Ker-paravel นาร์เนียหมายถึงอะไรในแง่ของศาสนาคริสต์? เด็กสมัยใหม่และนาร์เนีย: ควรค่าแก่การอ่านมหากาพย์เกี่ยวกับโลกแห่งเวทมนตร์

หลัก / รัก

Great Leo - พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลทั้งหมด ความเคารพนับถือของอัสลานเป็นศาสนาที่แท้จริงซึ่งปฏิบัติโดยชาวนาร์เนียและการเบี่ยงเบนซึ่งนำไปสู่ผลร้ายต่างๆ

ในหลาย ๆ ครั้งในดินแดนนาร์เนียหรือใกล้ ๆ นั้นมีหมอผีที่ปฏิเสธความเคารพนับถือของอัสลานและข่มเหงเพราะเชื่อในอัสลานหรือคำยืนยันของเธอ ความชั่วร้ายของนาร์เนียซึ่งมีอยู่ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของการพัฒนานั้นห่างไกลจากอัสลานและต่อต้านเขา

ทางตอนใต้ของโลก Narnian ใน Tarkhistan มีลัทธิ Tash ซึ่งเป็นเทพธิดาที่ต้องเสียสละมนุษย์น่ารังเกียจตามความคิดของชาวนาร์เนียน วัดหลักตั้งอยู่ใน Tashbaan วิหารแห่งนี้จัดแสดงรูปปั้นของ Tash ซึ่งทำจากหินและชุบด้วยทองคำโดยมีเพชรสอดเข้าไปในเบ้าตา เธอมีลำตัวเหมือนมนุษย์หัวของนกล่าเหยื่อและแขนทั้งสี่ข้าง ปลายนิ้วมีกรงเล็บคล้ายจะงอยปากนก ในบรรดาผู้ที่ชื่นชอบของ Tash มีความเชื่อว่า Tash ที่มองตรงหน้าจะเสียชีวิตทันที ในขณะเดียวกันเชื่อกันว่าความตายดังกล่าวเป็นจุดประสงค์ของชีวิตของผู้เชื่อคนใดคนหนึ่ง

Aslan ตั้งข้อสังเกตว่า Tash เป็นปฏิปักษ์ทางศาสนาของเขา ถ้า Aslan เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตแสงสว่างความสุขความจริง Tash ก็คือความตายความมืดความเศร้าโศกการโกหก ยิ่งไปกว่านั้นคนที่สาบานด้วยชื่อ Tash และรักษาคำสาบานนั้นรับใช้ Aslan จริงๆ ในทางกลับกันคนโกหกที่เรียกแอสลันกำลังรับใช้ทาช

นอกจากนี้ในทาร์คิสถานยังรู้จักความเคารพนับถือของ Zardins - ผู้เป็นที่รักของความมืดและความบริสุทธิ์ซึ่งเด็กผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงานได้เสียสละ

นอกจากอัสลานแล้วพ่อของเขายังถูกกล่าวถึง

ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของการพัฒนาการระเบิดของความต่ำช้าปรากฏในโลกของนาร์เนียน ตัวอย่างเช่นในหมู่โนมส์ในนาร์เนียมีการสังเกตแนวโน้มคล้าย ๆ กัน (ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าหรือความไม่แยแสทางศาสนา) หลายครั้งอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธศรัทธาใด ๆ หรือเป็นความเต็มใจที่จะใช้ทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ความเชื่อว่าต่ำช้าอาจเป็นลักษณะของทาร์คีสถานที่สูงส่งไม่ว่าในกรณีใดปรากฏการณ์ดังกล่าวได้รับการบันทึกในช่วงต่อ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเทลมารีนมีศาสนาหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาไม่สนใจลัทธิของอัสลาน แต่อยู่ภายใต้ความเชื่อโชคลางความเชื่อเรื่องผีในป่าทางใต้ ฯลฯ ตัวแทนของชนชั้นสูงบางคนอาจไม่เชื่อว่าพระเจ้ามากหรือน้อย แต่ไม่ใช่เทลมารีนส่วนใหญ่ ทหารธรรมดาเมื่อเห็นต้นไม้ที่ฟื้นขึ้นมาและอัสลานก็ตกอยู่ในอาการมึนงงและยอมจำนนทั้งๆที่ชาวโอลด์นาร์เนียรวมถึงพวกยักษ์ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวอย่างรุนแรงภายใต้การนำของผู้นำที่แข็งแกร่งอย่างมิราซยืนยันว่าเป็นชัยชนะ ของศพของ Marins ตั้งแต่สมัยของ Caspian the Conqueror แม้แต่ความกลัวในทะเลและป่าไม้ก็ไม่ได้ป้องกันไม่ให้ Telmarines รักษากองทหารตามแนวชายฝั่ง (หนึ่งในนั้นดักจับ Tram) และหากจำเป็นให้ต่อสู้ในป่า และประสบความสำเร็จมากกว่าชาว Narnians เอง Caspian เผชิญหน้ากับสิ่งนี้เมื่อ Miraz ติดตามกองทัพ Narnian และทำให้ Narnians พ่ายแพ้หลายครั้งมีเพียงการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์อย่างกะทันหันและการปรากฏตัวของต้นไม้ที่เดินได้ Aslan และการหายตัวไปของสะพานทำให้ขวัญเสีย ทหารเทลมาร์ปล่อยให้ชาวนาร์เนียวัยเล็กจับพวกเขาเข้าคุกนอกจากนี้ความจริงของความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ของกษัตริย์ตามธรรมเนียมของเทลมาร์หมายถึงความพ่ายแพ้ของกองทัพและการไม่มีผู้นำผู้บัญชาการของพวกเขา (Glozel และ Sospesian แทนที่จะเป็นผู้บังคับบัญชามีส่วนร่วมในการต่อสู้แบบตัวต่อตัวกับชาวนาร์เนีย)

ภูมิศาสตร์

นาร์เนียเป็นทั้งโลกทุติยภูมิที่สร้างขึ้นทั้งหมดและประเทศที่เป็นศูนย์กลางของมัน เป็นครั้งแรกในโลกที่สิ่งมีชีวิตปรากฏในดินแดนของประเทศนี้ ดินแดนอื่น ๆ ทั้งหมดอาศัยอยู่โดยผู้คนจากนาร์เนียและ / หรือมนุษย์ต่างดาวจากโลก / อาจเป็นโลกอื่น

นาร์เนีย

ชื่อ "นาร์เนีย" ไม่เพียง แต่เกี่ยวข้องกับโลกของนาร์เนียเท่านั้น แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศนาร์เนียในโลกนี้ซึ่งผู้สร้าง - อัสลาน - เต็มไปด้วยสัตว์พูดได้และสัตว์ในตำนาน นาร์เนียเป็นประเทศที่มีภูเขาที่ราบและเนินเขาส่วนที่เพียงพอของประเทศถูกปกคลุมไปด้วยป่าไม้ ทางทิศตะวันออกประเทศนี้มีพรมแดนติดกับทะเลตะวันออกทางทิศตะวันตกมีภูเขาขนาดใหญ่ทางทิศเหนือติดกับแม่น้ำ Shribble ทางตะวันตกเฉียงเหนือ - เหนือมีที่ราบและภูเขาลูกเดียวกันและทางตอนใต้ - โดยภูเขาอื่น ๆ ที่แยกนาร์เนียออกจากออร์แลนเดีย

ปราสาทเมืองและเมือง ที่ประทับของกษัตริย์คือปราสาท Ker-Paraval ที่ปากแม่น้ำใหญ่ ปราสาทมิราซและปราสาทแม่มดขาวเป็นที่รู้จัก เมืองริมแม่น้ำ ได้แก่ Beruna, Beaver Dam และ Chippingford (นาร์เนียตอนปลาย)

มีเพียงผู้คน (หรือสิ่งมีชีวิตที่มีสายเลือดของมนุษย์ที่โดดเด่น) - "ลูกของอาดัมและเอวา" เท่านั้นที่สามารถเป็นกษัตริย์แห่งนาร์เนีย

ประชากรมนุษย์เป็นชาวคอเคเชียน (แองโกล - แซกซอนและอาจมีส่วนผสมที่ตามมาเหมือนกัน) ตระกูลของราชวงศ์เดิมและชนชั้นสูงที่ผสมผสานกับไนอาดและดรายเอดเทพแห่งป่าและแม่น้ำ

ออร์แลนเดีย

ออร์แลนเดียเป็นประเทศที่มีภูเขาทางตอนใต้ของนาร์เนีย ทางตอนเหนือถูก จำกัด ด้วยภูเขาในหลาย ๆ พื้นที่ของ Orlandia ประกอบด้วยและทางตอนใต้ - ริมแม่น้ำ Orlyanka ที่ประทับของกษัตริย์ที่ปราสาทอันวาร์ดใจกลางประเทศ เมืองหรือการตั้งถิ่นฐานอื่น ๆ ในออร์แลนเดียไม่ได้กล่าวถึงแม้ว่าอาจจะมีขุนนางที่มีใจฝักใฝ่ฝ่ายโปรโตอาร์คิสต์ที่เป็นเจ้าชายท่าเรือโคราลักพาตัวไปบนเรือในขณะที่คิงลุมไล่ตามพวกเขาไปบนเรือ Orlandia ในทุกตำราของ Chronicle เป็นพันธมิตรกับ Narnia และเป็นอิสระอยู่ตลอดเวลาทั้งแม่มดขาวหรือ Tarkhistan หรือ Telmar ก็จับเธอไม่ได้แม้ในระหว่างการยึดครอง Narnia โดย Tarchistans ก่อนการตายของโลกเธอก็เป็นอิสระ และกษัตริย์ Tirian หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจาก Orlandia ในการจัดทำสงครามกองโจร

ต้นกำเนิดของออร์แลนเดียได้รับจากผู้ตั้งถิ่นฐานจากนาร์เนียไม่มีการรุกรานจากภายนอกสู่ลักษณะทางมานุษยวิทยา / ชาติของชาวออร์แลนเดอร์

กษัตริย์องค์แรกของออร์แลนเดียเป็นบุตรชายคนสุดท้องของหนึ่งในกษัตริย์นาร์เนียราชวงศ์ไม่ถูกขัดจังหวะหรือเปลี่ยนแปลง Orlanders ไม่ได้พยายามที่จะฟื้นฟูอำนาจในนาร์เนียเนื่องจากกองกำลังขนาดเล็กสถาบันแห่งความกล้าหาญได้รับการพัฒนาในประเทศ .

ทาร์คิสถาน

ทาร์คิสถาน ( ภาษาอังกฤษ แคลอร์เมนจาก lat. calor "heat") เป็นอาณาจักรทางตอนใต้ของโลกนาร์เนียน ส่วนใหญ่ของประเทศมีอากาศค่อนข้างร้อนและค่อนข้างเย็น ทะเลทรายใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศและเป็นอุปสรรคทางธรรมชาติที่ปกป้องออร์แลนเดียและนาร์เนียจากชาวตาร์ชิสต์ที่มีอำนาจมานานหลายศตวรรษ

ศูนย์กลางวัฒนธรรมของ Tarkhistan เป็นแม่น้ำที่ไหลจากตะวันตกไปตะวันออกตามขอบด้านใต้ของ Great Desert เมืองหลวง - Tashbaan - ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ ศูนย์ประจำจังหวัดที่สำคัญที่สุดเชื่อมต่อกันด้วยถนนและบริการจัดส่งตามปกติ ลัทธิบูชาอย่างเป็นทางการของเทพธิดาทาช (ซึ่งเป็นตระกูล Tizrok และ Tarkhans ที่สูงส่งที่สุด) และเทพที่มีความสำคัญน้อยกว่าอีกจำนวนหนึ่ง ทางตะวันตกและทางใต้มีการทำสงครามกับกลุ่มกบฏและประเทศเอกราชซึ่งพงศาวดารกล่าวถึงทางอ้อม - พ่อค้าและทูตชาวออร์แลนเดียและชาวนาร์เนียนมักจะไปเยี่ยมทาชบาอันและทางตอนเหนือของประเทศและไม่ค่อยมีความสนใจในเรื่องดังกล่าว

ก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มอาชญากรผู้หลบหนีที่มาจากออร์แลนเดียและเห็นได้ชัดว่าผู้อพยพจากโลก / โลกอื่น ๆ ของแอนโทรไทป์อิหร่าน - อัฟกานิสถานและ / หรือเซมิติก - อาหรับ (อาหรับ) (หรือประเภทอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง) กองทัพที่แข็งแกร่ง (ไม่เพียง แต่ทหารม้าจานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรถรบด้วยซึ่งเป็นกองทัพที่ใหญ่มากจนการปลดหอกนับพันถือเป็นเรื่องเล็ก) การเดินเรือและกองทัพเรือได้รับการพัฒนาอย่างดี ที่ทำการไปรษณีย์ของรัฐและอุปกรณ์ระบบราชการที่ได้รับการพัฒนาเป็นอย่างดี ตำแหน่งของขุนนางศักดินา - ทาร์คานมีความเข้มแข็ง แต่ผู้ปกครอง - ทิซร็อกเป็นกษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มีการพัฒนาความเป็นทาส ทาร์คิสถานเป็นผู้ซื้อทาสรายใหญ่ที่สุด แต่กองกำลังผลิตหลักคือชุมชนเสรี

Telmar

อาณาเขตทางตะวันตกเฉียงเหนือของนาร์เนีย ในปีที่ 300 ถูกควบคุมโดย Tarkhistan ในปี 460 ดินแดนนี้ถูกจับโดยโจรสลัดที่ขึ้นมาบนโลกบนเกาะที่ไม่มีใครอยู่และค้นพบทางเดินระหว่างโลก ในปี 1998 หลังจากการสร้าง Narnia เนื่องจากความอดอยากที่เลวร้าย Telmar ได้ปลดปล่อยสงครามและพิชิตอาณาจักร Narnian ซึ่งอยู่ในความวุ่นวายสิ่งนี้เกิดขึ้นประมาณเก้าร้อยปีหลังจากการหายตัวไปของ Pevens Cornelius กล่าวถึงการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่บางอย่างซึ่ง ผลของสงครามถูกตัดสินแล้วคนแคระบางคนก็หนีออกจากสนามรบเลียนแบบคน กษัตริย์เทลมารีนเริ่มต้นราชวงศ์ใหม่ของกษัตริย์นาร์เนียน ตำแหน่งของขุนนางที่มีอำนาจนั้นแข็งแกร่งซึ่งแม้แต่กษัตริย์ก็ยังต้องคำนึงถึง ความสัมพันธ์แบบศักดินาได้รับการพัฒนา แต่อำนาจของกษัตริย์นั้นแข็งแกร่ง แต่ไม่เหมือนในทาร์คิสถานมันเชื่อมต่อกันด้วยประเพณีและลอร์ดพวกเทลมารีนมีกองทัพที่แข็งแกร่งมีการกล่าวถึงสงครามกับยักษ์บ่อยครั้ง (โดยเฉพาะมิราซส่งขุนนางที่ไม่ซื่อสัตย์ บ้านของ Passarids เพื่อทำสงครามกับยักษ์ใหญ่แห่ง Ettismur) มีการพัฒนาการศึกษาระดับประถมศึกษามีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และแม้แต่นักปราชญ์อาลักษณ์และผู้วิเศษ

ด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบสาเหตุหมู่เกาะโลนลี่ได้ตกอยู่ในความครอบครองของราชาแห่งบ้านของแคสเปียนผู้พิชิต แต่เนื่องจากไม่มีกองทัพเรืออำนาจของกษัตริย์เทลมาร์จนกระทั่งแคสเปี้ยนนาวิเกเตอร์มีชื่ออยู่ที่นั่นและผู้ว่าการรัฐก็กลายเป็น ผู้ปกครองที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การอุปถัมภ์ของโจรสลัดและพ่อค้าทาสและกล่าวถึงคำสั่งและคำสั่งมากมายที่ส่งมาจากนาร์เนียและพวกเขาได้รับคำแนะนำ (ตามที่ผู้ว่าการกัมป์มั่นใจ)

ตามพงศาวดารชาวเทลมารีนเป็นชาวคอเคซัสที่บริสุทธิ์เช่นเดียวกับชาวออร์แลนเดอร์และดั้งเดิม (ก่อนฤดูหนาวอันยิ่งใหญ่และการมาถึงของเทลมารีน)

ทะเลตะวันออก

แม่มดขาว (Jadis) ปรากฏในหนังสือสี่เล่มในชุด: "The Sorcerer's Nephew", "The Lion, the Witch and the Wardrobe", "The Silver Chair" ถูกกล่าวถึงสั้น ๆ ในหนังสือ "Prince Caspian"

Jadis เป็นผู้ปกครองคนสุดท้ายของโลก Charn ผู้ทำลายโลกนี้ (มีอธิบายไว้ในหนังสือ "The Sorcerer's Nephew"); เธอได้ไปที่นาร์เนียเพราะการกระทำของฮีโร่ในหนังสือเล่มแรก Digory; มันยังกล่าวอีกว่า (ในหนังสือ "The Lion, the Witch and the Wardrobe") ว่าบรรพบุรุษของเธอคือลิลิ ธ และเลือดของอวัยวะเพศและยักษ์ไหลอยู่ในเส้นเลือดของเธอ Jadis ดูเหมือนผู้หญิงที่สูงน่ารักและเย็นชา

ในช่วงเวลาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังสือ "The Lion, the Witch and the Wardrobe" แม่มดจับนาร์เนียให้เชื่อฟังเป็นเวลาร้อยปีโดยผูกมัดเธอในฤดูหนาวชั่วนิรันดร์ เด็กทั้งสี่คนที่ลงเอยที่นาร์เนียต้องต่อสู้กับเธอ เธอถูกฆ่าตายในการต่อสู้กับอัสลาน

ในเจ้าชายแคสเปี้ยนแม่มดและมนุษย์หมาป่าพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการคืนชีพของเธอ

หนังสือ "เก้าอี้สีเงิน" อธิบายถึงแม่มดอีกคนหนึ่งซึ่งปรากฏตัวในรูปแบบของสตรีสีเขียวที่สามารถแปลงร่างเป็นงูขนาดใหญ่ได้ ต้นกำเนิดของมันยังไม่ชัดเจน แต่ผู้บรรยายกล่าวว่านี่คือแม่มดคนเดียวกับที่ทำให้นาร์เนียแข็งตัว

ในบรรดาชาวนาร์เนียแม่มดเป็นที่รู้จัก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่าแม่มดอย่างหาที่เปรียบมิได้

สัตว์ในตำนาน

ชาวนาร์เนียคนอื่น ๆ มีต้นแบบในเทพนิยายของโลก: Centaurs, Dragons, Dryads, Naiads, Fauns, Maenads, Minotaurs, Pegasus, Phoenix, Satyrs, Sea snake, Werewolves, Witches, Unicorns, Griffins, เทพเจ้าแห่งแม่น้ำ, ป่า ฯลฯ ( แม้ว่าลูอิสจะเป็นคริสเตียนก็ตาม) ฯลฯ

มีความคล้ายคลึงกันของลำดับชั้นของทูตสวรรค์ - ผู้คนของดวงดาว

จักรวาลวิทยา

ดาราศาสตร์

กลุ่มดาวบนท้องฟ้าของนาร์เนียแตกต่างจากกลุ่มดาวบนพื้นโลก มีการกล่าวถึงกลุ่มดาวในฤดูร้อน Ship, Hammer, Leopard ดาวขั้วโลกเหนือบนท้องฟ้านาร์เนียเรียกว่า Spearhead และสว่างกว่าดาวขั้วโลกของโลก เจ้าชายแคสเปียนแสดงให้เห็นถึงการบรรจบกันของดาวเคราะห์ทาร์วาลอร์ดแห่งชัยชนะและอาลัมบิลเลดี้แห่งโลก มองเห็นดาวเคราะห์ในท้องฟ้าทางใต้ (ซึ่งไม่รวมดาวเคราะห์ชั้นใน) และโคจรมาบรรจบกันที่ระยะเชิงมุมน้อยกว่าหนึ่งองศา การบรรจบกันดังกล่าวสามารถมองเห็นได้เพียงหนึ่งครั้งในทุกๆสองร้อยปี ดวงจันทร์ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้านาร์เนีย นาร์เนียมีสนามแม่เหล็กแรงพอที่จะใช้เข็มทิศแม่เหล็ก

อาณาจักรมากมาย

โลกแห่งนาร์เนียเป็นหนึ่งในโลกนับไม่ถ้วนที่รวมโลกของเราไว้กับคุณและโลกของชาญ โลกเหล่านี้เชื่อมต่อกันด้วยป่าระหว่างโลก ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีเวทมนตร์พิเศษบางแห่งมีความสงบและสงบสำหรับบางแห่งก็เป็นอันตราย เป็นไปได้ที่จะเจาะจากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่งผ่าน Forest-Between-Worlds โดยใช้สิ่งประดิษฐ์พิเศษ

นอกจากนี้ยังกล่าวว่าโลกแห่งความเป็นจริงทั้งหมดมีเพียงเทือกเขาแอสลันเท่านั้น

เวลา

ผู้เยี่ยมชมนาร์เนียสังเกตเห็นว่ากาลเวลาที่ผ่านไปในขณะที่ไม่อยู่จากมิติของพวกเขานั้นมีพฤติกรรมที่ไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแน่นอน โดยปกติเวลาในโลกของนาร์เนียจะไหลเร็วกว่าในโฮมเวิร์ลด แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป จากข้อเท็จจริงที่ว่า Aslan สามารถสร้างช่วงการเปลี่ยนภาพระหว่าง Earth และ Narnia ได้ส่วนใหญ่แล้วพอร์ทัลอื่น ๆ ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของเขาและเขาสามารถควบคุมทิศทางและการไหลของเวลาได้ ซึ่งหมายความว่าเวลาจะต้องไหลในโลกทั้งสองเป็นอิสระจากกัน

วิธีไปนาร์เนีย

ข้าม ป่าระหว่างโลก ด้วยความช่วยเหลือของวงแหวนสีเหลืองและสีเขียวพิเศษที่มีเวทมนตร์แห่งการหวนคืนผ่านเวทมนตร์ของสารลึกลับ - ทรายที่เป็นของวัฒนธรรมของแอตแลนติสที่จมลงซึ่งวงแหวนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้น นี่คือวิธีที่ Digory และ Polly เข้ามาในพงศาวดารเล่มแรก The Sorcerer's Nephew หลังจากการผจญภัยในนาร์เนีย Digori ฝังแหวนไว้ในสวน ในหนังสือเล่มสุดท้ายของชุด "The Last Battle" เหล่าฮีโร่ต้องการขุดแหวนเพื่อส่งยูสทัสและจิลล์ไปช่วย Tirian ในนาร์เนีย แต่พวกเขาก็ตายและถูกย้ายไปนาร์เนียตามคำสั่งของอัสลาน

ข้าม ตู้เสื้อผ้า... ลูซี่คนแรกและเด็ก ๆ ของเพเวนซีคนอื่น ๆ ไปที่นาร์เนียในพงศาวดารที่สองของ The Lion, the Witch and the Wardrobe
ผ่านถ้ำบนเกาะแห่งหนึ่ง ดังนั้นโจรสลัดจึงมาที่นาร์เนียและตั้งรกรากอยู่ในดินแดนเทลมาร์
ถ้ามีใครโทรมาจากนาร์เนีย. Aslan หรือผู้ที่ครอบครองมันสามารถอัญเชิญได้ ซูซานที่มีเขา... นี่คือวิธีที่แคสเปี้ยนเรียกเด็ก X ของ Pevensie ในพงศาวดาร Prince Caspian
ข้าม ภาพ... ในพงศาวดาร "The Voyage of the Dawn Treader หรือ Voyage to the End of the World"
เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของนาร์เนีย

1 Aslan พร้อมเพลงของเขาทำให้นาร์เนียมีชีวิตสร้างดวงดาวดวงอาทิตย์ดินและน้ำธรรมชาติและสัตว์พูด Digory Kirk และ Polly Plummer พาคนแปลกหน้าหลายคนมาที่ Narnia โดยไม่เจตนารวมถึง Jadis ราชินีแห่ง Charn ต้นไม้ใหญ่ต้นไม้แห่งการคุ้มครอง จาดิสหนีไปทางเหนือ ฟรานซิสฉันกลายเป็นราชาแห่งนาร์เนีย
180 Prince Kohl ลูกชายคนเล็กของกษัตริย์ Narnian Francis V นำพรรคพวกของเขาเข้าสู่ Orlandia ที่ไม่มีใครอยู่และกลายเป็นกษัตริย์องค์แรก
204 กลุ่มอาชญากรหลบหนีออร์แลนเดียผ่านทะเลทรายทางใต้และพบทาร์คิสถาน
300 จักรวรรดิ Tarkhistani กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว Tarhistanis ตั้งรกรากอยู่ในดินแดน Telmar ทางตะวันตกของ Narnia เลยสันเขา
302 King Gale of Narnian ปลดปล่อยเกาะโดดเดี่ยวจากมังกร ชาวเมืองที่กตัญญูกตเวทีเลือกเขาเป็นจักรพรรดิ
407 King Alwyn the Blonde of Orlandia เอาชนะ Pyr ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ทางใต้สองหัวโดยเปลี่ยนให้เขากลายเป็นหิน นี่คือวิธีที่ Mount Pira เกิดขึ้น - ยอดเขาสองหัว
460 โจรสลัดจากโลกของเราเข้าสู่นาร์เนียโดยบังเอิญและยึดครองเทลมาร์
570 คราวนี้มีกระต่ายตัวหนึ่งชื่อแสงจันทร์
898 จาดิสกลับสู่นาร์เนียในฐานะแม่มดขาวและประกาศตัวว่าเป็นราชินีแห่งนาร์เนีย
900 ฤดูหนาวครบรอบหนึ่งร้อยปีเริ่มต้นในนาร์เนียเนื่องจากความลุ่มหลงของแม่มดขาว
1,000 สี่ Pevensies ปรากฏในนาร์เนีย การทรยศของ Edmund การเสียสละตัวเองของ Aslan ความพ่ายแพ้ของแม่มดขาวและการสิ้นสุดของฤดูหนาวอันยาวนาน ปีเตอร์กลายเป็นราชาชั้นสูงแห่งนาร์เนีย
ค.ศ. 1014 King Peter ดำเนินการรณรงค์ต่อต้านยักษ์ใหญ่ทางเหนือได้สำเร็จ Queen Susan และ King Edmund เยี่ยมชมศาล Tarkhistani Tisrok คิงลุมชาวออร์แลนดิคตามหาเจ้าชายคอร่าที่หายไปและขับไล่การโจมตีที่ทรยศของเจ้าชายราบาดาชทาร์คฮิสตา
1015 ชาวเพเวนซีทั้งสี่ล่ากวางขาวและหายตัวไปจากนาร์เนีย
1050 รามมหาราชสืบทอดบัลลังก์แห่งออร์แลนเดีย
1052 ราชินีหงส์อาศัยอยู่ในช่วงเวลานี้
1998 Caspian I the Conqueror เป็นผู้นำการรณรงค์ของ Telmarines เพื่อต่อต้าน Narnia และพิชิตมัน เขากลายเป็นราชาแห่งนาร์เนีย ชาวนาร์เนียเก่าถูกบังคับให้ซ่อนตัว
2290 เกิดของเจ้าชายแคสเปียนโอรสของแคสเปียนที่ 9 Miraz ฆ่า Caspian IX พี่ชายของเขาและแย่งชิงบัลลังก์
2303 เจ้าชายแคสเปียนหนีจากมิราซลุงของเขา สงครามกลางเมืองในนาร์เนีย ด้วยความช่วยเหลือของ Aslan และ Pevensie ผู้ซึ่ง Caspian เรียกด้วย Magic Horn ของ Queen Susan เขาสามารถเอาชนะ Miraz ได้ แคสเปี้ยนครองราชย์ภายใต้ชื่อของแคสเปียนเอ็กซ์
2306-2307 การเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของ Caspian X ไปยังจุดสิ้นสุดของโลก
2310 Caspian X แต่งงานกับ Ramanda ลูกสาวของพ่อมด
2325 เจ้าชาย Riliane ประสูติ
2345 ราชินีถูกงูกัดตาย Riliane หายตัวไป
2356 ยูสทัสและจิลมาถึงนาร์เนียและช่วยเหลือเจ้าชายริลิแอน ความตายของแคสเปียน X.
2534 หอสังเกตการณ์ 3 แห่งถูกสร้างขึ้นเพื่อปกป้อง Lantern Post Plain จากการปล้นบ่อยครั้ง
2555 การหลอกลวงเจ้าเล่ห์ (ลาซึ่งแต่งกายด้วยหนังสิงโตถูกส่งต่อโดยเขาในฐานะอัสลาน) Tarkhistanis แทรกซึมเข้าไปในนาร์เนีย คิงทิเรียนได้รับการช่วยเหลือจากยูสทัสและจิล นาร์เนียถูกจับโดย Tarkhistanis การต่อสู้ครั้งสุดท้าย. จุดจบของนาร์เนีย

เทคนิคและอาวุธ

หน้าไม้ - ใช้โดย Telmarines ในภาพยนตร์เรื่อง Prince Caspian และ The Voyage of the Voyage of the Dawn Treader ไม่มีในหนังสือ
ธนูเป็นอาวุธที่ใช้สำหรับนักธนูอาวุธระยะไกลชนิดเดียวในหนังสือ Narnian groms มีความชำนาญในการยิงธนูธนูยังใช้โดย Telmarines และ Tarhistanians กะลาสี Galm แห่งแคสเปี้ยนยังใช้ธนูได้ดีอีกด้วย - หลังจาก พวกเขาถูกไล่ออกเรือโจรสลัด Terevinth พยายามที่จะหลบหนี แต่ถูกนำตัวขึ้นเครื่อง
ดาบเป็นอาวุธในการเอาชนะศัตรูในทาร์คิสถานดาบสองคมเป็นที่ต้องการในนาร์เนียเทลมาร์และออร์แลนเดียเป็นดาบสองคมตรง
หอกเป็นเสาหลัก - แขนมันถูกใช้โดยทั้งทหารราบและทหารม้ารวมทั้งเซนทอร์นอกจากนี้ยังใช้เป็นอาวุธล่าสัตว์
จดหมายลูกโซ่เป็นเกราะหลักในโลกของนาร์เนียยกเว้นจดหมายลูกโซ่ของทาร์คิสถานจดหมายนาร์เนียออร์แลนเดียนและเทลมาร์ (และอาจเป็นเกาะ) ก็มีลักษณะคล้ายกันแยกกันมีจดหมายคนแคระซึ่งเป็นจดหมายที่ดีที่สุดในโลกของนาร์เนียเช่น ปีเตอร์และเอ็ดมันด์ใช้ ทหารม้าแห่งทาร์คิสถานและนักรบเทลมาร์แห่งมิราซและแคสเปียนล้วนสวมจดหมายลูกโซ่ แต่ถ้าชาวทาร์ซิสถานใช้หมวกกันน็อกทรงกลมต่ำที่มียอดแหลมห่อด้วยผ้าโพกหัวและโล่ทรงกลมขนาดเล็กนักรบมนุษย์ที่เหลือชอบหมวกกันน็อกแบบคีออนและทรงสามเหลี่ยม โล่
Brigandine - ในภาพยนตร์เรื่อง "Prince Caspian" ชุดเกราะ Telmarine หลักพร้อมด้วยหมวกกันน็อก Morion และโล่ทรงกลมหรือรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มี "ดวงอาทิตย์มาซิโดเนีย" ในหนังสือ Telmarines สวมจดหมายลูกโซ่ธรรมดา
ขวานต่อสู้พร้อมกับธนูเป็นอาวุธโปรดของคนแคระผู้คนยังใช้มัน - แคสเปียนนาวิเกเตอร์เมื่อได้ยินการหายตัวไปของลูกชายของเขาเกือบจะฆ่าลอร์ดดริเนียนด้วยขวานต่อสู้ หน้าไม้ต่อต้านอากาศยานเป็นอาวุธเทลมารีน มันถูกใช้เพื่อทำลายเป้าหมายทางอากาศและบุคลากรภาคพื้นดิน
หนังสติ๊ก (Trebuchet) เป็นอาวุธที่ทรงพลังของ Telmarines ใช้ในการเอาชนะ Narnians พบกันในภาพยนตร์เรื่อง Prince Caspian
จักรเย็บผ้าเป็นของ Bobrich ในหนังสือ "The Lion, the Witch and the Wardrobe"
ไม้เท้าหินเป็นอาวุธของจาดิส หากคุณสัมผัสสิ่งมีชีวิตด้วยไม้เท้ามันจะกลายเป็นหิน

ลูอิสเป็นนักประวัติศาสตร์วรรณกรรมในวิชาเอกของเขา ตลอดชีวิตของเขาเขาสอนประวัติศาสตร์วรรณคดีในยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาที่อ็อกซ์ฟอร์ดและในท้ายที่สุดเขาก็เป็นหัวหน้าแผนกที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับเขาในเคมบริดจ์ นอกเหนือจากหนังสือวิทยาศาสตร์ห้าเล่มและบทความจำนวนมากลูอิสยังตีพิมพ์หนังสือแปดเล่มในประเภทของคริสเตียนอะพอล (รายการเกี่ยวกับศาสนาทาง BBC ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองทำให้เขาโด่งดังไปทั่วอังกฤษและ "The Balamut Letters" ในยุโรปและ สหรัฐอเมริกา) อัตชีวประวัติทางจิตวิญญาณเรื่องอุปมาสามเรื่องนวนิยายวิทยาศาสตร์สามเรื่องและกวีนิพนธ์สองชุด เช่นเดียวกับ Lewis Carroll, John RR Tolkien และนักเขียน "เด็ก" คนอื่น ๆ หนังสือสำหรับเด็กที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Lewis ไปทั่วโลกยังห่างไกลจากสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาเขียน

ไคลฟ์สเตเปิลส์ลูอิส ออกซ์ฟอร์ดปี 1950
©รูปภาพ John Chillingworth / Getty

ความยากลำบากหลักของ Narni อยู่ที่ความแตกต่างอย่างไม่น่าเชื่อของวัสดุที่เก็บรวบรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับพื้นหลังของหนังสือนิยายโดย John Tolkien เพื่อนที่สนิทที่สุดของ Lewis และเพื่อนในแวดวงวรรณกรรมของ Inklings ผู้รักความสมบูรณ์แบบที่ให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์และความกลมกลืนของธีมและแรงจูงใจ โทลคีนทำงานเกี่ยวกับหนังสือของเขาเป็นเวลาหลายปีและหลายทศวรรษ (ส่วนใหญ่เขียนไม่จบ) ขัดเกลาสไตล์ของเขาอย่างรอบคอบและระมัดระวังให้แน่ใจว่าอิทธิพลจากภายนอกไม่ได้แทรกซึมเข้าไปในโลกแห่งการไตร่ตรองของเขา Lewis เขียนอย่างรวดเร็ว (นาร์เนียถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940 ถึงปีพ. ศ. 2499) ใส่ใจเรื่องรูปแบบเล็กน้อยและรวบรวมประเพณีและตำนานที่แตกต่างกันเข้าด้วยกัน โทลคีนไม่ชอบพงศาวดารแห่งนาร์เนียการเห็นชาดกของพระวรสารและการเปรียบเทียบว่าเป็นวิธีการที่แปลกแยกสำหรับเขาอย่างมาก (เขาไม่เคยเบื่อที่จะต่อสู้กับความพยายามที่จะนำเสนอลอร์ดออฟเดอะริงส์เป็นชาดกในสงคราม สำหรับแหวนคือสงครามโลกครั้งที่สองและเซารอนคือฮิตเลอร์) การกล่าวหาไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับลูอิส แต่การที่นาร์เนียบอกเล่าเรื่องราวในพระคัมภีร์ง่ายๆก็คือการทำให้พวกเขาเข้าใจง่ายขึ้น

ส่วนแรกของวงจรประกอบด้วย Father Christmas, ราชินีหิมะจากนิทานของ Andersen, Fauns และ Centaurs จากเทพนิยายกรีกโบราณฤดูหนาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากเทพนิยายสแกนดิเนเวียเด็ก ๆ ชาวอังกฤษที่ส่งตรงจากนวนิยายของ Edith Nesbit และเรื่องราวของการประหารชีวิตและการคืนชีพของสิงโตของ Aslan ทำซ้ำพระวรสารเรื่องราวของการทรยศการประหารชีวิตและการคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ เพื่อทำความเข้าใจว่าพงศาวดารแห่งนาร์เนียคืออะไรเรามาลองแยกย่อยเนื้อหาที่ซับซ้อนและหลากหลายออกเป็นชั้นต่างๆ

ความสับสนเริ่มต้นด้วยลำดับที่ควรอ่านพงศาวดารแห่งนาร์เนีย ความจริงก็คือพวกเขาไม่ได้เผยแพร่ตามลำดับที่เขียน หลานชายของหมอผีซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของการสร้างนาร์เนียการปรากฏตัวของแม่มดขาวและต้นกำเนิดของตู้เสื้อผ้าถูกเขียนขึ้นสุดท้ายและสิงโตแม่มดและตู้เสื้อผ้าเป็นคนแรกที่ปรากฏตัวซึ่งยังคงรักษาไว้ได้มาก เสน่ห์ของเรื่องราวดั้งเดิม ในลำดับนี้ได้รับการตีพิมพ์ในฉบับภาษารัสเซียที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดเล่มที่ห้าและหกของผลงานที่รวบรวมมาจาก Lewis แปดเล่มและภาพยนตร์ดัดแปลงส่วนใหญ่ของหนังสือเล่มนี้เริ่มต้นด้วย

สิงโตแม่มดและตู้เสื้อผ้าตามด้วยม้าและเด็กชายของเขาจากนั้นเจ้าชายแคสเปี้ยนการเดินทางแห่งรุ่งอรุณหรือว่ายน้ำไปยังจุดจบของโลกเก้าอี้สีเงินจากนั้นพรีเควลหลานชายของพ่อมดและสุดท้ายการต่อสู้ครั้งสุดท้าย ".

ปก The Lion, the Witch and the Wardrobe ปี 1950
Geoffrey Bles, ลอนดอน

ปกหนังสือ The Horse and His Boy. ปีพ.ศ. 2497
Geoffrey Bles, ลอนดอน

ปกหนังสือ "เจ้าชายแคสเปียน". ปีพ.ศ. 2494
Geoffrey Bles, ลอนดอน

ปกหนังสือ "The Voyage of the Dawn Treader หรือ Voyage to the End of the World" ปีพ.ศ. 2495
Geoffrey Bles, ลอนดอน

ปกหนังสือ The Silver Chair. ปีพ.ศ. 2496
Geoffrey Bles, ลอนดอน

ปกหนังสือ "หลานชายจอมขมังเวทย์". พ.ศ. 2498
The Bodley Head, ลอนดอน

ปกสุดท้ายยืน. ปีพ.ศ. 2499
The Bodley Head, ลอนดอน

ความสนใจที่เพิ่มขึ้นอย่างมากใน The Chronicles of Narnia ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการดัดแปลงซีรีส์ภาพยนตร์ฮอลลีวูด การดัดแปลงภาพยนตร์ใด ๆ ย่อมสร้างความสับสนให้กับแฟน ๆ ของแหล่งวรรณกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ที่นี่การปฏิเสธภาพยนตร์เรื่องใหม่ของแฟน ๆ กลายเป็นเรื่องที่คมชัดกว่าในกรณีของ The Lord of the Rings และจุดที่แปลกพอคือไม่ได้คุณภาพ การดัดแปลงหนังสือเกี่ยวกับนาร์เนียมีความซับซ้อนโดยการเปรียบเทียบหรืออุปมาเรื่องประเทศอัสลาน ซึ่งแตกต่างจาก "เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์" ที่โนมส์และเอลฟ์เป็นโนมส์และเอลฟ์เป็นหลักวีรบุรุษของ "นาร์เนีย" มักมีภูมิหลังที่แตกต่างกัน (เมื่อสิงโตไม่ใช่แค่สิงโต) ดังนั้นการดัดแปลงภาพยนตร์ที่สมจริงจึงกลายเป็นอุทาหรณ์ เต็มไปด้วยคำใบ้เป็นหนึ่งเดียวการกระทำ ภาพยนตร์ของ BBC ที่ถ่ายทำในปี 2531-2533 ที่ดีกว่านั้นคือ Aslan ที่หรูหราและสัตว์พูดได้ที่ยอดเยี่ยม: The Lion, the Witch and the Wardrobe, Prince Caspian, The Voyage of the Dawn Treader และ The Silver Chair

ภาพนิ่งจากซีรีส์ "The Chronicles of Narnia" ปีพ.ศ. 2531
© BBC / IMDb

ไหนว่ามาจากไหน

ลูอิสชอบเล่าว่านาร์เนียสเริ่มเขียนมานานแล้ว ภาพของฟาอุนที่กำลังเดินอยู่ในป่าฤดูหนาวโดยมีร่มและมัดใต้แขนหลอกหลอนเขาตั้งแต่อายุ 16 ปีและมีประโยชน์เมื่อลูอิสเป็นครั้งแรก - และไม่ใช่โดยปราศจากความกลัว - เผชิญหน้ากับเด็ก ๆ ซึ่ง เขาไม่สามารถสื่อสารด้วย ในปี 1939 เด็กผู้หญิงหลายคนที่อพยพออกจากลอนดอนในช่วงสงครามอาศัยอยู่ในบ้านของเขาใกล้อ็อกซ์ฟอร์ด ลูอิสเริ่มเล่านิทานให้พวกเขาฟัง: ดังนั้นภาพที่อยู่ในหัวของเขาจึงเริ่มเคลื่อนไหวและหลังจากนั้นไม่กี่ปีเขาก็ตระหนักว่าต้องเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้น บางครั้งการสื่อสารระหว่างอาจารย์อ๊อกซ์ฟอร์ดและเด็ก ๆ ก็ลงเอยเช่นนี้

ส่วนของปกหนังสือ "The Lion, the Witch and the Wardrobe" ภาพประกอบโดย Pauline Baines ปี 1998

ปกสิงโตแม่มดและตู้เสื้อผ้า ภาพประกอบโดย Pauline Baines ปี 1998
สำนักพิมพ์คอลลินส์. ลอนดอน

ต้นแบบของ Lucy Pevensie คือ June Fluett ลูกสาวของครูสอนภาษาโบราณที่โรงเรียนเซนต์พอล (จบการศึกษาจากเชสเตอร์ตัน) อพยพจากลอนดอนไปยังอ็อกซ์ฟอร์ดในปี 2482 และในปีพ. ศ. 2486 ได้ลงเอยที่บ้านของลูอิส มิถุนายนอายุสิบหกและลูอิสเป็นนักเขียนคริสเตียนคนโปรดของเธอ อย่างไรก็ตามหลังจากอาศัยอยู่ในบ้านของเขาเป็นเวลาหลายสัปดาห์เธอก็รู้ว่า C.S.Lewis นักขอโทษชื่อดังและแจ็คเจ้าของบ้าน (ตามที่เพื่อน ๆ เรียกเขาว่า) เป็นคนเดียวกัน มิถุนายนเข้าเรียนในโรงเรียนการละคร (และลูอิสจ่ายเงินเพื่อการศึกษาของเธอ) กลายเป็นนักแสดงและผู้กำกับละครที่มีชื่อเสียง (ชื่อบนเวทีของเธอคือจิลล์เรย์มอนด์) และแต่งงานกับหลานชายของเซอร์คลีเมนต์ฟรอยด์นักจิตวิเคราะห์ชื่อดังนักเขียนนักจัดรายการวิทยุและสมาชิกรัฐสภา .

Lucy Barfield ตอนอายุ 6 ขวบ พ.ศ. 2484
ลิขสิทธิ์© Owen Barfield Literary Estate

อุทิศให้กับลูกทูนหัวของ "นาร์เนีย" ลูซี่ - ลูซี่บาร์ฟิลด์ลูกสาวบุญธรรมของโอเวนบาร์ฟิลด์ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาภาษาและหนึ่งในเพื่อนสนิทของลูอิส

โกงโกง

เสียงหอนที่เร่าร้อนความเศร้าโศกจาก The Silver Chair ถูกคัดลอกมาจาก Lewis นักทำสวนที่ดูมืดมน แต่ใจดีและชื่อของเขาเป็นการพาดพิงถึงแนวของ Seneca แปลโดย John Studley (ในภาษาอังกฤษชื่อ Puddleglum - "gloomy goo" gloomy goo " เกี่ยวกับน่านน้ำของ Styx) ลูอิสวิเคราะห์งานแปลนี้ในหนังสือเล่มหนาของเขาที่อุทิศให้กับศตวรรษที่ 16

พเนจรฮ. ภาพนิ่งจากซีรีส์ "The Chronicles of Narnia" ปี 1990
© BBC

นาร์เนีย

Narnia Lewis ไม่ได้คิดค้น แต่พบใน Atlas of the Ancient World ตอนที่เขาเรียนภาษาละตินเตรียมเข้าอ็อกซ์ฟอร์ด นาร์เนียเป็นชื่อภาษาละตินของเมืองนาร์นีในแคว้นอุมเบรีย ลูเซียโบรคาเดลลีผู้เป็นสุขหรือลูเซียแห่งนาร์เนียนถือเป็นผู้มีพระคุณของเมือง

นาร์เนียในแผนที่ละตินไมเนอร์แห่งโลกโบราณของเมอร์เรย์ ลอนดอน 2447
สถาบันวิจัยเก็ตตี้

แผนที่ของนาร์เนีย. วาดโดย Paulina Bays ปี 1950
ลิขสิทธิ์© CS Lewis Pte Ltd. / ห้องสมุด Bodleian University of Oxford

ต้นแบบทางภูมิศาสตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ลูอิสมีแนวโน้มมากที่สุดในไอร์แลนด์ ลูอิสรักเคาน์ตี้ทางตอนเหนือตั้งแต่เด็กและเดินทางไปที่นั่นกับแม่มากกว่าหนึ่งครั้ง เขาบอกว่า "สวรรค์คือออกซ์ฟอร์ดอยู่ตรงกลางของเคาน์ตี้ดาวน์" ตามรายงานบางฉบับลูอิสยังบอกพี่ชายของเขาถึงสถานที่ที่แน่นอนซึ่งกลายเป็นภาพของนาร์เนียสำหรับเขา - นี่คือหมู่บ้าน Rostrevor ทางตอนใต้ของ County Down ซึ่งเป็นความลาดชันของเทือกเขามอร์นที่แม่นยำยิ่งขึ้นจากที่ซึ่งธารน้ำแข็งคาร์ลิงฟอร์ดลอฟ ฟยอร์ดเปิดขึ้น

ทิวทัศน์ของฟยอร์ด Carlingford Loch
Thomas O "Rourke / CC BY 2.0

ทิวทัศน์ของฟยอร์ด Carlingford Loch
แอนโธนีแครนนีย์ / CC BY-NC 2.0

ทิวทัศน์ของฟยอร์ด Carlingford Loch
บิลที่แข็งแกร่ง / CC BY-NC-ND 2.0

Digory Kerk

วิลเลียมเคิร์กแพทริกครูสอนพิเศษของลูอิสซึ่งเตรียมเขาให้เข้าเรียนที่อ็อกซ์ฟอร์ดกลายเป็นต้นแบบของ Digory ผู้สูงอายุจาก The Lion and the Witch แต่พงศาวดาร "The Sorcerer's Nephew" ซึ่ง Digory Kerk ต่อต้านการล่อลวงที่จะขโมยแอปเปิ้ลแห่งชีวิตนิรันดร์สำหรับมารดาที่ป่วยหนักถึงที่สุดนั้นมีความเกี่ยวพันกับชีวประวัติของ Lewis เอง ลูอิสรอดจากการตายของแม่ตอนอายุเก้าขวบและนี่เป็นการระเบิดครั้งรุนแรงสำหรับเขาซึ่งนำไปสู่การสูญเสียศรัทธาในพระเจ้าซึ่งเขาจะกลับมาได้เมื่ออายุเพียงสามสิบเท่านั้น

Digory Kerk ภาพนิ่งจากซีรีส์ "The Chronicles of Narnia" ปีพ.ศ. 2531
© BBC

พงศาวดารแห่งนาร์เนียเกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์อย่างไร

อัสลานและพระเยซู

ชั้นพระคัมภีร์ในนาร์เนียสำคัญที่สุดสำหรับลูอิส ผู้สร้างและผู้ปกครองแห่งนาร์เนีย "ลูกชายของจักรพรรดิเหนือทะเล" เป็นภาพสิงโตไม่เพียงเพราะมันเป็นภาพธรรมชาติสำหรับราชาแห่งดินแดนแห่งสัตว์พูดได้ พระเยซูคริสต์ถูกเรียกว่าสิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ในวิวรณ์ของยอห์นนักศาสนศาสตร์ Aslan สร้าง Narnia ด้วยเพลง - และนี่คือการอ้างอิงไม่เพียง แต่เรื่องราวในพระคัมภีร์ของการสร้างโดย Word เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้างเป็นศูนย์รวมของดนตรี Ainur จาก Silmarillion ของโทลคีน

อัสลานปรากฏตัวในนาร์เนียในวันคริสต์มาสโดยสละชีวิตเพื่อช่วย "บุตรแห่งอดัม" จากการเป็นเชลยของแม่มดขาว พลังแห่งความชั่วร้ายฆ่าเขา แต่เขากลับฟื้นคืนชีพเพราะเวทมนตร์โบราณที่มีอยู่ก่อนการสร้างนาร์เนียกล่าวว่า:“ เมื่อแทนที่จะเป็นคนทรยศคนที่ไม่มีความผิดในสิ่งใดที่ไม่ได้ทรยศใด ๆ ขึ้นไปบน โต๊ะบูชายัญแห่งเจตจำนงเสรีของเขาโต๊ะจะแตกและความตายจะถดถอยต่อหน้าเขา "

Aslan บนโต๊ะหิน ภาพประกอบโดย Pauline Baines สำหรับ The Lion, the Witch and the Wardrobe ปี 1950

ในตอนท้ายของหนังสืออัสลานปรากฏตัวต่อวีรบุรุษในรูปแบบของลูกแกะซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระคริสต์ในพระคัมภีร์ไบเบิลและศิลปะคริสเตียนยุคแรกและเชิญชวนให้พวกเขาลิ้มรสปลาทอด - นี่คือการกล่าวพาดพิงถึงการปรากฏตัวของพระคริสต์ต่อสาวกของเขาบน ทะเลสาบทิเบเรียส

Shasta และโมเสส

เนื้อเรื่องของหนังสือ "The Horse and His Boy" ซึ่งเล่าถึงการบินของเด็กชาย Shasta และม้าที่พูดได้จากประเทศ Tarkhistan ซึ่งปกครองโดยทรราชและที่ซึ่งบูชาเทพเจ้าจอมปลอมและโหดร้ายเพื่อปลดปล่อยนาร์เนียคือ การพาดพิงถึงเรื่องราวของโมเสสและการอพยพของชาวยิวออกจากอียิปต์

Dragon-Eustace และการล้างบาป

หนังสือ "The Voyage of the Dawn หรือ Voyage to the End of the World" อธิบายถึงการเกิดใหม่ภายในของฮีโร่คนหนึ่งยูสทัสฮาร์มผู้ยอมจำนนต่อความโลภกลายเป็นมังกร การแปลงร่างแบบย้อนกลับของเขาเป็นผู้ชายเป็นหนึ่งในคติพจน์ของการล้างบาปที่ชัดเจนที่สุดในวรรณกรรมโลก

การต่อสู้ครั้งสุดท้ายและคติ

The Final Battle หนังสือเล่มสุดท้ายในซีรีส์ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของจุดจบของยุคเก่าและจุดเริ่มต้นของนาร์เนียใหม่เป็นการพาดพิงถึงวิวรณ์ของยอห์นผู้สอนศาสนาหรือคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ ในลิงร้ายกาจล่อลวงชาวนาร์เนียบังคับให้พวกเขาก้มหัวให้กับอัสลานจอมปลอมซึ่งมีการคาดเดาพล็อตที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับ Antichrist และ the Beast

แหล่งที่มาของพงศาวดารแห่งนาร์เนีย

ตำนานโบราณ

พงศาวดารแห่งนาร์เนียไม่เพียง แต่เต็มไปด้วยตัวละครจากเทพนิยายโบราณ - ฟัวส์เซนทอร์ดรายเอดและซิลแวน ลูอิสผู้ซึ่งรู้จักและชื่นชอบโบราณวัตถุเป็นอย่างดีไม่กลัวที่จะกระจายการอ้างอิงไปยังระดับต่างๆ หนึ่งในฉากที่น่าจดจำของวัฏจักรคือขบวนของผู้ที่ได้รับการปลดปล่อยจากการกดขี่ของกองกำลังธรรมชาติ Bacchus, Maenads และ Silenus ซึ่งนำโดย Aslan ใน Prince Caspian (เป็นการผสมผสานที่ค่อนข้างเสี่ยงจากมุมมองของประเพณีของคริสตจักรซึ่งพิจารณาว่า พระเจ้านอกรีตเป็นปีศาจ) และในช่วงเวลาที่ประเสริฐที่สุดในตอนจบของ The Last Battle เมื่อเหล่าฮีโร่เห็นว่าเกมใหม่เปิดขึ้นนอกนาร์เนียเก่าโดยอ้างถึงอดีตที่เป็นต้นแบบของภาพศาสตราจารย์เคิร์กพึมพำกับตัวเองและมองไปที่ความประหลาดใจของ เด็ก ๆ :“ เพลโตมีทั้งหมดนี้ทุกอย่างในเพลโต…พระเจ้าของฉันพวกเขาสอนอะไรในโรงเรียนเหล่านี้เท่านั้น!”

ขบวนกับแม่นาด. ภาพประกอบของ Paulina Baines สำหรับ Prince Caspian ปี 1950
ลิขสิทธิ์© CS Lewis Pte Ltd. / narnia.wikia.com / การใช้งานที่เหมาะสม

วรรณกรรมยุคกลาง

ลูอิสรู้จักและชื่นชอบยุคกลาง - และยังคิดว่าตัวเองเป็นนักเขียนในยุคโบราณมากกว่าคนใหม่และพยายามใช้ทุกสิ่งที่เขารู้จักและชื่นชอบในหนังสือของเขา ไม่น่าแปลกใจที่นาร์เนียมีการอ้างอิงถึงวรรณกรรมยุคกลางมากมาย นี่เป็นเพียงสองตัวอย่าง

The Marriage of Philology and Mercury ซึ่งเป็นผลงานของ Marcian Capella นักเขียนและนักปรัชญาชาวละตินในศตวรรษที่ 5 บอกเล่าว่า Philology หญิงสาวล่องเรือไปยังจุดจบของโลกบนเรือที่มีสิงโตแมวจระเข้และลูกเรือเจ็ดคนได้อย่างไร ; เตรียมที่จะดื่มจากถ้วยแห่งความเป็นอมตะ Philology พ่นหนังสือจากตัวเองในลักษณะเดียวกับ Reepicheep ศูนย์รวมของความกล้าหาญใน "The Voyage of the Dawn Treader" ขว้างดาบของเขาไปที่ธรณีประตูของประเทศ Aslan และการตื่นขึ้นของธรรมชาติในฉากการสร้างนาร์เนียของ Aslan จาก "The Sorcerer's Nephew" คล้ายฉากการปรากฏตัวของ Virgin of Nature จาก "Lament of Nature" - งานเชิงเปรียบเทียบภาษาละตินของ Alan of Lille กวีและนักศาสนศาสตร์ ของศตวรรษที่ 12

วรรณคดีอังกฤษ

ความพิเศษหลักของ Lewis คือประวัติศาสตร์วรรณคดีอังกฤษและเขาไม่สามารถปฏิเสธตัวเองได้ว่ามีความสุขที่ได้เล่นกับเรื่องโปรดของเขา แหล่งที่มาหลักของ Narnia เป็นผลงานการศึกษาที่ดีที่สุดสองชิ้นของเขา: The Fairy Queen โดย Edmund Spencer และ Paradise Lost โดย John Milton

แม่มดขาวคล้ายกับ Duessa ของสเปนเซอร์มาก เธอพยายามเกลี้ยกล่อมเอ็ดมันด์ด้วยขนมตะวันออกและ Digory - แอปเปิ้ลแห่งชีวิตเช่นเดียวกับ Duessa ล่อลวงอัศวินแห่ง Scarlet Cross ด้วยโล่ของอัศวิน (แม้รายละเอียดจะตรงกัน - ระฆังบนรถม้าของแม่มดขาวได้รับเธอจาก Duessa และ แม่มดเขียวจากเก้าอี้เงินเช่นเดียวกับการโกหกกลายเป็นเรื่องที่ถูกจับโดยเชลย)

ลิงแต่งตัว Aslan ลาของ Burdock - การอ้างอิงถึงอาร์ชเมจพ่อมดจากหนังสือของสเปนเซอร์ผู้สร้าง Florimella จอมปลอม; Tarchistans - เพื่อ "Saracens" ของสเปนเซอร์ที่โจมตีตัวละครหลักอัศวินแห่ง Scarlet Cross และ Unu ผู้หญิงของเขา; และการล่มสลายและการไถ่ถอนเอ็ดมันด์และยูสเตส - สู่การล่มสลายและการไถ่ถอนอัศวินแห่งสการ์เล็ตครอส; ลูซี่มาพร้อมกับ Aslan และ Faun Tumnus เช่น Unu ใน Spencer's - สิงโตยูนิคอร์นสัตว์ประหลาดและเทพารักษ์

อูน่าและสิงโต ภาพวาด Brighton Riviera ภาพประกอบสำหรับบทกวี "The Fairy Queen" โดย Edmund Spencer 1880 ปี
คอลเลกชันส่วนตัว / Wikimedia Commons

เก้าอี้สีเงินยังมาจากราชินีนางฟ้า ที่นั่น Proserpine นั่งอยู่บนบัลลังก์สีเงินในยมโลก สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือความคล้ายคลึงกันของฉากการสร้างโลกโดยเพลงใน Paradise Lost และหลานชายของหมอผี - โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากพล็อตนี้ไม่มีแนวในพระคัมภีร์ไบเบิล แต่ใกล้เคียงกับพล็อตที่สอดคล้องกันจาก The Silmarillion ของโทลคีน

หลักจรรยาบรรณแห่งนาร์เนียหรือหนังสือทั้งเจ็ดเล่มถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างไร

แม้ว่าลูอิสจะยอมรับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเมื่อเริ่มทำงานหนังสือเล่มแรกเขาไม่ได้วางแผนซีรีส์นักวิจัยพยายามที่จะไข "รหัสแห่งนาร์เนีย" มานานแล้วซึ่งเป็นแนวคิดที่รวมหนังสือทั้งเจ็ดเล่มเข้าด้วยกัน พวกเขาเห็นว่าสอดคล้องกับศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดของคาทอลิกการเริ่มต้นในลัทธิแองกลิกันเจ็ดระดับคุณธรรมเจ็ดประการหรือบาปมหันต์เจ็ดประการ เส้นทางที่ไกลที่สุดในเส้นทางนี้คือนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษและนักบวชไมเคิลวอร์ดผู้เสนอว่า "นาร์เนียส" ทั้งเจ็ดนี้สอดคล้องกับดาวเคราะห์ทั้งเจ็ดของจักรวาลวิทยาในยุคกลาง วิธีการมีดังนี้:

"สิงโตแม่มดและตู้เสื้อผ้า" - ดาวพฤหัสบดี

คุณลักษณะของมันคือราชวงศ์เปลี่ยนจากฤดูหนาวเป็นฤดูร้อนจากความตายสู่ชีวิต

"เจ้าชายแคสเปียน" - ดาวอังคาร

หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับสงครามปลดปล่อยที่เกิดขึ้นโดยชนพื้นเมืองในนาร์เนียกับพวกเทลมารีนที่กดขี่พวกเขา แรงจูงใจที่สำคัญของหนังสือเล่มนี้คือการต่อสู้กับการแย่งชิงของเทพในท้องถิ่นและการปลุกให้ตื่นขึ้นของธรรมชาติ หนึ่งในชื่อของดาวอังคารคือมาร์สซิลวานุส "ป่า"; “ ไม่ใช่แค่เทพเจ้าแห่งสงครามเท่านั้น แต่ยังเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของป่าไม้และทุ่งนาด้วยดังนั้นป่าจึงทำสงครามกับศัตรู (รูปแบบของเทพนิยายเซลติกที่เชคสเปียร์ใช้ใน Macbeth ใช้) จึงทวีคูณในแง่ของดาวอังคาร

การเดินทางของ Dawn Treader - ดวงอาทิตย์

นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าจุดจบของโลกที่ดวงอาทิตย์ขึ้นเป็นเป้าหมายของการเดินทางของวีรบุรุษในหนังสือเล่มนี้ยังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์เกี่ยวกับแสงอาทิตย์และดวงอาทิตย์ สิงโต Aslan ยังปรากฏในรัศมีเหมือนดวงอาทิตย์ คู่อริหลักของหนังสือเล่มนี้คืองูและมังกร (มีห้าตัวในหนังสือเล่มนี้) แต่เทพแห่งดวงอาทิตย์อพอลโลเป็นผู้ชนะมังกรไทฟอน

"เก้าอี้เงิน" - ดวงจันทร์

เงินเป็นโลหะดวงจันทร์และอิทธิพลของดวงจันทร์ที่มีต่อการลดลงและการไหลที่เกี่ยวข้องกับธาตุน้ำ ความซีดแสงสะท้อนและน้ำหนองน้ำทะเลใต้ดินเป็นองค์ประกอบหลักของหนังสือเล่มนี้ ที่พำนักของแม่มดเขียวเป็นอาณาจักรที่น่ากลัวซึ่งอาศัยอยู่โดย "คนบ้า" ที่หลงทิศทางในอวกาศของโลกใบใหญ่

"ม้าและเด็กชายของเขา" - ปรอท

เนื้อเรื่องมีพื้นฐานมาจากการพบกันใหม่ของฝาแฝดซึ่งมีหลายคู่ในหนังสือเล่มนี้และกลุ่มดาวราศีเมถุนถูกปกครองโดยดาวพุธ Mercury เป็นนักบุญอุปถัมภ์ของวาทศาสตร์และสุนทรพจน์และการได้มาซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อที่สำคัญที่สุดของหนังสือเล่มนี้ เมอร์คิวรี่เป็นนักบุญอุปถัมภ์ของโจรและผู้หลอกลวงและตัวละครหลักของหนังสือเล่มนี้คือม้าที่ถูกลักพาตัวโดยเด็กชายหรือเด็กชายที่ถูกลักพาตัวไปโดยม้า

"หลานชายของหมอผี" - วีนัส

แม่มดสีขาวชวนให้นึกถึงอิชทาร์ซึ่งเป็นคู่หูของวีนัสชาวบาบิโลน เธอยั่วยวนลุงแอนดรูว์และพยายามเกลี้ยกล่อม Digory การสร้างนาร์เนียและพรของสัตว์ที่อาศัยอยู่เป็นชัยชนะของหลักการผลิตคือดาวศุกร์ที่สว่างไสว

"ยืนสุดท้าย" - ดาวเสาร์

เป็นดาวเคราะห์และเทพแห่งอุบัติเหตุที่โชคร้ายและการล่มสลายของนาร์เนียเกิดขึ้นภายใต้สัญลักษณ์ของดาวเสาร์ ในตอนจบเวลายักษ์ซึ่งในร่างเรียกโดยตรงว่าดาวเสาร์ตื่นขึ้นจากการหลับใหลเป่าฮอร์นเปิดทางไปสู่นาร์เนียใหม่ขณะที่วงกลมของเวลาใน IV eclogue of Virgil สิ้นสุดลงนำ อาณาจักร Saturnian eschatological ใกล้ชิด?

ทั้งหมดนี้หมายความว่าอย่างไร

มีการยืดออกจำนวนมากในการสร้างแบบนี้ใหม่ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูอิสปฏิเสธว่ามีแผนเดียว) แต่ความนิยมของหนังสือของวอร์ด - และแม้แต่สารคดีก็ถูกสร้างขึ้น - แสดงให้เห็นว่ามีคนดูในนาร์เนียเพื่ออ้างอิงถึงทุกสิ่งที่ ลูอิสและเขามีส่วนร่วมในงานอดิเรกที่ยิ่งใหญ่ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นอาชีพที่คุ้มค่าและน่าตื่นเต้นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นการศึกษาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างการศึกษาทางวิชาการของ Lewis กับงานวรรณกรรมของเขา (และนอกเหนือจากเรื่องเล่าของนาร์เนียแล้วเขายังเขียนชาดกในจิตวิญญาณของจอห์นบันยันซึ่งเป็นลักษณะของนวนิยายในจดหมายในจิตวิญญาณของราสมุสแห่งรอตเตอร์ดัม , นวนิยายวิทยาศาสตร์สามเรื่องในจิตวิญญาณของจอห์นมิลตันและโธมัสมาลอรีและนวนิยายอุปมาในจิตวิญญาณของ "Golden Ass" ของ Apuleius) และแสดงให้เห็นอย่างน่าเสียดายว่าความยุ่งเหยิงที่เห็นได้ชัดเจนในนาร์เนียไม่ใช่ข้อบกพร่อง แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการของเขา .

Lewis ไม่ได้ใช้เพียงภาพของวัฒนธรรมยุโรปและวรรณกรรมเป็นรายละเอียดในการตกแต่งโครงสร้างทางปัญญาของเขา แต่เขาไม่เพียงแค่แต่งนิทานด้วยการพาดพิงเพื่อทำให้ผู้อ่านประหลาดใจหรือขยิบตาให้เพื่อนร่วมงาน ในขณะที่โทลคีนในหนังสือของเขาเรื่องมิดเดิลเอิร์ ธ สร้าง "เทพนิยายสำหรับอังกฤษ" บนพื้นฐานของภาษาดั้งเดิมลูอิสได้สร้างตำนานยุโรปขึ้นใหม่ในนาร์เนีย วัฒนธรรมและวรรณกรรมของยุโรปเป็นแหล่งชีวิตของความสุขและแรงบันดาลใจสำหรับเขาและวัสดุก่อสร้างจากธรรมชาติที่เขาสร้างทุกสิ่งที่เขาเขียนตั้งแต่การบรรยายและหนังสือทางวิทยาศาสตร์ไปจนถึงคำเทศนาและนิยาย

ประตูที่มั่นคง ภาพประกอบโดย Pauline Baines สำหรับ The Last Stand ปี 1950
© CS Lewis Pte Ltd / thehogshead.org / การใช้งานที่เหมาะสม

ผลกระทบของการเรียนรู้เนื้อหาที่เป็นอิสระและกระตือรือร้นเช่นนี้คือความสามารถในการพูดภาษาของเทพนิยายเกี่ยวกับสิ่งที่ค่อนข้างร้ายแรงจำนวนมาก - ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตและความตาย แต่เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่เหนือเส้นแห่งความตาย และสิ่งที่นักลึกลับและนักเทววิทยากล้าพูดถึงในยุคกลางที่ลูอิสเป็นที่รัก ...

แหล่งที่มาของ

Kuraev A. กฎของพระเจ้าและพงศาวดารแห่งนาร์เนีย C. S. Lewis “ พงศาวดารแห่งนาร์เนีย”. จดหมายถึงเด็ก บทความเกี่ยวกับนาร์เนีย ม., 1991
Apple N. Clive Staples Lewis แซงหน้าด้วยความดีใจ โทมัส. เลขที่? 11 (127). พ.ศ. 2556.
Epple N. ไดโนเสาร์เต้นรำ C.S. Lewis ผลงานคัดสรรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วัฒนธรรม M. , 2559.
ฮาร์ดีอีบีมิลตัน Spenser และพงศาวดารแห่งนาร์เนีย แหล่งวรรณกรรมสำหรับนวนิยาย C. S. Lewis McFarland & Company, 2550
Hooper W. มังกรเฝ้าระวังในอดีต: พงศาวดารนาร์เนียนของ C. S. Lewis มักมิลลัน, 2522
Ward M. Planet Narnia: สวรรค์ทั้งเจ็ดในจินตนาการของ C. S. Lewis สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด 2551
Ward M. The Narnia Code: C. S. Lewis and the Secret of the Seven Heavens Tyndale สำนักพิมพ์เฮาส์, 2010.
วิลเลียมส์อาร์โลกของสิงโต: การเดินทางสู่ใจกลางนาร์เนีย สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด 2013

หญิงสาวเล่าเรื่องนาร์เนีย แต่ไม่มีใครเชื่อเธอ พวกเขาพบกันโดยบังเอิญและตัดสินใจกลับไปที่นาร์เนีย ชื่อเบื้องต้นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ The Chronicles of Narnia: The Silver Chair สร้างเสร็จในฤดูใบไม้ผลิปี 2496 และเผยแพร่ในปีพ. ศ. 2499 The Last Stand อธิบายถึงจุดจบของโลกแห่งนาร์เนีย ก่อนที่เอ็ดมันด์จะกลับมาอัสลานอัศวินให้ปีเตอร์เป็นอัศวินแห่งนาร์เนีย

เด็ก ๆ ต้องช่วยนาร์เนียอีกครั้งและช่วยชาวนาร์เนียคืนบัลลังก์ให้กับแคสเปี้ยนผู้ปกครองที่ถูกต้อง หนังสือ The Silver Chair สร้างเสร็จในปี 2494 และตีพิมพ์ในปี 2496 ในหนังสือเล่มนี้ยูสตาซและจิลล์โพลเพื่อนร่วมชั้นของเขาวิ่งหนีจากเด็กนักเรียนไปลงเอยที่นาร์เนีย

Digory Kirk และ Polly Plummer แฟนสาวของเขาเดินทางไปยังโลกอื่นอันเป็นผลมาจากการทดลองของ Uncle Digory พบกับ Jadis (แม่มดขาว) และเป็นสักขีพยานในการสร้าง Narnia

มีจุดหนึ่งที่ซูซานซึ่งโตเป็นสาวแล้วแพ้นาร์เนียไปแล้วเพราะเธอสนใจในลิปสติก Lewis ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ไม่ว่าเขาจะไม่ชอบผู้หญิงทั่วไปหรือเขาก็แค่มีอารมณ์ทางเพศอย่างน้อยก็ในช่วงที่เขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับนาร์เนีย พื้นฐานคือการรับรู้ในแง่ลบของเชื้อชาติและศาสนาอื่น ๆ โดยเฉพาะชาวทาร์กฮิสทันในฐานะศัตรูของอัสลานและนาร์เนีย

The Chronicles of Narnia: Prince Caspian - วางจำหน่ายในปี 2008 ภาพยนตร์เรื่องที่สองคือ "Prince Caspian" เพราะมิฉะนั้นนักแสดงจะมีเวลาเติบโตขึ้น The Chronicles of Narnia: The Voyage of the Voyage of the Dawn Treader "ออกฉายในเดือนธันวาคม 2010 Michael Aptid กลายเป็นผู้กำกับคนใหม่ เธอไม่ได้มาครึ่งวัน (ในความคิดของเธอเธออยู่ในนาร์เนีย) แม้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงจะผ่านไปหลายวินาทีแล้วก็ตาม

อย่างไรก็ตามบ้านของศาสตราจารย์เคิร์กเป็นจุดเชื่อมระหว่างโลกของเรากับโลกแห่งนาร์เนีย

ในตอนกลางคืนลูซี่ไปที่ตู้เสื้อผ้าอีกครั้งและลงเอยที่นาร์เนียและเอ็ดมันด์พี่ชายของเธอก็เดินตามเธอไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อที่จะไม่มีใครสังเกตเห็น ในนาร์เนียหลังจากการประลองและคืนดีกันไม่นานพวกเขาก็ไปที่ Faun Tumnus และพบว่าเขาถูกตำรวจจับโดย White Witch (จากนั้นชื่อของเธอก็ฟังดู - Jadis) จากพวกเขาพวกเขาเรียนรู้ว่ามีคำทำนาย - เมื่อบุตรชายสองคนของอาดัมและลูกสาวสองคนของอีฟมาพวกเขาจะปราบแม่มดและคืนโลกให้นาร์เนีย เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินชื่อของอัสลาน

เขาอธิบายว่าในโลกใหม่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ประสบกับความเศร้าโศก: Digory สำหรับแม่ที่ป่วยของเขาและเขาสำหรับความชั่วร้ายที่แทรกซึมเข้ามาในนาร์เนีย

หลังจากไม่กี่หน่วยกิตลูซี่ถามศาสตราจารย์เคิร์กว่าพวกเขาจะกลับไปที่นาร์เนียอีกหรือไม่ เขาตอบในเชิงบวกและเสริม - พวกเขาจะกลับมาเมื่อพวกเขาไม่คาดหวัง ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นในสองโลก ดังนั้นไอเท็มและเครื่องแต่งกายทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็นไอเท็มจากโลกของเราและไอเท็มจากโลกแห่งนาร์เนีย

Aslan สั่งให้ตามหาลูกชายของ Caspian - Prince Rilian ซึ่งถูกลักพาตัวไปเมื่อ 10 ปีก่อน ยูสทัสและจิลพร้อมกับฮอร์เดอะโครคออกตามหาเจ้าชายในดินแดนทางตอนเหนือที่มียักษ์อาศัยอยู่ The Horse and His Boy เป็นหนังสือเล่มแรกที่สร้างเสร็จในฤดูใบไม้ผลิปี 1950 และตีพิมพ์ในปีพ. ศ. 2497 เป็นหนังสือเล่มแรกที่ไม่ได้เป็นภาคต่อโดยตรงจากเล่มก่อนหน้า

แต่เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าคำสั่งดั้งเดิมนั้นดีกว่าซึ่งก่อนอื่นแนะนำเงื่อนไขพื้นฐานของจักรวาลแห่งนาร์เนียและต่อมาจะอธิบายไว้ใน prequels ลูอิสในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านชาดกแย้งว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่เรื่องเปรียบเปรยและชอบเรียกแง่มุมของคริสเตียนในนั้นว่า "การคาดเดา" เช่นเดียวกับสิ่งที่เราเรียกว่าประวัติศาสตร์ทางเลือก (นิยาย) Henscher และ Pullman ยังกล่าวหา The Chronicles of Narnia ว่ามีการปลุกปั่นการเหยียดเชื้อชาติ

เมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอก็รู้ว่านาร์เนียอยู่ภายใต้การปกครองของแม่มดขาวมานานกว่าร้อยปีซึ่งเรียกร้องให้ทุกคนมอบให้กับเธอ ทัมนัสพาหญิงสาวไปยังสถานที่ที่พวกเขาพบ

เอ็ดมันด์ถูกจับเห็นทัมนัสที่นั่น จากนั้นเธอก็เปลี่ยนทัมนัสให้เป็นรูปปั้นและขับตามลูซี่ปีเตอร์และซูซี่ซึ่งหนีออกมาได้ทันเวลาพร้อมกับบีเวอร์ ในขณะเดียวกันแม่มดขาวไล่ตามมาเปลี่ยนสุนัขจิ้งจอกให้กลายเป็นรูปปั้นและออกคำสั่งให้รวบรวมกองทัพของเธอเพื่อต่อต้านอัสลาน และปีเตอร์ซูซี่ลูซี่และบีเวอร์มาที่แคมป์ของอัสลานเพื่อดูเขา เด็ก ๆ บอกความจริงเกี่ยวกับเอ็ดมันด์และสิงโตใหญ่สัญญาว่าจะช่วยซึ่งเขาก็ทำ

การกระทำในโลกของเราเกิดขึ้นในปี 2483 และรูปแบบก็สอดคล้องกับเวลานั้น

เธอนึกถึง Arcane Magic และบอกว่าตามใบสั่งยาของเธอ Edmund ซึ่งตอนนี้เลือดเป็นสมบัติของแม่มด - ต้องถูกประหารชีวิต ตอนกลางคืนเขาเดินผ่านป่าและพบลูซี่และซูซานในสภาพที่หดหู่

จากนั้นพวกเขาก็รีบไปที่วังน้ำแข็งและชุบชีวิตสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ Jadis แข็งตัว (รวมถึง Faun Tumnus) เขาชอบหนังสือมากตอนเป็นเด็ก อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าสัตว์และสัตว์ในตำนานทุกตัวในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นของปลอม

ประเภทแรกคืออาวุธซึ่งทำในลักษณะเดียวกับที่ทำในยุคกลาง เริ่มถ่ายทำในวันที่ 28 มิถุนายน 2547 โดยมีเด็ก ๆ อยู่ในตู้รถไฟเป็นฉากแรก การผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้สิ้นสุดลงในเดือนธันวาคมปี 2004 โดยหยุดพักในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ แต่จากนั้นก็มีการถ่ายทำอีกสามสัปดาห์ Aslan ส่ง Digory และ Polly ไปที่สวนที่ต้นไม้ Eternal Youth เติบโต เขาแสดงให้ปีเตอร์ดูปราสาทพาราเวลและในขณะนั้นเสียงแตรของซูซานก็ดังก้องไปทั่วค่าย

ในโลกของนาร์เนียมีสิ่งมีชีวิตในตำนานเกือบทุกชนิดที่ไม่เคยมีใครประดิษฐ์ขึ้นมา” ริชาร์ดเทย์เลอร์กล่าว ดังนั้นการผจญภัยในตู้เสื้อผ้าจึงสิ้นสุดลง แต่ถ้าศาสตราจารย์พูดถูกการผจญภัยในนาร์เนียก็เพิ่งเริ่มต้นขึ้น " หลังจากใช้เวลาสิบห้าปีในนาร์เนียพวกเขาก็อยู่ห่างจากโลกแห่งความจริงไม่ถึงนาที

ทางตอนใต้ของโลก Narnian ใน Tarkhistan มีลัทธิ Tash ซึ่งเป็นเทพธิดาที่ต้องเสียสละมนุษย์น่ารังเกียจตามความคิดของชาวนาร์เนียน วัดหลักอยู่ใน Tashbaan วิหารแห่งนี้จัดแสดงรูปปั้นของ Tash ซึ่งทำจากหินและชุบด้วยทองคำโดยมีเพชรสอดเข้าไปในเบ้าตา เธอมีลำตัวเหมือนมนุษย์หัวของนกล่าเหยื่อและแขนทั้งสี่ข้าง ปลายนิ้วมีกรงเล็บคล้ายจะงอยปากนก ในบรรดาผู้ที่ชื่นชอบของ Tash มีความเชื่อว่า Tash ที่มองตรงหน้าจะเสียชีวิตทันที ในขณะเดียวกันเชื่อกันว่าความตายดังกล่าวเป็นจุดมุ่งหมายของชีวิตของผู้เชื่อคนใดคนหนึ่ง

ในช่วงเวลาต่าง ๆ ของการพัฒนาการปะทุของความต่ำช้าปรากฏในโลกของนาร์เนียน ตัวอย่างเช่นในหมู่โนมส์ในนาร์เนียมีการสังเกตแนวโน้มคล้าย ๆ กัน (ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าหรือความเฉยเมยทางศาสนา) หลายครั้งค่อนข้างชัดเจน นอกจากนี้ความต่ำช้าอาจเป็นลักษณะของ Tarchistans ไม่ว่าในกรณีใดก็ตามปรากฏการณ์ดังกล่าวได้รับการบันทึกในช่วงเวลาต่อมา