินทรีย์ของทฤษฎีและการปฏิบัติ.

และวันนี้ใน VVUZ ข้อเสียเปรียบหลักของการฝึกทหารและการศึกษาของเจ้าหน้าที่คือพวกเขาลดลงส่วนใหญ่เพื่อการศึกษาบทบัญญัติทางทฤษฎีการพัฒนาเอกสารต่าง ๆ และถูกผลักไสให้อยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาตัวละครผู้บังคับบัญชาพัฒนาปฏิบัติการยุทธวิธี ความคิด, ใจแข็ง, คุณสมบัติองค์กรที่จำเป็นสำหรับการแสดงออกของศิลปะแห่งสงคราม ข้อบกพร่องหลักในวิธีการฝึกปฏิบัติและการฝึกรบคือลักษณะสถานการณ์ของการปฏิบัติการรบสมัยใหม่ไม่ได้มีการทำซ้ำอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการสร้างเงื่อนไขให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถฝึกฝนตนเองและแสดงตนอย่างเป็นระบบ

เป็นที่ทราบกันดีว่าเพื่อให้ความรู้ด้านสติปัญญา ความกล้าหาญ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ จำเป็นในชั้นเรียนและแบบฝึกหัดทั้งหมดเพื่อให้พวกเขาอยู่ในสภาพที่สามารถแสดงคุณสมบัติเหล่านี้ได้ในทางปฏิบัติอย่างเป็นระบบ

ประเด็นไม่ใช่ว่าจำเป็นต้องสอนกองทัพหลังสงครามถึงสิ่งที่อยู่ในสงครามครั้งสุดท้าย ทุกคนเข้าใจดีว่าเนื้อหาของการฝึกทหารควรมุ่งสู่ความสำเร็จในอนาคตของศิลปะการทหาร แต่แนวทางในการแก้ปัญหาการปฏิบัติงานและยุทธวิธีนั้นเอง ความคิดสร้างสรรค์ที่กว้างขวาง และวิธีการของงานเฉพาะขององค์กร ซึ่งได้แสดงออกมาพร้อมๆ กัน ความรอบคอบและอุตสาหะในการทำงานกับผู้บังคับบัญชารองและกองทหารของมาตรการเตรียมการทั้งหมด ความสามารถ ที่จะฝึกทหารให้ตรงตามความต้องการของพวกเขาไม่สามารถล้าสมัยได้ในสถานการณ์การต่อสู้และอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งกำหนดจิตวิญญาณทั้งหมดของศิลปะแห่งสงครามซึ่งถ้าไม่ใช่ "นิรันดร์" ก็มีอายุยืนยาว หลักการและข้อกำหนด

คุณต้องลงทะเบียนบนเว็บไซต์