สาเหตุของสงครามเมืองทรอย กองเรือและเรือรบในสมัยนั้น กองทัพเรือกรีก

"จมูกโกกอล" - และตรงนั้น - จมูกที่หายไป เรื่องพิลึกในเรื่องยังอยู่ในความคาดไม่ถึงและอาจกล่าวได้ว่าไร้สาระ โกกอลแสดงให้เห็นว่าไม่เพียง แต่เป็นไปได้ แต่ยังสมควรอย่างยิ่ง โดมาเชนโก้ นิโคเลย์ 2489 N. Gogol "จมูก" ดูเหมือนว่าไม่ใช่เพื่ออะไรที่โกกอลทำให้ปีเตอร์สเบิร์กเป็นฉากของการกระทำของเรื่อง "จมูก"

"บทเรียนศาสนาของชาวกรีกโบราณ" - จดหมาย ภาพสะท้อนการประชาสัมพันธ์ในศาสนา มิวส์. เทพสามชั่วอายุคน องค์ประกอบและอาชีพใดที่เทพเจ้าอุปถัมภ์ สวัสดี โลกที่มีความสุขของเรา ขอบคุณสำหรับทัศนคติที่เคารพต่อบันทึกที่ฟื้นฟูหน้าประวัติศาสตร์จากชีวิตของดาวเคราะห์ แผนการสอน: ที่ซึ่งเหล่าทวยเทพอาศัยอยู่

"วิธีการวาดสัตว์" - 3. จิตรกรสัตว์ให้ความสำคัญกับอะไรเป็นอย่างแรก? 3. เค้าโครงของภาพในแผ่นงาน V. คำถามและงาน. VII การมอบหมายและคำถาม คม. ถ้าคุณเห็นเป้าหมาย มันจะง่ายกว่าที่จะเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดและบรรลุผล ความสุขผ่านอุปสรรค คำถามและงาน การวาดสัตว์หรือวิธีการเป็นจิตรกรสัตว์

"ศาสนากรีก" - ในตำนานเทพเจ้ากรีกโบราณ หนึ่งใน 9 มิวส์ ผู้อุปถัมภ์เรื่องตลก ซุส เมลโพมีน เซอร์เบอรัส. Thalia เป็นท่วงทำนองของ Comedy ปั้นนูนโบราณ อาร์เทมิส. Melpomene, Erato และ Polhymnia โพไซดอน. เทอร์ปซิชอร์ เฮอร์มีส ศาสนาของชาวกรีกโบราณ ครอนและรีอา. ภูเขาโอลิมปัส. แท่นบูชาของแท่นบูชา Zeus ใน Pergamum (หินอ่อน 180 ปีก่อนคริสตกาล)

"เรียนรู้การวาด" - คุณต้องเริ่มเรียนวาดที่ไหน การถ่ายโอนแสงและเงาโดยใช้การแรเงาโทนสี เรียนวาดรูป. ไอโซ. การกำหนดสัดส่วนที่สอดคล้องกับธรรมชาติ (อัตราส่วนของส่วนต่อทั้งหมด) วิธีการสร้างภาพวาดอย่างถูกต้อง? การเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่ของวัตถุ (แผนไกลและใกล้) ก่อนที่คุณจะเริ่มวาด คุณต้องรู้ว่าองค์ประกอบคืออะไร

"วิธีการวาดดอกไม้" - พยายามใช้ยางลบให้น้อยลง ซีเนีย แมค โรส. ดอกป๊อปปี้ยังมีการออกแบบคล้ายกับดอกไม้บางชนิด เช่น ดอกบัว บัตเตอร์คัพ กุหลาบมีโครงสร้างที่ซับซ้อน เราวาดดอกเบญจมาศ ให้ความสนใจกับสัดส่วน การดำเนินการตามลำดับของรูปแบบงาดำ วงรีจะกลายเป็นฐานของโดมรูปถ้วยคว่ำ

ชาวกรีก - ช่างต่อเรือ พวกเขาคิดค้นเรือความเร็วสูงที่มีพาย 70 อันเรียกว่า trière ซึ่งคนพายเรือนั่งเป็นสามแถวทั้งสองด้านของเรือและมีการติดตั้งแกะผู้ตัวหนึ่งไว้ที่หัวเรือ - ท่อนซุงที่แหลมคมซึ่งแทงทะลุ เรือศัตรู ชาวกรีกเชื่อว่าเรือของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ และจับตาที่หัวเรือเพื่อที่เขาจะได้มองเห็นได้ไกล

ชาวกรีกโบราณสร้างอาคารที่สวยงาม - วัดสำหรับเทพเจ้าของพวกเขา วิหารพาร์เธนอนในเอเธนส์บนอะโครโพลิสซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพธิดาอธีนานั้นสวยงามมาก ผนังและเสาทำด้วยหินสกัด ความสง่างามของวัดเสริมด้วยรูปปั้นและแผงที่แกะสลักจากหินอ่อน ตรงกลางวัดมีรูปปั้นเทพธิดาสูง 12 เมตร หุ้มด้วยงาช้างและทองคำ ซึ่งเป็นผลงานการสร้างของประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ชื่อ Phidias ชาวกรีกเป็นสถาปนิก

โรงละครกรีกมีลักษณะคล้ายคณะละครสัตว์หรือสนามกีฬาสมัยใหม่ ผ่าครึ่งเท่านั้น นักแสดงนั่งบนเวทีและผู้ชมนั่งบนม้านั่งหินบนเนินเขา โรงละครรองรับผู้ชมได้ 18,000 คน ในโรงละครกรีก บทบาททั้งหมดเล่นโดยผู้ชาย ชาวกรีก - ประดิษฐ์โรงละคร

เพื่อให้ผู้ชมที่นั่งห่างไกลมองเห็นทุกสิ่ง นักแสดงจึงสวมหน้ากากที่ทาสีซึ่งสื่อถึงตัวละครและอารมณ์ โดยเน้นที่อายุและเพศของตัวละคร หน้ากากมีปากอ้าขนาดใหญ่ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้พูด - ขยายเสียงของนักแสดงเพื่อให้ได้ยินในแถวหลัง ชาวกรีก - ประดิษฐ์โรงละคร

เทพธิดาทั้งสามคนใด (Athena, Aphrodite, Hera) ที่ปารีสให้แอปเปิ้ลที่มีคำจารึกว่า "สวยที่สุด"? ราชาแห่งทวยเทพชื่ออะไร เจ้าแห่งฟ้าร้องและฟ้าผ่า สัญลักษณ์ของเขาคืออะไร? พี่น้องของ Zeus คืออะไร? พวกเขาแบ่งปันการปกครองอย่างไร? Hera พยายามฆ่า Hercules ตั้งแต่ยังเป็นเด็กอย่างไร? ประติมากรที่อโฟรไดท์ช่วยทำให้รูปปั้นมีชีวิตชื่ออะไร สิ่งที่พระเจ้าสอดคล้องกับคุณลักษณะที่นำเสนอ การแข่งขัน - เทพเจ้าและวีรบุรุษแห่งตำนาน Aphrodite Zeus; งูในเปลของ Hades - อาณาจักรแห่งความตาย; โพไซดอน - เจ้าแห่งท้องทะเล Pygmalion Ares - เทพเจ้าแห่งสงครามทรยศ

หนึ่งในวีรบุรุษชาวกรีกผู้กล้าหาญที่ปิดล้อมเมืองทรอย ถูกลูกศรจากปารีสสังหารที่ส้นเท้าของเขา การแข่งขัน - เทพเจ้าและวีรบุรุษแห่งตำนาน Achilles ราชาแห่ง Ithaca; มีชื่อเสียงในด้านสติปัญญา ไหวพริบ ไหวพริบ และความกล้าหาญ บทกวีของฮีโร่ของโฮเมอร์ "อีเลียด" Odysseus ฮีโร่ที่ฆ่า Medusa Gorgon Perseus ฮีโร่กรีกโบราณ ตามคำสั่งของบิดาซึ่งคาดว่าจะตายด้วยน้ำมือของลูกชาย เขาจึงถูกโยนทิ้งในหุบเขาเหมือนทารก มีคนเลี้ยงแกะช่วยเขาโดยไม่สงสัยเลยว่าเขาฆ่าพ่อของเขาและแต่งงานกับแม่ของเขา เมื่อรู้ว่าคำทำนายของออราเคิลเป็นจริง เขาก็ทำให้ตัวเองตาบอด Oedipus

การแข่งขัน - เทพเจ้าและวีรบุรุษในตำนาน ผู้นำของ Argonauts ผู้ซึ่งไปหาขนแกะทองคำซึ่งฮีโร่ได้รับจากความช่วยเหลือของแม่มด Medea เจสัน (เจสัน) วีรบุรุษผู้ไม่สะทกสะท้านต่อหน้ามิโนทอร์ (ครึ่งวัวผู้น่ากลัว ครึ่งคน) และปลดปล่อยเชลยเธเซอุส (เธซีอุส) ให้เป็นอิสระ

1. สิงโตเนเมียน 2. Lernean ไฮดรา; 3. นก Stymphalian; 4. คอกม้า Augean; 5. กวางที่รกร้าง Kerinean; 6. หมูป่า Erymanthian; 7. วัวครีตัน; 8. ม้าของ Diomedes; 9. เข็มขัดของฮิปโปลิตา; 10. วัว Geryon; 11. เซอร์เบอรัส; 12. Apples of the Hesperides Competition - 12 แรงงานของ Hercules

Hercules ทำอะไรได้บ้างในขณะที่ยังอยู่ในเปล? อะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับนก Stimphalia? Hercules จัดการทำความสะอาดคอกม้า Augean ได้อย่างไรในหนึ่งวัน? กวาง Kerinean มีลักษณะอย่างไรและเป็นของใคร แอปเปิ้ลของ Hesperides มีคุณสมบัติพิเศษอะไรบ้าง? การแข่งขัน - ตำนานเกี่ยวกับเฮอร์คิวลีส เขาทำลายงูที่ส่งโดยฮีโร่ ขนของพวกเขาเป็นลูกศรสีบรอนซ์ กรงเล็บและจะงอยปากเป็นทองแดง เขาเปลี่ยนช่องทางแม่น้ำและกำกับน้ำของพวกเขาผ่านคอกม้า เธอมีเขาสีทองและกีบทองแดง เป็นของอาร์เทมิส พวกเขาให้เยาวชนนิรันดร์

ชาวกรีก - ช่างต่อเรือ

• พวกเขาคิดค้นเรือเร็ว 70 พายที่เรียกว่า ทดสอบ,ที่ซึ่งนักพายเรือนั่งสามแถวทั้งสองข้างของเรือ และติดไว้ที่หัวเรือ แกะ- ท่อนซุงที่แหลมคมซึ่งเจาะเรือศัตรู ชาวกรีกเชื่อว่าเรือของพวกเขายังมีชีวิตอยู่ และจับตาที่หัวเรือเพื่อที่เขาจะได้มองเห็นได้ไกล

พาร์เธนอน

ชาวกรีกโบราณสร้างอาคารที่สวยงาม - วัดสำหรับเทพเจ้าของพวกเขา วัดสวยมาก พาร์เธนอนในเอเธนส์บนอะโครโพลิสสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เทพธิดาอธีนา ผนังและเสาทำด้วยหินสกัด ความสง่างามของวัดเสริมด้วยรูปปั้นและแผงที่แกะสลักจากหินอ่อน ตรงกลางวัดมีรูปปั้นเทพธิดาสูง 12 เมตร หุ้มด้วยงาช้างและทองคำ ซึ่งเป็นผลงานการสร้างของประติมากรผู้ยิ่งใหญ่ชื่อ Phidias

• ชาวกรีกตกแต่งโถด้วยฉากจากชีวิตประจำวัน จากตำนานและตำนาน ด้วยเหตุนี้ เราจึงรู้ว่าชาวกรีกโบราณมีหน้าตาเป็นอย่างไร พวกเขาสวมชุดอะไร พวกเขาดำเนินชีวิตแบบไหน

• โรงละครกรีกมีลักษณะคล้ายคณะละครสัตว์หรือสนามกีฬาสมัยใหม่ ผ่าครึ่งเท่านั้น นักแสดงนั่งบนเวทีและผู้ชมนั่งบนม้านั่งหินบนเนินเขา โรงละครรองรับผู้ชมได้ 18,000 คน ในโรงละครกรีก บทบาททั้งหมดเล่นโดยผู้ชาย

หน้ากาก

• เพื่อให้คนนั่งดูอยู่ห่างๆ ได้เห็นทุกอย่าง นักแสดงจึงแต่งสี หน้ากากถ่ายทอดลักษณะและอารมณ์โดยเน้นอายุและเพศของตัวละคร

• หน้ากากมีปากอ้าขนาดใหญ่ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้พูด - ขยายเสียงของนักแสดงเพื่อให้ได้ยินในแถวหลัง

คนหลงตัวเอง -

• คนหลงตัวเอง -

ซึ่งในสามเทพธิดา ( Athena, Aphrodite, ที่นี่

• ซึ่งในสามเทพธิดา ( Athena, Aphrodite, ที่นี่) ปารีสมอบแอปเปิ้ลชื่อ "สวยที่สุด" ให้?

• ราชาแห่งทวยเทพชื่ออะไร เจ้าแห่งฟ้าร้องและฟ้าผ่า สัญลักษณ์ของเขาคืออะไร?

• พี่น้องของ Zeus คืออะไร? พวกเขาแบ่งปันการปกครองอย่างไร?

• Hera พยายามฆ่า Hercules ตั้งแต่ยังเป็นเด็กอย่างไร?

• ประติมากรที่อโฟรไดท์ช่วยทำให้รูปปั้นมีชีวิตชื่ออะไร

• เทพเจ้าองค์ใดตรงกับคุณลักษณะที่นำเสนอ

• หนึ่งในวีรบุรุษชาวกรีกผู้กล้าหาญที่ปิดล้อมเมืองทรอย ถูกลูกศรจากปารีสสังหารที่ส้นเท้าของเขา

สิงโตเนเมียน;

• สิงโตเนเมียน;

• เลอเนียนไฮดรา;

• นก Stymphalian;

• คอกม้า Augean;

• กวางที่รกร้าง Kerinean;

• หมูป่า Erymanthian;

• วัวครีตัน;

• ม้าของ Diomedes;

• เข็มขัดของฮิปโปลิตา;

• วัวของ Geryon;

• เซอร์เบอรัส;

• แอปเปิลแห่งเฮสเพอริดส์

• Hercules ทำอะไรได้บ้างในขณะที่ยังอยู่ในเปล?

• มีอะไรพิเศษ stimfali นก?

• Hercules จัดการทำความสะอาดคอกม้า Augean ได้อย่างไรในหนึ่งวัน?

• ดูยังไง กวางเคอริเนียนและมันเป็นของใคร?

• ได้ทรัพย์สินพิเศษอะไร แอปเปิลแห่งเฮสเพอริดส์?

คอกม้า Augean

• คอกม้า Augean - ที่สกปรกมาก ห้องถูกทอดทิ้ง

ประวัติศาสตร์การต่อเรือโบราณมีรากฐานมาจากอดีตอันไกลโพ้น พื้นฐานของการขนส่งมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเรามีเพียงความคิดที่คลุมเครือเท่านั้น วิธีแรกในการขนส่งทางน้ำน่าจะเป็นแพ ผูกด้วยรวงหรือจากลำต้นของต้นไม้ ขับเคลื่อนด้วยเสา มันมาพร้อมกับเหล็กเส้นหยาบที่ทำหน้าที่เป็นหางเสือ และกระท่อมหลังเล็กๆ ที่มีลักษณะดั้งเดิมที่สุด

ขั้นตอนต่อไปในการพัฒนาการต่อเรือคือกระสวย - ลำต้นของต้นไม้ที่เป็นโพรงซึ่งเคลื่อนไหวด้วยพายหรือใบเรือธรรมดา สิ่งเหล่านี้เป็นภาชนะอยู่แล้วสำหรับการผลิตซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่มีชื่อเสียง จากนั้นเรือก็ปรากฏตัวขึ้นโดยใช้ค้อนทุบจากแผ่นแยกและติดตั้งพายและใบเรือเรือดังกล่าวสามารถปรากฏได้เฉพาะกับการพัฒนาที่สำคัญของงานฝีมือต่างๆและความสามารถในการทำงานโลหะ

แรงผลักดันสำหรับความพยายามในการเดินเรือครั้งแรกอาจเกิดจากการตกปลา ซึ่งตามมาด้วยการแลกเปลี่ยนสินค้า นั่นคือ การค้าทางทะเล ควบคู่ไปกับสิ่งนี้ การละเมิดลิขสิทธิ์ได้พัฒนาขึ้นในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไม่เคยเป็นของใครมาก่อน ตามแนวคิดในสมัยก่อน คนแปลกหน้าทุกคนถือเป็นศัตรูที่สามารถถูกฆ่าหรือตกเป็นทาสโดยไม่ต้องรับโทษ ดังนั้น การปล้นทางทะเลจึงไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาหรือน่าละอาย และดำเนินการอย่างเปิดเผยโดยสมบูรณ์ คนเดินเรือทั้งหมดได้ปล้นสะดมในทะเล ล่าสัตว์ และค้าขายทาส

วิธีการจัดส่งเป็นวิธีดั้งเดิมที่สุดเนื่องจากไม่มีแผนที่ ทิศทาง ประภาคาร ป้าย เข็มทิศ และอุปกรณ์ประเภทนี้ เครื่องมือเดินเรือชนิดเดียวที่คนสมัยก่อนมีคือล็อต กะลาสีกำหนดตำแหน่งของพวกเขาโดยชายฝั่งที่คุ้นเคยหรือโดยการคำนวณระยะทางโดยประมาณที่เดินทางและในเวลากลางคืนในทะเลหลวง - โดยดวงดาว โครงเรื่องของหลักสูตรก็ไม่ชัดเจนเช่นกัน เมื่อกำหนดทิศทางและกำหนดทิศทางของลม เบื้องต้นได้แบ่งจุดสี่จุด ได้แก่ ตะวันออก ตะวันตก เหนือและใต้ เมื่อถึงเวลาของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งแรก (776 ปีก่อนคริสตกาล) รัมบัสสี่ตัวถูกเพิ่มไปยังทิศทางเหล่านี้ซึ่งสอดคล้องกับจุดพระอาทิตย์ขึ้นและตกในวันครีษมายัน การแบ่งเส้นขอบฟ้าออกเป็นแปดส่วนนี้ยังคงมีอยู่จนถึง 400 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อมีการเพิ่ม rumba อีกสี่ครั้ง 30 °ทั้งสองด้านของทิศเหนือและทิศใต้ นั่นคือขอบฟ้าถูกแบ่งออกเป็นสิบสองส่วนเท่า ๆ กัน 30 °แต่ละส่วน

การขนส่งทางเรือในสมัยโบราณถือเป็นชายฝั่ง กล่าวคือ ชายฝั่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวกรีกได้รับคำแนะนำจากชายฝั่งที่ใกล้ชิด เนื่องจากการเดินทางทางทะเลที่ยาวนานในทะเลหลวงนั้นอันตรายมาก และมีเพียงไม่กี่คนบ้าระห่ำเท่านั้นที่ร่วมเดินทางไกล สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนโดย "รอบนอก" โบราณ คำว่า "periply" ย้อนกลับไปที่คำภาษากรีกโบราณ περίπλους - ว่ายน้ำใกล้ชายฝั่ง คำอธิบายของชายฝั่ง การเดินทางดังกล่าวเกิดจากความไม่มั่นคงของเรือในทะเลที่มีพายุ ความต้องการที่พักพิงอย่างรวดเร็วในอ่าวบางแห่งใกล้ชายฝั่งในกรณีที่สภาพอากาศเลวร้ายอย่างกะทันหันหรือความจำเป็นในการเติมอาหารและแหล่งน้ำจืด [Lazarov 1978, p. 49]

ในสมัยโบราณ ส่วนใหญ่มีเรือสองประเภท - ทหารซึ่งมีสัดส่วนที่ยาวขึ้น, เสาที่ถอดออกได้, พายเรือเป็นพาหนะหลักที่ชาวกรีกเรียกว่า "ยาว" และพ่อค้า - สั้นและกว้างขึ้นโดยส่วนใหญ่เคลื่อนที่ด้วย ความช่วยเหลือของใบเรือ - "กลม" โดยพื้นฐานแล้ว ฉายา "ยาว" และ "กลม" ถูกใช้เพื่อแยกแยะเรือรบที่ยาวออกจากเรือสินค้า นอกจากเรือขนาดใหญ่แล้ว ชาวกรีกยังสร้างเรือขนาดเล็กหลายลำที่ใช้สำหรับการตกปลา สำหรับการเดินทางระยะสั้นจากเกาะหนึ่งไปยังอีกเกาะหนึ่ง สำหรับการโจมตีของโจรสลัด ฯลฯ

เรือพายประเภทที่เล็กที่สุดคือเรือเบา มีเรือเร็วขนาดเล็กที่โจรสลัดใช้ สันนิษฐานได้ว่าบนเรือขนาดเล็กประเภทนี้มีฝีพายห้าคนในแต่ละด้านนั่นคือทั้งหมดสิบ ในแหล่งที่มามีการอ้างอิงถึง epactrides (คำว่า ἐπακτρίς มาจากกริยา έπάγειν - เพื่อหาทางหนีจากบางสิ่งบางอย่าง) เห็นได้ชัดว่าเรือลำนี้ถูกนำขึ้นเรือลำที่ใหญ่กว่า สิ่งนี้ถูกกล่าวถึงโดย Aristophanes ในภาพยนตร์ตลกเรื่อง "The Horsemen":

จับตะขอ ตะขอ และปลาโลมา และ
เรือกู้ภัยบนเชือก

(อริสโตเฟน พลม้า. 762-763. ต่อ A. I. Piotrovsky)

ไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับโครงสร้างและขนาดของเรือเดินสมุทรในยุคโบราณ ข้อมูลที่รอดตายมีความเกี่ยวข้องกับศาลทหารมากกว่า เนื่องจากเหตุการณ์ทางทหารซึ่งมีบทบาทสำคัญในชีวิตของกรีกโปเลส์ - นครรัฐ ดึงดูดความสนใจของนักเขียนและช่างฝีมือชาวกรีกมาโดยตลอด เรือที่ไม่มีแกะผู้แพร่หลายในสมัยโบราณ ช่วงเวลานี้มีลักษณะเฉพาะโดยการเพิ่มขึ้นของชีวิตทางวัตถุและวัฒนธรรมของโลกกรีก การพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้าอย่างกว้างขวางนำไปสู่การสร้างเรือสินค้าพิเศษ ในศตวรรษที่ VII-VI ปีก่อนคริสตกาล เรือที่รวมคุณสมบัติที่มีประโยชน์ของเรือทหารและเรือสินค้าเข้าด้วยกัน พวกเขานั่งลึก สับจมูก คล่องแคล่ว ว่องไว และสามารถบรรทุกของได้มาก [Peters 1986, pp. 11-12]

เรือสินค้าหลายลำมีความแตกต่างกันในด้านภูมิศาสตร์เป็นหลัก กล่าวคือ ขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่พวกเขาสร้างขึ้น เป็นปัจจัยที่กำหนดคุณลักษณะการออกแบบของตัวเรือ ประเภทของอุปกรณ์พายเรือใบ และวัสดุที่ใช้ทำเรือ ขนาดของเรือถูกกำหนดโดยงานที่กำหนดโดยผู้นำทาง: ระยะทางของเส้นทาง, ระยะทางจากชายฝั่ง, ปริมาณการจราจร และลักษณะของสินค้า ดังนั้น ตามภูมิศาสตร์แล้ว เราสามารถแบ่งเรือโบราณออกเป็นฟินีเซียน คาเรียน ซามอส โฟเซียน เป็นต้น แต่ไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงใดสำหรับเรือเดินทะเลสำหรับพ่อค้า พวกมันก็ยังเล็กอยู่ โดยมีเสากระโดงเดี่ยวและใบเรือสี่เหลี่ยมที่ทำจากหนังเย็บเข้าด้วยกัน เรือเหล่านี้เคลื่อนตัวไปตามชายฝั่ง บางครั้งก็ออกทะเล และไม่สามารถต้านทานพายุได้มากนัก

ภายใน 500 ปีก่อนคริสตกาล มีเรือเดินทะเลจำนวนมากพอที่จะปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการค้าได้ เรือบรรทุกสินค้าส่วนใหญ่เป็นแบบชั้นเดียวและมีกำลังการผลิตเฉลี่ยสูงสุด 80 ตัน อัตราส่วนความยาวต่อความกว้างของตัวถังคือ 5: 3 ส่วนท้ายเรือที่กว้างและสูงทำให้เรือมีการหมุนเพิ่มเติม ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดได้ด้วยลมพัด ส่วนใหญ่แล้ว เรือลำนี้ติดตั้งพายบังคับเลี้ยวสองอันที่ด้านข้าง ซึ่งติดสายรัดหนังไว้กับคานที่วิ่งข้ามตัวถัง การปรากฏตัวของสองหางเสือทำให้เรือมีความมั่นคงบนเส้นทางและเพิ่มความคล่องแคล่ว เรือค้าขายเป็นส่วนใหญ่ และใหญ่ที่สุดขึ้นอยู่กับลมเท่านั้น เรือที่ไม่มีกระดูกงูและลมแรงลมต่ำไม่สามารถแล่นได้สูงชันต้านลม ลมอ่าวพัดปลิวไปอย่างมาก (ลมพัดตั้งฉากกับด้านข้างอย่างเคร่งครัด) แม้ว่ากะลาสีในสมัยโบราณจะพยายามใช้พายต่อสู้ดริฟท์ สิ่งนี้อธิบายความจริงที่ว่าบ่อยครั้งที่เรือลื่นไถลไปในทิศทางอื่น การไร้หนทางเช่นนี้ในสภาพอากาศเลวร้ายจำกัดเวลาในการเดินเรือในเดือนฤดูร้อน นั่นคือ ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศดี

การก่อสร้างเรือรบมีการพัฒนาที่สำคัญกว่าเรือพาณิชย์ ในช่วงครึ่งแรกของสหัสวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล ประเภทเรือที่พบมากที่สุดคือเพนเทคอนเทรา ซึ่งเป็นเรือพาย 50 ลำ ซึ่งตั้งชื่อตามจำนวนฝีพาย โดยแต่ละฝั่งมี 25 ลำ เรือลำนี้ใช้สำหรับการละเมิดลิขสิทธิ์และการโจมตีชายฝั่งเป็นหลัก และยังเหมาะสำหรับการเดินทางไกลในน่านน้ำที่ไม่รู้จัก ซึ่งลูกเรือแข็งแรงพอที่จะปกป้องเรือลำนี้จากภัยคุกคามในท้องถิ่น เพนเทคอนเตอร์ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงก่อนยุทธการซาลามิสเมื่อ 480 ปีก่อนคริสตกาล และสำหรับหลาย ๆ นโยบายยังคงเป็นเรือรบประเภทหลัก ในศตวรรษที่ 5 ปีก่อนคริสตกาล เรือเหล่านี้หายากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีเรือที่ก้าวหน้ากว่า "ชาวเมือง Phocaea เป็นชาวกรีกกลุ่มแรก ๆ ที่ลงมือเดินทางในทะเลอันยาวนาน พวกเขาไม่ได้แล่นบนเรือการค้า "รอบ" แต่บนเรือ 50 ลำ "(Herodotus. I. 163, 166. Transl. G. A. Stratanovsky) สิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการติดเครื่องกระทุ้งทองสัมฤทธิ์ติดกับจมูกของเพนเทคอนเทรา Herodotus กล่าวถึงแกะตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับความพ่ายแพ้ของ Phocians ที่ Battle of Alalia (Corsica) ใน 535 ปีก่อนคริสตกาล การใช้แรมต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของโครงสร้างหลักของเรือและความเร็วที่เรือกำลังเคลื่อนที่ ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนแรกที่ประดิษฐ์แกะผู้ - ชาวกรีกหรือชาวฟินีเซียน นักวิชาการหลายคนเชื่อว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้วาดภาพภาชนะบนแจกันทรงเรขาคณิตของศตวรรษที่ 8 BC ทำหน้าที่ปกป้องคันธนูเมื่อดึงขึ้นฝั่ง และไม่จมเรือศัตรู ตามความเห็นของพวกเขา แกะตัวจริงปรากฏขึ้นไม่เร็วกว่าครึ่งแรกของศตวรรษที่ 7 ปีก่อนคริสตกาล การใช้เครื่องทุบตีบังคับให้สร้างเรือด้วยธนูที่ใหญ่และทนทานกว่า

เทคนิคการต่อเรือในสมัยนั้นทำให้ชาวกรีกสามารถสร้างเรือที่มีความยาวไม่เกิน 35 ม. และกว้าง 8 ม. การสร้างเรือไม้ให้ยาวขึ้นเป็นอันตรายเนื่องจากส่วนตรงกลางไม่สามารถทนต่อแรงกดด้านข้างได้เนื่องจากไม่แข็งแรงเท่าคันธนูและท้ายเรือซึ่งทนต่อคลื่นได้ดีกว่าจึงมีความหยาบเล็กน้อย ของทะเลเรือสามารถแบ่งครึ่ง ชาวฟินีเซียนพบวิธีแก้ปัญหานี้ และพวกเขาก็เริ่มสร้างเรือด้วยแกะผู้และไม้พายสองแถว เพื่อเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ในขณะที่รักษาความแข็งแกร่งของเรือไว้ บนเรือประเภทนี้ ฝีพายถูกวางในสองแถว แถวหนึ่งอยู่เหนืออีกแถวหนึ่ง เพื่อควบคุมพาย จากนั้นเรือประเภทใหม่นี้ก็แพร่กระจายไปยังกรีซ ดังนั้นเรือที่เร็วและคล่องแคล่วกว่าจึงปรากฏขึ้น ในเวลาต่อมาไม่นาน ชาวกรีกก็ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในการสร้างไตรรีม คำว่า "diera" ในภาษากรีกไม่มีอยู่ในแหล่งวรรณกรรมจนถึงสมัยโรมัน การแปลหมายถึง "สองแถว" การพัฒนาเรือที่มีไม้พายสองแถวถูกสร้างขึ้นใหม่จากภาพที่มีอายุระหว่าง 700 ถึง 480 ปีก่อนคริสตกาล เป็นไปได้ว่าก่อนที่เรือหลายแถวจะปรากฎในยุคขนมผสมน้ำยา เรือจะมีชื่อตามจำนวนแถวของพาย ไม่ใช่ตามจำนวนฝีพาย

กวีโฮเมอร์เล่าถึงเหตุการณ์เมื่อ 500 ปีก่อน คำอธิบายเกี่ยวกับเรือรบของเขาสอดคล้องกับช่วงเวลานั้นเป็นหลัก แม้ว่ารายละเอียดบางอย่างอาจหมายถึงยุคก่อนๆ เช่นกัน เขาไม่เคยพูดถึงแกะตัวผู้ ซึ่งเป็นรายละเอียดเฉพาะของเรือรบในศตวรรษที่ 8 อย่างไรก็ตาม BC ในงานของเขามีการอ้างอิงถึงเพนเทคอนเทรา:

หัวหน้าเผ่าฟิลอคเตส นักธนูที่เก่งกาจ
ดำเนินการบนเรือเจ็ดลำ คนละห้าสิบที่นั่ง
นักพายเรือและลูกธนูที่เก่งกาจต่อสู้อย่างดุเดือด ...

(โฮเมอร์. อีเลียด II. 718-720. แปล N. I. Gnedich)

เรือยาวของโฮเมอร์ไม่มีดาดฟ้า โดยมีโครงสร้างเสริมบนดาดฟ้าขนาดเล็กที่ท้ายเรือซึ่งกัปตันตั้งอยู่เท่านั้น และที่หัวเรือซึ่งมีดาดฟ้าสังเกตการณ์ นักพายเรือนั่งบนม้านั่ง พวกเขาไม่มีที่ให้นอนบนเรือ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามจะจอดเรือในตอนกลางคืนและดึงเรือขึ้นฝั่ง ตัวเรือแคบมาก ต่ำและเบา มันถูกปกคลุมด้วยเรซิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่เรือของ Homeric ทั้งหมดเป็น "สีดำ":

ในค่ายที่สนามสีดำ
Achilles ที่รวดเร็วกำลังเอนกาย ...

(โฮเมอร์. อีเลียด. II. 688. Transl. N. I. Gnedich)

คำอธิบายที่คล้ายกันพบได้ในกวีโบราณที่ติดตามผู้สร้างอีเลียดในการใช้ฉายา Archilochus และ Solon พูดถึงเรือว่า "เร็ว" ในขณะที่ Alcaeus ใช้คำจำกัดความของ Homeric ในข้อความที่ตัดตอนมาจากเพลงสวดของ Dioscuri:

คุณหมุนอยู่บนจงอยปากอันแข็งแกร่งของเรือ
เลื่อนไปตามรอกขึ้นไปบนเสากระโดง
ในคืนอันเลวร้าย จงฉายแสงที่ปรารถนา
สู่เรือดำ ...

(Alkey. 9-12. Transl. M. L. Gasparov)

ไม้พายได้รับการแก้ไขใน oarlocks เปิดหมุดและยึดไว้กับที่ด้วยสายหนัง เอสคิลุสพูดถึงสิ่งนี้:

มีการเฉลิมฉลองอาหารค่ำ -
คนพายปรับไม้พายให้เป็นไม้พาย

(Aeschylus. Persians. 372-773. Trans. Viach. V. Ivanov)

โฮเมอร์กล่าวถึงพายพวงมาลัยหนึ่งอัน - เห็นได้ชัดว่าเป็นคุณลักษณะเฉพาะของยุค Mycenaean แม้ว่ารูปลักษณ์สมัยใหม่มักจะแสดงพายพวงมาลัยสองอัน กวีโบราณให้การอ้างอิงถึงพายค่อนข้างมาก ตัวอย่างเช่น เราสามารถอ้างถึงข้อความที่ตัดตอนมาจากผลงานชิ้นหนึ่งของ Alcaeus:

เราเลยลังเลที่จะออกทะเล
ราวกับว่าจำศีลในฤดูหนาว?
ค่อนข้างลุกขึ้นพายในมือ
ด้วยแรงกดบนเสาเราจะนอน
แล้วดันออกไปในทะเลเปิด
เมื่อแล่นเรือแล้วยืดเส้นด้าย -
และหัวใจจะสนุกสนานมากขึ้น:
แทนที่จะดื่มเหล้า จับมือกันทำธุรกิจ ...

(Alkey. 5-12. Transl. M. L. Gasparov)

โครงสร้างหลักของเรือโบราณคือคานและโครงกระดูกงู กระดูกงูมีส่วนตามยาวที่ติดขอบของผิวหนังชั้นนอก ขนาดของส่วนคานกระดูกงู เช่นเดียวกับเฟรม จะแตกต่างกันไปตามขนาดของเรือ โครงมักจะตั้งอยู่อย่างแน่นหนา - ที่ระยะ 10-20 ซม. บางครั้งก็สูงถึง 50 ซม. ฝักประกอบด้วยแผ่นหนาและมักจะเป็นสองเท่า แต่ละส่วนเชื่อมต่อกับแผ่นทองแดงและตะปู ซึ่งไม่ไวต่อการกัดกร่อน นอกจากตะปูสีบรอนซ์แล้ว ตะปูไม้ ออนเลย์ เดือย และแถบยังใช้กันอย่างแพร่หลายในการยึด สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือการปิดผนึกรอยแตก (กาว) ซึ่งทำให้ไม่รวมการซึมของน้ำ ไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับโครงสร้างเสริมของเรือโบราณ เห็นได้ชัดว่าดาดฟ้ามีห้องคนขับ กัปตัน และลูกเรือ อาร์ชิโลคัสได้ให้คำให้การที่น่าสนใจแก่หนึ่งในผู้สง่างามของเขา ซึ่งเขากล่าวถึงพื้นที่เก็บไวน์ไว้:

ด้วยชามในมือคุณเดินบนพื้นเรือเร็ว
ดึงฝาออกจากถังที่ดังสนั่นด้วยมืออันรวดเร็ว
ตักไวน์แดงให้เป็นตะกอนข้น! ..

(Archiloch. Elegies. 5. 5-8. Trans. V. V. Veresaev)

เสา เสากระโดง และใบเรือสามารถจินตนาการได้จากภาพเรือต่างๆ ของกรีกโบราณ และ Alcaus ยังให้คำอธิบายโดยละเอียดแก่เราในส่วนของเพลงสวดบทหนึ่งของเขา:

เราหลงทางในการชนกันของกำแพงทะเล!
จากนั้นทางขวาเพลากลิ้งจะแตกออกด้านข้าง
ทางด้านซ้ายและระหว่างสิ่งนี้กับสิ่งนั้น
เรือดำของเรากำลังเร่งรีบ -
และเรากำลังทุกข์ทรมานภายใต้พายุ
น้ำกระเซ็นใต้เสากระโดง
เรือถูกฉีกและผ้าขี้ริ้ว
พวกเขาแขวนเป็นกระจุกขนาดใหญ่จากลาน
เชือกจะแตก...

(Alkey. 9.1-9. Transl. M. L. Gasparov)

อย่างไรก็ตาม จากภาพวาดที่ยังหลงเหลืออยู่ เป็นการยากที่จะตรวจจับความแตกต่างที่มีนัยสำคัญระหว่างอุปกรณ์เดินเรือของทหารและเรือเดินทะเล ภาพแสดงให้เห็นว่าเรือมีเสาเดี่ยว เสาที่ถอดออกได้นั้นเกือบจะอยู่ตรงกลางของเรือ แต่ใกล้กับหัวเรือมากกว่า และมีความสูงไม่เกินความยาวของเรือ ที่ด้านบนสุดของเสากระโดง มีการวางบล็อกสำหรับยกลานหนัก นอกจากนี้ยังมีบางสิ่งที่คล้ายกับแพลตฟอร์มดาวอังคารขนาดเล็กที่ผ่านด่าน ไซต์ที่คล้ายกันถูกใช้เป็นที่สังเกต เสาถูกมัดด้วยเชือกที่หัวเรือและท้ายเรือ รางตามขวางเสริมบนเสาด้วยความช่วยเหลือของอุปกรณ์เพิ่มเติม (halyard) มันถูกยกขึ้นไปที่ด้านบนสุดของเสาซึ่งได้รับการแก้ไขด้วย beyfuts เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งที่แน่นอนเรือยอชท์ถูกติดตั้งบนขาด้วยเชือก (โรยหน้า) ส่งผ่านจากมันไปยังยอดเสาซึ่งผ่านบล็อกสำหรับยกน้ำหนักลงมาตามเสา อย่างไรก็ตาม topenants ถือ rey ไว้เฉพาะในตำแหน่งที่แน่นอนและไม่อนุญาตให้ยกหรือลดปลายของมันในระนาบแนวตั้ง ตำแหน่งแนวตั้งของ yay ได้รับการแก้ไขด้วยเครื่องมือจัดฟัน ใบเรือของเรือกรีกโบราณมีรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดขึ้นอยู่กับขนาดของเรือและความสูงของเสากระโดง พวกเขาถูกเย็บจากชิ้นส่วนแยกในแนวนอน ในส่วนล่างของใบเรือ มีรอยตัดที่โค้งมนซึ่งนายหางเสือเรือสามารถมองไปในทิศทางของหัวเรือและมองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าได้ เมื่อยกใบเรือใช้ผ้าปูที่นอนทำความสะอาดด้วยความช่วยเหลือของคอมไพล์ เรือใบซึ่งมักจะเป็นสีขาวสามารถทาสีได้หลายสี รวมทั้งสีดำ เช่น ชาวฟินีเซียน [Nazarov 1978, pp. 50-51]

1. ส่วนจมูก
2. ต้นกำเนิด
3. โบว์ superstructure
4. แกะ
5. สมอ (รูปภาพมีเงื่อนไข ระหว่างการเดินเรือ สมอจะถูกเลือก)
6. ส่วนท้าย
7. Akhtersteven
8. ส่วนบน ส่วนโค้งเข้าด้านในของเสาท้ายเรือ
9. ท้ายเรือ
10. พวงมาลัยพาวเวอร์
11. กรอบ
12. ส่วนด้านข้าง
13. ล่าง
14. ท่าพาย
15. พายพาย
16. Oarlocks
17. เสา
18. ฐานเสา - สเปอร์ส
19. เสาด้านบน - ด้านบน
20. เชือกด้านข้างสำหรับยึดเสา
21. แล่นเรือ
22. Topenants

ที่เพนเทคอนเตอร์ ฝีพายจะนั่งบนม้านั่งไม้ (ฝั่ง) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแท่นแนวตั้ง (เสา) คานตามยาวหนึ่งอันหรือมากกว่านั้นเคลื่อนผ่านด้านข้าง หมุดแนวตั้งที่ติดพายนั้นตั้งอยู่ระหว่างด้านข้างและคานในระยะทางที่เท่ากัน ในคันธนูมีก้านซึ่งในส่วนใต้น้ำกลายเป็นแกะผู้ แกะผู้ทุบทำด้วยไม้และหุ้มด้วยฝักทองแดงด้านบน แม้ว่า Penteconters สามารถเข้าร่วมการต่อสู้แบบพุ่งชนและขึ้นเครื่องได้ แต่การชนก็เป็นแกนนำของยุทธวิธีเชิงรุกในการรบทางเรือในช่วงเวลานี้

เรือถูกบังคับโดยหางเสือขนาดใหญ่สองหัว เสากระโดงบนเพนเทคอนเทราสามารถถอดออกได้และในสภาพอากาศเลวร้าย ในระหว่างการสู้รบหรือระหว่างการจอดรถ เสาเหล่านี้ถูกถอดออกและวางไว้ด้านข้าง [Peters 1968, p. 10] ในลักษณะที่ปรากฏ pentekontera เป็นเรือที่ยาวและค่อนข้างแคบในโค้งซึ่งเป็นแกะผู้ทุบตีซึ่งทำเป็นรูปหัวสัตว์ยื่นออกมาข้างหน้า เหนือแกะตัวผู้ ด้านหลังก้าน มีแท่นขนาดเล็กสำหรับนักรบตั้งตระหง่าน ท้ายเรือสูง โค้งมนเรียบ และบางครั้งทำปลายให้เป็นรูปหางโลมา พายพวงมาลัยติดอยู่ที่ท้ายเรือและบันไดถูกผูกไว้ เรือดังกล่าวสามารถเดินทางไกลได้แล้ว เพนเทคอนเทรามีรูปแบบที่สง่างามสมบูรณ์ และไม่เพียงแต่เป็นภาชนะที่สมบูรณ์แบบทางเทคนิคสำหรับยุคนั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นผลงานศิลปะการก่อสร้างในสมัยโบราณอย่างแท้จริง

บทกวีเหน็บแนมของ Hipponactus ซึ่งมักจะลงวันที่ 540 ปีก่อนคริสตกาลถือเป็นหลักฐานทางวรรณกรรมครั้งแรกของการปรากฏตัวของตรีศูล อี ผู้เขียนใช้คำว่า "multi-bench" ฉายา ซึ่งนักวิจัยส่วนใหญ่ยอมรับว่าเป็นการอ้างถึง trire:

ศิลปิน! คุณกำลังคิดอะไรอยู่ เจ้าเล่ห์ เก็บ?
คุณทาสีด้านข้างของเรือ อะไร
ที่เราเห็น? งูคลานไปทางท้ายเรือจากธนู
คุณจะมีเสน่ห์นักว่ายน้ำ, หมอผี, ความเศร้าโศก,
คุณทำเครื่องหมายเรือด้วยแบนเนอร์สาปแช่ง!
ลำบากเพราะนายหางเสือเรือบาดเจ็บที่ส้นเท้าเพราะงู!

(Hipponactus. 6.1-6. Trans. V. Ivanov)

ภายในกลางศตวรรษที่หก ปีก่อนคริสตกาล triremes กลายเป็นเรื่องธรรมดาและเป็นที่รู้จักกันดี การกล่าวถึงเรือประเภทนี้ในวรรณคดีเป็นตัวบ่งชี้ว่าบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับทะเลและการต่อเรือรู้จักเรือลำนี้ค่อนข้างดี จนถึงขณะนี้ มีการถกเถียงกันในชุมชนวิทยาศาสตร์ว่าสามารถเปลี่ยนเพ็นเทคอนเตอร์เป็นทรีรีมโดยตรงโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงการออกแบบที่สำคัญ หรือว่าเป็นความก้าวหน้าทางเทคนิคบางอย่างหรือไม่ อย่าลืมว่ามีเรือไดเออร์ (เรือสองแถว) ซึ่งช่วยแก้ปัญหาการเพิ่มลูกเรือเป็นสองเท่า Diera เป็นตัวเชื่อมเปลี่ยนจากเรือที่มีพายหนึ่งแถว - เพนท์คอนเตอร์ไปยังเรือลำหลัง - ทรีรีมที่มีพายสามแถว

การเปลี่ยนแปลงจาก diere เป็น trirere ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มแถวของพายอีกแถวหนึ่งทำให้ลำตัวยาวขึ้นและเพิ่มจำนวนคนพายเรือเป็น 170 คน แต่เป็นการตัดสินใจทางเทคนิคที่ซับซ้อนไม่ใช่เพื่ออะไรที่ทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ไม่ทราบแน่ชัดว่าพายอยู่บนเรือสามแถวอย่างไร อันที่จริงการประดิษฐ์ของเรือดังกล่าวซึ่งลูกเรือรวมถึงฝีพาย, เจ้าหน้าที่, กะลาสี, ทหารในจำนวนประมาณ 200 คนซึ่งนักพายเรืออยู่ใกล้กันมากเป็นปาฏิหาริย์ที่แท้จริงและเป็นตัวบ่งชี้ความก้าวหน้าทางเทคนิค สำเร็จโดยชาวกรีกในสมัยโบราณ

มีการอ้างอิงเพียงเล็กน้อยถึงการเกิดขึ้นของไตรรีมในแหล่งวรรณกรรม เป็นครั้งแรกที่เฮโรโดตุสนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกพูดถึงคลองทรีรีมที่เกี่ยวข้องกับคลองของฟาโรห์ เนโคที่ทอดจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยังทะเลแดงว่า “คลองนี้ยาวสี่วันและถูกขุดกว้างมากจนสองทรีรีมสามารถแล่นเคียงข้างกันได้ ด้านข้าง” (Herodotus. II. 158. Transl. G. A. Stratanovsky) เขาให้เหตุผลกับฟาโรห์องค์นี้คือการสร้างอู่ต่อเรือสำหรับการผลิตเรือ: “Necho สั่งให้สร้างไตรรีมทั้งในทะเลเหนือและในอ่าวอาหรับสำหรับทะเลแดง อู่ต่อเรือของพวกเขายังคงสามารถเห็นได้จนถึงทุกวันนี้ ในกรณีที่จำเป็นซาร์มักใช้เรือเหล่านี้” (Herodotus. II. 159. แปลโดย GA Stratanovsky) อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่เรือชนิดใหม่จะถูกประดิษฐ์ขึ้นในอียิปต์ ในเวลานี้การติดต่อระหว่างชาวกรีกและชาวอียิปต์ทวีความรุนแรงมากขึ้นทหารรับจ้างชาวกรีกมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการให้บริการของฟาโรห์และอาณานิคมของ Navcratis ซึ่งก่อตั้งโดยรัฐกรีกหลายแห่งปรากฏในอียิปต์ เป็นไปได้ว่าการดึงดูดชาวกรีกจำนวนมากเพียงพอ ผู้ปกครองอียิปต์สามารถยืมนวัตกรรมทางเทคนิคบางอย่างได้ รวมถึงเรือรบประเภทใหม่ด้วย นักประวัติศาสตร์ชาวกรีก Thucydides กล่าวถึงช่วงเวลาของประวัติศาสตร์สมัยโบราณตั้งแต่ 700 ถึง 480 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวถึง Aminocles ช่างต่อเรือ Corinthian ผู้สร้างเรือสี่ลำสำหรับชาว Samians (Thucydides I. 13) นักวิชาการหลายคนตามทูซิดิเดส ยอมรับว่าตรีเอกานุภาพถูกประดิษฐ์ขึ้นในเมืองโครินธ์

เทรียร์เป็นเรือที่ล้ำหน้ากว่าเพนเทคอนเทรา เธอมีอุปกรณ์ทางทหารมากมายสำหรับการชนอย่างมีประสิทธิภาพ เหนือแท่นล่างของยานทดสอบ มีคานแนวนอนยื่นออกมาสองอัน ซึ่งทำหน้าที่ทำลายไม้พายบนเรือข้าศึก และเพื่อป้องกันคันธนูในกรณีที่เกิดการชนกัน ก้านของเรือที่ห้อยอยู่เหนือแกะผู้ในรูปของเลื่อนทำให้สามารถคลานไปบนเรือศัตรูได้ในระหว่างการชนกระแทก บดขยี้ด้วยน้ำหนักของมันเอง จมส่วนที่เจาะของเรือ ท่าเทียบเรือตั้งอยู่ที่ความสูงต่ำเหนือแนวน้ำ และปิดด้วยวัสดุหุ้มหนังแบบพิเศษ ในทะเลที่ขรุขระ พายแถวล่างสุดถูกดึงเข้าไปด้านในของเรือ และท่าเรือถูกปิดด้วยช่องหนัง [Peters 1986, p. 76] เนื่องจากมีพื้นที่น้อยมากบนเรือสามล้อ เรือจึงมักจะจอดเทียบฝั่งในตอนกลางคืน ในสมัยโบราณ การปิดกั้นท่าเรือของศัตรูนั้นค่อนข้างยาก เนื่องจากผู้บล็อคต้องมีฐานทัพอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งพวกเขาสามารถพาเรือไปพักผ่อนได้ มิฉะนั้น การปิดล้อมก็จะไร้ประโยชน์

ความเร็วสูงสุดของการทดสอบคือ 7-8 นอตที่ 30 สโตรกต่อนาที แม้ว่าปกติแล้วจะวิ่งด้วยความเร็ว 2 นอต (นอตเท่ากับ 1853 ม. / ชม.) เรือใช้งานง่ายและเชื่อฟังหางเสือมาก เลี้ยวครั้งแรกโดยพายพวงมาลัยจากนั้นพายอื่น ๆ ทั้งหมดก็เริ่มพายและด้านที่การเลี้ยวเริ่มที่จะโผล่นั่นคือแถวในอีกทางหนึ่ง เมื่อถึงโค้งเต็มที่ เส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลมจะยาวเป็นสองเท่าครึ่งของความยาวของตัวเรือ เป็นวิธีการเลี้ยวที่รวดเร็วซึ่งการหมุน 180 องศาใช้เวลาหลายนาที

triremes ทั้งหมดสามารถแบ่งออกเป็นสามประเภท: เรือรบ การขนส่งกองทหาร และการขนส่งม้า ผู้ทดสอบที่ฐานมีกระดูกงูไม้ ซึ่งติดอยู่กับส่วนต่างๆ ของชุดเรือ หุ้มด้วยแผ่นไม้ด้านนอก กระดูกงูในคันธนูผ่านเข้าไปในก้านที่มีแกะผู้หนึ่งตัวหรือมากกว่า โดยตัวหลังมีขนาดและการออกแบบต่างกัน ในห้องใต้หลังคา triremes พวกมันตั้งอยู่ใกล้กับผิวน้ำ และบ่อยครั้งที่แกะผู้ดังกล่าวพุ่งชนเหนือตลิ่ง Syracuse triremes มี ram ที่สั้นกว่าและทนทานกว่า ซึ่งอยู่ต่ำกว่า Attic triremes การโจมตีด้วย ram ดังกล่าวทำให้เกิดรูที่ด้านข้างของเรือศัตรูที่อยู่ใต้น้ำเสมอ นอกจากแรมล่างแล้ว ยังมีแรมบนด้วย เทรียร์สามารถทำการต่อสู้แบบชนและขึ้นเครื่องได้ ในส่วนท้าย กระดูกงูผ่านเข้าไปในเสาท้ายโค้งมน

การปรับปรุงอย่างหนึ่งของทรีรีมคือดาดฟ้าแข็ง ซึ่งมีช่องสำหรับเก็บเสบียงต่างๆ Aeschylus ใน Agamemnon กล่าวว่า Clytemnestra กล่าวหาว่าสามีของเธอแบ่งปันดาดฟ้ากับเธอเมื่อเขาเอา Cassandra ออกจาก Troy:

อยู่กับเขาและสุดท้าย
จากเชลยผู้อ่อนโยน - แม่มดผู้แสวงหาวิญญาณ
และในความตายนางสนมที่แยกจากกันไม่ได้
ราวกับอยู่กลางทะเลบนเตียงแข็ง

(Aeschylus. Agamemnon. 1440-1443. Trans. Viach. V. Ivanov)

ต่อมา ดาดฟ้าชั้นบนแบบเบาปรากฏขึ้นบนทรีรีม ซึ่งปกป้องนักพายเรือแถวบนจากลูกศรและหอก และทำหน้าที่วางทหารไว้บนนั้น

ผู้เสนอญัตติหลักของ trire คือพายสามแถวซึ่งอยู่เหนืออีกด้านหนึ่งตามแต่ละด้าน ที่ปลายสุดของหิ้งพิเศษที่วิ่งไปด้านข้างมีไม้พายที่ยาวที่สุดของแถวบน พายเหล่านี้เป็นพายที่หนักที่สุดและแต่ละอันใช้ฝีพายหนึ่งคนเป็นไม้พาย พายแถวกลางลอดผ่านรูด้านข้าง พายแถวนี้ควบคุมโดยซิกแซก แต่ละอันมีพายหนึ่งอันด้วย พายแถวล่างถูกชาวตาลาไมต์ขับเคลื่อน ในระหว่างการจอดรถ ไม้พายถูกรัดด้วยสายรัดเข้ากับไม้พาย นักพายเรือนั่งบนฝั่งซึ่งมักจะวางหมอนพิเศษไว้เพื่อความสะดวก เพื่อป้องกันไม่ให้พายแถวหนึ่งแตะอีกแถวหนึ่งขณะพาย รูสำหรับพายที่ด้านข้างจะตั้งอยู่ตามแนวลาดเอียง พายทั้งสามแถวทำงานร่วมกันเฉพาะในระหว่างการสู้รบ ปกติฝีพายจะถูกแบ่งออกเป็นนาฬิกา มีข้อบ่งชี้ว่า หากจำเป็น สามารถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าโดยใช้พาย ซึ่งมีความสำคัญหลังจากการชนกัน [Peters 1968, p. 15]

ในศตวรรษที่สี่ ปีก่อนคริสตกาล มีพาย 200 อันบนทรีรีม: 62 พายถูกใช้โดย tranits, 54 อันโดย zygits, 54 โดย talamites และอีก 30 พายที่เหลือดูเหมือนจะเป็นอะไหล่หรือเพิ่มเติม เราทราบความยาวของไม้พายดังกล่าว - ประมาณ 4.16 หรือ 4.40 ม. [ปีเตอร์ส 1986, หน้า 79] เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าไม้พายที่หัวเรือและท้ายเรือนั้นสั้นกว่าไม้ที่อยู่ตรงกลางเรือ

นักพายเรือนั่งเรียงกันเป็นเส้นตรงจากท้ายเรือไปโค้งคำนับ ในทางกลับกัน ไม้พายตั้งอยู่ตามเส้นเรียบที่ประจวบกับเส้นข้าง พายทั้งหมดอยู่ห่างจากด้านข้างของเรือเท่ากันจนปลายของพวกมันสร้างเป็นเส้นเดียว โค้งไปตามส่วนโค้งของด้านข้างตามลำดับ พายมีความยาวต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าคนพายเรืออยู่ที่ไหน และอยู่ห่างจากตลิ่งเท่าใด แต่ความยาวต่างกันหลายสิบเซนติเมตร ไม้พายลงไปในน้ำเป็นระยะ 20 ซม. บนทรีรีม มีเพียงคนเดียวที่พายด้วยไม้พายแต่ละอัน ระบบของพายบนเพนเทเรสนั้นคล้ายคลึงกัน แต่มีเพียงสามคนเท่านั้นที่ควบคุมพายได้หนึ่งอัน นักวิชาการบางคนคาดการณ์ว่าระบบพายแบบใหม่ถูกนำมาใช้เพื่อชดเชยการขาดทักษะในการพายเรือ เนื่องจากหมดยุคที่ต้องใช้ผู้ฝึกสอนมาอย่างดีเพียงคนเดียวต่อหนึ่งไม้พาย

สำหรับการเลี้ยวระหว่างการเคลื่อนไหว ผู้ทดสอบมีหางเสือเสริมแรงที่ท้ายเรือในแต่ละด้านซึ่งมีลักษณะเป็นไม้พายขนาดใหญ่ เป็นไปได้ว่าพายเหล่านี้จะหมุนรอบแกนและเชื่อมต่อกันด้วยแท่งที่เคลื่อนที่ในแนวนอน เมื่อพายบังคับเลี้ยวไปทางซ้าย เรือจะหันไปทางขวา หางเสือยังใช้งานได้กับเรือสมัยใหม่ เป็นที่ทราบกันว่าพายพวงมาลัยถูกถอดออกจากเรือเมื่อถูกลากขึ้นฝั่ง

เสากระโดงของ Trire นั้นชวนให้นึกถึงอุปกรณ์ของเพนเทคอนเตอร์ แต่คุณควรให้ความสนใจกับคุณสมบัติบางอย่างที่มีอยู่ในทรีรีมเท่านั้น ผู้ทดสอบมีเสากระโดงสองเสา: เสาหลักและเสาหลักซึ่งปรากฏบนเรือเมื่อสิ้นสุดวันที่ 5 - ต้นศตวรรษที่ 4 ปีก่อนคริสตกาล ในศตวรรษที่ 5 ปีก่อนคริสตกาล Triremes ส่วนใหญ่มีเรือใบเดียว แต่มีอยู่แล้วในศตวรรษที่ 4 BC อี Xenophon ยังกล่าวถึงการเดินเรือครั้งที่สอง: “เมื่อออกเดินทางแล้ว เขา [Iphicrates] ทิ้งใบเรือขนาดใหญ่ไว้บนฝั่ง หมายความว่าเขากำลังจะเข้าสู่สนามรบ เขาแทบไม่ใช้อะคาเทียเลยแม้แต่ตอนที่ลมพัดผ่าน (ซีโนฟอน ประวัติศาสตร์กรีก VI. 27. แปลโดย MI Maksimov) เห็นได้ชัดว่าทั้งหัวหน้าและรังสีได้ชื่อมาจากเรือลำเล็ก แหล่งวรรณกรรมกล่าวถึงใบเรือสองประเภท: เบาและหนัก นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่าใบเรือเบานั้นมีค่ามากกว่าใบเรือที่หนักเพราะว่าใบเรือนั้นเพิ่มความเร็วของเรือ

ด้วยอุปกรณ์เดินเรือที่ค่อนข้างซับซ้อนที่ใช้ในเรือกรีก มีเชือกที่แตกต่างกันจำนวนมากที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ ในแหล่งวรรณกรรมและวรรณกรรม มีการกล่าวถึงเชือกประเภทต่างๆ: เข็มขัด, เชือก, ปลาย, เหล็กดัดและแนวจอดเรือ โฮเมอร์ยังพูดถึงผ้าปูที่นอนที่ติดอยู่ที่มุมด้านล่างของใบเรือ และเหล็กดัดที่ติดอยู่ที่ปลายลาน

เรือแต่ละลำมีเชือกสมอสี่อัน หนึ่งอันสำหรับสมอเรือแต่ละลำ และเชือกสำรองสองอัน เช่นเดียวกับเชือกสองถึงสี่อัน เชือกสมอมีความสำคัญ เนื่องจากใช้สำหรับจอดเรือในน่านน้ำชายฝั่งและเพื่อดึงเรือขึ้นฝั่ง เรือมักจะมีสมอสองอันอยู่ที่หัวเรือ ในบางกรณีหายากที่ท้ายเรือ สมอทำจากโลหะหรือโครงสร้างไม้และโลหะบางครั้งหินถูกใช้เป็นสมอ แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่หายากแล้วอย่างน้อยก็ในศตวรรษที่ 4 ปีก่อนคริสตกาล [Lazarov 1978. S. 82] ลูกเรือของเรือใบได้แขวนสมอจากคานพิเศษที่ยื่นออกมาจากหัวเรือทั้งสองข้างและทำหน้าที่ป้องกันการระเบิดของเรือข้าศึกและยึดสมอ

หลังจากที่พวกเขายกสมอเรือแล้ว กัปตันกำลังดื่มสุราอยู่ อาจจะเป็นที่ท้ายเรือ และสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าเพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างรวดเร็วและกลับมาโดยสวัสดิภาพ กระบวนการดึงสมอเรือและการออกเดินทางในทะเลตามประเพณีพร้อมด้วยพิธีกรรมที่เหมาะสมได้อธิบายไว้ใน Pindar:

และปั๊กที่ทำนายโดยนกและโดยการจับสลาก
ทรงบัญชากองทัพให้ขึ้นเรือเพื่อประโยชน์
และเมื่อสมอแขวนเหนือเครื่องตัดน้ำ -
จากนั้นผู้นำอยู่ที่ท้ายเรือ
พร้อมถ้วยทองในมือ
เรียกหาบิดาของชาวสวรรค์ซุส<...>
ผู้เผยพระวจนะโห่ร้องพาย
ได้บอกความหวังอันน่ายินดีแก่พวกเขา
และพายที่ไม่รู้จักพอก็ขยับ
ในมือเร็ว ...

(Pindar. Pythian odes. IV. 190-196, 200-205. แปลโดย M. L. Gasparov)

ชาวกรีกทำคันธนูเป็นรูปสัตว์ด้วยตาและหู เห็นได้ชัดว่าคานรูปหูเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษที่ด้านข้างของจมูกทั้งสองข้างเพื่อป้องกันการกระแทก ผู้ทดสอบมีบันไดสองขั้นที่ท้ายเรือ ในการผลักเรือลำหนึ่งออกจากอีกลำหนึ่งหรือผลักออกนอกชายฝั่ง พวกเขาใช้พวกกบฏ โดยจะมีเรือสองหรือสามคนอยู่บนเรือสามลำเสมอ

ไม้โอ๊คและป่าสนถูกนำมาใช้ในการก่อสร้างเรือ ไซเปรสและซีดาร์ยังใช้ ป่าน ผ้าใบ และเรซินใช้สำหรับสีโป๊ว ส่วนใต้น้ำของเรือสามารถหุ้มด้วยแผ่นตะกั่วได้ นอกจากนี้ ตะกั่วยังใช้สำหรับการถ่วงน้ำหนักพายและสำหรับการผลิตพุก ในการก่อสร้างเรือนั้นมีการใช้ตะปูและที่หนีบทองแดงและเหล็กรวมถึงปลายทองแดงสำหรับแกะผู้ เชือกสมอและสายรัดทั้งหมดทำด้วยป่าน ใบเรือทำด้วยผ้าใบ [Peters 1968, p. 14]

ภูมิภาคทะเลดำตอนเหนือ ศตวรรษที่ 3 ปีก่อนคริสตกาล

ในยุคเฮลเลนิสติก ในโลกโบราณ รัฐอันกว้างใหญ่ใหม่เกิดขึ้น กองทัพเพิ่มขึ้น กองทัพเรือมีสัดส่วนมหาศาลในขณะนั้น ปริมาณการค้าทางทะเลเพิ่มขึ้น และแนวโน้มทางภูมิศาสตร์ขยายตัว การต่อสู้เพื่อครอบงำบนเส้นทางเดินทะเลกำลังทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างรัฐใหม่ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาอย่างกว้างขวาง ซึ่งมีส่วนทำให้การต่อเรือเฟื่องฟู ซึ่งเป็นขั้นตอนใหม่ที่มีการสร้างเรือขนาดใหญ่ที่มีการควบคุมพายเรือ อุปกรณ์และกำลังรบของเรือรบได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีนวัตกรรมพื้นฐานในการต่อเรือ ความคิดทางวิศวกรรมขนมผสมน้ำยาสร้างเรือหลายสำรับ การแข่งขันทางเทคนิคทางทหารของทายาทของอเล็กซานเดอร์มหาราชนำไปสู่การสร้างเรือขนาดยักษ์จำนวนหนึ่ง (พลูตาร์ค ชีวประวัติเปรียบเทียบ Demetrius 31-32, 43) การก่อสร้างเรือเหล่านี้มีเป้าหมายของการกดดันทางจิตใจต่อศัตรูมากกว่าการใช้งานจริง ยักษ์เหล่านี้จำนวนมากไม่เคยมีส่วนร่วมในการต่อสู้ทางทะเลซึ่งไม่สามารถพูดถึง tetrers และ penters ได้ (เรือที่มีพายสี่และห้าแถวตามลำดับ) อย่างไรก็ตาม เรือประเภทก่อนหน้านี้ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงเวลานี้ มีเหตุผลสองประการสำหรับเรื่องนี้ ในอีกด้านหนึ่ง การก่อสร้างเรือหลายชั้นขนาดใหญ่นั้นยากและมีราคาแพงมาก ซึ่งต้องใช้โครงสร้างที่จัดตั้งขึ้นของอู่ต่อเรือและช่างก่อสร้างที่มีทักษะ ทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดต้นทุนทางการเงินมหาศาลที่มีแต่รัฐและนโยบายที่ร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถจ่ายได้ ในทางกลับกัน เรือในสมัยโบราณสามารถให้บริการได้ 40-50 ปี มีบางกรณีที่เรือทำงาน 80 ปีหลังจากการก่อสร้าง (Titus Livy. XXXV. 26) อายุการใช้งานที่ยาวนานของเรือทำให้สามารถใช้เรือที่ล้าสมัยเป็นกองทหาร ขนส่ง หรือเสริมได้เป็นเวลานาน [Peters 1982, p. 77]

ระบบการจัดการลูกเรือของเรือรบที่อธิบายไว้ในรายละเอียดในพระราชกฤษฎีกา Themistocles ยังคงแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากศตวรรษที่ 5 ปีก่อนคริสตกาล กัปตันเรือเป็นสามเผด็จการ ในกรุงเอเธนส์ Triarch ได้รับเรือลำหนึ่งโดยลอตเตอรีเขาทำรายการอุปกรณ์ที่จำเป็นซึ่งเขาได้รับจากโกดังและซึ่งเขารับผิดชอบเป็นการส่วนตัวเขาสามารถซื้อได้ด้วยค่าใช้จ่ายของตัวเองนโยบายให้การชำระเงินและข้อกำหนด ของบทบัญญัติ ตรีเอกานุภาพมีหน้าที่ดูแลเรือให้อยู่ในทะเลและมีหน้าที่ต้องชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นด้วยตนเองในกรณีที่ผู้บัญชาการกองเรือไม่ได้มอบเงินให้กับเขา ลูกเรือถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน: นักรบบนดาดฟ้า (เอพิบัตส์) เจ้าหน้าที่และผู้ช่วยของไตรอาร์ค และฝีพาย หน้าที่ของนักรบมีความสำคัญรองในการต่อสู้ เนื่องจากแกะเป็นอาวุธโจมตีหลัก แต่บางครั้งพวกเขาก็เข้าสู่การต่อสู้บนบกหรือต่อสู้ในการต่อสู้ขึ้นเครื่อง หน้าที่หลักของพวกเขาคือการรักษาระเบียบวินัย นั่นคือ เพื่อสนับสนุนอำนาจของ Trierarch. นักรบเหล่านี้มีสถานะสูงสุดบนเรือรองจากไตรราช เป็นผู้ช่วยให้ไตรอาร์คทำสุราระหว่างการเดินเรือพิธีการของคณะสำรวจซิซิลี (ทูซิดิดีส VI. 32) เจ้าหน้าที่บนเรือควรไปช่วยไตรลักษณ์และคุ้มกันนายหางเสือเรือ จำนวนฝีพายทั้งหมดในยุคคลาสสิกคือ 170 คนในยุคต่อมาจำนวนนี้เพิ่มขึ้นขึ้นอยู่กับประเภทของเรือ ชาวกรีกให้ความสนใจอย่างมากกับการฝึกฝีพายตั้งแต่เป็นนักพายเรือในรุ่นทดลองในศตวรรษที่ 5-4 ปีก่อนคริสตกาล ต้องมีทักษะเพียงพอ เฉพาะในกรณีพิเศษเท่านั้นที่ฝีพายใช้ในการปฏิบัติการทางทหารบนบก ศิลปะการพายเรือเป็นหัวข้อของการฝึกฝนอย่างหนักและการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง กะลาสีได้เรียนรู้ที่จะพายเรือตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขึ้นเรือและได้พัฒนาฝีมือของพวกเขาไปตลอดชีวิต แหล่งข่าวยังกล่าวถึงคนถือหางเสือเรือ คนขับเรือ หรือผู้บังคับการพายเรือ หัวหน้าคนพายเรือ ซึ่งอยู่บนหัวเรือ ช่างไม้ของเรือ นักเป่าขลุ่ย ผู้กำหนดจังหวะการเล่นของเขา โดยธรรมชาติแล้ว ผู้ถือหางเสือเรือเป็นบุคคลสำคัญ เขายืนอยู่ทัดเทียมกับไทรเอร์อาร์คและเอพิบัต ความสามารถของเขารวมถึงการบังคับเรือภายใต้พายและใบเรือ ในขั้นต้น ประสบการณ์ที่จำเป็นในการจัดการเรือลำเล็กได้มาจากเรือลำเล็ก จากนั้นนายหางเสือเรือก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรือสามลำ

เมื่อพูดถึงการต่อเรือโบราณ เราไม่สามารถลืมพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือได้ ที่มีชื่อเสียงที่สุดในกรีซคือโรงเรือ (เพิงเรือ) ในพีเรียส หลักฐานของอู่เรือเหล่านี้ของศตวรรษที่ 4 ได้รับการอนุรักษ์ไว้ ปีก่อนคริสตกาล และเราสามารถสรุปได้ว่าชาวเอเธนส์ใช้ฐานรากของอาคารย้อนหลังไปถึงศตวรรษที่ 5 ปีก่อนคริสตกาล และถูกทำลายหลังจากความพ่ายแพ้ของเอเธนส์ในสงคราม Peloponnesian ใน 404 ปีก่อนคริสตกาล [ปีเตอร์ส 2511 ส. 8] ในที่สุด เอลลิงส์ก็ถูกทำลายโดยซัลลาใน 86 ปีก่อนคริสตกาล ร่วมกับคลังสรรพาวุธทหารเรือที่มีชื่อเสียงของฟิโล คลังแสงนี้ถูกกล่าวถึงโดยพลูตาร์ค: “อีกไม่นาน ซัลลาก็นำพีเรียสไปและเผาอาคารเกือบทั้งหมด รวมทั้งโครงสร้างอันน่าทึ่ง - คลังแสงของฟิโล” (พลูตาร์ค ชีวประวัติเปรียบเทียบ ซัลลา 14. เปอร์. เอส. พี. คอนดาคอฟ)

ความรู้ของเราเกี่ยวกับโรงเก็บเรือเหล่านี้มีพื้นฐานมาจากการขุดค้นทางโบราณคดีในพีเรียสในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ... แผ่นหินกว้างประมาณ 3 ม. และยาวเฉลี่ย 37 ม. ในส่วนที่แห้ง แน่นอนพวกเขาลงไปใต้น้ำ แต่ส่วนใต้น้ำไม่สามารถคำนวณได้แม้ว่านักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่าใบนั้นลงไปใต้น้ำประมาณ 1 เมตร มีอู่เรือสองหลังอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน และสันหลังคาที่ยุบได้นี้ลาดเอียงไปทางทะเล เสาที่ทำด้วยหินในท้องถิ่นซึ่งอยู่ห่างจากกันค่อนข้างมาก รองรับสันเขาและหลังคาทรงพุ่มของหลังคาและสร้างฉากกั้นระหว่างเรือนแพแต่ละหลัง นักวิทยาศาสตร์ตั้งสมมติฐานว่าเรือนเรือถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม ซึ่งจบลงด้วยกำแพงทึบเพื่อความน่าเชื่อถือและการป้องกันจากไฟที่มากขึ้น [Peters 1986, p. 78] ฉากกั้นแบบเปิดที่มีเสาภายในแต่ละกลุ่มช่วยระบายอากาศ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของเรือ การเข้าถึงเรือถูกจำกัดอย่างเข้มงวด แม้ว่าจะไม่ใช่แบบเดียวกับใน Hellenistic Rhodes ซึ่งการเข้าท่าอย่างผิดกฎหมายถือเป็นอาชญากรรม

เครื่องทดสอบสามารถลากด้วยมือลงบนสลิปได้ แต่สามารถใช้รอก บล็อก และลูกกลิ้งได้ เครื่องไม้ของเรือถูกเก็บไว้ในโรงเรือ ในขณะที่เสื้อผ้าและเสื้อผ้าอื่นๆ ถูกเก็บไว้ในโกดังที่ท่าเรือ อุปกรณ์ไม้ถูกส่งมอบบนเรือก่อนที่จะปล่อย แต่เรือได้รับการบรรจุและได้รับอุปกรณ์และเสบียงที่เหลือในภายหลัง ในท่าเรือของ Piraeus หรือที่ท่าเรือ

พบกลุ่มโรงเก็บเรือทั้งใน Apollonia ท่าเรือ Cyrene และ Acarnania มีอู่เรือสองหลังที่ Cape Souniy ซึ่งออกแบบมาเพื่อเก็บเรือที่มีขนาดเล็กกว่า Triremes เล็กน้อย เหล่านี้เป็นเพียงซากของโบ๊ทเฮ้าส์ที่ลงมาให้เรา สันนิษฐานได้ว่าโบ๊ทเฮ้าส์กรีกจำนวนมากมีความกว้างมาตรฐาน และที่ที่ค่อนข้างแคบกว่านั้นถูกสร้างขึ้นสำหรับเรือลำเล็ก ท่าเรือที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งในคาร์เธจมีบ้านเรือจำนวน 220 หลังซึ่งน่าประทับใจที่สุดในสมัยโบราณและครอบครองเกือบทั้งชายฝั่งของท่าเรือ เรือนเรือแต่ละหลังมีชั้นบนสำหรับเก็บอุปกรณ์ของเรือไว้ พวกเขาถูกทำลายหลังจาก 146 ปีก่อนคริสตกาล และชาวโรมันได้สร้างเขื่อนบนฐานรากที่ยังหลงเหลืออยู่ พบซากเรือบางส่วนในท่าเรือซีราคิวส์ ที่นี่จำนวนของพวกเขาค่อนข้างมาก - 310 สำหรับสองท่าเรือ แม้จะเหลือเพียงไม่กี่แห่งที่รอดชีวิต ก็สามารถสันนิษฐานได้ว่านครรัฐของกรีกทั้งหมดที่มีเรือรบสร้างโรงเก็บเรือในท่าจอดเรือของพวกเขา

เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก. อาศรม

นอกจากโรงเรือแล้ว อู่ต่อเรือก็ถูกสร้างขึ้นด้วย อู่ต่อเรือมีจำนวนไม่มากเท่ากับโรงเรือ เนื่องจากชาวกรีกไม่ได้สร้างเรือแต่ละลำแยกกัน แต่ทำส่วนต่างๆ แยกจากกัน และหากจำเป็น การก่อสร้างเรืออย่างเร่งด่วนจะประกอบเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว นอกจากที่จอดถาวรในท่าเรือและท่าเรือแล้ว ยังมีที่จอดชั่วคราว ซึ่งเหล่านี้เป็นสถานที่บนชายฝั่ง สะดวกในการดึงเรือขึ้นฝั่ง

ในฐานะที่เป็นอำนาจทางเรือ รัฐโรมันปรากฏบนผืนน้ำในปลายศตวรรษที่ 3 ปีก่อนคริสตกาล ชาวโรมันไม่ได้ประดิษฐ์สิ่งใหม่โดยพื้นฐานในการต่อเรือ (Polybius. 1.20 (15) ในการสร้างกองทัพเรือ พวกเขาอาศัยประสบการณ์ของช่างต่อเรือชาวกรีกและชาวฟินีเซียน ในโครงสร้าง กองเรือโรมันมีลักษณะคล้ายกับเรือกรีก เช่นเดียวกับชาวกรีก ชาวโรมันมีกองเรือในกองทหาร "ยาว" (naves longae) และเชิงพาณิชย์แบบ "กลม" (naves rotundae) บนเรือที่มีหรือไม่มีดาดฟ้า เนื่องจากชาวโรมันใช้ปืนใหญ่ในอากาศอย่างแข็งขันมากขึ้นและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมาก จำนวนทหารบนเรือ การต่อสู้กับหนังวัวที่แช่ในน้ำเพื่อป้องกันกระสุนเพลิง

ลูกเรือของเรือเช่นเดียวกับหน่วยของกองทัพบกของโรมันถูกเรียกว่าเซนจูเรียม มีเจ้าหน้าที่หลักสองคนบนเรือ - นายร้อยคนหนึ่งรับผิดชอบการนำทางและการนำทางคนที่สองรับผิดชอบในการสู้รบนำทหารหลายสิบนาย ในขั้นต้น กองทัพเรือได้รับคำสั่งจาก "เรือดูมเวียร์" สองลำ (เรือดูโอวิริ) ต่อจากนั้น พรีเฟ็ค (praefecti) ของกองเรือก็ปรากฏตัวขึ้น เทียบเท่ากับสถานะนายพลสมัยใหม่ ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่นิยม ในยุคสาธารณรัฐ (ศตวรรษ V-I ก่อนคริสต์ศักราช) ลูกเรือทั้งหมดของเรือโรมัน รวมทั้งคนพายเรือเป็นพลเรือน สงครามเป็นเพียงเรื่องของพลเมืองเท่านั้น ทาสที่เป็นฝีพายไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเรือเลย

ชาวโรมันสร้างเรือรบขนาดใหญ่ทั้งสองลำเพื่อปฏิบัติการทางทหารขนาดใหญ่ในทะเล และเรือเบาขนาดเล็กสำหรับการลาดตระเวนและลาดตระเวน เรือ Moneris ซึ่งเป็นเรือที่มีพายแถวเดียวก็ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังกล่าว เรือสองแถว (biremis) เป็นตัวแทนของ Liburnians เมื่อพิจารณาจากชื่อแล้ว เรือประเภทนี้ยืมมาจากชนเผ่า Illyrian ของ Liburnians (Appian. Illyrian history. 3) แต่ดูเหมือนจะย้อนกลับไปในแบบจำลองกรีก การนำเรือประเภทนี้มาเป็นแบบอย่าง ชาวโรมันสร้างเรือของตนเอง เสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้าง แต่ยังคงชื่อไว้ Liburns ก็เหมือนกับ Moneers ที่ใช้ในการลาดตระเวนและลาดตระเวน แต่ถ้าจำเป็น พวกเขาสามารถเข้าร่วมในการสู้รบในน้ำตื้นหรือส่งกองกำลังไปยังชายฝั่งของศัตรู Liburnians ยังถูกนำมาใช้อย่างมีประสิทธิภาพกับเรือแถวเดี่ยวเชิงพาณิชย์และการทหาร (โดยปกติคือโจรสลัด) เมื่อเทียบกับที่พวกเขาติดอาวุธและป้องกันได้ดีกว่ามาก ชาวโรมันได้สร้างลิเบิร์นแม่น้ำหลายประเภทควบคู่ไปกับเรือเดินทะเล ซึ่งใช้ในการสู้รบและลาดตระเวนแม่น้ำไรน์ แม่น้ำดานูบ และแม่น้ำไนล์

เรือส่วนใหญ่ยังคงเป็นไตรรีม ในรุ่นโรมันของไตรรีม ไตรรีมโรมันนั้นหนักกว่าและใหญ่โตกว่าเรือกรีก พวกเขาสามารถบรรทุกเครื่องขว้างปาบนเรือและกองทหารที่เพียงพอสำหรับการต่อสู้ขึ้นเครื่อง Trireme เป็นเรือเอนกประสงค์ของกองเรือโบราณ ด้วยเหตุนี้ เรือไตรรีมจึงถูกสร้างขึ้นในหลายร้อยลำ และเป็นประเภทเรือรบเอนกประสงค์ที่พบได้ทั่วไปในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เรือควอดริรีมและเรือรบขนาดใหญ่กว่านั้นก็มีตัวแทนอยู่ในกองเรือโรมันเช่นกัน แต่พวกมันถูกสร้างขึ้นอย่างหนาแน่นเฉพาะในระหว่างการรณรงค์ทางทหารขนาดใหญ่เท่านั้น ส่วนใหญ่ในช่วงสงครามพิวนิก ซีเรีย และมาซิโดเนีย เช่น ในศตวรรษที่ III-II ปีก่อนคริสตกาล อันที่จริง ควอดริ- และควินเคอเรมชุดแรกเป็นสำเนาที่ได้รับการปรับปรุงของเรือคาร์เธจในประเภทเดียวกัน ซึ่งพบครั้งแรกโดยชาวโรมันในช่วงสงครามพิวนิกครั้งที่หนึ่ง เรือเหล่านี้ไม่เร็วและคล่องแคล่ว แต่ติดอาวุธด้วยเครื่องขว้างปา (มากถึง 8 ลำบนเรือ) และบรรจุโดยนาวิกโยธินกองใหญ่ (มากถึง 300 คน) พวกเขาทำหน้าที่เป็นป้อมปราการลอยน้ำซึ่ง Carthaginians พบว่ารับมือได้ยากมาก

กลวิธีของการต่อสู้ทางเรือตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาโดยธรรมชาติแล้วไม่เปลี่ยนแปลง อาวุธหลักของเรือกรีกแห่งศตวรรษที่ VI-V ปีก่อนคริสตกาล เป็นการทุบตี เทคนิคยุทธวิธีหลักคือการชน เนื่องจากตัวเรือในเวลานั้นไม่มีผนังกั้นน้ำ แม้แต่รูเล็กๆ ก็เพียงพอสำหรับเรือที่จะเติมน้ำและจมลงอย่างรวดเร็ว ชั้นเชิงที่สองคือการต่อสู้ขึ้นเครื่อง ในระหว่างการสู้รบ แต่ละ Trire บรรทุกฮอปไลต์จำนวนหนึ่ง - ทหารราบติดอาวุธหนัก นักธนู และนักสลิง อย่างไรก็ตามจำนวนของพวกเขานั้นเจียมเนื้อเจียมตัวมากในยุคคลาสสิกไม่เกิน 15-20 คน ตัวอย่างเช่น ระหว่างการต่อสู้ที่ Salamis บนเรือแต่ละ Trire มี 8 hoplites และ 4 archers ด้วยกองกำลังทหารขนาดเล็กเช่นนี้ มันค่อนข้างยากที่จะยึดเรือข้าศึก และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้นักพายเรือเป็นนักรบ เนื่องจากการสูญเสียฝีพายที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแต่ละลำส่งผลต่อความสามารถในการต่อสู้ของเรือทั้งหมด ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการปกป้อง พยายาม ถ้าเป็นไปได้ ไม่ใช่เพื่อนำการต่อสู้ขึ้นเครื่อง

ประการแรก เรือโจมตีพยายามโจมตีด้วยความเร็วสูงสุดที่ด้านข้างของเรือศัตรูและถอยกลับอย่างรวดเร็ว การซ้อมรบดังกล่าวประสบความสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเรือโจมตีอย่างน้อยก็มีขนาดใหญ่เท่ากับเรือของศัตรู และดีกว่านั้น - แซงหน้ามัน มิฉะนั้น อาจมีความเสี่ยงที่เรือโจมตีจะมีพลังงานจลน์ไม่เพียงพอ และความแข็งแกร่งของตัวถังในหัวเรือก็ไม่เพียงพอ เรือโจมตี (เช่น เพนเทคอนเทรา) เองเสี่ยงที่จะตกเป็นเหยื่อของการโจมตีบนเรือขนาดใหญ่ (เช่น ไตรรงค์) เนื่องจากอาจได้รับความเสียหายมากกว่าเรือที่ถูกโจมตี จึงสามารถติดอยู่ในซากปรักหักพังของพายได้ และด้วยเหตุนี้จึงสูญเสียความเร็วและลูกเรือจะเอาชนะลูกดอกขว้างปาต่าง ๆ จากด้านสูงของเรือศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มันไม่ง่ายนักที่เรือโจมตีจะเข้าสู่ตำแหน่งของการโจมตีด้วยการชนเพราะเรือโจมตีไม่ได้หยุดนิ่งและพยายามหลบเลี่ยงดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกมุมการโจมตีที่ได้เปรียบและกีดกันข้าศึก ของโอกาสที่จะหลบเลี่ยงการชน เรือโจมตีต้องหักไม้พาย ดังนั้นเมื่อพายด้านใดด้านหนึ่งหายไป เรือจึงควบคุมไม่ได้และเปิดให้โจมตีได้ สำหรับสิ่งนี้ ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนที่ในมุมที่ใกล้กับ 90 ° เมื่อเทียบกับแกนตามยาวของเรือข้าศึก แต่ในทางกลับกัน เพื่อทำดาเมจการโต้กลับแบบเลื่อน ซึ่งเคลื่อนที่ในมุมที่ใกล้เคียงกับ 180 ° สู่วิถีของศัตรู ในเวลาเดียวกัน ขณะแล่นไปตามด้านข้างของศัตรู ฝีพายของเรือโจมตีต้องดึงพายเข้าไปตามคำสั่ง จากนั้นพายของเรือโจมตีที่อยู่ด้านใดด้านหนึ่งก็จะหัก และพายของผู้โจมตีก็จะรอด หลังจากนั้น เรือโจมตีก็เข้าสู่กระแสเลือดและทำการกระแทกเข้าที่ด้านข้างของเรือข้าศึกที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ กลยุทธทางยุทธวิธีที่คล้ายคลึงกันในกองเรือกรีกเรียกว่า "การบุกทะลวง" (Polybius. XVI. 2-7) สถานการณ์ทางยุทธวิธีที่เรียกว่า "บายพาส" พัฒนาขึ้นในกรณีที่เรือแล่นห่างกันเกินไปและในเวลาเดียวกันลูกเรือของเรือศัตรูก็พร้อมมากพอที่จะตอบสนองต่อการโจมตีอย่างรวดเร็ว จากนั้นเรือทั้งสองลำก็เข้าสู่การหมุนเวียน และแต่ละลำก็พยายามหันหลังให้เร็วขึ้นและมีเวลาขึ้นเรือข้าศึก ด้วยความคล่องแคล่วและการฝึกอบรมลูกเรือที่เท่าเทียมกัน คดีนี้อาจจบลงด้วยการปะทะกันแบบตัวต่อตัว ไม่ว่าในกรณีใดผลลัพธ์ของการสู้รบในทะเลนั้นตัดสินโดยระดับการฝึกอบรมส่วนบุคคลของลูกเรือ - ฝีพาย, คนถือหางเสือเรือ, ลูกเรือเดินเรือและนาวิกโยธิน

ในการเปลี่ยนผ่าน กองเรือมักจะเดินตามเรือธงในรูปแบบการปลุก การสร้างส่วนหน้าขึ้นใหม่เพื่อรอการปะทะกับศัตรู ในเวลาเดียวกัน เรือต่างพยายามที่จะเข้าแถวไม่ใช่หนึ่งเดียว แต่ในสองหรือสามแถวโดยมีการชดเชยกันครึ่งตำแหน่ง สิ่งนี้ทำในลำดับแรก เพื่อทำให้ศัตรูสามารถบุกทะลวงได้ยาก แม้จะทำลายพายของเรือลำใดลำหนึ่งในแถวแรกและเริ่มอธิบายการหมุนเวียน เรือข้าศึกก็เปิดเผยด้านข้างต่อการโจมตีของเรือในแถวที่สองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และประการที่สอง รูปแบบดังกล่าวป้องกันเรือข้าศึกบางลำไม่ให้เข้าทางด้านหลังของกองเรือ ซึ่งจะคุกคามการสร้างความเหนือกว่าด้านตัวเลขของข้าศึกในพื้นที่สองหรือสามเท่าในการสู้รบระหว่างเรือแต่ละลำและกลุ่มของเรือรบ . ในที่สุดก็มีรูปแบบวงกลมพิเศษซึ่งให้การป้องกันที่แข็งแกร่ง มันถูกเรียกว่า "เม่น" และถูกใช้ในกรณีเหล่านั้นเมื่อจำเป็นต้องปกป้องเรือรบที่อ่อนแอด้วยสินค้าที่มีค่าหรือเพื่อหลบเลี่ยงการต่อสู้เชิงเส้นกับศัตรูที่เก่งกว่าในเชิงตัวเลข

ในยุคเฮลเลนิสติกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยโรมัน เริ่มมีการใช้อาวุธขว้างปาอย่างแพร่หลาย เพื่อจุดประสงค์นี้ มีการติดตั้งเครื่องยิงธนูไว้ที่หัวเรือ มีการกล่าวถึงหอคอยที่จัดอยู่บนเรือและอาจใช้เป็นที่กำบังของทหารราบของกองทัพเรือ บทบาทของการโจมตีขึ้นเครื่องระหว่างการต่อสู้ทางเรือเพิ่มขึ้น สำหรับการโจมตีครั้งนี้ มีการสร้างสะพานพิเศษบนเรือศัตรู การใช้การต่อสู้ขึ้นเครื่องอย่างแพร่หลายได้กลายเป็นส่วนเสริมของการนัดหยุดงาน การประดิษฐ์สะพานขึ้นเครื่องบินพิเศษที่เรียกว่า "นกกา" (Polybius. I. 22) เป็นผลมาจากชาวโรมันในช่วงสงครามพิวนิกครั้งแรก เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการรบทางเรือ พวกเขาจึงได้คิดค้นอุปกรณ์ง่ายๆ นี้สำหรับการประสานเรืออย่างมีประสิทธิภาพหลังจากการชนกันและเปลี่ยนการต่อสู้ทางเรือเป็นการสู้รบแบบประชิดตัว Raven เป็นบันไดจู่โจมพิเศษ ยาว 10 ม. และกว้างประมาณ 1.8 ม. มันถูกตั้งชื่อว่า "อีกา" เนื่องจากมีรูปร่างเหมือนจงอยปากของขอเกี่ยวเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ที่พื้นผิวด้านล่างของบันไดจู่โจม เมื่อชนเรือศัตรูหรือเพียงแค่ทำลายไม้พายอย่างรวดเร็ว เรือโรมันก็ลดระดับ "นกกา" ลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจาะดาดฟ้าด้วยขอเกี่ยวเหล็กและติดอยู่ในนั้น

อาวุธหลักของเรือโรมันคือนาวิกโยธิน (manipularii) พวกเขาโดดเด่นด้วยคุณสมบัติการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ชาวคาร์เธจซึ่งอาศัยความเร็วและความคล่องแคล่วของเรือ มีกะลาสีที่มีทักษะมากกว่า แต่ไม่ได้ใช้ทหารในการสู้รบทางเรือ ชาวโรมันพยายามนำการต่อสู้ไปสู่การต่อสู้ขึ้นเครื่องเสมอ เนื่องจากทหารราบของพวกเขาแทบไม่มีที่เปรียบในหมู่ทหารของรัฐอื่น

หลังจากกำจัดคู่แข่งหลักทั้งหมดในลุ่มน้ำเมดิเตอร์เรเนียนในตอนต้นของยุคใหม่แล้ว ชาวโรมันก็จัดการฝูงบินด้วย Liburns ที่คล่องแคล่วและคล่องแคล่ว ด้วยการเปลี่ยนแปลงในภารกิจเชิงกลยุทธ์ของรูปแบบกองทัพเรือ ยุทธวิธีของกองเรือก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเช่นกัน ภารกิจหลักคือการสนับสนุนการกระทำของกองกำลังภาคพื้นดินจากทะเล การลาดตระเวน (Vegetius. IV.37) การลงจอด การต่อสู้กับโจรสลัด และเรือค้าขาย

ธุรกิจการเดินเรือในกรีกโบราณได้ผ่านเส้นทางการพัฒนาที่ซับซ้อนที่มีอายุหลายศตวรรษตั้งแต่การก่อสร้างเรือดึกดำบรรพ์ไปจนถึงเรือลำใหญ่แห่งยุคขนมผสมน้ำยา ซึ่งการนำทางไปถึงระดับและความสมบูรณ์แบบที่ยังคงไม่มีใครเทียบได้มาเป็นเวลานาน ชาวโรมันกลายเป็นผู้สืบทอดที่มีค่าของชาวกรีกซึ่งรักษาประเพณีการต่อเรือซึ่งต่อมาถูกใช้โดยรัฐที่เกิดขึ้นบนซากปรักหักพังของจักรวรรดิโรมัน

กรีซเป็นดินแดนแห่งท้องทะเล ผู้อยู่อาศัยในรัฐนี้มีชื่อเสียงในด้านความรู้และทักษะด้านการต่อเรือและการเดินเรือตลอดเวลา นักเดินเรือชาวกรีกได้รักษาประเพณีที่ดีที่สุดทั้งหมดไว้ตั้งแต่สมัยโบราณ เรือของลูกเรือเหล่านี้ได้รับการพิจารณาอย่างถูกต้องและถือว่าดีที่สุดในโลก

เมืองหลวงและเมืองใหญ่อื่นๆ ของกรีซเป็นจุดซื้อขายที่สำคัญ กองเรือในทุกนิคมที่อยู่ติดกับทะเลนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งและทรงพลัง จนถึงทุกวันนี้ นักวิจัยเห็นพ้องกันว่าเรือรบที่มีชื่อเสียง คล่องแคล่ว และแข็งแกร่งที่สุดของชาวกรีกคือเรือเทรียร์ พวกเขาพูดถึงเธอ ศัตรูของเธอก็กลัวเธอ ซึ่งเผชิญหน้าเธอต่อจมูกมากกว่าหนึ่งครั้ง แกะของ triremes นั้นเหนือกว่าในด้านความแข็งแกร่งของเรือรบศัตรูที่มีอยู่ทั้งหมด มีเรือทหารและเรือสินค้าอีกหลายลำที่สร้างความประหลาดใจและทึ่งในจินตนาการของผู้พิชิตที่พยายามจะบุกเข้าไปในดินแดนของชาวกรีกมากกว่าหนึ่งครั้ง

แล่นเรือ พาย และความสำเร็จในการต่อเรืออื่นๆ

นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเอกสารและภาพวาดโบราณของช่างต่อเรือชาวกรีกได้ข้อสรุปว่าการประดิษฐ์ใบเรือนั้นเป็นของชาวกรีก แต่ก่อนอื่น พวกเขาเรียนรู้ที่จะลากเรือด้วยหนังควายและวัว พวกเขาจึงใช้พาย

นักวิจัยบางคนเชื่อมโยงการประดิษฐ์ใบเรือกับเรื่องราวความรอดของเดดาลัส (ตำนานของเดดาลัสและอิคารัส) จากเกาะครีต Daedalus สามารถหลบหนีได้ด้วยใบเรือที่เขามี สันนิษฐานว่าเป็นผู้ที่บรรจุองค์ประกอบสำคัญนี้ไว้บนเรือของเขาเป็นคนแรก

เป็นเวลานานที่เรือกรีกเคลื่อนตัวโดยใช้พลังพายเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงใช้แรงงานทาส เป็นไปได้ที่จะยกใบเรือหากมีลมพัดผ่าน ประสบการณ์บางส่วนในการต่อเรือและการทำสงครามบนผืนน้ำ ชาวกรีกแผ่นดินใหญ่รับเอาจากนักเดินเรือของฟีนิเซียและเกาะอีเจียนของกรีซ ไม่เป็นความลับที่ตัวแทนของประเทศในทะเลใช้กองเรือมากขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการทำสงครามการรณรงค์พิชิตและเพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกัน เรือกรีกจำนวนน้อยลงไปต่างประเทศเพื่อการค้า ลักษณะเด่นที่สำคัญของกองเรือกรีกกับเรืออื่น ๆ ทั้งหมดคือความแตกต่างอย่างมากระหว่างเรือทหารและเรือเดินทะเล กลุ่มแรกค่อนข้างแข็งแกร่ง พวกเขาสามารถเคลื่อนย้ายได้มากเท่าที่ต้องการ และพ่อค้าก็บรรทุกสินค้าจำนวนมากขึ้นเรือ และในขณะเดียวกันก็วางใจได้จนกว่าจะเสร็จสิ้น

เรือกรีกเป็นอย่างไร? หลักการก่อสร้างขั้นพื้นฐาน

ตัวเรือจำเป็นต้องมีกระดูกงูและปลอกหุ้ม ชาวกรีกเป็นคนแรกที่ทำตะเข็บคู่เพื่อความน่าเชื่อถือที่มากขึ้น ส่วนที่หนาที่สุดของตัวถังอยู่ใต้กระดูกงูและที่ระดับดาดฟ้า เพื่อความน่าเชื่อถือที่มากขึ้น รัดไม่ได้ทำจากไม้เท่านั้น แต่ยังทำจากทองแดงด้วย หมุดโลหะขนาดใหญ่ตอกผิวหนังเข้ากับตัวเรืออย่างแน่นหนา

การป้องกันที่จำเป็นจากคลื่นก็ถูกสร้างขึ้นเช่นกัน สำหรับสิ่งนี้ ป้อมปราการถูกปูด้วยผ้าใบ ตัวเรือได้รับการดูแลให้สะอาด ทาสี และตกแต่งใหม่ตามต้องการเสมอ ขั้นตอนบังคับคือการถูผิวหนังด้วยไขมัน เหนือแนวน้ำ ตัวเรือเสริมความแข็งแกร่งด้วยการทาและปิดด้วยแผ่นตะกั่ว

ชาวกรีกไม่เคยประหยัดวัตถุดิบที่ใช้สร้างเรือ พวกเขาเลือกไม้ที่ดีที่สุด ทำเชือกและเชือกที่แข็งแรงสมบูรณ์ วัสดุสำหรับใบเรือนั้นน่าเชื่อถือที่สุด

กระดูกงูทำจากไม้โอ๊ค โครงเป็นไม้อะคาเซีย เสาทำด้วยไม้สน เสริมความหลากหลายของพันธุ์ไม้ - เปลือกไม้บีช ใบเรือเดิมเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ต่อมานักต่อเรือชาวกรีกตระหนักว่าการใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมูเพื่อสร้างใบเรือนั้นมีประโยชน์มากกว่ามาก

เรือลำแรกเบามาก ความยาวของพวกมันเพียง 35-40 เมตร ตรงกลางลำเรือ ด้านข้างอยู่ต่ำกว่าส่วนอื่นๆ ของเรือ พายได้รับการสนับสนุนโดยคานพิเศษ จากพายที่ติดตั้งที่ท้ายเรือ พวกเขาทำการควบคุมที่คล้ายกับหางเสือ

มีเรือแถวเดียวและเรือสองชั้น ยูนิรีมน้ำหนักเบามีความยาวประมาณ 15 เมตร และพายเรือได้คนละ 25 คน มันมาจากเรือลำดังกล่าวที่กองเรือของชาวกรีกประกอบด้วยระหว่างการล้อมเมืองทรอย ในเวลาเดียวกัน เรือแต่ละลำได้รับการติดตั้งแกะผู้ทำด้วยโลหะในรูปแบบของหอกขนาดใหญ่ 8-10 เมตร

ความหลากหลายของเรือของชาวกรีกโบราณ

เพนเทคอนเตอร์ เรือเหล่านี้ถูกประดิษฐ์และเป็นที่นิยมระหว่างศตวรรษที่ 12 ถึง 8 ปีก่อนคริสตกาล เรือยาวประมาณ 30-35 เมตร กว้างประมาณ 5 เมตร พายเรือ มี 1 ชั้น เรือพัฒนาความเร็วสูงสุด 10 นอต

เพนเทคอนเตอร์ไม่ได้ไร้ความสามารถตลอดเวลา ในเวลาต่อมาพวกเขาถูกติดตั้งใหม่ ดาดฟ้าป้องกันทาสจากแสงแดดโดยตรง, กระสุนของศัตรู พวกเขาวางทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการบนดาดฟ้าจากเสบียง น้ำดื่ม พวกเขายังขับม้าพร้อมกับรถรบเพื่อต่อสู้บนบก หากจำเป็น นักธนูและนักรบคนอื่น ๆ ได้อาศัยในเพนเทคอนเตอร์อย่างง่ายดาย

บ่อยครั้งที่ Pentekontors ถูกใช้เป็นการเคลื่อนไหวของนักรบจากสถานที่ของเหตุการณ์บางอย่างไปยังวัตถุการต่อสู้อื่น ๆ อันที่จริงพวกเขากลายเป็นเรือรบในเวลาต่อมาเมื่อชาวกรีกตัดสินใจไม่เพียง แต่ส่งเครื่องบินรบ แต่ยังใช้ Pentekontors เพื่อจมเรือศัตรูและชนพวกเขา เมื่อเวลาผ่านไป เรือเหล่านี้เปลี่ยนไป สูงขึ้น ช่างต่อเรือชาวกรีกได้เพิ่มระดับใหม่เพื่อรองรับนักรบจำนวนมากขึ้น แต่ชื่อของเรือลำนั้นเปลี่ยนไป

บีเรม. นี่คือเพนเทคอนเตอร์ที่ได้รับการดัดแปลง Bireme ได้รับการปกป้องจากการโจมตีของศัตรูระหว่างการสู้รบทางเรือได้ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนฝีพายที่เคยฝึกปฏิบัติการแบบซิงโครนัสในระหว่างการหาเสียงก็เพิ่มขึ้น ในกรณีนี้ไม่ได้ใช้แรงงานทาสเนื่องจากผลของการต่อสู้มักขึ้นอยู่กับฝีพายที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เฉพาะกะลาสีมืออาชีพเท่านั้นที่ได้รับการว่าจ้างสำหรับงานดังกล่าว พวกเขาได้รับเงินเดือนเท่าเทียมกับทหาร

แต่ต่อมาพวกเขาเริ่มใช้แรงงานทาสอีกครั้งซึ่งในเบื้องต้นได้สอนทักษะการพายเรือแก่พวกเขาแล้ว บ่อยครั้งที่มีนักพายเรือมืออาชีพเพียงเล็กน้อยในทีม ส่วนที่เหลือเป็นฆราวาสที่สมบูรณ์ในเรื่องนี้

Birema มีไว้สำหรับการต่อสู้ในน้ำโดยเฉพาะ ฝีพายของระดับล่างเคลื่อนบนพายภายใต้คำสั่งของกัปตันเรือ และชั้นบน (นักรบ) ต่อสู้ภายใต้การนำของผู้บัญชาการ สิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากทุกคนมีงานทำมากพอ และทุกคนก็ทำหน้าที่ของตน

เทรียร์ นี่คือเรือที่ทรงพลังและทรงพลังที่สุดของกรีกโบราณ การประดิษฐ์เรือประเภทนี้มีสาเหตุมาจากชาวฟินีเซียน แต่เชื่อกันว่าพวกเขายืมภาพวาดจากชาวโรมัน แต่พวกเขาเรียกเรือของตนว่าตรีเอกานุภาพ เห็นได้ชัดว่าชื่อมีความแตกต่างเพียงอย่างเดียว ชาวกรีกมีกองยานทั้งไตรรีมและไบรีม ด้วยอำนาจนี้ ชาวกรีกจึงเริ่มครอบครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก

เทรียร์เป็นเรือขนาดใหญ่ที่มีความจุ 200 คน ส่วนใหญ่เป็นนักพายเรือ ที่เหลือเป็นนักธนู ลูกเรือของเรือมีลูกเรือเพียง 15-20 คนและผู้ช่วยไม่กี่คน

พายบนเรือแบ่งตามสัดส่วนใน 3 ระดับ:

1. ตอนบน.
2. เฉลี่ย.
3. ต่ำกว่า.

เทรียร์เป็นเรือที่เร็วมาก นอกจากนี้เธอยังคล่องแคล่วอย่างประณีตและไปที่แกะผู้ได้อย่างง่ายดาย Triremes มาพร้อมกับใบเรือ แต่ชาวกรีกชอบที่จะทำการต่อสู้เมื่อเรืออยู่บนพาย Trieres ขนาดใหญ่บนพายเร่งเป็น 8 นอต ซึ่งไม่สามารถทำได้ด้วยการแล่นเรือเพียงลำพัง อุปกรณ์สำหรับการชนเรือข้าศึกทั้งใต้น้ำและเหนือมัน อันที่อยู่ด้านบนสุด ชาวกรีกให้รูปร่างโค้งหรือทำเป็นหัวขนาดใหญ่ของสัตว์ประหลาด ใต้น้ำ แกะตัวผู้ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของหอกทองแดงที่แหลมคมมาตรฐาน นักรบตั้งความหวังสูงสุดไว้ที่แกะใต้น้ำระหว่างการต่อสู้

เป้าหมายหลักคือการเจาะลำเรือของศัตรูเพื่อให้ลงไปด้านล่าง ชาวกรีกทำอย่างชำนาญ และเรือของผู้พิชิตส่วนใหญ่จมลง เทคนิคการต่อสู้ของ Trier มีดังนี้:

1. พยายามโจมตีจากด้านหลังในขณะที่เรือลำอื่นเข้ายึดตำแหน่งที่ทำให้ไขว้เขว
2. ก่อนการชน ให้หลบ ถอดพาย และสร้างความเสียหายให้กับด้านข้างของเรือรบศัตรู
3. พลิกกลับโดยเร็วที่สุดและชนศัตรูจนหมด
4. โจมตีเรือรบศัตรูลำอื่น

ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์หลายคนจากประเทศต่าง ๆ ของโลกได้สร้างเทรียร์ขึ้นมาใหม่จากภาพวาดและคำอธิบายในสมัยโบราณ นักต่อเรือที่กระตือรือร้นออกเดินทางบนเรือลำนี้ในทะเล การเดินทางช่วยให้นักวิจัยเข้าใจว่าการเคลื่อนที่ของคลื่นเกิดขึ้นได้อย่างไร การต่อสู้ดำเนินไปอย่างไร ฯลฯ ตอนนี้เรือลำนี้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของกรีซ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพีเรียส

ใหม่สำหรับฤดูหนาวปี 2008 คือศูนย์วารีบำบัด Loutra Aridea ในเทือกเขา Aridea พื้นที่ภูเขาที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชนั้นอุดมไปด้วยน้ำพุร้อนที่ตั้งอยู่กลางแจ้ง อุณหภูมิของน้ำในนั้นอยู่ที่ 38-39 องศา รอบๆ น้ำพุ เราเห็นพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ อากาศบริสุทธิ์ และน้ำตก

Achillion เป็นวังของจักรพรรดินีผู้โศกเศร้า

ในบรรดาสถานที่ท่องเที่ยวมากมายของเกาะคอร์ฟู จุด Achillion ที่น่าตื่นตาตื่นใจนั้นเปล่งประกายราวกับไข่มุกชนิดพิเศษ ตั้งอยู่ในเมืองเล็ก ๆ ของ Gasturi ห่างจากเมืองหลวงของเกาะ 10 กิโลเมตร วังนี้เรียกอีกอย่างว่าวังของจักรพรรดินีผู้โศกเศร้า จักรพรรดินีผู้นี้เป็นใครและทำไมจึงตั้งชื่อวังบทความนี้จะบอกคุณ

ยินดีต้อนรับสู่ Patras

กรีซ - หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงของ Makrinitsa