การต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดเจ็ดครั้งในประวัติศาสตร์ การต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์

สงครามโลกครั้งที่สองเข้ามาในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในฐานะที่เป็นสงครามครั้งใหญ่และนองเลือดที่สุด โลกกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งหายนะเนื่องจากกองทัพของรัฐที่ 61 เข้าร่วมการรบในส่วนต่างๆของโลก แม้แต่ประเทศที่ยอมรับความเป็นกลางก็ยังมีส่วนร่วมในวัฏจักรที่บ้าคลั่งของเหตุการณ์ทางทหารเบื้องหลัง

หินแห่งสงครามกำลังบดขยี้ชะตากรรมและความฝันของมนุษย์อย่างไร้ความปราณีกวาดล้างเมืองและหมู่บ้านทั้งหมดออกจากพื้นโลก หลังจากสิ้นสุดมนุษยชาติก็พลาดพลเมือง 65 ล้านคนไป

เราจะพยายามจดจำการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสงครามครั้งนั้นเพราะชะตากรรมของยุโรปและทั้งโลกถูกตัดสินในสนามรบ

เพื่อความง่ายในการรับรู้และความเข้าใจมากขึ้นเราจะดำเนินเรื่องตามลำดับเวลา

หลังจากการรุกรานเป็นเวลาสิบวันในวันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2483 หน่วยงานของเยอรมันก็มาถึงชายฝั่งของช่องแคบอังกฤษและปิดกั้น 40 กองพลแองโกล - ฝรั่งเศส - เบลเยียม กองทัพพันธมิตรถึงวาระ แต่ฮิตเลอร์ออกคำสั่งให้หยุดการรุกล้ำโดยไม่คาดคิด

"ความเอื้อเฟื้อ" ของผู้รุกรานนี้อนุญาตให้อังกฤษและฝรั่งเศสเริ่มการอพยพหรือเป็นการล่าถอยที่น่าอับอายซึ่งเรียกว่า Operation Dynamo อย่างสวยงาม

ในการสู้รบที่ไม่มีอยู่จริงอังกฤษทิ้งอาวุธยุทโธปกรณ์และเชื้อเพลิงทั้งหมดให้กับศัตรู

ชัยชนะที่ช่องแคบอังกฤษทำให้พวกนาซียึดปารีสได้อย่างง่ายดายและเริ่มปฏิบัติการขนาดใหญ่ที่ลงไปในประวัติศาสตร์ในชื่อ "Battle of Britain"

การรบทางอากาศซึ่งมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคมถึง 30 ตุลาคม พ.ศ. 2483 มียานพาหนะต่อสู้มากกว่า 6 พันคันปืนต่อสู้อากาศยานหลายพันกระบอก อังกฤษและพันธมิตรพยายามปกป้องน่านฟ้าบ้านเกิดของตน

พวกนาซีซึ่งสูญเสียเครื่องบินในปี 1887 และคน 2500 คนทำให้ความหวังในการยกพลขึ้นบกในอังกฤษ ความสูญเสียทั้งหมดของสหภาพอังกฤษและกองทัพอากาศคือเครื่องบิน 1,023 ลำและประชาชนประมาณ 3,000 คน

ชาวเยอรมันได้ข้อสรุปจากการรบทางเรือของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและในช่วงสงครามระหว่างสงครามได้เสริมสร้างกำลังทางเรือของตนอย่างมีนัยสำคัญโดยเลือกที่จะสร้างเรือลาดตระเวนหนักและเรือดำน้ำที่คล่องแคล่ว

การรบทางเรือในมหาสมุทรแอตแลนติกเริ่มตั้งแต่วันแรกของสงครามและจบลงด้วยการยอมจำนนอย่างสมบูรณ์ของเยอรมนีเท่านั้นจึงกลายเป็นการต่อสู้ที่ยาวนานที่สุดของสงคราม

ไม่สามารถทำลายกองกำลังทางเรือของฝ่ายสัมพันธมิตรในการรบแบบเปิดได้เยอรมันจึงรวมกำลังของพวกเขาในการทำลายการสื่อสารและทำลายกองเรือขนส่ง

เรือดำน้ำเยอรมันประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องนี้โดยจมลง 68% ของความสูญเสียในการขนส่งทั้งหมดของฝ่ายสัมพันธมิตรและ 38% ของการสูญเสียเรือรบ

แต่อย่างไรก็ตามด้วยความพยายามร่วมกันของกองเรือพันธมิตรจึงเป็นไปได้ที่จะยึดความคิดริเริ่มและเอาชนะผู้รุกรานในพื้นที่กว้างใหญ่ของมหาสมุทรแอตแลนติก

การต่อสู้รถถังที่ Dubno

การต่อต้านการก่อตัวของรถถังของแนวรบด้านตะวันตกเฉียงใต้ของกองทัพแดงตามแนว Dubno-Lutsk-Brody กลายเป็นการต่อสู้รถถังที่ใหญ่ที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง

ในการรบด้วยเครื่องยนต์ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 23-30 มิถุนายน พ.ศ. 2541 รถถัง 3128 คันเข้าร่วมจากฝ่ายโซเวียตรถถัง 728 คันและปืนจู่โจม 71 กระบอกจากฝ่ายเยอรมัน

ในการต่อสู้รถถังที่กำลังจะมาถึงกองกำลังของฮิตเลอร์ได้รับชัยชนะโดยสามารถล้มรถถังโซเวียตได้ 2,648 คันในระหว่างการรบ การสูญเสียที่ไม่สามารถกู้คืนได้ของเยอรมันมีจำนวนยานพาหนะรบ 260 คัน

การตีโต้รถถังที่ไม่ประสบความสำเร็จของกองทัพแดงในพื้นที่ Dubno ทำให้การรุกรานของพวกนาซีต่อเคียฟล่าช้าไปหนึ่งสัปดาห์

แผนการของฮิตเลอร์ "บาร์บารอสซา" สันนิษฐานว่ายึดเมืองหลวงของโซเวียต การต่อสู้เพื่อมอสโคว์แบ่งออกสำหรับชาวโซเวียตเป็นสองขั้นตอน: ระยะป้องกันตั้งแต่วันที่ 30 กันยายนถึง 4 ธันวาคม พ.ศ. 2484 และระยะเวลารุกตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมถึง 30 มีนาคม พ.ศ. 2485 (รวมถึงปฏิบัติการ Rzhev-Vyazemskaya)

อันเป็นผลมาจากการต่อต้านกองทัพแดงกองกำลังเยอรมันถูกผลักกลับจากมอสโกโดย 100-250 กม. ซึ่งในที่สุดก็ขัดขวางแผนการทำสงครามสายฟ้าแลบของคำสั่งฮิตเลอร์

ในช่วงสงครามมันกลายเป็นการสู้รบที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของจำนวนทหารที่เกี่ยวข้องอุปกรณ์ทางทหารและความสูญเสียทั้งสองฝ่าย

กองทัพเรือสหรัฐฯวันดำ

การโจมตีโดยเครื่องบินและกองทัพเรือของญี่ปุ่นในฐานทัพเรือแปซิฟิกของสหรัฐที่เพิร์ลฮาร์เบอร์เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 เป็นเรื่องกะทันหันและไม่คาดคิดสำหรับชาวอเมริกัน

คำสั่งของญี่ปุ่นในสภาวะที่ยากลำบากที่สุดได้จัดการเพื่อรักษาความลับของปฏิบัติการและเปลี่ยนจากญี่ปุ่นไปยังหมู่เกาะฮาวายในระยะยาว

การโจมตีฐานทัพของญี่ปุ่นประกอบด้วยการจู่โจม 2 ครั้งโดยเครื่องบิน 353 ลำเข้าร่วมจากชั้นเรือบรรทุกเครื่องบิน 6 ลำ การโจมตีได้รับการสนับสนุนจากเรือดำน้ำขนาดเล็ก

ผลจากการโจมตีทำให้กองทัพสหรัฐฯสูญเสียเรือประเภทต่างๆรวม 20 ลำ (จม 9 ลำ) เครื่องบิน 188 ลำ ทหาร 2,341 คนและพลเรือน 54 คนถูกสังหาร

หลังจาก“ วันแห่งความอัปยศ” ตามที่ประธานาธิบดีรูสเวลต์เรียกมันสหรัฐอเมริกาก็ประกาศสงครามกับญี่ปุ่น

คำตอบของสหรัฐฯที่ Midway Atoll

หลังจากชัยชนะในการโจมตีฮาวายและชัยชนะในโอเชียเนียญี่ปุ่นพยายามต่อยอดความสำเร็จในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ตอนนี้ถึงคราวของชาวอเมริกันที่ต้องปฏิบัติการที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้ข้อมูลผิด ๆ แก่ศัตรู

กองเรือญี่ปุ่นพุ่งเป้าไปที่มิดเวย์อะทอลล์ซึ่งในความเห็นของพวกเขาไม่มีการก่อตัวขนาดใหญ่ของอเมริกา

ในระหว่างการสู้รบเมื่อวันที่ 4-7 มิถุนายน พ.ศ. 2485 กองเรือและการบินของญี่ปุ่นได้สูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบิน 4 ลำเรือลาดตระเวน 1 ลำและเครื่องบิน 248 ลำ ชาวอเมริกันสูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวและเรือพิฆาตหนึ่งลำเครื่องบิน 105 ลำ ความสูญเสียของมนุษย์ก็หาที่เปรียบมิได้เช่นกัน: 2,500 คนในกองทัพญี่ปุ่นต่อชาวอเมริกัน 347 คน

หลังจากพ่ายแพ้ชาวญี่ปุ่นถูกบังคับให้เข้าร่วมปฏิบัติการป้องกันในโรงละครแห่งสงครามแปซิฟิก

การต่อสู้ของสตาลินกราด

หนึ่งในการต่อสู้ที่ยาวนานและนองเลือดที่สุดของสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นด้วยการป้องกันโดยกองทหารโซเวียตเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 และสิ้นสุดลงด้วยการปิดล้อมกองทัพเยอรมันในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486

ด้วยความกล้าหาญและความกล้าหาญอย่างไม่น่าเชื่อและบางครั้งชีวิตของพวกเขาเองทหารของกองทัพแดงหยุดการรุกรานของศัตรูและไม่อนุญาตให้เขาข้ามแม่น้ำโวลก้า พวกเขาต่อสู้เพื่อทุกถนนทุกบ้านทุกพื้นที่ของรัสเซีย และในระหว่างการต่อต้านกองทัพนาซี 20 กองพลที่ 6 ภายใต้การบังคับบัญชาของจอมพลพอลลัสถูกล้อมและยอมจำนน

หลังจากความพ่ายแพ้ที่สตาลินกราดในที่สุดเยอรมันและพันธมิตรก็สูญเสียความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และนี่คือจุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนที่รุนแรงในระหว่างสงคราม

เมือง El Alamein ของอียิปต์เป็นที่ตั้งของการสู้รบครั้งใหญ่สองครั้งในปีพ. ศ. 2485 ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2485 รถถังเยอรมันโดยนายพลเออร์วินรอมเมลที่ชื่นชอบของฮิตเลอร์ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทหารราบบดขยี้กองทหารอังกฤษและทำการรุกในเมืองอเล็กซานเดรีย

ด้วยความพยายามอย่างไม่น่าเชื่อและการสูญเสียอย่างหนักอังกฤษและพันธมิตรสามารถหยุดการรุกคืบของทหารเยอรมันได้และการป้องกันตำแหน่งของทั้งสองกองทัพก็เริ่มขึ้น

หลังจากได้รับการผ่อนผันสั้น ๆ กองทัพอังกฤษได้ทำการตอบโต้เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2485 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนกลุ่มเยอรมัน - อิตาลีในแอฟริกาเหนือถูกทำให้ขวัญเสียและถอยกลับไป

การสู้รบสองครั้งบนผืนทรายใกล้กับ El Alamein เป็นเหตุการณ์สำคัญในช่วงสงครามและชัยชนะของกองกำลังพันธมิตรต่อต้านฮิตเลอร์นำไปสู่การยอมจำนนของอิตาลีในที่สุด

ปฏิบัติการสำคัญของการชนะกินเวลา 49 วัน (ตั้งแต่ 5 กรกฎาคมถึง 23 สิงหาคม 2486) และประกอบด้วยปฏิบัติการป้องกันหนึ่งครั้งและปฏิบัติการรุกสามครั้งสำหรับกองทัพโซเวียต

โดยการปฏิบัติการที่น่ารังเกียจ "Citadel" คำสั่งของเยอรมันพยายามที่จะคืนความคิดริเริ่มเชิงกลยุทธ์และสร้างสะพานใหม่สำหรับการรุกที่ลึกเข้าไปในสหภาพโซเวียต

จุดสุดยอดของ Kursk Bulge คือการต่อสู้ด้วยรถถังใกล้กับเมือง Prokhorovka รถถังและหน่วยปืนใหญ่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองมากกว่า 900 คันเข้าร่วมทั้งสองฝ่าย ในระหว่างการสู้รบที่หนักหน่วงที่สุดในที่สุดกองทัพเยอรมันก็สูญเสียศักยภาพในการรุกและกองทหารโซเวียตได้ยกทัพเข้าสู่การรุกและปลดปล่อยดินแดนขนาดใหญ่

ชุดปฏิบัติการทางทหารที่ดำเนินการโดยสหภาพโซเวียตในช่วงครึ่งหลังของปีพ. ศ. 2486 ที่ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์

คำสั่งของรัฐโซเวียตกำลังแก้งานที่ยาก - เพื่อบังคับให้ Dniep \u200b\u200ber เยอรมันเข้มแข็งขึ้นป้องกันไม่ให้ทหารโซเวียตปฏิบัติตามภารกิจนี้ มีผู้คนมากกว่า 4 ล้านคนเข้าร่วมในปฏิบัติการจากเยอรมนีและสหภาพโซเวียต

ผลของการกระทำที่ประสบความสำเร็จ Dniep \u200b\u200ber ถูกบังคับเคียฟได้รับการปลดปล่อยและการปลดปล่อยยูเครนฝั่งขวาเริ่มขึ้น

ความสูญเสียที่ไม่สามารถกู้คืนได้ของสหภาพโซเวียตมีจำนวน 437,000 คนเยอรมนีของฮิตเลอร์ - 400,000 คน ในระหว่างการต่อสู้ในทั้งสองกองทัพมีทหาร 1 ล้าน 469,000 นายได้รับบาดเจ็บ

ลงจอดในนอร์มังดี การเปิดแนวรบที่สอง

Operation Neptune กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Operation Overlord เชิงกลยุทธ์ขนาดใหญ่ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยึดทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส

ในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2487 การลงจอดครั้งใหญ่ของฝ่ายสัมพันธมิตรเริ่มขึ้นในนอร์มังดี ในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้ 156,000 คนเครื่องบิน 11590 ลำและเรือ 6939 เข้าร่วมในปฏิบัติการ กองกำลังเยอรมันป้องกันตัวเองโดยกองกำลังของกองทัพที่ 7 และกองเรืออากาศของกองทัพอากาศที่ 3

การต่อสู้เพื่อนอร์มังดีสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2487 ด้วยการรวมกองกำลังพันธมิตรในฝรั่งเศส คำสั่งของเยอรมันหลังจากการต่อต้านอันยาวนานและดื้อรั้นถูกบังคับให้สั่งให้ถอยกลับไปยังพรมแดนของเยอรมนี

การยกพลขึ้นบกของพันธมิตรและการรุกคืบเข้าสู่ยุโรปอย่างประสบความสำเร็จทำให้สามารถเบี่ยงเบนส่วนหนึ่งของฝ่ายเยอรมันจากแนวรบโซเวียต - เยอรมันได้

ปฏิบัติการขนาดใหญ่ของคำสั่งได้รับการตั้งชื่อตามผู้บัญชาการใหญ่ของรัสเซีย Peter Bagration

ปฏิบัติการ "Bagration" เกิดขึ้นในวันที่ 23 มิถุนายน - 29 สิงหาคม พ.ศ. 2487 และสิ้นสุดลงด้วยการปลดปล่อยดินแดนของสหภาพโซเวียตและการถอนบางส่วนของกองทัพโซเวียตไปยังโปแลนด์

ในป่าของเบลารุสพลังการรบทั้งสองเกี่ยวข้องกับผู้คน 2 ล้าน 800,000 คนรถถังมากกว่า 7,000 คันและเครื่องบินประมาณ 6 พันลำ

การเตรียมพร้อมและดำเนินการรุกอย่างยอดเยี่ยมถูกกำหนดเวลาโดยคำสั่งของสหภาพโซเวียตให้ตรงกับวันครบรอบการโจมตีของเยอรมันในสหภาพโซเวียต

ในตอนท้ายของปีพ. ศ. 2487 คำสั่งของ Wehrmacht ได้สะสมกองกำลังและรวบรวมการก่อตัวขนาดใหญ่ในภูมิภาค Ardennes เพื่อปฏิบัติการที่น่ารังเกียจโดยมีชื่อรหัสว่า "Watch on the Rhine"

ในเช้าตรู่ของวันที่ 16 ธันวาคมกองกำลังของกองทัพกลุ่ม B เยอรมันได้ทำการรุกอย่างรวดเร็วและลึกเข้าไปในแนวป้องกันของฝ่ายสัมพันธมิตร 90 กม. กองกำลังอเมริกันสามารถหยุดการรุกของเยอรมันได้ภายในวันที่ 25 ธันวาคมและอีกหนึ่งเดือนต่อมาภายในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2488 กำจัดกองกำลัง Ardennes โดยสิ้นเชิง

ในระหว่างการสู้รบรัฐบาลของสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่ถูกบังคับให้หันไปหา I. สตาลินเพื่อสนับสนุนกองทหารอเมริกันด้วยแนวรบด้านตะวันออก

การรุกครั้งสุดท้ายของเยอรมัน

ที่ทะเลสาบบาลาทอนของฮังการีชาวเยอรมันมุ่งเน้นหน่วยงานยานเกราะเอสเอสที่ดีที่สุดและพยายามครั้งสุดท้ายที่จะรุก

ในคืนวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2488 ภายใต้แรงกดดันของกองทหารเยอรมันกองทัพโซเวียตถูกบังคับให้ตั้งรับ

หลังจากสูญเสียยุทโธปกรณ์และกำลังพลจำนวนมากการโจมตีก็ล่มสลายเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ชาวเยอรมันไม่สามารถบรรลุภารกิจหลักในการเข้าถึงแม่น้ำดานูบได้ ในทางตรงกันข้ามเมื่อตำแหน่งของพวกเขาอ่อนแอลงชาวเยอรมันจึงสร้างเงื่อนไขสำหรับการรุกที่ประสบความสำเร็จโดยกองกำลังของแนวร่วมต่อต้านฮิตเลอร์

ถล่มเบอร์ลิน

ในตอนท้ายของเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 กองทหารเยอรมันได้ถึงวาระแล้ว แต่รัฐบาลโซเวียตและประชาชนต้องการการบุกโจมตีเมืองหลวงของเยอรมันในเวลานั้นเป็นสัญลักษณ์ของความเกลียดชังนาซี

การรุกเริ่มขึ้นในวันที่ 25 เมษายนด้วยการพัฒนารถถังครั้งใหญ่และในวันที่ 1 พฤษภาคมได้มีการยกธงแดงขึ้นเหนือ Reichstag กองทหารเยอรมันของเบอร์ลินยอมจำนน

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงผู้เชี่ยวชาญหลายคนวิพากษ์วิจารณ์คำสั่งของสหภาพโซเวียตในเรื่องการคำนวณเชิงกลยุทธ์และยุทธวิธีที่ผิดพลาด แต่เห็นด้วยในสิ่งหนึ่งที่การโจมตีและการยอมจำนนของเบอร์ลินกลายเป็นสัญลักษณ์ของการพ่ายแพ้ครั้งสุดท้ายของลัทธินาซี

ต่อต้านกองทัพ Kwantung

เยอรมนีและดาวเทียมยอมจำนน ญี่ปุ่นยังคงอยู่และสหภาพโซเวียตที่ซื่อสัตย์ต่อพันธกรณีของพันธมิตรก็เข้าร่วมสงครามด้วย

ในทะเลทรายโกบีและในพื้นที่กว้างใหญ่ของตะวันออกไกลระหว่างปฏิบัติการของแมนจูเรียกองทัพสองหนึ่งล้านครึ่งได้พบกัน การดำเนินการที่ประสบความสำเร็จของกองกำลังของสหภาพโซเวียตทำให้สามารถยึดครองดินแดนอันกว้างใหญ่ได้ในเวลาอันสั้นที่สุดและเดินหน้าไป 800-900 กม. ในจีนและเกาหลี

เป็นผลให้กองทัพ Kwantung พ่ายแพ้และญี่ปุ่นถูกบังคับให้ยอมจำนนในวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 สงครามที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติสิ้นสุดลงแล้ว

สรุป

การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสงครามที่เลวร้ายที่สุดสะท้อนให้เห็นในหน้าวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์และเรื่องสมมติมีการสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับพวกเขา แต่ที่สำคัญที่สุดพวกเขาอยู่ในความทรงจำและหัวใจของผู้คนนับล้าน นักประวัติศาสตร์และนักการเมืองยังคงโต้แย้งเกี่ยวกับยุทธวิธีและกลยุทธ์เกี่ยวกับผลลัพธ์และผลที่ตามมา

สรุปเราจดไว้เพียงเรื่องเดียว การทบทวนวิถีชีวิตและผลของสงครามของสาธารณชนอีกครั้งตลอดจนการดูแคลนฝีมือของชาวโซเวียตโดยนักประวัติศาสตร์ตะวันตกและสื่อมวลชนไม่สามารถทำให้เกิดความตื่นตระหนกและหวาดกลัวได้

พลเมืองโซเวียต 27 ล้านคนที่เสียชีวิตในสนามรบถูกยิงและเผาทั้งเป็นในส่วนที่ถูกยึดครองของสหภาพโซเวียตซึ่งถูกบีบคอในห้องแก๊สของค่ายกักกันไม่สามารถตอบสนองต่อการยั่วยุได้ แต่พวกเราลูกหลานของพวกเขาต้องรู้และจำไว้ว่าใครเป็นคนจัดการกับระเบิดที่รุนแรง เพื่อลัทธินาซีและช่วยโลกจากลัทธิฟาสซิสต์

สงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2484-2488

และจากหนังสือบันทึกความทรงจำของ Peter Mikhin:

ภายใต้ Rzhev หญ้ากลายเป็นสีเหลืองจากเลือดมานานหลายศตวรรษ
นกไนติงเกลยังคงร้องเพลงอย่างบ้าคลั่งใกล้กับ Rzhev
เกี่ยวกับว่าใกล้ Rzhev ใกล้เมืองเล็ก ๆ Rzhev แค่ไหน
การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานและหนักหน่วงคือ

Mikhail Nozhkin (จากเพลง)

IA TASS

เมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2485 โจเซฟสตาลินมีคำสั่งให้ปลดปล่อย Rzhev จากพวกนาซีภายในหนึ่งสัปดาห์ เสร็จสิ้นหลังจาก 14 เดือนเท่านั้น

ร Zhev ถูกกองทหารเยอรมันยึดครองเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2484 เมืองนี้ได้รับการปลดปล่อยตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2485 ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2486 การต่อสู้ใกล้กับ Rzhev เป็นหนึ่งในกลุ่มแนวรบที่ดุเดือดที่สุดกลุ่มแนวหน้าได้ปฏิบัติการรุกทีละฝ่ายการสูญเสียทั้งสองฝ่ายเป็นหายนะ

การรบแห่ง Rzhev แม้จะมีชื่อ แต่ก็ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเมือง แต่ภารกิจหลักคือการทำลายกองกำลังหลักของกลุ่มเยอรมันบนสะพาน Rzhev-Vyazma 150 กม. จากมอสโก การต่อสู้ไม่เพียง แต่ต่อสู้ในพื้นที่ Rzhev เท่านั้น แต่ยังรวมถึงมอสโก, Tula, Kalinin, Smolensk

เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งกองทัพเยอรมันกลับไป แต่ฮิตเลอร์ไม่สามารถโอนกองหนุนไปยังสตาลินกราดได้

การต่อสู้ของ Rzhev เป็นการต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ “ เราท่วมพวกเขาด้วยแม่น้ำเลือดและกองซากศพที่กองเป็นกอง ๆ ” - นี่คือวิธีที่นักเขียน Viktor Astafyev อธิบายถึงผลลัพธ์ของมัน

มีการสู้รบหรือไม่

นักประวัติศาสตร์การทหารอย่างเป็นทางการไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของการสู้รบและหลีกเลี่ยงคำนี้การโต้เถียงความคิดเห็นของพวกเขาโดยขาดการปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องรวมทั้งข้อเท็จจริงที่ว่าเป็นการยากที่จะแยกจุดจบและผลของการสู้รบมอสโกออกจากการต่อสู้ของ Rzhev นอกจากนี้การแนะนำคำว่า "Battle of Rzhev" ในวิทยาศาสตร์ทางประวัติศาสตร์หมายถึงการบันทึกความล้มเหลวทางยุทธวิธีทางทหารที่สำคัญ

ทหารผ่านศึกและนักประวัติศาสตร์ Pyotr Mikhin ผู้ผ่านสงครามจาก Rzhev ไปยังปรากในหนังสือ "Gunners Stalin สั่งให้! เราตายเพื่อชนะ” ยืนยันว่าเป็นผู้ที่นำคำว่า“ Battle of Rzhev” ไปใช้ในที่สาธารณะ:“ ปัจจุบันผู้เขียนหลายคนพูดถึง Battle of Rzhev ว่าเป็นการต่อสู้ และฉันรู้สึกภูมิใจที่ฉันเป็นคนแรกในปี 1993-1994 ที่นำแนวคิด“ Battle of Rzhev” ไปสู่การเผยแพร่ทางวิทยาศาสตร์

เขาคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้เป็นความล้มเหลวหลักของคำสั่งของโซเวียต:

• “ ถ้าไม่ใช่เพราะความเร่งรีบและความไม่อดทนของสตาลินและหากแทนที่จะเป็นปฏิบัติการรุกที่ไม่มีหลักประกันหกครั้งแต่ละปฏิบัติการขาดเพียงเล็กน้อยเพื่อชัยชนะจะมีการปฏิบัติการบดขยี้หนึ่งหรือสองครั้งก็จะไม่มีโศกนาฏกรรมของ Rzhev "

ทหารปืนใหญ่ในตำแหน่งเริ่มต้นในการรบใกล้ Rzhev ในปี 1942 | © Viktor Kondratyev / TASS

ในความทรงจำของผู้คนเหตุการณ์เหล่านี้ถูกตั้งชื่อว่า "เครื่องบดเนื้อ Rzhevskaya" "การพัฒนา" จนถึงขณะนี้มีสำนวน "ขับรถภายใต้ Rzhev" และการแสดงออกอย่าง "ข่มเหง" ที่เกี่ยวข้องกับทหารปรากฏในสุนทรพจน์ที่ได้รับความนิยมอย่างแม่นยำในช่วงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเหล่านั้น

"มาตุภูมิหยุดแบ่งปันความสุขเราจะสู้"

ในช่วงต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2485 กองทัพแดงซึ่งพ่ายแพ้ต่อเยอรมันใกล้มอสโคว์และปลดปล่อยคาลินิน (ตเวียร์) ได้เข้าใกล้ Rzhev เมื่อวันที่ 5 มกราคมที่สำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการทหารสูงสุดมีการหารือเกี่ยวกับร่างแผนสำหรับการรุกของกองทัพแดงในช่วงฤดูหนาวปี 2485 สตาลินเชื่อว่าจำเป็นที่จะต้องก้าวข้ามไปสู่การรุกรานโดยทั่วไปในทุกทิศทางหลักตั้งแต่ทะเลสาบลาโดกาไปจนถึงทะเลดำ มีคำสั่งให้กับผู้บัญชาการของแนวรบคาลินิน:“ ไม่ว่าในกรณีใดไม่เกินวันที่ 12 มกราคมจับตัว Rzhev ... ยืนยันใบเสร็จรับเงินถ่ายทอดการดำเนินการ I. สตาลิน”

เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2485 กองกำลัง Kalinin เริ่มปฏิบัติการ Rzhev-Vyazemskaya จากนั้นไม่เพียง แต่จะขัดขวางการป้องกันของเยอรมันไปทางตะวันตกของ Rzhev ได้ 15-20 กม. เท่านั้น แต่ยังช่วยปลดปล่อยผู้อยู่อาศัยในหลายหมู่บ้าน แต่แล้วการต่อสู้ก็ดำเนินต่อไป: เยอรมันต่อต้านอย่างดุเดือดกองทัพโซเวียตประสบความสูญเสียครั้งใหญ่แนวรบที่ต่อเนื่องถูกแยกออกจากกัน เครื่องบินของข้าศึกเกือบจะทิ้งระเบิดและยิงใส่หน่วยของเราอย่างต่อเนื่องและในช่วงปลายเดือนมกราคมเยอรมันก็เริ่มปิดล้อม: ความได้เปรียบในรถถังและเครื่องบินนั้นยอดเยี่ยมมาก

ถิ่นที่อยู่ของ Rzhevite Gennady Boytsov ซึ่งยังเป็นเด็กในช่วงเวลาของเหตุการณ์เหล่านั้นเล่าว่าในช่วงต้นเดือนมกราคมมี“ ข้าวโพด” มาถึงและทิ้งแผ่นพับ - ข่าวจากกองทัพพื้นเมืองของเขา:“ จากข้อความของแผ่นพับบรรทัดต่อไปนี้ เป็นที่จดจำตลอดไป:“ Mash beer, kvass - เราจะอยู่กับคุณในวันคริสต์มาส” หมู่บ้านต่างปั่นป่วนวุ่นวาย; ความหวังของผู้อยู่อาศัยสำหรับการเปิดตัวที่รวดเร็วหลังคริสต์มาสถูกแทนที่ด้วยความสงสัย พวกเขาเห็นทหารแดงที่มีดาวสีแดงบนหมวกในตอนเย็นของวันที่ 9 มกราคม”

นักเขียน Vyacheslav Kondratyev ผู้เข้าร่วมในการรบ:“ ปืนใหญ่ของเราเงียบไปเลย พลปืนมีกองหนุนสามหรือสี่นัดและป้องกันพวกเขาในกรณีที่มีการโจมตีรถถังของศัตรู และเรากำลังก้าวหน้า สนามที่เราเดินไปข้างหน้าถูกยิงจากสามด้าน รถถังที่สนับสนุนเราถูกปืนใหญ่ข้าศึกระงับการใช้งานทันที ทหารราบถูกทิ้งไว้ตามลำพังภายใต้การยิงด้วยปืนกล ในการรบครั้งแรกเราทิ้งหนึ่งในสามของกองร้อยที่ถูกสังหารในสนามรบ จากที่ไม่ประสบความสำเร็จการโจมตีที่นองเลือดการโจมตีด้วยปูนทุกวันการทิ้งระเบิดหน่วยย่อยก็ละลายหายไปอย่างรวดเร็ว เราไม่มีสนามเพลาะด้วยซ้ำ ยากที่จะโทษใคร เนื่องจากการละลายในฤดูใบไม้ผลิอาหารจึงไม่ดีสำหรับเราความหิวเริ่มหมดลงอย่างรวดเร็วทหารที่ผอมแห้งไม่สามารถขุดพื้นน้ำแข็งได้อีกต่อไป สำหรับทหารทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นยากลำบากมาก แต่ก็ยังใช้ชีวิตประจำวันได้ พวกเขาไม่รู้ว่ามันเป็นความสำเร็จ "

ต่อสู้ในเมือง Velikiye Luki ภาพ: © V. Grebnev / TASS

นักเขียน Konstantin Simonov ยังพูดถึงการต่อสู้ที่ยากลำบากในช่วงต้นปี 1942 ว่า“ ช่วงครึ่งหลังของฤดูหนาวและต้นฤดูใบไม้ผลิกลายเป็นเรื่องยากอย่างไร้มนุษยธรรมสำหรับการรุกต่อไปของเรา และความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการยึดครอง Rzhev กลายเป็นสัญลักษณ์ของเหตุการณ์ที่น่าทึ่งทั้งหมดที่ประสบในตอนนั้น "

จากบันทึกความทรงจำของ Mikhail Burlakov ผู้มีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อ Rzhev: "เป็นเวลานานแล้วที่พวกเขาให้แครกเกอร์แทนขนมปังพวกเขาแบ่งพวกเขาดังนี้ - พวกเขาวางไว้ในกองเท่า ๆ กันทหารคนหนึ่งหันกลับมา และถามว่าใครชี้ไปที่กองนี้หรือกองนั้นชาวเยอรมันรู้เรื่องนี้และทำให้คมขึ้นในตอนเช้าพวกเขาตะโกนบอกเราบนลำโพงว่า "มาตุภูมิหยุดแบ่งแครกเกอร์เราจะสู้"

สำหรับชาวเยอรมันการรักษา Rzhev ไว้เป็นสิ่งสำคัญมาก: จากที่นี่พวกเขาวางแผนที่จะบุกไปมอสโคว์อย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตามการยึดหัวสะพาน Rzhevsky พวกเขาสามารถย้ายกองกำลังที่เหลือไปยังสตาลินกราดและคอเคซัสได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปิดกั้นกองทหารเยอรมันทางตะวันตกของมอสโกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การดำเนินงานส่วนใหญ่ตัดสินใจโดยสตาลินเป็นการส่วนตัว

อาวุธยุทโธปกรณ์และการฝึกอบรม

อุปกรณ์ทางเทคนิคที่ดีทำให้เยอรมันได้เปรียบหลายประการ ทหารราบได้รับการสนับสนุนจากรถถังและผู้ให้บริการรถหุ้มเกราะซึ่งในระหว่างการรบมีการสื่อสาร ทางวิทยุสามารถเรียกและสั่งการบินปรับการยิงปืนใหญ่ได้โดยตรงจากสนามรบ

กองทัพแดงขาดอุปกรณ์สื่อสารหรือระดับการฝึกอบรมสำหรับปฏิบัติการรบ สะพาน Rzhev-Vyazemsky กลายเป็นที่ตั้งของหนึ่งในการต่อสู้รถถังที่ใหญ่ที่สุดในปี 1942 ในช่วงฤดูร้อนปฏิบัติการ Rzhev-Sychevsk มีการต่อสู้ด้วยรถถังซึ่งมีรถถังเข้าร่วมมากถึง 1,500 คันทั้งสองฝ่าย และในช่วงปฏิบัติการฤดูใบไม้ร่วง - ฤดูหนาวรถถัง 3300 คันถูกนำไปประจำการจากฝ่ายโซเวียตเพียงฝ่ายเดียว

ในช่วงเหตุการณ์ในทิศทาง Rzhev เครื่องบินรบรุ่นใหม่ที่สร้างโดยสำนักออกแบบ Polikarpov I-185 กำลังอยู่ระหว่างการทดสอบทางทหาร ในแง่ของพลังของการยิงครั้งที่สองการดัดแปลงในภายหลังของ I-185 นั้นเหนือกว่าเครื่องบินรบโซเวียตอื่น ๆ อย่างมีนัยสำคัญ ความเร็วและความคล่องแคล่วของรถทำได้ดีทีเดียว อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยถูกนำมาใช้เพื่อรับราชการในอนาคต

ผู้นำทางทหารที่โดดเด่นหลายคนผ่าน "Rzhev Academy": Konev, Zakharov, Bulganin ... แนวรบด้านตะวันตกได้รับคำสั่งจาก Zhukov จนถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2485 แต่ Battle of Rzhev กลายเป็นหนึ่งในหน้าเว็บที่น่าสนใจที่สุดในชีวประวัติของพวกเขา

"คนเยอรมันทนไม่ได้กับความดื้อรั้นโง่ ๆ ของเรา"

ความพยายามครั้งต่อไปในการยึด Rzhev คือปฏิบัติการรุกของ Rzhev-Sychevsk ซึ่งเป็นหนึ่งในการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดของสงคราม มีเพียงผู้นำระดับสูงเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับแผนการรุกการเจรจาทางวิทยุและโทรศัพท์และการติดต่อทั้งหมดถูกสั่งห้ามส่งคำสั่งทางปากเปล่า

การป้องกันของเยอรมันใน Rzhev salient ได้รับการจัดระเบียบเกือบสมบูรณ์แบบ: การตั้งถิ่นฐานแต่ละแห่งกลายเป็นศูนย์ป้องกันที่เป็นอิสระพร้อมด้วยเสาเข็มและฝาเหล็กสนามเพลาะและสนามเพลาะการสื่อสาร ด้านหน้าของขอบด้านหน้าในระยะ 20-10 เมตรมีการติดตั้งตัวกั้นลวดทึบหลายแถว การจัดเตรียมของชาวเยอรมันอาจเรียกได้ว่าค่อนข้างสะดวกสบาย: ต้นเบิร์ชทำหน้าที่เป็นราวจับสำหรับบันไดและทางเดินเกือบทุกแผนกมีการเดินสายไฟฟ้าและเตียงสองชั้น คนดังกล่าวบางคนมีเตียงเฟอร์นิเจอร์ดีๆจานชามพรม

กองทัพโซเวียตอยู่ในสภาพที่ยากลำบากกว่ามาก A. Shumilin ผู้มีส่วนร่วมในการต่อสู้กับ Rzhev salient เล่าในบันทึกความทรงจำของเขาว่า“ เราประสบความสูญเสียอย่างหนักและได้รับกำลังเสริมใหม่ทันที หน้าใหม่ปรากฏใน บริษัท ทุกสัปดาห์ ในบรรดากองทัพแดงที่เพิ่งมาใหม่ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้าน ในหมู่พวกเขายังมีพนักงานในเมืองซึ่งเป็นตำแหน่งที่เล็กที่สุด ทหารกองทัพแดงที่มาถึงไม่ได้รับการฝึกฝนในกิจการทหาร พวกเขาต้องได้รับทักษะของทหารในระหว่างการต่อสู้ พวกเขาถูกนำไปและรีบไปที่แนวหน้า "

• “ ... สำหรับเรา comfrey สงครามไม่ได้ต่อสู้ตามกฎและไม่เป็นไปตามมโนธรรม ศัตรูที่มีอาวุธที่จะฟันมีทุกอย่าง แต่เราไม่มีอะไรเลย นี่ไม่ใช่สงคราม แต่เป็นการสังหารหมู่ แต่เรากำลังผลักดันไปข้างหน้า ชาวเยอรมันทนไม่ได้กับความดื้อรั้นโง่ ๆ ของเรา เขาละทิ้งหมู่บ้านและหนีไปยังเขตแดนใหม่ ทุกย่างก้าวของแผ่นดินทุกตารางนิ้วทำให้เรามีค่าใช้จ่าย comfrey ชีวิตมากมาย "

นักสู้แต่ละคนออกจากแนวหน้า นอกเหนือจากการปลดคนประมาณ 150 คนแล้วกลุ่มพลปืนกลมือพิเศษยังถูกสร้างขึ้นในกองทหารปืนไรเฟิลแต่ละคนซึ่งได้รับมอบหมายให้ป้องกันการล่าถอยของนักสู้ ในขณะเดียวกันสถานการณ์ก็เกิดขึ้นว่าการปลดประจำการด้วยปืนกลและปืนกลไม่ได้ใช้งานเนื่องจากเครื่องบินรบและผู้บัญชาการไม่ได้หันกลับมามอง แต่ปืนกลและปืนกลแบบเดียวกันไม่เพียงพอสำหรับนักสู้ในแนวหน้า Pyotr Mikhin เป็นพยานถึงเรื่องนี้ นอกจากนี้เขายังชี้แจงว่าชาวเยอรมันรับมือกับการถอยทัพอย่างโหดเหี้ยมไม่น้อย

กองทหารเยอรมันในภาพถ่าย Rzhev: © AP Photo

“ เรามักพบว่าตัวเองไม่มีอาหารและเครื่องกระสุนในหนองน้ำร้างและไม่หวังความช่วยเหลือใด ๆ จากคนของเราเอง สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับทหารในสงครามคือเมื่อด้วยความกล้าหาญความอดทนความเฉลียวฉลาดความทุ่มเทความทุ่มเทเขาไม่สามารถเอาชนะทหารที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีหยิ่งยโสมีอาวุธที่ดีครอบครองตำแหน่งที่ได้เปรียบกว่าของศัตรู - ด้วยเหตุผล นอกเหนือการควบคุมของเขา: เนื่องจากไม่มีอาวุธ, กระสุน, อาหาร, การสนับสนุนด้านการบิน, ความห่างไกลของด้านหลัง” มิจินเขียน

นักเขียน A. Tsvetkov ผู้มีส่วนร่วมในการรบช่วงฤดูร้อนใกล้กับ Rzhev เล่าในบันทึกหน้าของเขาว่าเมื่อกองพลรถถังที่เขาต่อสู้ถูกย้ายไปที่ด้านหลังใกล้เขาก็ตกใจกลัวพื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยศพของทหาร :“ มีกลิ่นเหม็นคลุ้งไปทั่ว หลายคนป่วยหลายคนอาเจียน ดังนั้นกลิ่นจากศพมนุษย์จึงไม่สามารถทนได้สำหรับร่างกาย ภาพแย่มากฉันไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน ... "

ผู้บัญชาการกองปูน L. Volpe:“ ที่ไหนสักแห่งข้างหน้าไปทางขวาฉันเดาได้ [หมู่บ้าน] Deshevka ซึ่งเราได้มาในราคาที่สูงมาก การหักล้างทั้งหมดเต็มไปด้วยศพ ... ฉันจำได้ว่ามีพลปืนต่อต้านรถถังที่ตายโดยสิ้นเชิงนอนอยู่ใกล้ปืนใหญ่คว่ำในปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ ผู้บัญชาการปืนมองเห็นได้ด้วยกล้องส่องทางไกลในมือ ที่ชาร์จด้วยสายไฟในมือของเขา ผู้ให้บริการแช่แข็งตลอดกาลด้วยเปลือกหอยที่ไม่ตกลงไปในก้น”

“ เรากำลังรุกคืบไปยัง Rzhev ไปตามทุ่งซากศพ” - Pyotr Mikhin อธิบายการต่อสู้ในช่วงฤดูร้อนอย่างละเอียดถี่ถ้วน เขาเล่าไว้ในหนังสือบันทึกความทรงจำว่า“ ข้างหน้าคือ 'หุบเขาแห่งความตาย' ไม่มีทางที่จะผ่านหรือข้ามได้: สายโทรศัพท์ถูกวางไว้ตามนั้น - มันเสียและต้องเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วโดยเสียค่าใช้จ่ายทั้งหมด คุณคลานไปบนซากศพและกองอยู่ในสามชั้นบวมเต็มไปด้วยหนอนส่งกลิ่นหอมหวานจากการสลายตัวของร่างกายมนุษย์ การระเบิดของเปลือกหอยทำให้คุณต้องจมอยู่ใต้ซากศพดินโคลนซากศพตกลงมาที่ตัวคุณอาบน้ำด้วยหนอนน้ำพุกลิ่นเหม็นกระทบใบหน้าของคุณ ... ฝนตกน้ำลึกถึงเข่าในร่องลึก ... ถ้าคุณรอดมาดูทั้งตียิงซ้อมรบเหยียบย่ำซากศพที่นอนอยู่ใต้น้ำ และพวกมันนุ่มลื่นที่จะเหยียบมันเป็นเรื่องน่ารังเกียจและน่าเสียใจ”

การรุกไม่ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม: สามารถจับได้เฉพาะหัวสะพานเล็ก ๆ บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ผู้บัญชาการแนวรบด้านตะวันตก Zhukov เขียนว่า: "โดยทั่วไปฉันต้องบอกว่าผู้บัญชาการทหารสูงสุดตระหนักดีว่าสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยซึ่งพัฒนาขึ้นในช่วงฤดูร้อนปี 2485 ยังเป็นผลมาจากความผิดพลาดส่วนตัวของเขาซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออนุมัติแผน ของการดำเนินการสำหรับกองทัพของเราในแคมเปญฤดูร้อนของปีนี้ "

การต่อสู้ "เพื่อชนจิ๋ว"

บางครั้งเรื่องราวของเหตุการณ์ที่น่าเศร้าก็น่าตกใจด้วยรายละเอียดที่น่าทึ่งตัวอย่างเช่นชื่อของโรงฆ่าสัตว์ริมฝั่งที่กองทหารราบที่ 274 กำลังรุกคืบหน้า: ในสมัยนั้นตามข้อมูลของผู้เข้าร่วมพบว่ามันเป็นสีแดงด้วยเลือด

จากบันทึกความทรงจำของผู้มีประสบการณ์ Boris Gorbachevsky "เครื่องบดเนื้อ Rzhevskaya": "โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสีย - แต่พวกเขาใหญ่มาก! - คำสั่งของกองทัพที่ 30 ยังคงส่งกองพันไปสังหารมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นวิธีเดียวที่จะเรียกสิ่งที่ฉันเห็นในสนาม ทั้งผู้บังคับบัญชาและทหารเข้าใจถึงความไร้ความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าหมู่บ้านที่พวกเขาวางไว้จะถูกยึดหรือไม่ก็ตามสิ่งนี้ไม่ได้ช่วยในการแก้ปัญหาเลยแม้แต่น้อยเพื่อรับ Rzhev ทหารถูกจับโดยเฉยเมยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่พวกเขาอธิบายให้ฟังว่าเขาคิดผิดในการให้เหตุผลเรื่องร่องลึกที่เรียบง่ายเกินไป ... "

เป็นผลให้โค้งของแม่น้ำโวลก้าถูกกวาดล้างศัตรู จากหัวสะพานนี้กองกำลังของเราจะผ่านไปยังการติดตามศัตรูที่หลบหนีในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2486

ทหารผ่านศึกของแผนกปืนไรเฟิลที่ 220 อาจารย์ของโรงเรียน Vesyegonsk A. ชาวเยอรมันร่างกำยำกระโดดออกมาพบเขา การต่อสู้แบบประชิดตัวเริ่มขึ้น ความเกลียดชังทวีคูณสิบเท่าความกล้าหาญของฉัน ในเวลานั้นเราพร้อมที่จะแทะคอของพวกนาซี แล้วเพื่อนอีกคนก็ตาย”

เมื่อวันที่ 21 กันยายนกลุ่มจู่โจมของโซเวียตได้บุกเข้าไปทางตอนเหนือของ Rzhev และส่วน "ในเมือง" ของการสู้รบเริ่มขึ้น ศัตรูพุ่งเข้ามาโจมตีซ้ำ ๆ บ้านแต่ละหลังและละแวกใกล้เคียงเปลี่ยนมือหลายครั้ง ทุกวันเครื่องบินของเยอรมันทิ้งระเบิดและทำลายตำแหน่งของสหภาพโซเวียต

นักเขียน Ilya Ehrenburg เขียนไว้ในหนังสือบันทึกความทรงจำของเขา "Years, People, Life":

• “ ฉันจะไม่ลืม Rzhev เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงต้นไม้หักโค่นห้าหรือหกต้นกำแพงบ้านที่พังทลายและเนินเขาเล็ก ๆ "

ความไม่พอใจในฤดูร้อน - ฤดูใบไม้ร่วงสิ้นสุดลงในการต่อสู้บนท้องถนนในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ชานเมือง Rzhev ในปีพ. ศ. 2485 ชาวเยอรมันสามารถยึดเมืองนี้ได้ แต่ก็ไม่สามารถใช้เป็นฐานการผลิตและชุมทางรถไฟได้อีกต่อไปเนื่องจากถูกยิงจากปืนใหญ่และปืนครกอยู่ตลอดเวลา แนวรบที่กองทหารของเรายึดครองได้ตัดความเป็นไปได้ที่กองทหารเยอรมันจาก Rzhev ไปยัง Kalinin หรือ Moscow ยิ่งไปกว่านั้นในการโจมตีเทือกเขาคอเคซัสเยอรมันสามารถรวบรวมทหารได้เพียง 170,000 นาย

พื้นที่หลายแสนตารางกิโลเมตรที่ถูกยึดโดยชาวเยอรมันทางตอนใต้ไม่ได้จัดเตรียมกองกำลังที่สามารถยึดครองดินแดนเหล่านี้ได้ และต่อต้านแนวรบด้านตะวันตกและคาลินินในเวลาเดียวกันกลุ่มที่แข็งแกร่งนับล้านก็ยืนอยู่และไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ ตามที่นักประวัติศาสตร์หลายคนบอกว่านี่เป็นผลลัพธ์หลักของการรบแห่ง Rzhev ซึ่งแสดงถึงการต่อสู้ทางตำแหน่งที่ยาวนานสำหรับช่องว่างที่ไม่มีนัยสำคัญเท่านั้น

Pyotr Mikhin:“ และเมื่อกองกำลังของเราโอบกอด Rzhev ในกึ่งวงแหวนยืนอยู่บนแนวป้องกันฝ่ายของเราก็ถูกส่งไปยังสตาลินกราด การต่อสู้ขั้นแตกหักของสงครามทั้งหมดกำลังก่อตัวขึ้นที่นั่น "

เมืองภายใต้การยึดครอง

การยึดครอง Rzhev เป็นเวลา 17 เดือนถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายศตวรรษ นี่คือเรื่องราวของทั้งความยืดหยุ่นของจิตวิญญาณมนุษย์และความใจกว้างและการทรยศ

ผู้ยึดครองได้ใช้กองกำลังสาม บริษัท ในภาคสนามตำรวจภาคสนามลับและแผนกต่อต้านการจารกรรมในเมือง เมืองนี้แบ่งออกเป็นสี่เขตโดยมีสถานีตำรวจที่ให้บริการผู้ทรยศ มีการแลกเปลี่ยนแรงงานสองครั้ง แต่ชาวเยอรมันต้องใช้กองกำลังทหารเพื่อดึงดูดประชากรเข้ามาทำงาน Gendarmes ด้วยอาวุธและตำรวจพร้อมแส้ทุกเช้ากลับบ้านและคนฉกรรจ์ทุกคนถูกไล่ออกไปทำงาน

แต่วินัยแรงงานอยู่ในระดับต่ำ ตามคำกล่าวของ Mikhail Tsvetkov ชาวเมือง Rzhev ซึ่งทำงานอยู่ที่คลังกล่าวว่า“ พวกเขาทุบด้วยค้อนเมื่อชาวเยอรมันมอง แต่ไม่เห็นเรายืนอยู่และไม่ทำอะไรเลย”

พวกนาซีให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการโฆษณาชวนเชื่อ - ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ Novy Put และ Novoye Slovo มีวิทยุโฆษณาชวนเชื่อ - รถยนต์ที่มีลำโพง ใน "คำแนะนำเกี่ยวกับงานโฆษณาชวนเชื่อของเรา" ชาวเยอรมันเรียกร้องให้ต่อสู้กับข่าวลือ: "เราควรพูดอะไรกับประชากรรัสเซีย? โซเวียตเผยแพร่ข่าวลือและให้ข้อมูลเท็จอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย โซเวียตต้องสูญเสียกำลังพลอย่างหนักพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากคำสั่งของพวกเขาบังคับให้กองกำลังของพวกเขาโจมตีตำแหน่งของเยอรมันที่มีการป้องกันอย่างดี ไม่ใช่ชาวเยอรมัน แต่เป็นโซเวียตที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง กองทัพเยอรมันในการตัดสินใจและมาตรการทั้งหมดคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชากรพลเรือนที่ได้รับมอบหมายเท่านั้น ดังนั้น ... เขาจึงคาดหวังการสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับมาตรการต่อเนื่องทั้งหมดซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดในการทำลายศัตรูร่วมกันนั่นคือบอลเชวิส "

ทุกๆวันที่อาศัยอยู่ในอาชีพการงานการตายอย่างช้าๆและเจ็บปวดจากความหิวโหยกลายเป็นเรื่องจริงมากขึ้นสำหรับชาวเมืองและชาวบ้านหลายพันคน สต็อกอาหารรวมทั้งเมล็ดพืชจากรถไฟซึ่งไม่มีเวลานำออกจาก Rzhev ก่อนการยึดครองไม่สามารถขยายได้เป็นเวลานาน ร้านขายของชำขายเพียงทองคำส่วนใหญ่เป็นชาวเยอรมันที่เก็บเกี่ยวได้ หลายคนถูกบังคับให้เย็บ, ล้างพื้น, ล้าง, เสิร์ฟสำหรับเมล็ดพืชที่อุดตัน

ค่ายกักกันเมือง Rzhev ดำเนินการในเมือง Konstantin Vorobyov นักเขียนผู้ผ่านขุมนรกแห่งค่ายเขียนว่า“ ใครและเมื่อใดที่สาปแช่งสถานที่แห่งนี้? ทำไมยังไม่มีหิมะในจัตุรัสที่เข้มงวดแห่งนี้ซึ่งล้อมรอบด้วยหนามเป็นแถวในเดือนธันวาคม? ปุยหิมะที่หนาวเย็นของเดือนธันวาคมถูกกัดกินด้วยเศษดิน ความชื้นถูกดูดออกจากหลุมและร่องทั่วจัตุรัสที่ถูกสาปนี้! เชลยศึกโซเวียตอดทนและรอคอยการตายจากความหิวโหยอย่างช้าๆและโหดร้ายอย่างไม่หยุดยั้ง ... "

หัวหน้าตำรวจค่ายคือผู้หมวดอาวุโส Ivan Kurbatov ต่อจากนั้นเขาไม่เพียง แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่ในแผนกต่อต้านข่าวกรองในกองทหารราบที่ 159 จนถึงปีพ. ศ. 2487 Kurbatov อำนวยความสะดวกในการหลบหนีของเจ้าหน้าที่โซเวียตหลายคนจากค่ายช่วยหน่วยสอดแนมเพื่อเอาชีวิตรอดในค่ายและซ่อนการมีอยู่ของกลุ่มใต้ดินจากชาวเยอรมัน

แต่โศกนาฏกรรมที่สำคัญที่สุดของ Rzhev คือชาวบ้านเสียชีวิตไม่เพียง แต่จากการทำงานที่หักหลังในการสร้างป้อมปราการป้องกันข้าศึกของเมือง แต่ยังมาจากการยิงกระสุนและการทิ้งระเบิดโดยกองทัพโซเวียต: ตั้งแต่มกราคม 2485 ถึงมีนาคม 2486 ปืนใหญ่และการบินของเรา ระเบิดเมือง แม้ในคำสั่งแรกของสำนักงานใหญ่เกี่ยวกับภารกิจในการจับกุม Rzhev ก็มีการกล่าวว่า: "จะทุบเมือง Rzhev ด้วยกำลังและหลักโดยไม่หยุดก่อนที่จะมีการทำลายล้างอย่างร้ายแรงของเมือง" "แผนการใช้การบิน ... " ในฤดูร้อนปี 2485 ประกอบด้วย: "ในคืนวันที่ 30-31 กรกฎาคม 2485 ทำลาย Rzhev และชุมทางรถไฟ Rzhev" เมืองนี้เป็นฐานที่มั่นสำคัญของเยอรมันมาเป็นเวลานานเมืองจึงถูกทำลาย

“ ลานสเก็ตมนุษย์รัสเซีย”

เมื่อวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2486 เมือง Velikiye Luki ได้รับการปลดปล่อยห่างจาก Rzhev ไปทางตะวันตก 240 กิโลเมตร ภัยคุกคามจากการปิดล้อมกลายเป็นเรื่องจริงสำหรับชาวเยอรมัน

คำสั่งของเยอรมันซึ่งใช้เงินสำรองทั้งหมดในการรบฤดูหนาวพิสูจน์ให้ฮิตเลอร์เห็นว่าจำเป็นต้องออกจาก Rzhev และลดแนวหน้าลง ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ฮิตเลอร์อนุญาตให้ถอนทหาร เราสามารถตั้งสมมติฐานได้ว่ากองทัพโซเวียตจะยึด Rzhev หรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ก็คือเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2486 ชาวเยอรมันออกจากเมืองนี้เอง สำหรับการถอนกำลังมีการสร้างแนวป้องกันระดับกลางถนนถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งออกอุปกรณ์ทางทหารทรัพย์สินทางทหารอาหารและปศุสัตว์ พลเรือนหลายพันคนถูกผลักดันไปทางทิศตะวันตกโดยถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายของพวกเขาเอง

ผู้บัญชาการของกองทัพที่ 30 V. Kolpakchi ได้รับข้อมูลข่าวกรองเกี่ยวกับการถอนทหารของนาซีลังเลเป็นเวลานานที่จะสั่งให้ไปรุก Elena Rzhevskaya (Kagan) ผู้แปลสำนักงานใหญ่: "เกี่ยวกับ Rzhev การรุกรานของเราถูกทำลายหลายครั้งและตอนนี้หลังจากชัยชนะในสตาลินกราดเมื่อความสนใจทั้งหมดของมอสโกตรึงอยู่ที่นี่เขาไม่สามารถคำนวณผิดและลังเลได้เขาต้องการการรับประกันว่า คราวนี้ Rzhev จะยอมจำนนจะถูกยึด ... ทุกอย่างได้รับการแก้ไขโดยการเรียกคืนของ Stalin เขาโทรไปถามผู้บัญชาการว่าเขาจะรับ Rzhev ในไม่ช้า ... และผู้บัญชาการตอบว่า: "สหายผู้บัญชาการทหารสูงสุดพรุ่งนี้ฉัน จะรายงานให้คุณทราบจาก Rzhev "

บนถนนสายหนึ่งของภาพถ่าย Rzhev ที่ได้รับการปลดปล่อย: © Leonid Velikzhanin / TASS

ออกจาก Rzhev พวกนาซีขับรถเข้าไปในโบสถ์ Pokrovskaya Old Believer บนถนน Kalinin ประชากรที่รอดชีวิตเกือบทั้งหมดของเมือง - 248 คนและขุดโบสถ์ เป็นเวลาสองวันในความหิวโหยและหนาวเหน็บได้ยินเสียงระเบิดในเมืองชาว Rzhevites คาดหวังว่าจะเสียชีวิตทุกนาทีและในวันที่สามทหารโซเวียตได้นำวัตถุระเบิดออกจากห้องใต้ดินพบและเคลียร์เหมือง V. Maslova ที่ได้รับการปล่อยตัวเล่าว่า: "เธอออกจากโบสถ์พร้อมกับแม่อายุ 60 ปีและลูกสาวสองขวบเจ็ดเดือนผู้หมวดรุ่นน้องบางคนให้น้ำตาลชิ้นหนึ่งแก่ลูกสาวของเธอและเธอก็ซ่อนมันไว้และถามว่า:" แม่ , หิมะตกหรือเปล่า?”

Rzhev เป็นที่วางทุ่นระเบิดต่อเนื่อง แม้แต่แม่น้ำโวลก้าที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งก็ยังมีเหมืองแร่มากมาย ข้างหน้าหน่วยปืนไรเฟิลและหน่วยรบย่อยเดินผ่านไปมาโดยทำทางเดินในทุ่งทุ่นระเบิด บนถนนสายหลักป้ายต่างๆเริ่มปรากฏขึ้นพร้อมคำว่า "ตรวจสอบแล้ว ไม่มีทุ่นระเบิด”

ในวันแห่งการปลดปล่อย - 3 มีนาคม 1943 - ผู้คน 362 คนยังคงอยู่ในเมืองซึ่งถูกทำลายลงจนเหลือ แต่พื้นโดยมีประชากรก่อนสงครามที่แข็งแกร่ง 56,000 คนรวมทั้งนักโทษของคริสตจักรขอร้อง

ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2486 มีเหตุการณ์ที่หายากเกิดขึ้น - สตาลินออกจากเมืองหลวงเพียงครั้งเดียวในแนวหน้า เขาไปเยี่ยม Rzhev และจากที่นี่ให้คำสั่งสำหรับการคำนับผู้มีชัยชนะครั้งแรกในมอสโกเพื่อเป็นเกียรติแก่การจับกุม Orel และ Belgorod ผู้บัญชาการทหารสูงสุดต้องการเห็นเมืองด้วยตาของเขาเองจากที่ภัยคุกคามของการรณรงค์ต่อต้านมอสโกของนาซีครั้งใหม่เกิดขึ้นมาเกือบปีครึ่งแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสงสัยว่าชื่อของจอมพลแห่งสหภาพโซเวียตมอบให้กับสตาลินเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2486 หลังจากการเปิดตัวของ Rzhev

การสูญเสีย

ความสูญเสียของทั้งกองทัพแดงและ Wehrmacht ในยุทธการ Rzhev ไม่ได้ถูกคำนวณอย่างแท้จริง แต่เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีขนาดมหึมา หากสตาลินกราดลงไปในประวัติศาสตร์ในฐานะจุดเริ่มต้นของจุดเปลี่ยนที่รุนแรงในสงครามความรักชาติครั้งยิ่งใหญ่ Rzhev - เป็นการต่อสู้อย่างนองเลือดเพื่อความเหนื่อยล้า

ตามที่นักประวัติศาสตร์หลายคนกล่าวว่าการสูญเสียที่ไม่สามารถแก้ไขได้ของกองทัพโซเวียตรวมถึงนักโทษในระหว่างการรบที่ Rzhev มีจำนวนตั้งแต่ 392,554 ถึง 605,984 คน

จากหนังสือบันทึกความทรงจำของ Peter Mikhin: “ ถามทหารแนวหน้าสามคนที่คุณพบแล้วคุณจะมั่นใจว่าหนึ่งในนั้นต่อสู้ใกล้ Rzhev กองทหารของเรามีจำนวนเท่าใด! ... นายพลที่ต่อสู้อยู่ที่นั่นเงียบอย่างเขินอายเกี่ยวกับการต่อสู้ของ Rzhev และความจริงที่ว่าการปราบปรามครั้งนี้ได้ยกเลิกความพยายามอย่างกล้าหาญการทดลองที่ไร้มนุษยธรรมความกล้าหาญและการเสียสละตัวเองของทหารโซเวียตนับล้านความจริงที่ว่านี่เป็นความชั่วร้ายที่มีต่อความทรงจำของผู้เสียชีวิตเกือบหนึ่งล้านคน - สิ่งนี้กลับกลายเป็น ไม่สำคัญ

อ้างอิง

จนถึงวันนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่ชีวิตที่ได้รับการปลดปล่อยหัวสะพาน Rzhev-Vyazemsky

ห้าสิบปีหลังจากการชำระบัญชีของ Rzhev salient หนังสือ "ตราประทับที่เป็นความลับได้รับการตีพิมพ์" ซึ่งเป็นการศึกษาทางสถิติเกี่ยวกับการสูญเสียของกองทัพล้าหลังในสงครามการสู้รบและความขัดแย้งทางทหาร ให้ข้อมูลต่อไปนี้:

• ปฏิบัติการ Rzhev-Vyazemskaya (8 มกราคม - 20 เมษายน 2485) :
  • การสูญเสียที่ไม่สามารถกู้คืนได้ของกองทัพแดง - 272,320 คน
  • สุขาภิบาล - 504569 คน
  • รวม - 776,889 คน.
• ปฏิบัติการ Rzhev-Sychevsk (30 กรกฎาคม - 23 สิงหาคม 2485) :
  • ความสูญเสียที่ไม่สามารถกู้คืนได้จำนวน 51,482 คน
  • สุขาภิบาล - 142201 คน
  • รวม -193383 คน
• ปฏิบัติการ Rzhev-Vyazemskaya (2-31 มีนาคม 2486) :
  • ความสูญเสียที่เรียกคืนไม่ได้ - 38,862 คน
  • สุขาภิบาล - 99715 คน
  • รวม - 138,577 คน.
• ในการดำเนินการทั้งสาม :
  • ความสูญเสียที่เรียกคืนไม่ได้ - 362,664 คน
  • สุขาภิบาล - 746485 คน
  • รวม - 1109149 คน.

ความคิดเห็น (42) เกี่ยวกับ "การต่อสู้ของ Rzhev เป็นการต่อสู้ที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ"

ฉันชอบความพยายามของคุณในสิ่งนี้ขอบคุณสำหรับโพสต์ดีๆทั้งหมด

หัวข้อที่น่าสนใจมากขอบคุณที่วาง

ฉันไปที่เว็บไซต์นี้และฉันคิดว่าคุณมีข้อมูลที่ยอดเยี่ยมมากมายบุ๊กมาร์ก (:.

ฉันต้องการสร้างบันทึกย่อนี้ให้คุณเพื่อแสดงความขอบคุณอีกครั้งเกี่ยวกับโซลูชันที่ยอดเยี่ยมที่คุณ "นำเสนอบนไซต์นี้" เป็นความใจกว้างอย่างไม่น่าเชื่อของคุณที่จะนำเสนอต่อสาธารณะทุกสิ่งที่ผู้คนจำนวนหนึ่งจะขายในฐานะ e book เพื่อช่วยทำแป้งด้วยตัวเองโดยส่วนใหญ่จะเห็นว่าคุณสามารถทำได้ถ้าคุณตัดสินใจ นอกจากนี้กลยุทธ์ยังทำหน้าที่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการรับรู้ว่าส่วนที่เหลือมีความสนใจเหมือนกันกับของฉันเองเพื่อค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉันเชื่อว่ามีช่วงเวลาที่สนุกกว่านี้สำหรับผู้ที่เข้าชมไซต์ของคุณ

ฉันกำลังตรวจสอบบล็อกโพสต์บางส่วนของคุณในเว็บไซต์นี้และฉันเชื่อว่าเว็บไซต์นี้ให้ข้อมูลอย่างล้นหลาม! คงการโพสต์

คุณคือปณิธานของฉันฉันมีบล็อกไม่กี่บล็อกและบางครั้งก็หมดลงจากที่จะโพสต์

ฉันหลอกคุณบางคนโพสต์ในขณะที่ฉันคิดว่าพวกเขามีประโยชน์มาก

ฉันดีใจที่ได้แสดงความคิดเห็นเพื่อแจ้งให้คุณทราบถึงความประทับใจที่ได้พบกับลูกของภรรยาของฉันที่ได้รับจากเว็บไซต์ของคุณเธอยังได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างด้วยการรวมเอาไว้ว่าการมีอารมณ์ในการฝึกสอนที่ยอดเยี่ยมในการรับคนอื่น ๆ ผู้คนโดยไม่ต้องยุ่งยากทำความเข้าใจกับหัวข้อที่เป็นปัญหาจำนวนมากคุณทำได้เกินผลลัพธ์ที่เราคาดหวังไว้จริงๆขอขอบคุณที่เสนอเคล็ดลับที่ให้ข้อมูลเชื่อถือได้ให้ข้อมูลตลอดจนเคล็ดลับเฉพาะในหัวข้อของคุณแก่ Julie

ในความเป็นจริงคุณเป็นผู้ดูแลเว็บที่ยอดเยี่ยม ความเร็วในการโหลดไซต์นั้นยอดเยี่ยมมาก เป็นความรู้สึกที่คุณกำลังทำเคล็ดลับที่ไม่เหมือนใคร ยิ่งไปกว่านั้นเนื้อหาเป็นผลงานระดับมาสเตอร์ คุณได้แสดงขั้นตอนที่ยอดเยี่ยมในเรื่องนี้!

ส่วนที่น่าสนใจของเนื้อหา ฉันเพิ่งสะดุดเข้ากับเว็บไซต์ของคุณและในการเพิ่มทุนเพื่อยืนยันว่าฉันได้รับบัญชีที่มีความสุขจริงๆในบล็อกโพสต์ของคุณ ไม่ว่าฉันจะสมัครรับข้อมูลส่วนเสริมของคุณด้วยวิธีใดก็ตามและถึงแม้ฉันจะเข้าถึงคุณได้อย่างรวดเร็วอย่างต่อเนื่อง

เนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรขอขอบคุณสำหรับข้อมูลที่เลือก

ฉันชอบไซต์นี้มากบันทึกไว้ในรายการโปรด "การจับปากกาคือการทำสงคราม" โดย Francois Marie Arouet Voltaire

ฉันชอบโพสต์นี้สนุกกับโพสต์นี้ขอบคุณสำหรับการโพสต์ "เราถูกลงโทษโดยบาปของเราไม่ใช่เพื่อพวกเขา" โดย Elbert Hubbard

ในความเป็นจริงคุณเป็นผู้ดูแลเว็บที่ถูกต้อง ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์นั้นเหลือเชื่อมาก ดูเหมือนว่าคุณกำลังทำเคล็ดลับที่โดดเด่น นอกจากนี้เนื้อหาเป็นผลงานระดับมาสเตอร์ คุณได้ทำงานที่ยอดเยี่ยมในหัวข้อนี้!

คุณเป็นผู้ดูแลเว็บที่ดีความเร็วในการโหลดไซต์นั้นยอดเยี่ยมมากดูเหมือนว่าคุณกำลังใช้กลอุบายที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้เนื้อหายังเป็นผลงานชิ้นเอก คุณได้ทำกระบวนการที่ยอดเยี่ยมในเรื่องนี้!

ฉันชอบสิ่งที่พวกคุณทำเช่นกัน การทำงานและการรายงานที่ชาญฉลาดเช่นนี้! ดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมฉันได้รวมพวกคุณไว้ในบล็อกของฉัน ฉันคิดว่ามันจะช่วยเพิ่มมูลค่าของเว็บไซต์ของฉัน :)

ฉันชอบเว็บบล็อกนี้มากเป็นบิลเล็ตที่ดีมากในการอ่านและรับข้อมูล "Nunc scio เลิกนั่ง amor" โดย Virgil

ว้าว! นี่อาจเป็นหนึ่งในบล็อกที่มีประโยชน์ที่สุดที่เราเคยพบในเรื่องนี้ โดยทั่วไปงดงาม ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อนี้ด้วยดังนั้นฉันจึงเข้าใจการทำงานหนักของคุณ

คุณเป็นผู้ดูแลเว็บที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริงความเร็วในการโหลดเว็บไซต์นั้นเหลือเชื่อมากให้ความรู้สึกว่าคุณกำลังทำเคล็ดลับที่ไม่เหมือนใครนอกจากนี้เนื้อหายังเป็นผลงานชิ้นเอกคุณได้ทำกิจกรรมที่ยอดเยี่ยมในเรื่องนี้แล้ว!

ฉันเพิ่งเริ่มต้นไซต์ข้อมูลที่คุณให้ไว้ในเว็บไซต์นี้ช่วยฉันได้มาก ขอขอบคุณที่สละเวลาและทำงาน

เชื่อในสิ่งที่คุณระบุไว้อย่างแน่นอน เหตุผลที่คุณชื่นชอบดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดบนอินเทอร์เน็ตที่ควรระวัง ฉันพูดกับคุณว่าฉันรู้สึกรำคาญอย่างแน่นอนในขณะที่ผู้คนมองว่ากังวลว่าพวกเขาไม่รู้เรื่องอย่างชัดเจนคุณจัดการตอกตะปูที่ด้านบนและกำหนดสิ่งทั้งหมดโดยไม่ต้องมีผลข้างเคียงผู้คนสามารถรับสัญญาณได้ อาจจะกลับมารับอีกขอบคุณ

ข้อมูลที่ยอดเยี่ยมมากสามารถพบได้บนเว็บไซต์ "การศึกษาเป็นสิ่งที่ได้รับมากที่สุดมีคนจำนวนมากส่งต่อและมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับ" โดย Karl Kraus

ฉันเพิ่งเริ่มต้นเว็บไซต์ข้อมูลที่คุณนำเสนอบนเว็บไซต์นี้ช่วยฉันได้มากขอบคุณสำหรับเวลาและการทำงานทั้งหมดของคุณ "เลิกกังวลเรื่องสุขภาพของคุณมัน" จะหายไป " โดย Robert Orben

ในความเป็นจริงคุณเป็นผู้ดูแลเว็บที่ถูกต้องความเร็วในการโหลดเว็บไซต์นั้นยอดเยี่ยมมากรู้สึกว่าคุณกำลังทำเคล็ดลับที่โดดเด่นยิ่งกว่านั้นเนื้อหาเป็นผลงานชิ้นเอกคุณได้ทำงานในหัวข้อนี้แล้ว!

เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการวางแผนสำหรับอนาคตและเป็นเวลาที่จะมีความสุข ฉันได้อ่านโพสต์นี้แล้วและหากฉันต้องการจะแนะนำสิ่งที่น่าสนใจหรือเคล็ดลับบางอย่างให้คุณได้ บางทีคุณอาจเขียนบทความถัดไปที่อ้างอิงถึงบทความนี้ ฉันต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้!

ฉันเพิ่งเริ่มต้นเว็บไซต์ข้อมูลที่คุณให้ในไซต์นี้ช่วยฉันได้มากขอบคุณสำหรับเวลาและผลงานทั้งหมดของคุณ "ถ้าคุณเห็นงูจงฆ่ามันอย่าแต่งตั้งคณะกรรมการเกี่ยวกับงู" โดย H. Ross Perot

ฉันอยากจะแสดงความชื่นชมในความกรุณาของคุณในการสนับสนุนผู้ที่ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับเนื้อหานี้จริงๆ ความทุ่มเทเป็นพิเศษของคุณในการทำให้ข้อความขึ้นและลงมีความสำคัญอย่างน่าอัศจรรย์และไม่มีข้อยกเว้นที่สนับสนุนให้ผู้ร่วมงานเช่นฉันบรรลุวัตถุประสงค์ของพวกเขา ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และเป็นมิตรของคุณมีความหมายอย่างมากต่อฉันและเพื่อนร่วมงานของฉันด้วย ขอแสดงความนับถือ; จากพวกเราทุกคน

มันเหมือนคุณอ่านใจของฉัน! ดูเหมือนคุณจะรู้เรื่องนี้มากเช่นคุณเขียนหนังสือเล่มนี้หรืออะไรสักอย่าง ฉันคิดว่าคุณสามารถทำบางรูปเพื่อขับเคลื่อนข้อความกลับบ้านได้ แต่แทนที่จะเป็นอย่างนั้นนี่เป็นบล็อกที่ยอดเยี่ยม การอ่านที่ยอดเยี่ยม ฉันจะกลับมาอีกแน่นอน

ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันเป็นมือใหม่ในการเขียนบล็อกและชื่นชอบคุณเป็นอย่างมาก "เป็นไซต์บล็อกมากกว่าฉันจะบุ๊กมาร์กโพสต์ในบล็อกของคุณคุณมีโพสต์ที่ยอดเยี่ยมจริงๆความรุ่งโรจน์ในการเปิดเผยหน้าเว็บไซต์ของคุณ

สวัสดีทุกคนเป็นอย่างไรบ้างฉันคิดว่าทุกคนได้รับประโยชน์จากไซต์นี้มากขึ้นและมุมมองของคุณก็เป็นที่ชื่นชอบของผู้ใช้ใหม่

ยุทธการเกตตีสเบิร์ก

สำหรับคนธรรมดาการปะทะกันใด ๆ ที่นำไปสู่การเสียชีวิตของคนที่คุณรักถือเป็นโศกนาฏกรรมที่เลวร้าย นักประวัติศาสตร์คิดการใหญ่และในบรรดาการต่อสู้นองเลือดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมี 5 ครั้งที่ใหญ่ที่สุด

สมรภูมิเกตตีสเบิร์กในปี พ.ศ. 2406 เป็นการต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างไม่ต้องสงสัย กองกำลังสัมพันธมิตรและกองทัพสหภาพปะทะกันในฐานะฝ่ายตรงข้าม การปะทะกันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 46,000 คน การสูญเสียทั้งสองฝ่ายเกือบเท่ากัน ผลของการต่อสู้รวมข้อดีของสหภาพ อย่างไรก็ตามราคาที่จ่ายสำหรับความสำเร็จของสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกานั้นแพงมากอย่างไม่น่าเชื่อ การต่อสู้ดำเนินไปเป็นเวลา 3 วันจนกระทั่งได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ของกองทัพที่นำโดยนายพลลี ศึกครั้งนี้ติดอันดับ 5 ของรายการที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์

ศึกเมืองคานส์

อันดับที่ 4 คือ Battle of Cannes ซึ่งเกิดขึ้นใน 216 ปีก่อนคริสตกาล โรมต่อต้านคาร์เธจ จำนวนผู้เสียชีวิตเป็นที่น่าประทับใจ สังหารชาวคาร์ธาจินีประมาณ 10,000 คนและพลเมืองราว 50,000 คนของอาณาจักรโรมัน ฮันนิบาลนายพลคาร์ธาจิเนียพยายามอย่างไม่น่าเชื่อนำกองทัพใหญ่ข้ามเทือกเขาแอลป์ ต่อจากนั้นความสำเร็จของผู้บัญชาการโบราณซ้ำอีกครั้งโดยผู้บัญชาการรัสเซีย Suvorov ก่อนการสู้รบขั้นแตกหักฮันนิบาลเอาชนะกองทัพของโรมที่ทะเลสาบ Trasimene และ Trebia โดยจงใจให้กองทหารโรมันเข้าไปอยู่ในกับดักที่วางแผนไว้

ด้วยความหวังที่จะบุกทะลวงกลางกองทัพของคาร์เธจโรมจึงรวบรวมทหารราบหนักไว้ที่ส่วนกลางของกองทหาร ในทางตรงกันข้ามฮันนิบาลจดจ่อกับยอดฝีมือของเขาที่สีข้าง ทหารคาร์ธาจิเนียกำลังรอการพัฒนาของตำแหน่งที่อยู่ตรงกลาง เป็นผลให้ทหารโรมันถูกบังคับให้เคลื่อนไหวต่อไปโดยผลักแถวหน้าไปสู่ความตาย ทหารม้าแห่งคาร์เธจปิดช่องว่างในภาคกลาง ดังนั้นกองทหารโรมันจึงพบว่าตัวเองตกอยู่ในห้วงแห่งความตาย

อันดับที่ 3 เป็นของการรบที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2459 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 การรบวันที่ 1 ในซอมม์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 68,000 คนในจำนวนนี้อังกฤษสูญเสีย 60,000 คนนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสู้รบที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายเดือน โดยรวมจากการสู้รบมีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,000,000 คน อังกฤษวางแผนที่จะกวาดล้างแนวป้องกันของเยอรมันด้วยปืนใหญ่ เชื่อกันว่าหลังจากการโจมตีครั้งใหญ่กองกำลังของอังกฤษและฝรั่งเศสจะยึดครองดินแดนได้อย่างง่ายดาย แต่ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของพันธมิตรการปลอกกระสุนไม่ได้นำไปสู่การทำลายล้างทั่วโลก

อังกฤษถูกบังคับให้ออกจากสนามเพลาะ ที่นี่พวกเขาพบกับการยิงอย่างหนักจากฝ่ายเยอรมัน สถานการณ์มีความซับซ้อนโดยปืนใหญ่ของสหราชอาณาจักรโดยมีกองทหารราบของตัวเอง ตลอดทั้งวันสหราชอาณาจักรสามารถยึดครองเป้าหมายเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้

การรบที่ไลป์ซิกซึ่งกองกำลังของนโปเลียนต่อต้านรัสเซียออสเตรียและปรัสเซียเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2356 การสูญเสียจากฝรั่งเศสมีจำนวน 30,000 คนฝ่ายสัมพันธมิตรสูญเสียไป 54,000 คนนี่เป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สุดและความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดของจักรพรรดิฝรั่งเศสผู้ยิ่งใหญ่ ในช่วงเริ่มต้นของการสู้รบฝรั่งเศสรู้สึกดีมากและได้เปรียบเป็นเวลา 9 ชั่วโมง แต่หลังจากเวลานี้ความได้เปรียบเชิงตัวเลขของพันธมิตรเริ่มส่งผลกระทบ เมื่อรู้ว่าการสู้รบแพ้โบนาปาร์ตจึงตัดสินใจถอนทหารที่เหลือข้ามสะพานซึ่งจะถูกระเบิดหลังจากการถอนกองทัพฝรั่งเศส มีเพียงเสียงระเบิดเท่านั้นที่ฟังเร็วเกินไป ทหารจำนวนมากเสียชีวิตโยนลงน้ำ

สตาลินกราด

การต่อสู้ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์คือสตาลินกราด นาซีเยอรมนีสูญเสียทหาร 841,000 นายในการรบ การสูญเสียของสหภาพโซเวียตมีจำนวน 1,130,000 คน การต่อสู้เพื่อชิงเมืองเป็นเวลาหลายเดือนเริ่มต้นด้วยการโจมตีทางอากาศของเยอรมันหลังจากนั้นสตาลินกราดก็ถูกทำลายไปมาก ชาวเยอรมันเข้ามาในเมือง แต่พวกเขาต้องเข้าร่วมการต่อสู้บนท้องถนนที่ดุเดือดสำหรับทุกบ้าน เยอรมนีสามารถยึดเมืองได้เกือบ 99% แต่ก็ไม่สามารถทำลายการต่อต้านของฝ่ายโซเวียตได้ทั้งหมด น้ำค้างแข็งที่กำลังจะมาถึงและการโจมตีของกองทัพแดงซึ่งดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2485 ทำให้กระแสการต่อสู้เปลี่ยนไป ฮิตเลอร์ไม่อนุญาตให้ถอนทหารและส่งผลให้ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 พวกเขาพ่ายแพ้

ไม่สำคัญว่าการต่อสู้นองเลือดจะเกิดขึ้นอย่างไร สาเหตุอาจเป็นการปะทะกันของความเชื่อทางศาสนาการอ้างสิทธิ์ในดินแดนการมองไม่เห็นทางการเมือง พระเจ้าอนุญาตให้ความผิดพลาดไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก

น่าเศร้าที่สงครามเกิดขึ้นมาโดยตลอดและเป็นกลไกที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินความสูญเสียจำนวนมากของผู้คนมักถูกแทนที่ด้วยความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมในเศรษฐกิจหรืออุตสาหกรรม ตลอดการดำรงอยู่ของมนุษยชาติบนโลกคุณแทบจะไม่สามารถนับสองสามศตวรรษได้เมื่อทุกคนอยู่อย่างสันติและสามัคคี การต่อสู้แต่ละครั้งเปลี่ยนเส้นทางของประวัติศาสตร์ทั้งหมดของมนุษยชาติและทิ้งร่องรอยไว้บนใบหน้าของพยาน และสงครามที่โด่งดังที่สุดไม่ได้อยู่ในรายการนี้มีเพียงสิ่งที่คุณต้องรู้และจดจำไว้เสมอ

ถือเป็นการรบทางเรือครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์สมัยโบราณ ในการรบครั้งนี้กองกำลังของ Octavian Augustus และ Mark Antony ได้ต่อสู้กัน อุดหนุนฝ่ายค้าน 31 BC ใกล้ Cape Actium นักประวัติศาสตร์ยืนยันว่าชัยชนะของ Octavian มีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์ของกรุงโรมและยุติสงครามกลางเมืองที่ยาวนานเช่นนี้ ไม่รอดจากการสูญเสียของเขามาร์คแอนโทนีฆ่าตัวตายในไม่ช้า

การต่อสู้ที่มีชื่อเสียงระหว่างกองทัพกรีกและเปอร์เซียเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน 490 ปีก่อนคริสตกาลใกล้เมืองมาราธอนใกล้กรุงเอเธนส์ ดาริอุสผู้ปกครองเปอร์เซียต้องการที่จะยึดครองเมืองทั้งหมดของกรีซอย่างบ้าคลั่ง การไม่เชื่อฟังของผู้อยู่อาศัยทำให้ผู้ปกครองโกรธอย่างจริงจังและเขาส่งกองทัพ 26,000 นายมาต่อต้านพวกเขา ลองนึกภาพความประหลาดใจของเขาที่กองทัพกรีกซึ่งประกอบด้วยคนเพียง 10,000 พันคนทนต่อการโจมตีและนอกจากนี้ยังเอาชนะกองทัพของศัตรูได้อย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามปกติสงครามก็เหมือนสงครามและการต่อสู้ครั้งนี้อาจอยู่ในบันทึกของนักประวัติศาสตร์หลายคนเท่านั้นหากไม่ใช่สำหรับผู้ส่งสาร เมื่อชนะการรบแล้วชาวกรีกจึงส่งผู้ส่งข่าวมาพร้อมข่าวดี ผู้ส่งสารวิ่งไม่หยุดเป็นระยะทางกว่า 42 กม. เมื่อมาถึงเมืองเขาประกาศชัยชนะและน่าเสียดายที่นี่เป็นคำพูดสุดท้ายของเขา ตั้งแต่นั้นมาการต่อสู้ไม่เพียง แต่เป็นที่รู้จักกันในนามของการวิ่งมาราธอน แต่ระยะทาง 42 กม. 195 เมตรได้กลายเป็นความยาวที่ขาดไม่ได้สำหรับการแข่งขันกรีฑา

การสู้รบทางเรือระหว่างเปอร์เซียและกรีกเกิดขึ้นใน 480 ปีก่อนคริสตกาลใกล้เกาะซาลามิส ตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์กองเรือกรีกมีจำนวน 380 ลำและไม่มีทางเหนือกว่า 1,000 ลำของนักรบเปอร์เซียที่มีอำนาจ แต่ต้องขอบคุณคำสั่งของ Euribias ที่ไม่มีใครเทียบได้ทำให้ชาวกรีกเป็นผู้ชนะการรบ มีการพิสูจน์ในอดีตแล้วว่าชัยชนะของกรีซทำให้เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในความขัดแย้งทางแพ่งของกรีก - เปอร์เซีย

การรบนี้นิยมเรียกกันว่า "Battle of Tours" การต่อสู้เกิดขึ้นในปี 732 ระหว่างอาณาจักรแฟรงกิชและอากีแตนในอาณาเขตของเมืองตูร์ เป็นผลให้การสู้รบชนะโดยกองกำลังของอาณาจักรแฟรงกิชและทำให้ศาสนาอิสลามสิ้นสุดลงในดินแดนของรัฐของพวกเขา เชื่อกันว่าชัยชนะครั้งนี้ทำให้ศาสนาคริสต์ทุกคนพัฒนาต่อไป

มีชื่อเสียงที่สุดร้องเพลงในผลงานและภาพยนตร์มากมาย การต่อสู้ของสาธารณรัฐ Novgorod และอาณาเขตของ Vladimersko-Suzdal กับคำสั่งของ Livonian และ Teutonic นักประวัติศาสตร์แนะนำว่าวันแห่งการสู้รบคือ 5 เมษายน 1242 การต่อสู้ได้รับชื่อเสียงจากอัศวินผู้กล้าทำลายน้ำแข็งและลงไปใต้น้ำในชุดเครื่องแบบเต็มยศ ผลของสงครามคือการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพระหว่าง Teutonic Order และ Novgorod

ในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1380 การต่อสู้เกิดขึ้นที่สนาม Kulikovo ซึ่งกลายเป็นเวทีหลักในการสร้างรัฐรัสเซีย การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างอาณาเขตของมอสโกสโมเลนสค์และนิชนีย์นอฟโกรอดกับมาไมฮอร์ด ในการสู้รบกองกำลังรัสเซียได้รับความสูญเสียจำนวนมากในผู้คน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ทำลายกองทัพของศัตรูไปตลอดกาล เมื่อเวลาผ่านไปนักประวัติศาสตร์หลายคนเริ่มโต้แย้งว่าการต่อสู้ครั้งนี้กลายเป็น "จุดที่ไม่หวนกลับ" สำหรับพวกเร่ร่อนนอกรีต

การต่อสู้ที่รู้จักกันดีของสามจักรพรรดิ: นโปเลียนที่ 1 และพันธมิตรเฟรดเดอริคที่ 1 (จักรวรรดิออสเตรีย) และอเล็กซานเดอร์ 1 (จักรวรรดิรัสเซีย) การต่อสู้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1805 ใกล้กับ Austerlitz แม้จะมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าอย่างมากในด้านความแข็งแกร่งของพันธมิตรรัสเซียและออสเตรียก็พ่ายแพ้ในการสู้รบ กลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมและยุทธวิธีในการต่อสู้ทำให้นโปเลียนได้รับชัยชนะและความรุ่งโรจน์อย่างมีชัย

การสู้รบครั้งสำคัญครั้งที่สองกับนโปเลียนเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2358 จักรวรรดิของพันธมิตรในบริเตนใหญ่เนเธอร์แลนด์ฮันโนเวอร์ปรัสเซียนัสเซาและเบราน์ชไวก์ - ลูเนบวร์กต่อต้านฝรั่งเศส นี่เป็นความพยายามอีกครั้งของนโปเลียนในการพิสูจน์ระบอบเผด็จการ แต่ด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่งนโปเลียนไม่ได้แสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับในการต่อสู้ที่ Austerlitz และแพ้การต่อสู้ จนถึงปัจจุบันนักประวัติศาสตร์สามารถอธิบายเส้นทางทั้งหมดของการต่อสู้ได้อย่างถูกต้องและแม้แต่ภาพยนตร์หลายเรื่องก็ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับ Battle of Waterloo ที่สำคัญ

คุณอาจสนใจ:

สงครามโลกครั้งที่สองมหาสงครามแห่งความรักชาติ มันเป็นสงครามที่โหดร้ายและนองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

ในช่วงของการสังหารหมู่นี้มีพลเมืองมากกว่า 60 ล้านคนจากประเทศต่างๆทั่วโลกถูกสังหาร นักประวัติศาสตร์คำนวณว่ามีระเบิดและกระสุนเฉลี่ย 27,000 ตันตกใส่หัวของทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่ายทุกเดือนสงคราม!

วันแห่งชัยชนะ 10 สงครามที่น่ากลัวที่สุดในสงครามโลกครั้งที่สอง

ที่มา: realitypod.com/

นับเป็นการต่อสู้ทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จุดมุ่งหมายของชาวเยอรมันคือการได้รับความเหนือกว่าทางอากาศเหนือกองทัพอากาศอังกฤษเพื่อที่จะบุกเกาะอังกฤษโดยไม่มีอุปสรรค การต่อสู้เป็นการต่อสู้โดยเครื่องบินรบของฝ่ายตรงข้ามโดยเฉพาะ เยอรมนีสูญเสียนักบิน 3,000 คนอังกฤษ 1,800 คน พลเรือนอังกฤษกว่า 20,000 คนถูกสังหาร ความพ่ายแพ้ของเยอรมนีในการรบครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาสำคัญในสงครามโลกครั้งที่สอง - ไม่อนุญาตให้กำจัดพันธมิตรตะวันตกของสหภาพโซเวียตซึ่งต่อมานำไปสู่การเปิดแนวรบที่สอง

ที่มา: realitypod.com/

การต่อสู้ที่ยาวนานที่สุดที่ยาวนานที่สุดของสงครามโลกครั้งที่สอง ในระหว่างการรบทางเรือเรือดำน้ำของเยอรมันพยายามที่จะจมเรือและเรือรบของโซเวียตและอังกฤษ พันธมิตรตอบรับอย่างใจดี ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญเป็นพิเศษของการรบครั้งนี้ - ในแง่หนึ่งอาวุธและอุปกรณ์ตะวันตกถูกส่งไปยังสหภาพโซเวียตทางทะเลในทางกลับกันบริเตนใหญ่ได้รับทุกสิ่งที่จำเป็นส่วนใหญ่ทางทะเล - อังกฤษต้องการมากถึงล้าน วัสดุและอาหารทุกชนิดจำนวนมากเพื่อที่จะอยู่รอดและต่อสู้ต่อไป ... ราคาของชัยชนะของสมาชิกแนวร่วมต่อต้านฮิตเลอร์ในมหาสมุทรแอตแลนติกนั้นมหาศาลและแย่มาก - ลูกเรือประมาณ 50,000 คนเสียชีวิตลูกเรือชาวเยอรมันจำนวนเท่ากันเสียชีวิต

ที่มา: realitypod.com/

การต่อสู้ครั้งนี้เริ่มขึ้นหลังจากกองกำลังของเยอรมันในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สองได้เข้าร่วมการต่อสู้อย่างสิ้นหวัง (และตามที่ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นความพยายามครั้งสุดท้าย) ที่จะเปลี่ยนกระแสของการสู้รบให้เป็นไปตามความโปรดปรานของพวกเขาจัดการต่อต้านกองกำลังแองโกล - อเมริกันในภูเขาและป่า พื้นที่ในเบลเยียมภายใต้รหัสชื่อ Unternehmen Wacht am Rhein (Guard on the Rhine) แม้จะมีประสบการณ์ทั้งหมดของนักยุทธศาสตร์ชาวอังกฤษและชาวอเมริกัน แต่การโจมตีครั้งใหญ่ของเยอรมันทำให้พันธมิตรประหลาดใจ อย่างไรก็ตามในที่สุดฝ่ายรุกก็ล้มเหลว เยอรมนีในปฏิบัติการนี้สูญเสียทหารและเจ้าหน้าที่ไปมากกว่า 100,000 นายจากการสังหารพันธมิตรแองโกล - อเมริกัน - ทหารราว 20,000 คนเสียชีวิต

ที่มา: realitypod.com/

จอมพล Zhukov เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขา: "เมื่อพวกเขาถามฉันว่าฉันจำอะไรได้มากที่สุดจากสงครามครั้งสุดท้ายฉันมักจะตอบ: การต่อสู้เพื่อมอสโกว" ฮิตเลอร์มองว่าการยึดมอสโกซึ่งเป็นเมืองหลวงของสหภาพโซเวียตและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพโซเวียตเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักทางการทหารและการเมืองของปฏิบัติการบาร์บารอสซา เป็นที่รู้จักในประวัติศาสตร์การทหารของเยอรมันและตะวันตกในชื่อปฏิบัติการไต้ฝุ่น การรบนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลาคือการป้องกัน (30 กันยายน - 4 ธันวาคม พ.ศ. 2484) และการรุกซึ่งประกอบด้วย 2 ระยะคือการต่อต้าน (วันที่ 5-6 ธันวาคม พ.ศ. 2484 - วันที่ 7-8 มกราคม พ.ศ. 2485) และการรุกโดยทั่วไปของ กองทหารโซเวียต (7-10 มกราคม - 20 เมษายน 2485) การสูญเสียของสหภาพโซเวียต - 926.2 พันคนการสูญเสียของเยอรมนี - 581,000 คน

การขึ้นฝั่งของพันธมิตรตามปกติการเปิดฉากที่สอง (ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2487 ถึง 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2487)

ที่มา: realitypod.com/

การต่อสู้ครั้งนี้ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ดถือเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งกำลังกลุ่มยุทธศาสตร์ของกองกำลังพันธมิตรแองโกล - อเมริกันในนอร์มังดีประเทศฝรั่งเศส การรุกรานเกี่ยวข้องกับหน่วยอังกฤษอเมริกาแคนาดาและฝรั่งเศส การยกพลขึ้นบกของกองกำลังหลักจากเรือรบพันธมิตรนำหน้าด้วยการทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ของป้อมปราการชายฝั่งของเยอรมันและการลงจอดของพลร่มและเครื่องร่อนที่ตำแหน่งของหน่วยที่เลือกของ Wehrmacht นาวิกโยธินของฝ่ายสัมพันธมิตรลงจอดที่ชายหาดห้าแห่ง ถือเป็นการปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบกครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทั้งสองฝ่ายต้องสูญเสียกำลังพลไปมากกว่า 200,000 นาย

ที่มา: realitypod.com/

การปฏิบัติการรุกเชิงกลยุทธ์ครั้งสุดท้ายของกองกำลังของสหภาพโซเวียตในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่นองเลือดที่สุด เป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางยุทธศาสตร์ของแนวรบเยอรมันโดยหน่วยกองทัพแดงที่ดำเนินการปฏิบัติการที่น่ารังเกียจของ Vistula-Oder มันจบลงด้วยชัยชนะที่สมบูรณ์เหนือนาซีเยอรมนีและการยอมจำนนของ Wehrmacht ในระหว่างการสู้รบที่เบอร์ลินการสูญเสียกองทัพของเรามีจำนวนทหารและเจ้าหน้าที่มากกว่า 80,000 นายพวกนาซีสูญเสียทหารไป 450,000 นาย