ตัวอย่างภาพดนตรีคืออะไร อิมเมจดนตรีคืออะไร

ภาพดนตรี

ดนตรีเป็นศิลปะที่มีชีวิตถือกำเนิดขึ้นและดำรงอยู่ด้วยความสามัคคีของกิจกรรมทุกประเภท การสื่อสารระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นผ่านภาพดนตรี ในใจของผู้แต่ง ภายใต้อิทธิพลของความประทับใจทางดนตรีและจินตนาการเชิงสร้างสรรค์ ภาพลักษณ์ทางดนตรีก็เกิดขึ้น ซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวในบทเพลง ฟังภาพดนตรีเช่น เนื้อหาชีวิตที่รวมอยู่ในเสียงดนตรีกำหนดแง่มุมอื่น ๆ ทั้งหมดของการรับรู้ทางดนตรี

กล่าวอีกนัยหนึ่งภาพดนตรีเป็นภาพที่รวมอยู่ในดนตรี (ความรู้สึก, ประสบการณ์, ความคิด, การสะท้อน, การกระทำของคนคนเดียวหรือหลายคน; การปรากฎตัวของธรรมชาติ, เหตุการณ์ในชีวิตของบุคคล, ชาติ, มนุษยชาติ ... ฯลฯ .)

ภาพลักษณ์ทางดนตรีถูกรวมเข้ากับตัวละคร, ดนตรีและการแสดงออก, สภาพทางสังคมและประวัติศาสตร์ของการสร้างสรรค์, ลักษณะเฉพาะของการก่อสร้าง, รูปแบบของนักแต่งเพลง

ภาพดนตรีคือ:

Lyric - ภาพของความรู้สึกความรู้สึก;-epic - คำอธิบาย;-dramatic - ภาพของความขัดแย้ง, การชนกัน;-fabulous- ภาพ-เทพนิยาย ไม่จริง;-การ์ตูน-ตลกฯลฯ

นักแต่งเพลงสร้างภาพดนตรีที่รวบรวมความคิดสร้างสรรค์บางอย่าง เนื้อหานี้หรือเนื้อหาชีวิตนั้น

ภาพเนื้อเพลง

คำว่า lyric กวีนิพนธ์ มาจากคำว่า "lyre" ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีโบราณที่บรรเลงโดยนักร้อง (rhapsodists) เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ และอารมณ์ความรู้สึก

เนื้อเพลงเป็นบทพูดคนเดียวของฮีโร่ซึ่งเขาเล่าถึงประสบการณ์ของเขา

ภาพโคลงสั้น ๆ เผยให้เห็นโลกฝ่ายวิญญาณของผู้สร้างแต่ละคน ไม่มีเหตุการณ์ใดในเนื้อเพลงซึ่งแตกต่างจากละครและมหากาพย์ - มีเพียงคำสารภาพของฮีโร่ในบทกวีเท่านั้นการรับรู้ส่วนตัวของเขาเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ.

นี่คือคุณสมบัติหลักของเนื้อเพลง:-ความรู้สึก-อารมณ์- ขาดการกระทำผลงานที่สะท้อนภาพโคลงสั้น ๆ :

1. เบโธเฟน "Sonata No. 14" ("แสงจันทร์")2. ชูเบิร์ต "เซเรเนด"3. โชแปง "โหมโรง"4. Rachmaninov "เปล่งเสียง"5. ไชคอฟสกี "เมโลดี้"

ภาพดราม่า

ละคร (กรีก Δρα'μα - การกระทำ) เป็นหนึ่งในวรรณกรรมประเภทหนึ่ง (พร้อมกับเนื้อเพลง มหากาพย์ และมหากาพย์เชิงโคลงสั้น ๆ ด้วย) ที่ถ่ายทอดเหตุการณ์ผ่านบทสนทนาของตัวละคร ตั้งแต่สมัยโบราณมีอยู่ในนิทานพื้นบ้านหรือรูปแบบวรรณกรรมในหมู่ชนชาติต่างๆ

ละครเป็นงานที่พรรณนาถึงกระบวนการของการกระทำความสนใจของมนุษย์ในการแสดงออกที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขากลายเป็นหัวข้อหลักของศิลปะการละคร

คุณสมบัติหลักของละคร:

ผู้ชายกำลังมีปัญหา สถานการณ์ที่ยากลำบากที่ดูสิ้นหวังสำหรับเขา

เขากำลังหาทางออกจากสถานการณ์นี้

เขาเข้าสู่การต่อสู้ - ไม่ว่าจะกับศัตรูของเขาหรือกับสถานการณ์เอง

ดังนั้นพระเอกละครซึ่งตรงกันข้ามกับบทกวีการกระทำการต่อสู้อันเป็นผลมาจากการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าจะชนะหรือตาย - บ่อยที่สุด

ในละคร เบื้องหน้าไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นการกระทำ แต่การกระทำเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำด้วยความรู้สึกและมาก ความรู้สึกที่แข็งแกร่ง- ความสนใจ ฮีโร่ภายใต้การควบคุมของความรู้สึกเหล่านี้กระทำการกระทำที่กระตือรือร้น

ฮีโร่ของเช็คสเปียร์เกือบทั้งหมดเป็นของตัวละครที่น่าทึ่ง: Hamlet, Othello, Macbeth

พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า พวกเขาทั้งหมดอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

แฮมเล็ตถูกทรมานด้วยความเกลียดชังของฆาตกรของพ่อและความปรารถนาที่จะแก้แค้น

โอเทลโลทนทุกข์ทรมานจากความหึงหวง;

ก็อตเบธมีความทะเยอทะยานมาก ปัญหาหลักของเขาคือความต้องการอำนาจ เพราะเขาตัดสินใจสังหารกษัตริย์

ละครเป็นสิ่งที่คิดไม่ถึงหากไม่มีฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่: เขาเป็นคนที่เอาแต่ใจ มีสมาธิ เป็นแหล่งที่มา ชีวิตหมุนวนรอบตัวเขาเหมือนน้ำไหลภายใต้การกระทำของใบพัดของเรือ แม้ว่าฮีโร่จะไม่ได้ใช้งาน (เช่น Hamlet) นี่เป็นการไม่ใช้งานที่ระเบิดได้ "ฮีโร่กำลังมองหาภัยพิบัติ หากปราศจากภัยพิบัติ ฮีโร่ก็เป็นไปไม่ได้" เขาคือใคร - ฮีโร่ที่น่าทึ่ง? ตกเป็นทาสของกิเลส เขาไม่ได้มองหา แต่เธอกำลังลากเขาไปสู่หายนะผลงานที่รวบรวมภาพอันน่าทึ่ง:1. ไชคอฟสกี " ราชินีโพดำ"
The Queen of Spades เป็นโอเปร่าที่สร้างจากเรื่องราวในชื่อเดียวกันโดย Alexander Pushkin

พล็อตโอเปร่า:

ตัวละครหลักของโอเปร่าคือเจ้าหน้าที่เฮอร์มันน์ ชาวเยอรมันโดยกำเนิด ยากจน และฝันถึงการตกแต่งที่ง่ายและรวดเร็ว เขาเป็นนักพนันที่มีหัวใจ แต่เขาไม่เคยเล่นไพ่แม้ว่าเขาจะฝันถึงมันมาโดยตลอด

ในช่วงเริ่มต้นของโอเปร่า เฮอร์แมนหลงรักลิซ่าทายาทผู้ร่ำรวยของเคาน์เตส แต่เขายากจนและไม่มีโอกาสแต่งงาน นั่นคือทันทีที่ผู้สิ้นหวังถูกร่าง สถานการณ์ดราม่า: ความยากจนและผลจากความยากจนนี้ทำให้ไม่สามารถบรรลุถึงหญิงสาวอันเป็นที่รักได้

และบังเอิญเฮอร์แมนรู้ว่าคุณหญิงชราผู้อุปถัมภ์ของลิซ่ารู้ความลับของไพ่ 3 ใบ หากคุณเดิมพันการ์ดเหล่านี้ 3 ครั้งติดต่อกัน คุณจะได้รับโชค และเฮอร์แมนตั้งเป้าหมายในการจำไพ่ 3 ใบนี้ ความฝันนี้กลายเป็นความหลงใหลที่แรงกล้าที่สุดของเขา เพราะเห็นแก่เธอ เขาถึงกับเสียสละความรักของเขา เขาใช้ลิซ่าเป็นหนทางเข้าไปในบ้านของเคาน์เตสและค้นหาความลับ เขาขอนัดเดทกับลิซ่าที่บ้านของเคานท์เตส แต่ไม่ไปหาหญิงสาว แต่ไปหาหญิงชราและจ่อต้องการให้บอกการ์ด 3 ใบแก่เขา หญิงชราเสียชีวิตโดยไม่บอกชื่อเขา แต่ในคืนถัดมา ผีของเธอปรากฏแก่เขาและพูดว่า: "สาม เจ็ด เอซ"

วันรุ่งขึ้นเฮอร์แมนสารภาพกับลิซ่าว่าเขาเป็นผู้กระทำผิดในการตายของเคานท์เตสลิซ่าไม่สามารถทนต่อแรงกระแทกดังกล่าวจมน้ำตายในแม่น้ำและเฮอร์แมนไปที่บ่อนการพนันเดิมพันหนึ่งหลังจากที่อีกสามเจ็ด ชนะแล้วเดิมพันเอซด้วยเงินทั้งหมดที่ได้รับ แต่ในนาทีสุดท้าย แทนที่จะเป็นเอซ เขากลับถือราชินีโพดำ และเฮอร์แมนจินตนาการถึงเคาน์เตสชราต่อหน้าหญิงโพดำคนนี้ ไม่ว่าเขาจะชนะอะไร เขาแพ้และฆ่าตัวตาย

เฮอร์แมนในโอเปร่าของไชคอฟสกีไม่เหมือนกับในพุชกิน

ภาษาเยอรมันของพุชกินนั้นเย็นชาและมีการคำนวณ Liza สำหรับเขาเป็นเพียงหนทางสู่การตกแต่ง - ตัวละครดังกล่าวไม่สามารถดึงดูดใจไชคอฟสกีผู้ซึ่งจำเป็นต้องรักฮีโร่ของเขาเสมอ ละครส่วนใหญ่ไม่สอดคล้องกับเรื่องราวของพุชกิน: จังหวะของการกระทำ, ตัวละครของวีรบุรุษ

Herman ของ Tchaikovsky เป็นฮีโร่ที่กระตือรือร้นและโรแมนติกด้วย ความหลงใหลที่แข็งแกร่งและจินตนาการอันร้อนแรง เขารักลิซ่า และมีเพียงความลึกลับของไพ่สามใบที่ค่อยๆ แทนที่ภาพลักษณ์ของเธอจากจิตสำนึกของเฮอร์แมน

2. เบโธเฟน "ซิมโฟนีหมายเลข 5"งานทั้งหมดของเบโธเฟนสามารถอธิบายได้ว่าเป็นงานที่น่าทึ่ง ชีวิตส่วนตัวของเขากลายเป็นเครื่องยืนยันคำพูดเหล่านี้ การต่อสู้คือความหมายของชีวิตทั้งชีวิตของเขา ต่อสู้กับความยากจน ต่อสู้กับรากฐานทางสังคม ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ เกี่ยวกับงาน "Symphony No. 5" ผู้เขียนเองกล่าวว่า: "ชะตากรรมกำลังเคาะประตู!"

3. ชูเบิร์ต "ราชาแห่งป่า"มันแสดงให้เห็นการต่อสู้ระหว่างสองโลก - จริงและมหัศจรรย์ เนื่องจากชูเบิร์ตเองเป็นนักแต่งเพลงโรแมนติก และความโรแมนติกนั้นโดดเด่นด้วยความหลงใหลในเวทย์มนตร์ การปะทะกันของโลกเหล่านี้จึงแสดงออกอย่างชัดเจนในงานนี้ โลกแห่งความเป็นจริงถูกนำเสนอในรูปของพ่อ เขาพยายามมองโลกอย่างสงบและสมเหตุสมผล เขาไม่เห็นราชาแห่งป่า โลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์ - ราชาแห่งป่า ธิดาของเขา และทารกอยู่ที่จุดเชื่อมต่อของโลกเหล่านี้ เขาเห็นราชาป่า โลกนี้น่ากลัวและดึงดูดเขา และในขณะเดียวกันเขาก็เป็นของ โลกแห่งความจริงเขาขอความคุ้มครองจากพ่อของเขา แต่ในท้ายที่สุด โลกมหัศจรรย์ก็ชนะ แม้ว่าพ่อของเขาจะพยายามทุกวิถีทางก็ตาม“คนขี่ขับ คนขี่ควบในมือของเขามีทารกที่ตายแล้ว "

ในงานนี้ ภาพของความมหัศจรรย์และความน่าทึ่งนั้นเชื่อมโยงกัน จากภาพอันน่าทึ่ง เราสังเกตเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและไม่อาจประนีประนอม จากรูปลักษณ์ที่น่าพิศวงและน่าพิศวง

ภาพมหากาพย์EPOS, [กรีก. ยุค - คำ]มหากาพย์มักจะเป็นบทกวีที่บอกเกี่ยวกับวีรบุรุษ การกระทำ

ต้นกำเนิดของบทกวีมหากาพย์มีรากฐานมาจากนิทานยุคก่อนประวัติศาสตร์ของพระเจ้าและสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติอื่นๆ

มหากาพย์คืออดีต เพราะ บรรยายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของผู้คน เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และการหาประโยชน์

^ เนื้อเพลงมีจริงเพราะ วัตถุคือความรู้สึกและอารมณ์

ดราม่าคืออนาคต เพราะ สิ่งสำคัญในมันคือการกระทำด้วยความช่วยเหลือที่ฮีโร่พยายามตัดสินชะตากรรมของพวกเขาอนาคตของพวกเขา

ครั้งแรกและ แบบง่ายๆหมวดศิลปะที่เกี่ยวข้องกับคำที่แนะนำโดยอริสโตเติลตามที่มหากาพย์เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ละครนำเสนอในบุคคลเนื้อเพลงตอบสนองด้วยเพลงของจิตวิญญาณ

สถานที่และเวลาของการกระทำของวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่นั้นคล้ายคลึงกับประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ที่แท้จริง (ซึ่งทำให้มหากาพย์แตกต่างไปจากเทพนิยายและตำนานอย่างสิ้นเชิงซึ่งไม่สมจริงเลย) อย่างไรก็ตาม มหากาพย์นี้ไม่สมจริงทั้งหมด แม้ว่าจะอิงจากเหตุการณ์จริงก็ตาม ในตัวเขามีอุดมคติและเป็นตำนาน

นี่เป็นสมบัติของความทรงจำ เรามักจะเติมแต่งอดีตของเราเล็กน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงอดีตอันยิ่งใหญ่ ประวัติศาสตร์ของเรา วีรบุรุษของเรา และบางครั้งตรงกันข้าม: เหตุการณ์และตัวละครทางประวัติศาสตร์บางอย่างดูเหมือนกับเราแย่กว่าที่เคยเป็นมา คุณสมบัติมหากาพย์:

วีรกรรม

ความสามัคคีของฮีโร่กับประชาชนของเขาซึ่งเขาทำสำเร็จในนาม

ประวัติศาสตร์

เยี่ยม (บางครั้ง ฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่ต่อสู้กับศัตรูตัวจริงเท่านั้น แต่ยังต่อสู้กับสัตว์ในตำนานด้วย)

การประเมิน (ฮีโร่ของมหากาพย์นั้นดีหรือไม่ดี ตัวอย่างเช่น ฮีโร่ในมหากาพย์ - และศัตรูของพวกเขา สัตว์ประหลาดทุกประเภท)

ความเที่ยงธรรมแบบสัมพัทธ์ (มหากาพย์บรรยายเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์จริง และพระเอกอาจมีจุดอ่อน)ภาพที่เป็นมหากาพย์ในดนตรีไม่เพียงแต่เป็นภาพของวีรบุรุษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหตุการณ์ เรื่องราว นอกจากนี้ยังสามารถเป็นภาพธรรมชาติ พรรณนาถึงมาตุภูมิในยุคประวัติศาสตร์บางช่วง

นี่คือความแตกต่างระหว่างมหากาพย์กับเนื้อเพลงและละคร: ในตอนแรกไม่ใช่ฮีโร่ที่มีปัญหาส่วนตัว แต่เป็นเรื่องราวงานมหากาพย์:1. บโรดิน” วีรสตรีซิมโฟนี" 2. Borodin "เจ้าชายอิกอร์"

Borodin Alexander Porfirevich (1833-1887) หนึ่งในนักแต่งเพลงของ The Mighty Handful

ผลงานทั้งหมดของเขาเต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ของชาวรัสเซีย ความรักต่อมาตุภูมิ ความรักในอิสรภาพ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ - และ "Heroic Symphony" ซึ่งจับภาพของมาตุภูมิผู้กล้าหาญและโอเปร่า "Prince Igor" ที่สร้างขึ้นจากมหากาพย์รัสเซีย "The Lay of Igor's Campaign"

"คำพูดเกี่ยวกับกองทหารของ Igor" ("คำพูดเกี่ยวกับการรณรงค์ของ Igor, Igor, ลูกชายของ Svyatoslavov หลานชายของ Olegov เป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงที่สุด (ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุด) ของวรรณคดีรัสเซียยุคกลาง พล็อตขึ้นอยู่กับการรณรงค์ที่ไม่ประสบความสำเร็จ แห่ง 1185 ของเจ้าชายรัสเซียต่อต้าน Polovtsy นำโดยเจ้าชาย Igor Svyatoslavich

3. Mussorgsky "ประตูฮีโร่"

ภาพเยี่ยม

ชื่อนี้บ่งบอกถึงโครงเรื่องของงานเหล่านี้ ภาพเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดในผลงานของ N.A. Rimsky-Korsakov นี้และ ซิมโฟนิกสวีท"Scheherazade" จากนิทาน "1001 nights" และโอเปร่าที่มีชื่อเสียงของเขา - นิทาน "The Snow Maiden", "The Tale of Tsar Saltan", "The Golden Cockerel" เป็นต้น ด้วยความสามัคคีอย่างใกล้ชิดกับธรรมชาติพวกเขาแสดงเพลงของ Rimsky-Korsakov ที่ยอดเยี่ยม ภาพที่ยอดเยี่ยม... ส่วนใหญ่มักจะเป็นตัวเป็นตนเช่นเดียวกับในงานศิลปะพื้นบ้านกองกำลังธาตุบางอย่างและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (Frost, Leshy, Sea Princess ฯลฯ ) รูปภาพที่น่าอัศจรรย์รวมถึงองค์ประกอบทางดนตรีที่งดงามราวกับเทพนิยาย รูปลักษณ์และตัวละคร คนจริง... ความเก่งกาจดังกล่าว (จะกล่าวถึงในรายละเอียดเพิ่มเติมเมื่อวิเคราะห์ผลงาน) ทำให้นิยายดนตรีของ Korsakov มีความคิดริเริ่มพิเศษและความลึกของบทกวี

ท่วงทำนองของประเภทเครื่องดนตรีของ Rimsky-Korsakov ที่ซับซ้อนในโครงสร้างไพเราะ - จังหวะมือถือและอัจฉริยะมีความโดดเด่นด้วยความคิดริเริ่มที่ยอดเยี่ยมซึ่งผู้แต่งใช้ในการบรรยายดนตรีของตัวละครที่ยอดเยี่ยม

สามารถกล่าวถึงภาพที่ยอดเยี่ยมในดนตรีได้ที่นี่

เพลงที่ยอดเยี่ยม
ความคิดบางอย่าง

ตอนนี้ไม่มีใครสงสัยเลยว่างานมหัศจรรย์ที่ตีพิมพ์จำนวนมากทุกปี และภาพยนตร์ที่น่าอัศจรรย์ซึ่งถ่ายทำกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาก็ได้รับความนิยมอย่างมากเช่นกัน แล้ว "เพลงมหัศจรรย์" (หรือ "นิยายเพลง") ถ้าคุณต้องการ

อย่างแรกเลย ถ้าคุณลองคิดดู "เพลงมหัศจรรย์" ได้ปรากฏตัวขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ไม่ใช่ไปในทิศทางนี้หรือที่เพลงโบราณและเพลงบัลลาด (นิทานพื้นบ้าน) ที่รวบรวมโดยผู้คนต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อยกย่องวีรบุรุษในตำนานและเหตุการณ์ต่าง ๆ (รวมถึงนิยาย - ตำนาน)? และตั้งแต่ประมาณศตวรรษที่ 17 โอเปร่า บัลเลต์และงานไพเราะต่างๆ ที่มีพื้นฐานมาจากเทพนิยายและตำนานต่างๆ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว การแทรกซึมของนิยายเข้าสู่วัฒนธรรมดนตรีเริ่มขึ้นในยุคของแนวโรแมนติก แต่เราสามารถค้นหาองค์ประกอบของ "การบุกรุก" ของเธอได้อย่างง่ายดายในผลงานเพลงแนวโรแมนติกเช่น Mozart, Gluck, Beethoven อย่างไรก็ตาม แรงจูงใจที่วิเศษสุดที่เห็นได้ชัดที่สุดในเพลงของนักประพันธ์เพลงชาวเยอรมัน R. Wagner, E.T.A. Hoffmann, K. Weber, F. Mendelssohn ผลงานของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำเสียงแบบโกธิก แรงจูงใจขององค์ประกอบที่น่าอัศจรรย์และน่าอัศจรรย์ ซึ่งเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับธีมของการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์กับความเป็นจริงโดยรอบ ไม่มีใครจำได้นอกจากนักแต่งเพลงชาวนอร์เวย์ Edvard Grieg ที่โด่งดังจากผลงานดนตรีของเขาจากมหากาพย์พื้นบ้านและผลงานของ Henrik Ibsen "Procession of the Dwarfs", "In the Cave of the Mountain King", Dance of the Elves "
เช่นเดียวกับชาวฝรั่งเศส Hector Berlioz ซึ่งมีการแสดงธีมขององค์ประกอบของพลังแห่งธรรมชาติอย่างชัดเจน ยวนใจแสดงออกอย่างชัดเจนในวัฒนธรรมดนตรีรัสเซีย ผลงานของ Mussorgsky "Pictures at an Exhibition" และ "Night on Bald Mountain" ซึ่งพรรณนาวันสะบาโตของแม่มดในคืนของ Ivan Kupala ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมร็อคสมัยใหม่ เต็มไปด้วยภาพอันน่าอัศจรรย์ Musorgsky ยังเป็นของการตีความดนตรีของเรื่อง "Sorochinskaya Yarmarka" โดย Nikolai Gogol อย่างไรก็ตาม การแทรกซึมของวรรณกรรมในวัฒนธรรมดนตรีนั้นชัดเจนที่สุดในงานของนักประพันธ์เพลงชาวรัสเซีย: "The Queen of Spades" โดย Tchaikovsky, "Rusalka" และ "The Stone Guest" โดย Dargomyzhsky, "Ruslan and Lyudmila" โดย Glinka, "The Golden Cockerel" โดย Rimsky-Korsakov, "The Demon" โดย Rubinstein ฯลฯ ในตอนต้นของศตวรรษที่ยี่สิบ Scriabin ผู้ทดลองที่กล้าหาญผู้ขอโทษสำหรับศิลปะสังเคราะห์ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแสงและดนตรีทำ การปฏิวัติทางดนตรีอย่างแท้จริง ในบทเพลงไพเราะ เขาเขียนบทสำหรับแสงในบรรทัดแยก ผลงานของเขาเช่น " กวีศักดิ์สิทธิ์"(3rd Symphony, 1904)," The Poem of Fire "(" Prometheus ", 1910)," The Poem of Ecstasy "(1907) และแม้กระทั่ง" realists ที่ได้รับการยอมรับเช่น Shostakovich และ Kabalevsky ใช้เทคนิคแห่งจินตนาการใน งานดนตรี แต่บางทีความเจริญรุ่งเรืองที่แท้จริงของ "ดนตรีที่ยอดเยี่ยม" (ดนตรีในนิยายวิทยาศาสตร์) เริ่มต้นขึ้นในยุค 70 ของศตวรรษของเราด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการปรากฏตัวของภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง "A Space Odyssey of 2001" โดย S . Kubrik (โดยที่พวกเขาใช้ผลงานคลาสสิกโดย R. Strauss และ I. Strauss) และ "Solaris" โดย A. Tarkovsky (ซึ่งในภาพยนตร์ของเขาร่วมกับนักแต่งเพลง E. Artemiev หนึ่งในคนแรก "ซินธิไซเซอร์" ของรัสเซียสร้าง "พื้นหลัง" เสียงที่ยอดเยี่ยมเพียงผสมผสานเสียงจักรวาลลึกลับเข้ากับ เพลงที่ยอดเยี่ยม I.-S. บาค). เป็นไปได้ไหมที่จะจินตนาการถึง "ไตรภาค" อันโด่งดังของเจ. ลูคัส "สตาร์ วอร์ส" และแม้แต่ "อินเดียน่า โจนส์" (ซึ่งถ่ายทำโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก - แต่มันเป็นความคิดของลูคัส!) หากปราศจากการแสดงดนตรีที่ก่อไฟและโรแมนติกของเจ. วิลเลียมส์ โดยวงดุริยางค์ซิมโฟนี

ในขณะเดียวกัน (ในตอนต้นของยุค 70) การพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ถึงระดับหนึ่ง - ซินธิไซเซอร์ดนตรีปรากฏขึ้น เทคนิคใหม่นี้เปิดโอกาสที่ยอดเยี่ยมให้กับนักดนตรี: ในที่สุดก็เป็นไปได้ที่จะให้อิสระในจินตนาการและการสร้างแบบจำลองเพื่อสร้างที่น่าทึ่งและจริงจัง เสียงวิเศษ, สานเป็นเพลง "ปั้น" เสียงเหมือนประติมากร! .. บางทีนี่อาจเป็นจินตนาการที่แท้จริงในดนตรีอยู่แล้ว ดังนั้น จากช่วงเวลานี้ ยุคใหม่เริ่มต้นขึ้น กาแล็กซีของนักสังเคราะห์เสียงระดับปรมาจารย์คนแรก ผู้แต่ง-นักแสดงของผลงานของพวกเขา ก็ปรากฏขึ้น

ภาพการ์ตูน

ชะตากรรมของการ์ตูนในเพลงได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก นักวิจารณ์ศิลปะหลายคนไม่ได้พูดถึงการ์ตูนในเพลงเลย คนอื่นๆ ปฏิเสธการมีอยู่ของละครตลกหรือมองว่ามีความเป็นไปได้น้อยมาก M. Kagan เป็นผู้กำหนดมุมมองที่แพร่หลายที่สุด: “ความเป็นไปได้ในการสร้างภาพการ์ตูนในเพลงนั้นมีน้อยมาก (...) บางทีเฉพาะในศตวรรษที่ XX เท่านั้นที่ดนตรีเริ่มแสวงหาวิธีการทางดนตรีของตัวเองอย่างหมดจดเพื่อสร้างภาพการ์ตูน (...) และถึงกระนั้นแม้จะมีการค้นพบทางศิลปะที่สำคัญที่ทำโดยนักดนตรีแห่งศตวรรษที่ 20 แต่การ์ตูนก็ไม่ชนะความคิดสร้างสรรค์ทางดนตรีและแน่นอนว่าจะไม่มีวันชนะในที่ที่มันครอบครองวรรณกรรมละครละครมานาน ศิลปะ ภาพยนตร์ " ...

การ์ตูนจึงเป็นเรื่องตลกและมีความสำคัญอย่างกว้างขวาง งานคือ "การแก้ไขด้วยเสียงหัวเราะ" รอยยิ้มและเสียงหัวเราะกลายเป็น "สหาย" ของการ์ตูนเฉพาะเมื่อพวกเขาแสดงความรู้สึกพึงพอใจซึ่งทำให้เกิดชัยชนะทางวิญญาณในบุคคลที่ขัดกับอุดมคติของเขาสิ่งที่เข้ากันไม่ได้กับพวกเขาอะไร เป็นปฏิปักษ์ต่อตน เพราะการเปิดเผยสิ่งที่ขัดกับอุดมคติ การตระหนักถึงความขัดแย้งหมายถึงการเอาชนะความชั่ว การกำจัดมัน ดังนั้น อย่างที่ M.S.Kagan ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามชาวรัสเซียเขียน การปะทะกันระหว่างความจริงและอุดมคติจึงอยู่ที่หัวใจของการ์ตูนเรื่องนี้ ควรจำไว้ว่าการ์ตูนตรงกันข้ามกับโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ก่อให้เกิดความทุกข์แก่ผู้อื่นและไม่เป็นอันตรายต่อบุคคล

เงาของการ์ตูน - อารมณ์ขันและการเสียดสี อารมณ์ขันเป็นการเยาะเย้ยที่มีนิสัยดีและไม่เป็นอันตรายของข้อบกพร่องส่วนบุคคล จุดอ่อนของปรากฏการณ์เชิงบวกโดยทั่วไป อารมณ์ขันคือการหัวเราะที่เป็นมิตรและไม่เป็นอันตราย แม้ว่าจะไม่ใช่เสียงหัวเราะก็ตาม

การเสียดสีเป็นการ์ตูนประเภทที่สอง เสียงหัวเราะเสียดสีเป็นการหัวเราะที่น่าเกรงขาม โหดร้าย และร้อนแรง ต่างจากอารมณ์ขัน เพื่อที่จะทำร้ายความชั่วร้าย ความผิดปกติทางสังคม ความหยาบคาย การผิดศีลธรรม และอื่นๆ ให้มากที่สุด ปรากฏการณ์นี้มักจะจงใจพูดเกินจริงและเกินจริง

ศิลปะทุกรูปแบบสามารถสร้างภาพตลกได้ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงวรรณคดี โรงละคร ภาพยนตร์ ภาพวาด - มันชัดเจนมาก Scherzo ภาพบางภาพในโอเปร่า (เช่น Farlaf, Dodon) - นำการ์ตูนมาสู่ดนตรี หรือระลึกถึงตอนจบของการเคลื่อนไหวครั้งแรกของ Second Symphony ของ Tchaikovsky ซึ่งเขียนในธีมเพลงยูเครน "Zhuravel" ที่ตลกขบขัน เป็นเพลงที่ทำให้คนฟังยิ้มได้ รูปภาพที่นิทรรศการโดย Mussorgsky เต็มไปด้วยอารมณ์ขัน (เช่น The Ballet of Unhatched Chicks) The Golden Cockerel ของ Rimsky-Korsakov และภาพดนตรีมากมายของการเคลื่อนไหวครั้งที่สองของ Tenth Symphony ของ Shostakovich นั้นเสียดสีอย่างมาก

สถาปัตยกรรมเป็นรูปแบบศิลปะเดียวที่ขาดอารมณ์ขัน การ์ตูนในงานสถาปัตยกรรมจะเป็นหายนะสำหรับผู้ชมและสำหรับผู้อยู่อาศัยและผู้เยี่ยมชมอาคารหรือโครงสร้าง ความขัดแย้งที่น่าอัศจรรย์: สถาปัตยกรรมมีศักยภาพมหาศาลในการรวบรวมความสวยงาม ความสง่างาม โศกนาฏกรรมสำหรับการแสดงออกและยืนยันอุดมคติทางสุนทรียะของสังคม และขาดโอกาสในการสร้างภาพการ์ตูนโดยพื้นฐาน

ในดนตรี ความขบขันที่ขัดแย้งกันถูกเปิดเผยผ่านศิลปะ อัลกอริธึมที่จัดเป็นพิเศษและความไม่สอดคล้องกัน ซึ่งมักจะมีองค์ประกอบของความประหลาดใจอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น การผสมผสานของท่วงทำนองที่หลากหลายเป็นวิธีการทางดนตรีและทางตลก หลักการนี้เป็นพื้นฐานสำหรับเพลงของ Dodon ใน The Golden Cockerel ของ Rimsky-Korsakov ซึ่งการรวมกันของความดึกดำบรรพ์และความซับซ้อนสร้างเอฟเฟกต์ที่แปลกประหลาด (เสียงสูงของเพลง "Chizhik-Pyzhik" จะได้ยินในริมฝีปากของ Dodon)
ในประเภทดนตรีที่เกี่ยวข้องกับการแสดงบนเวทีหรือกับรายการวรรณกรรม ความขัดแย้งของตลกเป็นที่เข้าใจและชัดเจน อย่างไรก็ตาม ดนตรีบรรเลงสามารถแสดงออกถึงความตลกขบขันและไม่ต้องใช้วิธีการ "พิเศษทางดนตรี" R. Schumann เล่น Rondo ของ Beethoven เป็นครั้งแรกในคำพูดของเขาเองเริ่มหัวเราะเพราะงานนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องตลกที่สนุกที่สุดสำหรับเขา ในโลก ความประหลาดใจของเขาเมื่อเขาค้นพบในภายหลังในเอกสารของเบโธเฟนว่า rondo นี้มีชื่อว่า "ความโกรธแค้นเหนือเพนนีที่หายไปเทออกมาในรูปของ rondo" เกี่ยวกับตอนจบของ Second Symphony ของ Beethoven Schumann คนเดียวกันเขียนว่านี่คือตัวอย่างที่ดีที่สุดของอารมณ์ขันในดนตรีบรรเลง และในช่วงเวลาดนตรีของ F. Schubert เขาได้ยินบิลที่ยังไม่ได้ชำระของช่างตัดเสื้อ - ความรำคาญที่เห็นได้ชัดในทุกวันดังขึ้น

ความกะทันหันมักถูกใช้เพื่อสร้างเอฟเฟกต์การ์ตูนในดนตรี ดังนั้นในซิมโฟนีลอนดอนแห่งหนึ่งของ Haydn จึงมีเรื่องตลกอยู่: การระเบิดของทิมปานีอย่างกะทันหันทำให้ผู้ชมสั่นคลอนดึงมันออกจากความฝันที่ขาดหายไป ใน Waltz ที่มีความประหลาดใจของ I. Strauss ท่วงทำนองที่ราบรื่นของท่วงทำนองถูกทำลายโดยไม่คาดคิดจากการปรบมือของปืนพก มันมักจะกระตุ้นปฏิกิริยาร่าเริงจากผู้ชม ใน "ผู้สัมมนา" โดย MP Mussorgsky ความคิดทางโลกซึ่งถ่ายทอดโดยการเคลื่อนไหวที่ราบรื่นของท่วงทำนองนั้นถูกรบกวนโดยลิ้นบิดซึ่งทำให้การท่องจำข้อความละตินเป็นตัวเป็นตน

รากฐานทางสุนทรียะของวิธีการทางดนตรีและการแสดงตลกเหล่านี้ล้วนเป็นผลพวงของความประหลาดใจ

การ์ตูนมาร์ช

การเดินขบวนการ์ตูนเป็นเรื่องตลก เรื่องตลกใด ๆ สร้างขึ้นจากเรื่องไร้สาระที่ตลกขบขันความไม่ลงรอยกันที่ตลก นี่คือสิ่งที่เราต้องมองหาในเพลงของการ์ตูนมาร์ช นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบการ์ตูนในเดือนมีนาคมของเชอร์โนมอร์ ความเคร่งขรึมของคอร์ดในส่วนแรก (จากการวัดที่ห้า) ไม่สอดคล้องกับระยะเวลา "ริบหรี่" เล็กๆ ของคอร์ดเหล่านี้ มันกลายเป็นความไร้สาระทางดนตรีที่ตลกขบขันที่วาดภาพ "ภาพเหมือน" ของคนแคระที่ชั่วร้าย

ดังนั้น March of Chernomor จึงเป็นการ์ตูนบางส่วน แต่เพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะมีอย่างอื่นอีกมากมายในนั้น แต่เดือนมีนาคมของ Prokofiev จากคอลเล็กชั่น "Children's Music" นั้นยังคงอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยจิตวิญญาณของการเดินขบวนการ์ตูน

โดยทั่วไป เมื่อพูดถึงภาพการ์ตูนในเพลง เพลงต่อไปนี้จะนึกถึงทันที:

Wolfgang Amadeus Mozart "การแต่งงานของ Figaro" ซึ่งอยู่ในทาบทาม (บทนำสู่โอเปร่า) ได้ยินเสียงหัวเราะและอารมณ์ขัน และพล็อตของโอเปร่าเองก็บอกเล่าเรื่องราวของนายนับที่โง่เขลาและไร้สาระและคนรับใช้ที่ร่าเริงและชาญฉลาดฟิกาโรซึ่งสามารถเอาชนะการนับและทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่โง่เขลา

ไม่ใช่เพื่ออะไรที่เพลงของ Mozart ถูกใช้ในภาพยนตร์เรื่อง "Trading Places" กับ Eddie Murphy

โดยทั่วไปในงานของ Mozart มีตัวอย่างการ์ตูนมากมายและ Mozart เองถูกเรียกว่า "แดด": เสียงเพลงของเขาสามารถได้ยินแสงแดดความสว่างและเสียงหัวเราะมากมาย

ฉันอยากจะดึงความสนใจของคุณไปที่โอเปร่า Ruslan และ Lyudmila ของ Mikhail Ivanovich Glinka นักแต่งเพลงสองภาพของ Farlaf และ Chernomor เขียนขึ้นโดยไม่มีอารมณ์ขัน Farlaf เงอะงะอ้วนฝันถึงชัยชนะง่าย ๆ (พบกับแม่มด Naina ที่สัญญากับเขา:

แต่อย่ากลัวฉัน:
ฉันสนับสนุนคุณ
กลับบ้านและรอฉัน
เราจะพามิลามิลาไปอย่างลับๆ
และ Svetozar เพื่อความสำเร็จของคุณ
จะยกให้เธอเป็นคู่ครอง) Farlaf มีความสุขมากที่ความรู้สึกนี้ครอบงำเขา Glinka มีไว้สำหรับ ลักษณะทางดนตรี Farlafa เลือกรูปแบบของ Rondo สร้างขึ้นจากหลาย ๆ ผลตอบแทนจากความคิดเดียวกัน (ความคิดหนึ่งเป็นเจ้าของมัน) และแม้แต่เสียงเบส (เสียงชายต่ำ) ทำให้เขาร้องเพลงด้วยจังหวะที่เร็วมากจนแทบหยุดเต้นซึ่งให้เอฟเฟกต์การ์ตูน ( เขาดูเหมือนหายใจไม่ออก)

บทนำ

การฟังเพลงเป็นการแนะนำให้รู้จักกับศิลปะดนตรี การทำความเข้าใจดนตรีเป็นทักษะที่ยากมากที่พัฒนาขึ้นในระหว่างกระบวนการเรียนรู้

การฟังเพลงช่วยให้รับรู้ดนตรีอย่างกระตือรือร้นและฟังคุณลักษณะต่างๆ ของเพลงอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ การฟังเพลงยังช่วยให้เด็กๆ คุ้นเคยกับดนตรีที่มีความซับซ้อนมากกว่าที่พวกเขาแสดงเองในชั้นเรียนพิเศษ เด็กๆ มีโอกาสได้ฟังเสียงร้อง บรรเลง บรรเลงเพลงใน ประสิทธิภาพที่ดี... การได้ยินทำให้สามารถฟังเพลงประเภทต่างๆ รูปแบบ สไตล์ ยุคสมัยที่ดำเนินการโดยนักแสดงและนักประพันธ์เพลงที่มีชื่อเสียง

การสังเกตของฉันแสดงให้เห็นว่าการสอนเด็กให้ฟังเพลงอย่างกระตือรือร้นนั้นยาก แต่ก็ทำได้ งานนี้มีความแม่นยำในการทำให้กระบวนการรับรู้มีความกระตือรือร้น สร้างสรรค์ ดังนั้นในงานของเรา เราจึงใช้งานสร้างสรรค์ต่างๆ เช่น สะท้อนทัศนคติของเราต่อดนตรีผ่านการวาดภาพ การแต่งเรื่องราวของเราเอง เทพนิยาย และอื่นๆ อีกมากมาย ท้ายที่สุดแล้ว การแสดงดนตรีของเด็กๆ จะมีความหมายมากเพียงใดหากพวกเขามีทักษะในการแสดงออกทางดนตรีที่ดีเพียงพอ รู้จักการฟังเพลง ได้ยินตัวเอง จินตนาการถึงภาพดนตรีอย่างถูกต้อง และมากกว่า นักดนตรีที่มีความสามารถต้องเชี่ยวชาญ

การแนะนำวิธีการ "ดนตรีกราฟิก" มีประสิทธิภาพการสอนพิเศษเป็นวิธีการ polyaesthetic การศึกษา polyartic และการศึกษา การวาดภาพดนตรีเป็นการกระทำที่สร้างสรรค์ซึ่งต้องการความเป็นอิสระของความคิดและการกระทำ ซึ่งสร้างเงื่อนไขสำหรับความเข้มข้นสูงสุด การกระตุ้นความสนใจ และความสนใจ

ภาพวาดของเด็ก ๆ ที่มีเนื้อหาและรูปแบบของงานที่สะท้อนออกมานั้นทำหน้าที่เป็น "เอกสาร" ที่ได้รับการแก้ไขทางสายตาซึ่งช่วยให้สามารถตัดสินความลึกของการรับรู้ทางดนตรีและอื่น ๆ เกี่ยวกับลักษณะการพิมพ์ของ บุคลิกภาพของนักเรียนเอง นี่คือ "ความคิดเห็น" ชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถบรรลุได้ด้วยวิธีการอื่น (แบบสำรวจ การสนทนา แบบสอบถาม) และในแต่ละบทเรียนและที่เกี่ยวข้องกับเด็กแต่ละคน

เราได้ศึกษาความคิดริเริ่มของภาษาดนตรีเป็นเวลาหกเดือนเมื่อเปรียบเทียบกับวรรณกรรมและวิจิตรศิลป์ ท้ายที่สุดแล้ว คำในวรรณคดี สี และการวาดภาพในภาพวาดเป็นวัสดุเฉพาะของศิลปะประเภทนี้ ในดนตรี สื่อดังกล่าวคือเสียง ซึ่งสร้างโลกที่ซับซ้อนของเสียงสูงต่ำทางดนตรี พวกเขาเรียนรู้ที่จะรับรู้ผลงานที่ไม่คุ้นเคยจากมุมมองของโครงสร้างที่เป็นรูปเป็นร่างทางอารมณ์เพื่อเจาะเข้าไปในเนื้อหาของเพลงโดยอาศัยองค์ประกอบของคำพูดทางดนตรีและตรรกะของการพัฒนาแบบไดนามิก เรียนรู้ความสามารถในการจดจำเพลงและวิเคราะห์มัน เรียนรู้ที่จะระบุ ลักษณะทั่วไปและโครงสร้างโดยนัยของงาน ความสามารถในการระบุวิธีการแสดงดนตรี เรียนรู้ที่จะถ่ายทอดการสังเกตและความประทับใจในภาพวาด

วันนี้เราจะนำเสนอบทเรียนสุดท้ายในหัวข้อ "ภาพดนตรีและคุณสมบัติของคำพูดทางดนตรี"

ขั้นตอนบทเรียน

1. ช่วงเวลาขององค์กร ทัศนคติทางอารมณ์ของนักเรียนข้อความในหัวข้อบทเรียน

2. บทนำสู่หัวข้อ การสนทนาเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของดนตรี จิตรกรรม และกวีนิพนธ์ กวี ศิลปิน นักแต่งเพลงใช้วิธีใดในการสร้างสรรค์ผลงานของตน

3. ส่วนหลัก คำจำกัดความของแนวคิดของ "ภาพดนตรี" ความหมายของวิธีการแสดงออกที่สร้างภาพลักษณ์ทางดนตรีโดยเฉพาะ ทำแบบทดสอบดนตรี วิเคราะห์ภาพวาดของนักเรียนจากการบ้าน คำอธิบายของวัสดุใหม่

4. สรุปบทเรียน

ระหว่างเรียน

นักการศึกษา - ศิลปินและนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยากล่าวว่า "ดนตรีคือน้องสาวของการวาดภาพ" พี่น้องเหล่านี้มีอะไรที่เหมือนกัน มาดูกันดีกว่า "ภาพวาดคือบทกวีที่มองเห็น และดนตรีคือภาพวาดที่ได้ยิน" (สไลด์ 3, 4). ดังนั้นศิลปะประเภทนี้จึงอยู่ใกล้กันมาก? ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวอยู่ในวิธีการแสดงออก

ด้วยความช่วยเหลือของศิลปินคนใดสร้างภาพวาดของพวกเขา (สไลด์ 5)? กวี -? นักแต่งเพลง -?

ตอบ - ใช้สีและพู่กัน ดินสอ หรือดินสอสีศิลปะแบบพิเศษ กวี - ด้วยคำพูด, นักแต่งเพลง - พร้อมเสียง

นักการศึกษา - นักแต่งเพลงวาดภาพดนตรีได้ไหม

จำบทกวีของ Kushnir: "ถ้าคุณเห็นภาพแม่น้ำถูกวาด ... ", "ถ้าคุณเห็นว่าพวกเราคนใดคนหนึ่งกำลังดูรูปภาพอยู่ ... (นักเรียนอ่านบทกวีของ Kushnir)

นักการศึกษา - ดนตรีรู้วิธีวาดภาพไหม? - ดนตรีวาดอย่างไร? - อะไรหรือใครสามารถแสดงดนตรีได้?

เป็นไปได้ไหมที่จะวาดภาพทิวทัศน์ ภาพเหมือน สัตว์ในเพลง (สไลด์ 6)? เป็นไปได้ไหมที่จะสร้างภาพดนตรีในเพลง? แต่ก่อนอื่น มานิยามกันก่อนว่าภาพลักษณ์ทางดนตรีคืออะไร? นี่ ... (สไลด์ 7)

ตอบ - ภาพดนตรีเป็นลักษณะทั่วไปของชิ้นดนตรี

นักการศึกษา - ด้วยความช่วยเหลือของสิ่งที่สร้างภาพดนตรี?

ตอบ - พวกเขาถูกสร้างขึ้นโดยใช้วิธีการแสดงออกที่แตกต่างกัน

นักการศึกษา - คุณรู้ความหมายของการแสดงออกทางดนตรีอย่างไร?มาดูที่หน้าจอกัน (สไลด์ 8) เลือกจากแนวคิดที่เสนอที่เกี่ยวข้องกับวิธีการแสดงออก

ตอบ - เมโลดี้, ความกลมกลืน, รีจิสเตอร์, ไดนามิก, จังหวะ, จังหวะ, ความกลมกลืน, จังหวะ, พื้นผิวและอื่น ๆ อีกมากมาย (นักเรียนแต่ละคนที่ตอบคำถามให้คำจำกัดความของการแสดงออกทางดนตรี)

นักการศึกษา - องค์ประกอบแต่ละอย่างของภาษาดนตรีเหล่านี้ช่วยเราในการรับรู้ถึงภาพดนตรี และตอนนี้แบบทดสอบดนตรี (สไลด์ 9) ให้เรานึกถึงเพลงที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว (เสียง "Royal March of the Lions")

ตอบ - นี่คือ Royal March of the Lions จากงาน Carnival of the Animals โดยนักแต่งเพลง Saint-Saens

นักการศึกษา - ห้องชุดคาร์นิวัลเปิดโดย Royal March of the Lions ลักษณะของดนตรีเป็นอย่างไร?

ตอบ - การเดินขบวนดังขึ้น ดนตรี - เคร่งขรึม, สงบ, สง่างาม, ภาคภูมิใจ - วาดภาพนักล่าที่แข็งแกร่งและชาญฉลาด

นักการศึกษา - คาร์นิวัลของสัตว์ สัตว์ชนิดใดควรเปิดงานรื่นเริงนี้ ยืนที่หัว?

ตอบ - สิงโต.

นักการศึกษา - ทำไม?

ตอบ - พระองค์ทรงเป็นราชาแห่งสัตว์เดรัจฉาน เขาอยู่ในความดูแล

นักการศึกษา - ถูกต้อง. นักแต่งเพลงแสดงเป็นสิงโตชนิดใด? เขาใช้วิธีใดในการแสดงออกนี้? มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขาที่จะให้ความสนใจกับการเดินของเขา Saint-Saens ถ่ายทอดสิ่งนี้ด้วยวิธีใดทางดนตรี (ฟังซ้ำ สไลด์ 10)

ตอบ - ดอกยาง (ขั้นตอน) ของสิงโตเป็นตัวแทนของทั้งวงดนตรี และเสียงคำรามแสดงถึงเปียโน ดังนั้นสิงโตจึงไม่น่ากลัว แต่สำคัญ

นักการศึกษา - เพลงมีเสียงในทะเบียนอะไร เครื่องมืออะไรทำ?

ตอบ - เสียงเพลงมีเสียงต่ำ เครื่องดนตรีของเธอคือเชลโลและดับเบิลเบส

นักการศึกษา - นักแต่งเพลงใช้พื้นผิวแบบใดเพื่อแสดงราชาแห่งสัตว์ร้ายผู้ยิ่งใหญ่นี้ มาติดตามหมายเหตุกัน

ตอบ - พื้นผิวยังดูสง่างามและทรงพลัง อันดับแรก - คอร์ดเนื่องจากเป็นการเดินขบวนและจากนั้นก็พร้อมเพรียงกัน: ดำเนินการโดยเชลโลและเบสคู่ในรีจิสเตอร์ต่ำ

นักการศึกษา - ทำไมเราถึงพูดว่า "ตัวละครธรรมดา"?

ตอบ - ฉันคิดว่านักแต่งเพลงที่เขียนงานต้องการสะท้อนทัศนคติของเขาต่อชีวิตเพื่อรวบรวมความคิดของเขาและเราฟังเพลงนี้สามารถเดาได้ว่าเขาต้องการจะบอกอะไรเราในงานนี้เท่านั้น บางครั้งผู้แต่งก็ให้คำแนะนำแก่เรา ตัวอย่างเช่น เราฟัง "Royal March of the Lions" จาก "Carnival of the Animals" โดย Saint-Saens แน่นอน เราจินตนาการถึงสิงโต แต่แต่ละตัวก็มีวิถีของตัวเอง

นักการศึกษา - แน่นอน ในบางท่านได้ยิน "เสียงคำราม" ของสิงโต และบางส่วนที่เขาวิ่งข้ามทุ่งหญ้าสะวันนา นั่นคือเหตุผลที่เราพูดว่า "ตัวละครธรรมดา" ทุกคนต่างจินตนาการถึงภาพในแบบของพวกเขาเอง

นักการศึกษา - และคำถามอีกครั้ง (สไลด์ 11) มาระลึกกันอีกหนึ่งชิ้น ชื่อของงานนี้คืออะไร? ใครเป็นคนเขียนมัน? ดนตรีเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีในธรรมชาติ? เสียงเพลงในทะเบียนอะไร ไดนามิกอะไร? พื้นผิวคืออะไร?

ตอบ - ซานตาคลอส นักแต่งเพลง ชูมานน์

นักการศึกษา - ใช่ - นี่คือซานตาคลอส - คุณจินตนาการถึงเขาอย่างไร นักแต่งเพลงบรรยายภาพนี้ว่ามีความหมายอะไร?

ตอบ - ดนตรีมีความดุดัน แม้จะเป็นลางสังหรณ์ ไดนามิกก็ดังมาก ท่วงทำนองที่ฟังดูต่ำ หงุดหงิดเล็กน้อย

นักการศึกษา - ดนตรีเป็นเหมือนเดิมเสมอหรือเปลี่ยนไป? มาฟังกันอีกครั้งและติดตามเนื้อสัมผัสของชิ้นงานผ่านตัวโน้ต (สไลด์ 12) สิ่งที่เปลี่ยนไปเมื่อเปรียบเทียบกับภาคที่ 1

ตอบ - ตรงกลางเพลงดับลง ราวกับว่ามันหยุดนิ่งเพราะไดนามิกเงียบมากลึกลับขนาดมีความสำคัญการลงทะเบียนอยู่ในระดับปานกลางแล้วซานตาคลอสก็โกรธอีกครั้ง พื้นผิวในตอนที่ 1 มีความสอดคล้องกัน และในตอนท้ายของวลีจะเป็นคอร์ด ราวกับว่ามีคนกำลังตีเสียงดังมากด้วยไม้เท้า และในช่วงที่สอง - โฮโมโฟนิก - ฮาร์โมนิก ท่วงทำนองฟังดูเหมือนพื้นหลัง กับพื้นหลังนี้ ท่วงทำนองที่เป็นลางไม่ดีปรากฏขึ้นในระดับต่ำ ซานตาคลอสไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

นักการศึกษา - มาดูภาพวาดของคุณกัน อธิบายซานตาคลอสที่มาหาคุณในวันปีใหม่

นักการศึกษา - คุณรู้จักภาพดนตรีอะไรอีกบ้าง?

ตอบ - มีภาพที่แตกต่างกันมากมายในเพลง ตัวอย่างเช่น "image-portrait", "image-landscape", "image-mood" และอื่นๆ อีกมากมาย

นักการศึกษา - แท้จริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างสามารถถ่ายทอดออกมาเป็นเพลงได้: ความรู้สึก ประสบการณ์ ความคิด การไตร่ตรอง การกระทำของคนคนเดียวหรือหลายคน การปรากฎของธรรมชาติ เหตุการณ์ในชีวิตของบุคคล ผู้คน รูปสัตว์ นก และสิ่งอื่น ๆ อีกมาก พูดอีกอย่างก็คือ ภาษาของดนตรีนั้นไม่มีวันหมด

วันนี้เรามาทำความรู้จักกับ "ภาพ-อารมณ์" กัน แต่ละคนสามารถมีอารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง: ร่าเริงหรือเศร้า สงบหรือวิตกกังวล พระอาทิตย์ยิ้มให้คุณ และฉันอยากยิ้มตอบเขา แม่ดุว่าทำผิดหรือของเล่นที่เธอโปรดปรานพังและอารมณ์ก็เศร้าเศร้า ดนตรีมีคุณสมบัติมหัศจรรย์ - สามารถถ่ายทอดอารมณ์ของบุคคล แสดงความรู้สึก ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน - ความอ่อนโยน ความตื่นเต้น ความเศร้า และความสุข (สไลด์ 13)

· กำหนดความรู้สึกของอารมณ์ที่แสดงออกมาในเพลงนี้?

· กำหนดลักษณะของดนตรี?

· ฟังแล้วอารมณ์ของเพลงจะเปลี่ยนไปหรือไม่?

· ลองคิดดู นักแต่งเพลงใช้วิธีใดในการแสดงออก?

(เล่นสไลด์ 14, 15)

ละครที่เพิ่งเคยได้ยินชื่อ "สุข-เศร้า" งานชิ้นนี้เขียนโดยนักแต่งเพลงชาวเยอรมันชื่อ Ludwig van Beethoven (สไลด์ 16)

เรื่องนี้มีอยู่ว่า ตอนที่ 1 - "หนุก" - นี่คือเพลงที่เรียกกันว่าดื่มสุรา เพื่อน ๆ รวมตัวกันที่โต๊ะและบางทีอาจเป็นเพื่อนคนหนึ่งและบางทีบีโธเฟนเองก็ออกเดินทาง พวกเขากำลังสนุกและเนื้อเพลงเป็นดังนี้:

ร้องเพลงเพื่อน ๆ ฤดูใบไม้ผลิมาแล้ว

เราทุกคนตั้งตารอวันที่อบอุ่น

มาเรียด้วยกันในความฝัน

เราทุกคนจะร้องเพลงและเต้นรำ

ตอนที่ 2 - "เศร้า" เบโธเฟนเดินไปตามถนน เขาบอกลาบ้านของเขา เขาต้องการย้ายไปเวียนนาเพื่อพบกับโมสาร์ทที่มีชื่อเสียงระดับโลก เบโธเฟนยังเด็กและเขาต้องการนำเสนอผลงานของเขาต่อโมสาร์ท เขาเป็นกังวล เขากำลังจะออกจากบ้านเป็นครั้งแรก และไปดินแดนที่ไม่รู้จัก ทางไปเวียนนานั้นยาวมาก - นั่นเป็นสาเหตุที่เขาเศร้า

ลาก่อนที่รัก ลาก่อน แม่ที่รัก

ฉันจะเขียนถึงคุณ

ฉันไม่รู้ว่าจะได้เจอคุณอีกไหม

ออกจากบ้านเกิด

ที่ซึ่งเขาเติบโตมาในความฝัน ที่ซึ่งเขาเติบโตมาด้วยความทุกข์

ฉันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน

ด้วยความคิดที่น่าเศร้าที่เบโธเฟนออกเดินทางเพื่อพบกับโมสาร์ท เขายังไม่รู้ว่าโมสาร์ทผู้ยิ่งใหญ่จะพบกับเขาได้อย่างไร

มาฟังกันอีกครั้ง เปิดโน๊ตเพลง ตามความเปลี่ยนแปลงของดนตรีและเนื้อสัมผัสของเพลง

นักการศึกษา - ฟังว่าเมโลดี้ร้องอย่างไรในช่วงแรกของเพลง (เรียกว่า "สนุก") , อย่างราบรื่นหรือกะทันหัน? (ดำเนินการเป็นชิ้นส่วน) สัมผัสคืออะไร?

ตอบ - ทันใดนั้นจังหวะของ staccato

นักการศึกษา - ใช่ ท่วงทำนองที่สนุกสนานและขี้เล่นของส่วนนี้ฟังดูกระทันหัน เบาและอ่อนโยน แล้วท่วงทำนองของบทที่สองของละครเรื่องนี้มีชื่อว่า "Sad" ล่ะ? (ดำเนินการชิ้นส่วน.)

ตอบ - เมโลดี้ - เรียบ. จังหวะเลกาโต ก้าวช้า ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างแสดงถึงอารมณ์ของความเศร้า

นักการศึกษา - ถูกต้อง. อารมณ์เศร้าและเศร้าของส่วนนี้สร้างขึ้นจากท่วงทำนองที่ "ราบรื่น" ที่ราบรื่น

เมื่อบทเรียนจบลง ฉันอยากถามคุณว่า คุณชอบเพลงที่เราฟังไหม คุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ในบทเรียนนี้ คุณเรียนรู้สิ่งที่น่าสนใจอะไรบ้างในบทเรียน จริงหรือที่ภาษาดนตรีไม่มีวันหมด? จุดประสงค์ของบทเรียนของเราคืออะไร?

เราทำสำเร็จแล้ว ถือว่าเราทำได้ดีทีเดียว

บางทีคุณอาจต้องการเขียนบทละครหรือเรื่องราวหรือเทพนิยายที่เรียกว่า "สุขและเศร้า"? และในการทำการบ้าน คุณมีรูปภาพที่มีตัวตลกอยู่บนโต๊ะของคุณ (สไลด์ 17) ใบหน้าของพวกเขาขาดอะไร? ดังนั้นใบหน้าของพวกเขาจึงไร้ใบหน้า แต่งแต้มสีสันและแต่งแต้มในลักษณะที่ชัดเจนว่าตัวตลกที่น่าเศร้าอยู่ที่ไหน และตัวตลกอยู่ที่ไหน ผลลัพธ์ของบทเรียน: การประเมินงานในห้องเรียนของนักเรียนแต่ละคน

พวก! ขอบคุณสำหรับบทเรียน คุณให้ความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สื่อสารกับคุณ ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหัวข้อเช่น "ภาพดนตรี"

บทเรียนภาพดนตรีนักเรียน

บรรณานุกรม

1. Asafiev B.D. เกี่ยวกับทักษะทางดนตรีและความคิดสร้างสรรค์ในเด็ก // B.V. อาซาฟีเยฟ บทความคัดเลือกเกี่ยวกับดนตรีตรัสรู้และการศึกษา / ป. เอ็ด อี.เอ็ม.ออร์โลวา. - NS .; ล., 1965.

2. Geilig M. บทความเกี่ยวกับวิธีการสอนวรรณกรรมดนตรี ม. 1986.

3. Goryunova L.V. พัฒนาการด้านศิลปะ การคิดเชิงเปรียบเทียบเด็ก ๆ ในชั้นเรียนดนตรี // ดนตรีที่โรงเรียน 1991. หมายเลข 1

4. เครตันอี.ดี. การวิเคราะห์โดยปริยาย - ความคิดสร้างสรรค์ของครูและนักเรียน / ศิลปะที่โรงเรียน 2536 หมายเลข 1

5. มิคาอิโลว่า M.A. การพัฒนาความสามารถทางดนตรีของเด็ก - ยาโรสลาฟล์: Academy of Development, 1996.

6. Osovitskaya ZE, Kazarinova A.S. วรรณกรรมดนตรี : หนังสือเรียนสำหรับโรงเรียนดนตรีเด็ก : ปีแรกของการสอนวิชานี้ - ม.: ดนตรี - 2544 .-- 224 น.

7. Ostrovskaya Ya. , Frolova L. วรรณกรรมดนตรีในคำจำกัดความและ ตัวอย่างดนตรี: กำลังศึกษาชั้นปีที่ 1 กวดวิชา - SPb.: สำนักพิมพ์ "Composer - Saint Petersburg", 2010. - 208 p., Ill.

8. Pervozvanskaya T.E. โลกแห่งดนตรี: หลักสูตรที่สมบูรณ์ของสาขาวิชาทฤษฎี: หลักสูตรที่สมบูรณ์ของสาขาวิชาทฤษฎี: ตำราเรียน "ฟังเพลง" เกรด 1 - สำนักพิมพ์ "นักแต่งเพลง - เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก", 2547 - 85 หน้า

9. Terentyeva N.A. พัฒนาการด้านศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นในการเรียนดนตรีในกระบวนการรับรู้ศิลปะแบบองค์รวมประเภทต่างๆ - ม.: โพร, 1990.

10. Shornikova M. วรรณกรรมดนตรี: ดนตรี, รูปแบบและประเภท: ปีแรกของการศึกษา: คู่มือการศึกษา - Rostov n / a: "Phoenix", 2008. - 186 p.

นักร้องประสานเสียงมือใหม่หรือมืออาชีพทุกคนมักประสบปัญหาในการอ่านที่ถูกต้อง คะแนนประสานเสียงความเข้าใจอย่างเพียงพอในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการแสดง นี่เป็นงานที่ทำโดยอิสระที่ลึก เพียรมาก และค่อนข้างยาวสำหรับคะแนน แต่สิ่งที่ยากที่สุดในกระบวนการนี้คือการสร้างภาพศิลปะแห่งอนาคตของงาน คือการสามารถเชื่อมโยงองค์ประกอบทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว ภาพศิลปะและรวบรวมสิ่งนี้ผ่านการแสดงที่แสดงออก ในแง่หนึ่ง งานร้องประสานเสียงแต่ละงานเป็น "โครงเรื่องเสียง" ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวที่ดีและต้องการการตัดสินใจที่สร้างสรรค์เป็นพิเศษจากนักแสดง

ดาวน์โหลด:

ดูตัวอย่าง:

แก่นแท้ของแนวคิดทางดนตรี - ภาพลักษณ์ทางศิลปะ

ภาพศิลปะเป็นภาพสะท้อนทางศิลปะโดยทั่วไปของความเป็นจริง สวมในรูปของปรากฏการณ์เฉพาะบุคคล

ภาพศิลปะ, หมวดหมู่ทั่วไปของความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะที่มีอยู่ในศิลปะรูปแบบของการสืบพันธุ์ การตีความ และการพัฒนาชีวิตผ่านการสร้างวัตถุที่มีอิทธิพลทางสุนทรียะ ภาพมักถูกเข้าใจว่าเป็นองค์ประกอบหรือส่วนหนึ่งของศิลปะทั้งหมด ซึ่งมักจะเป็นส่วนย่อยที่มีชีวิตและเนื้อหาที่เป็นอิสระดังที่เคยเป็นมา แต่ในความหมายทั่วไป ภาพศิลปะเป็นหนทางของการดำรงอยู่ของผลงาน ที่นำมาจากความชัดเจน พลังงานที่น่าประทับใจ และความสำคัญ

ภาพศิลปะใด ๆ ที่ไม่เป็นรูปธรรมอย่างสมบูรณ์มีจุดอ้างอิงที่ตายตัวอย่างชัดเจนซึ่งมีองค์ประกอบของความชัดเจนที่ไม่สมบูรณ์และแสดงออกเพียงครึ่งเดียว

ภาพเป็นปรากฏการณ์เชิงอัตนัยที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมทางกาย ทางประสาทสัมผัส การรับรู้ จิต ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความเป็นจริงแบบองค์รวมแบบองค์รวม ซึ่งในหมวดหมู่หลัก (อวกาศ การเคลื่อนไหว สี รูปร่าง พื้นผิว ฯลฯ ) จะแสดงพร้อมกัน

การคิดเป็นรูปเป็นร่างเป็นหนึ่งในประเภทหลักของการคิด โดดเด่นด้วยการคิดเชิงภาพและการคิดเชิงตรรกะด้วยวาจา ไม่เพียงแต่เป็นช่วงเริ่มต้นทางพันธุกรรมในการพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับการคิดทางวาจา-ตรรกะ แต่ยังถือว่าอยู่ในผู้ใหญ่ มุมมองอิสระกำลังคิด การพัฒนาพิเศษในการสร้างสรรค์ทางเทคนิคและศิลปะ ในทางจิตวิทยา การคิดเชิงเปรียบเทียบบางครั้งถูกอธิบายว่าเป็นหน้าที่พิเศษ - จินตนาการ

จินตนาการเป็นกระบวนการทางจิตวิทยาที่ประกอบด้วยการสร้างภาพใหม่ (การนำเสนอ) โดยการประมวลผลเนื้อหาของการรับรู้และความคิดที่ได้รับจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ จินตนาการมีอยู่ในมนุษย์เท่านั้น จินตนาการเป็นสิ่งจำเป็นในกิจกรรมของมนุษย์ทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับรู้ของดนตรีและ "ภาพทางดนตรี"

ภาพลักษณ์ทางดนตรีมีลักษณะเฉพาะโดยขาดความเป็นกลางที่เป็นรูปธรรม ดนตรีไม่ได้สื่อถึงสิ่งใดๆ มันสร้างโลกแห่งวัตถุประสงค์พิเศษ โลกแห่งเสียงดนตรี การรับรู้ซึ่งมาพร้อมกับความรู้สึกลึกล้ำ

ดนตรีเป็นศิลปะที่มีชีวิตถือกำเนิดขึ้นและดำรงอยู่ด้วยความสามัคคีของกิจกรรมทุกประเภท การสื่อสารระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นผ่านภาพดนตรี tk นอกภาพไม่มีดนตรี (ในรูปแบบศิลปะ) ในใจของผู้แต่ง ภายใต้อิทธิพลของความประทับใจทางดนตรีและจินตนาการเชิงสร้างสรรค์ ภาพลักษณ์ทางดนตรีก็เกิดขึ้น ซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวในบทเพลง

"ในฐานะที่เป็นกิจกรรมทางจิตวิญญาณแบบพิเศษ สุนทรียศาสตร์และนักปรัชญาแยกแยะกิจกรรมที่เรียกว่าศิลปะ ซึ่งพวกเขาเข้าใจว่าเป็นกิจกรรมทางจิตวิญญาณที่ปฏิบัติได้จริงของบุคคลในกระบวนการสร้าง ผลิตซ้ำ และรับรู้ผลงานศิลปะ"

ศิลปะแห่งดนตรีทั้งๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งหมด ไม่สามารถบรรลุผลได้หากปราศจากการสนับสนุนศิลปะประเภทอื่นเพราะ เฉพาะในความสามัคคีทางอินทรีย์ของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถรับรู้ถึงความสมบูรณ์และความสามัคคีของโลกความเป็นสากลของกฎแห่งการพัฒนาในความสมบูรณ์ของความรู้สึกทางประสาทสัมผัสความหลากหลายของเสียงสีการเคลื่อนไหว

การศึกษาเนื้อหาดนตรีเป็นหนึ่งในปัญหา "ชั่วนิรันดร์" ของดนตรีวิทยา การแสดง และการสอน ดนตรีเป็นศิลปะขั้นตอน นอกการแสดง ดนตรีไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เต็มชีวิต. ข้อความดนตรี- เป็นข้อความเสมอ (ผู้เขียน - นักแสดง - ผู้ฟัง) เป็นการแนะนำการตีความการแสดงโดยธรรมชาติ ปัญหาของ "ตัวแสดงข้อความ" ที่แก้ไขโดยการตีความ ทำให้นักดนตรีแต่ละคนเข้าใจข้อความในรูปแบบที่ซับซ้อนในความสามัคคีของทั้งสองฝ่ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้: การตรึงสัญลักษณ์ของความตั้งใจของผู้เขียน (ข้อความดนตรี) และข้อความที่เต็มไปด้วยรูปเป็นร่าง และเนื้อหาเชิงความหมาย (ข้อความดนตรี)

เลฟ อาโรโนวิช บาเรนโบอิมเขียนว่า "ศิลปะดนตรีก็เหมือนกับงานอื่นๆ ที่กำหนดให้ผู้ที่มีส่วนร่วม เสียสละความคิดทั้งหมด ความรู้สึกทั้งหมด ตลอดเวลา ความเป็นอยู่ทั้งหมดของเขา"

งานดนตรีที่มีอยู่ในโน้ตดนตรีได้รับเสียงที่แท้จริงเฉพาะในกระบวนการแสดงดนตรีเท่านั้น ดังนั้น นักแสดงจึงเป็นสื่อกลางที่จำเป็นระหว่างผู้แต่งและผู้ฟัง การแสดงดนตรีสามารถเป็นเสียงร้อง บรรเลง และมิกซ์ หลังยังรวมถึงโอเปร่า; อย่างไรก็ตามในโอเปร่า ศิลปินเดี่ยวก็เป็นนักแสดงด้วย และมัณฑนศิลป์ก็มีบทบาทสำคัญ การแสดงดนตรีแบ่งออกเป็นเดี่ยวและเป็นกลุ่มขึ้นอยู่กับจำนวนนักแสดง การแสดงร่วมกันสามารถเป็นคณะนักร้องประสานเสียงที่มีนักแสดงที่เท่าเทียมกันหลายคน (เช่น สามคน สี่คน เป็นต้น) และการแสดงประสานเสียงที่ไพเราะ ตามกฎแล้ว ภายใต้การแนะนำของผู้ควบคุมวง (นักร้องประสานเสียง) ซึ่งร่วมกับ ความช่วยเหลือของนักดนตรีคนอื่น ๆ ตระหนักถึงแผนการแสดงของเขา การกำหนดประสิทธิภาพการทำงานหลายอย่างในบันทึกย่อ (จังหวะ ไดนามิก ฯลฯ) มีความเกี่ยวข้องและภายในขอบเขตที่กำหนด สามารถรับรู้ได้หลายวิธี ดังนั้นงานการแสดงดนตรีจึงไม่ได้เป็นเพียงการจำลองข้อความดนตรีที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์รวมของความตั้งใจของผู้เขียนอย่างเต็มที่ด้วย สิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักแสดงคือการศึกษายุคสมัยที่นักแต่งเพลงอาศัยอยู่ มุมมองด้านสุนทรียศาสตร์ของเขา ฯลฯ ทั้งหมดนี้ช่วยให้เข้าใจเนื้อหาของงานได้ดีขึ้น นักแสดงแต่ละคนซึ่งเปิดเผยแนวคิดของผู้เขียนเกี่ยวกับงานย่อมนำมาซึ่งประสิทธิภาพและคุณลักษณะเฉพาะตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติส่วนตัวของเขาและมุมมองด้านสุนทรียภาพในช่วงเวลาหนึ่งๆ ดังนั้นผลงานใด ๆ ก็เป็นการตีความและการตีความ

แอล.วี. Zhivov เขียนว่า:“ ภาพศิลปะการแสดงซึ่งการประเมินของผู้ฟังเกี่ยวกับงานนั้นเชื่อมโยงกันเป็นส่วนใหญ่ มักจะได้รับความหมายที่เป็นอิสระในใจของเราเนื่องจากค่าดังกล่าวสามารถเปิดเผยได้ซึ่งไม่ได้อยู่ในภาพหลัก อย่างไรก็ตาม หลักการพื้นฐานของการแสดงดนตรีใดๆ คือข้อความดนตรีของงาน โดยที่กิจกรรมการแสดงนั้นเป็นไปไม่ได้ การบันทึกในโน้ตดนตรีนั้นไม่ได้ต้องการเพียงแค่การอ่านที่มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยการเดา ถอดรหัสความตั้งใจของผู้เขียน ตลอดจนแง่มุมต่างๆ ของดนตรีที่เขาอาจไม่สงสัย ประเด็นคือโน้ตดนตรีเป็นเพียงภาพร่างเมื่อเทียบกับเสียงที่แท้จริงของดนตรี " ... ดังนั้นบทบาทพิเศษในการสร้างภาพจึงเล่นโดยการค้นหาความหมายที่เป็นสากลในกระบวนการศึกษางานตามแนวคิดของ B.V. Asafiev การออกเสียงสูงต่ำเป็นตัวนำหลักของเนื้อหาดนตรี ความคิดทางดนตรี และยังเป็นสื่อกลางในการให้ข้อมูลทางศิลปะ การกระตุ้นทางอารมณ์ และการเคลื่อนไหวทางจิตวิญญาณ อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาทางอารมณ์ต่อน้ำเสียงสูงต่ำ การแทรกซึมเข้าไปในแก่นแท้ของอารมณ์นั้นเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการคิดทางดนตรี แต่ไม่ได้คิดเอง นี่เป็นเพียงความรู้สึกเบื้องต้น เป็นการตอบสนองทางการรับรู้ เนื่องจากการคิดเริ่มต้นตามกฎจาก "แรงกระตุ้น" ภายนอกหรือภายใน ความรู้สึกของเสียงสูงต่ำทางดนตรีจึงเป็นสัญญาณชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นแรงกระตุ้นต่อการกระทำทางดนตรีและทางจิตใจ

การสร้างแบบจำลองภาพดนตรีศิลปะเป็นหนึ่งในกระบวนการทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนที่สุด ซึ่งขึ้นอยู่กับกระบวนการของการรับรู้ทางดนตรี จินตนาการ ความจำ และการคิดทางดนตรี

การรับรู้ - กระบวนการทางจิตของการสะท้อนของวัตถุและปรากฏการณ์ของความเป็นจริงโดยรวมของคุณสมบัติและส่วนต่าง ๆ ที่มีผลกระทบโดยตรงต่ออวัยวะรับความรู้สึก สิ่งนี้ทำให้การรับรู้แตกต่างจากความรู้สึกซึ่งเป็นการสะท้อนทางประสาทสัมผัสโดยตรง แต่เฉพาะคุณสมบัติส่วนบุคคลของวัตถุและปรากฏการณ์ที่ส่งผลต่อเครื่องวิเคราะห์เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์ (E.V. Nazaikinsky) แบ่งแนวคิดของ "การรับรู้" ออกเป็นแนวคิดของ "การรับรู้ทางดนตรี" (กระบวนการสื่อสารกับดนตรี) และ "การรับรู้ทางดนตรี" ในการสอน การรับรู้ทางดนตรีเป็นกระบวนการของการสะท้อน การก่อตัวของภาพทางดนตรีในจิตใจของมนุษย์ การรับรู้ทางดนตรีเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถในการได้ยิน ประสบการณ์ เนื้อหาดนตรีเป็นภาพสะท้อนของความเป็นจริงทางศิลปะและเป็นรูปเป็นร่าง ดนตรีมีผลต่อวิธีการแสดงออกที่ซับซ้อน นี่คือโกดังฮาร์โมนิก, เสียงต่ำ, จังหวะ, ไดนามิก, จังหวะรถไฟใต้ดิน, พวกเขาถ่ายทอดอารมณ์, แนวคิดหลักของงาน, ทำให้เกิดความสัมพันธ์กับปรากฏการณ์ชีวิต, ด้วยประสบการณ์ของมนุษย์

จินตนาการ - กิจกรรมของการมีสติซึ่งเป็นผลมาจากการที่บุคคลสร้างสิ่งใหม่ ๆ สถานการณ์ทางจิตความคิดอาศัยภาพที่เก็บไว้ในความทรงจำของเขาจากประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่ผ่านมาเปลี่ยนแปลงพวกเขา จินตนาการเป็นสิ่งจำเป็นในกิจกรรมใดๆ ของมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับรู้ของดนตรีและ "ภาพทางดนตรี" แยกแยะระหว่างจินตนาการโดยสมัครใจ (ใช้งานอยู่) และจินตนาการที่ไม่สมัครใจ (แฝง) ตลอดจนจินตนาการเชิงสันทนาการและเชิงสร้างสรรค์ จินตนาการเชิงนันทนาการเป็นกระบวนการสร้างภาพของวัตถุจากคำอธิบาย การวาด หรือการวาดภาพ จินตนาการเชิงสร้างสรรค์คือการสร้างภาพใหม่ด้วยตนเองในกระบวนการ กิจกรรมสร้างสรรค์... ต้องมีการเลือกวัสดุ การผสมผสานองค์ประกอบต่างๆ ให้สอดคล้องกับงานและแนวคิดที่สร้างสรรค์

ความคิดทางดนตรีเนื่องจากกระบวนการของการประมวลผลดนตรีและเสียงที่มีจุดมุ่งหมายและมีความหมายนั้นแสดงออกในความสามารถในการทำความเข้าใจและวิเคราะห์สิ่งที่ได้ยิน เป็นตัวแทนขององค์ประกอบของคำพูดทางดนตรีและดำเนินการกับพวกเขา ประเมินดนตรี กระบวนการสร้างภาพดนตรีทางศิลปะเกี่ยวข้องกับ ประเภทต่างๆการคิดทางดนตรี: เป็นรูปเป็นร่าง, ตรรกะ, สร้างสรรค์และเชื่อมโยง

นักดนตรีผู้แสดงและผู้ฟังต้องดำเนินการในกระบวนการรับรู้ทางดนตรี บางระบบความคิดเกี่ยวกับน้ำเสียง การแสดงออกที่ง่ายที่สุด - สื่อภาพ- ทุกอย่างที่กระตุ้นอารมณ์บางอย่าง ความทรงจำบทกวี ภาพ ความรู้สึก ฯลฯ ในระดับนี้ การคิดเชิงดนตรีและอุปมาอุปมัยปรากฏ การวัดและระดับของการพัฒนาซึ่งขึ้นอยู่กับสถานที่ที่แง่มุมนี้ใช้ในการเตรียมนักดนตรี

รูปแบบเพิ่มเติมของการสะท้อนความเป็นจริงทางดนตรีในจิตสำนึกของมนุษย์นั้นสัมพันธ์กับความเข้าใจในการจัดระเบียบทางตรรกะของวัสดุเสียง การแปลงเสียงสูงต่ำเป็นภาษาของศิลปะดนตรีเป็นไปได้หลังจากการประมวลผลบางอย่างเท่านั้นลดลงในโครงสร้างอย่างใดอย่างหนึ่ง นอกตรรกะทางดนตรี นอกการเชื่อมโยงเชิงบูรณาการที่หลากหลายที่เปิดเผยตนเองผ่านรูปแบบ ความกลมกลืน ความกลมกลืน จังหวะเมโทร ฯลฯ ดนตรีจะยังคงเป็นชุดของเสียงที่วุ่นวายและจะไม่เพิ่มขึ้นถึงระดับของศิลปะ ความเข้าใจในตรรกะของการจัดระเบียบของโครงสร้างเสียงต่างๆ ความสามารถในการค้นหาความเหมือนและความแตกต่างในเนื้อหาดนตรี วิเคราะห์และสังเคราะห์ สร้างความสัมพันธ์ - หน้าที่ต่อไปของการคิดทางดนตรี หน้าที่นี้มีความซับซ้อนมากขึ้นในธรรมชาติ เนื่องจากมีการกำหนดเงื่อนไขไม่เพียงแต่และไม่มากโดยการรับรู้ทางอารมณ์และทางอารมณ์ แต่โดยหลักคือการแสดงออกทางปัญญาในส่วนของปัจเจก มันสันนิษฐานว่าการก่อตัวของจิตสำนึกทางดนตรีของเขา ควรเน้นว่าด้วยความเป็นอิสระของหน้าที่ทั้งสองนี้ กระบวนการของกิจกรรมทางดนตรีและจิตใจจะเต็มเปี่ยมด้วยการผสมผสานและการมีปฏิสัมพันธ์แบบออร์แกนิกเท่านั้น

ความคิดสร้างสรรค์เป็นขั้นตอนพิเศษของการคิดทางดนตรี กระบวนการทางดนตรีและทางปัญญาในระดับนี้มีลักษณะเฉพาะโดยการเปลี่ยนจากการกระทำการสืบพันธุ์ไปสู่กระบวนการที่มีประสิทธิผล จากการทำซ้ำไปสู่การสร้างสรรค์ ในเรื่องนี้ คำถามในการหาวิธีผลิตผลที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์นั้นมีความเกี่ยวข้องมาก หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดที่สร้างคุณสมบัติที่สร้างสรรค์ของบุคคลคือวิธีการเรียนรู้ปัญหา (M.I. Makhmutov, A.M. Matyushkin, M.M. Levina, V.I. Zagvyazinsky เป็นต้น) มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงเรียนการศึกษาทั่วไปและการปฏิบัติของมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ในการสอนดนตรี จะใช้ในระดับสัญชาตญาณ โดยไม่มีการพัฒนาระเบียบวิธีเฉพาะเจาะจง

พัฒนาการทางความคิดทางดนตรีมีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับความสามารถในการเข้าใจตรรกะของภาษาดนตรี ความเข้าใจดังกล่าว “อยู่บนพื้นฐานของการเปรียบเทียบโดยนัยของวิธีการแสดงดนตรีที่สื่อถึงเนื้อหาทางศิลปะด้วยวิธีการทางวาจา ภาษาที่ใช้ถ่ายทอดความคิด” (LA Mazel, 1979)

หากไม่มีการพัฒนาความสามารถในการสร้างสรรค์ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเตรียมมืออาชีพระดับสูงในกิจกรรมใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านศิลปะเนื่องจากกิจกรรมทางดนตรีทั้งการแสดงและการสอนต้องใช้ความคิดที่ไม่เป็นมาตรฐานและเป็นต้นฉบับจากผู้เชี่ยวชาญ . มีหลายวิธีในการพัฒนาความสามารถในการสร้างสรรค์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเรียนรู้ปัญหา เนื่องจากเป็นปัญหาทางจิตที่เกิดขึ้นในสถานการณ์ปัญหาที่กระตุ้นให้นักเรียนคิดค้นหาอย่างกระตือรือร้น

ความหมายของภาพดนตรีเป็นลักษณะทั่วไปที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของประสบการณ์การทำงานที่แสดงออกของภาพ ภาพดนตรีกำหนดไว้ตราบเท่าที่แสดงออกมา

รูปภาพใน ศิลปะดนตรีหากแน่นอนว่ามีความสอดคล้องทางศิลปะเต็มไปด้วยเนื้อหาทางอารมณ์บางอย่างเสมอซึ่งสะท้อนถึงปฏิกิริยาทางสัมผัสของบุคคลต่อปรากฏการณ์บางอย่างของความเป็นจริง

ในการสร้างภาพลักษณ์ของงานร้องเพลงประสานเสียง จำเป็นต้องมีงานสอน (การสอนทักษะการร้องเพลง การปรับโทนเสียงที่ถูกต้อง การขยายแนวคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมการร้องเพลงประสานเสียง) งานด้านจิตวิทยา (การพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการเชิงสร้างสรรค์ของนักร้องประสานเสียงบนพื้นฐานของ เพลงประสานเสียง, การก่อตัวของกิจกรรมทางศิลปะและอารมณ์ของนักเรียน) และงานด้านสุนทรียศาสตร์ (การก่อตัวของความคิดเกี่ยวกับคุณค่าที่ยั่งยืนของศิลปะการร้องเพลงในประเทศและต่างประเทศ, ความคุ้นเคยที่ดำเนินการในกระบวนการของการฝึกอบรมทั้งหมดในการร้องเพลงประสานเสียง, การพัฒนาของ รสชาติความงาม, อารมณ์สุนทรียภาพ).

โดยทั่วไปแล้ว ผู้ควบคุมวงเป็นอาชีพที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีหลายแง่มุม "ผู้ควบคุมวง (ภาษาฝรั่งเศส diriger - เพื่อจัดการ) คือบุคคลที่ได้รับการศึกษาด้านดนตรีพิเศษซึ่งกำกับวงออเคสตรา, คณะนักร้องประสานเสียง, การแสดงโอเปร่า, การรวมกลุ่มนักแสดงทั้งหมดในจังหวะเดียวทำให้งานตีความได้"

ว. Sokolov เขียนว่า: "คณะนักร้องประสานเสียงเป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญเพียงพอในวิธีการร้องเพลงประสานทางเทคนิคและศิลปะและการแสดงออกซึ่งจำเป็นในการถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกเหล่านั้นเนื้อหาเชิงอุดมการณ์ที่มีอยู่ในงาน"

พี.จี. Chesnokov ในหนังสือของเขา "The Choir and Its Management" เขียนว่า "คณะนักร้องประสานเสียงคือกลุ่มนักร้องซึ่งมีวงดนตรีที่สมดุลอย่างเคร่งครัด โครงสร้างที่ได้รับการปรับเทียบอย่างแม่นยำและศิลปะ ความแตกต่างที่พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน"

“ผู้อำนวยการคณะนักร้องประสานเสียงเป็นผู้ควบคุมวง เขารับประกันความสามัคคีและความสมบูรณ์แบบทางเทคนิคของการแสดงมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดความตั้งใจทางศิลปะของเขาไปยังทีมนักแสดงความเข้าใจในงานของเขา เป็นเวลา 50 ปีของการทำงานที่ประสบความสำเร็จ A. Anisimov เชื่อมั่นว่าศิลปะการร้องเพลงประสานเสียงทั้งหมดขึ้นอยู่กับความคิดริเริ่มที่สร้างสรรค์ ความโน้มเอียงพิเศษของนักร้องประสานเสียงไปจนถึงงานประสานเสียง ตั้งแต่งานระบบอย่างต่อเนื่อง การสอน การจัดองค์กร คุณสมบัติโดยสมัครใจ และของ แน่นอนความสามารถของนักดนตรี-ล่าม "

การเกิดขึ้นของชิ้นส่วนของดนตรี การเรียนรู้ และการแสดงนั้นเชื่อมโยงกับการรับรู้ถึงความสมบูรณ์ของมันอย่างแยกไม่ออก ตัวนำนำเสนองานราวกับว่าทันทีในรูปแบบของภาพรวม W.A. ​​Mozart กล่าวว่าจากการทำงานภายในที่เข้มข้นเขาเริ่มสำรวจงาน "... จิตวิญญาณด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวเช่นภาพวาดที่สวยงามหรือคนสวย ... " แต่ราวกับว่าทั้งหมดในครั้งเดียว " ความสามารถในการนำเสนอแบบองค์รวมไม่ได้เป็นเพียงทรัพย์สินเท่านั้น คนเก่งมันถูกครอบครองด้วยระดับความแม่นยำและความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันโดยนักดนตรีทุกคน

Zhivov V.L. การแสดงประสานเสียง: ทฤษฎี วิธีการ. การปฏิบัติ: คู่มือการศึกษา. สำหรับสตั๊ด หัวสูงขึ้น ม. วลาดอส 2546. หน้า 9

ภาพดนตรี

บทเรียนดนตรีภายใต้โปรแกรมใหม่มุ่งเป้าไปที่การพัฒนา วัฒนธรรมดนตรีนักเรียน. ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดวัฒนธรรมดนตรีคือการรับรู้ของดนตรี ไม่มีดนตรีนอกการรับรู้เพราะ เป็นลิงค์หลักและเงื่อนไขที่จำเป็นสำหรับการศึกษาและความรู้ด้านดนตรี นักแต่งเพลง, การแสดง, การฟัง, การสอนและกิจกรรมทางดนตรีขึ้นอยู่กับมัน

ดนตรีเป็นศิลปะที่มีชีวิตถือกำเนิดขึ้นและดำรงอยู่ด้วยความสามัคคีของกิจกรรมทุกประเภท การสื่อสารระหว่างพวกเขาเกิดขึ้นผ่านภาพดนตรี tk นอกภาพไม่มีดนตรี (ในรูปแบบศิลปะ) ในใจของผู้แต่ง ภายใต้อิทธิพลของความประทับใจทางดนตรีและจินตนาการเชิงสร้างสรรค์ ภาพลักษณ์ทางดนตรีก็เกิดขึ้น ซึ่งรวมเป็นหนึ่งเดียวในบทเพลง

ฟังภาพดนตรีเช่น เนื้อหาชีวิตที่รวมอยู่ในเสียงดนตรีกำหนดแง่มุมอื่น ๆ ทั้งหมดของการรับรู้ทางดนตรี

การรับรู้คือภาพอัตนัยของวัตถุ ปรากฏการณ์ หรือกระบวนการที่ส่งผลโดยตรงต่อเครื่องวิเคราะห์หรือระบบของเครื่องวิเคราะห์

บางครั้งคำว่า การรับรู้ ยังหมายถึงระบบของการกระทำที่มุ่งทำความคุ้นเคยกับวัตถุที่ส่งผลต่อความรู้สึกเช่น กิจกรรมการวิจัยทางประสาทสัมผัสของการสังเกต ในฐานะที่เป็นรูปภาพ การรับรู้เป็นการสะท้อนโดยตรงของวัตถุในคุณสมบัติทั้งหมดของมัน ในความสมบูรณ์ตามวัตถุประสงค์ สิ่งนี้ทำให้การรับรู้แตกต่างจากความรู้สึกซึ่งเป็นการสะท้อนทางประสาทสัมผัสโดยตรง แต่เฉพาะคุณสมบัติส่วนบุคคลของวัตถุและปรากฏการณ์ที่ส่งผลต่อเครื่องวิเคราะห์เท่านั้น

ภาพเป็นปรากฏการณ์อัตนัยที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมทางกาย ทางประสาทสัมผัส การรับรู้ จิต ซึ่งเป็นภาพสะท้อนของความเป็นจริงแบบองค์รวมแบบองค์รวม ซึ่งมีการนำเสนอหมวดหมู่หลักพร้อมๆ กัน (พื้นที่ การเคลื่อนไหว สี รูปร่าง พื้นผิว เป็นต้น) ในแง่ของข้อมูล รูปภาพคือรูปแบบการแสดงความเป็นจริงโดยรอบที่มีความจุมากผิดปกติ

การคิดเป็นรูปเป็นร่างเป็นหนึ่งในประเภทหลักของการคิด โดดเด่นด้วยการคิดเชิงภาพและการคิดเชิงตรรกะด้วยวาจา การแสดงภาพเป็นผลผลิตที่สำคัญของการคิดเชิงเปรียบเทียบและเป็นหนึ่งในการทำงาน

การคิดเป็นรูปเป็นร่างเป็นทั้งโดยไม่สมัครใจและโดยสมัครใจ เทคนิคแรกคือความฝันความฝัน “ตัวที่ 2 ถูกนำเสนออย่างกว้างขวางในกิจกรรมสร้างสรรค์ของมนุษย์

หน้าที่ของการคิดเชิงเปรียบเทียบนั้นสัมพันธ์กับการเป็นตัวแทนของสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงที่บุคคลต้องการทำให้เกิดอันเป็นผลมาจากกิจกรรมของเขา เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ด้วยการสรุปบทบัญญัติทั่วไป

ด้วยความช่วยเหลือของการคิดเชิงเปรียบเทียบ ความหลากหลายของลักษณะข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันของวัตถุจึงถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ในภาพ สามารถบันทึกการมองเห็นวัตถุพร้อมกันจากหลายมุมมองได้ คุณลักษณะที่สำคัญมากของการคิดเชิงเปรียบเทียบคือการสร้างการผสมผสานระหว่างวัตถุและคุณสมบัติของวัตถุที่ "เหลือเชื่อ" ที่ผิดปกติ

มีการใช้เทคนิคต่างๆ ในการคิดเชิงเปรียบเทียบ สิ่งเหล่านี้รวมถึง: การเพิ่มขึ้นหรือลดลงในวัตถุหรือชิ้นส่วนของวัตถุ การเกาะติดกัน (การสร้างการนำเสนอใหม่โดยการแนบส่วนหรือคุณสมบัติของวัตถุหนึ่งรายการในแผนผังที่เป็นรูปเป็นร่าง ฯลฯ ) การรวมภาพที่มีอยู่ในบทสรุปใหม่ การวางนัยทั่วไป

การคิดเชิงเปรียบเทียบไม่ได้เป็นเพียงระยะเริ่มต้นทางพันธุกรรมในการพัฒนาที่สัมพันธ์กับการคิดทางวาจาและตรรกะ แต่ยังเป็นการคิดแบบอิสระในผู้ใหญ่ ซึ่งได้รับการพัฒนาเป็นพิเศษในด้านความคิดสร้างสรรค์เชิงเทคนิคและศิลปะ

ความแตกต่างของแต่ละบุคคลในการคิดเชิงจินตนาการนั้นสัมพันธ์กับรูปแบบการนำเสนอที่โดดเด่นและระดับของการพัฒนาเทคนิคสำหรับการแสดงสถานการณ์และการเปลี่ยนแปลง

ในทางจิตวิทยา การคิดเชิงเปรียบเทียบบางครั้งถูกอธิบายว่าเป็นหน้าที่พิเศษ - จินตนาการ

จินตนาการเป็นกระบวนการทางจิตวิทยาที่ประกอบด้วยการสร้างภาพใหม่ (การนำเสนอ) โดยการประมวลผลเนื้อหาของการรับรู้และความคิดที่ได้รับจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ จินตนาการมีอยู่ในมนุษย์เท่านั้น จินตนาการเป็นสิ่งจำเป็นในกิจกรรมของมนุษย์ทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับรู้ของดนตรีและ "ภาพทางดนตรี"

แยกแยะระหว่างจินตนาการโดยสมัครใจ (ใช้งานอยู่) และจินตนาการที่ไม่สมัครใจ (แฝง) ตลอดจนจินตนาการเพื่อการพักผ่อนและความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการเชิงนันทนาการเป็นกระบวนการสร้างภาพของวัตถุจากคำอธิบาย การวาด หรือการวาดภาพ การสร้างภาพใหม่อย่างอิสระเรียกว่าจินตนาการเชิงสร้างสรรค์ ต้องมีการเลือกวัสดุที่จำเป็นในการสร้างภาพตามการออกแบบของตัวเอง

จินตนาการรูปแบบพิเศษคือความฝัน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างภาพที่เป็นอิสระ แต่ความฝันคือการสร้างภาพที่ต้องการและอยู่ไกลออกไปเช่น ไม่ได้จัดหาผลิตภัณฑ์ที่มีวัตถุประสงค์โดยตรงและทันที

ดังนั้น การรับรู้อย่างแข็งขันของภาพดนตรีจึงบ่งบอกถึงความเป็นเอกภาพของสองหลักการ - วัตถุประสงค์และอัตนัย กล่าวคือ สิ่งที่มีอยู่ในตัวงานศิลปะนั้นเอง และการตีความ ความคิด สมาคมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจิตใจของผู้ฟังที่เกี่ยวข้องกับมัน เห็นได้ชัดว่ายิ่งวงความคิดเชิงอัตวิสัยกว้างขึ้นเท่าใด การรับรู้ก็จะยิ่งสมบูรณ์และสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเท่านั้น

ในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่ไม่มีประสบการณ์ในการสื่อสารกับดนตรีเพียงพอ ความคิดเชิงอัตวิสัยไม่เพียงพอกับดนตรีเสมอไป ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะสอนนักเรียนให้เข้าใจสิ่งที่อยู่ในดนตรีและสิ่งที่พวกเขาแนะนำ สิ่งที่อยู่ใน "ของตัวเอง" นี้เกิดจากเพลงชิ้นหนึ่งและอะไรที่เป็นกฎเกณฑ์และลึกซึ้ง หากในบทสรุปของ "พระอาทิตย์ตก" ที่จางหายไปโดย E. Grieg พวกเขาไม่เพียง แต่ได้ยิน แต่ยังเห็นภาพพระอาทิตย์ตกด้วยก็ควรยินดีต้อนรับการเชื่อมโยงทางภาพเท่านั้น tk มันไหลออกมาจากเพลงเอง แต่ถ้าเพลงที่ 3 ของ Lelya จากละคร The Snow Maiden ของ N.A. นักเรียนของ Rimsky-Korsakov สังเกตเห็น "เม็ดฝน" จากนั้นในกรณีนี้และในกรณีที่คล้ายกันมันเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่เพียงจะบอกว่าคำตอบนี้ผิดคิดค้นอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่ยังต้องคิดด้วยว่าทำไมมันถึงผิด ทำไมไม่มีเหตุผลพร้อมกับทั้งชั้นเรียน โดยการยืนยันความคิดของคุณเป็นหลักฐานที่มีให้เด็ก ๆ ในขั้นตอนนี้ของการพัฒนาการรับรู้ของพวกเขา

เห็นได้ชัดว่าธรรมชาติของการเพ้อฝันในดนตรีนั้นมีรากฐานมาจากความขัดแย้งระหว่างความปรารถนาตามธรรมชาติของบุคคลที่จะได้ยินเนื้อหาในชีวิตของตนในดนตรีกับการไม่สามารถทำได้ ดังนั้น การพัฒนาการรับรู้ของภาพดนตรีจึงควรอยู่บนพื้นฐานของการเปิดเผยเนื้อหาที่สำคัญของดนตรีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วยการกระตุ้นการคิดแบบเชื่อมโยงของนักเรียน ยิ่งมีการเปิดเผยความเชื่อมโยงระหว่างดนตรีกับชีวิตในวงกว้างและหลากหลายมากขึ้นในบทเรียน ยิ่งนักเรียนเจาะลึกเข้าไปในความตั้งใจของผู้เขียนมากเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสที่พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ในชีวิตส่วนตัวที่ชอบด้วยกฎหมายมากขึ้นเท่านั้น ส่งผลให้กระบวนการปฏิสัมพันธ์ระหว่างความตั้งใจของผู้เขียนกับการรับรู้ของผู้ฟังจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดนตรีหมายถึงอะไรในชีวิตของบุคคล?

ตั้งแต่สมัยโบราณที่สุด จุดเริ่มต้นที่แม้แต่วิทยาศาสตร์ของมนุษย์ที่ปราณีตที่สุดก็ยังสร้างไม่ได้ มนุษย์ดึกดำบรรพ์พยายามในตอนแรกด้วยความรู้สึกล้วนๆ เพื่อปรับตัว ปรับตัว ปรับให้เข้ากับจังหวะและเฟรต การเปลี่ยนแปลง การพัฒนาและจังหวะเป็นจังหวะ โลกแห่งเสียง... เรื่องนี้บันทึกไว้ในวัตถุ ตำนาน ตำนาน และนิทานที่เก่าแก่ที่สุด เช่นเดียวกันนี้สามารถสังเกตได้ในวันนี้หากคุณสังเกตอย่างรอบคอบว่าเด็กประพฤติตนอย่างไรเด็กรู้สึกอย่างไรตั้งแต่ชั่วโมงแรกของชีวิต เป็นเรื่องที่น่าสนใจเมื่อเราสังเกตเห็นว่าเด็กคนหนึ่งมีอาการกระสับกระส่าย ผิดปกติ กระวนกระวายใจ เป็นเสียงกรีดร้องและร้องไห้ จากเสียงบางอย่าง ในขณะที่คนอื่นทำให้เขาสงบลง สงบ และพึงพอใจ ตอนนี้ วิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่าชีวิตที่มีจังหวะทางดนตรี สงบ วัดผล สมบูรณ์ทางวิญญาณ และหลากหลายของสตรีมีครรภ์ในระหว่างตั้งครรภ์มีผลดีต่อการพัฒนาของตัวอ่อนต่ออนาคตที่สวยงาม

บุคคลที่ "แตกหน่อ" อย่างช้าๆ และค่อยๆ เข้าสู่โลกแห่งเสียง สีสัน การเคลื่อนไหว พลาสติก เข้าใจโลกที่มีความหลากหลายและหลากหลายอย่างไม่สิ้นสุด เพื่อสร้างภาพสะท้อนที่เป็นรูปเป็นร่างของการสะท้อนจิตสำนึกของเขาที่มีต่อโลกนี้ผ่านงานศิลปะ

ดนตรีเป็นปรากฏการณ์ที่แรงมากจนไม่สามารถผ่านพ้นไปได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น แม้ว่าในวัยเด็กเธอเป็นประตูที่ปิดสำหรับเขา แต่ในวัยรุ่นเขายังคงเปิดประตูนี้และเข้าสู่วัฒนธรรมร็อคหรือป๊อปซึ่งเขาโลภตัวเองด้วยความโลภด้วยสิ่งที่เขากีดกัน: ความเป็นไปได้ของความป่าเถื่อน แต่แท้จริง -การแสดงออก. แต่ความช็อคที่เขาประสบพร้อมๆ กันอาจไม่เป็นเช่นนั้น ในกรณีของ "อดีตอันรุ่งเรืองทางดนตรี"

ดังนั้น ดนตรีจึงเต็มไปด้วยโอกาสมากมายที่จะโน้มน้าวบุคคล และอิทธิพลนี้สามารถควบคุมได้ ซึ่งเป็นช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา เมื่อบุคคลปฏิบัติต่อดนตรีเสมือนเป็นปาฏิหาริย์ที่มอบให้เพื่อสื่อสารกับโลกฝ่ายวิญญาณที่สูงขึ้น และเขาสามารถสื่อสารกับปาฏิหาริย์นี้ได้ตลอดเวลา การนมัสการติดตามคนมาตลอดชีวิตหล่อเลี้ยงเขาทางวิญญาณและในขณะเดียวกันก็ให้การศึกษาและการศึกษาแก่เขา แต่การนมัสการนั้นเป็นคำและดนตรี วัฒนธรรมการร้องเพลงและการเต้นรำที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวข้องกับวันหยุดทางการเกษตรในปฏิทิน พิธีแต่งงานด้วยการแสดงออกทางศิลปะเป็นศาสตร์แห่งชีวิตทั้งหมด นาฏศิลป์เป็นการสอนเรขาคณิต ส่งเสริมการคิดเชิงพื้นที่ ไม่ต้องพูดถึงวัฒนธรรมของคนรู้จัก การสื่อสาร การเกี้ยวพาราสี ฯลฯ มหากาพย์ - และนี่คือประวัติศาสตร์ - ถูกนำเสนอทางดนตรี

มาดูรายวิชาที่โรงเรียนกัน กรีกโบราณ: ตรรกศาสตร์ ดนตรี คณิตศาสตร์ ยิมนาสติก วาทศาสตร์ อาจเพียงพอแล้วที่จะเลี้ยงดูคนที่มีความสามัคคี สิ่งที่เหลืออยู่ในวันนี้คือคำพูดเกี่ยวกับบุคลิกภาพที่กลมกลืนกันมีอยู่ทุกหนทุกแห่งในโปรแกรมของเรา แค่คณิตศาสตร์ ไม่มีใครรู้ว่าตรรกะและวาทศิลป์เป็นอย่างไรที่โรงเรียน พลศึกษาไม่เหมือนยิมนาสติก จะทำอย่างไรกับดนตรีก็ไม่ชัดเจน ตอนนี้บทเรียนดนตรีหลังชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จะไม่บังคับอีกต่อไป ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้บริหารโรงเรียน พวกเขาสามารถแทนที่ด้วยวิชาใดก็ได้ในแผน "ประวัติศาสตร์ศิลปะ" ส่วนใหญ่มักขึ้นอยู่กับความพร้อมของครูที่เหมาะสม และเขาอยู่ที่ไหน ดนตรีกำลังได้รับการสอน แต่มีการเพิ่มวิชาอื่น ๆ อีกมากมายในหลักสูตรของโรงเรียน แต่ความสามัคคี สุขภาพจิตและร่างกายก็หายไป

แต่ถึงกระนั้นสิ่งที่ดนตรีสามารถมอบให้กับบุคคลตลอดชีวิตของเขา - ตั้งแต่อายุยังน้อย

สัตว์ประหลาดที่จำเป็นในการช่วยเด็กสมัยใหม่คือสภาพแวดล้อม "ปั๊ม" วัฒนธรรมมวลชน... มาตรฐานความงามคือ "ตุ๊กตาบาร์บี้" มาตรฐาน "สยองขวัญ" ที่เยือกเย็น วิถีชีวิตมาตรฐาน ... - ดนตรีจะต่อต้านสิ่งนี้ได้อย่างไร? ไร้จุดหมายและสิ้นหวังเพียงแค่ "ให้" ลูกศิษย์เป็นตัวอย่างทางเลือกของความงามอันสูงส่งและ ภาพจิตวิญญาณชีวิต. โดยไม่ต้องเลี้ยงดูเขาให้เป็นคนอิสระที่สามารถต่อต้านความรุนแรงทางวัฒนธรรมได้ ไม่มีการทำให้บริสุทธิ์ทางจิตวิญญาณ ความรู้เชิงลึกของดนตรีและความซับซ้อนของมัน ภาพที่ขัดแย้งกันมันจะไม่เกิดขึ้นถ้าเด็ก ๆ อ่านข้อมูลเกี่ยวกับดนตรี (ที่เข้าใจ) เกี่ยวกับนักประพันธ์เพลง "แขวนหู" ชุดของผลงานดนตรีที่เห็นได้ชัดว่าส่งผลกระทบอย่างมากต่ออารมณ์ของเด็ก ๆ จดจำบางสิ่งบางอย่างจากชีวประวัติของนักดนตรีชื่อ ของผลงานยอดนิยม ฯลฯ เป็นต้น รับ "คอมพิวเตอร์" เพื่อไขคำถามใน "สนามปาฏิหาริย์"

ดังนั้นหัวข้อ "ดนตรี" ในโรงเรียนการศึกษาทั่วไป (ถ้ามีอยู่แล้ว) จะดำเนินการโดยการเปรียบเทียบกับวิชาด้านมนุษยธรรมอื่น ๆ - เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม จำแนกปรากฏการณ์ ตั้งชื่อทุกอย่าง ...

ทำยังไงให้ตัวสูงสวย เพลงคลาสสิคตัวอย่างที่ดีที่สุดของเธอสัมผัสได้ถึงส่วนที่ลึกที่สุดของจิตวิญญาณและหัวใจของบุคคล เข้าถึงได้และเข้าใจได้ ช่วย เป็นภาพสะท้อนของความเป็นจริงโดยรอบ ให้เข้าใจความเป็นจริงนี้และตนเองในความสัมพันธ์ในชีวิตที่ยากลำบาก

เพื่อแก้ปัญหานี้ อันที่จริง ครูมีเพียงสองช่องทางในการพูดคุยกับนักเรียน: การมองเห็นและการได้ยิน อาศัยวิสัยทัศน์สามารถให้ความรู้ได้อย่างอิสระและเป็นอิสระอย่างชัดเจนและชัดเจน คนคิด(เช่น เมื่อรับรู้ภาพเขียนของศิลปิน ประติมากรรม โต๊ะ โสตทัศนูปกรณ์เป็นต้น) การได้ยินปรากฏแก่เราในฐานะประตูหลักสู่โลกใต้สำนึกของบุคคล สู่โลกของมือถือของเขา - เหมือนดนตรี! - วิญญาณ มันอยู่ในการคืนชีพของเสียง ในวัยอันสั้นของพวกเขา แน่นอนของมัน การตาย การเกิด และไม่ใช่ดนตรีที่จะให้ความรู้แก่บุคคลอย่างลึกซึ้งและละเอียดอ่อนรู้สึกอิสระหรือไม่?

ดนตรีร่วม - เล่นในวงออเคสตรา, ในวงดนตรี, ร้องเพลงในคณะนักร้องประสานเสียง, การแสดงดนตรี- พวกเขาแก้ปัญหาทางจิตวิทยาของการสื่อสารได้อย่างสมบูรณ์แบบ: เด็กขี้อายสามารถมีส่วนร่วมในการแสดงดนตรีรู้สึกว่าเป็นศูนย์กลางของชีวิต และเด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์จะแสดงจินตนาการของเขาในทางปฏิบัติ เด็กรู้สึกถึงคุณค่าของทุกคนในสาเหตุเดียวกัน

วงออเคสตราเป็นแบบอย่างศิลปะของสังคม เครื่องดนตรีที่แตกต่างกันในวงออร์เคสตราคือบุคคลที่แตกต่างกันซึ่งบรรลุสันติภาพและความสามัคคีด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน เส้นทางสู่ความเข้าใจในความสัมพันธ์ทางสังคมอยู่ที่ภาพลักษณ์ทางศิลปะ เครื่องมือที่แตกต่างกันก็เป็นชนชาติที่แตกต่างกันในโลก นี้และ เสียงต่างกันปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หลอมรวมเป็นวงออเคสตราทั้งหมด

ผลการรักษาของดนตรีเป็นสิ่งที่น่าทึ่งเครื่องดนตรีในมือของบุคคล - นี่คือนักจิตอายุรเวชส่วนตัว การเล่นเครื่องดนตรีรักษาความผิดปกติของการหายใจ จนถึงโรคหอบหืดที่แพร่หลายในขณะนี้ ความผิดปกติของการประสานงาน ความบกพร่องทางการได้ยิน สอนความสามารถในการมีสมาธิและผ่อนคลายที่จำเป็นมากในเวลาของเรา

ดังนั้นในการเรียนดนตรี เด็ก ๆ ควรได้รับความสุขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแน่นอนว่า เป็นเรื่องของความเอาใจใส่ของครูผู้สอน จากนั้นค่อยๆ เกิดความรู้สึกพึงพอใจจากเป้าหมายที่ทำได้ จากการสื่อสารที่น่าสนใจกับดนตรี ความสุขจากกระบวนการทำงาน และจากความสำเร็จส่วนบุคคล "การเข้าถึงสังคม" เปิดขึ้น: โอกาสในการเป็นครู - เพื่อสอนดนตรีที่เรียบง่ายให้กับพ่อแม่พี่น้องพี่น้องจึงรวมความสัมพันธ์ในครอบครัวผ่านกิจกรรมร่วมกัน ความแข็งแกร่ง ความสัมพันธ์ในครอบครัวในอดีตเธอเคยร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานหรือยามว่าง ดังนั้นมันจึงอยู่ในครอบครัวชาวนาและช่างฝีมือและเจ้าของบ้าน

ตอนนี้มีวิชาอื่นใดอีกบ้างที่พอๆ กับดนตรีสามารถใช้แก้ปัญหาของสังคมสมัยใหม่ได้

และคงไม่ใช่โดยบังเอิญ เพราะสรวงสวรรค์มีการแสดงทางดนตรีอยู่เสมอ: คณะนักร้องประสานเสียงเทวทูต ทรอมโบน และพิณ และโครงสร้างทางสังคมในอุดมคตินั้นถูกพูดถึงในภาษาดนตรี: ความกลมกลืน ความกลมกลืน โครงสร้าง

สถานการณ์ในอุดมคติคือเมื่อความเป็นไปได้ของดนตรีเป็นที่ต้องการและเป็นที่ยอมรับของสังคม เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้คนจะต้องตระหนักว่าดนตรีเป็นอุดมคติเพื่อที่จะก้าวไปในทิศทางของอุดมคติ

คุณต้องอยู่กับดนตรีไม่ใช่เรียนมัน สภาพแวดล้อมทางดนตรีที่ฟังดูดีเริ่มให้ความรู้และให้ความรู้ และคนในท้ายที่สุดจะรับไม่ได้ว่าเขาเป็น "นักดนตรี"

ศีรษะ โดยห้องปฏิบัติการดนตรีของสถาบันวิจัยโรงเรียนแห่งภูมิภาคมอสโก Golovin เชื่อว่าในบทเรียนดนตรีนั้นมีความสำคัญขั้นพื้นฐาน: ครูตระหนักถึงเป้าหมายหลักของการศึกษาหรือไม่ - การค้นพบชีวิตการค้นพบตัวเองในโลกนี้ เป็นบทเรียนดนตรีเพียงการเรียนรู้กิจกรรมประเภทอื่นหรือเป็นบทเรียนที่สร้างแกนกลางทางศีลธรรมของบุคลิกภาพซึ่งขึ้นอยู่กับความปรารถนาในความงาม ความดี ความจริง - สำหรับสิ่งที่ยกระดับบุคคล ดังนั้นนักเรียนในบทเรียนจึงเป็นคนที่มองหาและรับความหมายของชีวิตบนแผ่นดินโลกอยู่ตลอดเวลา

ความหลากหลาย กิจกรรมดนตรีบทเรียนไม่ได้บ่งบอกถึงความลึกของชีวิตฝ่ายวิญญาณ นอกจากนี้กิจกรรมทางดนตรีอาจกลายเป็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางจิตวิญญาณโดยสิ้นเชิง ในแง่ที่ว่าศิลปะสามารถทำหน้าที่ให้เด็กเป็นวัตถุได้เท่านั้น ผลงานสร้างสรรค์แผ่ออกไปโดยไม่หันกลับมาหาตัวเอง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่กิจกรรมทางดนตรีจะไม่จบลงในตัวเอง แต่เนื้อหาทางศิลปะกลายเป็น "เนื้อหา" ของเด็ก งานทางจิตวิญญาณควรกลายเป็นกิจกรรมที่ตรงไปตรงมาของความคิดและความรู้สึกของเขา ในกรณีนี้ ครูและเด็กจะสามารถค้นหาความหมายส่วนตัวในชั้นเรียนศิลปะได้ และจะกลายเป็น "ดิน" ที่อุดมสมบูรณ์สำหรับการปลูกฝังโลกฝ่ายวิญญาณ เพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการแสดงออกทางศีลธรรม ดังนั้น ดนตรีจึงไม่ใช่การศึกษาของนักดนตรี แต่เป็นของบุคคล ดนตรีเป็นแหล่งกำเนิดและหัวข้อของการสื่อสารทางจิตวิญญาณ จำเป็นต้องพยายามขยายและขยายการรับรู้ทางดนตรีแบบองค์รวมของนักเรียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น ความเชี่ยวชาญทางจิตวิญญาณในงานศิลปะ การสื่อสารด้วยค่านิยมทางจิตวิญญาณ เพื่อสร้างความสนใจในชีวิตผ่านความหลงใหลในดนตรี ดนตรีไม่ควรเป็นบทเรียนในงานศิลปะ แต่เป็นบทเรียนในศิลปะ บทเรียนในการศึกษาของมนุษย์

การคิดเชิงศิลปะและอุปมาอุปไมยในห้องเรียนต้องได้รับการพัฒนาเพื่อให้เด็กสามารถมองดูปรากฏการณ์และกระบวนการของโลกรอบข้างได้ในแบบของตัวเอง และผ่านสิ่งนี้เพื่อให้รู้สึกถึงโลกฝ่ายวิญญาณของเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ประการแรกศิลปะคือองค์กรของวิธีการแสดงออกที่ทำหน้าที่โดยตรงกับความรู้สึกและเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านี้ เนื้อหาทางศิลปะในบทเรียนช่วยขจัดข้อจำกัดของดนตรีในงานศิลปะ วรรณกรรม สู่ชีวิตและอื่น ๆ อย่างแท้จริง ผ่านการไตร่ตรองเกี่ยวกับโลกและการกลับมาหาตัวเองของเด็ก สู่ความรู้สึกถึงค่านิยม ความสัมพันธ์ ฯลฯ ในตัวเขา

ศิลปะแห่งดนตรีทั้งๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งหมด ไม่สามารถบรรลุผลได้หากปราศจากการสนับสนุนศิลปะประเภทอื่นเพราะ เฉพาะในความสามัคคีทางอินทรีย์ของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถรับรู้ถึงความสมบูรณ์และความสามัคคีของโลกความเป็นสากลของกฎแห่งการพัฒนาในความสมบูรณ์ของความรู้สึกทางประสาทสัมผัสความหลากหลายของเสียงสีการเคลื่อนไหว

ความซื่อสัตย์, จินตภาพ, การเชื่อมโยงกัน, น้ำเสียงสูงต่ำ, การด้นสด - นี่คือรากฐานที่กระบวนการในการแนะนำเด็กนักเรียนให้รู้จักกับดนตรีสามารถสร้างขึ้นได้

การจัดการศึกษาดนตรีตามหลักการข้างต้นมีผลดีต่อการพัฒนาความสามารถพื้นฐานของบุคคลที่กำลังเติบโต - การพัฒนาความคิดทางศิลปะและเชิงเปรียบเทียบ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่อายุน้อยกว่าที่มีใจโน้มเอียงที่จะรับรู้โลกผ่านภาพ

เทคนิคในการพัฒนาการคิดเชิงศิลปะมีอะไรบ้าง?

ประการแรก ระบบคำถามและงานที่ช่วยให้เด็กเปิดเผยเนื้อหาที่เป็นรูปเป็นร่างของศิลปะดนตรีควรเป็นบทสนทนาและให้ตัวเลือกแก่เด็ก ๆ สำหรับการอ่านองค์ประกอบทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ คำถามในบทเรียนดนตรีมีอยู่ไม่เพียงแต่ในรูปแบบแนวตั้ง (วาจา) แต่ในท่าทางในการแสดงของตัวเองในปฏิกิริยาของครูและเด็ก ๆ ต่อคุณภาพของการแสดงกิจกรรมที่สร้างสรรค์ สามารถแสดงคำถามได้ทั้งโดยการเปรียบเทียบผลงานดนตรีระหว่างกัน และโดยการเปรียบเทียบผลงานดนตรีกับผลงานศิลปะประเภทอื่น ทิศทางของคำถามมีความสำคัญ: จำเป็นที่เขาควรมุ่งเน้นความสนใจของเด็กไม่แยกวิธีการแสดงออกของแต่ละบุคคล (ดัง, เงียบ, ช้า, เร็ว - ดูเหมือนว่าเด็กปกติทุกคนได้ยินสิ่งนี้ในเพลง) แต่จะทำให้เขาเปลี่ยน ไปสู่โลกภายในของเขา ยิ่งกว่านั้น ต่อความรู้สึก ความคิด ปฏิกิริยาตอบสนอง ความประทับใจที่เกิดขึ้นในจิตวิญญาณของเขาภายใต้อิทธิพลของดนตรี

ในเรื่องนี้ คำถามประเภทนี้เป็นไปได้:

คุณจำความประทับใจที่มีต่อเพลงนี้ในบทเรียนที่แล้วได้ไหม

อะไรสำคัญกว่าในเพลง ดนตรี หรือเนื้อเพลง?

และในตัวบุคคล อะไรสำคัญกว่า ใจ หรือ ใจ?

คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อฟังเพลงนี้

ในชีวิตจะมีเสียงที่ไหนที่คุณอยากฟัง?

นักแต่งเพลงรู้สึกอย่างไรเมื่อเขาเขียนเพลงนี้? เขาต้องการสื่อถึงความรู้สึกอะไร?

คุณเคยได้ยินดนตรีประเภทนี้ในจิตวิญญาณของคุณหรือไม่? เมื่อไหร่?

เหตุการณ์อะไรในชีวิตของคุณที่คุณสามารถเชื่อมโยงกับเพลงนี้ได้?

เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะถามคำถามกับเด็กเท่านั้น แต่ยังต้องฟังคำตอบด้วย ซึ่งมักจะเป็นต้นฉบับและไม่ใช่แบบแผน เพราะไม่มีอะไรจะรวยไปกว่าคำพูดของเด็ก

และถึงแม้บางครั้งจะมีความขัดแย้งและการกล่าวเกินจริงในนั้น แต่ในทางกลับกัน จะมีความเป็นตัวของตัวเอง การลงสีส่วนบุคคล นี่คือสิ่งที่ครูควรได้ยินและชื่นชม

เทคนิคการสอนต่อไปเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมดนตรีของเด็กในบทเรียนเป็นกระบวนการโพลีโฟนิก สาระสำคัญของมันคือการสร้างเงื่อนไขสำหรับเด็กแต่ละคนในการอ่านภาพดนตรีเดียวกันในเวลาเดียวกันโดยพิจารณาจากวิสัยทัศน์การได้ยินและความรู้สึกของเสียงเพลง ในเด็กคนหนึ่ง มันกระตุ้นการตอบสนองของมอเตอร์ และเขาแสดงสถานะของเขาในรูปพลาสติกของมือ ร่างกาย ในท่าเต้นบางประเภท อีกคนหนึ่งแสดงความเข้าใจเกี่ยวกับภาพดนตรีในการวาดภาพ เป็นสี เป็นแนว; เพลงที่สามร้องตาม เล่นเครื่องดนตรี ด้นสด; และคนอื่น "ไม่ทำอะไรเลย" แต่เพียงแค่ฟังอย่างไตร่ตรองอย่างตั้งใจ (และอันที่จริง นี่อาจเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ที่จริงจังที่สุด) ภูมิปัญญาทั้งหมดของกลยุทธ์การสอนในกรณีนี้ไม่ได้อยู่ที่การประเมินว่าใครดีกว่าหรือแย่กว่า แต่ในความสามารถในการรักษาความหลากหลายของการแสดงออกที่สร้างสรรค์นี้เพื่อสนับสนุนความหลากหลายนี้ เราเห็นผลไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนรู้สึก ได้ยิน และแสดงดนตรีในลักษณะเดียวกัน แต่การรับรู้ของดนตรีจากเด็กในบทเรียนนั้นใช้รูปแบบของ "คะแนน" ทางศิลปะที่เด็กมี น้ำเสียง เอกลักษณ์ เฉพาะตัว นำเสียงของตัวเองเข้าไป มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

เราสร้างองค์ความรู้ด้านศิลปะดนตรีผ่านการสร้างแบบจำลองกระบวนการสร้างสรรค์ เด็ก ๆ ถูกวางในตำแหน่งของผู้แต่ง (กวีนักแต่งเพลง) พยายามสร้างงานศิลปะสำหรับตนเองและผู้อื่น การจัดระเบียบดนตรีที่เข้าใจได้หลากหลายนั้นเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ บทสนทนาที่เหมาะสมที่สุดคือบทสนทนาระหว่างความหมายทางดนตรี เมื่อเปลี่ยนจากความหมายไปสู่ความหมาย ติดตามพัฒนาการของอุปมาอุปไมยของงาน เด็ก ๆ อย่างที่เป็นอยู่นั้น "ค้นหา" น้ำเสียงที่จำเป็นซึ่งสามารถแสดงความคิดทางดนตรีได้อย่างชัดเจนที่สุด ด้วยวิธีการนี้ เด็กจะไม่ให้เพลงในรูปแบบที่เสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเหลือเพียงการจำ ฟัง และทำซ้ำ สำหรับพัฒนาการด้านศิลปะและจินตนาการของเด็ก การทำงานอันเป็นผลมาจากความคิดสร้างสรรค์ของตนเองนั้นมีค่ามากกว่า จากนั้นเนื้อหาที่เป็นรูปเป็นร่างของดนตรี การจัดโครงสร้างทั้งหมดและลำดับของโครงสร้างดนตรีจะกลายเป็น "ชีวิตผ่าน" ซึ่งเลือกโดยเด็ก ๆ เอง

จำเป็นต้องเน้นอีกจุดหนึ่ง: น้ำเสียงที่เด็กพบในกระบวนการสร้างสรรค์ของพวกเขาไม่ควร "ปรับ" ให้ใกล้เคียงกับต้นฉบับของผู้เขียนมากที่สุด มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าสู่อารมณ์ในขอบเขตของอารมณ์ที่เป็นรูปเป็นร่างของงาน จากนั้น เมื่อเทียบกับภูมิหลังของสิ่งที่เด็กๆ ได้อาศัยอยู่ ซึ่งสร้างขึ้นด้วยตัวเอง ต้นฉบับของผู้เขียนกลายเป็นหนึ่งในความเป็นไปได้สำหรับศูนย์รวมของเนื้อหาชีวิตนี้หรือสิ่งนั้น ซึ่งแสดงออกมาในจินตภาพทางดนตรีนี้ ดังนั้นเด็กนักเรียนจึงกำลังเข้าใกล้ความเข้าใจในตำแหน่งทางปรัชญาและสุนทรียภาพเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของศิลปะในการสื่อสารทางจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ความสามารถพิเศษเมื่อมีการแสดงเนื้อหาที่สำคัญร่วมกัน เมื่อมีการตีความ การแสดง และการฟังการอ่านจำนวนมาก

ครูคนใดรู้ว่ามันสำคัญเพียงใดและในขณะเดียวกันก็ยากเพียงใดในการเตรียมเด็กให้พร้อมสำหรับการรับรู้ทางดนตรี การปฏิบัติแสดงให้เห็นว่า ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อขั้นตอนเตรียมการสำหรับการรับรู้ดนตรีตรงตามข้อกำหนดที่สำคัญที่สุดของการรับรู้นั้นเอง เมื่อผ่านขั้นตอนเดียวกันอย่างเต็มตา เปรียบเปรย และสร้างสรรค์

บทเรียนดนตรีตามที่สอนโดยครูโรงเรียนผู้มีเกียรติ Margarita Fedorovna Golovina เป็นบทเรียนชีวิต บทเรียนของเธอแตกต่างไปจากความปรารถนาที่จะ "เข้าถึงทุกคน ทำให้คุณคิดถึงความซับซ้อนของชีวิต มองตัวเอง ดนตรีเป็นศิลปะพิเศษ - เพื่อค้นหาแกนหลักทางศีลธรรมที่ฝังอยู่ในธีมใด ๆ ของโปรแกรมและทำในระดับที่เด็กนักเรียนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่ทำให้ปัญหาซับซ้อน แต่ที่สำคัญกว่านั้นโดยไม่ทำให้เข้าใจง่าย โกโลวิน่า เอ็ม.เอฟ. มุ่งมั่นที่จะให้ความรู้ ทักษะ และความสามารถที่จำเป็นทั้งหมดมุ่งเน้นไปที่ปัญหาทางศีลธรรมและสุนทรียภาพตามอายุและประสบการณ์ทางดนตรีของเด็ก ดังนั้นการไตร่ตรองเกี่ยวกับดนตรีจะเป็นการสะท้อนจริงๆ (เช่นใน LA Barenboim: ".. . ในภาษากรีกโบราณคำว่าคิดหมายถึง: พกไว้ในใจเสมอ ... ")

ในบทเรียนของ Golovina คุณมั่นใจถึงความเกี่ยวข้องของแนวคิดหลักของโปรแกรมใหม่ - รูปแบบการสอนเด็กด้วยดนตรีใด ๆ ควรมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาการรับรู้ของภาพดนตรีและผ่าน - การรับรู้ที่แตกต่างกัน แง่มุมของชีวิต ในขณะเดียวกัน เป็นสิ่งสำคัญที่เด็กๆ จะต้องซึมซับความรู้สึกและความตระหนักรู้ถึงลักษณะเฉพาะของศิลปะดนตรีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เป็นศิลปะที่แสดงออกถึงธรรมชาติ Golovina แทบไม่เคยใช้คำถาม: "เพลงนี้แสดงถึงอะไร" เธอเชื่อว่าคำถามที่น่ารำคาญคือ "เพลงหมายถึงอะไร" - แสดงให้เห็นว่าดนตรีจำเป็นต้องพรรณนาถึงบางสิ่งบางอย่าง คุ้นเคยกับการคิด "โครงเรื่อง" ที่เฉพาะเจาะจง เพ้อฝันไปกับดนตรีประกอบ

จากตำแหน่งเหล่านี้ Golovina ให้ความสนใจอย่างมากกับคำศัพท์เกี่ยวกับดนตรีมันควรจะสดใสมีจินตนาการ แต่ละเอียดอ่อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้เด็กตีความงานของเขาเขาสามารถควบคุมการรับรู้จินตนาการของเขาได้อย่างชำนาญ จินตนาการเชิงสร้างสรรค์ของเขาต่อดนตรีและไม่ใช่จากมัน: "ฉันขอสารภาพ" ต. เวนเดอโรว่า "ฉันมีความคิดมากกว่าหนึ่งครั้งในระหว่างบทเรียนของ Golovina - คุ้มค่าที่จะใช้เวลามากเพื่อค้นหาสิ่งที่นักเรียนได้ยิน ในเพลง ตัวเองบอกโปรแกรมงานแล้ว ให้เด็กๆ คิดทางดนตรีตามช่องที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัดแล้วไม่ง่ายกว่าเหรอ” ใช่ - Golovina ตอบ - ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉันจะทำให้ชีวิตของฉันง่ายขึ้นมากโดยล้อมรอบการรับรู้ของดนตรีด้วยข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาและประวัติศาสตร์ของการสร้างสรรค์ดนตรี และฉันคิดว่าเธอน่าจะทำมันได้อย่างสดใส น่าดึงดูดใจ เพื่อให้คนพวกนั้นได้ยิน แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มีความจำเป็น แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ฉันมีงานอื่นต่อหน้า - เพื่อดูว่าพวกเขามีความสามารถแค่ไหนโดยไม่ต้องอธิบายในเพลงเพื่อฟังเนื้อหาหลัก ฉันต้องการให้พวกเขาทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง เราได้ยินในเพลงเองและไม่ได้ใส่พล็อตเรื่องที่เรารู้จากประวัติศาสตร์ดูทางโทรทัศน์อ่านหนังสือ”

นอกจากนี้ คุณต้องสอนร้องเพลงที่มีความหมายและมีอารมณ์ตั้งแต่ก้าวแรก การสังเกตช่วงเวลาของบทเรียนเหล่านั้นเมื่อเรียนรู้เพลงหรือทำงานกับมัน - เขียน T. Venderova - คุณจำบทเรียนทั่วไปมากขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อแนวคิดเกี่ยวกับการแสดงออกของดนตรีความเชื่อมโยงระหว่างดนตรีกับชีวิต ด้วยการเริ่มต้นของงานร้องประสานเสียงที่เฉพาะเจาะจงอย่างใดระเหยไป ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและฟุ่มเฟือย " Golovina มีคุณสมบัติของนักดนตรีที่แท้จริงพวกเขาได้รับความสามัคคีอินทรีย์ศิลปะและเทคนิคในการแสดงดนตรี นอกจากนี้ วิธีการและเทคนิคจะแตกต่างกันไปตามงาน อายุของเด็ก และหัวข้อเฉพาะ “ฉันเปลี่ยนจากการกำหนดพยางค์ของจังหวะมานานแล้ว” โกโลวินากล่าว ออกแบบมาสำหรับการแสดงรูปแบบจังหวะซึ่งไม่มีภาพดนตรีรวมอยู่หรือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่สุดเพราะทฤษฎีสัมพัทธภาพเริ่มต้นทั้งหมดสร้างขึ้นจากระดับประถมศึกษา "

Golovina พยายามให้เด็ก ๆ "ผ่านพ้นไป" เพลงใดก็ได้ เราต้องมองหาเพลงที่เผยให้เห็นปัญหาสมัยใหม่แก่เรา เราต้องสอนเด็กและวัยรุ่นให้คิดและไตร่ตรองในการร้องเพลง

“ฉันพยายามแล้ว” Margarita Fyodorovna กล่าว “เพื่อเผยให้เห็นว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่รู้จบ สามารถเปลี่ยนเป็นความลึกลับได้อย่างไร หากนี่คือผลงานศิลปะจริง ๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะรู้เรื่องนี้จนจบ " Golovina พยายามที่จะทำทุกอย่างในอำนาจของเธอ: บุคคล, ครูสอนดนตรี, เพื่อบังคับให้เด็ก ๆ เข้าร่วมอุดมคติอันสูงส่ง, ปัญหาร้ายแรงของชีวิต, กับผลงานชิ้นเอกของศิลปะ นักเรียนของ Margarita Fedorovna เห็นว่าเธอแสวงหาความหมายทางจิตวิญญาณอย่างลึกซึ้งในงานศิลปะทุกประเภทได้อย่างไร เอ็ม.เอฟ. โกโลวินาเองซึมซับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบ ๆ อย่างเต็มตาและไม่อนุญาตให้เด็กถูกโดดเดี่ยวภายในกรอบของบทเรียน มันนำพวกเขาไปสู่การเปรียบเทียบความคล้ายคลึงการเปรียบเทียบโดยที่ไม่มีความเข้าใจในโลกรอบข้างและตัวตนในนั้น มันปลุกความคิดปลุกปั่นจิตวิญญาณ ดูเหมือนว่าตัวเธอเองจะแสดงให้เห็นถึงบทเรียนที่น่าทึ่งของดนตรีและชีวิตที่เธอมอบให้กับเด็ก ๆ

L. Vinogradov เชื่อว่า "ครูสอนดนตรีควรเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเพื่อเปิดเผยดนตรีอย่างครบถ้วนแก่เด็ก" ต้องทำอะไรเพื่อให้เด็กเกิดความคิดแบบองค์รวมของดนตรีได้อย่างแท้จริง?

ดนตรีมีกฎทั่วไป: การเคลื่อนไหว จังหวะ ทำนอง ความกลมกลืน รูปแบบ การประสานและอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจทั่วไปของดนตรี การเรียนรู้กฎหมายเหล่านี้จะทำให้เด็กเปลี่ยนจากคนทั่วไปไปสู่งานเฉพาะ ไปจนถึงงานเฉพาะและผู้เขียน และนักดนตรีก็พาเขาไปตามเส้นทางสำคัญ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างกระบวนการศึกษาที่ไม่เฉพาะเจาะจงกับทั่วไป แต่ในทางกลับกัน และไม่ต้องพูดถึงดนตรี แต่เพื่อสร้างมันขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อเรียนรู้ แต่เพื่อสร้างของคุณเองในองค์ประกอบที่แยกจากกัน ที่นี่เหมาะสมที่จะปฏิบัติตามพินัยกรรมของนักดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ - ก่อนอื่นเด็กจะต้องเป็นนักดนตรีและจะต้องกดเครื่องดนตรีเท่านั้น แต่เด็กทุกคนสามารถเป็นนักดนตรีได้หรือไม่? ใช่มันสามารถและควร V. Hugo พูดถึง "ภาษา" ของวัฒนธรรมสามภาษา ได้แก่ ภาษาของตัวอักษร ตัวเลข และโน้ต ตอนนี้ทุกคนมั่นใจว่าทุกคนสามารถอ่านและนับได้ ถึงเวลาแล้ว - Lev Vyacheslavovich Vinogradov กล่าว - เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเป็นนักดนตรีได้ สำหรับดนตรีในฐานะที่เป็นวัตถุแห่งสุนทรียภาพ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชนชั้นสูง แต่สำหรับทุกคน เพื่อที่จะกลายเป็นดนตรีอย่างแท้จริง จำเป็นต้องมีบางสิ่งที่พิเศษซึ่งเรียกว่าความรู้สึกทางดนตรี

นักเปียโนชาวรัสเซียผู้โด่งดัง A. Rubinstein เล่นคอนเสิร์ตทั้งหมดของเขาอย่างประสบความสำเร็จ แม้กระทั่งเมื่อพบจุดบอดในการเล่นของเขา และเป็นสิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนมาก นักเปียโนอีกคนหนึ่งจัดคอนเสิร์ตด้วย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จแม้ว่าเขาจะเล่นโดยไม่มีข้อผิดพลาดก็ตาม ความสำเร็จของ A. Rubinstein ไม่ได้ทำให้เขาพักผ่อน: "บางทีสิ่งทั้งหมดอาจอยู่ในความผิดพลาดของปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่" - นักเปียโนกล่าว และในคอนเสิร์ตครั้งหนึ่ง ฉันตัดสินใจเล่นโดยผิดพลาด เขาถูกโห่ รูบินสไตน์มีข้อผิดพลาด แต่เขาก็มีดนตรีด้วย

อารมณ์เชิงบวกมีความสำคัญมากเมื่อรับรู้ดนตรี ใน Kirov ในเวิร์กช็อปของเล่นที่มีควัน คุณต้องใส่ใจกับความจริงที่ว่าช่างฝีมือผู้หญิงทุกคนมีใบหน้าที่สดใสและสวยงาม (แม้ว่าเงื่อนไขการทำงานของพวกเขาจะเป็นที่ต้องการอย่างมาก) พวกเขาตอบว่าใกล้เวิร์กช็อปแล้ว เตรียมตัวให้พร้อม อารมณ์เชิงบวกเพราะเจ้าจะหลอกดินไม่ได้ เจ้าจะบดขยี้มันด้วย อารมณ์เสีย- ของเล่นจะกลายเป็นน่าเกลียด มีตำหนิ ชั่วร้าย มันเหมือนกันกับเด็ก การดูเคร่งขรึม ใบหน้าที่ไม่พอใจของผู้ใหญ่ไม่ได้ทำให้อารมณ์ดี

เด็กที่ถูกพ่อแม่ ผู้ดูแล และผู้ใหญ่คนอื่นๆ ทรมาน มาที่ชั้นเรียนด้วยอารมณ์ไม่ดี เมื่อต้องการทำเช่นนี้ เขาต้อง "ปลดประจำการ" และหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว ให้สงบสติอารมณ์และลงมือทำธุรกิจจริง แต่เด็ก ๆ มีทางออกจากสถานการณ์นี้ และทางออกนี้ต้องจัดโดยผู้ใหญ่ “ในห้องเรียน ฉันเล่นสถานการณ์เหล่านี้กับเด็กๆ” L. Vinogradov เขียน ตัวอย่างเช่น การถ่มน้ำลายเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และเด็กรู้ดี แต่ในบทเรียนของเรา ฉันต้องทำเช่นนี้เป็นการฝึกหายใจ (แน่นอนว่าเราถ่มน้ำลาย "แห้ง") ในบทเรียนนี้ เขาสามารถจ่ายได้โดยไม่มีความกลัว เขาสามารถตะโกน เป่านกหวีด ได้มากเท่าที่ต้องการ ทั้งเห่า เห่า หอน และอีกมากมาย” และแอล. วิโนกราดอฟใช้ทั้งหมดนี้อย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อประโยชน์ของบทเรียน เพื่อการสื่อสารอย่างเต็มเปี่ยมกับดนตรี เพื่อการรับรู้แบบองค์รวม

สำคัญมากเช่นกัน L. Vinogradov พิจารณาการจัดจังหวะของร่างกายมนุษย์ การจัดจังหวะคือความคล่องแคล่ว การประสานงาน ความสะดวก ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ จะเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น L. Vinogradov เสนอเด็ก ๆ เช่นงาน: เพื่อพรรณนากับร่างกายว่าใบไม้ร่วงอย่างไร “ หรือ” Vinogradov กล่าว“ ฉันล้างพื้นดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับเศษผ้าว่ามันโค้งงออย่างไรมันถูกบีบอย่างไรน้ำหยดจากมัน ฯลฯ และจากนั้นเราก็แกล้ง ... เศษผ้า” ในชั้นเรียนที่มีเด็ก ๆ ละครใบ้ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายเช่น เด็ก ๆ ได้รับมอบหมายให้บรรยายสถานการณ์ชีวิตบางอย่าง (ใช้ด้ายและเข็มแล้วเย็บกระดุม ฯลฯ ) เด็กหลายคนเก่งมาก และสิ่งนี้จะแสดงโดยเด็กที่กลายเป็นว่ามีประสบการณ์ชีวิตน้อย ถูกจำกัดในการกระทำที่เกี่ยวข้องกับวัตถุ? หากร่างกายของเขาขยับเล็กน้อย แสดงว่าความคิดของเขาเกียจคร้าน ละครใบ้เป็นเรื่องที่น่าสนใจและมีประโยชน์สำหรับเด็กทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่มีจินตนาการต่ำ ระบบการสอนของ Vinogradov ช่วยให้เด็กๆ เจาะลึกเข้าไปใน "ที่ซ่อน" ของดนตรีได้

การเตรียมการสำหรับการรับรู้ของดนตรีสามารถทำได้ในรูปแบบต่างๆ ให้เราอาศัยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเตรียมการรับรู้ของภาพดนตรีโดยภาพของศิลปะอื่น

แนวโน้มของการเตรียมจินตนาการสำหรับการรับรู้ของดนตรีเป็นที่ประจักษ์มากที่สุดเมื่อการเตรียมนี้ขึ้นอยู่กับภาพของศิลปะอื่น ความคล้ายคลึงกันเช่นเรื่องราวของ K. Paustovsky "The Old Chef" และส่วนที่สองของซิมโฟนี "Jupiter" โดย W. Mozart ภาพวาดโดย V. Vasnetsov "Heroes" และ "The Heroic Symphony" โดย A. Borodin รูปภาพของ Perov "Troika" และความโรแมนติกของ Mussorgsky "The Orphan" ...

การเตรียมการรับรู้ของภาพดนตรีในภาพศิลปะอื่นมีข้อดีที่ไม่อาจโต้แย้งได้หลายประการ: มันทำให้เด็ก ๆ มีอาชีพเสริม การรับรู้ที่เป็นรูปเป็นร่างดนตรีสร้างความสัมพันธ์ทางศิลปะซึ่งมีความสำคัญมากในการรับรู้ศิลปะใด ๆ รวมทั้งดนตรี การเตรียมการรับรู้ของภาพดนตรีในภาพศิลปะอื่นไม่ควรมีลักษณะของโปรแกรมสำหรับการรับรู้ดนตรีในภายหลัง เรื่องที่อ่านก่อนฟังเพลงไม่ได้เล่าซ้ำ เช่นเดียวกับเพลงที่ฟังหลังจากเรื่องราวไม่เป็นไปตามการเล่าเรื่องซ้ำ รูปภาพที่แสดงก่อนฟังเพลงไม่ได้สื่อถึงเพลง เช่นเดียวกับเพลงที่ฟังหลังจากชมภาพไม่ได้แสดงถึงภาพ จำ "Trinity" ที่ยอดเยี่ยมโดย A. Rublev สามด้านของพระที่นั่ง สามที่นั่งพร้อมถวายภัตตาหารเพล ด้านที่สี่ของบัลลังก์ว่างเปล่าหันหน้าเข้าหาเรา "... และฉันจะเข้าไปหาพระองค์ผู้ทรงสร้างฉันและฉันจะรับประทานอาหารกับเขาและเขาจะอยู่กับฉัน" ควรเป็นไปตามธรรมชาติของการเข้าสู่ดนตรีของเด็กในโรงเรียนการศึกษาทั่วไป: จากน้ำเสียงของคำ ("ในตอนแรกมีคำ") ไปจนถึงน้ำเสียงของเพลง ตรงกลาง ไปจนถึงภาพหลัก . และภายในตัวเธอ พยายามเปิดจิตวิญญาณของคุณ ไม่ใช่การศึกษาทางดนตรีอย่างมืออาชีพ ไม่ใช่การย่อยสลายชิ้นส่วนของเพลงให้เป็นเงื่อนไข แนวของชื่อเพลง แต่เป็นการรับรู้แบบองค์รวม ความเข้าใจในดนตรีและการตระหนักว่าคุณสามารถแก้ปัญหานิรันดร์ของการดำรงอยู่ของมนุษย์ได้อย่างไร: ความดีและความชั่ว ความรักและการทรยศ เพราะมันส่งถึงคุณและมีที่ว่างสำหรับคุณ “และสำหรับพระองค์ที่ทรงสร้างฉัน ฉันจะเข้าไป”

ประสบการณ์การทำงานแสดงให้เห็นว่าช่องว่างทางวัฒนธรรมที่ค่อนข้างจริงจังในเด็กเกรด 5-7 คือการขาดรากฐานของความคิดทางดนตรีและประวัติศาสตร์ เด็กนักเรียนมักไม่มีความคิดที่ชัดเจนเพียงพอเกี่ยวกับลำดับประวัติศาสตร์ของการเกิดผลงานชิ้นเอกทางดนตรีบางชิ้น มักไม่มีความรู้สึกเชิงประวัติศาสตร์ในการรวบรวมปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องในดนตรี วรรณกรรม ภาพวาด แม้ว่าหลักสูตรสมัยใหม่จะช่วยให้ครูสามารถดำเนินการได้ เชื่อมโยงสหวิทยาการอย่างลึกซึ้งกว่าในสาขามนุษยธรรมอื่น ๆ เพื่อแสดงความสัมพันธ์ภายในของดนตรีและศิลปะอื่น ๆ

ในการนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านว่า ดนตรีในฐานะที่เป็นศิลปะมีวิวัฒนาการมาตามประวัติศาสตร์ในกิจกรรมศิลปะประเภทอื่นๆ อีกหลายประเภท ทั้งการเต้น ละคร วรรณกรรม ทุกวันนี้ - ภาพยนตร์ ฯลฯ ความสัมพันธ์ทั้งหมดกับศิลปะประเภทอื่นนั้น พันธุกรรมและบทบาทในระบบ วัฒนธรรมทางศิลปะ- การสังเคราะห์ตามหลักฐานมากมาย แนวดนตรี, ก่อนอื่น - โอเปร่า, โรแมนติก, โปรแกรมซิมโฟนี, ดนตรี เป็นต้น คุณสมบัติของดนตรีเหล่านี้ให้โอกาสมากมายในการศึกษาตามยุคสมัย รูปแบบ โรงเรียนระดับชาติต่างๆ ในบริบทของวัฒนธรรมศิลปะทั้งหมด การก่อตัวของประวัติศาสตร์

ดูเหมือนว่าสำคัญที่ผ่านการรับรู้ ความเข้าใจ และการวิเคราะห์ภาพดนตรีที่เหมาะสม เด็กนักเรียนจะพัฒนาความสัมพันธ์กับศิลปะประเภทอื่น ๆ ตามการพัฒนาทางประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมศิลปะ วิธีนี้ - พิจารณา L. Shevchuk ครูสอนดนตรีของโรงเรียน № 622 gu ของมอสโก - ในกิจกรรมนอกหลักสูตรที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ

จำเป็นที่กิจกรรมนอกหลักสูตรต้องถูกจัดโครงสร้างในลักษณะที่เด็ก ๆ จะรับรู้ภาพของวัฒนธรรมศิลปะในอดีตไม่ใช่ "การถ่ายภาพแบบแบน" แต่เป็นแบบสามมิติในตรรกะภายใน ฉันอยากให้เด็กๆ รู้สึกถึงลักษณะเฉพาะของการคิดทางศิลปะในยุคใดยุคหนึ่ง ซึ่งในบริบทของงานศิลปะดนตรี กวีนิพนธ์ ภาพวาด และโรงละครถูกสร้างขึ้น

วิธีการหลักของ "การเดินทาง" ดังกล่าวคือสองวิธี ประการแรก จำเป็นต้อง “หมกมุ่นอยู่กับยุคสมัยในประวัติศาสตร์ ในบรรยากาศทางจิตวิญญาณที่เอื้อต่อการกำเนิดผลงานศิลปะอันยิ่งใหญ่ ประการที่สอง ยังจำเป็นต้องกลับไปสู่ปัจจุบัน ในสมัยของเรา นั่นคือ การแสดงเนื้อหาผลงานในยุคอดีตที่เป็นที่รู้จักในวัฒนธรรมสมัยใหม่ที่เป็นสากล

ตัวอย่างเช่น คุณสามารถจัดทริปไปยัง "เมืองเคียฟโบราณ" วัสดุศิลป์มหากาพย์ การจำลองโบสถ์ในเคียฟโบราณ เสียงกริ่ง การบันทึกข้อความที่ตัดตอนมาจากการร้องเพลงแบบโมโนโฟนิก สถานการณ์ของบทเรียนประกอบด้วย 3 ส่วน: ส่วนแรก เรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมรัสเซียยุคกลางตอนต้น เกี่ยวกับโบสถ์คริสเตียนและสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ เกี่ยวกับเสียงกริ่งและ ร้องเพลงประสานเสียงเกี่ยวกับความสำคัญของจัตุรัสกลางเมืองที่นักเล่าเรื่อง - กัสลาร์แสดงมหากาพย์และเกมพื้นบ้านที่มีตราประทับของลัทธินอกรีต ในส่วนนี้ของบทเรียน จะมีการเล่นแครอล ซึ่งเด็กๆ จะร้องเพลงประสานเสียงกัน ส่วนที่สองมีไว้สำหรับมหากาพย์ ว่ากันว่าเป็นเพลงเกี่ยวกับสมัยโบราณ (ในหมู่คน - สมัยโบราณ) ปรากฏเมื่อนานมาแล้วและถูกส่งผ่านจากปากต่อปาก หลายคนพัฒนาขึ้นใน Kievan Rus เด็ก ๆ อ่านข้อความที่ตัดตอนมาจากมหากาพย์ที่พวกเขาชื่นชอบและ Svyatogora, Dobryna, Ilya Muromets และอื่น ๆ ส่วนสุดท้ายของ "การเดินทาง" เรียกว่า "รัสเซียโบราณผ่านสายตาของศิลปินในยุคอื่น" ที่นี่คุณสามารถได้ยินข้อความที่ตัดตอนมาจาก "Vespers" โดย S. Rachmaninov, "Chimes" โดย A. Gavrilin, ทำซ้ำโดย V. Vasnetsov, N. Roerich

ศิลปะถือกำเนิดขึ้นในยามรุ่งอรุณของอารยธรรมที่สะท้อนความรู้สึกและความคิดของมนุษย์ ชีวิตเป็นที่มาของมันเอง ชายคนหนึ่งรายล้อมไปด้วยโลกที่กว้างใหญ่และหลากหลาย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบตัวเขามีอิทธิพลต่อตัวละครและวิถีชีวิตของเขา ศิลปะไม่เคยมีอยู่แยกจากชีวิต มันไม่ใช่สิ่งลวงตา มันถูกรวมเข้ากับภาษาของผู้คน ขนบธรรมเนียม และลักษณะเฉพาะของอารมณ์

จากบทเรียนแรกของชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เราไตร่ตรองถึงสถานที่ของดนตรีในชีวิตของผู้คน ความสามารถในการสะท้อนสถานะที่เข้าใจยากที่สุดของจิตวิญญาณมนุษย์ ทุกๆ ปี เด็กๆ จะเข้าใจโลกของดนตรีมากขึ้นเรื่อยๆ เต็มไปด้วยความรู้สึกและภาพ และบุคคลจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเขาเย็บชุดสูทให้ตัวเองตกแต่งด้วยงานปักสร้างที่อยู่อาศัยแต่งเทพนิยาย? ความรู้สึกปีติหรือความเศร้าโศกและความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้งเหล่านี้สามารถแสดงออกมาในผลิตภัณฑ์ลูกไม้และดินเหนียวได้หรือไม่? ดนตรีสามารถแสดงความรู้สึกเดียวกันนี้และเปลี่ยนเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ให้เป็นมหากาพย์ เพลง โอเปร่า cantata ได้ไหม

คนรัสเซียชอบทำของเล่นจากไม้มาโดยตลอด ต้นกำเนิดของงานฝีมือใด ๆ ย้อนกลับไปในสมัยโบราณ และเราไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่สร้างของเล่นที่ให้ชีวิตแก่งานฝีมือ "การแกะสลักโบโกรอดสกายา" ในรัสเซีย เด็กผู้ชายทุกคนตัดไม้อยู่รอบตัว - มือเหยียดออก บางทีช่างฝีมือรับใช้ในกองทัพมาเป็นเวลานานและเมื่อกลับมาเป็นชายชราก็เริ่มทำของเล่นตลกเพื่อความสุขของลูก ๆ ของเพื่อนบ้านและแน่นอนว่าชีวิตสะท้อนอยู่ในพวกเขา ดังนั้นเพลง "ทหาร" ที่มีท่วงทำนองกว้างและท่วงทำนอง จังหวะที่สดใสนั้นสะท้อนลักษณะการแกะสลักที่หยาบกร้านของทหารไม้ การเปรียบเทียบนี้ช่วยให้เข้าใจถึงความแข็งแกร่ง ความเฉลียวฉลาด ความแน่วแน่ของตัวละครรัสเซีย ที่มาของดนตรีได้ดีขึ้น

เนื้อหาภาพที่น่าสนใจแม่นยำ สดใส พูดน้อย จะช่วยแสดงให้เด็กเห็นว่าดนตรีรัสเซียและดนตรีของชนชาติอื่นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชีวิต ดนตรีสะท้อนชีวิตประจำวัน ธรรมชาติ ขนบธรรมเนียม เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ความรู้สึก และอารมณ์

ตามธรรมเนียมแล้ว ศิลปะแต่ละชิ้นจะมอบให้แก่เด็กนักเรียนแยกจากกัน โดยยึดติดอยู่กับความรู้ แนวคิด และกิจกรรมทั่วไปเพียงเล็กน้อย พัฒนาไม่ดีและ ทฤษฎีทั่วไปการศึกษาศิลปะและการพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กภายใต้อิทธิพลของศิลปะ รวมทั้งในกระบวนการปฏิสัมพันธ์ของพวกเขา

เทคนิควิธีการที่พัฒนาขึ้นนี้ได้รับการออกแบบสำหรับความเป็นมืออาชีพทางศิลปะมากกว่าการพัฒนาการคิดเชิงจินตนาการและการรับรู้ทางประสาทสัมผัสของโลกรอบข้าง แต่ประสบการณ์การวิจัยและการปฏิบัติของฉัน - เขียน Yu. Antonov อาจารย์ของโรงเรียนห้องปฏิบัติการเด็ก สมาคมสร้างสรรค์ลิทัวเนีย "Muse" - ยืนยันว่าการมุ่งเน้นไปที่ความเป็นมืออาชีพที่แคบไม่ได้มีส่วนช่วยในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเด็กโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา

ในเรื่องนี้ แนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการสร้างโครงสร้างที่ศิลปะ นำโดยดนตรีและทัศนศิลป์ ชั้นเรียนดำเนินการในลักษณะที่แก่นแท้ของงานทั้งหมดคือดนตรี เนื้อหา การลงสีตามอารมณ์ ขอบเขตของภาพ เป็นเพลงที่กระตุ้นให้เกิดความเฉลียวฉลาดและปั้นเป็นพลาสติก สื่อถึงสถานะของตัวละคร รวมความรู้ ประเภทต่างๆการสร้างสรรค์งานศิลปะ ตั้งแต่กราฟิกและการวาดภาพไปจนถึงการออกแบบท่าเต้นและการแสดงละคร

ตามที่พวกเขาบอกในภายหลัง - Yu. Antonov เขียน - การปฐมนิเทศต่อการแสดงเนื้อหาในบรรทัดและสีได้ระดมพวกเขาสำหรับการฟังที่แตกต่างกันและต่อมาเพลงเดียวกันในการเคลื่อนไหวก็แสดงออกได้ง่ายและอิสระมากขึ้น

แอล. บูรัล ครูสอนดนตรีสำหรับเด็กที่สะท้อนถึงเครือจักรภพแห่งศิลปะ เขียนว่า: “ฉันตระหนักว่าการคิดเกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญมาก บางครั้งเป็นการเหมาะสมที่จะแทรกคำบทกวีแทนการสนทนาหรือการวิเคราะห์ แต่คำนี้ควรมีความชัดเจนมาก สอดคล้องกับธีม ไม่ทำให้เสียสมาธิหรือเสียสมาธิจากเพลง "

K. Ushinsky แย้งว่าครูที่ต้องการพิมพ์บางสิ่งในใจของเด็ก ๆ อย่างถาวรควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าความรู้สึกมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้มีส่วนร่วมในการท่องจำ

ครูหลายคนใช้ภาพถ่ายและการจำลองผลงานวิจิตรศิลป์ในบทเรียนดนตรีที่โรงเรียน แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาทั้งหมดก็จำได้ว่าการรับรู้ของภาพ การตอบสนองทางอารมณ์ในจิตวิญญาณของเด็กแต่ละคนนั้นขึ้นอยู่กับว่าครูนำเสนอการทำซ้ำหรือภาพเหมือนของผู้แต่งอย่างไร ในรูปแบบใด สีอะไร ในรูปแบบใดที่สวยงาม ไม่เรียบร้อย หลุดลอก ขอบโก่ง หลุดลุ่ย ข้อความโปร่งแสงจะไม่ทำให้เกิดการตอบสนองที่ต้องการ ด้านหลัง,จุดมันเยิ้ม ...

การผสมผสานดนตรี กวีนิพนธ์ ทัศนศิลป์ ทำให้ครู ความเป็นไปได้ไม่สิ้นสุดทำให้บทเรียนสนุกและน่าสนใจสำหรับนักเรียน

คุณสามารถใช้ตัวอย่างเช่นเมื่อศึกษางานของ A. Beethoven แนวบทกวีของ Vs. โรซเดสต์เวนสกี้:

เขาไปเอาเสียงอึกทึกนี้มาจากไหน

ผ่านม่านหนาของหูหนวก?

ผสมผสานความอ่อนโยนและความทรมาน

นอนบนแผ่นเพลง!

สัมผัสแป้นขวาด้วยอุ้งเท้าสิงโต

และเขย่าแผงคอหนา

ฉันเล่นไม่ได้ยินโน้ตตัวเดียว

กลางดึกห้องก็ว่างเปล่า

เวลาผ่านไปและเทียนก็ว่าย

ความกล้าต่อสู้กับโชคชะตา

และพระองค์ทรงเป็นมโนธรรมทั้งปวงแห่งการทรมานของมนุษย์

ฉันได้แต่บอกตัวเอง!

และเขาเชื่อมั่นในตัวเองและเชื่ออย่างไม่ลดละ

สำหรับผู้ที่อยู่คนเดียวในโลก

มีแสงสว่างบางอย่างไม่เกิดเปล่า ๆ

และดนตรีเป็นหลักประกันความเป็นอมตะ!

หัวใจใหญ่สั่นสะท้านและลั่นดังเอี๊ยด

ดำเนินการสนทนาของคุณผ่านครึ่งนอน

และได้ยินในหน้าต่างที่เปิดของต้นไม้ดอกเหลือง

ทั้งหมดที่เขาไม่ได้ยิน

พระจันทร์ขึ้นเหนือเมือง

และไม่ใช่คนหูหนวก แต่โลกนี้

ที่ไม่ได้ยินเรื่องของดนตรี

เกิดในความสุขและเบ้าหลอมแห่งการทรมาน!

S.V. Rachmaninov เป็นเจ้าของพรสวรรค์ของนักแต่งเพลงที่โดดเด่นและพรสวรรค์อันทรงพลังของศิลปินและนักแสดง: นักเปียโนและผู้ควบคุมวง

รูปลักษณ์ที่สร้างสรรค์ของรัชมานินอฟมีหลายแง่มุม ดนตรีของเขาเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีภาพแห่งความอุ่นใจอย่างลึกซึ้งในตัวเธอ สว่างไสวด้วยความรู้สึกที่เบาสบาย เต็มไปด้วยบทเพลงที่อ่อนโยนและใสกระจ่าง และในขณะเดียวกัน ผลงานของรัชมานินอฟก็เต็มไปด้วยดราม่าที่เฉียบคม ที่นี่เราสามารถได้ยินความปรารถนาที่น่าเบื่อและเจ็บปวดเราสามารถรู้สึกถึงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าและน่าสลดใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ความคมชัดของคอนทราสต์นี้ไม่ได้ตั้งใจ รัคมานินอฟเป็นโฆษกของแนวโน้มที่โรแมนติก ในลักษณะพิเศษหลายประการของศิลปะรัสเซียในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 งานศิลปะของรัคมานินอฟมีลักษณะเฉพาะด้วยการยกระดับอารมณ์ ซึ่ง Blok นิยามว่าเป็น "ความปรารถนาอันโลภที่จะมีชีวิตเป็นสิบเท่า ... " ปัจจัยที่กำหนดสำหรับมุมมองของนักแต่งเพลงคือ: ประการหนึ่ง - ความกระหายในการฟื้นฟูจิตวิญญาณ, ความหวังสำหรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต, ลางสังหรณ์ที่สนุกสนาน (ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นอย่างมากของพลังประชาธิปไตยของสังคมในช่วงก่อน ปีแห่งการปฏิวัติรัสเซียครั้งแรก) และในทางกลับกัน - การนำเสนอขององค์ประกอบที่น่าเกรงขามที่กำลังใกล้เข้ามาซึ่งเป็นองค์ประกอบของการปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพในสาระสำคัญและความหมายทางประวัติศาสตร์ที่ปัญญาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ไม่เข้าใจในสมัยนั้น ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1905 ถึง พ.ศ. 2460 อารมณ์ของความหายนะอันน่าสลดใจเริ่มเพิ่มขึ้นในผลงานของรัคมานินอฟ ... ฉันคิดว่าในหัวใจของผู้คนในรุ่นหลัง ๆ มีความรู้สึกถึงหายนะอย่างไม่ลดละ - บล็อกเขียนเกี่ยวกับเวลานี้

สถานที่สำคัญอย่างยิ่งในงานของรัคมานินอฟคือภาพของรัสเซีย มาตุภูมิ ดนตรีประจำชาติแสดงออกถึงความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับเพลงพื้นบ้านรัสเซีย ด้วยความโรแมนติกในเมือง - วัฒนธรรมประจำวันของ Kanets ในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ด้วยผลงานของ Tchaikovsky และผู้ประพันธ์เพลง The Mighty Handful ดนตรีของรัชมานินอฟ สะท้อน กวีนิพนธ์ เพลงพื้นบ้าน เนื้อเพลง ภาพ มหากาพย์พื้นบ้าน, องค์ประกอบตะวันออก, รูปภาพของธรรมชาติรัสเซีย อย่างไรก็ตามเขาเกือบจะไม่ได้ใช้ธีมพื้นบ้านที่แท้จริง แต่มีเพียงการพัฒนาอย่างอิสระและสร้างสรรค์เท่านั้น

ของขวัญของรัคมานินอฟมีลักษณะเป็นโคลงสั้น ๆ จุดเริ่มต้นที่เป็นโคลงสั้น ๆ ค้นหาการแสดงออกโดยส่วนใหญ่ในบทบาทที่โดดเด่นของท่วงทำนองที่กว้างและดึงออกมาในธรรมชาติ “เมโลดี้คือดนตรี รากฐานหลักของดนตรีทั้งหมด ความเฉลียวฉลาดไพเราะในความหมายสูงสุดของคำ - วัตถุประสงค์หลักนักแต่งเพลง -“ Rachmaninov ยืนยัน

ศิลปะของรัคมานินอฟในฐานะนักแสดงคือความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง เขาแนะนำสิ่งใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Rachmaninoff ของเขาเองในเพลงของผู้เขียนคนอื่นๆ ท่วงทำนอง พลัง และความสมบูรณ์ของ "การร้องเพลง" - นี่คือความประทับใจครั้งแรกของการเป็นนักเปียโนของเขา ทำนองเพลงครอบงำทุกคน เราไม่ได้ทึ่งในความทรงจำของเขา ไม่ใช่ด้วยนิ้วของเขา ซึ่งไม่พลาดรายละเอียดทั้งหมดในภาพรวม แต่โดยรวมแล้ว ภาพที่สร้างแรงบันดาลใจเหล่านั้นซึ่งเขาฟื้นฟูต่อหน้าเรา เทคนิคขนาดมหึมาความสามารถของเขาทำหน้าที่เพียงเพื่อชี้แจงภาพเหล่านี้” - อธิบายสาระสำคัญของศิลปะเปียโนของ Rachmaninov เพื่อนของเขาซึ่งเป็นนักแต่งเพลง NK Metner อย่างลึกซึ้งและถูกต้อง

ประการแรกงานเปียโนและเสียงร้องของผู้แต่งได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียงในภายหลัง - ไพเราะ

ความรักของรัคมานินอฟแข่งขันกันด้วยความนิยมกับผลงานเปียโนของเขา Rachmaninoff เขียนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เกี่ยวกับข้อความของกวีชาวรัสเซียประมาณ 80 เรื่อง - ผู้แต่งบทเพลงในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 และช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 20 และมีเพียงมากกว่าหนึ่งโหลในคำพูดของกวีในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19 (Pushkin) , Koltsov, Shevchenko ในการแปลภาษารัสเซีย)

"Lilac" (คำโดย E. Beketova) เป็นหนึ่งในไข่มุกอันล้ำค่าที่สุดของเนื้อเพลงของ Rachmaninov ดนตรีของความโรแมนติกนี้โดดเด่นด้วยความเป็นธรรมชาติและความเรียบง่ายที่โดดเด่น เป็นการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมของความรู้สึกเชิงโคลงสั้นและภาพของธรรมชาติ ซึ่งแสดงออกผ่านองค์ประกอบทางดนตรีและภาพอันละเอียดอ่อน แนวดนตรีทั้งหมดของความโรแมนติกนั้นไพเราะ ไพเราะ ถ้อยคำที่เปล่งออกมาอย่างเป็นธรรมชาติทีละคำ

“In the Silence of the Secret Night” (คำโดย A.A. Fet) เป็นภาพที่มีลักษณะเฉพาะของเนื้อเพลงความรัก น้ำเสียงที่เย้ายวนและเร่าร้อนที่โดดเด่นนั้นถูกกำหนดไว้แล้วในบทนำ ท่วงทำนองไพเราะน่าฟัง - แสดงออก

“ ฉันตกหลุมรักกับความเศร้าโศกของฉัน” (บทกวีโดย T. Shevchenko แปลโดย A. Plescheev) เนื้อหาเพลง - โรแมนติก

เกี่ยวข้องกับหัวข้อการสรรหาและในรูปแบบและประเภท - กับการร้องไห้ ท่วงทำนองมีลักษณะเฉพาะด้วยการผลัดกันเศร้าโศกในตอนท้ายของวลีไพเราะ, บทสวดที่ค่อนข้างตีโพยตีพายในจุดไคลแม็กซ์ สิ่งนี้ช่วยเพิ่มความใกล้ชิดของส่วนเสียงร้องคร่ำครวญ - การร้องไห้ คอร์ด arpeggiated "Gusel" ตอนต้นเพลงเน้นสไตล์พื้นบ้าน

Franz Liszt (1811 - 1866) - นักแต่งเพลงและนักเปียโนชาวฮังการีที่ยอดเยี่ยม ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด - นักดนตรีของชาวฮังการี ทิศทางที่ก้าวหน้าและเป็นประชาธิปไตยของกิจกรรมสร้างสรรค์ของ Liszt ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวฮังการี การต่อสู้เพื่อปลดปล่อยชาติของประชาชนกับแอกของสถาบันกษัตริย์ออสเตรีย ผสานกับการต่อสู้กับระบบศักดินา-เจ้าบ้านในฮังการีนั่นเอง แต่การปฏิวัติในปี 1848-1849 ก็พ่ายแพ้ และฮังการีก็พบว่าตัวเองอยู่ภายใต้แอกของออสเตรียอีกครั้ง

ส่วนสำคัญของงานของ Franz Liszt ใช้นิทานพื้นบ้านของฮังการีซึ่งโดดเด่นด้วยความมั่งคั่งและความคิดริเริ่มมากมาย จังหวะ กิริยาช่วยและผลัดกันไพเราะเป็นลักษณะเฉพาะ และแม้แต่ท่วงทำนองของฮังการีแท้ๆ ดนตรีพื้นบ้าน(ส่วนใหญ่เป็นเมือง เช่น "verbunkos") ได้รับการเปลี่ยนแปลงและประมวลผลอย่างสร้างสรรค์ในผลงานมากมายโดย Liszt ในภาพดนตรีของพวกเขา ในฮังการีเอง รายการไม่ต้องอยู่นาน กิจกรรมของเขาส่วนใหญ่เกิดขึ้นนอกบ้านเกิดของเขา - ในฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัฒนธรรมดนตรีขั้นสูง

ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของ Liszt กับฮังการีนั้นพิสูจน์ได้จากหนังสือของเขาเกี่ยวกับดนตรีของชาวยิปซีฮังการี เช่นเดียวกับข้อเท็จจริงที่ว่า Liszt ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของ National Academy of Music ในบูดาเปสต์

ลักษณะที่ขัดแย้งกันของงานของ Liszt เกิดขึ้นจากความปรารถนาในการเขียนโปรแกรม ภาพที่เป็นรูปธรรมของดนตรี ในอีกด้านหนึ่ง และในบางครั้ง ในทางนามธรรมของการแก้ปัญหานี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความเป็นโปรแกรมในผลงานของ Liszt บางชิ้นเป็นนามธรรม - ตัวละครปรัชญา(บทกวีไพเราะ "อุดมคติ")

ความเก่งกาจที่โดดเด่นแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์และดนตรี - กิจกรรมสังคม Liszt: นักเปียโนอัจฉริยะที่เป็นของ นักแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดศตวรรษที่สิบเก้า; นักแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยม; บุคคลและผู้จัดงานทางสังคมและดนตรีซึ่งยืนอยู่ที่หัวของการเคลื่อนไหวขั้นสูงในศิลปะดนตรีผู้ต่อสู้เพื่อโปรแกรมเพลงกับศิลปะที่ไม่มีหลักการ ครู - นักการศึกษาของกาแลคซีทั้งมวลของนักดนตรีที่ยอดเยี่ยม - นักเปียโน; นักเขียน นักวิจารณ์ดนตรีและนักประชาสัมพันธ์ที่ต่อต้านตำแหน่งที่น่าอับอายของศิลปินในสังคมชนชั้นนายทุนอย่างกล้าหาญ ผู้ควบคุมวงคือ Liszt บุคคลและศิลปินซึ่งมีรูปลักษณ์ที่สร้างสรรค์และกิจกรรมทางศิลปะที่เข้มข้นเป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่โดดเด่นที่สุดในศิลปะดนตรีแห่งศตวรรษที่ 19

ในบรรดาผลงานเปียโนจำนวนมากของ Liszt หนึ่งในสถานที่ที่สำคัญที่สุดคือแรพโซดี 19 ตัวของเขา ซึ่งเป็นการเรียบเรียงและความเพ้อฝันในธีมของเพลงพื้นบ้านของฮังการีและยิปซีและการเต้นรำ แรพโซดีส์ฮังการีของ Liszt ตอบสนองต่อการเติบโตของจิตสำนึกระดับชาติของชาวฮังการีอย่างเป็นกลางในช่วงเวลาของการต่อสู้เพื่อเอกราชของชาติ นี่คือประชาธิปไตยของพวกเขา นี่คือเหตุผลสำหรับความนิยมทั้งในฮังการีและต่างประเทศ

ในกรณีส่วนใหญ่ Liszt rhapsody แต่ละรายการจะมีเนื้อหาที่ตัดกันสองรูปแบบ ซึ่งมักจะพัฒนาในรูปแบบต่างๆ แรพโซดีจำนวนมากมีลักษณะเฉพาะด้วยไดนามิกและจังหวะที่เพิ่มขึ้นทีละน้อย: หัวข้อการท่องจำที่น่าเศร้าของตัวละครที่สำคัญกลายเป็นการเต้นที่ค่อยๆ เร่งขึ้นและจบลงด้วยการเต้นที่รุนแรง ใจร้อน และร้อนแรง โดยเฉพาะแรพโซดี้ที่ 2 และ 6 ในเทคนิคต่างๆ ของพื้นผิวเปียโน (การซ้อม การแข่งม้า การอาร์เพจจิโอและการร่างรูปแบบต่างๆ) Liszt ได้จำลองเสียงที่มีลักษณะเฉพาะของเครื่องดนตรีพื้นบ้านของฮังการี

แรพโซดีที่สองเป็นหนึ่งในผลงานที่มีลักษณะเฉพาะและดีที่สุดในประเภทเดียวกัน บทบรรยายสั้นๆ - บทนำแบบด้นสดจะแนะนำโลกแห่งภาพชีวิตพื้นบ้านที่สดใสและมีสีสันซึ่งประกอบเป็นเนื้อหาของบทประพันธ์ เกรซโน้ต ให้เสียงที่มีลักษณะเฉพาะของดนตรีพื้นบ้านฮังการี และชวนให้นึกถึงการร้องเพลงของนักเล่าเรื่อง คอร์ดที่บรรเลงพร้อมกับโน้ตที่สง่างามทำให้เกิดเสียงกระทบกันบนสายเครื่องดนตรีพื้นบ้าน บทนำกลายเป็นเตาหลอมที่มีองค์ประกอบของการเต้นรำ ซึ่งต่อมากลายเป็นการเต้นรำแบบเบาที่มีพัฒนาการที่หลากหลาย

The Sixth Rhapsody แบ่งออกเป็นสี่ส่วนที่ชัดเจน ส่วนแรกเป็นการเดินขบวนของชาวฮังการีและมีลักษณะเป็นขบวนเคร่งขรึม ส่วนที่สองของแรพโซดีคือการเต้นรำที่รวดเร็ว เคลื่อนไหวโดยซิงโครไนซ์ในทุก ๆ การวัดที่สี่ ส่วนที่สาม - เพลงและการแสดงด้นสด ทำซ้ำการร้องเพลงของนักร้อง - นักเล่าเรื่องพร้อมกับโน้ตที่สง่างามและประดับประดาอย่างหรูหรา - โดดเด่นด้วยจังหวะอิสระ fermata มากมายและข้อความอัจฉริยะ ส่วนที่สี่เป็นการเต้นรำแบบเร็วที่วาดภาพความสนุกสนานพื้นบ้าน

A.D. Shostakovich เป็นหนึ่งในนักประพันธ์เพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคของเรา

เพลงของ Shostakovich โดดเด่นด้วยความลึกและความสมบูรณ์ของเนื้อหาที่เป็นรูปเป็นร่าง โลกภายในอันกว้างใหญ่ของบุคคลที่มีความคิดและแรงบันดาลใจ ความสงสัย ของบุคคลต่อสู้กับความรุนแรงและความชั่วร้าย - นี่คือธีมหลักของ Shostakovich ซึ่งรวบรวมไว้หลากหลายเช่นเดียวกับในบทกวีบทกวีทั่วไป - งานปรัชญาและในผลงานเฉพาะ - เนื้อหาทางประวัติศาสตร์

ประเภทของงานของ Shostakovich นั้นยอดเยี่ยม เขาเป็นผู้เขียนซิมโฟนีและวงดนตรีบรรเลง รูปแบบเสียงขนาดใหญ่และแชมเบอร์ ผลงานละครเวที ดนตรีสำหรับภาพยนตร์และการแสดงละคร

ไม่ว่าทักษะของโชสตาโควิชในด้านแกนนำจะยอดเยี่ยมเพียงใด พื้นฐานของงานของผู้แต่งก็คือดนตรีบรรเลง และเหนือสิ่งอื่นใดคือซิมโฟนี เนื้อหาขนาดมหึมาภาพรวมของความคิดความรุนแรงของความขัดแย้ง (สังคมหรือจิตใจ) พลวัตและตรรกะที่เข้มงวดของการพัฒนาความคิดทางดนตรี - ทั้งหมดนี้กำหนดลักษณะของ Shostakovich ในฐานะนักแต่งเพลง - ซิมโฟนี

Shostakovich มีความคิดริเริ่มทางศิลปะที่โดดเด่น วิธีการของรูปแบบโพลีโฟนิกมีบทบาทสำคัญในความคิดของเขา แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันสำหรับนักแต่งเพลงก็คือความชัดเจนของโครงสร้างที่ชัดเจนเชิงสร้างสรรค์ของโกดังแบบโฮโมโฟนิก - ฮาร์โมนิก ซิมโฟนีของชอสตาโควิชที่มีเนื้อหาเชิงปรัชญาและจิตวิทยาที่ลึกซึ้งและละครที่เข้มข้น ยังคงเป็นแนวของซิมโฟนีของไชคอฟสกี แนวเสียงพัฒนาหลักการของ Mussorgsky ด้วยความโล่งอกที่สวยงาม

ขนาดเชิงอุดมคติของความคิดสร้างสรรค์ กิจกรรมของความคิดของผู้เขียน ไม่ว่าเขาจะแตะหัวข้อใด - ทั้งหมดนี้ผู้แต่งคล้ายกับกฎเกณฑ์ของคลาสสิกรัสเซีย

เพลงของเขามีลักษณะเป็นวารสารศาสตร์แบบเปิดหัวข้อเฉพาะในหัวข้อ Shostakovich อาศัยประเพณีที่ดีที่สุดของวัฒนธรรมในประเทศและต่างประเทศในอดีต ดังนั้นภาพของการต่อสู้อย่างกล้าหาญในตัวเขาจึงกลับไปที่เบโธเฟน ภาพของการทำสมาธิอย่างดีเยี่ยม ความงามทางจิตใจและความยืดหยุ่น - ถึง I.-S. Bach จากไชคอฟสกี - ภาพที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์และไพเราะ เขาใกล้ชิดกับ Musorgsky ด้วยวิธีการสร้างตัวละครพื้นบ้านที่เหมือนจริงและฉากยอดนิยมที่มีสัดส่วนที่น่าเศร้า

Symphony No. 5 (1937) เป็นสถานที่พิเศษในงานของนักแต่งเพลง เป็นจุดเริ่มต้นของช่วงที่โตเต็มที่ ซิมโฟนีโดดเด่นในด้านความลึกและความสมบูรณ์ของแนวคิดทางปรัชญาและงานฝีมือที่เป็นผู้ใหญ่ ในใจกลางของซิมโฟนีคือชายคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ทั้งหมดของเขา ความซับซ้อนของโลกภายในของฮีโร่ยังทำให้เกิดเนื้อหาที่หลากหลายของซิมโฟนี: จากการสะท้อนเชิงปรัชญาไปจนถึงการสเก็ตช์ประเภท จากสิ่งที่น่าเศร้าไปจนถึงพิลึก โดยทั่วไป ซิมโฟนีแสดงเส้นทางของฮีโร่จากมุมมองที่น่าเศร้าผ่านการต่อสู้เพื่อความสุขของการยืนยันชีวิตผ่านการดิ้นรนเพื่อความสุขของการยืนยันชีวิต ในส่วน I และ III ของเนื้อเพลง - ภาพทางจิตวิทยา เผยให้เห็นละครแห่งประสบการณ์ภายใน ตอนที่ II เปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องหนึ่ง - นี่เป็นเรื่องตลกเกม ส่วนที่ 4 ถูกมองว่าเป็นชัยชนะของแสงสว่างและความสุข

ส่วนที่ 1 ปาร์ตี้หลักบ่งบอกถึงความคิดที่ลึกซึ้งและเข้มข้น ชุดรูปแบบดำเนินการตามบัญญัติน้ำเสียงแต่ละเสียงได้รับความสำคัญและความหมายพิเศษ ชุดข้างเป็นเนื้อหาอันเงียบสงบและการแสดงออกของความฝัน ดังนั้นจึงไม่มีความแตกต่างในการแสดงภาพระหว่างส่วนหลักและส่วนรอง ความขัดแย้งหลักของส่วนแรกนำมาเปรียบเทียบการอธิบายและการพัฒนา ซึ่งสะท้อนภาพการต่อสู้

ส่วนที่ II - ขี้เล่นขี้เล่น scherzo บทบาทของส่วนที่สองขัดแย้งกับละครที่ซับซ้อนของภาคแรก โดยอิงจากภาพที่จางลงอย่างรวดเร็วในแต่ละวัน และถูกมองว่าเป็นงานรื่นเริงของหน้ากาก

ส่วนที่ III เป็นการแสดงออกถึงภาพเนื้อเพลงและจิตวิทยา ไม่มีความขัดแย้งระหว่างบุคคลกับกองกำลังที่เป็นศัตรูกับเขา ส่วนหลักแสดงถึงพื้นที่กว้างใหญ่ที่เข้มข้น - นี่คือศูนย์รวมของธีมมาตุภูมิในดนตรี เชิดชูการคาดเดาบทกวีของธรรมชาติพื้นเมือง ด้านข้างดึงความงามของชีวิตรอบตัวบุคคล

สุดท้าย. มันถูกมองว่าเป็นการพัฒนาของซิมโฟนีทั้งหมดซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จของแสงและความสุข ส่วนหลักมีลักษณะการเดินทัพและฟังดูทรงพลังและรวดเร็ว ส่วนด้านข้างดูเหมือนเพลงสรรเสริญพระบารมี Koda เป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่และเคร่งขรึม

“การพิจารณากระบวนการเรียนดนตรีที่เป็นปัญหาการสอน เราก็ได้ข้อสรุป” A. Piliciauskak เขียนไว้ในบทความเรื่อง “Learning Music as ปัญหาการสอน"- นั่นคือเป้าหมายที่ประกาศไว้ - เพื่อให้ความรู้แก่บุคคล - ควรตอบด้วยความรู้ความเข้าใจแบบพิเศษของงานดนตรีซึ่งเราเรียกว่าความรู้ความเข้าใจทางศิลปะ" ฟีเจอร์ต่างๆ ของมันถูกเน้นอย่างชัดเจนกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับรูปแบบการสื่อสารทางดนตรีอื่นๆ ที่คุ้นเคยมากกว่า

ตามเนื้อผ้า การรับรู้ทางดนตรีมีหลายประเภท ผู้สนับสนุนแนวทางทางวิทยาศาสตร์ ดนตรี - ทฤษฎีเห็นงานหลักในการให้ความกระจ่างแก่บุคคลที่มีความรู้เกี่ยวกับด้านโครงสร้างของงาน รูปแบบดนตรีในความหมายกว้าง ๆ ของคำ (การก่อสร้าง วิธีการแสดงออก) และการศึกษาของ ทักษะที่สอดคล้องกัน ในเวลาเดียวกัน ในทางปฏิบัติ ความหมายของรูปมักจะเป็นแบบสัมบูรณ์ แท้จริงแล้ว กลายเป็นเป้าหมายหลักของการรู้คิด เป็นวัตถุที่ยิ่งยากแก่การรับรู้ด้วยหู วิธีนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับมืออาชีพ สถาบันการศึกษาและโรงเรียนสอนดนตรีสำหรับเด็ก แต่รู้สึกถึง "เสียงสะท้อน" ในการแนะนำระเบียบวิธีปฏิบัติสำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา

ความรู้ความเข้าใจอีกประเภทหนึ่งถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ใช่มืออาชีพ - เพียงแค่ฟังเพลงและเพลิดเพลินกับความงามของมัน อันที่จริง นี่คือสิ่งที่มักเกิดขึ้นเมื่อสื่อสารกับดนตรีในห้องแสดงคอนเสิร์ต หาก "คำศัพท์เกี่ยวกับน้ำเสียง" ของผู้ฟังสอดคล้องกับโครงสร้างเชิงโทนของงาน ส่วนใหญ่แล้ว ความรู้ความเข้าใจประเภทนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ชมที่รักดนตรีจริงจังอยู่แล้ว (ในสไตล์ ยุคหรือภูมิภาคเฉพาะ) เรียกมันว่าความรู้ความเข้าใจมือสมัครเล่นแบบมีเงื่อนไข

ในการเรียนดนตรีในโรงเรียนการศึกษาทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะฝึกความรู้ความเข้าใจสำหรับมือสมัครเล่น เมื่องานหลักคือการกำหนด "อารมณ์" ของดนตรี ลักษณะของดนตรี พร้อมกับความพยายามที่จะเข้าใจความหมายที่แสดงออก จากการฝึกฝนแสดงให้เห็นว่า ข้อความลายฉลุเกี่ยวกับ "อารมณ์" ของดนตรีทำให้เด็กนักเรียนเบื่อในไม่ช้า และพวกเขามักใช้คุณลักษณะมาตรฐานโดยไม่ได้ฟังงานด้วยซ้ำ

สิ่งสำคัญคือ ความรู้ความเข้าใจทุกประเภทเหล่านี้ไม่สามารถส่งอิทธิพลโดยตรงต่อบุคลิกภาพของนักเรียน ไม่ว่าจะในด้านสุนทรียศาสตร์หรือในแง่ศีลธรรม อันที่จริง อิทธิพลการศึกษาโดยเจตนาของดนตรีมีจุดประสงค์อะไรที่สามารถพูดได้ในกรณีที่การรับรู้ถึงรูปแบบของงานหรือลักษณะเฉพาะของอารมณ์มาก่อน?

ในความรู้ทางศิลปะของดนตรีงานของนักเรียน (ผู้ฟังหรือนักแสดง) นั้นแตกต่างกัน: ในการรับรู้อารมณ์และความคิดเหล่านั้นที่เห็นอกเห็นใจพวกเขาที่เกิดขึ้นในตัวเขาในกระบวนการสื่อสารกับดนตรี กล่าวอีกนัยหนึ่ง - ในความรู้เกี่ยวกับความหมายส่วนตัวของงาน

แนวทางดนตรีนี้ทำให้กิจกรรมของนักเรียนเข้มข้นขึ้นและตอกย้ำแรงจูงใจที่สำคัญด้านคุณค่าของกิจกรรมนี้

กระบวนการรับรู้ภาพดนตรีนั้นไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกด้วยการเชื่อมโยงกับศิลปะประเภทอื่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคำพูดของบทกวีที่มีชีวิตของครูด้วย

"คำนี้ไม่สามารถอธิบายความลึกของดนตรีได้อย่างเต็มที่ - เขียน VA Sukhomlinsky - แต่หากไม่มีคำนี้ คุณจะไม่สามารถเข้าถึงขอบเขตของการรับรู้ความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนนี้ได้"

ไม่ใช่ทุกคำที่ช่วยผู้ฟัง ข้อกำหนดที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับคำเกริ่นนำสามารถกำหนดได้ดังนี้ คำที่เป็นศิลปะช่วยได้ - สดใส อารมณ์ เป็นรูปเป็นร่าง

เป็นสิ่งสำคัญมากที่ครูจะต้องค้นหาน้ำเสียงที่ถูกต้องสำหรับการสนทนาแต่ละครั้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเดียวกันเกี่ยวกับวีรบุรุษของ L. Beethoven และเนื้อเพลงของ P. Tchaikovsky เกี่ยวกับองค์ประกอบการเต้นของเพลงของ A. Khachaturian และการเดินขบวนที่ร่าเริงของ I. Dunaevsky ในการสร้างอารมณ์บางอย่าง การแสดงออกทางสีหน้า ท่าทาง แม้แต่ท่าทางของครูก็มี ดังนั้น สุนทรพจน์เปิดของครูควรเป็นคำเริ่มต้นที่นำไปสู่การรับรู้หลักของดนตรีได้อย่างแม่นยำ

ในหนังสือ How to Tell Children about Music? D.B. Kabalevsky เขียนว่าก่อนฟัง เราไม่ควรแตะต้องงานที่จะฟังอย่างละเอียด สิ่งที่สำคัญกว่าคือการปรับผู้ฟังให้เข้ากับกระแสด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับยุคสมัย เกี่ยวกับนักแต่งเพลงหรือประวัติของงาน เกี่ยวกับสิ่งที่ Dmitry Borisovich เรียกว่า "ชีวประวัติของงาน" การสนทนาดังกล่าวจะสร้างอารมณ์ในการรับรู้ถึงภาพรวมในทันที ไม่ใช่ช่วงเวลาของแต่ละคน ความคาดหวังและสมมติฐานจะเกิดขึ้น สมมติฐานเหล่านี้จะชี้นำการรับรู้ที่ตามมา พวกเขาสามารถยืนยัน เปลี่ยนแปลงบางส่วน แม้กระทั่งปฏิเสธ แต่ในกรณีเหล่านี้ การรับรู้จะเป็นแบบองค์รวม มีความหมายทางอารมณ์

ในการประชุมที่จัดขึ้นเพื่อสรุปประสบการณ์การทำงานด้านดนตรี มีการเสนอข้อเสนอก่อนจะฟัง เพลงใหม่เพื่อให้นักเรียน (ระดับกลางและระดับสูง) คุ้นเคยกับเนื้อหาดนตรีหลักเพื่อวิเคราะห์วิธีการแสดงออกทางดนตรี

นอกจากนี้ยังเสนอให้นักเรียนทำงานเฉพาะก่อนฟัง: เพื่อติดตามการพัฒนาหัวข้อเฉพาะ เพื่อติดตามการพัฒนาวิธีการแสดงออกที่แยกจากกัน เทคนิคดังกล่าวสามารถทนต่อการวิพากษ์วิจารณ์จากมุมมองของการพัฒนาการรับรู้เชิงสร้างสรรค์ของภาพดนตรีหรือไม่?

การแสดงแต่ละหัวข้อก่อนการรับรู้เริ่มแรก ตลอดจนงานเฉพาะเจาะจงที่มุ่งจับด้านใดด้านหนึ่งของงาน กีดกันการรับรู้ถึงความสมบูรณ์ในเวลาต่อมา ซึ่งอาจลดหรือตัดทอนผลกระทบด้านสุนทรียะของดนตรีโดยสิ้นเชิง

โดยการแสดงหัวข้อแต่ละหัวข้อต่อการรับรู้แบบองค์รวมในขั้นต้น ครูจึงสร้าง "หอคอย" ชนิดหนึ่งที่ช่วยให้นักเรียนปรับทิศทางในเรียงความที่ไม่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม รูปแบบการช่วยเหลือนักเรียนนี้ดูเหมือนจะสมเหตุสมผลในแวบแรกเท่านั้น ด้วยการใช้งานอย่างเป็นระบบ จะทำให้เกิด "การพึ่งพาการได้ยิน" ในเด็กนักเรียน คำอธิบายเบื้องต้นของเพลงก่อนฟังดูเหมือนจะติดอาวุธนักเรียนเมื่อฟังชิ้นนี้ แต่ไม่ได้สอนให้เขาเข้าใจเพลงที่ไม่คุ้นเคยด้วยตนเอง ไม่ได้เตรียมเขาให้พร้อมสำหรับการรับรู้ของดนตรีนอกห้องเรียน ดังนั้นจึงไม่ได้เตรียมเขาให้พร้อมสำหรับการรับรู้ทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์

ในกรณีของการคาดการณ์การรับรู้แบบองค์รวมของดนตรีโดยคำแนะนำในการวิเคราะห์ของครู อันตรายของการวิเคราะห์วิธีการแสดงออกทางดนตรีในรูปแบบเทคโนโลยีจะกลายเป็นเรื่องจริง จำเป็นต้องพยายามทำให้แน่ใจว่าปัญหาการวิเคราะห์ทั้งหมดที่กล่าวถึงในบทเรียน จะเกิดขึ้นจากเนื้อหาในชีวิตของดนตรีที่นักเรียนรับรู้ การวิเคราะห์ที่นักเรียนจะทำในบทเรียนโดยได้รับความช่วยเหลือจากครูควรอยู่บนพื้นฐานของการรับรู้แบบองค์รวม บนความเข้าใจแบบองค์รวมของงานใดงานหนึ่งโดยเฉพาะ

โดยทั่วไปแล้วถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ที่จะปฏิเสธการรู้จักนักเรียนเบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อดนตรีของงาน? การพึ่งพาการรับรู้ในเบื้องต้นเกี่ยวกับสื่อดนตรีที่แสดงโดยครูทันทีก่อนฟัง โปรแกรมใหม่นี้ต่อต้านการพึ่งพาประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดหลายปีของการรับรู้ดนตรีแบบองค์รวม ความคุ้นเคยเบื้องต้นกับสื่อดนตรีมักเกิดขึ้นในรูปแบบของภาพดนตรีที่เป็นอิสระไม่มากก็น้อย

การได้ยินและการแสดงเพลงมากมาย ท่วงทำนองที่สมบูรณ์เพียงพอ และโครงสร้างที่มีรายละเอียดมากขึ้นเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับการรับรู้ถึงการเรียบเรียงขนาดใหญ่หรือส่วนต่างๆ ของเพลง โดยที่ภาพดนตรีที่ฟังก่อนหน้านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาพดนตรีที่มีหลายแง่มุมมากขึ้น เริ่มโต้ตอบกับภาพดนตรีอื่นๆ

ส่วนเรื่องการรับรู้ดนตรีด้วยงานพิเศษก็ไม่ควรละเลยเทคนิคนี้เพราะ การฟังเพลงด้วยงานพิเศษทำให้บางครั้งเด็กๆ ได้ยินสิ่งที่ไม่มีงานดังกล่าวก็อาจส่งผ่านความสนใจไป แต่เทคนิคนี้ตามที่ระบุไว้ในโปรแกรมควรใช้เฉพาะเมื่อเป็นไปไม่ได้ที่จะทำโดยปราศจาก: สำหรับการเปิดเผยเนื้อหาบางแง่มุมของงานดนตรีที่เด็กนักเรียนรับรู้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่รวมการใช้เทคนิคนี้ในชื่อ "การออกกำลังกาย" ของการได้ยินเท่านั้น (ไม่มีอะไรเพิ่มเติม)

ดังนั้นการรับรู้ภาพดนตรีของเด็กนักเรียนจึงควรได้รับการจัดระเบียบอย่างมีการสอน ในเวลาเดียวกัน จุดอ้างอิงที่สำคัญที่สุดสำหรับครูคือขอบเขตของดนตรีที่สื่อถึงอารมณ์ โดยคำนึงถึงความคิดริเริ่มที่เขาต้องสร้างขึ้นนอกการเชื่อมโยงของงานในการพัฒนาการรับรู้ที่เพียงพอ ละเอียดอ่อน และลึกซึ้ง ดนตรีในเด็ก

ครูควรให้ความสนใจเป็นพิเศษในการเตรียมเด็กให้พร้อมสำหรับการรับรู้ของดนตรีชิ้นใหม่ การดึงดูดรูปแบบศิลปะที่เกี่ยวข้องกับดนตรี บทกวีที่มีชีวิตของครูเกี่ยวกับดนตรีเป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาศูนย์กลางของการศึกษาดนตรีที่โรงเรียน - การก่อตัวของวัฒนธรรมการรับรู้ทางดนตรีในหมู่เด็กนักเรียน

"ผ่านหน้าผลงานของ ส.ว. รัชมานินอฟ"

เพื่อให้เข้าใจถึงผลงานศิลปะของศิลปินหรือโรงเรียนของศิลปิน จำเป็นต้องจินตนาการถึงสภาพทั่วไปของการพัฒนาจิตใจและศีลธรรมของเวลาที่มันอยู่อย่างถูกต้อง นี่คือสาเหตุหลักที่กำหนดทุกสิ่งทุกอย่าง

ฮิปโปไลต์ I.

(บทเรียนใช้เรื่องราวของ Y. Nagibin "Rachmaninov" เพราะบทกวีสามารถทำให้เกิดเส้นภาพบางอย่างในจินตนาการของเด็ก ๆ จะช่วยให้เด็ก ๆ ได้เปิดเผยความลับของพลังวิเศษของความคิดสร้างสรรค์ของ Rachmaninov ด้วยตนเอง หลักความคิดสร้างสรรค์ของเขา

ตกแต่งห้องเรียน : ภาพเหมือนของ ส. รัชมานินอฟ หนังสือกับ มรดกทางวรรณกรรมและจดหมาย โน๊ต และกิ่งม่วง

วันนี้เราจะมีการประชุมที่น่าทึ่งกับเพลงของ Sergei Vasilievich Rachmaninov นักแต่งเพลงชาวรัสเซีย คนใกล้ชิดที่รู้จักเขาดีจะจำได้ดีว่าเขาแทบไม่พูดอะไรเกี่ยวกับตัวเองและผลงานของเขาเลย โดยเชื่อว่าเขาพูดทุกอย่างด้วยผลงานของเขา ดังนั้น เพื่อให้เข้าใจงานของนักแต่งเพลง เราต้องฟังเพลงของเขา (เสียง Pelude ใน G-Diose minor, op. 32, No. 12 ดำเนินการโดย S. Richter)

หน้าเพลงรัสเซียที่สว่างที่สุดถือเป็นงานของ Rachmaninov ทั้งในรัสเซียและทางตะวันตก แต่ปี พ.ศ. 2460 กลับกลายเป็นว่าถึงแก่ชีวิตในชะตากรรมของนักแต่งเพลง

จากหนังสือ: “ต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 2460 Rachmaninov กำลังขับรถไป Ivanovka ข้างถนน - ขนมปังที่ไม่ได้เก็บเกี่ยว, ทุ่งมันฝรั่งแห้ง, บัควีท, ข้าวฟ่าง เสาโดดเดี่ยวโดดเดี่ยวแทนที่กระแสน้ำที่ถูกปล้นไป รถวิ่งขึ้นไปที่ที่ดิน และที่นี่มีร่องรอยความหายนะที่เห็นได้ชัดเจน ชาวนาบางคนโบกมือใกล้บ้าน ส่วนชาวนาคนอื่นๆ กำลังถือแจกัน เก้าอี้เท้าแขน พรมม้วน และเครื่องใช้ต่างๆ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รัคมานินอฟตกใจ: หน้าต่างบานกว้างบนชั้นสองถูกเปิดออก มีบางสิ่งขนาดใหญ่สีดำเป็นประกายปรากฏขึ้นที่นั่น ผลักไปที่ขอบหน้าต่าง ยื่นออกไปด้านนอก และพังลงอย่างกะทันหัน และมีเพียงการกระแทกพื้นและเสียงหอนด้วยสายที่ขาดเท่านั้น มันเผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของมันในฐานะ "วอลล์เวย์" ของตู้แกรนด์เปียโน

รัคมานินอฟเดินไปที่บ้านด้วยการลากเท้าราวกับชายชราผู้ชราภาพ พวกผู้ชายสังเกตเห็นเขาตอนที่เขาอยู่ข้างๆ ศพของเปียโน และพวกเขาก็ชา พวกเขาไม่มีความเกลียดชังส่วนตัวต่อ Rachmaninov และหากเขาไม่อยู่เขาก็กลายเป็น "นาย" "เจ้าของที่ดิน" ภาพลักษณ์ที่มีชีวิตของเขาเตือนเขาว่าเขาไม่ใช่แค่นายไม่ใช่อาจารย์ แต่เป็นอย่างอื่น ห่างไกลจากการเป็นศัตรูกับพวกเขา

ไม่เป็นไร ไปเถอะ” รัคมานินอฟพูดอย่างไม่ใส่ใจและหยุดอยู่เหนือกระดานสีดำแวววาว ซึ่งเสียงคำรามของความตายยังคงดังอยู่ในหูของเขา

เขามองดู ... สายที่ยังสั่นอยู่ ที่กุญแจที่กระจัดกระจายอยู่รอบๆ ... และตระหนักว่าเขาจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานี้

บทนี้สอนอะไร?

ความจริงที่ว่าสถานการณ์ที่กระสับกระส่ายและตึงเครียดในรัสเซียในปี 2460 ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างรัคมานิโนอัฟกับร่างของชาวนาที่ยากจนในนักแต่งเพลงที่รักชื่อ Ivanovka

ถูกต้องและโดยทั่วไปทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในรัสเซียและไม่เพียง แต่ใน Ivanovka เท่านั้นที่ Rachmaninov มองว่าเป็นภัยพิบัติทั่วประเทศ

Rachmaninov เขียนเกี่ยวกับการเดินทางไป Tambov: "... เกือบร้อยไมล์ฉันต้องแซงขบวนรถด้วยจมูกป่าที่โหดร้ายและโหดร้ายซึ่งพบกับทางเดินของรถด้วยเสียงกรนเสียงหวีดและโยนหมวกเข้าไปในรถ" เมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น Rachmaninov ตัดสินใจออกจากรัสเซียชั่วคราว และจากไปด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะจากไปตลอดกาล และจะเสียใจหลายครั้งที่ก้าวไป ข้างหน้าเขารอคอยและตื่นเต้นกับอาการคิดถึงบ้าน (ข้อความที่ตัดตอนมาจาก Prelude ใน G Sharp Minor เล่นอยู่)

หลังจากออกจากรัสเซีย Rachmaninov ดูเหมือนจะสูญเสียรากของเขาและไม่ได้เขียนอะไรเลยเป็นเวลานานโดยมีส่วนร่วมในกิจกรรมคอนเสิร์ตเท่านั้น ประตูห้องแสดงคอนเสิร์ตที่ดีที่สุดในนิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย ปีเตอร์สเบิร์ก ดีทรอยต์ คลีฟแลนด์ ชิคาโก ถูกเปิดประตูให้เขา และมีที่เดียวเท่านั้นที่ปิด Rachmaninov - บ้านเกิดของเขาที่ นักดนตรีที่ดีที่สุดมันถูกเสนอให้คว่ำบาตรงานของเขา หนังสือพิมพ์ Pravda เขียนว่า: "Sergei Rachmaninov อดีตนักร้องของพ่อค้าชาวรัสเซียและชนชั้นนายทุน ให้นักแต่งเพลง นักลอกเลียนและปฏิกิริยา ซึ่งเคยเป็นเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของรัฐบาล " “ลงกับรัคมานินอฟ! ลงด้วยการบูชารัชมานินอฟ!” - เรียกว่าอิซเวสเทีย

(จากหนังสือ):

วิลล่าในสวิสทำให้นึกถึง Ivanovka เก่าเพียงต้นเดียว นั่นคือพุ่มไม้สีม่วงที่เคยนำมาจากรัสเซีย

เพื่อประโยชน์ของสวรรค์อย่าทำลายราก! เขาวิงวอนชาวสวนชรา

ไม่ต้องห่วง แฮร์ รัชมานินอฟ

ฉันไม่สงสัยเลยว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย แต่ม่วงเป็นพืชที่อ่อนโยนและแข็งแกร่ง หากคุณทำลายรากทุกอย่างจะหายไป

รัคมานินอฟรักรัสเซีย และรัสเซียรักรัคมานินอฟ ดังนั้นถึงแม้จะมีข้อห้ามทั้งหมด แต่เพลงของรัคมานินอฟก็ยังคงดังอยู่ tk มันเป็นไปไม่ได้ที่จะห้ามมัน ในขณะเดียวกัน โรคที่รักษาไม่หาย - มะเร็งปอดและตับ - กำลังแอบดูรัคมานินอฟอย่างเงียบๆ

(จากหนังสือ :)

เคร่งครัด ฉลาด ตามปกติ ในเสื้อคลุมที่ไร้ที่ติเขาปรากฏตัวบนเวทีทำธนูสั้น ๆ เหยียดตรงนั่งลงพยายามเหยียบด้วยเท้าของเขา - ทุกอย่างเช่นเคยและมีเพียงคนที่อยู่ใกล้ที่สุดเท่านั้นที่รู้ว่าทุกการเคลื่อนไหวทำให้เขาต้องเสียเงินอย่างไร เป็นและสิ่งที่เขาพยายามซ่อนเร้นอย่างไร้มนุษยธรรมที่เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากสาธารณชน (เล่น Prelude ใน C คมชัดเล็กน้อยที่เล่นโดย S. Rachmaninov)

(จากหนังสือ :) ... Rachmaninov ทำโหมโรงให้สมบูรณ์ การปรบมือของห้องโถง รัคมานินอฟพยายามลุกขึ้นแต่ทำไม่ได้ เขาดันมือออกจากที่นั่งเก้าอี้ - เปล่าประโยชน์ กระดูกสันหลังบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดเหลือทนไม่ยอมให้เขายืดตัว

ผ้าม่าน! ผ้าม่าน! - ได้ยินเสียงหลังเวที

เปลหาม! - หมอเรียกร้อง

รอ! ต้องขอบคุณท่านผู้ชม...และบอกลา

Rachmaninov ก้าวขึ้นไปบนทางลาดและโค้งคำนับ ... บินผ่านหลุมออเคสตราช่อดอกไม้สีม่วงสีขาวอันหรูหราตกลงมาที่เท้าของเขา พวกเขาลดม่านลงก่อนที่มันจะพังลงบนแท่น

ณ สิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2486 ไม่นานหลังจากสิ้นสุดยุทธการสตาลินกราดผลลัพธ์ที่ Sergei Vasilyevich จัดการเพื่อชื่นชมยินดีซึ่งรับรู้ถึงความยากลำบากและความทุกข์ทรมานของสงครามในรัสเซียอย่างใกล้ชิด 8 คอร์ดเริ่มต้นของการแนะนำเปียโนที่สอง คอนแชร์โต้ (แสดงบนเปียโน ). หลังจากนั้นก็มีการกล่าวว่า Sergei Vasilyevich Rachmaninov เสียชีวิตในสหรัฐอเมริกา (เล่นชิ้นส่วนของการเคลื่อนไหวครั้งที่สองของคอนแชร์โต้หมายเลข 2 สำหรับเปียโนและวงออเคสตรา)

Rachmaninov เสียชีวิตและดนตรีของเขายังคงอบอุ่นจิตวิญญาณของเพื่อนร่วมชาติที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากสงคราม:

และโน้ตแต่ละตัวตะโกน: - ฉันขอโทษ!

และข้ามเนินตะโกน: - ฉันขอโทษ!

เขาเศร้ามากในต่างประเทศ!

เขาอยู่แต่ในต่างแดน ...

ผู้เขียนต้อง

กลายเป็นเหมือนคนลักลอบขนของไป

ถ่ายทอดไปยังผู้อ่านของคุณ

I. ทูร์เกเนฟ

บนกระดานดำเป็นภาพวาดเสียดสี

ว: ในการสร้างงานเสียดสีที่ลึกซึ้ง คุณต้องมองสังคมราวกับว่ามาจากภายนอก มีชีวิตในทุกด้าน และนี่อยู่ในอำนาจของผู้สร้างที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น ตามกฎแล้วคนเหล่านี้มีของประทานแห่งความรอบคอบ คุณจะตั้งชื่อคนเหล่านี้ให้ใคร? (คำตอบ).

พวกเขาเหมือนนักประวัติศาสตร์ที่สะท้อนเวลา ชีพจรและการเปลี่ยนแปลงในการทำงาน นั่นคือ D. Shostakovich คุณรู้จักนักแต่งเพลงจาก "เลนินกราดซิมโฟนี" ของเขาทั้งหมด นี่คือยักษ์ที่สะท้อนถึงยุคสมัยในผลงานของเขา หากในซิมโฟนีที่เจ็ด ธีมการทำลายล้างของลัทธิฟาสซิสต์ รูปแบบของการต่อสู้กับมันฟังดูทรงพลัง จากนั้นกลุ่มที่แปดซึ่งสร้างขึ้นในยุคหลังสงครามนั้นไม่ได้จบลงด้วยการละทิ้งความเชื่อ แต่ด้วยการไตร่ตรองเชิงปรัชญาอย่างลึกซึ้ง นี่คือสาเหตุที่ซิมโฟนีนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์และข่มเหงโดยผู้เขียนหรือไม่? และดูเหมือนว่าซิมโฟนีที่เก้าจะสดใสไร้กังวลสนุกสนาน ... แต่นี่เป็นเพียงแวบแรกเท่านั้น ฟังการเคลื่อนไหวครั้งแรกของซิมโฟนีแล้วพยายามตอบ:

Shostakovich เขียนเป็นคนแรกหรือเขามองโลกจากภายนอก? (การเคลื่อนไหวครั้งแรกของเสียงซิมโฟนีที่เก้า)

D: นักแต่งเพลงดูเหมือนจะสังเกตโลกจากภายนอก

W: เขาปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างไร?

D: อย่างที่เคยเป็นมา มีสองภาพ ภาพแรกสดใส สนุกสนาน และอีกภาพไร้สาระ คล้ายกับเกมสงครามสำหรับเด็ก ภาพเหล่านี้ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นภาพของเล่น (บางครั้งเด็ก ๆ เปรียบเทียบส่วนนี้กับห้องชุดของ I. Stravinsky ซึ่งฮีโร่ "กระโดด" เหมือนหุ่นกระบอก แต่ซิมโฟนีไม่ใช่ภาพล้อเลียน แต่เป็นข้อสังเกตบางอย่าง)

D: ดนตรีค่อยๆ บิดเบี้ยว ตอนแรกผู้แต่งยิ้ม แล้วดูเหมือนเขาจะคิด ในตอนท้าย ภาพเหล่านี้ไม่ได้ถูกทำลายอีกต่อไป แต่ดูน่าเกลียดเล็กน้อย

D: มาฟังส่วน II กันเถอะ (เสียงต่อเนื่อง) การออกเสียงสูงต่ำที่นี่มีอะไรบ้าง?

D: ถอนหายใจหนัก เพลงเศร้าและเจ็บปวด นี่เป็นประสบการณ์ของผู้แต่งเอง

W: ทำไมหลังจาก 1 ส่วนง่าย ๆ เช่นนี้มีความเศร้าการทำสมาธิอย่างหนัก? คุณจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร?

D: สำหรับฉันดูเหมือนว่านักแต่งเพลงที่มองดูแผลง ๆ เหล่านี้ถามตัวเองว่า: พวกเขาไม่เป็นอันตรายหรือไม่? เพราะท้ายที่สุดแล้ว ผู้ส่งสัญญาณทางทหารจากของเล่นก็กลายเป็นเหมือนของจริง

W: เรามีข้อสังเกตที่น่าสนใจมาก บางทีผู้แต่งอาจจะถามตัวเองว่า "ฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่งแล้ว มันเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นแล้วหรือ...?" น้ำเสียงเหล่านี้ไม่ได้ทำให้คุณนึกถึงอะไรจากเพลงอื่น ๆ หรือไม่?

D: ฉันมี Prince Lemon จาก Cipollino และฉันมีการบุกรุกเล็กน้อย เฉพาะในรูปแบบการ์ตูน

W: แต่การแกล้งกันในตอนแรกแตะต้องเรา แต่บางครั้งพวกมันก็เกิดใหม่ในสิ่งที่ตรงกันข้าม ยุวชนฮิตเลอร์ไม่ได้เกิดจากการแกล้งกันอย่างนั้นหรือ? นึกถึงหนังเรื่อง Come and See ช็อตผ่านไปต่อหน้าเรา: ความโหดร้ายวัยรุ่นจาก Hitler Youth และในที่สุดเด็กในอ้อมแขนของแม่ และเด็กคนนี้คือฮิตเลอร์ ใครจะรู้ว่าการแกล้งของเด็กจะส่งผลอย่างไร (เปรียบได้กับทหารจาก "วาคีน่า มูเรียตา" กับข้อเท็จจริงจาก ประวัติศาสตร์สมัยใหม่). จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? (เราฟังส่วนที่ 3, 4, 5)

ส่วนที่สามปรากฏเป็นจังหวะชีวิตที่ตึงเครียด ถึงแม้ว่าความเร่งรีบภายนอกจะกระตุ้นความรู้สึกสนุกสนานในขั้นต้น เมื่อได้ฟังระนาบแรกอย่างใกล้ชิด มันไม่ใช่ scherzo ดั้งเดิมที่ยอดเยี่ยมที่ปรากฏ แต่กลายเป็นละครที่เจ็บปวดและเข้มข้น

ส่วนที่ 4 และ 5 เป็นข้อสรุปประเภทหนึ่ง ในตอนแรก เสียงแตรคล้ายกับบทพูดคนเดียวที่น่าสลดใจของผู้พูด - ทริบูน ลางสังหรณ์ของผู้เผยพระวจนะ คำทำนายของเขาประกอบด้วยการสละและความเจ็บปวด เวลาหยุดนิ่งเหมือนในภาพยนตร์ ได้ยินเสียงสะท้อนของเหตุการณ์ทางทหาร รู้สึกถึงความต่อเนื่องของเสียงสูงต่ำของซิมโฟนีที่เจ็ด ("The Invasion Theme") อย่างชัดเจน

ขบวนที่ 5 ถูกปรับให้เข้ากับเสียงสูงต่ำของการเคลื่อนไหวครั้งแรก แต่จะเปลี่ยนไปอย่างไร! ลมหมุนที่ไร้วิญญาณพัดผ่านลมหมุนของวัน ทำให้เกิดรอยยิ้มหรือความเห็นอกเห็นใจในตัวเรา คุณสมบัติของภาพต้นฉบับปรากฏขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้นราวกับว่าเป็นการเปรียบเทียบสำหรับหน่วยความจำ

W.: ซิมโฟนีนี้มีความหมายทางประวัติศาสตร์หรือไม่? คุณรู้สึกอย่างไรกับคำทำนายของโชสตาโควิช?

D: ในความจริงที่ว่าเขาเห็นความโหดร้ายของเวลานั้นเร็วกว่าคนอื่นและสะท้อนมันในเพลงของเขา มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิตของประเทศ เมื่อความชั่วร้ายมีชัย และดูเหมือนเขาจะเตือนด้วยดนตรี

W: แล้วเขารู้สึกยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้น?

D: เขาพยายามทนทุกข์ทรมาน และแสดงความรู้สึกทางดนตรี

เราอ่านบทบรรยายของบทเรียนอีกครั้ง ไตร่ตรองเกี่ยวกับมัน เปรียบเทียบงานของโชสตาโควิชกับภาพวาด - การเสียดสีในสังคมของคนฟันเฟืองที่ไม่ไตร่ตรอง เชื่อฟังเจตจำนงของคนกลุ่มหนึ่งอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า

ซิมโฟนีที่ 7, 8, 9 เป็นอันมีค่าที่เชื่อมโยงกันด้วยตรรกะเดียว การแสดงละครเดี่ยว และซิมโฟนีที่ 9 ไม่ใช่การถอยหลัง ไม่ใช่การเบี่ยงเบนจากหัวข้อที่จริงจัง แต่เป็นจุดสุดยอด บทสรุปเชิงตรรกะของอันมีค่า

จากนั้นเพลงของ B. Okudzhava ก็ถูกแสดงโดยคำว่า "มาจับมือกันเถอะเพื่อน ๆ เพื่อไม่ให้หายไปทีละคน" จะฟังดูเหมือนความหมายของบทเรียน (เนื้อหาที่เสนอสามารถสร้างพื้นฐาน 2 บทเรียน)

บรรณานุกรม

Antonov Y. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1996 ฉบับที่ 3

Baranovskaya R. วรรณกรรมดนตรีโซเวียต - มอสโก "ดนตรี", 1981

Brown L. "ศิลปะที่โรงเรียน", 1991

Vendrova T. "Music at school", 1988, No. 3

Vinogradov L. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1994 หมายเลข 2

Goryunova L. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1996

Zubachevskaya N. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1994

Klyaschenko N. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1991 หมายเลข 1

Krasilnikova T. คู่มือระเบียบวิธีสำหรับครู - Vladimir, 1988

Levik B. "วรรณกรรมดนตรีของต่างประเทศ" - มอสโก: สำนักพิมพ์ดนตรีแห่งรัฐ 2501

Maslova L. "ดนตรีที่โรงเรียน" 1989 No. 3

Mikhailova M. "วรรณกรรมดนตรีรัสเซีย" - Leningrad: "Music" 1985

Osenneva M. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1998 ฉบับที่ 2

Piliciauskas A. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1994 No. 2

Psychological Dictionary - มอสโก: Pedagogy, 1983

Rokityanskaya T. "ศิลปะที่โรงเรียน" 1996 หมายเลข 3

Shevchuk L. "ดนตรีที่โรงเรียน" 1990 No. 1

พจนานุกรมสารานุกรมของนักดนตรีรุ่นเยาว์ - มอสโก: "การสอน" 1985

Yakutina O. "ดนตรีที่โรงเรียน" 1996 หมายเลข 4

นี่คือชีวิตที่รวมอยู่ในดนตรี ความรู้สึก ประสบการณ์ ความคิด การไตร่ตรอง การกระทำของคนคนเดียวหรือหลายคน การสำแดงใดๆ ของธรรมชาติ เหตุการณ์ในชีวิตของบุคคล ชาติ มนุษยชาติ นี่คือชีวิตที่รวมอยู่ในดนตรี ความรู้สึก ประสบการณ์ ความคิด การไตร่ตรอง การกระทำของคนคนเดียวหรือหลายคน การสำแดงใดๆ ของธรรมชาติ เหตุการณ์ในชีวิตของบุคคล ชาติ มนุษยชาติ

ในเพลง แทบไม่มีผลงานที่ใช้ภาพเดียว ในเพลง แทบไม่มีผลงานที่ใช้ภาพเดียว มีเพียงบทละครเล็ก ๆ หรือชิ้นส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นเนื้อหาที่เป็นรูปเป็นร่าง มีเพียงบทละครเล็ก ๆ หรือชิ้นส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นที่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นเนื้อหาที่เป็นรูปเป็นร่าง

สลับจังหวะสั้นและ เสียงยาวการสลับจังหวะของเสียงสั้นและยาว วัสดุดนตรีเท็กซ์เจอร์ - วิธีการนำเสนอ สื่อดนตรี Melody - แนวทางแบบโมโนโฟนิก แนวคิดหลักผลงาน ทำนอง-โมโนโฟนิก การแนะนำแนวคิดหลักของงาน

ข้อเท็จจริง ความคิดทางดนตรีสามารถแสดงออกได้หลายวิธี ดนตรี ความคิดทางดนตรีสามารถแสดงออกได้หลากหลาย ดนตรีก็เหมือนผ้า ประกอบขึ้นด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ทำนอง เหมือนผ้า มันประกอบด้วยองค์ประกอบต่างๆ เช่น ทำนอง เสียงประกอบ เสียงที่คงอยู่ เป็นต้น ความซับซ้อนของเงินทุนทั้งหมดนี้เรียกว่าใบแจ้งหนี้ เสียงประกอบ เสียงต่อเนื่อง ฯลฯ ความซับซ้อนของเงินทุนทั้งหมดนี้เรียกว่าใบแจ้งหนี้

ประเภทของพื้นผิวดนตรี Monody (พร้อมเพรียง) (จากภาษากรีก "โมโน" - หนึ่ง) - นี่คือโมโนโฟนิกที่เก่าแก่ที่สุด (พร้อมเพรียง) (จากกรีก "โมโน" - หนึ่ง) - นี่คือพื้นผิวโมโนโฟนิกที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งเป็นโมโนโฟนิก เมโลดี้ หรือการทำเมโลดี้หลายๆ เสียงพร้อมกัน เนื้อสัมผัส ซึ่งเป็นทำนองโมโนโฟนิก หรือการขับทำนองหลายเสียงพร้อมกัน เนื้อสัมผัสแบบ Homophonic-harmonic ประกอบด้วยท่วงทำนองและเสียงประกอบ เธอตั้งมั่นในดนตรี เวียนนาคลาสสิก(ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 18) และเป็นพื้นผิวที่พบมากที่สุดจนถึงทุกวันนี้ เนื้อคอร์ด - เป็นการนำเสนอคอร์ดที่ไม่มีท่วงทำนองที่เด่นชัด ตัวอย่าง ได้แก่ บทสวดของโบสถ์- นักร้องประสานเสียง (บ่อยครั้งที่พื้นผิวนี้เรียกว่านักร้องประสานเสียง) เสียงประสานเสียง - เป็นลักษณะของเพลงพื้นบ้านรัสเซีย มีพื้นฐานมาจากการด้นสดอิสระในกระบวนการแสดงเมโลดี้ เมื่อเสียงอื่น ๆ - เสียงสะท้อน - เข้าร่วมเสียงหลัก

Sergei Vasilievich Rachmaninov นักแต่งเพลง นักแต่งเพลง นักเปียโน เปียโน Conductor Conductor เกิดใกล้ Novgorod ในบ้านเกิดของ Sadko วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับ Sadko Rachmaninov รักดินแดนของเขาและปรารถนาที่จะแยกจากมันเสมอ อันที่จริงในปี 1917 ในช่วงเวลาแห่งพลังสร้างสรรค์ของเขา เขาได้ออกจากรัสเซียไปตลอดกาล

Polonaise ที่หลงใหลและน่าทึ่งนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งผู้แต่งตั้งชื่อให้ว่า - อำลามาตุภูมิ? ในสมัยที่การจลาจลของโปแลนด์ถูกระงับในปี ค.ศ. 1794 และนักแต่งเพลงออกจากประเทศ ลองนึกภาพว่า Polonaise อายุ 213 ปี Polonaise ที่หลงใหลและน่าทึ่งนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งผู้แต่งตั้งชื่อให้ว่า - อำลามาตุภูมิ? ในสมัยที่การจลาจลของโปแลนด์ถูกระงับในปี ค.ศ. 1794 และนักแต่งเพลงออกจากประเทศ ลองนึกภาพว่า Polonaise อายุ 213 ปี ความคงทนของงานศิลปะขึ้นอยู่กับพลังแห่งจิตวิญญาณที่ผู้เขียนใส่ลงไป การระบาดอย่างสร้างสรรค์ดังกล่าวสามารถเลี้ยงผู้คนด้วยพลังแห่งความรู้สึกเป็นเวลาหลายศตวรรษ ความคงทนของงานศิลปะขึ้นอยู่กับพลังแห่งจิตวิญญาณที่ผู้เขียนใส่ลงไป การระบาดอย่างสร้างสรรค์ดังกล่าวสามารถเลี้ยงผู้คนด้วยพลังแห่งความรู้สึกเป็นเวลาหลายศตวรรษ และนี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยม น่าทึ่ง ไม่รู้จบ และหลากหลายของ polonaise ของ Oginsky ในจิตวิญญาณของผู้คน และนี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยอดเยี่ยม น่าทึ่ง ไม่รู้จบ และหลากหลายของ polonaise ของ Oginsky ในจิตวิญญาณของผู้คน "POLONES แห่ง OGINSKY อำลาบ้านเกิด"

เพลงตามทำนองของ Polonaise Oginsky ที่ร้องโดย Turetsky Choir การแสดงของพวกเขาน่าสนใจแค่ไหน? การแสดงของพวกเขามีอะไรน่าสนใจบ้าง? คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณออกจากบ้านอย่างน้อยซักพัก? คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณออกจากบ้านอย่างน้อยซักพัก?

การบ้าน แสดงความรู้สึกของคุณเกี่ยวกับการอยู่ไกลบ้านด้วยการเขียนหรือวาดรูป แสดงความรู้สึกแยกจากบ้านในการเขียนเรียงความหรือภาพวาด หาหรือแต่งกลอนเกี่ยวกับการพลัดพรากจากบ้าน จัดเรียงในรูปแบบคอมพิวเตอร์บนกระดาษ A4 ท่องหรือแต่งเพลงและแสดงในบทเรียน หาหรือแต่งกลอนเกี่ยวกับการพลัดพรากจากบ้าน จัดเรียงในรูปแบบคอมพิวเตอร์บนกระดาษ A4 ท่องหรือแต่งเพลงและแสดงในบทเรียน

การประเมินตนเองและการประเมินกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนโดยครูผู้สอน อัลกอริทึมการประเมินตนเอง คุณจำทุกอย่างที่พูดในบทเรียนได้ไหม คุณกระตือรือร้นในบทเรียนหรือไม่ คำตอบของคุณไร้ที่ติหรือไม่? คุณรักษาระเบียบในบทเรียนหรือไม่ คุณจดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนลงในสมุดบันทึกหรือไม่? คุณทำการบ้านเสร็จหรือยัง