ปีแห่งชีวิตของ lp beria รัชสมัยอันสั้นของเบเรีย

สมาชิก Politburo (Presidium) ของคณะกรรมการกลาง CPSU - 18 มีนาคม 2489 - 7 กรกฎาคม 2496
รองประธานคณะกรรมการป้องกันประเทศของสหภาพโซเวียต - 16 พฤษภาคม 2487 - 4 กันยายน 2488
รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต - 5 มีนาคม - 26 มิถุนายน 2496
บรรพบุรุษ: Nikolay Ivanovich Yezhov
ผู้สืบทอด: Sergey Nikiforovich Kruglov

เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการระดับภูมิภาคของ Transcaucasian ของ CPSU (b) 17 ตุลาคม 2475 - 23 เมษายน 2480
นำโดย: Ivan Dmitrievich Orakhelashvili

เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) แห่งจอร์เจีย 14 พฤศจิกายน 2474 - 31 สิงหาคม 2481
ก่อนหน้า: Lavrenty Iosifovich Kartvelishvili
ทายาท: Candide Nesterovich Charkviani

เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเมืองทบิลิซี (บอลเชวิค) แห่งจอร์เจีย พ.ค. 2480 - 31 สิงหาคม พ.ศ. 2481
ผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของจอร์เจีย SSR - 4 เมษายน 2470 - ธันวาคม 2473
ก่อนหน้า: Alexey Alexandrovich Gegechkori
ทายาท: Sergei Arsenievich Goglidze

เกิด: 17 มีนาคม (29), 1899
Merheuli ที่ตั้ง Gumista อำเภอ Sukhum จังหวัด Kutaisi จักรวรรดิรัสเซีย
ความตาย: 23 ธันวาคม 2496 (อายุ 54 ปี) มอสโก, RSFSR, สหภาพโซเวียต
ที่ฝังศพ : สุสานดอนสโค
พ่อ: Pavel Khukhaevich Beria
แม่: Marta Vissarionovna Dzhakeli
คู่สมรส: Nino Teimurazovna Gegechkori
ลูก: ลูกชาย: Sergo
พรรค: RSDLP (b) ตั้งแต่ 1917, RCP (b) ตั้งแต่ 1918, VKP (b) ตั้งแต่ 1925, KPSS ตั้งแต่ 1952
การศึกษา: สถาบันโปลีเทคนิคบากู

การรับราชการทหาร
ปีแห่งการบริการ: 2481-2496
ประเภทของกองกำลัง: NKVD
ยศ: จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต
ได้รับคำสั่ง: หัวหน้า GUGB NKVD USSR (1938)
ผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียต (2481-2488)
กรรมการป้องกันประเทศ (พ.ศ. 2484-2487)
การต่อสู้: มหาสงครามแห่งความรักชาติ

รางวัล:
ฮีโร่ของแรงงานสังคมนิยม
คำสั่งของเลนิน คำสั่งของเลนิน คำสั่งของเลนิน คำสั่งของเลนิน
คำสั่งของเลนิน คำสั่งของธงแดง คำสั่งของธงแดง คำสั่งของ Suvorov I ระดับ
เหรียญ "XX ปีของกองทัพแดง 'คนงานและชาวนา'"
เหรียญ "สำหรับการป้องกันกรุงมอสโก"

เหรียญ "สำหรับการป้องกันคอเคซัส"



MN สั่งซื้อ Sukhebator rib1961.svg
เครื่องอิสริยาภรณ์ธงแดง (มองโกเลีย)
เหรียญ "25 ปีแห่งการปฏิวัติประชาชนมองโกเลีย"
คำสั่งของสาธารณรัฐ (ตูวา)
เครื่องอิสริยาภรณ์ธงแดงแห่งจอร์เจีย SSR
คำสั่งของธงแดงแห่งแรงงานจอร์เจีย SSR
คำสั่งของธงแดงแห่งแรงงานของอาเซอร์ไบจาน SSR คำสั่งของธงแดงของแรงงานของอาร์เมเนีย SSR

เจ้าหน้าที่ความมั่นคงกิตติมศักดิ์
อาวุธประจำตัว - ปืนบราวนิ่ง
รางวัลสตาลิน
รางวัลสตาลิน

Lavrentiy Pavlovich Beria (จอร์เจีย ლ피ვრენტ პ어 ძე ბერนางา, Lavrenti Pavles dze Beria; 17 มีนาคม พ.ศ. 2442 หมู่บ้าน Merheuli อำเภอ Sukhum จังหวัด Kutaisi จักรวรรดิรัสเซีย - 23 ธันวาคม 2496 มอสโก) - นักปฏิวัติรัสเซียผู้นำโซเวียตผู้บัญชาการของรัฐ ความมั่นคง (2484) จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต (2488) ฮีโร่ของแรงงานสังคมนิยม (2486) ถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 2496 เนื่องจากการกล่าวหาว่าจัดตั้งการปราบปราม "สตาลิน"

ตั้งแต่ปี 2484 รองประธานคณะรัฐมนตรี (Sovnarkom จนถึง 2489) ของสหภาพโซเวียตโจเซฟสตาลินเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2496 - รองประธานคนแรกของคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต G. Malenkov และในเวลาเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต สมาชิกของคณะกรรมการป้องกันประเทศของสหภาพโซเวียต (พ.ศ. 2484-2487) รองประธานคณะกรรมการป้องกันประเทศของสหภาพโซเวียต (พ.ศ. 2487-2488) สมาชิกของคณะกรรมการบริหารกลางของสหภาพโซเวียตในการประชุมครั้งที่ 7 รองผู้ว่าการสูงสุดของสหภาพโซเวียตแห่งสหภาพโซเวียตในการประชุมครั้งที่ 1-3 สมาชิกคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) (2477-2496) ผู้สมัครของ Politburo ของคณะกรรมการกลาง (2482-2489) สมาชิก Politburo ของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) (2489-2495) ) สมาชิกของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU (2495-2496) เขาเป็นสมาชิกวงในของ J.V. Stalin เขาดูแลสาขาที่สำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ รวมถึงการพัฒนาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างอาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีขีปนาวุธ กำกับดูแลการดำเนินการตามโครงการนิวเคลียร์ของสหภาพโซเวียต [ไม่ระบุแหล่งที่มา 74 วัน]

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 แอล.พี. เบเรียถูกจับ (กลัวการจับกุมครุสชอฟและผู้สมรู้ร่วมคิดริเริ่มคดีอาญา) ในข้อหาจารกรรมและสมรู้ร่วมคิดเพื่อยึดอำนาจ

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2496 เวลา 19.50 น. เขาถูกยิงโดยคำตัดสินของศาลพิเศษของศาลฎีกาของสหภาพโซเวียต ศพถูกเผาในเตาอบของเมรุมอสโกที่ 1 (ที่สุสาน Donskoy)

ชีวประวัติ
วัยเด็กและเยาวชน
การตั้งถิ่นฐานของ Merheuli ในเขต Sukhum ของจังหวัด Kutaisi (ปัจจุบันอยู่ในเขต Gulrypsh ของ Abkhazia) ในครอบครัวชาวนาที่ยากจน
แม่ของเขา Marta Dzhakeli (2411-2498) - Mingrelian ตามคำให้การของ Sergo Beria และชาวบ้านเพื่อน ๆ นั้นสัมพันธ์กับตระกูล Dadiani เจ้าพ่อ Mingrelian หลังจากการตายของสามีคนแรกของเธอ มาร์ทาถูกทิ้งให้อยู่กับลูกชายและลูกสาวสองคนในอ้อมแขนของเธอ ต่อมาเนื่องจากความยากจนขั้นสุดขีด เด็ก ๆ จากการแต่งงานครั้งแรกของมาร์ธาจึงถูกมิทรีน้องชายของเธอรับไป

Pavel Khukhaevich Beria พ่อของ Lawrence (1872-1922) ย้ายไปที่ Merheuli จาก Mingrelia Martha และ Pavel มีลูกสามคนในครอบครัว แต่ลูกชายคนหนึ่งเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 2 ขวบและลูกสาวหลังจากเจ็บป่วยยังคงเป็นคนหูหนวกและเป็นใบ้ เมื่อสังเกตเห็นความสามารถที่ดีของ Lavrenty พ่อแม่ของเขาจึงพยายามให้การศึกษาที่ดีแก่เขาที่โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นสุขุม เพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าครองชีพ พ่อแม่ต้องขายบ้านครึ่งหนึ่ง

ในปี พ.ศ. 2458 เบเรียได้รับเกียรตินิยม (ตามแหล่งข้อมูลอื่นเขาเรียนปานกลางและถูกทิ้งไว้ในชั้นประถมศึกษาปีที่สี่เป็นปีที่สอง) จบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นสุขุมออกจากบากูและเข้าสู่โรงเรียนก่อสร้างเครื่องกลและเทคนิคบากู . ตั้งแต่อายุ 17 เขาสนับสนุนแม่และน้องสาวคนหูหนวกที่ย้ายไปอยู่กับเขา ทำงานตั้งแต่ปี 2459 ในตำแหน่งนักศึกษาฝึกงานที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทน้ำมันของโนเบล ในขณะเดียวกันเขาก็ศึกษาต่อที่โรงเรียน ในปี พ.ศ. 2462 เขาสำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญาสาขาช่าง-ช่าง-ช่าง-สถาปนิก

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 เขาเป็นสมาชิกของกลุ่มมาร์กซิสต์ที่ผิดกฎหมายของโรงเรียนสอนสร้างเครื่องกลและเป็นเหรัญญิกของโรงเรียน ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2460 เบเรียได้เข้าเป็นสมาชิกของ RSDLP (b) ในเดือนมิถุนายน - ธันวาคม พ.ศ. 2460 ในฐานะช่างเทคนิคของการแยกส่วนวิศวกรรมไฮดรอลิกเขาไปที่แนวรบโรมาเนียทำหน้าที่ในโอเดสซาจากนั้นใน Pascani (โรมาเนีย) ถูกปลดออกจากการเจ็บป่วยและกลับไปที่บากูซึ่งเขาทำงานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2461 องค์กรเมืองของพวกบอลเชวิคและสำนักเลขาธิการของเจ้าหน้าที่สภาบากู หลังจากความพ่ายแพ้ของชุมชนบากูและการยึดครองบากูโดยกองทหารตุรกี - อาเซอร์ไบจัน (กันยายน 2461) เขายังคงอยู่ในเมืองและมีส่วนร่วมในงานขององค์กรใต้ดินบอลเชวิคจนกระทั่งก่อตั้งอำนาจโซเวียตในอาเซอร์ไบจาน (เมษายน 1920) ตั้งแต่ตุลาคม 2461 ถึงมกราคม 2462 เขาทำงานเป็นเสมียนที่โรงงาน "Caspian Partnership White City" บากู

ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2462 ตามคำแนะนำของหัวหน้าบากูบอลเชวิคใต้ดิน A. Mikoyan เขากลายเป็นตัวแทนขององค์กรเพื่อต่อต้านการปฏิวัติต่อต้านการปฏิวัติ (ข่าวกรอง) ภายใต้คณะกรรมการป้องกันประเทศของสาธารณรัฐประชาธิปไตยอาเซอร์ไบจาน
ในช่วงเวลานี้ เขาได้สถาปนาความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับซีไนดา เครมซา (เครปส์) ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองทางทหารของเยอรมนี ในอัตชีวประวัติของเขาลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2466 เบเรียเขียนว่า:

“ในช่วงแรกๆ ของการยึดครองของตุรกี ฉันทำงานในเมืองสีขาวที่โรงงานแคสเปียนเป็นเสมียน ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1919 เดียวกัน ฉันได้เข้าร่วมหน่วยข่าวกรองต่อต้านการข่าวกรอง จากพรรคกัมเมต ซึ่งฉันทำงานร่วมกับสหายมุสเซวี ประมาณเดือนมีนาคม พ.ศ. 2463 หลังจากการลอบสังหารสหายมุสเซวี ฉันลาออกจากงานในการต่อต้านข่าวกรองและทำงานในด่านศุลกากรบากูเป็นเวลาสั้น ๆ "
เบเรียไม่ได้ซ่อนงานของเขาในการต่อต้านข่าวกรองใน ADR - ตัวอย่างเช่นในจดหมายถึง GK Ordzhonikidze ในปี 1933 เขาเขียนว่า "เขาถูกส่งไปยังหน่วยข่าวกรอง Musavat โดยพรรคและปัญหานี้ได้รับการตรวจสอบโดยคณะกรรมการกลางของ พรรคคอมมิวนิสต์อาเซอร์ไบจาน (บอลเชวิค) ในปี 1920" ที่คณะกรรมการกลางของ AKP (b) "ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์" เขาเนื่องจาก "ข้อเท็จจริงของการทำงานในการต่อต้านข่าวกรองด้วยความรู้ของพรรคได้รับการยืนยันโดยคำแถลงของสหาย Mirza Davud Huseynova, Kasum Izmailova และคนอื่นๆ "

ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1920 หลังจากการก่อตั้งอำนาจของสหภาพโซเวียตในอาเซอร์ไบจาน เขาถูกส่งไปทำงานที่ผิดกฎหมายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยจอร์เจียในฐานะตัวแทนผู้มีอำนาจของคณะกรรมการประจำภูมิภาคคอเคเซียนของ RCP (b) และแผนกทะเบียนของแนวรบคอเคเซียนภายใต้คณะปฏิวัติ สภาทหารบกที่ 11 เกือบจะในทันทีเขาถูกจับในทิฟลิสและปล่อยตัวพร้อมกับคำสั่งให้ออกจากจอร์เจียภายในสามวัน ในอัตชีวประวัติของเขา เบเรียเขียนว่า:

“ตั้งแต่วันแรกหลังจากการรัฐประหารในอาเซอร์ไบจานโดยคณะกรรมการระดับภูมิภาคของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) จากการลงทะเบียนของแนวรบคอเคเซียนภายใต้สภาทหารปฏิวัติแห่งกองทัพที่ 11 ฉันถูกส่งไปยังจอร์เจียเพื่อทำงานใต้ดินในต่างประเทศในฐานะ กรรมาธิการ ใน Tiflis ฉันติดต่อคณะกรรมการระดับภูมิภาคที่ Comrade . เป็นตัวแทน Hmayak Nazaretyan ฉันกำลังกระจายเครือข่ายผู้อยู่อาศัยในจอร์เจียและอาร์เมเนียฉันกำลังติดต่อกับสำนักงานใหญ่ของกองทัพจอร์เจียและผู้พิทักษ์ฉันส่งเอกสารไปยังทะเบียนของเมืองบากูเป็นประจำ ใน Tiflis ฉันถูกจับพร้อมกับคณะกรรมการกลางของจอร์เจีย แต่จากการเจรจาระหว่าง G. Stuua และ Noah Zhordania ทุกคนได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับข้อเสนอให้ออกจากจอร์เจียภายใน 3 วัน อย่างไรก็ตามฉันสามารถอยู่ได้เมื่อเข้าสู่บริการของสำนักงานตัวแทน RSFSR ภายใต้นามแฝง Lakerbay ให้กับสหาย Kirov ซึ่งในเวลานั้นมาถึงเมือง Tiflis แล้ว "
ต่อมา ขณะมีส่วนร่วมในการเตรียมการจลาจลด้วยอาวุธเพื่อต่อต้านรัฐบาลจอร์เจียน Menshevik เขาถูกหน่วยข่าวกรองท้องถิ่น จับกุมและคุมขังในเรือนจำคูไตซี จากนั้นก็ลี้ภัยไปยังอาเซอร์ไบจาน เขาเขียนเกี่ยวกับสิ่งนี้:

“ ในเดือนพฤษภาคม 2463 ฉันไปบากูเพื่อลงทะเบียนเพื่อรับคำสั่งที่เกี่ยวข้องกับการสรุปสนธิสัญญาสันติภาพกับจอร์เจีย แต่ระหว่างทางกลับไปทิฟลิสฉันถูกโทรเลขจากโนอาห์รามิชวิลีจับและนำไปที่ทิฟลิสจากที่ใด แม้จะมีความพยายามของสหายคิรอฟ ฉันก็ถูกส่งตัวไปเรือนจำคูทายสิ มิถุนายนและกรกฎาคม 1920 ฉันอยู่ในคุก หลังจากสี่วันครึ่งของการประท้วงหยุดงานโดยนักโทษการเมือง ฉันถูกส่งไปยังอาเซอร์ไบจานในลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป "
OG Shatunovskaya บรรยายตอนของการจับกุมเบเรียในบากูโดยกล่าวถึงบากิรอฟซึ่งต่อมาถูกยิง (ในปี 2499): “เบเรีย ... ไม่ได้อยู่ในอาเซอร์ไบจานเป็นเวลานาน ตอนนั้นเขาเป็นตัวแทนถาวรในทบิลิซี เขาส่งโทรเลขไปที่ สำนักงานใหญ่ของกองทัพที่ 11 ถึงสภาทหารปฏิวัติ Ordzhonikidze: "ผู้ยั่วยุเบเรียหนีไปจับกุมเขา"

ในหน่วยงานความมั่นคงของรัฐอาเซอร์ไบจานและจอร์เจีย
เมื่อกลับมาที่บากู เบเรียได้พยายามหลายครั้งเพื่อศึกษาต่อที่สถาบันโปลีเทคนิคบากู ซึ่งโรงเรียนได้เปลี่ยนแปลงไป และสำเร็จหลักสูตรสามหลักสูตร ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1920 เขาได้เป็นผู้จัดการกิจการของคณะกรรมการกลางของ CP (b) ของอาเซอร์ไบจานและในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน - เลขาธิการบริหารของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อการเวนคืนชนชั้นนายทุนและการปรับปรุง ชีวิตแรงงาน โดยได้ทำงานในตำแหน่งนี้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2464 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองหัวหน้าแผนกปฏิบัติการลับของ Cheka ภายใต้สภาผู้บังคับการตำรวจแห่งชาติ (SNK) ของอาเซอร์ไบจาน SSR และในเดือนพฤษภาคมเขาเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับและรองประธาน อาเซอร์ไบจาน เชคา ประธาน Cheka แห่งอาเซอร์ไบจาน SSR คือ Mir Jafar Bagirov

ในปีพ.ศ. 2464 เบเรียได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากพรรคและผู้นำของอาเซอร์ไบจานของเคจีบีว่าใช้อำนาจเกินกำลังและปลอมแปลงคดีอาญา แต่เขารอดพ้นจากการลงโทษร้ายแรง (Anastas Mikoyan ขอร้องให้เขา)

ในปีพ.ศ. 2465 เขาเข้าร่วมในการพ่ายแพ้ขององค์กรมุสลิม "อิตติฮัด" และการชำระบัญชีขององค์กรทรานส์คอเคเซียนของนักปฏิวัติสังคมที่ถูกต้อง

ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2465 เบเรียถูกย้ายไปที่ Tiflis ซึ่งเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับและรองประธาน Cheka ภายใต้ SNK ของจอร์เจีย SSR ต่อมาเปลี่ยนเป็น GPU ของจอร์เจีย (การบริหารการเมืองของรัฐ) ด้วยการรวมกันของ ตำแหน่งหัวหน้าแผนกพิเศษของกองทัพทรานคอเคเซียน
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2466 เขาได้รับรางวัล Order of the Red Banner of the Republic จากคณะกรรมการบริหารกลางแห่งจอร์เจีย

ในปี 1924 เขามีส่วนร่วมในการปราบปรามการจลาจล Menshevik ได้รับรางวัล Order of the Red Banner ของสหภาพโซเวียต

ตั้งแต่มีนาคม 2469 - รองประธาน GPU ของจอร์เจีย SSR หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับ

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2469 Lavrenty Beria กลายเป็นประธาน GPU ที่ SNK ของจอร์เจีย SSR (จนถึง 3 ธันวาคม 2474) รองผู้มีอำนาจเต็มของ OGPU ที่ SNK ของสหภาพโซเวียตใน ZSFSR และรองประธาน GPU ที่ SNK ของ ZSFSR (จนถึง 17 เมษายน 2474) ในเวลาเดียวกันตั้งแต่ธันวาคม 2469 ถึง 17 เมษายน 2474 เขาเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับของตัวแทนผู้มีอำนาจเต็มของ OGPU ภายใต้สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหภาพโซเวียตใน ZSFSR และ GPU ภายใต้สภาประชาชน ผู้บังคับการเรือของ ZSFSR

พร้อมกันตั้งแต่เมษายน 2470 ถึงธันวาคม 2473 - ผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของจอร์เจีย SSR เห็นได้ชัดว่าการพบกันครั้งแรกของเขากับสตาลินเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2473 โดยมติของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) ของจอร์เจีย SSR Lavrenty Beria ได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของรัฐสภา (ต่อมาสำนัก) ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) แห่งจอร์เจีย เมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2474 เขารับตำแหน่งประธาน GPU ภายใต้สภาผู้แทนราษฎรแห่ง ZSFSR ตัวแทนผู้มีอำนาจเต็มของ OGPU ภายใต้สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหภาพโซเวียตใน ZSFSR และหัวหน้าแผนกพิเศษ OGPU ของกองทัพคอเคเชี่ยนเรดแบนเนอร์ (จนถึง 3 ธันวาคม 2474) พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคมถึง 3 ธันวาคม 2474 - สมาชิกคณะกรรมการ OGPU USSR

ที่งานปาร์ตี้ใน Transcaucasia

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2474 Politburo ของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) ได้แนะนำ LP Beria ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนที่สองของคณะกรรมการภูมิภาคทรานคอเคเซียน (ดำรงตำแหน่งจนถึง 17 ตุลาคม พ.ศ. 2475) เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474 เขากลายเป็น เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (b) แห่งจอร์เจีย (จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2481) และเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2475 เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการภูมิภาคทรานคอเคเซียนในขณะที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนแรกของภาคกลาง คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งจอร์เจีย (บอลเชวิค) ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) แห่งอาร์เมเนียและอาเซอร์ไบจาน
เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2479 ZSFSR ถูกแบ่งออกเป็นสามสาธารณรัฐอิสระคณะกรรมการระดับภูมิภาคของ Transcaucasian ถูกชำระบัญชีโดยคำสั่งของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2480

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2476 สำนักเลขาธิการคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ All-Union (บอลเชวิค) ได้รวมเบเรียไว้ในรายชื่อทางไปรษณีย์ของเอกสารที่ส่งถึงสมาชิกของคณะกรรมการกลาง - รายงานการประชุมของ Politburo, Orgburo, สำนักเลขาธิการ คณะกรรมการกลาง. ในปีพ.ศ. 2477 ในการประชุมใหญ่ครั้งที่ 17 ของ CPSU (b) เขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางเป็นครั้งแรก

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2477 Politburo ของคณะกรรมการกลางของ All-Union Communist Party (Bolsheviks) ถูกรวมอยู่ในคณะกรรมาธิการที่นำโดย LM Kaganovich ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อพัฒนาร่างข้อบังคับเกี่ยวกับ NKVD ของสหภาพโซเวียตและการประชุมพิเศษของ NKVD ของสหภาพโซเวียต

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2477 เบเรียเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับกับสตาลินเพื่อเป็นเกียรติแก่วันเกิดปีที่ 55 ของเขา

ในต้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2478 เบเรียได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของคณะกรรมการบริหารกลางของสหภาพโซเวียตและรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2478 เขาได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เลนินเป็นครั้งแรก ในเดือนพฤษภาคม 2480 เขาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งรัฐทบิลิซีของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งจอร์เจีย (จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2481)

ในปี 1935 เขาตีพิมพ์หนังสือ "เกี่ยวกับคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ขององค์กรบอลเชวิคในทรานคอเคซัส" (ตามที่นักวิจัยระบุว่าผู้เขียนตัวจริงคือ Malakia Toroshelidze และ Erik Bedia) ในฉบับร่างของผลงานของสตาลินเมื่อปลายปี พ.ศ. 2478 เบเรียได้รับการระบุว่าเป็นสมาชิกของคณะบรรณาธิการและผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นบรรณาธิการแต่ละเล่ม

ในระหว่างการเป็นผู้นำของ L.P. Beria เศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคนั้นพัฒนาอย่างรวดเร็ว เบเรียมีส่วนสนับสนุนอย่างมากในการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันของ Transcaucasia ในช่วงรัชสมัยของพระองค์โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่หลายแห่งถูกนำไปใช้งาน (โรงไฟฟ้าพลังน้ำ Zemo-Avchal ฯลฯ ) จอร์เจียถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่รีสอร์ทแบบครบวงจร ภายในปี พ.ศ. 2483 ปริมาณการผลิตภาคอุตสาหกรรมในจอร์เจียเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2456 เพิ่มขึ้น 10 เท่าทางการเกษตร - 2.5 เท่าโดยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรในทิศทางของพืชที่ทำกำไรได้สูงในเขตกึ่งเขตร้อน มีการกำหนดราคาซื้อที่สูงสำหรับสินค้าเกษตรที่ผลิตในกึ่งเขตร้อน (องุ่น ชา ส้มเขียวหวาน ฯลฯ): ชาวนาจอร์เจียมีความเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในประเทศ

พวกเขาบอกว่าก่อนที่เขาจะเสียชีวิต (เห็นได้ชัดว่าเป็นผลมาจากพิษ) Nestor Lakoba เรียกเบเรียผู้ฆ่าของเขา

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2480 ร่วมกับ G.M. Malenkov และ A.I. Mikoyan ซึ่งถูกส่งมาจากมอสโก เขาได้ดำเนินการ "ล้าง" องค์กรพรรคในอาร์เมเนีย "การกวาดล้างครั้งใหญ่" เกิดขึ้นในจอร์เจียเช่นกัน โดยที่พรรคการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมากถูกกดขี่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสมรู้ร่วมคิดในหมู่ผู้นำพรรคของจอร์เจีย อาเซอร์ไบจาน อาร์เมเนีย ซึ่งผู้เข้าร่วมถูกกล่าวหาว่าวางแผนที่จะถอนตัวจากทรานส์คอเคเซียจากสหภาพโซเวียตและการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดินแดนในอารักขาของบริเตนใหญ่นั้น "เปิดเผย"
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจอร์เจียการกดขี่ข่มเหงของผู้บังคับการตำรวจแห่งการศึกษาของจอร์เจีย SSR Gayoz Devdariani เริ่มต้นขึ้น ชัลวา น้องชายของเขา ซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญในองค์กรความมั่นคงของรัฐและพรรคคอมมิวนิสต์ ถูกประหารชีวิต ในท้ายที่สุด Gayoz Devdariani ถูกกล่าวหาว่าละเมิดมาตรา 58 และถูกประหารชีวิตในปี 1938 โดยคำตัดสินของ NKVD troika ด้วยความสงสัยในกิจกรรมต่อต้านการปฏิวัติ นอกจากผู้ทำหน้าที่จัดงานปาร์ตี้แล้ว ปัญญาชนในท้องถิ่นยังได้รับความเดือดร้อนจากการกวาดล้าง แม้กระทั่งผู้ที่พยายามอยู่ห่างจากการเมือง เช่น มิคาอิล จาวาคิชวิลี, ทิเชียน ทาบิดเซ, ซานโดร อัคเมเตลิ, เยฟเจนี มิเคลาดเซ, มิทรี เชวาร์ดนาดเซ, จอร์กี เอเลียวา, กริกอรี เซเรเตลี และคนอื่นๆ

ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2481 ตั้งแต่สมัยที่ 1 ของสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตในการประชุมครั้งที่ 1 สมาชิกของรัฐสภาของสหภาพโซเวียตสูงสุดสหภาพโซเวียต

ใน NKVD ของสหภาพโซเวียต
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2481 เบเรียได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียต N.I. Yezhov พร้อมกับเบเรียรองผู้บังคับการตำรวจคนที่ 1 อีกคน (จาก 15.04.37) คือ M.P. Frinovsky ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะกรรมการที่ 1 ของ NKVD ของสหภาพโซเวียต เมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2481 ฟรินอฟสกีได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการเรือของกองทัพเรือสหภาพโซเวียตและออกจากตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจที่ 1 และหัวหน้าคณะกรรมการ NKVD ของสหภาพโซเวียตในวันเดียวกัน 8 กันยายนในโพสต์สุดท้ายเขาถูกแทนที่ด้วย LP Beria - ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2481 ในหัวหน้าคณะกรรมการหลักด้านความมั่นคงของรัฐซึ่งได้รับการบูรณะในโครงสร้างของ NKVD (ในวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2481 ในโพสต์นี้ Beria จะถูกแทนที่โดย V.N. เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2481 แอล.พี.เบเรียได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการความมั่นคงแห่งรัฐระดับที่ 1

ตามที่ A.S. Barsenkov และ A.I. Vdovin ด้วยการมาถึงของ L.P. Beria ในฐานะหัวหน้า NKVD ระดับของการปราบปรามลดลงอย่างรวดเร็ว Great Terror สิ้นสุดลง ในปีพ.ศ. 2482 มีผู้ถูกตัดสินประหารชีวิต 2.6 พันคนในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อต้านการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2483 - 1.6 พันคน ในปี พ.ศ. 2482-2483 คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ถูกตัดสินลงโทษในปี พ.ศ. 2480-2481 ได้รับการปล่อยตัว นักโทษบางคนและส่งไปยังค่ายก็ได้รับการปล่อยตัวเช่นกัน ตามข้อมูลที่อ้างโดย V.N. Zemskov ในปี 1938 มีการปล่อย 279,966 คน คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโกพบข้อผิดพลาดตามข้อเท็จจริงในตำราเรียนของ Barsenkov และ Vdovin และประเมินจำนวนผู้ที่เผยแพร่ในปี 2482-2483 ที่ 150-200,000 คน “ในสังคมบางวงการ เขามีชื่อเสียงในฐานะบุคคลที่ฟื้นฟู 'ความถูกต้องตามกฎหมายของสังคมนิยม' ในช่วงปลายทศวรรษ 1930” ยาคอฟ เอทิงเงอร์กล่าว

ดูแลการดำเนินการเพื่อกำจัด Leon Trotsky

ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 ถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 เบเรียเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของสหภาพโซเวียต (จากนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ของ NKVD ของสหภาพโซเวียตตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 เป็นต้นไปข่าวกรองต่างประเทศถูกโอนไปยังคณะกรรมการความมั่นคงแห่งรัฐที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ของสหภาพโซเวียตซึ่งนำโดยอดีตรองผู้ว่าการคนแรกของเบเรียใน NKVD V.N. Merkulov) ตามที่ Martirosyan กล่าว Beria ยุติความไร้ระเบียบและความหวาดกลัวของ Yezhov ที่ปกครองใน NKVD (รวมถึงข่าวกรองต่างประเทศ) และในกองทัพรวมถึงข่าวกรองทางทหารโดยเร็วที่สุด ภายใต้การนำของเบเรียในปี พ.ศ. 2482-2483 เครือข่ายข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพของข่าวกรองต่างประเทศของสหภาพโซเวียตได้ถูกสร้างขึ้นในยุโรปเช่นเดียวกับในญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา

ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2482 - สมาชิกผู้สมัครของ Politburo ของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2484 แอล.พี.เบเรียได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการความมั่นคงแห่งรัฐ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหภาพโซเวียต ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เขาดูแลงานของ NKVD, NKGB, ผู้แทนราษฎรของอุตสาหกรรมไม้และน้ำมัน, โลหะที่ไม่ใช่เหล็ก และกองเรือในแม่น้ำ

มหาสงครามแห่งความรักชาติ
ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2484 พล.ท. เบเรียเป็นสมาชิกของคณะกรรมการป้องกันประเทศ (GKO) ตามพระราชกฤษฎีกา GKO เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 ว่าด้วยการกระจายความรับผิดชอบระหว่างสมาชิกของ GKO LP Beria ได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบในการตรวจสอบการดำเนินการตามการตัดสินใจของ GKO ในการผลิตเครื่องบิน เครื่องยนต์ อาวุธและครกด้วย เป็นการติดตามการดำเนินการตามการตัดสินใจของ GKO ในการทำงานของกองทัพอากาศแดง กองทัพบก (การก่อตัวของกองทหารอากาศ, การถ่ายโอนไปยังด้านหน้าในเวลาที่เหมาะสม ฯลฯ )

โดยกฤษฎีกา GKO เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2485 พล.ท. เบเรียได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของสำนักปฏิบัติการ GKO ในพระราชกฤษฎีกาเดียวกัน พล.อ.เบเรียได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลงานของคณะกรรมการประชาชนของอุตสาหกรรมถ่านหินและคณะกรรมการการรถไฟของประชาชนอีกด้วย ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2487 เบเรียได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคณะกรรมการป้องกันประเทศและประธานสำนักปฏิบัติการ โดยเฉพาะงานของสำนักปฏิบัติการรวมถึงการควบคุมและกำกับดูแลงานของผู้แทนทุกคนในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ การขนส่งทางรถไฟและทางน้ำ โลหะเหล็กและอโลหะ ถ่านหิน น้ำมัน เคมี ยาง เยื่อกระดาษ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและโรงไฟฟ้า

เบเรียยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาถาวรของสำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการหลักของกองทัพสหภาพโซเวียต

ในช่วงสงคราม เขาได้รับมอบหมายสำคัญจากผู้นำประเทศและพรรคการเมือง ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเศรษฐกิจของประเทศและที่ด้านหน้า อันที่จริงเขาเป็นผู้นำการป้องกันคอเคซัสในปี 2485 ดูแลการผลิตเครื่องบินและจรวด

ตามคำสั่งของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2486 LP Beria ได้รับรางวัล Hero of Socialist Labour "สำหรับบริการพิเศษในการเสริมสร้างการผลิตอาวุธและกระสุนปืนในสภาวะสงครามที่ยากลำบาก"

ในช่วงสงคราม LP Beria ได้รับรางวัล Order of the Red Banner (มองโกเลีย) (15 กรกฎาคม 1942), Order of the Republic (Tuva) (18 สิงหาคม 2486), เหรียญค้อนและเคียว (30 กันยายน 2486) , สองคำสั่งของเลนิน (30 กันยายน 2486, 21 กุมภาพันธ์ 2488), คำสั่งของธงแดง (3 พฤศจิกายน 2487)

เริ่มงานโครงการนิวเคลียร์
เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 JV Stalin ได้ลงนามในการตัดสินใจของคณะกรรมการป้องกันประเทศเกี่ยวกับโครงการสร้างระเบิดปรมาณูภายใต้การนำของ VM Molotov แต่แล้วในพระราชกฤษฎีกาของคณะกรรมการป้องกันประเทศของสหภาพโซเวียตในห้องทดลองหมายเลข 2 ของ IV Kurchatov ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2487 เป็น LP Beria ซึ่งได้รับมอบหมายให้ "ตรวจสอบการพัฒนางานยูเรเนียม" นั่นคือ ประมาณหนึ่งปีกับสิบเดือนหลังจากที่พวกเขาเริ่มต้น ซึ่งเป็นเรื่องยากในช่วงสงคราม

การเนรเทศการย้ายถิ่นฐานของประชาชนในสหภาพโซเวียต
ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ มีการเนรเทศผู้คนออกจากถิ่นที่อยู่ของพวกเขา ผู้แทนราษฎรที่ประเทศเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพันธมิตรฮิตเลอร์ (ฮังการี บัลแกเรีย ฟินน์จำนวนมาก) ก็ถูกเนรเทศเช่นกัน เหตุผลอย่างเป็นทางการสำหรับการเนรเทศคือการละทิ้งมวลชน ความร่วมมือและการต่อสู้ด้วยอาวุธต่อต้านโซเวียตอย่างแข็งขันในส่วนสำคัญของชนชาติเหล่านี้ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ

เมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2487 Lavrenty Beria ได้อนุมัติ "คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนการขับไล่ชาวเชเชนและอินกุช" และเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เขาได้ออกคำสั่งให้ NKVD เกี่ยวกับการเนรเทศชาวเชเชนและอินกุช เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ร่วมกับ I.A.Serov, B.Z.Kobulov และ S.S. ยังมีเจ้าหน้าที่และทหารของกองทหาร NKVD ประมาณ 100,000 นายซึ่งดึงมาจากทั่วประเทศเพื่อเข้าร่วมใน "การออกกำลังกายในที่ราบสูง" เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เขาได้พบกับผู้นำของสาธารณรัฐและผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุด เตือนพวกเขาเกี่ยวกับปฏิบัติการและเสนอให้ทำงานที่จำเป็นในหมู่ประชากร และในเช้าของวันถัดไป การดำเนินการขับไล่เริ่มต้นขึ้น เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เบเรียรายงานต่อสตาลินว่า "การขับไล่กำลังดำเนินไปตามปกติ ... ในบรรดาบุคคลที่กำหนดไว้สำหรับการจับกุมที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัด มีผู้ถูกจับกุม 842 ราย"
ในวันเดียวกันนั้น เบเรียเสนอให้สตาลินขับไล่พวกบัลการ์ และในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เขาได้ออกคำสั่งให้ NKVD "ในมาตรการที่จะขับไล่ประชากรบัลการ์ออกจาก KB ของ ASSR" เมื่อวันก่อน Beria, Serov และ Kobulov ได้พบกับ Zuber Kumekhov เลขาธิการคณะกรรมการพรรคภูมิภาค Kabardino-Balkarian ซึ่งจะมีกำหนดไปเยือนภูมิภาค Elbrus ในต้นเดือนมีนาคม เมื่อวันที่ 2 มีนาคม เบเรีย พร้อมด้วย Kobulov และ Mamulov เดินทางไปยังภูมิภาค Elbrus แจ้ง Kumekhov ถึงความตั้งใจที่จะขับไล่ Balkars และโอนดินแดนของพวกเขาไปยังจอร์เจียเพื่อที่เธอจะได้มีแนวป้องกันบนเนินเขาทางเหนือของ Greater Caucasus . เมื่อวันที่ 5 มีนาคม คณะกรรมการป้องกันประเทศได้ออกพระราชกฤษฎีกาขับไล่ออกจาก KB ของ ASSR และในวันที่ 8-9 มีนาคม การดำเนินการเริ่มต้นขึ้น เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เบเรียรายงานต่อสตาลินว่า “ผู้คน 37,103 คนถูกขับไล่ออกจากบัลการ์” และในวันที่ 14 มีนาคม เขารายงานต่อ Politburo ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ All-Union (บอลเชวิค)

การดำเนินการที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการเนรเทศชาวเติร์ก Meskhetian เช่นเดียวกับชาวเคิร์ดและเฮมชินที่อาศัยอยู่ในเขตชายแดนกับตุรกี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เบเรียได้ส่งจดหมาย (หมายเลข 7896) ถึง I. Stalin เขาเขียน:

"เป็นเวลาหลายปีที่ส่วนสำคัญของประชากรกลุ่มนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้อยู่อาศัยในเขตชายแดนของตุรกีโดยความสัมพันธ์ในครอบครัว ความสัมพันธ์ ได้แสดงความรู้สึกการย้ายถิ่นฐาน มีส่วนร่วมในการลักลอบนำเข้าและทำหน้าที่เป็นแหล่งข่าวกรองตุรกี รับสมัครสายลับและกลุ่มโจรพืช”
เขาตั้งข้อสังเกตว่า "NKVD ของสหภาพโซเวียตเห็นว่าสมควรที่จะอพยพจาก Akhaltsikhe, Akhalkalaki, Adigensky, Aspindza, เขต Bogdanovskiy, สภาหมู่บ้านบางแห่งของ Adjara ASSR - 16,700 ฟาร์มของ Turks, Kurds, Hemshins" เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม คณะกรรมการป้องกันประเทศมีมติ (ฉบับที่ 6279 "ความลับสุดยอด") เกี่ยวกับการขับไล่ชาวเติร์กเมสเคเตียนจำนวน 45,516 คนออกจากจอร์เจีย SSR ไปยังคาซัคสถานคีร์กีซและอุซเบก SSR ตามที่ระบุไว้ในเอกสารของกรม การตั้งถิ่นฐานพิเศษของ NKVD ของสหภาพโซเวียต

การปลดปล่อยดินแดนจากผู้รุกรานชาวเยอรมันยังจำเป็นต้องมีการดำเนินการใหม่เกี่ยวกับครอบครัวของผู้สมรู้ร่วมคิดชาวเยอรมัน เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม คำสั่งจาก NKVD ลงนามโดยเบเรียว่า "ในการขับไล่ครอบครัวของผู้สมรู้ร่วมคิดชาวเยอรมันผู้ทรยศและผู้ทรยศต่อมาตุภูมิซึ่งสมัครใจจากชาวเยอรมันโดยสมัครใจจากเมืองของกลุ่มรีสอร์ทคอเคเซียน ." เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม เบเรียจ่าหน้าสตาลินด้วยจดหมายต่อไปนี้:

“ ในการเชื่อมต่อกับการดำเนินการที่ประสบความสำเร็จในการขับไล่ออกจากพื้นที่ชายแดนของจอร์เจีย SSR ไปยังภูมิภาคของอุซเบก, คาซัคและคีร์กีซ SSR 91,095 คน - เติร์ก, เคิร์ด, เฮมชิน, NKVD ของสหภาพโซเวียตขอให้มอบคำสั่ง และเหรียญของสหภาพโซเวียตที่โดดเด่นที่สุดในการปฏิบัติงานของคนงาน NKVD - กองทหาร NKGB และ NKVD”

ปีหลังสงคราม
กำกับดูแลโครงการนิวเคลียร์ของสหภาพโซเวียต [แก้ไข | แก้ไขข้อความวิกิ]
ดูเพิ่มเติม: การพัฒนาระเบิดปรมาณูโซเวียตและคณะกรรมการพิเศษ
หลังจากทดสอบอุปกรณ์ปรมาณูอเมริกันเครื่องแรกในทะเลทรายใกล้กับอาลาโมกอร์โด การทำงานในสหภาพโซเวียตเพื่อสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองก็เร่งขึ้นอย่างมาก

ตามคำสั่งตั๋วเงิน ลงวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2488 คณะกรรมการพิเศษจัดตั้งขึ้นภายใต้คณะกรรมการป้องกันประเทศ รวมถึง L.P. Beria (ประธาน), G.M. Malenkov, N.A.Voznesensky, B.L. Vannikov, A.P. Zavenyagin, I.V. Kurchatov, P.L. จากการเข้าร่วมในโครงการเนื่องจากการไม่เห็นด้วยกับ L.P. Beria)), V.A.Makhnev, M.G. Pervukhin คณะกรรมการได้รับมอบหมายให้ "จัดการงานทั้งหมดเกี่ยวกับการใช้พลังงานภายในอะตอมของยูเรเนียม" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นคณะกรรมการพิเศษภายใต้สภาผู้แทนราษฎรแห่งสหภาพโซเวียตและเข้าสู่คณะกรรมการพิเศษภายใต้คณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต ในอีกด้านหนึ่ง LP Beria ได้จัดระเบียบและดูแลการรับข้อมูลข่าวกรองที่จำเป็นทั้งหมด ในทางกลับกัน เขาได้ดำเนินการจัดการทั่วไปของโครงการทั้งหมด ปัญหาด้านบุคลากรของโครงการได้รับมอบหมายให้ M.G. Pervukhin, V.A.

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2496 คณะกรรมการพิเศษได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้นำงานป้องกันพิเศษอื่นๆ บนพื้นฐานของการตัดสินใจของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 (ในวันที่มีการเคลื่อนย้ายและการจับกุม LP Beria) คณะกรรมการพิเศษได้รับการชำระบัญชีและเครื่องมือของมันถูกย้ายไปที่จัดตั้งขึ้นใหม่ กระทรวงการสร้างเครื่องจักรขนาดกลางของสหภาพโซเวียต

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2492 ได้มีการทดสอบระเบิดปรมาณูที่ไซต์ทดสอบเซมิปาลาตินสค์เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2492 LP Beria ได้รับรางวัล Stalin Prize ระดับ 1 "สำหรับองค์กรในการผลิตพลังงานปรมาณูและความสำเร็จในการทดสอบอาวุธปรมาณู" ตามคำให้การของ PA Sudoplatov ที่ตีพิมพ์ในหนังสือ "Intelligence and the Kremlin: Notes of an Undesirable Witness" (1996) หัวหน้าโครงการสองคน - LP Beria และ IV Kurchatov - ได้รับรางวัล "พลเมืองกิตติมศักดิ์ของสหภาพโซเวียต" ด้วย คำว่า "สำหรับบริการที่โดดเด่นในการเสริมความแข็งแกร่งของสหภาพโซเวียต" แสดงว่าผู้รับได้รับรางวัล "อนุปริญญากิตติมศักดิ์ของสหภาพโซเวียต" ในอนาคตไม่ได้รับรางวัล "พลเมืองกิตติมศักดิ์ของสหภาพโซเวียต" ..

การทดสอบระเบิดไฮโดรเจนของสหภาพโซเวียตลูกแรกซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ G.M. Malenkov เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2496 หลังจากการจับกุม L.P. Beria

อาชีพ
เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 ด้วยการแทนที่ตำแหน่งความมั่นคงของรัฐพิเศษด้วยหน่วยทหาร พล.อ. เบเรียได้รับตำแหน่งจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต

เมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2488 สำนักปฏิบัติการสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหภาพโซเวียตได้ก่อตั้งขึ้นและ LP Beria ได้รับการแต่งตั้งเป็นประธาน งานของสำนักงานปฏิบัติการสภาผู้แทนราษฎรรวมถึงงานของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและการขนส่งทางรถไฟ

ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2489 เบเรียได้เป็นสมาชิกของ "เจ็ด" สมาชิก Politburo ซึ่งรวมถึง I. V. Stalin และอีก 6 คนที่อยู่ใกล้เขา ใน "วงใน" นี้ ประเด็นที่สำคัญที่สุดของการบริหารรัฐกิจถูกปิด รวมถึง: นโยบายต่างประเทศ การค้าต่างประเทศ ความมั่นคงของรัฐ อาวุธ การทำงานของกองทัพ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม เขาได้เป็นสมาชิกของ Politburo และในวันรุ่งขึ้นเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานสภารัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต ในฐานะรองประธานคณะรัฐมนตรี ทรงดูแลงานของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ และกระทรวงควบคุมของรัฐ

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2492 - กรกฎาคม พ.ศ. 2494 มีการเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งของ LP Beria ในการเป็นผู้นำของประเทศซึ่งได้รับการอำนวยความสะดวกโดยการทดสอบระเบิดปรมาณูลูกแรกในสหภาพโซเวียตที่ประสบความสำเร็จซึ่งเป็นผลงานการสร้างที่ L.P. เบเรียดูแล อย่างไรก็ตาม คดี Mingrelian ที่มุ่งโจมตีเขาตามมา

หลังจากการประชุมใหญ่ของ CPSU ครั้งที่ 19 ซึ่งจัดขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2495 LP Beria ถูกรวมอยู่ในรัฐสภาของคณะกรรมการกลาง CPSU ซึ่งเข้ามาแทนที่ Politburo เดิมในสำนักรัฐสภาของคณะกรรมการกลาง CPSU และใน "ผู้นำห้าคน" ของรัฐสภาที่สร้างขึ้นตามคำแนะนำของ JV Stalin

ความตายของสตาลิน
ในวันที่สตาลินเสียชีวิต - 5 มีนาคม 2496 การประชุมร่วมของ Plenum ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต, คณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต, รัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตสหภาพโซเวียตได้จัดขึ้น ซึ่งการแต่งตั้งตำแหน่งสูงสุดของพรรคและรัฐบาลของสหภาพโซเวียตได้รับการอนุมัติและตามข้อตกลงก่อนหน้ากับกลุ่ม Khrushchev -Malenkov-Molotov-Bulganin เบเรียได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคนแรกของคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียตและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียตโดยไม่มีการอภิปรายมากนัก กระทรวงกิจการภายในที่จัดตั้งขึ้นใหม่ได้รวมกระทรวงกิจการภายในที่มีอยู่เดิมและกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐเข้าด้วยกัน

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2496 แอล.พี.เบเรียได้เข้าร่วมงานศพของ I.V. Stalin จากพลับพลาของสุสานได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่ระลึก

เบเรียร่วมกับครุสชอฟและมาเลนคอฟกลายเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันหลักในการเป็นผู้นำในประเทศ ในการต่อสู้เพื่อความเป็นผู้นำ L.P. Beria พึ่งพาหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ลูกน้องของ LP Beria ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้นำของกระทรวงกิจการภายใน เมื่อวันที่ 19 มีนาคม หัวหน้าของกระทรวงมหาดไทยถูกแทนที่ในทุกสาธารณรัฐสหภาพและในภูมิภาคส่วนใหญ่ของ RSFSR ในทางกลับกัน หัวหน้ากระทรวงกิจการภายในที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ได้เปลี่ยนบุคลากรในระดับผู้บริหารระดับกลาง

ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงมิถุนายน 2496 เบเรียในฐานะหัวหน้ากระทรวงกิจการภายในตามคำสั่งของกระทรวงและข้อเสนอ (หมายเหตุ) ต่อคณะรัฐมนตรีและคณะกรรมการกลาง (ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับการอนุมัติโดยมติและพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้อง ) ริเริ่มการยุติคดีแพทย์ คดี Mengrelian และการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและการเมืองอีกจำนวนหนึ่ง:

คำสั่งในการสร้างคณะกรรมาธิการในการแก้ไข "กรณีแพทย์" การสมรู้ร่วมคิดในกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของสหภาพโซเวียต Glavartupra ของกระทรวงกลาโหมของสหภาพโซเวียตและกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐจอร์เจีย SSR ทุกคนที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ได้รับการฟื้นฟูภายในสองสัปดาห์
คำสั่งให้จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณากรณีการเนรเทศพลเมืองออกจากจอร์เจีย
คำสั่งแก้ไข "คดีการบิน" ในอีกสองเดือนข้างหน้า ผู้บังคับการตำรวจแห่งอุตสาหกรรมการบิน Shakhurin และผู้บัญชาการกองทัพอากาศแห่งสหภาพโซเวียต Novikov รวมถึงบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่และคืนสถานะในตำแหน่งและยศ
หมายเหตุถึงรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ กปปส. เรื่องการนิรโทษกรรม ตามข้อเสนอของเบเรีย รัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2496 ได้อนุมัติพระราชกฤษฎีกา "นิรโทษกรรม" โดยให้ประชาชน 1.203 ล้านคนได้รับการปล่อยตัวจากสถานกักขังตลอดจนยุติคดีสอบสวน เทียบกับ 401,000 คน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2496 ประชาชน 1.032 ล้านคนได้รับการปล่อยตัวจากสถานกักขัง ประเภทของนักโทษดังต่อไปนี้:
ถูกตัดสินจำคุกไม่เกิน 5 ปีรวม
ถูกตัดสินว่า:
เป็นทางการ,
ครัวเรือนและ
อาชญากรรมทางทหารบางอย่าง
เช่นเดียวกับ:
ผู้เยาว์
ผู้สูงอายุ,
ป่วย,
ผู้หญิงที่มีเด็กเล็กและ
สตรีมีครรภ์.

หมายเหตุถึงรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU เกี่ยวกับการฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ที่อยู่ใน "กรณีของแพทย์"
บันทึกดังกล่าวยอมรับว่าบุคคลสำคัญผู้บริสุทธิ์ด้านการแพทย์ของสหภาพโซเวียตถูกนำเสนอเป็นสายลับและฆาตกร และด้วยเหตุนี้ สื่อกลางจึงกลายเป็นวัตถุแห่งการล่วงละเมิดต่อต้านกลุ่มเซมิติก คดีตั้งแต่ต้นจนจบเป็นนิยายที่ยั่วยุของอดีตรองผู้อำนวยการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของสหภาพโซเวียต Ryumin ผู้ซึ่งได้ลงมือบนเส้นทางอาญาในการหลอกลวงคณะกรรมการกลางของ All-Union Communist Party of Bolsheviks เพื่อให้ได้มาซึ่ง คำให้การที่จำเป็นทำให้ JV Stalin ได้รับการลงโทษในการใช้มาตรการทางกายภาพกับแพทย์ที่ถูกจับกุม - การทรมานและการเฆี่ยนตีอย่างรุนแรง มติที่ตามมาของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU "ในการปลอมแปลงกรณีที่เรียกว่าแพทย์ศัตรูพืช" เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2496 สั่งให้สนับสนุนข้อเสนอของเบเรียสำหรับการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยสมบูรณ์ของแพทย์เหล่านี้ (37 คน) และ การถอด Ignatiev ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของสหภาพโซเวียตและ Ryumin ถูกจับกุมในขณะนี้

หมายเหตุถึงรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU เกี่ยวกับการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของ S. M. Mikhoels และ V. I. Golubov
คำสั่ง "ในการห้ามใช้มาตรการบังคับและกดดันทางกายภาพต่อผู้ถูกจับกุม"
มติที่ตามมาของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU "ในการอนุมัติมาตรการของกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียตเพื่อแก้ไขผลที่ตามมาของการละเมิดกฎหมาย" เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2496 อ่าน: "เพื่ออนุมัติสหายที่กำลังดำเนินอยู่ . มาตรการของ Beria LP เพื่อเปิดเผยการกระทำทางอาญาที่กระทำขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในอดีตกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของสหภาพโซเวียตซึ่งแสดงออกในการประดิษฐ์คดีเท็จต่อคนที่ซื่อสัตย์ตลอดจนมาตรการเพื่อแก้ไขผลที่ตามมาจากการละเมิดกฎหมายของสหภาพโซเวียตโดยคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ มาตรการมุ่งเป้าไปที่การเสริมสร้างความเข้มแข็งของรัฐโซเวียตและกฎหมายสังคมนิยม”
หมายเหตุถึงรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU เกี่ยวกับการประพฤติมิชอบของคดี Mingrelian มติที่ตามมาของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU "ในการปลอมแปลงคดีที่เรียกว่ากลุ่มชาตินิยม Mingrelian" เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2496 ยอมรับว่าสถานการณ์ของคดีเป็นเรื่องสมมติปล่อยจำเลยทั้งหมดและอย่างเต็มที่ ฟื้นฟูพวกเขา
หมายเหตุถึงรัฐสภาของคณะกรรมการกลาง CPSU "ในการฟื้นฟูสมรรถภาพของ ND Yakovlev, II Volkotrubenko, IA Mirzakhanov และอื่น ๆ "
หมายเหตุถึงรัฐสภาของคณะกรรมการกลาง CPSU "ในการฟื้นฟูสมรรถภาพของ M. M. Kaganovich"
หมายเหตุถึงรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU "ในการยกเลิกข้อ จำกัด หนังสือเดินทางและพื้นที่หวงห้าม"

จับกุมและพิพากษา
หนังสือเวียนของหัวหน้าผู้อำนวยการหลักที่ 2 ของกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต K. Omelchenko ในการยึดภาพเหมือนของ L.P. Beria 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496
เมื่อได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกส่วนใหญ่ของคณะกรรมการกลางและบุคลากรทางทหารระดับสูงแล้วครุสชอฟได้จัดประชุมคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 ซึ่งเขาได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการปฏิบัติตามตำแหน่งของเขาและเบเรีย การลบของเขาออกจากโพสต์ทั้งหมด ท่ามกลางคนอื่น ๆ ครุสชอฟเปล่งข้อกล่าวหาเรื่องการแก้ไขใหม่ซึ่งเป็นแนวทางต่อต้านสังคมนิยมต่อสถานการณ์ที่กำเริบใน GDR และการจารกรรมเพื่อสนับสนุนบริเตนใหญ่ในปี ค.ศ. 1920 เบเรียพยายามพิสูจน์ว่าหากเขาได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการกลางของ CPSU มีเพียง plenum เท่านั้นที่สามารถถอดเขาออกได้ แต่ด้วยสัญญาณพิเศษกลุ่มนายพลที่นำโดยจอมพล Zhukov เข้ามาในสถานที่และจับกุมเบเรีย

เบเรียถูกกล่าวหาว่าจารกรรมเพื่อสนับสนุนบริเตนใหญ่และประเทศอื่น ๆ ในความปรารถนาที่จะชำระล้างคนงานโซเวียตและระบบชาวนาเพื่อฟื้นฟูระบบทุนนิยมและฟื้นฟูการปกครองของชนชั้นนายทุนรวมถึงการทุจริตทางศีลธรรมการใช้อำนาจในทางที่ผิด ของคดีอาญากับเพื่อนร่วมงานของเขาในจอร์เจียและ Transcaucasia และในองค์กรของการปราบปรามที่ผิดกฎหมาย (เบเรียนี้ตามข้อกล่าวหากระทำการเพื่อจุดประสงค์ที่เห็นแก่ตัวและเป็นศัตรู)

ที่การประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกลาง CPSU ในเดือนกรกฎาคม สมาชิกคณะกรรมการกลางเกือบทั้งหมดได้แถลงเกี่ยวกับกิจกรรมการก่อวินาศกรรมของ L. Beria เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมโดยมติของคณะกรรมการกลางของ CPSU เบเรียได้รับการปลดออกจากหน้าที่ในฐานะสมาชิกของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU และถูกถอดออกจากคณะกรรมการกลางของ CPSU เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2496 คณะกรรมการหลักที่ 2 ของกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียตออกหนังสือเวียนลับซึ่งสั่งให้ริบภาพศิลปะของ L.P. Beria อย่างกว้างขวาง

ร่วมกับเขาเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาจากหน่วยงานความมั่นคงของรัฐถูกกล่าวหาทันทีหลังจากการจับกุมและต่อมาได้รับการเสนอชื่อในสื่อว่า "แก๊งของเบเรีย":
V.N. Merkulov - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงควบคุมสหภาพโซเวียต
B.Z. Kobulov - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยคนแรกของสหภาพโซเวียต
Goglidze S.A. - หัวหน้าคณะกรรมการที่ 3 ของกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต
Meshik P. Ya. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของยูเครน SSR
Dekanozov V.G. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของจอร์เจียSSR
Vlodzimirsky L.E. - หัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีสำคัญโดยเฉพาะของกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2496 คดีของเบเรียได้รับการพิจารณาโดยการพิจารณาคดีพิเศษของศาลฎีกาของสหภาพโซเวียต โดยมีจอมพล I. S. Konev เป็นประธาน จากคำพูดสุดท้ายของเบเรียในการพิจารณาคดี:

ข้าพเจ้าได้แสดงให้ศาลทราบถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าสารภาพผิด เป็นเวลานานที่ฉันซ่อนบริการของฉันในหน่วยข่าวกรองต่อต้านการปฏิวัติ Musavat อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าขอประกาศว่าแม้ขณะรับใช้ที่นั่น ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ฉันยอมรับความเสื่อมโทรมทางศีลธรรมของฉันอย่างเต็มที่ ความผูกพันมากมายกับผู้หญิงที่กล่าวถึงในที่นี้ทำให้ฉันอายในฐานะพลเมืองและอดีตสมาชิกพรรค | ...

โดยตระหนักว่าฉันต้องรับผิดชอบต่อความเกินและการบิดเบือนของกฎหมายสังคมนิยมในปี 2480-2481 ฉันขอให้ศาลพิจารณาว่าฉันไม่มีเป้าหมายที่เห็นแก่ตัวและศัตรู เหตุที่ก่ออาชญากรรมคือบรรยากาศในสมัยนั้น | ...

ฉันไม่คิดว่าตัวเองมีความผิดที่พยายามทำลายระบบการป้องกันของคอเคซัสในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ

เมื่อพิจารณาถึงฉัน ฉันขอให้คุณวิเคราะห์การกระทำของฉันอย่างรอบคอบ ไม่ใช่เพื่อถือว่าฉันเป็นปฏิปักษ์ปฏิวัติ แต่ให้นำไปใช้กับฉันเฉพาะบทความของประมวลกฎหมายอาญาที่ฉันสมควรได้รับจริงๆ
คำตัดสินอ่าน:

การพิจารณาคดีพิเศษของศาลฎีกาของสหภาพโซเวียตได้ตัดสินใจ: ตัดสินโทษ L. P. Beria, V. N. Merkulov, V. G. Dekanozov, B. Z. Kobulov, S. A. Goglidze, P. Ya. Meshik, L. E. Vlodzimirsky. เพื่อลงโทษประหารชีวิต - ประหารชีวิตด้วยการริบทรัพย์สิน เป็นของพวกเขาเป็นการส่วนตัวโดยกีดกันยศและรางวัลทางทหาร

ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกยิงในวันเดียวกัน และ แอล.พี. เบเรีย ถูกยิงหลายชั่วโมงก่อนการประหารชีวิตนักโทษคนอื่น ๆ ในบังเกอร์ของสำนักงานใหญ่ของเขตทหารมอสโก ต่อหน้าอัยการสูงสุดของสหภาพโซเวียต R.A.Rudenko ด้วยความคิดริเริ่มของเขาเอง พันเอกนายพล (ต่อมาจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต) PF Batitsky ยิงนัดแรกจากอาวุธส่วนตัวของเขา ศพถูกเผาในเตาเผาของเมรุมอสโกที่ 1 (Donskoy) เขาถูกฝังที่สุสาน New Donskoy (ตามคำแถลงอื่น ๆ เถ้าถ่านของเบเรียกระจัดกระจายอยู่เหนือแม่น้ำ Moskva)

รายงานสั้น ๆ เกี่ยวกับการพิจารณาคดีของ L.P. Beria และผู้ร่วมงานของเขาได้รับการตีพิมพ์ในสื่อโซเวียต อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์บางคนยอมรับว่าการจับกุม การพิจารณาคดี และการประหารชีวิตในเบเรียโดยผิดกฎหมายเกิดขึ้นอย่างผิดกฎหมาย ไม่เหมือนจำเลยคนอื่นๆ ในคดีนี้ ไม่เคยมีหมายจับ โปรโตคอลการสอบสวนและจดหมายมีอยู่เฉพาะในสำเนาคำอธิบายของการจับกุมโดยผู้เข้าร่วมนั้นแตกต่างกันโดยพื้นฐานแล้วเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเขาหลังจากการประหารชีวิตไม่มีการยืนยันเอกสาร (ไม่มีใบรับรองการเผาศพ) ข้อเท็จจริงเหล่านี้และข้อเท็จจริงอื่นๆ ได้ให้อาหารแก่ทฤษฎีทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเขียนและนักข่าวชื่อดัง E.A. Prudnikova ซึ่งอิงจากการวิเคราะห์แหล่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและบันทึกความทรงจำของคนร่วมสมัย พิสูจน์ว่า L.P. เป็นการปลอมแปลงที่ออกแบบมาเพื่อปิดบังสถานะที่แท้จริงของกิจการ .

เวอร์ชันที่ Beria เสียชีวิตตามคำสั่งของ Khrushchev, Malenkov และ Bulganin เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 โดยกลุ่มผู้จับกุมโดยตรงระหว่างการจับกุมในคฤหาสน์ของเขาบนถนน Malaya Nikitskaya นำเสนอในภาพยนตร์สารคดีสืบสวนโดยนักข่าว Sergei Medvedev แสดงครั้งแรกเมื่อ ช่อง One เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2557 ปี

หลังจากการจับกุมของเบเรีย หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา เลขานุการคนที่ 1 ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอาเซอร์ไบจาน SSR Mir Jafar Bagirov ถูกจับกุมและถูกประหารชีวิต ในปีต่อ ๆ มา สมาชิกระดับล่างของ "แก๊งเบเรีย" คนอื่น ๆ ถูกตัดสินว่ามีความผิดและยิงหรือถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลานาน:

Abakumov V.S. - ประธานคณะกรรมการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของสหภาพโซเวียต
Ryumin M.D. - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของสหภาพโซเวียต
ใน "คดีบากิรอฟ"
Bagirov M.D. - เลขานุการคนที่ 1 ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอาเซอร์ไบจาน SSR
R. Markaryan - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตปกครองตนเองดาเกสถาน
Borshchev T.M. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของ Turkmen SSR
Grigoryan Kh.I. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของอาร์เมเนีย SSR
Atakishiev S.I. - รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐคนที่ 1 ของอาเซอร์ไบจาน SSR
Emelyanov S.F. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของอาเซอร์ไบจาน SSR
ใน "คดี Rukhadze"
Rukhadze N.M. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐจอร์เจียSSR
รพวา. A. N. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงควบคุมของรัฐจอร์เจียSSR
Sh.O. Tsereteli - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของจอร์เจียSSR
Savitsky K.S. - ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยคนแรกของสหภาพโซเวียต
Krimyan N.A. - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐอาร์เมเนียSSR
Khazan A.S. - ในปี 2480-2481 หัวหน้าสาขาที่ 1 ของจอร์เจีย NKVD SPO และผู้ช่วยหัวหน้า STO ของ NKVD แห่งจอร์เจีย
Paramonov G.I. - รองหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีสำคัญโดยเฉพาะของกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต
Nadaraya S.N. - หัวหน้าแผนกที่ 1 ของคณะกรรมการที่ 9 ของกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต
อื่น ๆ.

นอกจากนี้พันเอกและนายพลอย่างน้อย 100 นายถูกปลดยศและ / หรือรางวัลและไล่ออกจากร่างกายด้วยถ้อยคำว่า "น่าอดสูระหว่างที่เขาทำงานในร่างกาย ... และไม่คู่ควรกับตำแหน่งสูงในเรื่องนี้ ... ”

"สำนักพิมพ์วิทยาศาสตร์แห่งรัฐ" สารานุกรมแห่งสหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่ "แนะนำให้ลบหน้า TSB 21, 22, 23 และ 24 เล่มที่ 5 ออกจากเล่มที่ 5 เช่นเดียวกับภาพที่วางระหว่าง 22 ถึง 23 หน้าแทนที่จะส่งหน้าด้วย ข้อความใหม่" หน้าใหม่ 21 มีรูปถ่ายของทะเลแบริ่ง
ในปีพ.ศ. 2495 ได้มีการตีพิมพ์เล่มที่ห้าของสารานุกรม Great Soviet ซึ่งรวมถึงภาพเหมือนของ L.P. Beria และบทความเกี่ยวกับเขา ในปีพ. ศ. 2497 กองบรรณาธิการของสารานุกรมแห่งสหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่ได้ส่งจดหมายถึงสมาชิกทั้งหมดซึ่งขอแนะนำอย่างยิ่งให้ตัดทั้งภาพเหมือนและหน้าที่อุทิศให้กับ LP Beria ด้วย "กรรไกรหรือมีดโกน" และวางอย่างอื่นแทน (ส่ง ในจดหมายฉบับเดียวกัน) ที่มีบทความอื่นที่ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรเดียวกัน ในหนังสือพิมพ์และวรรณกรรมของยุค "ละลาย" การทำให้ภาพพจน์ของเบเรียกลายเป็นปีศาจ เขาในฐานะผู้ริเริ่มหลักถูกตำหนิสำหรับการกดขี่มวลชนทั้งหมด

โดยการตัดสินใจของวิทยาลัยการทหารของศาลฎีกาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 เบเรียในฐานะผู้จัดงานปราบปรามทางการเมืองได้รับการยอมรับว่าไม่ต้องได้รับการฟื้นฟู:

... จากที่กล่าวมาแล้ว Military Collegium ได้ข้อสรุปว่า Beria, Merkulov, Kobulov และ Goglidze เป็นผู้นำที่จัดระเบียบและดำเนินการปราบปรามประชาชนของตนเองในระดับรัฐเป็นการส่วนตัว ดังนั้นกฎหมาย "ว่าด้วยการฟื้นฟูผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการปราบปรามทางการเมือง" จึงไม่สามารถนำมาใช้กับพวกเขาในฐานะผู้กระทำการก่อการร้ายได้

... นำทางโดย อาร์ต. 8, 9, 10 แห่งกฎหมายของสหพันธรัฐรัสเซีย "ในการฟื้นฟูผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการปราบปรามทางการเมือง" เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2534 และศิลปะ 377-381 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาของ RSFSR วิทยาลัยการทหารของศาลฎีกาของสหพันธรัฐรัสเซียกำหนด: "เพื่อรับรู้ Beria Lavrenty Pavlovich, Merkulov Vsevolod Nikolaevich, Kobulov Bogdan Zakharievich, Goglidze Sergei Arsenievich ไม่ต้องได้รับการฟื้นฟู"
- สารสกัดจากคำตัดสินของวิทยาลัยทหารของศาลฎีกาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียหมายเลข bn-00164/2000 ลงวันที่ 29.V.2002
ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 L.P. Beria ได้รับการพิจารณาโดยนักวิจัยบางคนว่าเป็นผู้ดำเนินนโยบายของสตาลินเท่านั้น

ครอบครัวและชีวิตส่วนตัว
ทศวรรษที่ 1930
เขาแต่งงานกับ Nina (Nino) Teimurazovna Gegechkori (1905-1991) พวกเขามีลูกชายคนหนึ่ง Sergo (1924-2000) ในปี 1990 เมื่ออายุได้ 86 ปี ภรรยาม่ายของ Lavrentia Beria ให้สัมภาษณ์ว่าเธอให้เหตุผลกับกิจกรรมของสามีอย่างเต็มที่

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Lavrenty Beria มีภรรยาคนที่สอง (กฎหมายทั่วไป) เขาอาศัยอยู่ร่วมกับ Valentina (Lyalya) Drozdova ซึ่งในช่วงเวลาที่พวกเขารู้จักกันเป็นเด็กนักเรียน Valentina Drozdova ให้กำเนิดลูกสาวจาก Beria ชื่อ Martha หรือ Eteri (ตามที่นักร้อง TK Avetisyan ซึ่งคุ้นเคยเป็นการส่วนตัวกับครอบครัวของ Beria และ Lyalya Drozdova - Lyudmila (Lyusya)) ซึ่งภายหลังแต่งงานกับ Alexander Grishin ลูกชายของ เลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการเมืองมอสโกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต Victor Grishin วันรุ่งขึ้นหลังจากรายงานในหนังสือพิมพ์ปราฟดาเกี่ยวกับการจับกุมเบเรีย Lyalya Drozdova ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานอัยการว่าเบเรียถูกข่มขืนและอาศัยอยู่ร่วมกับเขาภายใต้การขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย ในการพิจารณาคดีเธอและแม่ของเธอ A. I. Akopyan ทำหน้าที่เป็นพยานและให้คำฟ้องต่อเบเรีย Valentina Drozdova เองเป็นที่รักของนักเก็งกำไรสกุลเงิน Yan Rokotov ซึ่งถูกยิงในปี 2504 และภรรยาของคนงานถักเงา Ilya Galperin ซึ่งถูกยิงในปี 2510

หลังจากเบเรียถูกตัดสินว่ามีความผิด ญาติสนิทและญาติสนิทของผู้ถูกตัดสินถูกเนรเทศไปพร้อมกับเขาไปยังดินแดนครัสโนยาสค์ ภูมิภาคสแวร์ดลอฟสค์ และคาซัคสถาน]

ข้อเท็จจริง
ในวัยหนุ่มของเขา เบเรียชอบฟุตบอล เขาเล่นให้กับหนึ่งในทีมจอร์เจียนในตำแหน่งกองกลางซ้าย ต่อจากนั้น เขาได้เข้าร่วมการแข่งขันเกือบทั้งหมดของทีมไดนาโม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทบิลิซิ ไดนาโม ซึ่งเขารู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้อย่างเจ็บปวด

อ้างอิงจากส G. Mirzoyan ในปี 1936 เบเรีย ระหว่างการสอบสวนในสำนักงานของเขา ได้ยิงเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งอาร์เมเนีย A.G. Khanjyan
เบเรียเรียนเพื่อเป็นสถาปนิก มีหลักฐานว่าอาคารสองหลังประเภทเดียวกันบนจัตุรัสกาการินในมอสโกถูกสร้างขึ้นตามแบบของเขา
"Beriev Orchestra" ถูกเรียกว่าผู้พิทักษ์ส่วนตัวของเขาซึ่งเมื่อเดินทางในรถเปิดโล่งซ่อนปืนกลไว้ในกล่องไวโอลินและปืนกลเบาในกล่องดับเบิลเบส

รางวัล [
โดยคำสั่งของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตแห่งสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2496 เขาถูกลิดรอนตำแหน่งจอมพลแห่งสหภาพโซเวียตชื่อวีรบุรุษแห่งพรรคสังคมนิยมและรางวัลของรัฐทั้งหมด

วีรชนแรงงานสังคมนิยม ครั้งที่ 80 30 กันยายน พ.ศ. 2486
5 คำสั่งของเลนิน
ลำดับที่ 1236 17 มีนาคม 2478 - สำหรับความสำเร็จที่โดดเด่นเป็นเวลาหลายปีในด้านการเกษตรตลอดจนในด้านอุตสาหกรรม
ลำดับที่ 14839 30 กันยายน 2486 - สำหรับบริการพิเศษในด้านการเพิ่มความแข็งแกร่งในการผลิตอาวุธและกระสุนปืนในสภาวะสงครามที่ยากลำบาก
ฉบับที่ 27006 21 กุมภาพันธ์ 2488
ฉบับที่ 94311 29 มีนาคม 2492 - เนื่องในวันครบรอบ 50 ปีวันเกิดของเขาและสำหรับบริการที่โดดเด่นของเขาต่อพรรคคอมมิวนิสต์และประชาชนโซเวียต
ลำดับที่ 118679 29 ต.ค. 2492 - สำหรับการจัดระเบียบการผลิตพลังงานปรมาณูและความสำเร็จของการทดสอบอาวุธปรมาณู
2 คำสั่งของธงแดง
เลขที่ 7034 3 เมษายน 2467
เลขที่ 11517 3 พฤศจิกายน 2487
คำสั่งของ Suvorov ระดับ 1 ครั้งที่ 217 8 มีนาคม 2487 - พระราชกฤษฎีกาถูกยกเลิก 4 เมษายน 2505
7 เหรียญ
เหรียญกาญจนาภิเษก "XX ปีแห่งกองทัพแดง 'คนงานและชาวนา'
เหรียญ "สำหรับการป้องกันกรุงมอสโก"
เหรียญ "สำหรับการป้องกันสตาลินกราด"
เหรียญ "สำหรับการป้องกันคอเคซัส"
เหรียญ "สำหรับชัยชนะเหนือเยอรมนีในมหาสงครามแห่งความรักชาติ 2484-2488"
เหรียญ "ในโอกาสครบรอบ 800 ปีของมอสโก"
เหรียญกาญจนาภิเษก "30 ปีกองทัพโซเวียตและกองทัพเรือ"
เครื่องอิสริยาภรณ์ธงแดงของจอร์เจีย SSR เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2466
คำสั่งของธงแดงแห่งแรงงานของจอร์เจีย SSR 10 เมษายน 2474
คำสั่งของธงแดงแห่งแรงงานของอาเซอร์ไบจาน SSR 14 มีนาคม 2475
คำสั่งของสาธารณรัฐ (ตูวา) 18 สิงหาคม พ.ศ. 2486
คำสั่งของสุขบาตาร์ ฉบับที่ 31 29 มีนาคม 2492
เครื่องอิสริยาภรณ์ธงแดง (มองโกเลีย) ฉบับที่ 441 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2485
เหรียญ "25 ปีแห่งการปฏิวัติประชาชนมองโกเลีย" เลขที่ 3125 19 กันยายน พ.ศ. 2489
Stalin Prize ระดับ 1 (29 ตุลาคม 2492 และ 6 ธันวาคม 2494)
เสื้อเกราะ "ผู้ปฏิบัติงานกิตติมศักดิ์ของ Cheka-OGPU (V)" หมายเลข 100
เสื้อเกราะ "ผู้ปฏิบัติงานกิตติมศักดิ์ของ Cheka - GPU (XV)" หมายเลข 205 20 ธันวาคม 2475
อาวุธประจำตัว - ปืนบราวนิ่ง
นาฬิกาโมโนแกรม

การดำเนินการ
แอล. เบเรีย. เกี่ยวกับคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ขององค์กรบอลเชวิคในทรานคอเคซัส รายงานการประชุมนักเคลื่อนไหวของพรรค Tiflis เมื่อวันที่ 21-22 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 - การตีพิมพ์ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ All-Union / b /, 2479
แอล. เบเรีย. ลาโด เคตสโคเวลี. M., Partizdat, 2480.
ภายใต้แบนเนอร์อันยิ่งใหญ่ของเลนิน - สตาลิน: บทความและสุนทรพจน์ ทบิลิซี 2482;
สุนทรพจน์ในการประชุม XVIII Congress of the All-Union Communist Party (Bolsheviks) 12 มีนาคม 1939 - เคียฟ: สำนักพิมพ์การเมืองแห่งรัฐของยูเครน SSR, 1939;
รายงานการทำงานของคณะกรรมการกลางของ CP (b) ของจอร์เจียที่ XI Congress of the CP (b) ของจอร์เจีย 16 มิถุนายน 2481 - Sukhumi: Abgiz, 1939;
ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา [I. วี. สตาลิน]. - เคียฟ: สำนักพิมพ์การเมืองแห่งรัฐของยูเครน SSR, 2483;
ลาโด เคตสโคเวลี. (1876-1903) / (ชีวิตของพวกบอลเชวิคที่น่าทึ่ง) แปลโดย N. Erubaev - อัลมา-อตา: Kazgospolitizdat, 1938;
เกี่ยวกับเยาวชน - ทบิลิซี: สำนักพิมพ์เด็กแห่งจอร์เจีย SSR, 2483;
วัตถุที่มีชื่อ ล.ป. เบเรีย [แก้ไข | แก้ไขข้อความวิกิ]
เพื่อเป็นเกียรติแก่เบเรียได้รับการตั้งชื่อ:

เขต Berievsky - ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม 1944 (ปัจจุบันเป็นเขต Novolaksky ของ Dagestan)
ภูมิภาค Berievsky - ภูมิภาคของ Armenian SSR ในปี 1939-1953 โดยมีศูนย์กลางการบริหารในหมู่บ้านที่ตั้งชื่อตาม Beria
Beriaaul - หมู่บ้าน Novolakskoye, ดาเกสถาน
เบริยาเชน - ชารุกการ์ อาเซอร์ไบจาน SSR
Beriyakend - ชื่อเดิมของหมู่บ้าน Khanlarkand ภูมิภาค Saatli อาเซอร์ไบจาน SSR
ตั้งชื่อตาม Beria - ชื่อเดิมของหมู่บ้าน Zhdanov ในอาร์เมเนีย SSR (ปัจจุบันอยู่ในภูมิภาค Armavir)
นอกจากนี้ หมู่บ้านใน Kalmykia และภูมิภาคมากาดานได้รับการตั้งชื่อตามเขา

ชื่อของ LP Beria เป็นชื่อของถนนสหกรณ์ปัจจุบันใน Kharkov, Freedom Square ใน Tbilisi, Victory Avenue ใน Ozersk, Apsheronskaya Square ใน Vladikavkaz (Dzaudzhikau), Tsimlyanskaya Street ใน Khabarovsk, Gagarin Street ใน Sarov, Pervomayskaya Street ใน Seversk, Mira ถนนในอูฟา

สนามกีฬา Dynamo Tbilisi ได้รับการตั้งชื่อตาม Beria

ฉันคิดว่ามันน่าสนใจสำหรับคุณที่จะทำความคุ้นเคยกับความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคลิกภาพทางประวัติศาสตร์นี้อยู่แล้ว บางคนทราบข้อมูลนี้แล้ว ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตามจะไม่รับรู้ และบางคนจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ สำหรับตนเอง

Lavrenty Pavlovich Beria เป็นหนึ่งในรัฐบุรุษที่มีชื่อเสียงที่สุดในรัสเซียและในเวลาเดียวกัน ตำนานคำโกหกและใส่ร้ายเขาเกือบจะเกินปริมาณที่หลั่งออกมาในนามของสตาลิน สิ่งสำคัญสำหรับเราคือการเข้าใจว่าจริงๆ แล้วเบเรียเป็นใคร

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 กองทหารรถถังสามกองประจำการใกล้กรุงมอสโกได้รับคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมให้บรรจุกระสุนและเข้าสู่เมืองหลวง กองปืนไรเฟิลติดเครื่องยนต์ได้รับคำสั่งเดียวกัน กองบินสองแห่งและเครื่องบินทิ้งระเบิดได้รับคำสั่งให้รอคำสั่งให้วางระเบิดเครมลินในความพร้อมรบอย่างเต็มที่ ต่อมาได้มีการประกาศรุ่นของการเตรียมการทั้งหมด: รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของเบเรียกำลังเตรียมการทำรัฐประหารซึ่งจำเป็นต้องป้องกัน เบเรียเองก็ถูกจับ พยายามยิง และถูกยิง เป็นเวลา 50 ปีแล้วที่ไม่มีใครตั้งคำถามกับเวอร์ชันนี้ เป็นคนธรรมดาและไม่ใช่คนธรรมดาที่รู้เพียงสองสิ่งเกี่ยวกับ Lavrentiy Beria: เขาเป็นเพชฌฆาตและคลั่งไคล้ทางเพศ อย่างอื่นจะถูกลบออกจากประวัติ มันแปลกมาก ทำไมสตาลินถึงทนกับร่างที่ไร้ประโยชน์และมืดมนอยู่ใกล้เขา? เขากลัวหรืออะไร? ความลึกลับ. ใช่ฉันไม่กลัวเลย! และไม่มีความลึกลับ ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่เข้าใจบทบาทที่แท้จริงของบุคคลนี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจยุคสตาลิน เพราะอันที่จริงแล้ว ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่ผู้คนที่ยึดอำนาจในสหภาพโซเวียตและแปรรูปชัยชนะและความสำเร็จทั้งหมดของบรรพบุรุษของพวกเขาในเวลาต่อมา

Elena Prudnikova นักข่าวของ St. Petersburg ผู้เขียนการสืบสวนทางประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นผู้เข้าร่วมโครงการ "Riddles of History" ทางประวัติศาสตร์และประชาสัมพันธ์เล่าถึง Lavrentia Beria ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงบนหน้าหนังสือพิมพ์ของเรา "ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจ" ใน Transcaucasia หลายคนเคยได้ยินเกี่ยวกับ "ปาฏิหาริย์ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น" แต่ใครจะรู้เกี่ยวกับจอร์เจียบ้าง? ในฤดูใบไม้ร่วงปี 1931 สาวน้อย Chekist Lavrenty Beria กลายเป็นเลขานุการคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งจอร์เจีย ซึ่งเป็นบุคลิกที่โดดเด่นมาก ในปี 20 เขาเปิดเครือข่ายผิดกฎหมายใน Menshevik Georgia ในวันที่ 23 เมื่อสาธารณรัฐอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกบอลเชวิค เขาได้ต่อสู้กับโจรกรรมและบรรลุผลที่น่าประทับใจ - เมื่อต้นปีนี้มีแก๊ง 31 แก๊งในจอร์เจีย สิ้นปีนี้มีเพียง 10 แก๊งเท่านั้น เมื่อวันที่ 25 เบเรียได้รับรางวัล Order of the Battle Red Banner ในปีพ.ศ. 2472 เขาได้ดำรงตำแหน่งประธาน GPU ของ Transcaucasus และเป็นตัวแทนผู้มีอำนาจเต็มของ OGPU ในภูมิภาค แต่น่าแปลกที่ Beria พยายามอย่างดื้อรั้นที่จะเข้าร่วมบริการ Chekist โดยใฝ่ฝันที่จะสำเร็จการศึกษาและกลายเป็นช่างก่อสร้างในที่สุด ในปี 1930 เขายังเขียนจดหมายถึง Ordzhonikidze อย่างสิ้นหวัง “เรียน Sergo! ฉันรู้ว่าคุณจะบอกว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามายกประเด็นเรื่องการศึกษา แต่จะทำอย่างไร ฉันรู้สึกว่าฉันทนไม่ไหวแล้ว” ในมอสโก คำขอได้รับการตอบสนองตรงกันข้าม ดังนั้นในฤดูใบไม้ร่วงปี 2474 เบเรียจึงกลายเป็นเลขานุการคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งจอร์เจีย หนึ่งปีต่อมาเขากลายเป็นเลขานุการคนแรกของคณะกรรมการระดับภูมิภาคของทรานคอเคเซียนซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นเจ้าของภูมิภาค และเราไม่ชอบพูดคุยกันมากนักเกี่ยวกับวิธีที่เขาทำงานในโพสต์นี้ อำเภอเบเรียก็มีเหมือนกัน

อุตสาหกรรมดังกล่าวไม่มีอยู่จริง ขอทานชานเมืองหิว ดังที่คุณทราบตั้งแต่ปี 1927 การรวมกลุ่มเกิดขึ้นในสหภาพโซเวียต ภายในปี 1931 เป็นไปได้ที่จะผลักดันฟาร์ม 36% ให้เป็นฟาร์มรวมในจอร์เจีย แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ประชากรหิวน้อยลง แล้วเบเรียก็ทำท่าอัศวิน เขาหยุดการรวบรวม เขาทิ้งพ่อค้าส่วนตัวไว้ตามลำพัง ในทางกลับกัน ฟาร์มส่วนรวมเริ่มปลูกไม่ใช่ขนมปังและไม่ใช่ข้าวโพด ซึ่งไม่มีเหตุผล แต่เป็นพืชที่มีคุณค่า เช่น ชา ผลไม้รสเปรี้ยว ยาสูบ องุ่น และที่นี่เองที่ผู้ประกอบการทางการเกษตรขนาดใหญ่ได้พิสูจน์ตัวเองร้อยเปอร์เซ็นต์! ฟาร์มส่วนรวมเริ่มเติบโตอย่างมั่งคั่งในอัตราที่ชาวนาเองก็หลั่งไหลเข้ามา ภายในปี พ.ศ. 2482 ฟาร์ม 86% ได้รับการพบปะกันโดยไม่มีการบีบบังคับ ตัวอย่างหนึ่ง: ในปี พ.ศ. 2473 พื้นที่สวนส้มเขียวหวานมีพื้นที่หนึ่งหมื่นห้าพันเฮกตาร์ในปี พ.ศ. 2483 - 20,000 ผลผลิตจากต้นไม้ต้นหนึ่งเพิ่มขึ้นในบางฟาร์ม - มากถึง 20 เท่า เมื่อคุณไปตลาดสำหรับส้มเขียวหวาน Abkhaz อย่าลืม Lavrenty Pavlovich! ในอุตสาหกรรม เขาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ในช่วงห้าปีแรก ปริมาณการผลิตภาคอุตสาหกรรมรวมของจอร์เจียเพียงประเทศเดียวเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า สำหรับแผนห้าปีที่สอง - อีก 5 ครั้ง มันก็เหมือนกันในสาธารณรัฐทรานคอเคเซียนที่เหลือ ตัวอย่างเช่นภายใต้เบเรียที่พวกเขาเริ่มเจาะชั้นวางของทะเลแคสเปียนซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่าฟุ่มเฟือย: ทำไมต้องกังวลเรื่องไร้สาระทุกประเภท! แต่ตอนนี้มีสงครามที่แท้จริงระหว่างมหาอำนาจเหนือน้ำมันแคสเปียนและเส้นทางคมนาคมขนส่ง ในเวลาเดียวกัน Transcaucasia กลายเป็น "เมืองหลวงรีสอร์ท" ของสหภาพโซเวียต - ใครคิดเกี่ยวกับ "ธุรกิจรีสอร์ท"? ในแง่ของการศึกษาแล้วในปี 1938 จอร์เจียมาถึงสถานที่แรกในสหภาพและในแง่ของจำนวนนักเรียนต่อพันวิญญาณนั้นเกินอังกฤษและเยอรมนี กล่าวโดยย่อ ในช่วงเจ็ดปีที่เบเรียอยู่ในตำแหน่ง "คนสำคัญ" ในทรานคอเคเซีย เขาได้เขย่าเศรษฐกิจของสาธารณรัฐที่ล้าหลังจนกลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในสหภาพจนถึงยุค 90 หากคุณมองอย่างใกล้ชิด แพทย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่ดำเนินการเปเรสทรอยก้าในสหภาพโซเวียต มีอะไรมากมายให้เรียนรู้จากนัก Chekist คนนี้ แต่นั่นเป็นช่วงเวลาที่ไม่ใช่นักพูดทางการเมือง แต่เป็นนักธุรกิจที่คุ้มกับทองคำ

สตาลินไม่สามารถปล่อยให้บุคคลดังกล่าวผ่านไปได้ และการนัดหมายของเบเรียที่มอสโคว์ไม่ได้เป็นผลมาจากอุบายของเครื่องมือในขณะที่พวกเขากำลังพยายามนำเสนอ แต่เป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์: บุคคลที่ทำงานในภูมิภาคสามารถได้รับมอบหมายให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในประเทศ

Lavrenty Beria ในปี 1934

ดาบคลั่งแห่งการปฏิวัติ

ในประเทศของเรา ชื่อของเบเรียนั้นเกี่ยวข้องกับการปราบปรามเป็นหลัก ในเรื่องนี้ ขอถามคำถามที่ง่ายที่สุด: "การปราบปรามของเบเรีย" เกิดขึ้นเมื่อใด ขอเดท! เธอจากไปแล้ว. สหาย Yezhov หัวหน้า NKVD ในขณะนั้นรับผิดชอบ "ปีที่ 37" ที่โด่งดัง มีแม้กระทั่งการแสดงออกเช่นนี้ - "กำปั้นเหล็ก" การปราบปรามหลังสงครามเกิดขึ้นเมื่อเบเรียไม่ได้ทำงานในอวัยวะต่างๆ และเมื่อเขามาถึงที่นั่นในปี 2496 สิ่งแรกที่เขาทำคือหยุดพวกเขา เมื่อมี "การฟื้นฟูของเบเรีย" - สิ่งนี้ถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจนในประวัติศาสตร์ และ "การกดขี่ของเบเรีย" เป็นผลผลิตจาก "พีอาร์ดำ" ล้วนๆ และเกิดอะไรขึ้นจริงๆ? ประเทศไม่มีโชคกับผู้นำของ Cheka-OGPU ตั้งแต่เริ่มต้น Dzerzhinsky เป็นคนเข้มแข็ง เอาแต่ใจ และซื่อสัตย์ แต่งานยุ่งมากในรัฐบาลก็โยนแผนกนี้ไปหาเจ้าหน้าที่ของเขา Menzhinsky ผู้สืบทอดตำแหน่งของเขาป่วยหนักและทำเช่นเดียวกัน ผู้ปฏิบัติงานหลักของ "อวัยวะ" ได้รับการส่งเสริมจากสงครามกลางเมืองซึ่งมีการศึกษาต่ำไม่มีหลักการและโหดร้ายใครสามารถจินตนาการได้ว่าสถานการณ์แบบไหนที่ครอบงำที่นั่น ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1920 ผู้นำของแผนกนี้รู้สึกประหม่ามากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับการควบคุมกิจกรรมของพวกเขา: Yezhov เป็นบุคคลใหม่ใน "อวัยวะ" เขาเริ่มต้นได้ดี แต่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ รองผู้ว่าการ Frinovsky เขาสอนผู้บังคับการตำรวจคนใหม่ถึงพื้นฐานของงาน Chekist "ในการผลิต" พื้นฐานนั้นง่ายมาก ยิ่งเราจับศัตรูได้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี การตีทำได้และจำเป็น และการตีและดื่มก็สนุกยิ่งขึ้นไปอีก ดื่มวอดก้า เลือด และการไม่ต้องรับโทษ ในไม่ช้าผู้บังคับการตำรวจก็เปิดเผย "ว่าย" อย่างเปิดเผย

เขาไม่ได้ปิดบังมุมมองใหม่ของเขาจากคนรอบข้างโดยเฉพาะ "สิ่งที่คุณกลัว? - เขาพูดในงานเลี้ยงครั้งหนึ่ง - ท้ายที่สุดพลังทั้งหมดอยู่ในมือของเรา เราต้องการใคร - เราดำเนินการตามที่เราต้องการ - เรามีความเมตตา: ท้ายที่สุดแล้วเราคือทุกสิ่ง จำเป็นที่ทุกคนจะต้องเดินตามคุณตั้งแต่เลขาธิการคณะกรรมการระดับภูมิภาค: "ถ้าเลขาธิการคณะกรรมการระดับภูมิภาคต้องเดินภายใต้หัวหน้าฝ่ายบริหารระดับภูมิภาคของ NKVD แล้วใครที่น่าแปลกใจควรเดิน ภายใต้ Yezhov? ด้วยผู้ปฏิบัติงานและมุมมองดังกล่าว NKVD จึงกลายเป็นอันตรายร้ายแรงทั้งต่อเจ้าหน้าที่และสำหรับประเทศ เป็นการยากที่จะพูดเมื่อเครมลินตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น น่าจะเป็นช่วงครึ่งแรกของปี 2481 แต่การตระหนัก - ตระหนัก แต่จะควบคุมสัตว์ประหลาดได้อย่างไร? ทางออกคือสร้างคนของคุณเองด้วยระดับของความภักดีความกล้าหาญและความเป็นมืออาชีพเพื่อที่เขาจะได้รับมือกับการจัดการของ NKVD และในอีกด้านหนึ่งหยุดสัตว์ประหลาด สตาลินแทบไม่มีคนแบบนี้ให้เลือกมากมาย อย่างน้อยก็พบหนึ่ง การควบคุม NKVD ในปี พ.ศ. 2481 เบเรียได้รับตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในได้กลายเป็นหัวหน้าคณะกรรมการหลักด้านความมั่นคงของรัฐโดยเข้าควบคุมคันโยกควบคุมของโครงสร้างที่อันตรายที่สุด เกือบจะในทันทีก่อนวันหยุดเดือนพฤศจิกายน ผู้บังคับการตำรวจสูงสุดทั้งหมดถูกถอดออกและส่วนใหญ่ถูกจับกุม จากนั้น เมื่อวางคนที่เชื่อถือได้ไว้ในตำแหน่งสำคัญ เบเรียก็เริ่มจัดการกับสิ่งที่บรรพบุรุษของเขาทำ นักเช็คที่พลาดเครื่องหมายถูกไล่ออก จับกุม และบางคนถูกยิง (อีกอย่างต่อมาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอีกครั้งในปี 2496 คุณรู้หรือไม่ว่าคำสั่งใดที่เบเรียออกคำสั่งเป็นอันดับแรก ในการห้ามทรมาน! เขารู้ว่าเขากำลังจะไปไหน จากฝ่ายบริหาร - 3830 คน (62%) .

ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มที่จะจัดการกับการตรวจสอบข้อร้องเรียนและการพิจารณาคดี ข้อมูลที่เผยแพร่ล่าสุดทำให้สามารถประเมินขอบเขตของงานนี้ได้ ตัวอย่างเช่นในปี 2480-38 ผู้คนประมาณ 30,000 คนถูกไล่ออกจากกองทัพด้วยเหตุผลทางการเมือง กลับมาให้บริการหลังจากการเปลี่ยนแปลงความเป็นผู้นำของ NKVD 12.5 พัน ปรากฎว่าประมาณ 40% จากการประมาณการโดยประมาณที่สุด เนื่องจากข้อมูลทั้งหมดยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ จนถึงปี 1941 โดยรวมแล้ว ผู้คนจำนวน 150-180,000 คนได้รับการปล่อยตัวจากค่ายและเรือนจำจาก 630,000 คนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในช่วงหลายปีของ Yezhovism นั่นคือประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ใช้เวลานานในการ "ทำให้ปกติ" NKVD และไม่ประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด แม้ว่างานจะดำเนินการจนถึงปี พ.ศ. 2488 บางครั้งคุณต้องจัดการกับข้อเท็จจริงที่เหลือเชื่ออย่างสมบูรณ์ ตัวอย่างเช่นในปี 1941 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ที่ชาวเยอรมันกำลังก้าวหน้าพวกเขาไม่ได้เข้าร่วมพิธีกับนักโทษ - พวกเขากล่าวว่าสงครามจะเขียนทุกอย่างออกไป อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเขียนมันออกไปเพื่อทำสงคราม ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน ถึง 31 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (ช่วงเดือนที่ยากที่สุดของสงคราม!) พนักงาน NKVD 227 คนถูกนำตัวไปรับผิดทางอาญาจากการใช้อำนาจในทางที่ผิด ในจำนวนนี้ มีผู้ได้รับโทษประหารชีวิตจากวิสามัญฆาตกรรม 19 ราย เบเรียยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ของยุคนี้อีกด้วย - "sharashka" ในบรรดาผู้ถูกจับกุมยังมีคนจำนวนมากที่จำเป็นต่อประเทศชาติ แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่กวีและนักเขียนซึ่งพวกเขาตะโกนเรียกกันมากที่สุดและดังที่สุด แต่นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร นักออกแบบ ที่ทำงานเพื่อการป้องกันเป็นหลัก การปราบปรามในสภาพแวดล้อมนี้เป็นหัวข้อพิเศษ ใครและภายใต้สถานการณ์ใดที่กักขังผู้พัฒนายุทโธปกรณ์ทางทหารในสภาวะของสงครามที่ใกล้เข้ามา? นี่ไม่ใช่คำถามเชิงโวหาร

ประการแรก มีสายลับที่แท้จริงของเยอรมนีใน NKVD ซึ่งตามภารกิจที่แท้จริงของหน่วยข่าวกรองเยอรมันที่แท้จริง พยายามที่จะต่อต้านผู้คนที่เป็นประโยชน์ต่อระบบป้องกันโซเวียต ประการที่สอง มี "ผู้ไม่เห็นด้วย" ในสมัยนั้นไม่น้อยไปกว่าปลายทศวรรษ 1980 นอกจากนี้ สิ่งแวดล้อมยังก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทอย่างไม่น่าเชื่อ และการประณามเป็นวิธีการยอดนิยมในการตัดสินคะแนนและส่งเสริมอาชีพการงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อยอมรับคณะกรรมการกิจการภายในของประชาชนแล้ว เบเรียก็ต้องเผชิญกับข้อเท็จจริง: ในแผนกของเขา มีนักวิทยาศาสตร์และนักออกแบบหลายร้อยคนที่ถูกจับกุม ซึ่งทำงานที่ประเทศต้องการอย่างยิ่ง พูดตอนนี้ทันสมัยแค่ไหน - รู้สึกเหมือนเป็นผู้บังคับการตำรวจ! คดีอยู่ตรงหน้าคุณ บุคคลนี้อาจมีความผิดหรืออาจไร้เดียงสา แต่เขาจำเป็น จะทำอย่างไร? เขียน: "ฟรี" แสดงตัวอย่างความชั่วช้าที่ตรงกันข้ามกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือไม่? ตรวจคดี? ใช่ แน่นอน แต่คุณมีตู้เสื้อผ้าที่มี 600,000 คดี อันที่จริง แต่ละคนต้องได้รับการตรวจสอบอีกครั้ง แต่ไม่มีบุคลากร หากเรากำลังพูดถึงคนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดแล้ว ก็จำเป็นต้องยกเลิกประโยคนั้นด้วย คุณจะเริ่มต้นที่ไหน นักวิทยาศาสตร์? จากทหาร? และเวลาผ่านไป ผู้คนกำลังนั่ง สงครามกำลังใกล้เข้ามา ... เบเรียพบจุดยืนของเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2482 เขาได้ลงนามในคำสั่งจัดตั้งสำนักเทคนิคพิเศษ หัวข้อวิจัยเกี่ยวกับทหารล้วนๆ: การสร้างเครื่องบิน, การต่อเรือ, เปลือกหอย, เหล็กหุ้มเกราะ ทั้งกลุ่มก่อตั้งขึ้นจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเหล่านี้ซึ่งอยู่ในคุก เมื่อมีโอกาสเกิดขึ้น เบเรียก็พยายามปลดปล่อยคนเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 ผู้ออกแบบเครื่องบินตูโปเลฟถูกตัดสินจำคุก 15 ปีในค่ายพักแรม และในฤดูร้อนเขาได้รับการปล่อยตัวภายใต้การนิรโทษกรรม

ดีไซเนอร์ Petlyakov ถูกนิรโทษกรรมเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม และในเดือนมกราคม 1941 ก็ได้รับรางวัล Stalin Prize นักพัฒนายุทโธปกรณ์ทางทหารกลุ่มใหญ่เปิดตัวในฤดูร้อนปี 2484 อีกรายในปี 2486 ที่เหลือได้รับการปล่อยตัวจากปี 2487 ถึง 2491 เมื่อคุณอ่านสิ่งที่เขียนเกี่ยวกับเบเรีย มีคนรู้สึกว่าเขากำลังจับ "ศัตรูของประชาชน" แบบนั้นตลอดช่วงสงคราม โอ้แน่นอน! เขาไม่มีอะไรทำ! เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2484 เบเรียได้รับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ในการเริ่มต้น เขาดูแลผู้แทนราษฎรของประชาชนในอุตสาหกรรมไม้ซุง ถ่านหินและน้ำมัน โลหะวิทยาที่ไม่ใช่เหล็ก และในไม่ช้าก็เพิ่มโลหะผสมเหล็กที่นี่ และตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของสงคราม อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศก็ตกอยู่บนบ่าของเขามากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอย่างแรกเลย เขาไม่ใช่นัก Chekist หรือหัวหน้าพรรค แต่เป็นผู้จัดการผลิตที่ยอดเยี่ยม นั่นคือเหตุผลที่เขาได้รับความไว้วางใจในปี พ.ศ. 2488 ในโครงการปรมาณูซึ่งการดำรงอยู่ของสหภาพโซเวียตขึ้นอยู่กับ เขาต้องการลงโทษนักฆ่าของสตาลิน และด้วยเหตุนี้เองเขาจึงถูกฆ่าตาย

สองหัวหน้า

หนึ่งสัปดาห์หลังจากเริ่มสงคราม เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน คณะกรรมการป้องกันประเทศได้จัดตั้งกลุ่มอำนาจพิเศษขึ้น ซึ่งอำนาจทั้งหมดในประเทศถูกรวมเข้าด้วยกัน สตาลินกลายเป็นประธานของ GKO โดยธรรมชาติ แต่ใครเข้ามาในสำนักงานนอกจากเขา? คำถามนี้ถูกข้ามไปอย่างเรียบร้อยในสิ่งตีพิมพ์ส่วนใหญ่ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ประการหนึ่ง: ในบรรดาสมาชิกทั้งห้าของ GKO มีบุคคลที่ไม่ได้กล่าวถึงเพียงคนเดียว ในประวัติศาสตร์โดยย่อของสงครามโลกครั้งที่สอง (1985) ในดัชนีของชื่อที่ได้รับในตอนท้ายของหนังสือเล่มนี้ซึ่งมีบุคคลสำคัญสำหรับชัยชนะเช่น Ovid และ Sandor Petofi เบเรียไม่ใช่ ฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้ต่อสู้ ฉันไม่ได้มีส่วนร่วม ...

ดังนั้น: มีห้าคน สตาลิน โมโลตอฟ มาเลนคอฟ เบเรีย โวโรชิลอฟ และตัวแทนสามคน: Voznesensky, Mikoyan, Kaganovich แต่ในไม่ช้าสงครามก็เริ่มทำการปรับเปลี่ยนเอง ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2485 เบเรียเริ่มควบคุมการผลิตอาวุธและกระสุนปืนแทนวอซเนเซนสกีแทนวอซเนเซนสกี อย่างเป็นทางการ (แต่ในความเป็นจริง เขาได้ทำไปแล้วในฤดูร้อนปี 1941) ในฤดูหนาวเดียวกันนั้น การผลิตรถถังก็อยู่ในมือของเขาเช่นกัน อีกครั้งไม่ใช่เพราะอุบายบางอย่าง แต่เพราะเขาเก่งกว่า ผลงานของเบเรียดูดีที่สุดจากตัวเลข หากในวันที่ 22 มิถุนายน ชาวเยอรมันมีปืนและครก 47,000 กระบอกเทียบกับ 36,000 กระบอกของเรา จากนั้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 ตัวเลขเหล่านี้ก็เท่ากัน และในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2487 เรามีปืน 89,000 กระบอกเทียบกับชาวเยอรมัน 54.5,000 กระบอก ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2485 ถึง 2487 สหภาพโซเวียตผลิตรถถัง 2,000 คันต่อเดือน นำหน้าเยอรมนีมาก เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 เบเรียได้รับตำแหน่งประธานสำนักปฏิบัติการ GKO และรองประธานคณะกรรมการอันที่จริงแล้วเป็นบุคคลที่สองรองจากสตาลินในประเทศ เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2488 เขารับงานที่ยากที่สุดในเวลานั้นซึ่งเป็นคำถามของการอยู่รอดของสหภาพโซเวียต - เขาเป็นประธานคณะกรรมการพิเศษเพื่อสร้างระเบิดปรมาณู (ที่นั่นเขาทำปาฏิหาริย์อีกครั้ง - ครั้งแรก ระเบิดปรมาณูของโซเวียต ตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ทั้งหมด ได้รับการทดสอบเพียงสี่ปีต่อมา 20 สิงหาคม พ.ศ. 2492) ไม่ใช่คนเดียวจาก Politburo และแน่นอนว่าไม่ใช่คนเดียวในสหภาพโซเวียต เข้าใกล้เบเรียในแง่ของความสำคัญของงานที่ต้องแก้ไข ในแง่ของขอบเขตอำนาจ และชัดเจน ในแง่ ของบุคลิกภาพ ในความเป็นจริงสหภาพโซเวียตหลังสงครามในเวลานั้นเป็นระบบดาวคู่: สตาลินอายุเจ็ดสิบปีและเด็ก - ในปี 1949 เขาอายุเพียงห้าสิบ - เบเรีย

ประมุขแห่งรัฐและผู้สืบทอดโดยธรรมชาติของเขา

เป็นความจริงที่นักประวัติศาสตร์ครุสชอฟและหลังครุสชอฟซ่อนตัวอย่างขยันขันแข็งในช่องทางแห่งความเงียบงันและอยู่ภายใต้การโกหกมากมาย เพราะถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยถูกสังหารเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2496 ก็ยังดึงการต่อสู้กับรัฐประหารและหากประมุขแห่งรัฐถูกสังหารนี่คือการทำรัฐประหารเอง ... สถานการณ์ของสตาลิน หากคุณติดตามข้อมูลเกี่ยวกับ เบเรียที่เร่ร่อนจากสิ่งพิมพ์สู่สิ่งพิมพ์ สู่แหล่งดั้งเดิม จากนั้นเกือบทั้งหมดจะติดตามจากบันทึกความทรงจำของครุสชอฟ บุคคลที่ไม่สามารถเชื่อถือได้จริง ๆ เนื่องจากการเปรียบเทียบความทรงจำของเขากับแหล่งข้อมูลอื่นทำให้พวกเขาได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอย่างไม่น่าเชื่อ ใครบ้างที่ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ "การเมือง" ของสถานการณ์ในฤดูหนาวปี 2495-2496 ชุดค่าผสมใดที่ไม่ได้เกิดขึ้น ตัวเลือกใดที่ไม่ได้คำนวณ ที่เบเรียบล็อกตัวเองกับมาเลนคอฟกับครุสชอฟว่าเขาอยู่คนเดียว ... การวิเคราะห์เหล่านี้เป็นบาปเพียงอย่างเดียว - ในพวกเขาตามกฎแล้วร่างของสตาลินจะถูกแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง เชื่อโดยปริยายว่าผู้นำเกษียณเมื่อถึงเวลานั้นแทบบ้า ...

มีแหล่งเดียวเท่านั้น - บันทึกความทรงจำของ Nikita Sergeevich แต่ทำไมในความเป็นจริงเราควรจะเชื่อพวกเขา? และตัวอย่างเช่น Sergo ลูกชายของเบเรียซึ่งเห็นสตาลินสิบห้าครั้งในช่วงปี 2495 ในการประชุมเกี่ยวกับอาวุธขีปนาวุธจำได้ว่าผู้นำไม่ได้ดูเหมือนจิตใจที่อ่อนแอ ... ช่วงหลังสงครามของประวัติศาสตร์ของเรานั้นมืดมนไม่น้อยไปกว่าของโดริวริก รัสเซีย. คงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในประเทศในขณะนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าหลังปี 1949 สตาลินค่อนข้างจะเกษียณจากธุรกิจ ปล่อยให้ "งานประจำ" ทั้งหมดเป็นไปตามโอกาสและให้มาเลนคอฟ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจน: กำลังเตรียมบางอย่าง จากข้อมูลทางอ้อม สันนิษฐานได้ว่าสตาลินมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ โดยหลัก ๆ แล้วเป็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ และหลังจากนั้น บางทีอาจเป็นการปฏิรูปทางการเมือง ชัดเจนอีกอย่างหนึ่งคือ ผู้นำชราและป่วย เขารู้ดี ไม่ขาดความกล้าหาญ และอดคิดไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐหลังจากการตายของเขา และไม่มองหาผู้สืบทอด ถ้าเบเรียเป็นคนสัญชาติอื่นก็จะไม่มีปัญหา แต่จอร์เจียหลังจากนั้นอีกคนหนึ่งอยู่บนบัลลังก์ของจักรวรรดิ! แม้แต่สตาลินก็คงไม่ทำอย่างนี้ เป็นที่ทราบกันว่าในปีหลังสงคราม สตาลินค่อยๆ บีบอุปกรณ์ปาร์ตี้ออกจากห้องโดยสารของกัปตัน แน่นอนว่าผู้ปฏิบัติงานไม่สามารถมีความสุขกับสิ่งนี้ได้ ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2495 ที่สภาคองเกรส CPSU สตาลินได้จัดงานเลี้ยงอย่างเด็ดขาดเพื่อขอให้ปลดออกจากตำแหน่งเลขาธิการทั่วไป มันไม่ได้ผล พวกเขาไม่ปล่อยฉันไป จากนั้นสตาลินก็คิดการผสมผสานที่อ่านง่าย: บุคคลที่อ่อนแออย่างเห็นได้ชัดกลายเป็นประมุข และหัวหน้าที่แท้จริง "ผู้มีชื่อเสียงสีเทา" นั้นเป็นทางการอยู่ข้างสนาม และมันก็เกิดขึ้น: หลังจากการตายของสตาลินมาเลนคอฟที่ไม่ได้ฝึกหัดก็กลายเป็นคนแรกและในความเป็นจริงเบเรียรับผิดชอบด้านการเมือง เขาไม่เพียงแต่ทำการนิรโทษกรรมเท่านั้น ตัวอย่างเช่น เขาให้เครดิตกับพระราชกฤษฎีกาประณามการบังคับ Russification ของลิทัวเนียและยูเครนตะวันตก นอกจากนี้ เขายังเสนอวิธีแก้ปัญหาที่สวยงามสำหรับคำถาม "เยอรมัน": ถ้าเบเรียยังคงอยู่ในอำนาจ กำแพงเบอร์ลินก็คงไม่มีอยู่ ระหว่างทางเขาได้ใช้ "การทำให้เป็นมาตรฐาน" ของ NKVD อีกครั้งโดยเริ่มกระบวนการฟื้นฟูเพื่อให้ครุสชอฟและ บริษัท ต้องกระโดดขึ้นไปบนรถจักรไอน้ำที่วิ่งอยู่แล้วโดยแสร้งทำเป็นว่าพวกเขามาจากที่นั่น จุดเริ่มต้น. ตอนนั้นเองที่พวกเขาทั้งหมดบอกว่าพวกเขา "ไม่เห็นด้วย" กับเบเรียว่าเขา "กดทับ" พวกเขา แล้วพวกเขาก็พูดหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ในความเป็นจริง พวกเขาเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิดริเริ่มของเบเรีย แต่แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้น ใจเย็น! นี่คือรัฐประหาร! การประชุมของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางหรือรัฐสภาของคณะรัฐมนตรีมีกำหนดในวันที่ 26 มิถุนายนในเครมลิน ตามเวอร์ชันอย่างเป็นทางการ กองทัพที่นำโดยจอมพล Zhukov มาหาเขา สมาชิกของรัฐสภาเรียกพวกเขาเข้าไปในสำนักงาน และพวกเขาก็จับกุมเบเรีย จากนั้นเขาก็ถูกนำตัวไปที่บังเกอร์พิเศษในลานสำนักงานใหญ่ของเขตการทหารมอสโก มีการสอบสวนและเขาถูกยิง

รุ่นนี้ไม่ทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์ ทำไม - เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นเวลานาน แต่มีการพูดเกินจริงและความไม่สอดคล้องกันจำนวนมาก ... พูดได้อย่างเดียว: หลังจากวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 ไม่มีบุคคลภายนอกคนที่ไม่สนใจเห็นเบเรียมีชีวิตอยู่ Sergo ลูกชายของเขาเป็นคนสุดท้ายที่ได้พบเขา - ในตอนเช้าที่กระท่อม ตามความทรงจำของเขา พ่อของเขากำลังจะแวะที่อพาร์ตเมนต์ในเมือง จากนั้นไปที่เครมลิน เพื่อไปประชุมที่รัฐสภา เมื่อเวลาประมาณเที่ยง Sergo ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนของเขา นักบิน Amet-Khan และกล่าวว่ามีการยิงกันที่บ้านของ Beria และพ่อของเขามีแนวโน้มว่าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่อีกต่อไป Sergo ร่วมกับสมาชิกของคณะกรรมการพิเศษ Vannikov รีบไปที่ที่อยู่และจัดการเพื่อดูหน้าต่างที่แตก ประตูถูกทุบ กำแพงที่ปกคลุมไปด้วยร่องรอยของกระสุนจากปืนกลลำกล้องขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกัน สมาชิกของรัฐสภาก็รวมตัวกันที่เครมลิน เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? ผ่านซากปรักหักพังของการโกหก สร้างสิ่งที่เกิดขึ้นใหม่ทีละน้อย เราจัดการเพื่อสร้างเหตุการณ์ขึ้นใหม่โดยประมาณ หลังจากที่เบเรียถูกกำจัดออกไป ผู้ปฏิบัติการของปฏิบัติการนี้ - สันนิษฐานว่าพวกเขาเป็นทหารจากทีม Khrushchev ยูเครนเก่าที่ยังคงเป็นยูเครน ซึ่งเขาลากไปมอสโคว์ นำโดย Moskalenko ไปที่เครมลิน ในเวลาเดียวกัน ทหารอีกกลุ่มหนึ่งก็มาถึงที่นั่น

ผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียต L.P. Beria กับ Svetlana ลูกสาวของ I.V. Stalin ทศวรรษที่ 1930 ภาพถ่ายจากเอกสารส่วนตัวของ E. Kovalenko ข่าว RIA

นำโดยจอมพล Zhukov และหนึ่งในสมาชิกของมันคือพันเอกเบรจเนฟ อยากรู้อยากเห็นใช่มั้ย? นอกจากนี้น่าจะทุกอย่างแฉเช่นนี้ ในบรรดานักพัตต์ช์มีสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อยสองคน - Khrushchev และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Bulganin (พวกเขามักถูกอ้างถึงในบันทึกความทรงจำของพวกเขาโดย Moskalenko และคนอื่น ๆ ) พวกเขาให้สมาชิกที่เหลือของรัฐบาลก่อนข้อเท็จจริง: เบเรียถูกฆ่าตาย มีบางอย่างต้องทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งทีมต้องลงเอยในเรือลำเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และเริ่มซ่อนปลาย ที่น่าสนใจกว่านั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง: ทำไมเบเรียถึงถูกฆ่า? วันก่อน เขากลับจากการเดินทางไปเยอรมนี 10 วัน พบกับมาเลนคอฟ และหารือเกี่ยวกับวาระการประชุมในวันที่ 26 มิถุนายนกับเขา ทุกอย่างน่าทึ่ง ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นวันสุดท้าย และเป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้องกับการประชุมที่จะเกิดขึ้น จริงอยู่ มีวาระการประชุมที่เก็บรักษาไว้ในเอกสารสำคัญของมาเลนคอฟ แต่น่าจะเป็นต้นไม้ดอกเหลือง ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่การประชุมควรจะทุ่มเทจริง ๆ ที่ไม่รอด ดูเหมือนว่า ... แต่มีคนหนึ่งที่สามารถรู้เรื่องนี้ได้ Sergo Beria กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่าพ่อของเขาบอกเขาในตอนเช้าที่กระท่อมว่าในการประชุมที่จะเกิดขึ้นเขาจะเรียกร้องให้มีการลงโทษจากการจับกุมอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐ Ignatiev

แต่ตอนนี้ทุกอย่างชัดเจน! เพื่อไม่ให้ชัดเจนขึ้น ความจริงก็คือ Ignatiev รับผิดชอบความปลอดภัยของสตาลินในปีสุดท้ายของชีวิต เขาเป็นคนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่กระท่อมของสตาลินในคืนวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2496 เมื่อผู้นำได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคหลอดเลือดสมอง และมีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่น หลายปีต่อมา ทหารรักษาพระองค์ที่รอดตายยังคงโกหกธรรมดาและชัดเจนเกินไป และเบเรียผู้จูบมือของสตาลินที่กำลังจะตายก็จะคว้าความลับทั้งหมดของเขาจากอิกนาติเยฟ จากนั้นเขาก็จัดให้มีการพิจารณาคดีทางการเมืองสำหรับทั้งโลกเกี่ยวกับตัวเขาและผู้สมรู้ร่วมคิดไม่ว่าพวกเขาจะโพสต์อะไรก็ตาม นี่เป็นเพียงสไตล์ของเขา ... ไม่ ผู้สมรู้ร่วมเดียวกันเหล่านี้ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ไม่ควรอนุญาตให้เบเรียจับกุมอิกนาติเยฟ แต่คุณจะรักษาเขาไว้ได้อย่างไร? สิ่งที่เหลืออยู่คือการฆ่า - ซึ่งเสร็จแล้ว ... แล้วพวกเขาก็ซ่อนปลาย ตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม Bulganin มีการจัดแสดง "Tanks Show" ที่ยิ่งใหญ่ (เช่นเดียวกับที่ทำซ้ำอย่างไม่ถูกต้องในปี 1991) ทนายความของ Khrushchev ภายใต้การนำของอัยการสูงสุดคนใหม่ Rudenko ซึ่งเป็นชาวยูเครน ได้จัดให้มีการพิจารณาคดี (การแสดงละครยังคงเป็นงานอดิเรกที่ชื่นชอบของสำนักงานอัยการ) จากนั้นความทรงจำของความดีทั้งหมดที่เบเรียทำก็ถูกลบทิ้งอย่างระมัดระวัง และมีการใช้เรื่องราวหยาบคายเกี่ยวกับเพชฌฆาตนองเลือดและคนบ้ากาม

ครุสชอฟมีความสามารถในแง่ของ "black PR" ดูเหมือนว่านี่เป็นพรสวรรค์เพียงอย่างเดียวของเขา ... และเขาก็ไม่ใช่คนคลั่งไคล้ทางเพศเช่นกัน! แนวคิดในการนำเสนอเบเรียเป็นคนบ้าทางเพศได้รับการประกาศครั้งแรกที่ Plenum คณะกรรมการกลางในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2496 เลขาธิการคณะกรรมการกลาง Shatalin ซึ่งในขณะที่เขาอ้างว่าได้ค้นหาสำนักงานของ Beria พบในที่ปลอดภัย "วัตถุจำนวนมากของการมึนเมาผู้ชาย" จากนั้นผู้พิทักษ์ของ Beria Sarkisov ก็พูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์มากมายของเขากับผู้หญิง แน่นอนไม่มีใครตรวจสอบทั้งหมดนี้ แต่เรื่องซุบซิบก็เริ่มขึ้นและไปเดินเล่นทั่วประเทศ "ในฐานะที่เป็นคนเสื่อมโทรมทางศีลธรรม Beria จึงอยู่ร่วมกับผู้หญิงจำนวนมาก ... " - ผู้ตรวจสอบเขียนลงใน "คำตัดสิน" มีรายชื่อผู้หญิงเหล่านี้อยู่ในไฟล์ด้วย นี่เป็นเพียงความโชคร้าย: เกือบจะทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกับรายชื่อผู้หญิงที่นายพล Vlasik หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของสตาลินซึ่งถูกจับกุมเมื่อปีก่อนถูกกล่าวหาว่าอยู่ร่วมกัน ว้าว Lavrenty Pavlovich โชคร้ายแค่ไหน มีโอกาสดังกล่าวและผู้หญิงได้รับจาก Vlasik เท่านั้น! และถ้าไม่หัวเราะ มันก็ง่ายเหมือนปอกเปลือกลูกแพร์: พวกเขาเอารายชื่อจากคดีของ Vlasik และเพิ่มเข้าไปใน "คดีเบเรีย" ใครจะเป็นผู้ตรวจสอบ? Nina Beria หลายปีต่อมา ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งของเธอ เธอพูดประโยคง่ายๆ ว่า "น่าทึ่งมาก ลอว์เรนซ์ยุ่งกับงานทั้งวันทั้งคืนเมื่อเขาต้องรับมือกับกลุ่มผู้หญิงเหล่านี้!" ขับรถไปตามถนน พาพวกเขาไปที่วิลล่าในชนบท หรือแม้แต่ไปที่บ้านของตัวเอง ซึ่งมีภรรยาชาวจอร์เจียและลูกชายอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงการดูหมิ่นศัตรูตัวอันตราย ใครจะสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

Elena Prudnikova

Beria Lavrenty Pavlovich - รองประธานสภาผู้แทนราษฎร (SNK) ของสหภาพโซเวียต, สมาชิกของคณะกรรมการป้องกันประเทศ (GKO), ผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียต, ผู้บังคับการตำรวจแห่งความมั่นคงของรัฐ

เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2442 ในหมู่บ้าน Merheuli อำเภอ Sukhum จังหวัด Tiflis ปัจจุบันเป็นสาธารณรัฐ Abkhazia (จอร์เจีย) ในครอบครัวชาวนา จอร์เจียน ในปี พ.ศ. 2458 เขาสำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 จากโรงเรียนประถมศึกษาสุโขทัย ตั้งแต่ปี 1915 เขาเรียนที่โรงเรียนเทคนิคการก่อสร้างเครื่องกลบากู ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2458 กับกลุ่มเพื่อนฝูง เขาได้จัดตั้งกลุ่มลัทธิมาร์กซ์ที่ผิดกฎหมายที่โรงเรียน สมาชิกของ RSDLP (b) / RCP (b) / VKP (b) / KPSS ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2460 เขาจัดระเบียบเซลล์ของ RSDLP (b) ที่โรงเรียน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี พ.ศ. 2457-18 ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2460 ในตำแหน่งช่างฝึกหัดที่โรงเรียนวิศวกรรมไฮดรอลิกของกองทัพบกเขาถูกส่งไปยังแนวรบโรมาเนียซึ่งเขาทำงานอยู่ในงานการเมืองของพรรคบอลเชวิคในกองทัพ ในตอนท้ายของปี 1917 เขากลับไปบากูและศึกษาต่อที่โรงเรียนเทคนิคเข้าร่วมกิจกรรมขององค์กรบากูบอลเชวิคอย่างแข็งขัน

ตั้งแต่ต้นปี 2462 ถึงเมษายน 2463 นั่นคือก่อนการก่อตั้งอำนาจโซเวียตในอาเซอร์ไบจานเขาเป็นผู้นำองค์กรช่างเทคนิคคอมมิวนิสต์ที่ผิดกฎหมายและในนามของคณะกรรมการพรรคบากูได้ให้ความช่วยเหลือเซลล์บอลเชวิคจำนวนหนึ่ง ในปี 1919 Lavrenty Beria สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเทคนิค โดยได้รับประกาศนียบัตรช่างเทคนิค-สถาปนิก-ผู้สร้าง

ในปี พ.ศ. 2461-2563 เขาทำงานในสำนักเลขาธิการสภาบากู ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2463 เขาได้รับอนุญาตจากแผนกทะเบียนของแนวรบคอเคเซียนที่สภาทหารปฏิวัติแห่งกองทัพที่ 11 จากนั้นเขาถูกส่งไปทำงานใต้ดินในจอร์เจีย ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2463 เขาถูกจับและถูกคุมขังในเรือนจำคูทายสิ แต่ตามคำร้องขอของผู้มีอำนาจเต็มของสหภาพโซเวียต S.M. Kirov, Lavrenty Beria ได้รับการปล่อยตัวและถูกเนรเทศไปยังอาเซอร์ไบจาน เมื่อกลับมาที่บากูเขาเข้าเรียนที่สถาบันโปลีเทคนิคบากู (ซึ่งเขายังไม่สำเร็จการศึกษา)

ในเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 1920 Beria L.P. - ผู้บริหารกิจการของคณะกรรมการกลาง (CC) ของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) แห่งอาเซอร์ไบจาน ตั้งแต่ตุลาคม 2463 ถึงกุมภาพันธ์ 2464 เขาเป็นเลขาธิการคณะกรรมการวิสามัญ (Cheka) สำหรับบากู

ในหน่วยข่าวกรองและหน่วยข่าวกรองตั้งแต่ พ.ศ. 2464 ในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม 2464 เขาทำงานเป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับของอาเซอร์ไบจานเชคา ตั้งแต่พฤษภาคม 2464 ถึงพฤศจิกายน 2465 - หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับรองประธานอาเซอร์ไบจานเชคา ตั้งแต่พฤศจิกายน 2465 ถึงมีนาคม 2469 - รองประธาน Georgian Cheka หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับ ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2469 ถึง 2 ธันวาคม พ.ศ. 2469 - รองประธานคณะกรรมการการเมืองหลัก (GPU) ของจอร์เจีย SSR หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับ ตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2469 ถึงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2474 - รองผู้แทนผู้มีอำนาจเต็มของ OGPU ในสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตทรานส์คอเคเชี่ยน (TSFSR) รองประธาน Transcaucasian GPU; ตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2469 ถึงวันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2474 - หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการลับของตัวแทนผู้มีอำนาจเต็มของ OGPU ใน TSFSR และ Transcaucasian GPU

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2469 พล. เบเรียได้รับแต่งตั้งเป็นประธาน GPU ของจอร์เจีย SSR และรองประธาน GPU ของ ZSFSR ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายนถึง 3 ธันวาคม 2474 - หัวหน้าแผนกพิเศษของ OGPU ของกองทัพคอเคเชี่ยนเรดแบนเนอร์ประธาน Transcaucasian GPU และตัวแทนผู้มีอำนาจเต็มของ OGPU ของสหภาพโซเวียตใน ZSFSR ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคมถึง 3 ธันวาคม 2474 สมาชิกคณะกรรมการ OGPU USSR

ในปี 1931 คณะกรรมการกลางของ All-Union Communist Party (Bolsheviks) ได้เปิดเผยความผิดพลาดทางการเมืองอย่างร้ายแรงและการบิดเบือนที่กระทำโดยผู้นำขององค์กรพรรค Transcaucasia ในการตัดสินใจเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2474 ตามรายงานของคณะกรรมการระดับภูมิภาคของ Transcaucasian ของ All-Union Communist Party (Bolsheviks) คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (Bolsheviks) แห่งจอร์เจียคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (Bolsheviks) ) ของอาเซอร์ไบจานและคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) แห่งอาร์เมเนียคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ All-Union (บอลเชวิค) ได้มอบหมายงานให้องค์กรพรรค Transcaucasia แก้ไขการบิดเบือนทางการเมืองในการทำงานในชนบททันที การนำความคิดริเริ่มทางเศรษฐกิจไปใช้อย่างกว้างขวางและความคิดริเริ่มของสาธารณรัฐแห่งชาติซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ TSFSR ในเวลาเดียวกัน องค์กรพรรคของ Transcaucasia จำเป็นต้องยุติการต่อสู้ที่ไร้หลักการเพื่ออิทธิพลของบุคคลซึ่งถูกพบเห็นในหมู่ผู้ปฏิบัติงานชั้นนำ ทั้งสหพันธ์ทรานส์คอเคเซียนทั้งหมดและสาธารณรัฐที่รวมอยู่ในนั้น และเพื่อให้บรรลุตามความจำเป็น ความเป็นปึกแผ่นและความสามัคคีของพรรคบอลเชวิค ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) L.P. เบเรียถูกย้ายไปทำงานพรรคชั้นนำ ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2474 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2481 เขาเป็นเลขาธิการคนที่ 1 ของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ (บอลเชวิค) แห่งจอร์เจียและในเวลาเดียวกันตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2474 ครั้งที่ 2 และในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2475 - เมษายน พ.ศ. 2480 - เลขานุการคนที่ 1 ของ Transcaucasian คณะกรรมการระดับภูมิภาคของ CPSU (b) ...

ชื่อของ Lavrenty Beria กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางหลังจากการตีพิมพ์หนังสือของเขาเกี่ยวกับคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ขององค์กรบอลเชวิคใน Transcaucasia ในฤดูร้อนปี 2476 เมื่อ I.V. มีความพยายามในชีวิตของสตาลิน Beria ปกคลุมเขาด้วยร่างกายของเขา (นักฆ่าถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุและเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มที่) ...

ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2477 พล. เบเรียเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2480 ที่การประชุมใหญ่ครั้งที่ 10 ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งจอร์เจีย (บอลเชวิค) แห่งจอร์เจีย เขาได้ประกาศจากพลับพลาว่า "ให้ศัตรูรู้ว่าใครก็ตามที่พยายามยกมือขึ้นขัดต่อเจตจำนงของประชาชนของเรา ขัดต่อเจตจำนงของพรรค ของเลนิน-สตาลิน จะถูกบดขยี้อย่างไร้ความปราณี”

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2481 เบเรียได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียตที่ 1 และตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2481 เขาได้เป็นหัวหน้าผู้อำนวยการหลักด้านความมั่นคงของรัฐ (GUGB) ของ NKVD ของสหภาพโซเวียต 11 กันยายน 2481 พล.อ. เบเรียได้รับรางวัลตำแหน่ง "ผู้บัญชาการความมั่นคงแห่งรัฐอันดับ 1"

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 เบเรียถูกแทนที่โดย N.I. Yezhov ที่ตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียตโดยยังคงความเป็นผู้นำโดยตรงของ GUGB NKVD ของสหภาพโซเวียต แต่เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2481 เขาได้แต่งตั้งรองผู้ว่าการ V.N. เมอร์คูโลวา

อธิบดีกรมความมั่นคง ป.ป.ช. ลำดับที่ 1 ต่ออายุเครื่องมือสูงสุดของ NKVD ของสหภาพโซเวียตเกือบทั้งหมด เขาได้รับการปล่อยตัวจากค่ายของผู้ถูกตัดสินว่าผิดอย่างไม่สมควรบางคน: ในปี 1939 ผู้คน 223.6 พันคนถูกปล่อยตัวจากค่ายและ 103.8 พันคนจากอาณานิคม ในการยืนกรานของ ล.ป. เบเรียสิทธิของการประชุมพิเศษภายใต้ผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียตในการออกประโยควิสามัญฆาตกรรมได้ขยายออกไป

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2482 เบเรียกลายเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งและมีเพียงในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2489 ซึ่งเป็นสมาชิกของ Politburo (ตั้งแต่ พ.ศ. 2495 - รัฐสภา) ของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) / CPSU ดังนั้นตั้งแต่ปีพ. เบเรียในการตัดสินใจทางการเมือง

30 ม.ค. 2484 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดอันดับ 1 ร.พ.เบเรีย ได้รับรางวัล "อธิบดีกรมความมั่นคงแห่งรัฐ"

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 เบเรียโดยไม่ออกจากตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียตกลายเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร (ตั้งแต่ปี 2489 - คณะรัฐมนตรี) ของสหภาพโซเวียต แต่ในขณะเดียวกันก็ระบุ อวัยวะรักษาความปลอดภัยถูกถอดออกจากการอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาซึ่งประกอบขึ้นเป็นคณะกรรมการประชาชนอิสระ

ด้วยการเริ่มต้นของมหาสงครามแห่งความรักชาติ NKVD ของสหภาพโซเวียตและ NKGB ของสหภาพโซเวียตได้รวมตัวกันอีกครั้งภายใต้การนำของนายพลผู้บังคับการตำรวจแห่งรัฐ L.P. เบเรีย

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2484 Lavrenty Beria ได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะกรรมการป้องกันประเทศ (GKO) และตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคมถึงกันยายน พ.ศ. 2487 เขาก็ดำรงตำแหน่งรองประธาน GKO ด้วย ในแนว GKO เบเรียได้รับความไว้วางใจตามคำสั่งที่รับผิดชอบมากที่สุดของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ All-Union แห่งบอลเชวิค ทั้งในการเป็นผู้นำของเศรษฐกิจสังคมนิยมในด้านหลังและด้านหน้า กล่าวคือ ควบคุมการผลิตของ อาวุธ กระสุนปืน และครก รวมทั้ง (ร่วมกับ GM Malenkov) สำหรับการปล่อยเครื่องบินและเครื่องยนต์อากาศยาน

มีโดยคาซแห่งรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2486 สำหรับบริการพิเศษในด้านการเพิ่มความแข็งแกร่งในการผลิตอาวุธและกระสุนปืนในสภาวะสงครามที่ยากลำบาก นายพล Beria Lavrenty Pavlovich ผู้บัญชาการความมั่นคงแห่งรัฐได้รับรางวัลตำแหน่ง Hero of Socialist Labour พร้อมรางวัลเหรียญตราเลนินและค้อนและเคียว (หมายเลข 80)

10 มีนาคม 2487 พล.อ. เบเรียแนะนำ I.V. บันทึกถึงสตาลินพร้อมข้อเสนอเพื่อขับไล่พวกตาตาร์ออกจากดินแดนไครเมีย ภายหลังดำเนินการเป็นผู้นำทั่วไปของการขับไล่ชาวเชเชน, อินกุช, ตาตาร์, เยอรมัน ฯลฯ

ที่ 3 ธันวาคม 2487 เขาได้รับมอบหมายให้ "ดูแลการพัฒนางานยูเรเนียม"; ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ถึงมีนาคม พ.ศ. 2496 - ประธานคณะกรรมการพิเศษภายใต้คณะกรรมการป้องกันประเทศ (ต่อมาภายใต้สภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต)

ตามคำสั่งของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียตสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2488 Lavrenty Pavlovich Beria ได้รับรางวัลยศทหารสูงสุด "จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต" ด้วยการนำเสนอประกาศนียบัตรพิเศษของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียต สหภาพโซเวียตและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ "จอมพลสตาร์"

หลังจากสิ้นสุดสงครามเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2488 เบเรียออกจากตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของสหภาพโซเวียตโดยโอนไปยัง S.N. ครูกลอฟ. ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2489 ถึง 15 มีนาคม 2496 พล.อ. เบเรีย - รองประธานคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต

ในฐานะหัวหน้าแผนกวิทยาศาสตร์การทหารของคณะกรรมการกลางของ CPSU (b) / KPSS, L.P. เบเรียดูแลพื้นที่ที่สำคัญที่สุดของคอมเพล็กซ์การทหารและอุตสาหกรรมของสหภาพโซเวียต รวมถึงโครงการปรมาณูและจรวด, การสร้างเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ TU-4, ปืนรถถัง LB-1 ภายใต้การนำของเขาและมีส่วนร่วมโดยตรงระเบิดปรมาณูลูกแรกในสหภาพโซเวียตได้ถูกสร้างขึ้นทดสอบเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2492 หลังจากนั้นบางคนก็เริ่มเรียกเขาว่า "บิดาแห่งระเบิดปรมาณูโซเวียต"

หลังจาก XIX Congress of the CPSU ตามคำแนะนำของ I.V. สตาลินซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU มีการสร้าง "ห้าผู้นำ" ซึ่งรวมถึง L.P. เบเรีย หลังจากการเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2496 I.V. Lavrenty Beria ของสตาลินเป็นผู้นำในลำดับชั้นของพรรคโซเวียตโดยมุ่งเน้นที่ตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 ของคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียตนอกจากนี้เขายังเป็นหัวหน้ากระทรวงกิจการภายในใหม่ของสหภาพโซเวียตที่สร้างขึ้นบน วันสิ้นพระชนม์ของสตาลินโดยการรวมกระทรวงอดีตและกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐเข้าด้วยกัน

ในความคิดริเริ่มของจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต L.P. Beria เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2496 มีการประกาศนิรโทษกรรมในสหภาพโซเวียตซึ่งปล่อยตัวหนึ่งล้านสองแสนคนคดีที่มีชื่อเสียงหลายคดีถูกปิด (รวมถึง "คดีแพทย์") และคดีสืบสวนสำหรับสี่แสนคนถูกปิด .

เบเรียพูดถึงการลดการใช้จ่ายทางทหาร แช่แข็งโครงการก่อสร้างที่มีราคาแพง (รวมถึงคลองหลักเติร์กเมน คลองโวลก้า-บอลติก) เขาประสบความสำเร็จในการเริ่มต้นการเจรจาสงบศึกในเกาหลี พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์ฉันมิตรกับยูโกสลาเวีย ต่อต้านการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเยอรมัน โดยเสนอแนวทางในการรวมเยอรมนีตะวันตกและตะวันออกให้เป็น "รัฐชนชั้นนายทุนที่รักสันติ" เขาลดเครื่องมือรักษาความปลอดภัยของรัฐในต่างประเทศอย่างรวดเร็ว

ดำเนินนโยบายส่งเสริมผู้ปฏิบัติงานระดับชาติ เบเรียส่งเอกสารไปยังคณะกรรมการกลางของพรรครีพับลิกันซึ่งพูดถึงนโยบายที่ไม่ถูกต้องของรัสเซียและการปราบปรามที่ผิดกฎหมาย

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 ในการประชุมของคณะกรรมการกลางของคณะกรรมการกลาง CPSU จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต L.P. Beria ถูกจับกุม ...

โดยคำสั่งของรัฐสภาสูงสุดของสหภาพโซเวียต เขาถูกถอดออกจากตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 ของคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียตและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต ปราศจากตำแหน่งและรางวัลทั้งหมดที่มอบให้ เขา.

ในการตัดสินคดีพิเศษของศาลฎีกาของสหภาพโซเวียต นำโดยจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต I.S. มีการเขียนไว้ว่า "หลังจากทรยศมาตุภูมิและกระทำการเพื่อผลประโยชน์ของทุนต่างประเทศ ผู้ถูกกล่าวหาเบเรียได้จัดตั้งกลุ่มสมรู้ร่วมคิดทรยศที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐโซเวียตโดยมีจุดประสงค์เพื่อยึดอำนาจ ชำระระบบ 'และชาวนา' ของคนงานโซเวียต และฟื้นฟูระบบทุนนิยม และฟื้นฟูการปกครองของชนชั้นนายทุน" การพิจารณาคดีพิเศษของศาลฎีกาของสหภาพโซเวียตตัดสินให้ L.P. เบเรียถึงตาย

โทษประหารชีวิตดำเนินการโดยพันเอก - นายพล PF Batitsky ซึ่งยิงนักโทษด้วยปืนพก Parabellum ที่ถูกจับด้วยการยิงที่หน้าผากในบังเกอร์ของสำนักงานใหญ่ของเขตทหารมอสโกซึ่งได้รับการยืนยันโดยการกระทำที่เกี่ยวข้องซึ่งลงนามในเดือนธันวาคม 23, 2496:

“ วันที่นี้เมื่อเวลา 19 ชั่วโมง 50 นาทีบนพื้นฐานของคำสั่งศาลฎีกาพิเศษของศาลฎีกาของสหภาพโซเวียตลงวันที่ 23 ธันวาคม 2496 หมายเลข 003 โดยฉันผู้บัญชาการของการพิจารณาคดีพิเศษพันเอก PF Batitsky ต่อหน้าอัยการสูงสุดของสหภาพโซเวียตรักษาการที่ปรึกษาด้านความยุติธรรมของรัฐ Rudenko R.A. และนายพลแห่งกองทัพ Moskalenko K.S. คำตัดสินของการแสดงตนของตุลาการพิเศษได้ดำเนินการเกี่ยวกับผู้ถูกพิพากษาลงโทษประหารชีวิต - การประหารชีวิต - Beria Lavrenty Pavlovich ".

ความพยายามของญาติของ ล.พ. เบเรียเพื่อให้การทบทวนคดี 2496 ประสบความสำเร็จ วิทยาลัยทหารของศาลฎีกาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2543 ปฏิเสธที่จะฟื้นฟูอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของสหภาพโซเวียต ...

เบเรีย แอล.พี. ได้รับรางวัล Order of Lenin ห้าฉบับ (หมายเลข 1236 จาก 03/17/1935, หมายเลข 14839 จาก 30/09/1943, หมายเลข 27006 จาก 02/21/1945, หมายเลข 94311 จาก 03/29/1949, หมายเลข 118679 ลงวันที่ 10/29/1949 ), คำสั่งของธงแดงสองชุด (หมายเลข 7034 จาก 04/03/1924, หมายเลข 11517 จาก 11/03/1944), คำสั่งของ Suvorov, ระดับที่ 1; คำสั่งของธงแดงแห่งจอร์เจีย (03.07.1923), ธงแดงแรงงานแห่งจอร์เจีย (10.04.1931), ธงแดงแรงงานแห่งอาเซอร์ไบจาน (14.03.1932) และธงแดงแรงงานแห่งอาร์เมเนียเจ็ดเหรียญ; ป้าย "คนงานกิตติมศักดิ์ของ VChK-GPU (V)" (หมายเลข 100), "คนงานกิตติมศักดิ์ของ VChK-GPU (XV)" (หมายเลข 205 จาก 20.12.1932) อาวุธส่วนตัว - ปืนพกบราวนิ่ง นาฬิกาพระปรมาภิไธยย่อ; รางวัลต่างประเทศ - คำสั่ง Tuvan ของสาธารณรัฐ (08/18/1943), คำสั่งของธงแดงรบของมองโกเลีย (หมายเลข 441 จาก 07/15/1942), Sukhe-Bator (หมายเลข 31 จาก 03/29/1949) ) เหรียญมองโกเลีย "XXV ปีของสาธารณรัฐประชาชนมองโกเลีย "(หมายเลข 3125 ลงวันที่ 19 กันยายน 2489)

ภายใต้แบนเนอร์อันยิ่งใหญ่ของเลนิน - สตาลิน: บทความและสุนทรพจน์ ทบิลิซี 2482;
สุนทรพจน์ในการประชุม XVIII Congress of the All-Union Communist Party (Bolsheviks) 12 มีนาคม 1939 - เคียฟ: สำนักพิมพ์การเมืองแห่งรัฐของยูเครน SSR, 1939;
รายงานการทำงานของคณะกรรมการกลางของ CP (b) ของจอร์เจียที่ XI Congress of the CP (b) ของจอร์เจีย 16 มิถุนายน 2481 - Sukhumi: Abgiz, 1939;
ผู้ชายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา [I.V. สตาลิน]. - เคียฟ: สำนักพิมพ์การเมืองแห่งรัฐของยูเครน SSR, 2483;
ลาโด เคตสโคเวลี. (1876-1903) / (ชีวิตของพวกบอลเชวิคที่น่าทึ่ง) แปลโดย N. Erubaev - อัลมา-อตา: Kazgospolitizdat, 1938;
เกี่ยวกับเยาวชน - ทบิลิซี: สำนักพิมพ์เด็กแห่งจอร์เจีย SSR, 2483;
เกี่ยวกับคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ขององค์กรบอลเชวิคในทรานคอเคซัส ฉบับที่ 8 ม., 2492.

Lavrenty Beria (03.29.1899-23.12.1953) เป็นหนึ่งในบุคลิกที่น่ารังเกียจที่สุดของศตวรรษที่ยี่สิบ ชีวิตทางการเมืองและชีวิตส่วนตัวของชายคนนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ทุกวันนี้ ไม่มีนักประวัติศาสตร์คนเดียวที่สามารถประเมินและเข้าใจบุคคลทางการเมืองและสาธารณะนี้ได้อย่างชัดเจน เนื้อหาในชีวิตส่วนตัวและกิจกรรมของรัฐบาลหลายอย่างถูกจัดประเภทไว้ บางทีเวลาจะผ่านไปและสังคมสมัยใหม่จะสามารถให้คำตอบที่ครบถ้วนและเพียงพอสำหรับคำถามทั้งหมดเกี่ยวกับบุคคลนี้ เป็นไปได้ว่าชีวประวัติของเขาจะได้รับการอ่านใหม่ด้วย เบเรีย (สายเลือดและกิจกรรมของ Lavrenty Pavlovich ได้รับการศึกษาอย่างดีจากนักประวัติศาสตร์) - นี่คือยุคทั้งหมดในประวัติศาสตร์ของประเทศ

วัยเด็กและวัยรุ่นของนักการเมืองในอนาคต

Lavrenty Beria คือใครโดยกำเนิด? สัญชาติบิดาของเขาคือ Mingrelian นี่คือกลุ่มชาติพันธุ์ของชาวจอร์เจีย นักประวัติศาสตร์สมัยใหม่หลายคนมีข้อโต้แย้งและคำถามเกี่ยวกับลำดับวงศ์ตระกูลของนักการเมือง Beria Lavrenty Pavlovich (ชื่อจริงและนามสกุล - Lavrenti Pavles dze Beria) เกิดเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2442 ในหมู่บ้าน Merheuli จังหวัด Kutaisi ครอบครัวของรัฐบุรุษในอนาคตมาจากชาวนาที่ยากจน ตั้งแต่วัยเด็ก Lavrenty Beria โดดเด่นด้วยความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ที่ไม่ธรรมดาซึ่งไม่ธรรมดาสำหรับชาวนาในศตวรรษที่ 19 เพื่อศึกษาต่อ ครอบครัวต้องขายบ้านบางส่วนเพื่อชำระค่าเล่าเรียน ในปี 1915 เบเรียเข้าเรียนที่โรงเรียนเทคนิคบากูและ 4 ปีต่อมาก็สำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยม ในขณะเดียวกันหลังจากเข้าร่วมกลุ่มบอลเชวิคในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2460 เขาได้มีส่วนร่วมในการปฏิวัติรัสเซียโดยเป็นสายลับของตำรวจบากู

ก้าวแรกในการเมืองใหญ่

อาชีพนักการเมืองรุ่นเยาว์ในกองกำลังความมั่นคงของสหภาพโซเวียตเริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2464 เมื่อพรรคบอลเชวิคผู้ปกครองส่งเขาไปที่เชคาแห่งอาเซอร์ไบจาน D. Bagirov เป็นหัวหน้าแผนกของคณะกรรมาธิการวิสามัญแห่งสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานในขณะนั้น ผู้นำคนนี้มีชื่อเสียงในเรื่องความโหดร้ายและไร้ความปราณีต่อเพื่อนร่วมชาติที่ไม่เห็นด้วย Lavrenty Beria มีส่วนร่วมในการปราบปรามอย่างนองเลือดต่อฝ่ายตรงข้ามของการปกครองบอลเชวิค แม้แต่ผู้นำบางคนของคอเคเชี่ยนบอลเชวิคก็ระมัดระวังวิธีการทำงานที่รุนแรงของเขา ต้องขอบคุณบุคลิกที่มั่นคงและคุณสมบัติการพูดที่ยอดเยี่ยมของผู้นำ ณ สิ้นปี 2465 เบเรียถูกย้ายไปจอร์เจียซึ่งในเวลานั้นมีปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการก่อตั้งอำนาจโซเวียต เขารับช่วงต่อในตำแหน่งรองประธานของ Georgian Cheka ทุ่มตัวเองในการทำงานเพื่อต่อสู้กับความขัดแย้งทางการเมืองในหมู่เพื่อนชาวจอร์เจียของเขา อิทธิพลของเบเรียต่อสถานการณ์ทางการเมืองในภูมิภาคนั้นเป็นอำนาจเผด็จการ ไม่ใช่ปัญหาเดียวที่ได้รับการแก้ไขโดยปราศจากการมีส่วนร่วมโดยตรงของเขา อาชีพนักการเมืองหนุ่มประสบความสำเร็จเขารับประกันความพ่ายแพ้ของคอมมิวนิสต์แห่งชาติในเวลานั้นซึ่งกำลังแสวงหาอิสรภาพจากรัฐบาลกลางในมอสโก

ยุคการปกครองของจอร์เจีย

ในปี 1926 Lavrenty Pavlovich ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งรองประธาน GPU แห่งจอร์เจีย ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2470 Lavrenty Beria กลายเป็นผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของจอร์เจีย SSR ความเป็นผู้นำที่มีความสามารถของเบเรียทำให้เขาได้รับความโปรดปรานจาก I.V. Stalin ชาวจอร์เจียตามสัญชาติ เบเรียได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการกลางของพรรคจอร์เจียในปี 2474 โดยขยายอิทธิพลของเขาในอุปกรณ์ปาร์ตี้ ความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับเด็กอายุ 32 ปี ต่อจากนี้ไป Beria Lavrenty Pavlovich ซึ่งมีสัญชาติสอดคล้องกับการตั้งชื่อของรัฐจะยังคงขัดต่อความน่าเชื่อถือของสตาลินต่อไป ในปี ค.ศ. 1935 เบเรียได้ตีพิมพ์บทความขนาดใหญ่ที่กล่าวเกินจริงถึงความสำคัญของโจเซฟ สตาลินในการต่อสู้เพื่อการปฏิวัติในคอเคซัสจนถึงปี ค.ศ. 1917 หนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ในสื่อสิ่งพิมพ์ของรัฐที่สำคัญทั้งหมด ซึ่งทำให้เบเรียกลายเป็นบุคคลสำคัญระดับชาติ

ผู้สมรู้ร่วมคิดในการปราบปรามสตาลิน

เมื่อ JV Stalin จากปี 1936 ถึง 1938 เริ่มการก่อการร้ายทางการเมืองอย่างกระหายเลือดในงานปาร์ตี้และในประเทศ Lavrenty Beria เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่กระตือรือร้นของเขา ในจอร์เจียเพียงประเทศเดียว ผู้บริสุทธิ์หลายพันคนเสียชีวิตด้วยน้ำมือของ NKVD และอีกหลายพันคนถูกตัดสินว่ามีความผิดและถูกส่งตัวไปยังเรือนจำและค่ายแรงงานซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแก้แค้นของสตาลินทั่วประเทศต่อประชาชนโซเวียต หัวหน้าพรรคหลายคนเสียชีวิตระหว่างการกวาดล้าง อย่างไรก็ตาม Lavrenty Beria ซึ่งชีวประวัติยังคงไม่มีตำหนิ ออกมาจากน้ำอย่างแห้งแล้ง ในปีพ. ศ. 2481 สตาลินได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้า NKVD หลังจากดำเนินการกำจัดผู้นำ NKVD อย่างเต็มรูปแบบแล้ว เบเรียก็มอบตำแหน่งผู้นำที่สำคัญให้กับเพื่อนร่วมงานของเขาจากจอร์เจีย ดังนั้นเขาจึงเพิ่มอิทธิพลทางการเมืองของเขาเหนือเครมลิน

ช่วงก่อนสงครามและช่วงสงครามของชีวิต L.P. Beria

ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2484 Lavrenty Pavlovich Beria กลายเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหภาพโซเวียตและในเดือนมิถุนายนเมื่อนาซีเยอรมนีโจมตีสหภาพโซเวียตเขาก็กลายเป็นสมาชิกของคณะกรรมการป้องกัน ในช่วงสงคราม เบเรียสามารถควบคุมการผลิตอาวุธ เครื่องบิน และเรือได้อย่างเต็มที่ กล่าวโดยสรุป ศักยภาพทางอุตสาหกรรมการทหารทั้งหมดของสหภาพโซเวียตอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ต้องขอบคุณความเป็นผู้นำที่เก่งกาจ บางครั้งก็โหดร้าย บทบาทของเบเรียในชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของชาวโซเวียตเหนือนาซีเยอรมนีจึงมีค่านิยมสำคัญประการหนึ่ง นักโทษหลายคนใน NKVD และค่ายแรงงานทำงานในการผลิตทางทหาร นี่คือความเป็นจริงในสมัยนั้น เป็นการยากที่จะพูดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับประเทศหากเส้นทางของประวัติศาสตร์มีทิศทางที่แตกต่างกัน

ในปี ค.ศ. 1944 เมื่อชาวเยอรมันถูกขับออกจากดินแดนโซเวียต เบเรียได้ดูแลกรณีของชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ที่ถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับผู้บุกรุก รวมทั้งชาวเชเชนส์ อินกุช การาชัย ตาตาร์ไครเมีย และชาวเยอรมันโวลก้า พวกเขาทั้งหมดถูกเนรเทศไปยังเอเชียกลาง

ความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการทหารของประเทศ

ตั้งแต่ธันวาคม 2487 เบเรียเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกำกับดูแลสำหรับการสร้างระเบิดปรมาณูลูกแรกในสหภาพโซเวียต ในการดำเนินโครงการนี้ จำเป็นต้องมีศักยภาพในการทำงานและวิทยาศาสตร์จำนวนมาก นี่คือวิธีการสร้างระบบการบริหารค่ายของรัฐ (GULAG) รวมทีมนักฟิสิกส์นิวเคลียร์ที่มีความสามารถ ระบบ GULAG จัดหาคนงานหลายหมื่นคนสำหรับการสกัดยูเรเนียมและการสร้างอุปกรณ์ทดสอบ (ใน Semipalatinsk, Vaygach บน Novaya Zemlya เป็นต้น) NKVD ให้ระดับความปลอดภัยและความลับที่จำเป็นของโครงการ การทดสอบอาวุธปรมาณูครั้งแรกดำเนินการในภูมิภาคเซมิปาลาตินสค์ในปี 2492

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2488 Lavrenty Beria (ภาพด้านซ้าย) ถูกนำเสนอต่อยศทหารระดับสูงของจอมพลแห่งสหภาพโซเวียต แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีส่วนร่วมในการสั่งการทางทหารโดยตรง แต่บทบาทของเขาในการจัดการผลิตทางทหารมีส่วนสำคัญต่อชัยชนะครั้งสุดท้ายของชาวโซเวียตในมหาสงครามแห่งความรักชาติ ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชีวประวัติส่วนตัวของ Beria Lavrenty Pavlovich นี้ไม่ต้องสงสัยเลย

ความตายของผู้นำประชาราษฎร์

อายุของ JV Stalin ใกล้จะถึง 70 ปีแล้ว คำถามของผู้สืบทอดตำแหน่งของผู้นำในตำแหน่งของประมุขแห่งรัฐโซเวียตกำลังถูกหยิบยกขึ้นเรื่อย ๆ ผู้สมัครที่มีแนวโน้มมากที่สุดคือ Andrei Zhdanov หัวหน้าพรรคเลนินกราด L. P. Beria และ G. M. Malenkov ยังสร้างพันธมิตรที่ไม่ได้พูดเพื่อขัดขวางการเติบโตของ A. A. Zhdanov

ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2489 เบเรียออกจากตำแหน่งหัวหน้า NKVD (ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นกระทรวงกิจการภายใน) ในขณะที่ยังคงควบคุมปัญหาด้านความมั่นคงแห่งชาติโดยรวม และกลายเป็นสมาชิกของ Politburo ของคณะกรรมการกลาง CPSU SN Kruglov หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยคนใหม่ไม่ใช่ลูกน้องของเบเรีย นอกจากนี้ ในฤดูร้อนปี 1946 V. Merkulov ผู้ภักดีต่อเบเรีย ถูกแทนที่โดย V. Abakumov ในฐานะหัวหน้าของ MGB การต่อสู้ลับเพื่อความเป็นผู้นำในประเทศเริ่มต้นขึ้น หลังจากการเสียชีวิตของ A. A. Zhdanov ในปี 1948 "เรื่องเลนินกราด" ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นอันเป็นผลมาจากการที่ผู้นำพรรคหลายคนในเมืองหลวงทางเหนือถูกจับกุมและประหารชีวิต ในช่วงหลังสงคราม ภายใต้การนำอย่างไม่เป็นทางการของเบเรีย เครือข่ายตัวแทนที่กระตือรือร้นได้ถูกสร้างขึ้นในยุโรปตะวันออก

JV Stalin เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2496 สี่วันหลังจากการล่มสลาย บันทึกทางการเมืองโดยรัฐมนตรีต่างประเทศวยาเชสลาฟ โมโลตอฟ ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2536 อ้างว่าเบเรียอวดโมโลตอฟว่าเขาวางยาพิษสตาลิน แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานสนับสนุนคำกล่าวอ้างนี้ก็ตาม มีหลักฐานว่าหลายชั่วโมงหลังจากที่ JV Stalin ถูกพบว่าหมดสติในที่ทำงานของเขา เขาถูกปฏิเสธความช่วยเหลือทางการแพทย์ เป็นไปได้ว่าผู้นำโซเวียตทุกคนตกลงที่จะปล่อยให้สตาลินที่ป่วยซึ่งพวกเขากลัวตาย

ต่อสู้เพื่อราชบัลลังก์

หลังจากการเสียชีวิตของ JV Stalin เบเรียได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองประธานคนแรกของคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียตและหัวหน้ากระทรวงกิจการภายใน พันธมิตรที่ใกล้ชิดของเขา GM Malenkov กลายเป็นประธานคนใหม่ของ Supreme Soviet และบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในการเป็นผู้นำของประเทศหลังจากการตายของผู้นำ เบเรียเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพลอันดับสอง เนื่องจากขาดคุณสมบัติความเป็นผู้นำที่แท้จริงในมาเลนคอฟ เขากลายเป็นพลังที่อยู่เบื้องหลังบัลลังก์อย่างมีประสิทธิภาพและในที่สุดก็เป็นผู้นำของรัฐ นิกิตา ครุสชอฟ กลายเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งสำนักงานถูกมองว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญน้อยกว่าตำแหน่งประธานสูงสุดของสหภาพโซเวียต

นักปฏิรูปหรือ "ผู้ประสานงานที่ยอดเยี่ยม"

Lavrenty Beria อยู่ในระดับแนวหน้าของการเปิดเสรีของประเทศหลังจากการตายของสตาลิน เขาประณามระบอบสตาลินในที่สาธารณะและฟื้นฟูนักโทษการเมืองมากกว่าหนึ่งล้านคน ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2496 เบเรียได้ลงนามในพระราชกฤษฎีกาห้ามมิให้มีการใช้การทรมานในเรือนจำโซเวียต นอกจากนี้ เขายังชี้แจงอย่างชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายเสรีนิยมที่มากขึ้นต่อผู้ที่ไม่ใช่สัญชาติรัสเซีย ซึ่งเป็นพลเมืองของสหภาพโซเวียต เขาโน้มน้าวให้รัฐสภาของคณะกรรมการกลางของ CPSU และคณะรัฐมนตรีของความจำเป็นในการแนะนำระบอบคอมมิวนิสต์ในเยอรมนีตะวันออกทำให้เกิดการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศโซเวียต มีความเห็นว่านโยบายเสรีนิยมทั้งหมดของเบเรียหลังการตายของสตาลินเป็นกลอุบายสามัญในการรวมอำนาจในประเทศ มีความเห็นว่าการปฏิรูปที่รุนแรงที่เสนอโดย L.P. Beria สามารถเร่งกระบวนการพัฒนาเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตได้

การจับกุมและการเสียชีวิต: คำถามที่ยังไม่มีคำตอบ

ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ให้ข้อมูลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับการโค่นล้มเบเรีย ตามเวอร์ชันอย่างเป็นทางการ Nikita Khrushchev เรียกประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2496 ซึ่งเบเรียถูกจับ เขาถูกตั้งข้อหาเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองอังกฤษ มันทำให้เขาประหลาดใจอย่างสมบูรณ์ Lavrenty Beria ถามสั้น ๆ ว่า: "เกิดอะไรขึ้น Nikita?" VM Molotov และสมาชิกคนอื่นๆ ของ Politburo ก็พูดต่อต้าน Beria และ Nikita Khrushchev ตกลงที่จะจับกุมเขา จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต G.K. Zhukov ได้คุ้มกันรองประธานสูงสุดของสหภาพโซเวียตเป็นการส่วนตัว บางแหล่งอ้างว่าเบเรียถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุ แต่นี่ไม่เป็นความจริง การจับกุมของเขาถูกเก็บไว้อย่างเป็นความลับที่สุดจนกระทั่งผู้ช่วยระดับสูงของเขาถูกจับ กองทหาร NKVD ในมอสโก ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของเบเรีย ถูกปลดอาวุธโดยหน่วยทหารประจำการ ความจริงเกี่ยวกับการจับกุม Lavrenty Beria ได้รับการประกาศโดย Sovinformburo เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 1953 เท่านั้น เขาถูกตัดสินลงโทษโดย "ศาลพิเศษ" โดยไม่มีการป้องกัน และไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2496 ตามคำตัดสินของศาลฎีกา Beria Lavrenty Pavlovich ถูกยิง การตายของเบเรียทำให้คนโซเวียตถอนหายใจด้วยความโล่งอก นี่เป็นจุดสิ้นสุดของยุคแห่งการปราบปราม แท้จริงแล้วสำหรับเขา (ประชาชน) Lavrenty Pavlovich Beria เป็นทรราชและเผด็จการนองเลือด

ภรรยาและลูกชายของเบเรียถูกส่งไปยังค่ายแรงงาน แต่ภายหลังได้รับการปล่อยตัว นีน่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในปี 2534 ในการลี้ภัยในยูเครน ลูกชายของเขา Sergo เสียชีวิตในเดือนตุลาคม 2000 ปกป้องชื่อเสียงของพ่อไปตลอดชีวิต

ในเดือนพฤษภาคม 2545 ศาลฎีกาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียปฏิเสธที่จะตอบสนองคำร้องของสมาชิกในครอบครัวของเบเรียเพื่อพักฟื้น คำแถลงนี้อิงตามกฎหมายของรัสเซียซึ่งกำหนดไว้สำหรับการฟื้นฟูผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของข้อกล่าวหาทางการเมืองที่เป็นเท็จ ศาลตัดสินว่า: "แอล. พี. เบเรียเป็นผู้จัดงานปราบปรามประชาชนของเขาเองดังนั้นจึงไม่สามารถถือเป็นเหยื่อได้"

สามีที่รักและคนรักเจ้าเล่ห์

Beria Lavrenty Pavlovich และผู้หญิงเป็นหัวข้อแยกต่างหากที่ต้องมีการศึกษาอย่างจริงจัง L.P. Beria แต่งงานกับ Nina Teimurazovna Gegechkori อย่างเป็นทางการ (1905-1991) ในปี 1924 พวกเขามีลูกชายคนหนึ่งชื่อ Sergo ซึ่งได้รับการตั้งชื่อตามนักการเมืองชื่อดัง Sergo Ordzhonikidze ตลอดชีวิตของเธอ Nina Teimurazovna เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์และอุทิศให้กับสามีของเธอ แม้จะทรยศหักหลัง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็สามารถรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของครอบครัวไว้ได้ ในปีพ.ศ. 2533 นีน่า เบเรียอายุได้พอสมควรแล้ว จึงให้เหตุผลกับสามีอย่างเต็มที่ในการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวชาวตะวันตก จนกระทั่งชีวิตของเธอสิ้นสุดลง Nina Teimurazovna ต่อสู้เพื่อฟื้นฟูศีลธรรมของสามีของเธอ

แน่นอน Lavrenty Beria และผู้หญิงของเขาซึ่งเขามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทำให้เกิดข่าวลือและความลึกลับมากมาย จากคำให้การเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนบุคคลของเบเรีย พบว่าเจ้านายของพวกเขาเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิง เราสามารถเดาได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นความรู้สึกร่วมกันระหว่างชายและหญิงหรือไม่

ผู้ข่มขืนเครมลิน

เมื่อเบเรียถูกสอบปากคำ เขายอมรับว่ามีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับผู้หญิง 62 คนและยังป่วยเป็นโรคซิฟิลิสในปี 2486 เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากนักเรียนชั้น ป.7 ถูกข่มขืน ตามเขา เขามีลูกนอกสมรสกับเธอ มีข้อเท็จจริงยืนยันมากมายเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศของเบเรีย เด็กสาวจากโรงเรียนใกล้มอสโกถูกลักพาตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเบเรียสังเกตเห็นสาวสวย พันเอกซาร์คิซอฟผู้ช่วยของเขาเดินเข้ามาหาเธอ โดยแสดงบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ กศน. สั่งตามไป

บ่อยครั้งที่สาว ๆ เหล่านี้จบลงในห้องสอบสวนกันเสียงใน Lubyanka หรือในห้องใต้ดินของบ้านบนถนน Kachalova บางครั้ง ก่อนข่มขืนสาว เบเรียใช้วิธีซาดิสม์ ในบรรดาข้าราชการระดับสูง เบเรียเป็นที่รู้จักในฐานะนักล่าทางเพศ เขาเก็บรายชื่อเหยื่อทางเพศของเขาไว้ในสมุดบันทึกพิเศษ คนงานรับใช้ในบ้านของรัฐมนตรีระบุว่า จำนวนเหยื่อของเพศคลั่งไคล้ทางเพศมีมากกว่า 760 คน ในปี 2546 รัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซียยอมรับการมีอยู่ของรายการเหล่านี้

ระหว่างการค้นหาสำนักงานส่วนตัวของเบเรีย สิ่งของในห้องน้ำของผู้หญิงถูกพบในตู้นิรภัยหุ้มเกราะของผู้นำระดับสูงคนหนึ่งของรัฐโซเวียต จากคลังที่จัดทำโดยสมาชิกของศาลทหาร พบสิ่งต่อไปนี้: ชุดผ้าไหมสำหรับสตรี กางเกงรัดรูปสำหรับสตรี ชุดเด็ก และเครื่องประดับอื่นๆ สำหรับผู้หญิง ในบรรดาเอกสารของรัฐบาล ได้แก่ จดหมายสารภาพรัก จดหมายโต้ตอบส่วนตัวนี้หยาบคาย นอกจากเสื้อผ้าสตรีแล้ว ยังมีสิ่งของทั่วไปของพวกวิปริตชายอีกด้วย ทั้งหมดนี้พูดถึงความคิดที่ไม่ดีของผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของรัฐ เป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในการเสพติดทางเพศของเขา ชีวประวัติของเขาไม่ได้ทำให้มัวหมองเพียงอย่างเดียว เบเรีย (Lavrenty Pavlovich ไม่ได้เปิดเผยอย่างสมบูรณ์ทั้งในช่วงชีวิตของเขาหรือหลังจากการตายของเขา) เป็นหน้าในประวัติศาสตร์ของรัสเซียที่ทนทุกข์ทรมานมานานซึ่งยังคงมีการศึกษาเป็นเวลานาน

ในระหว่างการดำรงอยู่ของสหภาพโซเวียต ประวัติศาสตร์ของประเทศถูกเขียนใหม่หลายครั้ง เนื่องจากเงินทุนที่พอประมาณ บางครั้งหนังสือเรียนของโรงเรียนก็ไม่พิมพ์ซ้ำ นักเรียนจึงได้รับคำสั่งเพียงให้แรเงาภาพวาดของผู้นำที่จู่ๆ ก็กลายเป็นศัตรู

Yagoda, Yezhov, Uborevich, Tukhachevsky, Blucher, Bukharin, Kamenev, Radek และอีกหลายคนถูกกำจัดด้วยวิธีนี้จากหนังสือและจากความทรงจำ แต่บุคคลที่น่าสยดสยองที่สุดของพรรคบอลเชวิคคือ ไม่ต้องสงสัยเลย ชีวประวัติของเขาเสริมด้วยงานด้านข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งแน่นอนว่าไม่เป็นความจริง ไม่เช่นนั้น MI6 จะจดจำความสำเร็จดังกล่าวในวันนี้อย่างภาคภูมิใจ

อันที่จริง เบเรียเป็นพวกบอลเชวิคที่ธรรมดาที่สุด ไม่เลวร้ายไปกว่าคนอื่นๆ เขาเกิดในปี พ.ศ. 2442 ในครอบครัวชาวนาและตั้งแต่วัยเด็กเขาได้รับความรู้ เมื่ออายุได้สิบหกปี จบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมจากโรงเรียนประถมศึกษาสุขุมิ เขาได้แสดงความปรารถนาที่จะศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมศึกษาด้านเครื่องกลและเทคนิคการก่อสร้าง ซึ่งเขาได้รับประกาศนียบัตรสถาปนิก หนึ่งปีต่อมาเขาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโปลีเทคนิคบากูซึ่งเขาได้เข้าร่วมงานใต้ดินด้วย เขาถูกเนรเทศไปอาเซอร์ไบจานแต่ไม่ไกลนัก

ดังนั้นที่ด้านบนสุดของสังคมประชาธิปไตยใต้ดินจึงมีคนปัญญาอ่อนเพียงไม่กี่คนเช่นชีวประวัติหลังจากการปฏิวัติแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาที่จะควบคุมสถานการณ์ เขามีส่วนร่วมในกิจการปฏิบัติการลับและเมื่อเวลาผ่านไปได้บีบ Redens (ลูกเขยของสตาลินเอง) ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจฝ่ายกิจการภายในของจอร์เจีย แน่นอนว่าไม่มีความรู้ของเลขาฯเองที่เชื่อว่าคุณสมบัติทางธุรกิจสำคัญกว่าคนใกล้ตัว

หลังจากประสบความสำเร็จในการจัดการกับ Mensheviks และศัตรูอื่น ๆ ของระบอบการปกครองของสหภาพโซเวียต Beria Lavrenty Pavlovich ซึ่งชีวประวัติไม่สามารถหยุดในโพสต์นี้เนื่องจากลักษณะที่กระฉับกระเฉงของเขาปกคลุม Stalin ด้วยหน้าอกของเขาระหว่างการยิงที่ทะเลสาบ Ritsa ซึ่งไม่ชัดเจนว่าใคร เปิดมันและทำไม

ความพร้อมสำหรับการเสียสละนี้ได้รับการชื่นชม แต่ปัจจัยหลักไม่ใช่เธอ แต่จริงๆ แล้วทักษะขององค์กรที่โดดเด่นและประสิทธิภาพอันมหาศาล รอง Yezhov ซึ่งในไม่ช้าก็เข้ารับตำแหน่งผู้สมัครเป็นสมาชิกใน Politburo - ขั้นตอนเหล่านี้ของบันไดอาชีพผ่านไปในปี 1938

เป็นที่เชื่อกันว่าเพชฌฆาตหลักของสตาลินคือเบเรีย ลาฟเรนตี พาฟโลวิช ชีวประวัติของเขาปฏิเสธสิ่งนี้ เขาอยู่ในความดูแลด้านความมั่นคงของรัฐในช่วงเวลาสั้น ๆ (จนถึงปีพ.ศ. 2484) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสูงกว่าหัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาก ในด้านความสนใจของเขาคืออุตสาหกรรมการป้องกันประเทศทั้งหมดของสหภาพโซเวียตในช่วงปีสงครามรวมถึงการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งเขาดูแลมาตั้งแต่ปี 2486

บทความพิเศษสำหรับการสนทนา - Beria Lavrenty Pavlovich และผู้หญิง ภรรยาของนีโนผู้เป็นสหายสนิทที่สุดของสตาลิน ยอมรับถ้อยแถลงทั้งหมดเกี่ยวกับนิสัยคลั่งไคล้ในความรักของเขาด้วยความกังขาอย่างมาก สามีของเธอรู้จักเธอ เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะนอน เขามีนายหญิงอายุน้อยมาก แต่ให้การว่าเบเรียใช้ความรุนแรงกับเธอ เธอจึงกดดันจากการสอบสวน อันที่จริงหญิงสาวได้รับอพาร์ตเมนต์บนถนน Gorky ในมอสโกและแม่ของเธอยังรักษาฟันของเธอในโรงพยาบาลเครมลิน ดังนั้นทุกอย่างเป็นไปโดยสมัครใจทั้งหมด

มีการเขียนเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิดที่กล้าหาญมากซึ่งเป็นผลมาจากการที่ Beria Lavrenty Pavlovich ถูกจับและถูกประหารชีวิตในไม่ช้า (หรือถูกสังหาร) ภาพถ่ายของเขาถูกลบออกจากหนังสือเรียนอย่างรวดเร็วพอๆ กับภาพของศัตรูที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ของผู้คน โครงการปฏิรูปเศรษฐกิจและการเมืองที่เสนอแก่เขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแนะนำทรัพย์สินส่วนตัวอย่างจำกัด ถูกนำไปใช้ในเวลาต่อมาระหว่างกอร์บาชอฟ เปเรสทรอยก้า