ตอนที่ 1 “การล่มสลายของโลกโบราณ”

โพสต์ในบล็อกนี้ได้ตรวจสอบเนื้อหา "โบราณ" จำนวนมากที่เรารู้จัก: แผนที่ท้องฟ้าและแผนที่ทางภูมิศาสตร์ เราสามารถพูดได้อย่างชัดเจนว่า "มีอยู่" ส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่มีพื้นฐานมาจากประวัติศาสตร์สกาลิเกอร์ ดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์สมัยใหม่ เกือบทุกสิ่งที่ขัดแย้งกับทางการได้ถูก "ล้างและลบ" ออกจากประวัติศาสตร์วิวัฒนาการของโลกของเรา

อย่างไรก็ตาม ในงานของบล็อกนี้ ข้อเท็จจริงของความไม่สอดคล้องกันหลายประการในแผนที่ดวงดาว "โบราณ" แผนที่ทางภูมิศาสตร์ ตารางสังเกตการณ์เหตุการณ์ท้องฟ้า และประวัติศาสตร์โลกทางวิทยาศาสตร์เดียวกันนั้นได้รับการเปิดเผยและนำเสนออย่างชัดเจน

โปรดจำไว้ว่าข้อมูลเกือบทั้งหมดเกี่ยวกับความรู้ของชาวกรีก "โบราณ" เกี่ยวกับดวงดาวในปัจจุบันเป็นที่รู้จักจากผลงานสองชิ้นที่ลงมาหาเรา: “ ความเห็นเกี่ยวกับ Aratus และ Eudoxus", เขียนไว้ ฮิปปาร์คัสและ " อัลมาเจสต์" ปโตเลมี.

เชื่อกันว่าดาราศาสตร์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แน่นอนด้วยผลงานของ Hipparchus นักดาราศาสตร์ชาวกรีก "โบราณ" ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีชีวิตอยู่ประมาณ 185-125 ปีก่อนคริสตกาล

ฉบับ Scaligerian ในศตวรรษที่ 18 ซึ่งสืบมาจาก Almagest ประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 2 ในตอนแรกถือว่าไม่อาจโต้แย้งได้ อย่างไรก็ตาม ในศตวรรษที่ 19 หลังจากการวิเคราะห์ลองจิจูดของดวงดาวในอัลมาเจสต์อย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น พบว่าในแง่ของการขึ้นหน้า ลองจิจูดเหล่านี้มีความสอดคล้องกับยุคของศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช มากกว่า นั่นคือยุคของ ฮิปปาร์คัส ข้อความเหล่านี้ได้รับการคำนวณและตรวจสอบอย่างไร ปรากฎว่าขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า Precession ของแกนโลก!

• วันที่ 25 เมษายน 2562 เวลา 01:55 น

ตอนที่ 9

มังกรกำลังมองอยู่ที่ไหน?

ความต่อเนื่อง

นำเสนอที่ทางแยกของยุคสมัย แผนที่ท้องฟ้าใหม่

คริสเตียน ฟรีดริช โกลด์บัค ( คริสเตียน ฟรีดริช โกลด์บัค, 1763 - 1811) - นักดาราศาสตร์และนักทำแผนที่ชาวเยอรมัน... ในปี 1804 Goldbach ในมอสโกกลายเป็นศาสตราจารย์ด้านดาราศาสตร์คนแรกที่มหาวิทยาลัยมอสโก

ใน 1799 Christian Goldbach ตีพิมพ์ New Celestial Atlas (Neuster) ในเมืองไวมาร์ ฮิมเมลส์-แอตลาส) โดยมีสำเนาของกลุ่มดาวเฟลมสตีดที่แม่นยำพอสมควร ลักษณะเฉพาะของมันไม่ใช่แค่ภาพเชิงลบ (สีขาวบนพื้นดำ) เท่านั้น แต่ Semler ก็ใช้เทคนิคที่คล้ายกันในแผนที่ของปี 1731 Goldbach สร้างการ์ดแต่ละใบเป็นสองเวอร์ชัน:

ก) เฉพาะดาว (ไม่มีตารางและตัวเลข) และ

b) ตามเนื้อผ้า - มีภาพกลุ่มดาวซ้อนทับ

รูปที่ 1 1799 Goldbach_W_01 ซีกโลกเหนือ

ระนาบนี้ไม่ได้ระบุถึงตารางพิกัดเส้นศูนย์สูตร แม้ว่าระนาบจะถูกสร้างขึ้นตามแนวเส้นศูนย์สูตรก็ตาม
โดยทั่วไปแผนที่ - planispheres (กล่าวถึงก่อนหน้านี้) ของ Jamison 1822, Bode 1782-1805 และ Goldbach 1799 เกือบจะเหมือนกัน

• วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2019 เวลา 20:29 น

ตอนที่ 5 การหมุนรอบดวงอาทิตย์

เราทุกคนรู้อย่างแน่นอน และไม่เพียงแต่จากตำราดาราศาสตร์เท่านั้น เราได้รับการสอนมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องว่าโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์อย่างเคร่งครัดในวงโคจรที่แน่นอน ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดคำถามตามธรรมชาติเกี่ยวกับดวงอาทิตย์: มันหมุนรอบตัวเองหรือไม่? แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นประมาณไหนล่ะ? ดวงอาทิตย์หมุนรอบแกนของมันหรือไม่?
วิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการตอบคำถามเหล่านี้อย่างไร

ข้าว 1. เซลลาเรียส_ฮาร์โมเนีย_มาโครคอสมิกา-ไทโคนิส_บราเฮ_แคลคูลัส

เกี่ยวกับแนวคิด” ดวงอาทิตย์“คุณสามารถอ่านได้มากมายในวิกิพีเดีย: เกี่ยวกับโครงสร้าง บรรยากาศ สนามแม่เหล็ก เกี่ยวกับการศึกษาดวงอาทิตย์และสุริยุปราคา เกี่ยวกับความสำคัญในศาสนาและไสยศาสตร์ เกี่ยวกับสองเท่าของมัน และแม้แต่เกี่ยวกับนิวตริโนจากแสงอาทิตย์ คุณต้องการอะไรอีก? แต่มันหมุนได้อย่างไรและมันหมุนเลยเหรอ?
หากคุณพิมพ์ "Rotation of the Sun" ลงในเสิร์ชเอ็นจิ้นด้วยเหตุผลบางประการ Wikipedia ก็เกิดการตกตะกอนพูดถึงการหมุนของโลกรอบดวงอาทิตย์ (เอาล่ะ "ฉันโง่") และเชิญชวนให้ฉันสร้าง หัวข้อตัวเอง...

ถึงกระนั้น ดวงอาทิตย์ก็หมุนรอบแกนของมัน นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปนี้

น่าสนใจ, การศึกษาการหมุนรอบดาวฤกษ์ดำเนินการอย่างไร?
()

• วันที่ 15 มกราคม 2561 เวลา 15:25 น

ตอนที่ 4
การออกเดทของแคตตาล็อกสตาร์
ทัศนศึกษาสั้น ๆ ในประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ภายใต้แสงของ NH

เรารู้แคตตาล็อกดาวอะไรบ้าง

มีความเชื่อกันว่า แคตตาล็อกดาว Almagest- นี่เป็นงานทางดาราศาสตร์ที่มีรายละเอียดที่เก่าแก่ที่สุดที่มาหาเรา
การนัดหมายของชาวสกาลิเกเรียนของอัลมาเจสต์นั้นเกิดขึ้นราวๆ คริสต์ศตวรรษที่ 2
ตามการออกเดทเดียวกัน - ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 10 ไม่รู้จักแคตตาล็อกดาวอื่นนอกจากแคตตาล็อก Almagest

เฉพาะในศตวรรษที่ 10 เท่านั้นที่เป็นแคตตาล็อกดาวฤกษ์ยุคกลางดวงแรกที่สร้างขึ้นโดยนักดาราศาสตร์ชาวอาหรับ Abdul-al-Raman ben Omar ben-Muhammad ben-Sala Abdul-Husayn al-Sufi (ชื่อเต็ม) ในกรุงแบกแดดซึ่งถูกกล่าวหาว่าในปี 903-986 .
อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ปรากฎว่านี่คือแคตตาล็อก Almagest เดียวกัน แต่ถ้าในรายการและรุ่นของ Almagest ที่มาหาเรา แคตตาล็อกดาวจะได้รับตาม precession ตามกฎแล้วประมาณ 100 AD แคตตาล็อกอัล Sufi- แคตตาล็อกเดียวกัน แต่ได้รับก่อนคริสตศตวรรษที่ 10 ข้อเท็จจริงนี้เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักดาราศาสตร์ การนำแคตตาล็อกไปสู่ยุคประวัติศาสตร์ที่ต้องการโดยพลการนั้นทำได้โดยใช้การดำเนินการทางคณิตศาสตร์ที่ง่ายที่สุด - โดยการเพิ่มค่าคงที่ที่แน่นอนให้กับลองจิจูดของดวงดาวทุกดวงตามที่อธิบายไว้ในรายละเอียดใน Almagest

ต่อไปจะพิจารณาตามลำดับเหตุการณ์ Scaliger-Petavius ​​​​ แคตตาล็อก Ulugbek(สมมุติว่า ค.ศ. 1394-1449 ซามาร์คันด์)

แคตตาล็อกทั้งสามนี้ไม่ถูกต้องมากนัก เนื่องจากพิกัดของดวงดาวถูกระบุในมาตราส่วนโดยเพิ่มทีละประมาณ 10 อาร์คนาที

แคตตาล็อกถัดไปที่มาถึงเราคือรายการที่มีชื่อเสียง แคตตาล็อก Tycho Brahe(ถูกกล่าวหาว่า 1546-1601) ความแม่นยำนั้นดีกว่าความแม่นยำของแคตตาล็อกทั้งสามรายการอยู่แล้ว แคตตาล็อกของ Brahe ถือเป็นจุดสุดยอดของความเชี่ยวชาญที่ทำได้โดยใช้เทคนิคและเครื่องมือสังเกตการณ์ในยุคกลาง

Almagest ของปโตเลมีเขียนเมื่อใด

"ต้นฉบับส่วนใหญ่ซึ่งเป็นพื้นฐานความรู้ของเราเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์กรีกเป็นสำเนาของไบแซนไทน์ซึ่งผลิตขึ้นในช่วง 500-1500 ปีหลังจากการเสียชีวิตของผู้เขียนของพวกเขา" (O. Neugebaier "วิทยาศาสตร์ที่แน่นอนในสมัยโบราณ")

ปโตเลมีร่วมกับฮิปปาร์คัส (สมมุติว่าศตวรรษที่ 2) ถือเป็นผู้ก่อตั้งวิทยาศาสตร์ดาราศาสตร์ และ "อัลมาเจสต์" (การทรงสร้างอันยิ่งใหญ่) ของเขาเป็นอนุสรณ์สถานอันเป็นอมตะของวิทยาศาสตร์โบราณ

()

• วันที่ 6 ธันวาคม 2560 เวลา 15:25 น

ส่วนที่ 3
อัลมาเกสต์แห่งปโตเลมี ปุ่มจุดอ้างอิงของเขาอยู่ที่ไหน?

ข้อมูลเกี่ยวกับความรู้ของ "ชาวกรีกโบราณ" เกี่ยวกับดวงดาวในปัจจุบันพบได้ในผลงานสองชิ้นที่มาหาเรา: "ความเห็นเกี่ยวกับ Aratus และ Eudoxus" ซึ่งเขียนโดย Hipparchus ประมาณ 135 ปีก่อนคริสตกาล และ "Almagest" โดยปโตเลมี

« อัลมาเจสต์"(lat. อัลมาเจสต์, จากภาษาอาหรับ. الكتاب المجستي‎, อัล-กีตาบู-ล-มิจิสติ — « รูปแบบการเล่นที่ยอดเยี่ยม" โครงสร้างทางคณิตศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของดาราศาสตร์มีอยู่ในหนังสือ 13 เล่ม เล่มเต็มมีความหนา 430 หน้าเป็นฉบับสมัยใหม่ขนาดใหญ่ นี่เป็นผลงานคลาสสิกที่ปรากฏราวปี ค.ศ. 140 (ตามลำดับเหตุการณ์ Scaligerian - CX) และรวมเอาความรู้ทางดาราศาสตร์อย่างครบถ้วนเกี่ยวกับกรีซและตะวันออกกลางในขณะนั้น

เชื่อกันว่าหนังสืออัลมาเจสต์เขียนโดยนักดาราศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และนักภูมิศาสตร์ชาวอเล็กซานเดรีย คลอดิอุส ปโตเลมี หรือปโตเลมี นักประวัติศาสตร์ระบุกิจกรรมของเขาในคริสตศตวรรษที่ 2 ตามที่นักประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์กล่าวไว้ “ประวัติศาสตร์ได้จัดการกับบุคลิกภาพและผลงานของปโตเลมีในลักษณะที่ค่อนข้างแปลก นักประวัติศาสตร์ในยุคนั้นไม่มีการเอ่ยถึงชีวิตและผลงานของเขาเลย... แม้แต่วันเดือนปีเกิดและความตายของปโตเลมีโดยประมาณก็ยังไม่ทราบ เพียงแต่ เนื่องจากไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประวัติของเขาเลย”

รายชื่อดาวของปโตเลมีมีอยู่ในหนังสือเล่มที่ 7 และ 8 ของ Almagest มีแคตตาล็อกดาว Almagest ที่เรียกว่า Canonical Edition ซึ่งจัดทำโดย Peters และ Knobel และ Almagest ฉบับสมบูรณ์สองฉบับในการแปลโดย R. Catesby Taliaferro และ Toomer
การแปลภาษารัสเซียของ Almagest ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในปี 1998 โดยมีจำนวนจำกัดมากเพียงหนึ่งพันเล่มเท่านั้น (ข้อความที่ตัดตอนมาด้านล่างจะมาจากสิ่งพิมพ์นี้)

ในลำดับเหตุการณ์ Scaligerian (SC) เชื่อกันว่า Almagest ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของจักรพรรดิแห่งโรมัน Antoninus Pius ซึ่งปกครองในปี ค.ศ. 138 - 161
เป็นเรื่องที่น่าสังเกตทันทีว่ารูปแบบวรรณกรรมของหนังสือเล่มนี้ซึ่งมีรายละเอียดและดอกไม้มากในสถานที่ต่างๆ ค่อนข้างพูดถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยามากกว่าสมัยโบราณที่ลึกซึ้ง เมื่อกระดาษ กระดาษหนัง และยิ่งกว่านั้นหนังสือเป็นวัตถุล้ำค่า

จากจุดเริ่มต้นของความคุ้นเคยกับ Almagest เป็นที่น่าสังเกตว่างานของปโตเลมีนั้นอุทิศให้กับท่านนั่นคือราชา ด้วยเหตุผลบางประการ นักประวัติศาสตร์จึงประหลาดใจมากว่าเรากำลังพูดถึงซาร์แบบไหนที่นี่ ความเห็นสมัยใหม่มีลักษณะดังนี้: " ชื่อนี้ (เช่น Sir = King) ค่อนข้างธรรมดาในอียิปต์ขนมผสมน้ำยาในช่วงที่อยู่ระหว่างการพิจารณา ไม่มีข้อมูลอื่นเกี่ยวกับบุคคลนี้ ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเรียนดาราศาสตร์หรือเปล่า”
หนังสือเล่มนี้จบลงอย่างน่าทึ่ง นี่คือบทส่งท้ายของมัน
"หลังจากที่เราทำทั้งหมดนี้แล้ว ข้าแต่ท่าน และได้ตรวจสอบเกือบทุกอย่างที่ควรพิจารณาในงานดังกล่าวแล้ว เวลาที่ผ่านไปมากเพียงใดที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการค้นพบหรือการชี้แจงของเรา มิได้กระทำขึ้นเพื่ออวดอ้าง แต่เพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ให้งานของเราในปัจจุบันได้รับจุดจบที่เหมาะสมและสมส่วนกัน ณ ที่นี้" (หน้า 428)

อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่ว่า Almagest มีความเกี่ยวข้องกับพระนามของกษัตริย์องค์หนึ่งได้รับการยืนยันจากเหตุการณ์ต่อไปนี้ ปรากฎว่าในสมัยโบราณตอนปลายและยุคกลางปโตเลมีก็ให้เครดิตกับต้นกำเนิดของราชวงศ์เช่นกัน นอกจากนี้ ชื่อปโตเลมีหรือปโตเลมียังถือเป็นชื่อสกุลของกษัตริย์อียิปต์ที่ปกครองอียิปต์ตามอเล็กซานเดอร์มหาราช
อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลของ SH กษัตริย์ปโตเลมีได้ออกจากที่เกิดเหตุประมาณ 30 ปีก่อนคริสตกาล นั่นคือมากกว่าหนึ่งศตวรรษก่อนนักดาราศาสตร์ปโตเลมี ดังนั้น มีเพียง SH เท่านั้นที่ป้องกันไม่ให้เราระบุยุคของกษัตริย์ทอเลมีด้วยยุคของนักดาราศาสตร์ปโตเลมี = ปโตเลมี เห็นได้ชัดว่าในยุคกลาง เมื่อ CX ยังไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น Almagest มีสาเหตุมาจากกษัตริย์ปโตเลมีโดยเฉพาะ ไม่ใช่ในฐานะนักเขียน แต่ในฐานะผู้จัดงานหรือลูกค้าของงานทางดาราศาสตร์ขั้นพื้นฐานนี้ นั่นคือเหตุผลที่ Almagest ได้รับการยกย่องและกลายเป็นผู้มีอำนาจที่เถียงไม่ได้มาเป็นเวลานาน แล้วจะชัดเจนว่าทำไมหนังสือเล่มนี้จึงเริ่มต้นและจบลงด้วยการถวายในหลวง = ท่าน กล่าวคือเป็นตำราเรียนดาราศาสตร์

คำถามก็คือ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อใด?

Almagest มีการนำเสนอโดยละเอียดเกี่ยวกับระบบศูนย์กลางโลกของโลก ซึ่งโลกอาศัยอยู่ที่ใจกลางจักรวาล และเทห์ฟากฟ้าทั้งหมดหมุนรอบมัน

() ()

• วันที่ 27 พฤศจิกายน 2017, 17:20 น

ส่วนที่ 2
แผนที่ภูมิศาสตร์ของปโตเลมี

นับตั้งแต่สมัยเรียน เราจำได้ว่าผลงานอันโด่งดังของนักดาราศาสตร์ชาวโปแลนด์ นิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส เรื่อง “On the Rotations of the Celestial Spheres” ถูกสั่งห้ามโดย Inquisition ในปี ค.ศ. 1616 หนังสือดังกล่าวได้ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อหนังสือต้องห้ามของโรมัน โคเปอร์นิคัสสร้างระบบเฮลิโอเซนทริกสำหรับโครงสร้างของจักรวาล และในความเป็นจริง ปฏิเสธระบบศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ซึ่งคลอเดียส ปโตเลมียึดถืออยู่ เพื่อสนับสนุนการทำนายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ตามสมมติฐานของการปฏิวัติรอบดวงอาทิตย์ ในที่สุดผลงานของนักเฮลิโอเซนติสต์ก็ถูกแยกออกจากดัชนีหนังสือต้องห้ามในปี พ.ศ. 2378 เท่านั้น

เราคุ้นเคยกับข้อเท็จจริงที่ว่าโคเปอร์นิคัส (คู่แข่ง) ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคริสตจักรคาทอลิกได้ประกาศให้เป็นคนนอกรีตหลังมรณกรรมนั้น "เป็นคนดี" และในทางกลับกัน ปโตเลมี ผู้เป็นบรรพบุรุษของเขากลับปรากฏว่าเป็นคนโง่เขลาหนาแน่นและเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของ ศาสตร์. ในขณะเดียวกัน นักบุญเอพิฟาเนียสแห่งไซปรัส บิดาผู้มีชื่อเสียงของคริสตจักรและนักสู้ที่โดดเด่นในการต่อต้านลัทธินอกรีตถือว่าปโตเลมีเองและผู้ติดตามของเขาเป็นคนนอกรีตโดยไม่ลังเลใจเพราะพวกเขาอ้างว่าสามารถทำนายการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์โดยใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้ ในงานของเขา "Panarion" ซึ่งอุทิศให้กับการเปิดเผยของคนนอกรีต 80 คน Epiphanius เขียน:

ผู้สืบทอดของ Secundus และ Epiphanes ที่มีชื่อซึ่งรับคำแนะนำจาก Isidore เป็นพื้นฐานของความคิดเห็นของพวกเขาคือปโตเลมีซึ่งอยู่ในลัทธินอกรีตของสิ่งที่เรียกว่านอสติกและผู้ติดตามของวาเลนตินัสร่วมกับคนอื่น ๆ แต่ยังเพิ่มบางสิ่งบางอย่างด้วย แตกต่างเมื่อเปรียบเทียบกับครูของเขา การอวดพระนามของพระองค์ และบรรดาผู้ที่ไว้วางใจพระองค์ เรียกอีกอย่างว่า ปโตเลมี (Πτοлεμαῖοι)...

หลังจากกำหนดแนวคิดพื้นฐานไปแล้วในส่วนที่แล้ว เราจะกลับมาที่ "ภูมิศาสตร์" โดย Claudius Ptolemy แล้วลองค้นหาว่าข้อมูลถูกเก็บรวบรวมในทางเทคนิคด้วยวิธีใด

ข้อเสียเปรียบหลักของการแปล "ภูมิศาสตร์" ที่ต่างกันและหลายภาษาของ Claudius Ptolemy (ปโตเลมี) ที่มาหาเราคือการไม่มีแผนที่โบราณอย่างแท้จริงที่แสดงให้เห็นถึง "ภูมิศาสตร์" หรือสำเนาของพวกเขา นักวิทยาศาสตร์เริ่มเปรียบเทียบการแปล "ภูมิศาสตร์" อย่างเต็มรูปแบบเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 เท่านั้น การศึกษาภูมิศาสตร์ของปโตเลมีอย่างครอบคลุมคือหนังสือของ Paul Schnabel (Schnabel, 1939) ในผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาหลายฉบับ บางครั้งมีการแทรกแผนที่เข้าไปด้วย (สันนิษฐานว่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เป็นต้นไป) แผนที่ที่ใกล้เคียงกับต้นฉบับมากที่สุดมาจากสำนักพิมพ์ Dover Publication Inc, N-Y, E. L. Stevenson (ตีพิมพ์ในปี 1932) - แผนที่ของ N. Donnus จากต้นฉบับ Codex Ebnerianus ซึ่งสืบเนื่องกันมายาวนานถึงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15 นี่เป็นการวางตำแหน่งจุดต่างๆ จากภูมิศาสตร์โดยตรง ในภาพฉายรูปกรวยที่ตั้งชื่อตาม Donnus และใช้ในสิ่งพิมพ์ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 มีจุดพิกัดของการตั้งถิ่นฐาน แหลม ภูเขา ทะเลสาบ ปากน้ำ และแหล่งที่มาของแม่น้ำมากกว่า 8,000 จุด ภาพประกอบแรกๆ บางส่วนของ "ภูมิศาสตร์" มีสาเหตุมาจาก "ช่างเครื่อง" Agathodemon คนหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าสร้างแผนที่ของ โลกภายใน 180 และแนบไปกับงานปโตเลมี

แผ่นหนึ่งของแผนที่ Donnus (ประมาณปี 1460) เป็นภาพแอฟริกา

คลอดิอุส ปโตเลมี (พวกเขาซ่อนว่ายไปข้างหน้าถอยหลัง
และบางครั้งพวกเขาก็หยุด
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่เจ็ดติดต่อกัน
โลกเป็นดาวเคราะห์หรือไม่?

คลอดิอุส ปโตเลมี(กรีกโบราณ Κλαύδιος Πτολεμαῖ ος, lat. Claudius Ptolemaeus,)
จากวิกิพีเดีย เรารู้ว่าปโตเลมีคนนี้เป็นนักดาราศาสตร์ โหราจารย์ นักคณิตศาสตร์ ช่างเครื่อง ช่างแว่นตา นักทฤษฎีดนตรี และนักภูมิศาสตร์ในยุคเฮลเลนิสติก อาศัยและทำงานในอเล็กซานเดรียแห่งอียิปต์ (ถูกกล่าวหาว่าอยู่ในช่วงปี 127-151) ซึ่งเขาได้ทำการสำรวจทางดาราศาสตร์
เขาเป็นผู้เขียนเอกสารโบราณคลาสสิก "Almagest" ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนากลศาสตร์ท้องฟ้าโบราณและรวบรวมความรู้ทางดาราศาสตร์ของกรีซและตะวันออกกลางเกือบทั้งหมดในยุคนั้น เขาทิ้งร่องรอยอันลึกซึ้งไว้ในโหราศาสตร์
ไม่มีการเอ่ยถึงชีวิตและผลงานของเขาในนักเขียนร่วมสมัย ในงานประวัติศาสตร์ของศตวรรษแรกคริสตศักราช คลอดิอุส ปโตเลมีบางครั้งมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ปโตเลมี แต่นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่เชื่อว่าสิ่งนี้เป็นข้อผิดพลาดเนื่องจากความบังเอิญของชื่อ ชื่อโรมัน (นามสกุล) คลอดิอุสแสดงให้เห็นว่าปโตเลมีเป็นพลเมืองโรมัน และบรรพบุรุษของเขาได้รับสัญชาติโรมัน ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะมาจากจักรพรรดิคลอดิอุส

งานหลักของปโตเลมีคือ "โครงสร้างทางคณิตศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของดาราศาสตร์ในหนังสือสิบสามเล่ม" ซึ่งเป็นสารานุกรมเกี่ยวกับความรู้ทางดาราศาสตร์และคณิตศาสตร์ของโลกกรีกโบราณ ระหว่างทางจากชาวกรีกไปจนถึงยุโรปยุคกลางผ่านชื่ออาหรับ "ไวยากรณ์ Megale" ("รูปแบบที่ยิ่งใหญ่") แปลงร่างเป็น "อัลมาเจสต์"
ในตอนแรก งานของปโตเลมีถูกเรียกว่า "คอลเลกชันทางคณิตศาสตร์ในหนังสือ 13 เล่ม" (กรีกโบราณ: Μαθηματικικης Συντάξεώς βιβγἱ α ιγ) ในสมัยโบราณตอนปลายงานนี้ถูกเรียกว่า “งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” เมื่อแปลเป็นภาษาอาหรับ คำว่า "ยิ่งใหญ่ที่สุด" (กรีกโบราณ μεγίστη, นักบวช) กลายเป็น " อัล-มะจิสติ" (อาหรับ: المجستي‎) ซึ่งแปลเป็นภาษาละตินว่า " อัลมาเจสต์"(lat. Almagest) ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นชื่อที่ยอมรับกันโดยทั่วไป

งานที่สำคัญอีกประการหนึ่งของปโตเลมี คู่มือภูมิศาสตร์ ในหนังสือแปดเล่มคือชุดความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของทุกสิ่งที่คนโบราณของโลกรู้จัก ในบทความของเขา ปโตเลมีได้วางรากฐานของภูมิศาสตร์คณิตศาสตร์และการทำแผนที่ เผยแพร่พิกัดแปดพันจุดจากสแกนดิเนเวียถึงอียิปต์และจากมหาสมุทรแอตแลนติกถึงอินโดจีน นี่คือรายชื่อเมืองและแม่น้ำที่มีลองจิจูดและละติจูดทางภูมิศาสตร์
เชื่อกันว่าจากข้อมูลที่กว้างขวางและรวบรวมอย่างระมัดระวัง คลอดิอุส ปโตเลมียังได้จัดทำแผนที่พื้นผิวโลก 27 แผนที่ ซึ่งยังไม่ได้ถูกค้นพบและอาจสูญหายไปตลอดกาล แผนที่ปโตเลมีกลายเป็นที่รู้จักจากคำอธิบายในภายหลังเท่านั้น (Borisovskaya N.A. แผนที่และแผนแกะสลักโบราณ - มอสโก: กาแล็กซี, 1992. - 272 หน้า - หน้า 7-8.) แม้ว่าข้อมูลและแผนที่นี้จะไม่ถูกต้องซึ่งรวบรวมมาจากเรื่องราวของนักเดินทางเป็นหลัก แต่ก็เป็นคนแรกที่แสดงให้เห็นถึงความกว้างใหญ่ของพื้นที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ของโลกและความเชื่อมโยงระหว่างกัน

เกี่ยวกับ "อวกาศ" โบราณ
ความเข้าใจผิดของโรงเรียนและคริสตจักรบางแห่งเป็นที่รู้จักกันดีเกี่ยวกับความไม่รู้ของ "นักวิทยาศาสตร์" โบราณเกี่ยวกับทรงกลมทางโลกและท้องฟ้าเกี่ยวกับแนวคิดของ "สมัยโบราณ" เกี่ยวกับภาพของโลกและท้องฟ้าในภาพแกะสลัก (แผนที่) โบราณ
ประการแรก มีความเข้าใจผิดอย่างกว้างขวางว่าคนโบราณมองว่าโลกแบน โดยมีช้าง 3 เชือกว่ายอยู่บนเต่าว่ายอยู่ในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ หรืออยู่ในรูปของหีบศพที่มีรูเจาะที่ฝาเพื่อเป็นตัวแทนของดวงดาว มีการอ้างอิงบ่อยครั้งถึงการตีพิมพ์หนังสือที่คล้ายกันจากภูมิประเทศของ Kozma Indikoplovst และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อความที่พิสูจน์ได้เกี่ยวกับโลกแบนทั้งในพระคัมภีร์และหนังสือในโบสถ์หรือบนไอคอนและจิตรกรรมฝาผนัง ในทางตรงกันข้าม ในภาพเขียนและไอคอนที่เก่าแก่ที่สุด เราสามารถเห็นกษัตริย์หรือพระกุมารเยซูบางประเภท โดยมีลูกกลมอยู่ในพระหัตถ์ อำนาจนี้เป็นแบบจำลองของโลกที่แบ่งออกเป็นสามส่วนของโลกที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ได้แก่ ยุโรป เอเชีย (เอเชีย) และเอธิโอเปีย (แอฟริกา) ไม้กางเขนด้านบนหมายความว่าประเทศเหล่านี้เป็นประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ทั้งหมด

()

ในบรรดาชาวกรีกโบราณ คลอดิอุส ปโตเลมีมีบุคลิกที่โดดเด่น ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากชีวิตของนักวิทยาศาสตร์คนนี้เป็นพยานถึงจิตใจและความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเขาในสาขาวิทยาศาสตร์ที่หลากหลาย นักดาราศาสตร์ นักโหราศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ นักภูมิศาสตร์ นอกเหนือจากวิทยาศาสตร์เหล่านี้แล้ว เขายังศึกษาดนตรี ศึกษาการมองเห็น และจัดการกับปัญหาด้านประชากรศาสตร์

คลอดิอุส ปโตเลมีคือใคร?

แทบไม่มีใครรู้เกี่ยวกับชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ชาวกรีกโบราณคนนี้เลย ชีวประวัติของเขายังคงเป็นปริศนาสำหรับนักประวัติศาสตร์ ยังไม่พบแหล่งที่มาที่กล่าวถึงปโตเลมี ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากชีวิตของชายผู้นี้สูญหายไป

สถานที่และวันเกิดของเขา, ครอบครัวที่เขาอยู่, ไม่ว่าเขาจะแต่งงานแล้ว, ไม่ว่าเขาจะมีลูกหรือไม่ - ไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย เรารู้เพียงว่าเขามีชีวิตอยู่ตั้งแต่ประมาณ 90 ถึง 170 AD มีชื่อเสียงหลังจาก 130 AD เป็นพลเมืองโรมันอาศัยอยู่เป็นเวลานานในอเล็กซานเดรีย (จาก 127 ถึง 151 AD) ซึ่งกำลังศึกษาอยู่

คำถามที่ว่าปโตเลมีอยู่ในตระกูลใดทำให้เกิดความขัดแย้งในหมู่นักวิทยาศาสตร์มากมาย ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากชีวิตของนักวิทยาศาสตร์พูดถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นลูกหลานของราชวงศ์ปโตเลมี อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันนี้ไม่มีหลักฐานเพียงพอ

ผลงานของนักวิทยาศาสตร์ที่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ผลงานทางวิทยาศาสตร์มากมายของชาวกรีกโบราณนี้มาถึงสมัยของเราแล้ว พวกเขากลายเป็นแหล่งข้อมูลหลักสำหรับนักประวัติศาสตร์ที่ศึกษาชีวิตของเขา

"The Great Collection" หรือ "Almagest" เป็นผลงานหลักของนักวิทยาศาสตร์ งานชิ้นเอกจำนวน 13 เล่มนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นสารานุกรมดาราศาสตร์โบราณอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีบทเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ได้แก่ ตรีโกณมิติ

"ทัศนศาสตร์" - หนังสือ 5 เล่มในหน้าซึ่งมีการอธิบายทฤษฎีเกี่ยวกับธรรมชาติของการมองเห็นเกี่ยวกับการหักเหของรังสีและภาพลวงตาเกี่ยวกับคุณสมบัติของแสงเกี่ยวกับกระจกแบนและกระจกนูน กฎแห่งการสะท้อนก็มีการอธิบายไว้ที่นั่นด้วย

"หลักคำสอนแห่งความสามัคคี" - ทำงานในหนังสือ 3 เล่ม น่าเสียดายที่ต้นฉบับไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ เราสามารถดูได้เฉพาะการแปลภาษาอาหรับแบบย่อซึ่งต่อมาได้แปล Harmonica เป็นภาษาละติน

“The Quadruple” เป็นผลงานเกี่ยวกับประชากรศาสตร์ ซึ่งกำหนดข้อสังเกตของ Ptalomey เกี่ยวกับอายุขัยและแบ่งหมวดหมู่อายุ

"Handy Tables" - ลำดับเหตุการณ์ของการครองราชย์ของจักรพรรดิโรมัน กษัตริย์มาซิโดเนีย เปอร์เซีย บาบิโลน และอัสซีเรียตั้งแต่ 747 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงช่วงชีวิตของคลอดิอุสเอง งานนี้มีความสำคัญมากสำหรับนักประวัติศาสตร์ ความถูกต้องของข้อมูลของเธอได้รับการยืนยันทางอ้อมจากแหล่งอื่น

"Tetrabiblos" - บทความเกี่ยวกับโหราศาสตร์ อธิบายการเคลื่อนที่ของเทห์ฟากฟ้า อิทธิพลของพวกมันที่มีต่อสภาพอากาศและต่อมนุษย์

“ภูมิศาสตร์” เป็นการรวบรวมข้อมูลทางภูมิศาสตร์ตั้งแต่สมัยโบราณจำนวน 8 เล่ม

งานที่หายไป

ปโตเลมีเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากหนังสือของเขากลายเป็นแหล่งความรู้หลักทางดาราศาสตร์จนถึงโคเปอร์นิคัส น่าเสียดายที่ผลงานบางส่วนของเขาสูญหายไป

เรขาคณิต - เขียนบทความอย่างน้อย 2 บทความในพื้นที่นี้ซึ่งไม่พบร่องรอย

มีงานเกี่ยวกับกลศาสตร์ด้วย ตามสารานุกรมไบแซนไทน์แห่งศตวรรษที่ 10 ปโตเลมีเป็นผู้แต่งหนังสือ 3 เล่มในสาขาวิทยาศาสตร์นี้ ไม่มีใครรอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้

คลอดิอุส ปโตเลมี: ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากชีวิต

นักวิทยาศาสตร์รวบรวมตารางคอร์ดเขาเป็นคนแรกที่ใช้การหารองศาเป็นนาทีและวินาที

กฎหมายที่เขาอธิบายนั้นใกล้เคียงกับข้อสรุปสมัยใหม่ของนักวิทยาศาสตร์มาก

คลอดิอุส ปโตเลมีเป็นผู้เขียนหนังสืออ้างอิงหลายเล่มซึ่งเป็นหนังสือใหม่ในสมัยนั้น เขาสรุปผลงานของฮิปปาร์คัส นักดาราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคโบราณ และรวบรวมรายชื่อดาวตามการสังเกตของเขา ผลงานของเขาเกี่ยวกับภูมิศาสตร์สามารถแสดงเป็นหนังสืออ้างอิงเฉพาะเจาะจงซึ่งเขาได้สรุปความรู้ทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนั้น

ปโตเลมีเป็นผู้คิดค้นแอสโตรลาบอนซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นแบบของแอสโตรลาบโบราณซึ่งเป็นเครื่องมือในการวัดละติจูด

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอื่น ๆ เกี่ยวกับปโตเลมี - เขาเป็นคนแรกที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการวาดแผนที่โลกบนทรงกลม ไม่ต้องสงสัยเลยว่างานของเขากลายเป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างโลก

นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่หลายคนเน้นย้ำว่าการเรียกปโตเลมีว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์นั้นเป็นเรื่องยาก แน่นอนว่าเขาค้นพบสิ่งสำคัญหลายประการด้วยตัวเขาเอง แต่ผลงานส่วนใหญ่ของเขามีความชัดเจนและมีความสามารถในการนำเสนอการค้นพบและการสังเกตของนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ เขาทำงานที่ยิ่งใหญ่ในการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกัน วิเคราะห์และทำการแก้ไขด้วยตนเอง ปโตเลมีเองก็ไม่เคยให้ความสำคัญกับงานเขียนของเขาเลย

ผู้มีจิตใจดีในด้านโบราณวัตถุ นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยผู้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เรานำเสนอข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับปโตเลมีม นี่คือสถานที่ตลอดจนเวลาประสูติของปโตเลมีดีไม่ทราบแน่ชัด

จากแหล่งต่าง ๆ เป็นไปได้ที่จะค้นหาเฉพาะอะไร ปโตเลมีมีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของอันโตนินาและเฮเดรียนชื่อเสียงนั้นมาถึงเขาในปีคริสตศักราช 129 และเขาเลือกอเล็กซานเดรียเป็นที่อยู่อาศัยและกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์

พระองค์สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 165

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือจากเอกสารทางประวัติศาสตร์การเปรียบเทียบและการวิเคราะห์ชื่อเราสามารถสรุปได้ว่าปโตเลมีเป็นของราชวงศ์แห่งปโตเลมี แต่ตัวเขาเองซ่อนมันไว้อย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเป็นที่รู้จักในฐานะนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่น และควรสังเกตว่าเขาประสบความสำเร็จ

ในสาขาดาราศาสตร์ ปโตเลมีได้สังเกตการณ์มากมายและรวมบันทึกทั้งหมดไว้ในหนังสือสิบสามเล่ม - ผลงานเกี่ยวกับดาราศาสตร์ Almagest ของปโตเลมีเป็นแบบจำลองที่น่าสนใจมากของจักรวาลด้วยการเคลื่อนที่ของเทห์ฟากฟ้าใกล้โลก การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์

ในหนังสือเกี่ยวกับการศึกษาภูมิศาสตร์ ปโตเลมีบรรยายภูมิศาสตร์โลก

แผนงานการทำแผนที่ที่นำเสนอโดยปโตเลมีในหนังสือเล่มนี้เป็นภาพโดยผู้เขียนและบรรยายอาณาเขตอันกว้างใหญ่ตั้งแต่หมู่เกาะคะเนรีไปจนถึงประเทศจีนอันยิ่งใหญ่จากอาร์กติกไปจนถึงหมู่เกาะอินเดียตะวันออก

Tetrobible ของปโตเลมีได้รับการตีพิมพ์ในบทความ 4 ฉบับ อย่างไรก็ตามปโตเลมีเองก็ถือว่าวิทยาศาสตร์นี้ไม่น่าเชื่อถืออย่างแน่นอน

มีแม้กระทั่งกรณีที่ทราบกันดีอยู่แล้วเมื่อ Lemonnier, Clay, Delambre และ Lalande กล่าวหาว่าปโตเลมีจัดสรรและปลอมแปลงการค้นพบโบราณของ Hipparchus

ผลงานหลายชิ้นของปโตเลมียังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ และสะท้อนให้เห็นในวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ตัวอย่างเช่น งานวิจัยของเขาเกี่ยวกับการหักเหของลำแสงเป็นพื้นฐานสำหรับการศึกษาและพัฒนาทัศนศาสตร์สมัยใหม่ การทดลองทางกายภาพ ฯลฯ งานวิจัยทั้งหมดของปโตเลมีได้รับการสนับสนุนจากข้อสรุปและแนวคิดที่ชัดเจน

เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่ว่าการศึกษาของปโตเลมีเหล่านี้จะทันเวลาแค่ไหนและไม่ว่าพวกเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากแค่ไหนไม่ว่าจะพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจและขัดแย้งอะไรในชีวประวัติของนักวิทยาศาสตร์คนนี้ผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเขาก็เป็นจุดเริ่มต้น สำหรับการค้นพบ การสร้างสรรค์ และการพัฒนาอันโดดเด่นมากมายที่รอดพ้นจากยุคสมัยของเรา

• กลับ

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์

ต้องขอบคุณความทุ่มเทและความทุ่มเทของนักวิทยาศาสตร์ในการทำงานที่ทำให้ความสำเร็จมากมายเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน โดยที่หากปราศจากสิ่งนี้แล้ว ก็ยากที่จะจินตนาการถึงชีวิตของเรา คุณสมบัติส่วนบุคคลที่สูงของพวกเขากลายเป็นตัวอย่างทั่วไปว่าบุคคลควรรับใช้สังคมอย่างแท้จริงอย่างไร ชีวิตทั้งชีวิตของผู้คนที่น่าอัศจรรย์เหล่านี้ ชะตากรรมที่ยากลำบาก การโต้เถียงกับสถานการณ์ต่างๆ แสดงให้เห็นถึงศรัทธาในพลังของวิทยาศาสตร์ และประโยชน์ที่งานของพวกเขาสามารถนำมาสู่มวลมนุษยชาติโดยรวม นักวิทยาศาสตร์แต่ละคนมีบุคลิกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจและบางครั้งก็น่าตกใจมากมายเกี่ยวข้องกัน ซึ่งเผยให้เห็นม่านของพื้นที่ที่น่าสนใจเช่นวิทยาศาสตร์

คลอดิอุส ปโตเลมีอาศัยอยู่ในอเล็กซานเดรียในคริสตศักราช 150 นักวิทยาศาสตร์สมัยโบราณผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มีความรอบรู้และมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์มากมาย ผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขาที่รอดมาจนถึงทุกวันนี้:
1. ดาราศาสตร์: Almagest ของปโตเลมีถือเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในดาราศาสตร์โบราณ ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ: เขาอธิบายแบบจำลองศูนย์กลางโลกของจักรวาล อธิบายการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์รอบโลก นอกจากนี้ยังมีรายการดาวฤกษ์ที่มีความสว่างในระดับลอการิทึม ผลงานตีพิมพ์ในเล่ม 13

2. ภูมิศาสตร์: ปโตเลมีบรรยายภูมิศาสตร์โลกในสมัยนั้นในหนังสือของเขาชื่อภูมิศาสตร์ แผนที่ที่ปโตเลมีมอบให้ครอบคลุมลองจิจูด 180 องศาจากหมู่เกาะคานารีถึงจีน และละติจูด 80 องศาจากอาร์กติกไปจนถึงอินเดียตะวันออก

3. โหราศาสตร์: บทความเกี่ยวกับโหราศาสตร์ของปโตเลมีเรียกว่า Tetrobible หนังสือเล่มนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาโหราศาสตร์ในทางปฏิบัติ ปโตเลมีปฏิเสธวิธีการที่ไม่มีพื้นฐานเชิงตรรกะ และยังเชื่อว่าโหราศาสตร์ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้อย่างแน่นอน มีหนังสือสี่เล่มในบทความนี้

รุ่นที่ 2:

ไม่ทราบสถานที่และเวลาเกิดของปโตเลมีนักดาราศาสตร์ที่ได้รับความเคารพมานานหลายศตวรรษจนผู้ชื่นชมจำนวนมากเรียกเขาว่าศักดิ์สิทธิ์ สิ่งที่ถือได้ว่าเป็นความจริงก็คือเขาอาศัยอยู่ภายใต้เฮเดรียนและอันโตนินัส มีชื่อเสียงในปีคริสตศักราช 130 และเสียชีวิตหลังวันที่ 22 มีนาคม ค.ศ. 165

ยังไม่ทราบรายละเอียดของชีวประวัติของเขา แต่มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ นักเขียนบางคนบนพื้นฐานของความคล้ายคลึงกันของชื่อแย้งว่าเขาอยู่ในราชวงศ์ของปโตเลมี แต่ซ่อนผู้มีชื่อเสียงในต้นกำเนิดของเขาต้องการที่จะมีชื่อเสียงในด้านการเรียนรู้ของเขาจึงใช้เวลาทั้งชีวิตไตร่ตรองท้องฟ้าสังเกตมันใน สาขาหนึ่งของวิหารอียิปต์ที่คาโนปัส ปโตเลมีเรียกงานหลักของเขาอย่างถ่อมตัวว่า "การรวบรวมหรือไวยากรณ์ทางคณิตศาสตร์" นักแปลภาษาอาหรับเปลี่ยนมันให้เป็น "การสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่" และชื่อนี้ (Almagest) ยังคงอยู่กับเขาตลอดไป

Almagest ได้รับความเคารพอย่างสูงในภาคตะวันออกถึงขนาดที่คอลีฟะห์ที่ได้รับชัยชนะซึ่งสรุปสันติภาพกับจักรพรรดิไบแซนไทน์ได้เรียกร้องสำเนาผลงานสร้างสรรค์ของปโตเลมี

ในอัลมาเจสต์ ปโตเลมีได้สรุประบบโลกของเขาอย่างชัดเจนโดยมีคำถามมากมายที่เกี่ยวข้อง และยังประกอบด้วยคำอธิบายของขีปนาวุธที่ปโตเลมีเห็นว่าจำเป็นสำหรับการสังเกตที่แม่นยำ

หากนักดาราศาสตร์ต้องการศึกษา Almagest ในรายละเอียดทั้งหมดไม่เพียง แต่เพื่อความรู้ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเพื่อดึงข้อมูลจากมันเพื่อการวิจัยของเขาด้วย ความรุ่งโรจน์ของปโตเลมีดูเหมือนจะเป็นที่น่าสงสัยสำหรับเขา เคปเลอร์เมื่อเห็นว่าการสรุปข้อสรุปของปโตเลมีกับข้อสังเกตล่าสุดนั้นยากเพียงใด จึงไม่ต้องการที่จะรุกล้ำผู้มีชื่อเสียงของนักดาราศาสตร์ชาวอเล็กซานเดรียน และแนะนำว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นบนท้องฟ้าตลอดระยะเวลาสิบห้าศตวรรษ แต่ Clay, Lemonnier, Lalande และ Delambre ไม่ได้ผ่อนปรนมากนัก พวกเขากล่าวหาว่าปโตเลมีบิดเบือนข้อสังเกตโบราณของ Hipparchus จัดสรรบางส่วนและปกปิดสิ่งที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีของเขา จากนี้ข้อพิพาทเกิดขึ้นระหว่างนักวิทยาศาสตร์ชั้นหนึ่งซึ่งจบลงด้วยความจริงที่ว่าความรุ่งโรจน์ของปโตเลมีโบราณนั้นลดน้อยลงอย่างมากและความเป็นเอกก็มอบให้กับฮิปปาร์คัสเก่า ผลงานอื่นๆ ของปโตเลมีมาถึงเราเฉพาะในการแปลภาษาอาหรับเท่านั้น ในจำนวนนี้ เราจะกล่าวถึงเฉพาะ "ทัศนศาสตร์" ของเขาเท่านั้น ซึ่งเป็นคำแปลภาษาละตินที่เก็บไว้ในห้องสมุดปารีส และดูเหมือนว่าจะอยู่ในห้องสมุดแห่งหนึ่งในอิตาลี หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยตารางการหักเหของแสงเมื่อผ่านจากอากาศสู่น้ำและแก้ว ดังนั้นทัศนศาสตร์ของปโตเลมีจึงเป็นงานเดียวที่ชัดเจนว่าชาวกรีกโบราณมีส่วนร่วมในการทดลองทางกายภาพ ที่นี่เราพบแนวคิดที่ชัดเจนเกี่ยวกับการหักเหของแสงในบรรยากาศ: ขนาดการหักเหของแสงไม่ถูกต้อง แต่ปโตเลมีรู้อย่างถูกต้องว่าการหักเหของแสงจะเพิ่มขึ้นจากจุดสุดยอดไปจนถึงขอบฟ้า และเมื่อถึงจุดสุดยอดแสงจะไม่เปลี่ยนทิศทาง

รุ่นที่ 3:

ปโตเลมี คลอดิอุส (ราวปี 90 – ประมาณปี 168) นักดาราศาสตร์ นักภูมิศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกโบราณ ผู้เขียนบทความ "Guide to Geography" ในหนังสือ 8 เล่มซึ่งเขาให้คำจำกัดความวิทยาศาสตร์ตรวจสอบหัวข้อและวิธีการของมันขยายและแก้ไขแนวคิดเกี่ยวกับโลกที่มีอยู่ตรงหน้าเขาอย่างมีนัยสำคัญเสนอโครงร่างการทำแผนที่ใหม่วางรากฐานของภูมิภาค ภูมิศาสตร์และยังมีรายการ o.c. 8,000 เมืองและท้องถิ่นที่ระบุพิกัดทางภูมิศาสตร์ บทความนี้มาพร้อมกับแผนที่ทั่วไปหนึ่งแผนที่และแผนที่พิเศษ 26 แผนที่ของพื้นผิวโลก ถูกค้นพบในยุคกลาง และทำหน้าที่เป็นรากฐานมาเป็นเวลานาน แหล่งที่มาของข้อมูลทางภูมิศาสตร์ พื้นฐานอื่นๆ งานของปโตเลมี – « การสร้างดาราศาสตร์ทางคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในหนังสือ 13 เล่ม” หรือ “Almagest” มันสร้างระบบ geocentric ของโลก เกี่ยวกับชีวิตของปโตเลมีมีคนรู้น้อยมาก เชื่อกันว่าเขาเกิดที่เมืองปโตเลมานด์แห่งอียิปต์และใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในเมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งเขาศึกษาต้นฉบับในห้องสมุดที่มีชื่อเสียง

ภูมิศาสตร์. สารานุกรมภาพประกอบสมัยใหม่ - ม.: รอสแมน. เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์. เอ.พี. กอร์คินา 2549.

ปโตเลมี คลอดิอุส (ในภาษาละติน Claudius Ptolemaeus) (เจริญรุ่งเรืองใน ค.ศ. 127–148) นักดาราศาสตร์และนักภูมิศาสตร์ชื่อดังในสมัยโบราณ ซึ่งความพยายามของเขาที่ทำให้ระบบศูนย์กลางศูนย์กลางจักรวาล (มักเรียกว่าปโตเลมีอิก) ได้มาซึ่งรูปแบบสุดท้าย ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับที่มา สถานที่ และวันเดือนปีเกิดและการตายของปโตเลมี วันที่ 127–148 ได้มาจากข้อสังเกตของปโตเลมีในและรอบๆ อเล็กซานเดรีย แคตตาล็อกดาวของเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานดาราศาสตร์ Almagest ลงวันที่ 137 อื่น ๆ ทั้งหมด ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตของปโตเลมีมาจากแหล่งภายหลังและค่อนข้างน่าสงสัย กล่าวกันว่าพระองค์ยังมีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของมาร์คุส ออเรลิอุส (ค.ศ. 161–180) และสิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุ 79 พรรษา จากนี้เราสามารถสรุปได้ว่าเขาเกิดเมื่อปลายศตวรรษที่ 1 ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดของปโตเลมีคือ Almagest และ Geography ซึ่งกลายเป็นความสำเร็จสูงสุดของวิทยาศาสตร์โบราณในสาขาดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ ผลงานของปโตเลมีถือว่าสมบูรณ์แบบมากจนครอบงำวิทยาศาสตร์มาเป็นเวลา 1,400 ปี ในช่วงเวลานี้ แทบไม่มีการแก้ไขภูมิศาสตร์อย่างจริงจัง และความสำเร็จทั้งหมดของนักดาราศาสตร์ชาวอาหรับก็ลดลงเหลือเพียงการปรับปรุง Almagest เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าปโตเลมีเป็นผู้มีอำนาจที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดในวิทยาศาสตร์โบราณทั้งหมด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกเขาว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ หรือนักภูมิศาสตร์ที่เก่งกาจ พรสวรรค์ของเขาคือความสามารถในการรวบรวมผลการวิจัยของรุ่นก่อนๆ ใช้มันเพื่อปรับแต่งข้อสังเกตของเขาเอง และนำเสนอสิ่งทั้งหมดเป็นระบบที่สมเหตุสมผลและสมบูรณ์ นำเสนอในรูปแบบที่ชัดเจนและขัดเกลา ผลงานด้านการศึกษาและการอ้างอิงที่ยอดเยี่ยมที่เขาสร้างขึ้นทำให้สามารถรักษาระดับความรู้ที่ค่อนข้างสูงในวิชาที่เกี่ยวข้องได้ อาจกล่าวได้ว่ายุคใหม่ของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในพื้นที่เหล่านี้เริ่มต้นด้วยการล้มล้างอำนาจของ Almagest และภูมิศาสตร์

อัลมาเจสต์. ชื่อนี้เป็นการรวมกันของคำนำหน้านามเฉพาะภาษาอาหรับและคำภาษากรีก "megiste" ซึ่งแปลว่า "ยิ่งใหญ่ที่สุด" (หมายถึง "syuntaxis" ซึ่งเป็นระบบเนื่องจากชื่อดั้งเดิมของงานคือ ไวยากรณ์ทางคณิตศาสตร์, เช่น. ระบบคณิตศาสตร์). งานนี้จุดสุดยอดความพยายามหลายศตวรรษของนักดาราศาสตร์ชาวกรีกในการอธิบายการเคลื่อนที่ที่ซับซ้อนของดวงดาว ประกอบด้วยหนังสือ 13 เล่มซึ่งไม่เพียงแต่อธิบายเท่านั้น แต่ยังวิเคราะห์ความรู้ทางดาราศาสตร์ทั้งหมดในยุคนั้นด้วย ดูเพิ่มเติมที่ ดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์
หนังสือ I และ II ของ Almagest ทำหน้าที่เป็นบทนำซึ่งอธิบายสมมติฐานทางดาราศาสตร์หลักของปโตเลมีและวิธีการทางคณิตศาสตร์ของเขา เขานำเสนอหลักฐานของเขาเกี่ยวกับสภาพทรงกลมของโลกและท้องฟ้า รวมถึงตำแหน่งศูนย์กลางของโลกในจักรวาล ปโตเลมีเชื่อว่าโลกไม่มีการเคลื่อนไหว และท้องฟ้าหมุนรอบแกนท้องฟ้าทุกวัน ในเล่ม 1 มีตารางคอร์ดสำหรับส่วนโค้งที่รองรับมุมตั้งแต่ 1/2 ถึง 180 องศา โดยเพิ่มขึ้นทีละ 1/2° ซึ่งเทียบเท่ากับตารางไซน์สำหรับครึ่งมุม แนวคิดสำหรับโต๊ะนี้นำมาจากงานที่สูญหายของนักดาราศาสตร์ชาวกรีกชื่อ Hipparchus (ประมาณ 190 – หลัง 126 ปีก่อนคริสตกาล) มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการพัฒนาตรีโกณมิติต่อไป เล่มที่ 2 มีวิธีภูมิศาสตร์ทางคณิตศาสตร์ เช่น การกำหนดวันที่ยาวนานที่สุดของปีสำหรับจุดหนึ่งด้วยละติจูดที่กำหนด และการกำหนดละติจูด (“ภูมิอากาศ”) ในเขตที่มีผู้คนอาศัยของโลก โดยอาศัยข้อมูลตามระยะเวลาของวันที่ยาวนานที่สุดในหนังสือเหล่านี้ โซน
เล่มที่ 3 และ 4 กล่าวถึงการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ปโตเลมีใช้ทฤษฎีของฮิปปาร์คัสเพื่ออธิบายความผิดปกติของการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ (เกิดจากความเป็นจริงด้วยวงรีของวงโคจรของโลก) โดยใช้สมมติฐานเรื่องอีพิไซเคิลและพิสดาร ทฤษฎีการปฏิวัติดวงจันทร์ของปโตเลมีนั้นซับซ้อนกว่ามาก เขาเสนอว่าดวงจันทร์เคลื่อนที่ไปตามวงจรอีพิเคิล ซึ่งศูนย์กลางเคลื่อนจากตะวันตกไปตะวันออกตามแนวพิสดารที่คล้อยตาม ในทางกลับกัน ศูนย์กลางของการหมุนรอบโลกจากตะวันออกไปตะวันตก และกลไกทั้งหมดนี้อยู่ในระนาบการเคลื่อนที่ที่ชัดเจนของดวงจันทร์ สำหรับผู้สังเกตการณ์บนโลก การเคลื่อนไหวที่ตรงกันข้ามของศูนย์กลางของอีพิไซเคิลและการเคลื่อนที่ที่คล้อยตามจะหักล้างซึ่งกันและกันด้วยความเคารพต่อเส้นที่เชื่อมระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ดังนั้น อีพิไซเคิลจึงอยู่ที่จุดสูงสุดของความผิดปกติในช่วงเวลาของพระจันทร์ใหม่และพระจันทร์เต็มดวง และที่จุดสิ้นสุดของไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย โครงการนี้เอาชนะข้อเสียเปรียบหลักของทฤษฎีการปฏิวัติดวงจันทร์ของ Hipparchus ได้สำเร็จและคำนึงถึง "การแกว่ง" เป็นระยะ ๆ ของจุดสูงสุดทางจันทรคติซึ่งต่อมาเรียกว่า evection ซึ่งปโตเลมีได้รับค่าที่ถูกต้องเกือบ
ในเล่มที่ 5 มีการพูดคุยกันในหัวข้อต่างๆ: การสร้างทฤษฎีการปฏิวัติของดวงจันทร์ยังคงดำเนินต่อไป, อธิบายการออกแบบของดวงดาว, ขนาดของเงาของดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์และโลก, เส้นผ่านศูนย์กลางของดวงอาทิตย์, ดวงจันทร์และโลก ตลอดจนประมาณระยะทางถึงดวงอาทิตย์ด้วย เล่มที่ 6 กล่าวถึงสุริยุปราคาและจันทรุปราคาโดยเฉพาะ เล่มที่ 7 และ 8 อธิบายดวงดาวตามกลุ่มดาว ละติจูดและลองจิจูดของดาวฤกษ์แต่ละดวงมีหน่วยเป็นองศาและนาที และขนาดจะอยู่ในช่วง 1 ถึง 6 ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าแคตตาล็อกนี้เป็นผลจากการสังเกตของปโตเลมีมากน้อยเพียงใด และเงินจำนวนเท่าใดที่ยืมมาจากฮิปปาร์คัส โดยคำนึงถึงความเจริญรุ่งเรืองในช่วงสามศตวรรษที่ผ่านมา มีการกล่าวถึงการเคลื่อนตัวของวิษุวัต โครงสร้างของทางช้างเผือก และการออกแบบลูกโลกท้องฟ้าด้วย
หนังสือ IX-XIII อุทิศให้กับการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์ ซึ่งเป็นปัญหาที่ Hipparchus ทิ้งไว้โดยไม่ได้คำนึงถึง เล่มที่ 9 ตรวจสอบลำดับของดาวเคราะห์ (ระยะห่างจากโลก) ระยะเวลาของการปฏิวัติ ที่นี่ผู้เขียนเริ่มทฤษฎีการปฏิวัติของดาวพุธ เล่ม X อุทิศให้กับดาวศุกร์และดาวอังคาร ส่วน Book XI อุทิศให้กับดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ เล่ม 12 กล่าวถึงการเคลื่อนที่นิ่งและถอยหลังของดาวเคราะห์แต่ละดวง รวมถึงการยืดตัวสูงสุดของดาวพุธและดาวศุกร์ แผนภาพพื้นฐานของปโตเลมีแสดงถึงดาวศุกร์และดาวเคราะห์ที่เหนือกว่าทั้งสามดวงเป็นวัตถุที่เคลื่อนที่จากตะวันตกไปตะวันออกในวงรอบเอพิไซเคิล ซึ่งมีศูนย์กลางเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันไปตามดาวเคราะห์ที่ผิดปกติ สันนิษฐานว่าศูนย์กลางของอีพิไซเคิลเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเชิงมุมคงที่ ไม่ใช่รอบศูนย์กลางของอีพิไซเคิลที่เลื่อนออกไป แต่รอบจุดที่วางอยู่บนเส้นตรงที่เชื่อมโลกกับศูนย์กลางของอีพิไซเคิลที่เลื่อนออกไป และเคลื่อนออกจากโลกเป็นสองเท่าของระยะทาง ระหว่างนั้นกับศูนย์กลางของผู้นับถือ อีพิไซเคิลและเดเฟอร์เรนต์มีความโน้มเอียงไปยังสุริยุปราคาในมุมที่ต่างกัน รูปแบบการเคลื่อนที่ของดาวพุธนั้นซับซ้อนยิ่งขึ้น

ภูมิศาสตร์. ในสาขาความรู้ ภูมิศาสตร์ของปโตเลมีครอบครองสถานที่เดียวกับ Almagest ในทางดาราศาสตร์ เชื่อกันว่างานนี้มีการนำเสนอหัวข้อนี้อย่างสมบูรณ์และไม่มีข้อผิดพลาดในทางปฏิบัติ ดังนั้นจนกระทั่งถึงยุคเรอเนซองส์ ภูมิศาสตร์เชิงทฤษฎีจึงติดตามผลงานนี้อย่างทาส อย่างไรก็ตาม ตามบทความทางวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ด้อยกว่าอัลมาเจสต์อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าอัลมาเจสต์จะไม่สมบูรณ์ในแง่ของดาราศาสตร์ แต่ก็น่าสนใจจากมุมมองของคณิตศาสตร์ ในวิชาภูมิศาสตร์ ความสำเร็จทางทฤษฎีอยู่ร่วมกับการละเลยการประยุกต์ใช้อย่างจริงจัง ปโตเลมีเริ่มต้นด้วยการนำเสนอวิธีการทำแผนที่อย่างชัดเจน - กำหนดละติจูดและลองจิจูดทางดาราศาสตร์ของสถานที่และวิธีการวาดภาพพื้นผิวทรงกลมบนเครื่องบิน จากนั้นเขาก็ไปยังส่วนหลักของบทความของเขา ซึ่งสร้างขึ้นจากการคำนวณโดยประมาณของกะลาสีเรือและนักสำรวจ แม้ว่าปโตเลมีจะนำเสนอเนื้อหาของเขาในรูปแบบทางคณิตศาสตร์ และผลงานนี้ได้ให้รายชื่อสถานที่มากกว่า 8,000 ชื่อ เช่น เมือง เกาะ ภูเขา ปากแม่น้ำ ฯลฯ ที่น่าประทับใจ แต่ก็ถือว่าผิดหากคิดว่างานนี้นำเสนอการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากมีการนำเสนอแง่มุมทางทฤษฎีของการทำแผนที่ในหนังสือเล่มนี้ค่อนข้างน่าพอใจแม้แต่ในตำราเรียนประถมศึกษาสมัยใหม่ เราจึงมั่นใจได้ว่า: ปโตเลมีรู้ว่าในสมัยของเขาพิกัดที่แท้จริงของสถานที่ยังไม่ได้ถูกกำหนดอย่างถูกต้อง
ในหนังสือภูมิศาสตร์เล่มที่ 1 ปโตเลมีกล่าวถึงความน่าเชื่อถือในการกำหนดตำแหน่งสัมพัทธ์ของจุดต่างๆ บนโลกด้วยวิธีทางดาราศาสตร์ และจากการวัดระยะทางบนพื้นผิว และการประมาณเส้นทางที่นักเดินทางใช้ เขายอมรับว่าวิธีการทางดาราศาสตร์มีความน่าเชื่อถือมากกว่า แต่ชี้ให้เห็นว่าสถานที่ส่วนใหญ่ไม่มีข้อมูลอื่นใดนอกจากการคำนวณของนักเดินทาง ปโตเลมีถือว่าการควบคุมร่วมกันที่เชื่อถือได้มากที่สุดของวิธีการทางภาคพื้นดินและทางดาราศาสตร์ จากนั้นเขาจะให้คำแนะนำที่ชัดเจนในการสร้างแผนที่โลกบนทรงกลม (เหมือนกับลูกโลกสมัยใหม่) รวมถึงบนพื้นผิวเรียบโดยใช้เส้นโครงรูปกรวยหรือเส้นโครงทรงกลมที่ได้รับการปรับปรุง หนังสืออีกเจ็ดเล่มที่เหลือประกอบด้วยรายชื่อสถานที่ต่าง ๆ และพิกัดทางภูมิศาสตร์เกือบทั้งหมด
เนื่องจากข้อมูลส่วนใหญ่ได้มาจากนักเดินทาง (รวบรวมประมาณปี ค.ศ. 120 โดย Marinus of Tyre ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของปโตเลมี) แผนที่ของปโตเลมีจึงมีข้อผิดพลาดมากมาย ค่าเส้นรอบวงโลกที่เกือบจะถูกต้องซึ่งคำนวณโดย Eratosthenes นั้นถูกประเมินโดยโพซิโดเนียสต่ำไปมากกว่าหนึ่งในสี่ และค่าที่ประเมินต่ำไปนี้ถูกใช้โดยปโตเลมี เส้นลมปราณสำคัญของปโตเลมีตัดผ่านหมู่เกาะคานารี เนื่องจากขนาดที่เกินจริงของนักเดินทางในเอเชีย ปรากฏว่าโลกที่รู้จักในขณะนั้นขยายออกไปมากกว่า 180° (จริงๆ แล้ว 130°) ณ เส้นเมอริเดียนที่ 180 ของแผนที่ของเขาคือจีน ซึ่งเป็นผืนดินขนาดยักษ์ที่ทอดยาวจากด้านบนของแผนที่ไปจนถึงเส้นศูนย์สูตร ตามมาด้วยส่วนที่ไม่รู้จักของทวีปเอเชียทอดยาวออกไปอีก จนถึงบริเวณที่แสดงให้เห็นมหาสมุทรแปซิฟิกในปัจจุบัน นี่เป็นแนวคิดคลาสสิกของปโตเลมีที่เก็บรักษาไว้มานานหลายศตวรรษ โดยคำนึงถึงโลกในรูปทรงกลมที่ลดลงถึงหนึ่งในสี่เมื่อเทียบกับขนาดจริงและปกคลุมด้วยแผ่นดิน ซึ่งครอบครอง 2/3 ของซีกโลกเหนือ สิ่งนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสมีความมั่นใจว่าอินเดียจำเป็นต้องไปถึงด้วยการเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก ปโตเลมีมาพร้อมกับผลงานของเขาด้วยแผนที่ 27 แผนที่: แผนที่ภูมิภาคของยุโรป 10 แผนที่, แผนที่แอฟริกา 4 แผนที่, แผนที่เอเชีย 12 แผนที่และแผนที่สรุปของทั้งโลกที่รู้จักในเวลานั้น หนังสือเล่มนี้ได้รับอำนาจดังกล่าว แม้กระทั่งหนึ่งศตวรรษหลังจากการเดินทางของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส และมาเจลลัน ซึ่งล้มล้างหลักการพื้นฐานของภูมิศาสตร์ แผนที่ในสไตล์ปโตเลมียังคงได้รับการตีพิมพ์ ความคิดที่ผิดพลาดบางประการของเขาถูกทำซ้ำอย่างต่อเนื่องบนแผนที่ของศตวรรษที่ 17 และ 18 และสำหรับแอฟริกาภายในนั้น แผนที่ของเขาได้รับการตีพิมพ์แม้กระทั่งในศตวรรษที่ 19

งานอื่นๆ. ความเก่งกาจของปโตเลมีและพรสวรรค์อันน่าทึ่งของเขาในการนำเสนอที่ชัดเจนและกระชับยังปรากฏชัดในบทความอื่นๆ เช่น เกี่ยวกับทัศนศาสตร์และดนตรี งานด้านทัศนศาสตร์ยังคงมีอยู่ในการแปลภาษาละตินจากภาษาอาหรับเท่านั้น - และยังเป็นการแปลจากต้นฉบับภาษากรีกที่สูญหายไปอีกด้วย ประกอบด้วยหนังสือห้าเล่ม ซึ่งเล่ม 1 และเล่มท้ายเล่ม 5 สูญหายไป เล่มที่ 3 และ 4 เน้นเรื่องการสะท้อนแสง ปโตเลมีใช้การวัดเพื่อพิสูจน์ว่ามุมตกกระทบเท่ากับมุมสะท้อน เล่ม 5 เกี่ยวกับการหักเหของแสง อธิบายการทดลองเกี่ยวกับการหักเหของแสงในน้ำและกระจกในมุมตกกระทบต่างๆ และพยายามนำผลลัพธ์เหล่านี้ไปใช้ในทางดาราศาสตร์เพื่อประมาณระดับการหักเหของแสงที่มาจากดาวฤกษ์ผ่านชั้นบรรยากาศของโลก บทความของปโตเลมีเป็นงานที่สมบูรณ์ที่สุดเกี่ยวกับกระจกและเลนส์ที่เก็บรักษาไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ
ฮาร์โมนิกของปโตเลมีได้รับชื่อเสียงว่าเป็นบทความทางวิทยาศาสตร์และเรียบเรียงอย่างดีเกี่ยวกับทฤษฎีรูปแบบดนตรีที่ยังมีเหลืออยู่ในภาษากรีก นี่เป็นบทความที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับสองเกี่ยวกับดนตรีโบราณ รองจากผลงานของ Aristoxenus (ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช) อย่างไรก็ตาม งานของปโตเลมีเน้นการปฏิบัติมากกว่า ผลงานอื่นๆ ของปโตเลมีคือบทความเกี่ยวกับโหราศาสตร์ Apotelesmatics ในหนังสือสี่เล่มที่มักเรียกว่า Tetrabiblos งานนี้น่าเชื่อถือพอๆ กับ Almagest ในสาขาของตน

อิทธิพลของทฤษฎีของปโตเลมี
ผลงานของปโตเลมีครองตำแหน่งสูงสุดในสาขาวิทยาศาสตร์มาเป็นเวลาเกือบ 1,400 ปี แต่อิทธิพลของเขาต่อมุมมองทางสังคม การเมือง ศีลธรรม และเทววิทยานั้นยั่งยืนกว่าและคงอยู่จนกระทั่งการปฏิวัติในศตวรรษที่ 18 ทฤษฎีของปโตเลมีเกี่ยวกับโลกที่มีมานุษยวิทยาซึ่งอยู่ในจักรวาลที่มีศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์เริ่มแพร่หลาย โดยเฉพาะในสารานุกรมยุคกลาง การปรองดองหลักคำสอนของคริสเตียนกับมรดกโบราณที่ดำเนินการโดยอัลแบร์ตุส แมกนัส (ประมาณปี ค.ศ. 1193–1280) และโธมัส อไควนัส (ค.ศ. 1225–1274) ทำให้คำสอนของคนสมัยโบราณเป็นที่ยอมรับและมีประโยชน์สำหรับยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
การศึกษาจักรวาลได้นำไปสู่การแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับโลกรอบตัวเขา ลำดับของดาวเคราะห์ที่ปโตเลมีสร้างขึ้นและการสันนิษฐานของเขาเกี่ยวกับอิทธิพลของดาวเคราะห์แต่ละดวงที่มีต่อคนกลุ่มหนึ่งถูกตีความโดยคริสตจักรว่าเป็นส่วนหนึ่งของลำดับชั้นหรือห่วงโซ่ของการดำรงอยู่ที่ยิ่งใหญ่ ความเชื่อมโยงที่สูงที่สุดในสายโซ่นี้คือพระเจ้าและเหล่าทูตสวรรค์ ตามมาด้วยผู้ชาย ผู้หญิง สัตว์ พืช และสุดท้ายคือแร่ธาตุ หลักคำสอนนี้ประกอบกับเรื่องราวจากหนังสือปฐมกาลเกี่ยวกับการสร้างโลกใน 6 วันเป็นภูมิหลังหลักของกวีนิพนธ์และร้อยแก้วของยุโรปตั้งแต่ยุคกลางจนถึงศตวรรษที่ 18 เชื่อกันว่าสายโซ่อันยิ่งใหญ่ของการดำรงอยู่นั้นมีต้นกำเนิดมาจากพระเจ้า และได้กำหนดการแบ่งสังคมศักดินาออกเป็นสามชนชั้น ได้แก่ ชนชั้นสูง นักบวช และชนชั้นที่สาม ซึ่งแต่ละชนชั้นมีบทบาทของตัวเองในชีวิตของสังคม ทัศนะนี้หยั่งรากลึกในสังคมจนกาลิเลโอผู้ปกป้องทฤษฎีเฮลิโอเซนทริกของโคเปอร์นิคัส ถูกพิจารณาคดีโดยศาลพิจารณาคดีในกรุงโรมในปี 1616 และถูกบังคับให้ละทิ้งความคิดเห็นของเขา
หลักฐานที่แสดงถึงอิทธิพลของปโตเลมีต่อวรรณกรรมมีมากมายนับไม่ถ้วน ผู้เขียนบางคนชี้ตรงไปที่ปโตเลมีว่าเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด คนอื่นๆ เช่น ดันเต้และมิลตัน ทำให้จักรวาลของปโตเลมีเป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างโลกของตัวเอง ในงานของชอเซอร์มีการอ้างอิงถึงอัลมาเจสต์และมีการอ้างอิงถึงผลงานของปโตเลมี
แนวคิดเรื่องลำดับจักรวาลแทรกซึมงานทั้งหมดของอี. สเปนเซอร์ สำหรับเขา สิ่งมีชีวิตทั้งหมด “ถูกจัดเรียงในแถวที่ถูกต้อง” ผู้เขียนเอลิซาเบธพูดถึงความจำเป็นในการมีระเบียบและหลายระดับในห่วงโซ่ของการเป็นและเกี่ยวกับอิทธิพลของดวงดาวต่อชีวิตในฐานะเครื่องมือของความรอบคอบอันศักดิ์สิทธิ์ วีรบุรุษของเช็คสเปียร์อาศัยอยู่ในโลกของปโตเลมี ในบทที่ 8 ของ Paradise Lost ของมิลตัน อดัมแสดงความสงสัยเกี่ยวกับระบบปโตเลมี และเทวทูตราฟาเอลซึ่งห้ามเขาไว้ กลับไม่ได้พูดถึงความจริงของมันมากนัก แต่เกี่ยวกับเหตุผลและความเหมาะสมที่มากกว่าของระบบสำหรับการดำรงอยู่ของมนุษย์เมื่อเปรียบเทียบกับระบบเฮลิโอเซนตริก ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 18 ของสมเด็จพระสันตะปาปา ประสบการณ์เกี่ยวกับบุคคลร้องอุทาน: "โอ้ ห่วงโซ่แห่งการดำรงอยู่ที่ส่องแสง!" ซึ่งขาดไม่ได้สำหรับจักรวาล เนื่องจากมิฉะนั้น "ดาวเคราะห์ที่มีดวงอาทิตย์จะถูกสุ่มเลือก" และบุคคลจะจมอยู่ใน "ความเข้าใจผิดไม่มีที่สิ้นสุด"

วรรณกรรม
บรอนช์เทน วี.เอ. คลอดิอุส ปโตเลมี.ม., 1988
คลอดิอุส ปโตเลมี. อัลมาเจสต์. ม., 1998

สารานุกรมรอบโลก. 2551.

เชื่อกันว่า Hyperborea ตั้งอยู่ด้านหลังเทือกเขา Riphean นี่คือวิธีที่เทือกเขา Riphean เหล่านี้จินตนาการถึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ทะเลบอลติกเรียกว่ามหาสมุทรซาร์มาเทียน

คลอดิอุส ปโตเลมีและแผนที่ทางเหนือที่ถูกลืมของเขา

V.N. Tatishchev ชื่นชมคุณธรรมของนักภูมิศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักธรณีวิทยา และนักฟิสิกส์ชื่อดังในยุคโบราณอย่าง Claudius Ptolemy (ประมาณ 90–168) และจากหนังสือของเขาเขาได้แยกงานพื้นฐาน "Guide to Geography" ออกมาโดยเฉพาะ 74:

“ คลอดิอุสปโตเลมีเป็นคนแรกในบรรดานักภูมิศาสตร์ที่น่านับถือแม้ว่าก่อนหน้าเขาจะมีคนอธิบายทางภูมิศาสตร์มากมายดังที่เฮโรโดตุสสตราโบพลินีระบุไว้ข้างต้นและพวกเขากล่าวถึงนักเขียนจำนวนมากซึ่งมีหนังสือเพียงไม่กี่เล่มที่เหลืออยู่สำหรับเรา แต่ พระองค์นี้จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นพระองค์แรกที่พระองค์ทรงสถาปนาระบบแรกของโลกขึ้น”

Tatishchev V.N. ประวัติศาสตร์รัสเซียตั้งแต่สมัยโบราณ ต. 1.

ภาคผนวกที่สำคัญของ "คู่มือภูมิศาสตร์" ของเขาคือสิ่งที่เรียกว่าแผนที่ที่ดินซึ่งหันไปทางเหนือเป็นครั้งแรก เป็นที่ทราบกันดีว่าก่อนสมัยปโตเลมี แผนที่ส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศใต้ ไม่ค่อยไปทางทิศตะวันออก

ชะตากรรมของงานนี้น่าสนใจ ไม่นานหลังจากการปรากฏตัว งานของปโตเลมีชิ้นนี้ก็ถูกลืมไปอย่างไม่สมควรเป็นเวลาเกือบสิบสามศตวรรษหรือมากกว่านั้นจนกระทั่งถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จนกระทั่งปี 1409 Manuel Chrysoporus ได้แปลเป็นภาษาละติน ตั้งแต่นั้นมา "Guide to Geography" ได้รับการพิมพ์ซ้ำหลายสิบครั้ง และเนื่องจากมีแผนที่จำนวนมาก (มากกว่า 60 แห่ง) ชื่อของปโตเลมีจึงกลายเป็นชื่อที่ใช้ในครัวเรือน: คอลเลกชันแผนที่ทั้งหมดที่เราเรียกว่า atlases ถูกเรียกว่าปโตเลมีในยุคกลาง

แน่นอนว่าสิ่งที่เราสนใจเป็นพิเศษคือหนังสือเล่มที่ 3 ซึ่งปโตเลมีให้คำอธิบายเกี่ยวกับซาร์มาเทียซึ่งเขาตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำวิสตูลา (วิสตูลา) และแม่น้ำรา (โวลก้า) โดยแบ่งออกเป็นส่วนของยุโรปและเอเชียพร้อมกัน เหนือซาร์มาเทีย เขาชี้ให้เห็นว่า มีดินแดนที่เขาไม่รู้จัก ดังนั้นเราจะไม่พบคำอธิบายเกี่ยวกับดินแดนเหล่านั้นในหนังสือ ตามที่ V.N. Tatishchev จำเป็นต้องมีภายใต้ดินแดนที่ไม่รู้จัก " เฮโรโดตุส แปลว่าไซบีเรีย เรียกอิเปอร์บอเรีย" 75. ตาม Tatishchev เราสามารถเพิ่ม: ... และทางตอนเหนือของยุโรปสมัยใหม่

เมื่อพูดถึงประชากรของซาร์มาเทียปโตเลมีเช่นเดียวกับทาสิทัสชี้ไปที่ฟินน์โดยจำแนกพวกเขาไม่ได้เป็นกลุ่มหลักเช่นเวนด์ (เชื่อกันว่าสิ่งเหล่านี้เป็นบรรพบุรุษของชาวสลาฟ) ร็อคโซลันส์, ยาซิกิสและไซเธียน อลันส์ และถึง " ชนเผ่าที่มีความสำคัญน้อยกว่า" 76 .

“ ชนเผ่าที่มีความสำคัญน้อยกว่าที่อาศัยอยู่ในซาร์มาเทียมีดังต่อไปนี้: ใกล้แม่น้ำ Vistula ใต้ Wends - Giphons (Gitons) จากนั้น Finns จากนั้น Sulans (Bulans) ด้านล่างพวกเขา - Frugdions จากนั้น Avarins (Obarins) ใกล้ ๆ ต้นกำเนิดของแม่น้ำวิสตูลา”

ตามแนวชายฝั่งของอ่าวเวเนเดียน (ทางตอนใต้ของทะเลบอลติก) เหนือหรือเหนือทั้งหมดตามคำกล่าวของปโตเลมีชนเผ่าที่ไม่รู้จักอาศัยอยู่ - คาร์บอนิเฟอรัสและทางตะวันออกของพวกเขา - คาเรสต์ (คาเรเลียนในอนาคต?) และซัลส์ ด้านล่างพวกเขาอาศัยอยู่ตามที่กล่าวไปแล้ว gelons, melanchlenesและ Boruskas ที่ไม่คุ้นเคยกับเรากระจายไปไกลถึงเทือกเขา Burdock 77

“ จากนั้นชายฝั่งมหาสมุทรใกล้กับอ่าวเวเนเดียถูกครอบครองโดย Velts เหนือพวกเขา Ossia จากนั้นทางเหนือสุด - คาร์บอนิเฟอรัสทางตะวันออกของพวกเขา - Karests และ Sals (ด้านล่าง - Gelons, Hippods และ Melanchlens ); ด้านล่างของพวกเขา - Agathyrs จากนั้น Aorsi และ Pagyrite ด้านล่างพวกเขา - Savars และ Boruski ไปจนถึงเทือกเขา Riphean "

ปโตเลมี เค. คู่มือภูมิศาสตร์.

สำหรับอาณาเขตของซาร์มาเทียซึ่งมีพรมแดนติดกับดินแดนทางเหนือที่ไม่รู้จักนั้นปโตเลมีชี้ให้เห็น ซาร์มาเทียน - ไฮเปอร์บอเรียน 78 .

น่าประหลาดใจที่ปโตเลมีเพิกเฉยต่อสแกนดิเนเวียและสวิออนด้วยเหตุผลบางประการ แต่บนแผนที่ของเขามีเกาะเล็ก ๆ สามเกาะปรากฏขึ้นใกล้กับคาบสมุทรซิมบรี (ปัจจุบันคือจัตแลนด์) และเกาะใหญ่อีกเกาะหนึ่ง - ทั้งหมดเรียกว่าสแกนเดีย